คู่ชะตาบันดาลรัก 200 ทางที่แตกต่าง

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 200 ทางที่แตกต่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แม่นางหมิง” เจี่ยงเหวินเฟิงหาเวลาเพื่อมาพบนาง หมิงเวยทำความเคารพอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถาม “หลายวันมานี้ใต้เท้าไม่ได้พักผ่อนหรือเจ้าคะ”

เจี่ยงเหวินเฟิงยิ้ม “งานที่ศาลาว่าการก็เป็นเช่นนี้มาเป็นพักๆ พอมาทีก็มาเป็นกองใหญ่กองเดียว”

หมิงเวยพยักหน้านางไม่ถามอะไรให้มากความและพูดเข้าประเด็นเลย “ใต้เท้าต้องการให้ข้าเรียกวิญญาณของโครงกระดูกเหล่านี้หรือเจ้าคะ”

เจี่ยงเหวินเฟิงพยักหน้า “พวกเราพยายามสืบค้นที่มาของโครงกระดูกพวกนี้แล้ว แต่ไม่สามารถยืนยันตัวตนของคนเหล่านี้ได้หากแม่นางหมิงสามารถเรียกวิญญาณของพวกนางได้คงจะดีไม่น้อย หากรู้เบาะแสเพียงเล็กน้อยหลักฐานของคดีก็จะง่ายต่อการรวบรวม”

หมิงเวยตอบ “ความหมายของใต้เท้าข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นข้าอยากพูดเรื่องหนึ่ง”

“เชิญแม่นางพูดมาได้เลย” หมิงเวยไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่จ้องไปที่แขนเสื้อของเขา

นางมองด้วยความจริงจังเช่นนี้เจี่ยงเหวินเฟิงอดไม่ได้ที่จะคว้าแขนเสื้อตนเอง “ทำไมหรือแม่นางมองอะไรอยู่หรือ”

จู่ๆ หมิงเวยก็ถามขึ้นมาว่า “หลายปีมานี้ใต้เท้ามีภรรยาหรือไม่”

เจี่ยงเหวินเฟิงเงียบไปชั่วขณะแล้วตอบไปว่า “เดิมทีข้ามีภรรยาอยู่หนึ่งคน แต่ช่วงแรกที่ไปทำงานนอกเมืองหลวงนางล้มป่วยและเสียชีวิตไป”

“หมายความว่าตอนนี้ท่านยังไม่มีใครใช่หรือไม่”

“ใช่”

หมิงเวยตอบ “ใต้เท้ายังอายุน้อยอีกทั้งยังมีตำแหน่งหน้าที่ที่สูงไร้คนคอยดูแลเกรงว่าจะไม่สะดวกสบายไม่ทราบว่าใต้เท้าเคยคิดที่จะแต่งงานใหม่หรือไม่”

เจี่ยงเหวินเฟิงยิ้มบางๆ “เหตุใดจู่ๆ แม่นางถึงได้ถามเช่นนี้หรือ”

หมิงเวยยกน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วพูดว่า “หากใต้เท้ายังไม่ได้มองใครเอาไว้ ท่านคิดว่าข้าเหมาะสมหรือไม่เจ้าคะ”

เจี่ยงเหวินเฟิงตกใจมากจนหลุดพูดออกมาเสียงดัง “แม่นางหมิง!”

หมิงเวยยิ้มนางไม่รู้สึกอายแต่อย่างใด “ใต้เท้าก็เห็นท่านมักเจอกับคดีแปลกๆ ประจวบเหมาะกับที่ข้าสามารถสื่อสารกับหยินหยางได้สามารถช่วยเหลือท่านได้”

“นั่นมัน…”

