คู่ชะตาบันดาลรัก 254 หลังเขา

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 254 หลังเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยางชูต้องการตามไปดูด้วย แต่ก็ถูกหมิงเวยห้ามไว้ “ท่านอย่าไปยุ่งเลย”

เขาเหล่มองนาง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านงั้นหรือ”

หมิงเวยมองไปรอบๆ แล้วพูดเสียงกระซิบ “พวกเราหาที่คุยกันเถอะ”

หยางชูเข้าใจได้ทันที “ไปหลังเขา” ทั้งสองคนไม่คิดทานข้าวต่อแล้ว เดินวางมาดมุ่งหน้าไปยังหลังเขาท่ามกลางความมืด พวกเขาไม่คิดปกปิดร่องรอยอะไร แล้วในไม่ช้าเรื่องก็ไปถึงหูของคนในตระกูลโป๋วหลิงโหว

นางหลูตื่นเต้นจนพูดเสียงดังออกไปว่า “น้องสามนี่ช่างเหลวไหลจริงๆ! ไปหาที่เงียบๆ กับหญิงสาวกลางดึกเช่นนี้ไม่เป็นการบอกผู้อื่นว่าคิดจะทำสิ่งใดงั้นหรือ”

โป๋วหลิงโหวซื่อจื่อไม่พอใจ “ฟ้าเพิ่งมืด ดึกดื่นอะไรกันอย่าพูดจาเกินจริง!”

“ถึงเป็นเช่นนั้นก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี!” นางหลูแสร้งทำเป็นกังวลน่าเสียดายที่แสดงไม่สมจริง กลับยิ่งหน้าตาเบิกบานมากขึ้น

“ได้ยินว่าครอบครัวของหญิงสาวผู้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีกบฏ บิดาของนางถูกประหารชีวิต ท่านลุงถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกเนรเทศ น้องสามติดต่อกับคนเช่นนี้ ไม่ได้การแล้วคนที่ไม่รู้เรื่องอาจคิดว่าตระกูลหยางของพวกเราเกี่ยวข้องกับคดีกบฏด้วย ท่านพี่! เรื่องนี้ท่านไม่จัดการไม่ได้นะเจ้าคะ”

โป๋วหลิงโหวซื่อจื่อได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น “แม่นางคนนั้นเป็นลูกของนักโทษจริงหรือ”

“จริงสิเจ้าคะ!” นางหลูยิ่งกระตือรือร้น “เป็นเพราะพระเมตตาของฝ่าบาท หากเป็นราชวงศ์ก่อน เกรงว่าตอนนี้นางคงอยู่ที่สถานเริงรมย์แล้ว!”

คุณชายรองหยางจุ้นไม่สนใจ “ก็แค่สตรีนางเดียว พี่สะใภ้จะเอามาเป็นเรื่องใหญ่โตทำไมกัน ในเมื่อเขายังไม่แต่งงานสถานะต่ำต้อยเกี่ยวอะไรด้วย ก็แค่เล่นๆ เท่านั้นไม่ใช่หรือ”

นางหลูรีบตอบว่า “เกรงว่าเขาไม่ใช่แค่เล่นๆ น่ะสิ เขาพบแม่นางผู้นี้ตอนไปทำภารกิจที่ตงหนิง ได้ยินว่าคอยคุ้มกันนางตลอดการเดินทางแล้วยังไปขอความเมตตากับฝ่าบาทแทนนางอีก ตั้งแต่เขากลับมาที่เมืองหลวง สถานที่เริงรมย์พวกนั้นเขาก็ไม่ไป แต่กลับไปใกล้ชิดสนิทสนมกับแม่นางผู้นี้แทน นี่มันผิดปกติเกินไป ถ้าหากเขาต้องการแต่งงานกับแม่นางผู้นี้ขึ้นมาจริงๆ จะทำเช่นไร”

โป๋วหลิงโหวฮูหยินได้ยินเช่นนั้นก็เป็นกังวล “นี่เป็นเรื่องผิดปกติสำหรับเจ้าสาม ท่านพี่ หรือเราควรทูลบอกกุ้ยเฟย อายุเขาก็ไม่น้อยแล้วการแต่งงานไม่สามารถเลื่อนได้อีกไม่เช่นนั้นผู้อื่นจะคิดว่าเราไม่ใส่ใจเขาได้!”

โป๋วหลิงโหวกล่าวว่า “เรื่องการแต่งงานของเขาพวกเราไม่สามารถเข้าไปยุ่งด้วยได้!”

“อย่างไรเขาก็แซ่หยางนะเจ้าคะ” โหวฮูหยินตอบ “แน่นอนว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเป็นคนเลือก แต่คนที่ดูแลเขาไม่ใช่พวกเราหรือเจ้าคะ”

โป๋วหลิงโหวคิดตามก็เห็นด้วย “ได้ กลับไปเมื่อไรข้าจะเข้าวัง”

นางหลูดีใจมาก ตั้งใจว่าเมื่อพิธีกรรมจบลงนางจะกลับไปยังจวนครอบครัวของตน

…………

เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงหลังเขาท้องฟ้าก็มืดเสียแล้ว หยางชูเปิดประตูแล้วจุดตะเกียง ไฟสว่างขึ้นและทันใดนั้นก็เห็นเงานั่งอยู่ตรงมุมห้องซึ่งทำให้เขาตกใจมาก แต่โชคดีที่เห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้ชัดเจนทันเวลา

“ท่านมานั่งทำอะไรตรงนี้กัน ทำผู้อื่นตกใจหมด!”

หนิงซิวนั่งขัดสมาธิมีกู่ฉินวางอยู่ด้านหน้า มือวางลงบนสายแต่ไม่ขยับไปไหน เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดออกมาแค่สองคำ

“นึกภาพนิมิต”

“…บ้าไปแล้ว!” หยางชูพึมพำพลางนั่งลงแล้วกวักมือเรียกหมิงเวย “เข้ามาเถอะ”

หมิงเวยเข้ามาในห้องแล้วทำความเคารพหนิงซิว “อาจารย์”

ต่อหน้าหนิงซิวหมิงเวยเป็นคนสุภาพและมีมารยาทตลอด หนิงซิวพยักหน้าแล้วมองกู่ฉินของตนเองเหมือนนึกอะไรสักอย่าง หรือจะเรียกว่าเหม่อลอยดี

“พูดมาได้เลย ท่านทำบ้าอะไรกัน” หยางชูถาม

หมิงเวยมองไปที่หนิงซิว ถึงแม้เขาจะโหดร้ายแต่นางเชื่อในตัวศิษย์พี่คนนี้อย่างสุดหัวใจจึงพูดขึ้นว่า “มีเรื่องหนึ่งที่ท่านน่าจะยังไม่รู้เจ้าค่ะ”

“เรื่องอะไรหรือ” หยางชูพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วจัดแก้วสุราที่กระจัดกระจายบนโต๊ะ

“ฝ่าบาทสงสัยว่าท่านเป็นดาวมาร”

“ตึง…”

“เคร้ง!”

คนแรกที่ปล่อยมือคือหนิงซิว เขาดึงสายกู่ฉินออกส่วนคนหลังเป็นหยางชูที่กำถ้วยจนแตก

“เกิดอะไรขึ้น” หนิงซิวยืนขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้าพวกเขา

หมิงเวยถ่ายทอดคำพูดของเสวียนเฟย “….ข้าได้ดูดวงชะตาปาจื้อซึ่งเหมือนกับที่ท่านเคยเขียนให้ข้าดู”

สีหน้าของหนิงซิวแปลกไปเขาถามหยางชู “ศิษย์น้องนำดวงชะตาปาจื้อให้นางดูทำไมหรือ”

แววตาของเขาฉายแววตกใจ เดิมทีหยางชูรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาถูกเรียกสติให้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงจากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“จับคู่! ไม่ได้หรืออย่างไร” นี่มันใช่เวลามาพูดเรื่องนี้หรือต้องเข้าเรื่องสำคัญเลยสิ

“จริงหรือ”

หยางชูไม่สนใจเขาแล้วถามหมิงเวย “เพราะฉะนั้นท่านเลยให้เสวียนเฟยไปก่อเรื่องงั้นหรือ”