“ทุกครั้งที่ท่านเชิญข้ามาเช่นนี้เป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ครั้งนี้ท่านลุงของข้าไม่ทราบ แต่คงทราบในอีกไม่ช้า ข้าเป็นหญิงที่ยังไม่ออกเรือนคงไม่สามารถวิ่งไปที่ศาลาว่าการของพวกท่านได้ตลอดเวลา หากท่านแต่งกับข้าเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องสะดวกไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเมื่อไร หากท่านต้องการข้าก็สามารถช่วยท่านได้”

หมิงเวยพูดออกมาได้อย่างลื่นไหล แต่เจี่ยงเหวินเฟิงกลับอึกอักผ่านไปสักพักเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า “แม่นางหมิง เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ค่อยดีนักท่านก็รู้ว่าคุณชายหยาง…กับท่านเกรงว่าเขาคงไม่ยินดีเท่าไร”

“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขากันเจ้าคะ” หมิงเวยหัวเราะ “เรื่องแต่งงาน หากข้าและท่านมีความปรารถนาร่วมกัน บุคคลที่สามยินดีหรือไม่ มีอะไรต้องกังวล ท่านก็รู้ว่าคุณชายหยางไม่สามารถแต่งกับข้าได้ ไม่ต้องพูดถึงฐานะของตระกูลหยางที่ข้ามิอาจเอื้อมถึงแล้วอีกอย่างเขามีดวงกินภรรยา ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปีนะเจ้าคะ!”

“ข้า…” เจี่ยงเหวินเฟิงพูด “ข้าอายุมากกว่าท่านหลายปี…”

สีหน้าของหมิงเวยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “มากกว่าตรงไหนกันเจ้าคะ ท่านยังไม่ถึงสามสิบถือว่ายังเยาว์อยู่ อีกอย่างใต้เท้ามีตำแหน่งที่สูง แม้จะแต่งงานใหม่ แต่คนที่ท่านต้องแต่งด้วยต้องเป็นเด็กสาวที่ยังไม่เคยออกเรือนมิใช่หรือ พวกนางคงไม่มีอายุมากกว่าข้าหรอกเจ้าค่ะ”

“….”

“ถึงตระกูลหมิงจะล่มสลายไปแล้ว ครอบครัวท่านลุงก็มองข้าเป็นเหมือนบุตรสาวคนหนึ่ง ซือเยว่แห่งกั๋วจื่อเจียน ถึงตำแหน่งจะไม่สูง แต่ก็มีเกียรติเหมาะสมกับใต้เท้าอย่างเสียไม่ได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“….”

นางถามต่อ “ใต้เท้า ท่านคิดอย่างไร”

เจี่ยงเหวินเฟิงไม่รู้จะพูดอะไรเลยทำได้เพียงพูดอย่างคลุมเครือ “ข้าแค่รู้สึกว่า…”

หมิงเวยยืนขึ้น “หากใต้เท้าไม่แต่งกับข้า ข้าคงช่วยท่านในเรื่องนี้ไม่ได้ อย่างไรซะข้าก็เป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนมาดูกระดูกศพที่ศาลาว่าการคงฟังดูไม่ดีนัก หากภายภาคหน้าข้าไม่สามารถออกเรือนได้คงลำบากไม่น้อย”

“แม่นางหมิงไม่ใช่ว่าหมั้นหมายอยู่กับลูกพี่ลูกน้องของท่านอยู่หรือ”

หมิงเวยโบกมือ “ใต้เท้าไม่จำเป็นต้องสนใจสัญญาหมั้นหมายนั่นไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกยกเลิก ท่านพี่ของข้าผู้นี้ยังเยาว์นักไม่เหมาะกับข้าหรอกเจ้าค่ะ”

เจี่ยงเหวินเฟิงพูดไม่ออกเหตุใดนางถึงพูดรังเกียจได้ตรงไปตรงมาเช่นนี้

“ใต้เท้า หากท่านไม่ตัดสินใจ ข้าคงต้องขอตัวก่อนเจ้าค่ะ!”