“เจ้าค่ะ” หมิงเวยตอบ “เรื่องได้เกิดขึ้นแล้วหากฝ่าบาทคิดจะลงมือกับท่าน ต้องรอให้เรื่องนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยพูด” แววตาของหยางชูดูสั่นไหวภายใต้แสงตะเกียง

หมิงเวยถอนหายใจเงียบๆ นางดึงมือของเขา จากนั้นดึงปิ่นปักผมออกมาแล้วปัดเศษกระเบื้องบนฝ่ามือของเขา

นางปัดไปพูดไปว่า “ดูจากท่าทางของฝ่าบาทแล้วคำถามของท่านก่อนหน้านี้คงได้รับคำตอบแล้วเจ้าค่ะ”

หยางชูเงียบและฟังนางพูดต่อว่า “หากท่านเป็นบุตรนอกสมรสของพระองค์จริงๆ ต่อให้ท่านเป็นดาวมารพระองค์คงไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่” หยางชูก้มหน้าไม่พูดอะไรอยู่นาน

เขาพบว่าตนเองไม่ได้รู้สึกดีใจ พูดอีกอย่างก็คือไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรเขาก็ไม่ดีใจทั้งนั้น

หากเขาเป็นบุตรนอกสมรสของฝ่าบาทจริงๆ หมายความว่าคำพูดที่สะใภ้หลูด่าตนนั้นถูกต้อง แต่หากเขาไม่ใช่หมายความว่าตนไม่มีความใกล้ชิดกับตระกูลหยาง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ก็แค่มีกุ้ยเฟยเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด และตอนนี้ก็เป็นอนุของผู้อื่นอีก เขาเหมือนอยู่ตัวคนเดียวจริงๆ

เขาถามเสียงเบา “ถ้าเช่นนั้นคำพูดสุดท้ายของท่านย่าหมายความว่าอย่างไรกัน”

“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ” หมิงเวยส่ายหน้า “อันที่จริงมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ายังคิดไม่ออก เหตุใดฮ่องเต้ถึงสงสัยในตัวท่านได้ง่ายดายเพียงนี้ ข้าไม่คิดว่าท่านจะคู่ควรที่จะให้พระองค์ให้ความสำคัญถึงเพียงนั้น ลองนึกภาพดูสิทันทีที่พระองค์ทราบว่าข้าราชบริพารผู้หนึ่งอาจเป็นดาวมารกลับชาติมาเกิด และข้าราชบริพารคนนั้นสามารถควบคุมได้ง่ายพระองค์จะทำเช่นนั้นทำไมกัน”

แต่คนที่ตอบเป็นหนิงซิว “คอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ จะดีเสียกว่า”

หมิงเวยพยักหน้าเห็นด้วย “หรือหากดำเนินการมากกว่านี้พระองค์อาจไม่โปรดปรานท่านอีกต่อไป หรือค่อยๆ ริดรอนอำนาจของท่าน แต่พระองค์กลับไม่พูดถึงแล้วยังแอบส่งดวงชะตาปาจื้ออย่างลับๆ เพื่อให้ผู้อาวุโสอี้คำนวณดวงชะตาให้ ซึ่งเป็นการระมัดระวังตัวที่มากเกินไปเหมือนว่าพระองค์กลัวอะไรบางอย่าง”

สีหน้าของหนิงซิวเปลี่ยนไปเหมือนเขาอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เก็บมันไว้ไม่ได้พูดออกไป

หลังกวาดเศษกระเบื้องออกไปหมิงเวยฉีกผ้าเช็ดหน้าแล้วพันบาดแผลให้อีกฝ่าย “สัญชาตญาณของข้าบอกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำเจ้าค่ะ”

น่าเสียดายที่เงื่อนงำอะไรนั่น อย่าว่าแต่นางเลยแม้แต่หยางชูเองก็ไม่รู้เช่นกัน เมื่อทราบว่าท่าทีของฮ่องเต้ที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปเขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย

สิ่งที่ท่านย่าพูดไว้ก่อนจากไปส่งผลกระทบต่อเขา แม้ว่าจะมีความขุ่นเคืองในใจ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะแอบสันนิษฐานว่าฮ่องเต้เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเขา ฮ่องเต้ดีต่อเขามากจริงๆ แม้แต่กับไท่จื่อยังไม่ดีเท่านี้เลย

ทั้งสามคนเงียบอยู่สักพัก จู่ๆ หมิงเวยก็พูดขึ้นว่า “อาจารย์”

หนิงซิวตอบรับ

“ข้าลองจัดระเบียบเรื่องนี้ใหม่คิดว่าสิ่งสำคัญอยู่ที่องค์หญิงใหญ่ หากเขาไม่ใช่บุตรนอกสมรสของฝ่าบาท เหตุใดองค์หญิงถึงได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายเช่นนี้ไว้กันบังคับให้บุตรชายถูกสวมเขาจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่ออาจารย์ได้เริ่มสืบหาข้อมูลแล้วโปรดสืบหาเรื่องนี้ด้วยจะได้หรือไม่เจ้าคะ”

หนิงซิวตอบ “ในเมื่อต้องตรวจสอบอยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องตรวจสอบทุกเรื่อง”

หมิงเวยพยักหน้าแล้วมองหยางชู “เรื่องอื่นเรายังทำอะไรไม่ได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ท่านสามารถช่วยได้”

“เรื่องอะไรหรือ”

หมิงเวยยิ้ม “ถึงเวลาที่ท่านต้องบอกดวงชะตาปาจื้อที่แท้จริงของท่านแล้ว”

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คู่ชะตาบันดาลรัก 254 หลังเขา

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 254 หลังเขา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยางชูต้องการตามไปดูด้วย แต่ก็ถูกหมิงเวยห้ามไว้ “ท่านอย่าไปยุ่งเลย”

เขาเหล่มองนาง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านงั้นหรือ”

หมิงเวยมองไปรอบๆ แล้วพูดเสียงกระซิบ “พวกเราหาที่คุยกันเถอะ”

หยางชูเข้าใจได้ทันที “ไปหลังเขา” ทั้งสองคนไม่คิดทานข้าวต่อแล้ว เดินวางมาดมุ่งหน้าไปยังหลังเขาท่ามกลางความมืด พวกเขาไม่คิดปกปิดร่องรอยอะไร แล้วในไม่ช้าเรื่องก็ไปถึงหูของคนในตระกูลโป๋วหลิงโหว

นางหลูตื่นเต้นจนพูดเสียงดังออกไปว่า “น้องสามนี่ช่างเหลวไหลจริงๆ! ไปหาที่เงียบๆ กับหญิงสาวกลางดึกเช่นนี้ไม่เป็นการบอกผู้อื่นว่าคิดจะทำสิ่งใดงั้นหรือ”

โป๋วหลิงโหวซื่อจื่อไม่พอใจ “ฟ้าเพิ่งมืด ดึกดื่นอะไรกันอย่าพูดจาเกินจริง!”

“ถึงเป็นเช่นนั้นก็ไม่เหมาะสมอยู่ดี!” นางหลูแสร้งทำเป็นกังวลน่าเสียดายที่แสดงไม่สมจริง กลับยิ่งหน้าตาเบิกบานมากขึ้น

“ได้ยินว่าครอบครัวของหญิงสาวผู้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีกบฏ บิดาของนางถูกประหารชีวิต ท่านลุงถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกเนรเทศ น้องสามติดต่อกับคนเช่นนี้ ไม่ได้การแล้วคนที่ไม่รู้เรื่องอาจคิดว่าตระกูลหยางของพวกเราเกี่ยวข้องกับคดีกบฏด้วย ท่านพี่! เรื่องนี้ท่านไม่จัดการไม่ได้นะเจ้าคะ”

โป๋วหลิงโหวซื่อจื่อได้ยินเช่นนั้นก็เลิกคิ้วขึ้น “แม่นางคนนั้นเป็นลูกของนักโทษจริงหรือ”

“จริงสิเจ้าคะ!” นางหลูยิ่งกระตือรือร้น “เป็นเพราะพระเมตตาของฝ่าบาท หากเป็นราชวงศ์ก่อน เกรงว่าตอนนี้นางคงอยู่ที่สถานเริงรมย์แล้ว!”