“แม่นางหมิง…”

“ดูเหมือนท่านจะไม่เต็มใจจริงๆ ช่างเถอะ ข้าเองก็ไม่อยากบังคับใคร ข้าคงต้องขอตัวกลับไปเข้าเรียนก่อนเจ้าค่ะ”

“แม่นางเดี๋ยวก่อน!” หมิงเวยทำเป็นไม่ได้ยินและเดินออกไป

ในตอนนั้นเองก็มีควันลอยออกมาจากแขนเสื้อของเจี่ยงเหวินเฟิงและลอยมาอยู่ตรงหน้านาง แววตาของหมิงเวยเยียบเย็นไม่รอให้มันได้ลงมือทำอะไรนางก็ยื่นมือออกไปจับมันมาไว้ในมืออย่างมั่นคง

“ในที่สุดก็ทนไม่ไหวออกมาจนได้สินะ”

เจี่ยงเหวินเฟิงตกใจ “แม่นางหมิงโปรดออมมือด้วยเถอะ!”

หมิงเวยหันกลับมามองเจี่ยงเหวินเฟิงแล้วยิ้มให้ “ใต้เท้าปฏิเสธการแต่งงานเพราะมันงั้นหรือ” ไม่รอให้เจี่ยงเหวินเฟิงได้ตอบ หมิงเวยตวัดนิ้วจากนั้นพลังก็รั่วไหลออกมา ควันนั้นได้ตกลงสู่พื้นกลายร่างเป็นเด็กสาวนางหนึ่ง

เด็กสาวผู้นี้อายุประมาณสิบแปดสิบเก้าปี ใบหน้าสะสวยงดงาม ท่าทางดูขุ่นเคือง เมื่อถูกหมิงเวยโจมตีนางจึงไม่สามารถคงรูปร่างเดิมได้ล้มอยู่หลายครั้งจึงหยุดลง

“เชี่ยนเหนียง!” เจี่ยงเหวินเฟิงตะโกน

หมิงเวยนั่งลงอย่างเชื่องช้า “เชี่ยนเหนียง เป็นชื่อที่ดูจริงจังดีนะเหตุใดถึงได้เป็นผีเล่า!”

เจี่ยงเหวินเฟิงรีบยกมือคำนับ “แม่นางหมิง เชี่ยนเหนียงไม่ใช่ผี นาง นางเป็นภรรยาของข้า!”

หมิงเวยเลิกคิ้ว “ใต้เท้าสับสนแล้วท่านเป็นมนุษย์ นางเป็นผี นางจะเป็นภรรยาของท่านได้อย่างไร”

“นางเป็นภรรยาของข้าจริงๆ” เจี่ยงเหวินเฟิงเคยเห็นวิธีการของนาง ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าที่จะปิดบังอะไร “ข้ากับเชี่ยนเหนียงหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็กหลังข้าประสบความสำเร็จในการสอบแข่งขันต่างๆ จึงได้แต่งงานกัน จากนั้นเชี่ยนเหนียงก็ติดตามข้าไปทำงานที่ต่างๆ แต่กลับล้มป่วยแล้วเสียชีวิตลง…แม่นางหมิง โปรดเมตตานางด้วย”

“อย่างนี้นี่เอง” หมิงเวยพยักหน้า “หลายปีมานี้ใต้เท้าสืบสวนคดีนางคงให้ความช่วยเหลือมาไม่น้อยเลยใช่หรือไม่”

เจี่ยงเหวินเฟิงตอบรับ “เชี่ยนเหนียงเป็นคนดีนางทนไม่ได้ที่จะจากไป ดังนั้นนางจึงอยู่กับข้ามาโดยตลอด ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมามีคดีไร้ความเป็นธรรม นางก็ช่วยหาเบาะแสให้ข้า…เสวียนเหมินอย่างท่านไม่ใช่เป็นผู้มีบุญงั้นหรือ เชี่ยนเหนียงนิสัยดีงามเช่นนี้นางสั่งสมบุญไว้มากไม่ใช่วิญญาณชั่วร้ายอะไร”