คุณชายรองหยางจุ้นไม่สนใจ “ก็แค่สตรีนางเดียว พี่สะใภ้จะเอามาเป็นเรื่องใหญ่โตทำไมกัน ในเมื่อเขายังไม่แต่งงานสถานะต่ำต้อยเกี่ยวอะไรด้วย ก็แค่เล่นๆ เท่านั้นไม่ใช่หรือ”

นางหลูรีบตอบว่า “เกรงว่าเขาไม่ใช่แค่เล่นๆ น่ะสิ เขาพบแม่นางผู้นี้ตอนไปทำภารกิจที่ตงหนิง ได้ยินว่าคอยคุ้มกันนางตลอดการเดินทางแล้วยังไปขอความเมตตากับฝ่าบาทแทนนางอีก ตั้งแต่เขากลับมาที่เมืองหลวง สถานที่เริงรมย์พวกนั้นเขาก็ไม่ไป แต่กลับไปใกล้ชิดสนิทสนมกับแม่นางผู้นี้แทน นี่มันผิดปกติเกินไป ถ้าหากเขาต้องการแต่งงานกับแม่นางผู้นี้ขึ้นมาจริงๆ จะทำเช่นไร”

โป๋วหลิงโหวฮูหยินได้ยินเช่นนั้นก็เป็นกังวล “นี่เป็นเรื่องผิดปกติสำหรับเจ้าสาม ท่านพี่ หรือเราควรทูลบอกกุ้ยเฟย อายุเขาก็ไม่น้อยแล้วการแต่งงานไม่สามารถเลื่อนได้อีกไม่เช่นนั้นผู้อื่นจะคิดว่าเราไม่ใส่ใจเขาได้!”

โป๋วหลิงโหวกล่าวว่า “เรื่องการแต่งงานของเขาพวกเราไม่สามารถเข้าไปยุ่งด้วยได้!”

“อย่างไรเขาก็แซ่หยางนะเจ้าคะ” โหวฮูหยินตอบ “แน่นอนว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเป็นคนเลือก แต่คนที่ดูแลเขาไม่ใช่พวกเราหรือเจ้าคะ”

โป๋วหลิงโหวคิดตามก็เห็นด้วย “ได้ กลับไปเมื่อไรข้าจะเข้าวัง”

นางหลูดีใจมาก ตั้งใจว่าเมื่อพิธีกรรมจบลงนางจะกลับไปยังจวนครอบครัวของตน

…………

เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงหลังเขาท้องฟ้าก็มืดเสียแล้ว หยางชูเปิดประตูแล้วจุดตะเกียง ไฟสว่างขึ้นและทันใดนั้นก็เห็นเงานั่งอยู่ตรงมุมห้องซึ่งทำให้เขาตกใจมาก แต่โชคดีที่เห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่ายได้ชัดเจนทันเวลา

“ท่านมานั่งทำอะไรตรงนี้กัน ทำผู้อื่นตกใจหมด!”

หนิงซิวนั่งขัดสมาธิมีกู่ฉินวางอยู่ด้านหน้า มือวางลงบนสายแต่ไม่ขยับไปไหน เขาเงยหน้าขึ้นแล้วพูดออกมาแค่สองคำ

“นึกภาพนิมิต”

“…บ้าไปแล้ว!” หยางชูพึมพำพลางนั่งลงแล้วกวักมือเรียกหมิงเวย “เข้ามาเถอะ”

หมิงเวยเข้ามาในห้องแล้วทำความเคารพหนิงซิว “อาจารย์”

ต่อหน้าหนิงซิวหมิงเวยเป็นคนสุภาพและมีมารยาทตลอด หนิงซิวพยักหน้าแล้วมองกู่ฉินของตนเองเหมือนนึกอะไรสักอย่าง หรือจะเรียกว่าเหม่อลอยดี