“ท่านพี่” เชี่ยนเหนียงจ้องมองหมิงเวย “ท่านกับนางคิดจะทำอะไรกัน ข้ารู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่านางคิดไม่ซื่อกับท่าน ทุกครั้งที่พวกท่านเจอกันนางมักจะมองมาที่ท่านเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่างพอนางเห็นว่าท่านมีคุณสมบัติตรงตามที่นางต้องการ ตอนนี้จึงได้คว้าโอกาสนี้ไว้ ข้าจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร”

“เชี่ยนเหนียง” เจี่ยงเหวินเฟิงพูดเสียงเบา “แม่นางหมิงมีน้ำใจและจริงใจ นางไม่เป็นคนเช่นนั้นหรอก”

“ทำไมจะไม่ใช่” เชี่ยนเหนียงพูดอย่างโกรธๆ “ข้าเฝ้ามองมาหลายครั้งแล้ว! ก่อนหน้านี้ข้าไม่อยากให้ท่านเป็นกังวลข้าจึงไม่พูดออกมา”

หมิงเวยยิ้ม “ฮูหยินเฉียบแหลมจริงๆ อันที่จริงข้าพอใจในตัวใต้เท้าเจี่ยงมานานแล้ว มนุษย์กับวิญญาณมีทางเดินที่แตกต่างกันฮูหยินได้เสียไปแล้วท่านควรไปเกิดใหม่เสียทีเหตุใดถึงยังไม่ไปไหนอีก ใต้เท้าเจี่ยงยังมีชีวิตอยู่เพราะฉะนั้นเขาควรมีชีวิตใหม่เสียที”

“ท่าน…ข้าไม่ไป ท่านจะทำอะไรข้าได้”

หมิงเวยมีสีหน้าเย็นชา “อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ไม่รู้ว่าข้าจะทำอะไรจริงๆ หรือ”

………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คู่ชะตาบันดาลรัก 200 ทางที่แตกต่าง

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 200 ทางที่แตกต่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“แม่นางหมิง” เจี่ยงเหวินเฟิงหาเวลาเพื่อมาพบนาง หมิงเวยทำความเคารพอีกฝ่ายแล้วเอ่ยถาม “หลายวันมานี้ใต้เท้าไม่ได้พักผ่อนหรือเจ้าคะ”

เจี่ยงเหวินเฟิงยิ้ม “งานที่ศาลาว่าการก็เป็นเช่นนี้มาเป็นพักๆ พอมาทีก็มาเป็นกองใหญ่กองเดียว”

หมิงเวยพยักหน้านางไม่ถามอะไรให้มากความและพูดเข้าประเด็นเลย “ใต้เท้าต้องการให้ข้าเรียกวิญญาณของโครงกระดูกเหล่านี้หรือเจ้าคะ”

เจี่ยงเหวินเฟิงพยักหน้า “พวกเราพยายามสืบค้นที่มาของโครงกระดูกพวกนี้แล้ว แต่ไม่สามารถยืนยันตัวตนของคนเหล่านี้ได้หากแม่นางหมิงสามารถเรียกวิญญาณของพวกนางได้คงจะดีไม่น้อย หากรู้เบาะแสเพียงเล็กน้อยหลักฐานของคดีก็จะง่ายต่อการรวบรวม”

หมิงเวยตอบ “ความหมายของใต้เท้าข้าเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ แต่ก่อนหน้านั้นข้าอยากพูดเรื่องหนึ่ง”

“เชิญแม่นางพูดมาได้เลย” หมิงเวยไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่จ้องไปที่แขนเสื้อของเขา

นางมองด้วยความจริงจังเช่นนี้เจี่ยงเหวินเฟิงอดไม่ได้ที่จะคว้าแขนเสื้อตนเอง “ทำไมหรือแม่นางมองอะไรอยู่หรือ”