“พูดมาได้เลย ท่านทำบ้าอะไรกัน” หยางชูถาม

หมิงเวยมองไปที่หนิงซิว ถึงแม้เขาจะโหดร้ายแต่นางเชื่อในตัวศิษย์พี่คนนี้อย่างสุดหัวใจจึงพูดขึ้นว่า “มีเรื่องหนึ่งที่ท่านน่าจะยังไม่รู้เจ้าค่ะ”

“เรื่องอะไรหรือ” หยางชูพูดอย่างไม่ใส่ใจแล้วจัดแก้วสุราที่กระจัดกระจายบนโต๊ะ

“ฝ่าบาทสงสัยว่าท่านเป็นดาวมาร”

“ตึง…”

“เคร้ง!”

คนแรกที่ปล่อยมือคือหนิงซิว เขาดึงสายกู่ฉินออกส่วนคนหลังเป็นหยางชูที่กำถ้วยจนแตก

“เกิดอะไรขึ้น” หนิงซิวยืนขึ้นเดินไปหยุดตรงหน้าพวกเขา

หมิงเวยถ่ายทอดคำพูดของเสวียนเฟย “….ข้าได้ดูดวงชะตาปาจื้อซึ่งเหมือนกับที่ท่านเคยเขียนให้ข้าดู”

สีหน้าของหนิงซิวแปลกไปเขาถามหยางชู “ศิษย์น้องนำดวงชะตาปาจื้อให้นางดูทำไมหรือ”

แววตาของเขาฉายแววตกใจ เดิมทีหยางชูรู้สึกไม่สบายใจกับเรื่องนี้อยู่แล้ว เขาถูกเรียกสติให้กลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงจากนั้นก็ตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ

“จับคู่! ไม่ได้หรืออย่างไร” นี่มันใช่เวลามาพูดเรื่องนี้หรือต้องเข้าเรื่องสำคัญเลยสิ

“จริงหรือ”

หยางชูไม่สนใจเขาแล้วถามหมิงเวย “เพราะฉะนั้นท่านเลยให้เสวียนเฟยไปก่อเรื่องงั้นหรือ”

“เจ้าค่ะ” หมิงเวยตอบ “เรื่องได้เกิดขึ้นแล้วหากฝ่าบาทคิดจะลงมือกับท่าน ต้องรอให้เรื่องนี้ผ่านไปก่อนแล้วค่อยพูด” แววตาของหยางชูดูสั่นไหวภายใต้แสงตะเกียง

หมิงเวยถอนหายใจเงียบๆ นางดึงมือของเขา จากนั้นดึงปิ่นปักผมออกมาแล้วปัดเศษกระเบื้องบนฝ่ามือของเขา

นางปัดไปพูดไปว่า “ดูจากท่าทางของฝ่าบาทแล้วคำถามของท่านก่อนหน้านี้คงได้รับคำตอบแล้วเจ้าค่ะ”

หยางชูเงียบและฟังนางพูดต่อว่า “หากท่านเป็นบุตรนอกสมรสของพระองค์จริงๆ ต่อให้ท่านเป็นดาวมารพระองค์คงไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้แน่” หยางชูก้มหน้าไม่พูดอะไรอยู่นาน

เขาพบว่าตนเองไม่ได้รู้สึกดีใจ พูดอีกอย่างก็คือไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไรเขาก็ไม่ดีใจทั้งนั้น

หากเขาเป็นบุตรนอกสมรสของฝ่าบาทจริงๆ หมายความว่าคำพูดที่สะใภ้หลูด่าตนนั้นถูกต้อง แต่หากเขาไม่ใช่หมายความว่าตนไม่มีความใกล้ชิดกับตระกูลหยาง ไม่มีความเกี่ยวข้องกับฮ่องเต้ก็แค่มีกุ้ยเฟยเป็นมารดาผู้ให้กำเนิด และตอนนี้ก็เป็นอนุของผู้อื่นอีก เขาเหมือนอยู่ตัวคนเดียวจริงๆ

เขาถามเสียงเบา “ถ้าเช่นนั้นคำพูดสุดท้ายของท่านย่าหมายความว่าอย่างไรกัน”