จู่ๆ หมิงเวยก็ถามขึ้นมาว่า “หลายปีมานี้ใต้เท้ามีภรรยาหรือไม่”

เจี่ยงเหวินเฟิงเงียบไปชั่วขณะแล้วตอบไปว่า “เดิมทีข้ามีภรรยาอยู่หนึ่งคน แต่ช่วงแรกที่ไปทำงานนอกเมืองหลวงนางล้มป่วยและเสียชีวิตไป”

“หมายความว่าตอนนี้ท่านยังไม่มีใครใช่หรือไม่”

“ใช่”

หมิงเวยตอบ “ใต้เท้ายังอายุน้อยอีกทั้งยังมีตำแหน่งหน้าที่ที่สูงไร้คนคอยดูแลเกรงว่าจะไม่สะดวกสบายไม่ทราบว่าใต้เท้าเคยคิดที่จะแต่งงานใหม่หรือไม่”

เจี่ยงเหวินเฟิงยิ้มบางๆ “เหตุใดจู่ๆ แม่นางถึงได้ถามเช่นนี้หรือ”

หมิงเวยยกน้ำชาขึ้นมาจิบแล้วพูดว่า “หากใต้เท้ายังไม่ได้มองใครเอาไว้ ท่านคิดว่าข้าเหมาะสมหรือไม่เจ้าคะ”

เจี่ยงเหวินเฟิงตกใจมากจนหลุดพูดออกมาเสียงดัง “แม่นางหมิง!”

หมิงเวยยิ้มนางไม่รู้สึกอายแต่อย่างใด “ใต้เท้าก็เห็นท่านมักเจอกับคดีแปลกๆ ประจวบเหมาะกับที่ข้าสามารถสื่อสารกับหยินหยางได้สามารถช่วยเหลือท่านได้”

“นั่นมัน…”

“ทุกครั้งที่ท่านเชิญข้ามาเช่นนี้เป็นเรื่องที่ดูไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ครั้งนี้ท่านลุงของข้าไม่ทราบ แต่คงทราบในอีกไม่ช้า ข้าเป็นหญิงที่ยังไม่ออกเรือนคงไม่สามารถวิ่งไปที่ศาลาว่าการของพวกท่านได้ตลอดเวลา หากท่านแต่งกับข้าเรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องสะดวกไม่ว่าจะเป็นที่ไหนเมื่อไร หากท่านต้องการข้าก็สามารถช่วยท่านได้”

หมิงเวยพูดออกมาได้อย่างลื่นไหล แต่เจี่ยงเหวินเฟิงกลับอึกอักผ่านไปสักพักเขาก็คิดขึ้นมาได้ว่า “แม่นางหมิง เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่ค่อยดีนักท่านก็รู้ว่าคุณชายหยาง…กับท่านเกรงว่าเขาคงไม่ยินดีเท่าไร”

“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับเขากันเจ้าคะ” หมิงเวยหัวเราะ “เรื่องแต่งงาน หากข้าและท่านมีความปรารถนาร่วมกัน บุคคลที่สามยินดีหรือไม่ มีอะไรต้องกังวล ท่านก็รู้ว่าคุณชายหยางไม่สามารถแต่งกับข้าได้ ไม่ต้องพูดถึงฐานะของตระกูลหยางที่ข้ามิอาจเอื้อมถึงแล้วอีกอย่างเขามีดวงกินภรรยา ข้ายังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกหลายปีนะเจ้าคะ!”

“ข้า…” เจี่ยงเหวินเฟิงพูด “ข้าอายุมากกว่าท่านหลายปี…”

สีหน้าของหมิงเวยยังคงไม่เปลี่ยนแปลง “มากกว่าตรงไหนกันเจ้าคะ ท่านยังไม่ถึงสามสิบถือว่ายังเยาว์อยู่ อีกอย่างใต้เท้ามีตำแหน่งที่สูง แม้จะแต่งงานใหม่ แต่คนที่ท่านต้องแต่งด้วยต้องเป็นเด็กสาวที่ยังไม่เคยออกเรือนมิใช่หรือ พวกนางคงไม่มีอายุมากกว่าข้าหรอกเจ้าค่ะ”

“….”