“ข้าไม่รู้เจ้าค่ะ” หมิงเวยส่ายหน้า “อันที่จริงมีอยู่เรื่องหนึ่งที่ข้ายังคิดไม่ออก เหตุใดฮ่องเต้ถึงสงสัยในตัวท่านได้ง่ายดายเพียงนี้ ข้าไม่คิดว่าท่านจะคู่ควรที่จะให้พระองค์ให้ความสำคัญถึงเพียงนั้น ลองนึกภาพดูสิทันทีที่พระองค์ทราบว่าข้าราชบริพารผู้หนึ่งอาจเป็นดาวมารกลับชาติมาเกิด และข้าราชบริพารคนนั้นสามารถควบคุมได้ง่ายพระองค์จะทำเช่นนั้นทำไมกัน”

แต่คนที่ตอบเป็นหนิงซิว “คอยสังเกตความเปลี่ยนแปลงอย่างเงียบๆ จะดีเสียกว่า”

หมิงเวยพยักหน้าเห็นด้วย “หรือหากดำเนินการมากกว่านี้พระองค์อาจไม่โปรดปรานท่านอีกต่อไป หรือค่อยๆ ริดรอนอำนาจของท่าน แต่พระองค์กลับไม่พูดถึงแล้วยังแอบส่งดวงชะตาปาจื้ออย่างลับๆ เพื่อให้ผู้อาวุโสอี้คำนวณดวงชะตาให้ ซึ่งเป็นการระมัดระวังตัวที่มากเกินไปเหมือนว่าพระองค์กลัวอะไรบางอย่าง”

สีหน้าของหนิงซิวเปลี่ยนไปเหมือนเขาอยากพูดอะไร แต่สุดท้ายก็เก็บมันไว้ไม่ได้พูดออกไป

หลังกวาดเศษกระเบื้องออกไปหมิงเวยฉีกผ้าเช็ดหน้าแล้วพันบาดแผลให้อีกฝ่าย “สัญชาตญาณของข้าบอกว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำเจ้าค่ะ”

น่าเสียดายที่เงื่อนงำอะไรนั่น อย่าว่าแต่นางเลยแม้แต่หยางชูเองก็ไม่รู้เช่นกัน เมื่อทราบว่าท่าทีของฮ่องเต้ที่มีต่อเขาเปลี่ยนไปเขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อย

สิ่งที่ท่านย่าพูดไว้ก่อนจากไปส่งผลกระทบต่อเขา แม้ว่าจะมีความขุ่นเคืองในใจ แต่ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะแอบสันนิษฐานว่าฮ่องเต้เป็นบิดาผู้ให้กำเนิดของเขา ฮ่องเต้ดีต่อเขามากจริงๆ แม้แต่กับไท่จื่อยังไม่ดีเท่านี้เลย

ทั้งสามคนเงียบอยู่สักพัก จู่ๆ หมิงเวยก็พูดขึ้นว่า “อาจารย์”

หนิงซิวตอบรับ

“ข้าลองจัดระเบียบเรื่องนี้ใหม่คิดว่าสิ่งสำคัญอยู่ที่องค์หญิงใหญ่ หากเขาไม่ใช่บุตรนอกสมรสของฝ่าบาท เหตุใดองค์หญิงถึงได้ทิ้งคำพูดสุดท้ายเช่นนี้ไว้กันบังคับให้บุตรชายถูกสวมเขาจะมีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่ออาจารย์ได้เริ่มสืบหาข้อมูลแล้วโปรดสืบหาเรื่องนี้ด้วยจะได้หรือไม่เจ้าคะ”

หนิงซิวตอบ “ในเมื่อต้องตรวจสอบอยู่แล้ว แน่นอนว่าต้องตรวจสอบทุกเรื่อง”

หมิงเวยพยักหน้าแล้วมองหยางชู “เรื่องอื่นเรายังทำอะไรไม่ได้ แต่มีเรื่องหนึ่งที่ท่านสามารถช่วยได้”

“เรื่องอะไรหรือ”

หมิงเวยยิ้ม “ถึงเวลาที่ท่านต้องบอกดวงชะตาปาจื้อที่แท้จริงของท่านแล้ว”

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+