“ถึงตระกูลหมิงจะล่มสลายไปแล้ว ครอบครัวท่านลุงก็มองข้าเป็นเหมือนบุตรสาวคนหนึ่ง ซือเยว่แห่งกั๋วจื่อเจียน ถึงตำแหน่งจะไม่สูง แต่ก็มีเกียรติเหมาะสมกับใต้เท้าอย่างเสียไม่ได้ใช่หรือไม่เจ้าคะ”

“….”

นางถามต่อ “ใต้เท้า ท่านคิดอย่างไร”

เจี่ยงเหวินเฟิงไม่รู้จะพูดอะไรเลยทำได้เพียงพูดอย่างคลุมเครือ “ข้าแค่รู้สึกว่า…”

หมิงเวยยืนขึ้น “หากใต้เท้าไม่แต่งกับข้า ข้าคงช่วยท่านในเรื่องนี้ไม่ได้ อย่างไรซะข้าก็เป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนมาดูกระดูกศพที่ศาลาว่าการคงฟังดูไม่ดีนัก หากภายภาคหน้าข้าไม่สามารถออกเรือนได้คงลำบากไม่น้อย”

“แม่นางหมิงไม่ใช่ว่าหมั้นหมายอยู่กับลูกพี่ลูกน้องของท่านอยู่หรือ”

หมิงเวยโบกมือ “ใต้เท้าไม่จำเป็นต้องสนใจสัญญาหมั้นหมายนั่นไม่ช้าก็เร็วก็ต้องถูกยกเลิก ท่านพี่ของข้าผู้นี้ยังเยาว์นักไม่เหมาะกับข้าหรอกเจ้าค่ะ”

เจี่ยงเหวินเฟิงพูดไม่ออกเหตุใดนางถึงพูดรังเกียจได้ตรงไปตรงมาเช่นนี้

“ใต้เท้า หากท่านไม่ตัดสินใจ ข้าคงต้องขอตัวก่อนเจ้าค่ะ!”

“แม่นางหมิง…”

“ดูเหมือนท่านจะไม่เต็มใจจริงๆ ช่างเถอะ ข้าเองก็ไม่อยากบังคับใคร ข้าคงต้องขอตัวกลับไปเข้าเรียนก่อนเจ้าค่ะ”

“แม่นางเดี๋ยวก่อน!” หมิงเวยทำเป็นไม่ได้ยินและเดินออกไป

ในตอนนั้นเองก็มีควันลอยออกมาจากแขนเสื้อของเจี่ยงเหวินเฟิงและลอยมาอยู่ตรงหน้านาง แววตาของหมิงเวยเยียบเย็นไม่รอให้มันได้ลงมือทำอะไรนางก็ยื่นมือออกไปจับมันมาไว้ในมืออย่างมั่นคง

“ในที่สุดก็ทนไม่ไหวออกมาจนได้สินะ”

เจี่ยงเหวินเฟิงตกใจ “แม่นางหมิงโปรดออมมือด้วยเถอะ!”

หมิงเวยหันกลับมามองเจี่ยงเหวินเฟิงแล้วยิ้มให้ “ใต้เท้าปฏิเสธการแต่งงานเพราะมันงั้นหรือ” ไม่รอให้เจี่ยงเหวินเฟิงได้ตอบ หมิงเวยตวัดนิ้วจากนั้นพลังก็รั่วไหลออกมา ควันนั้นได้ตกลงสู่พื้นกลายร่างเป็นเด็กสาวนางหนึ่ง

เด็กสาวผู้นี้อายุประมาณสิบแปดสิบเก้าปี ใบหน้าสะสวยงดงาม ท่าทางดูขุ่นเคือง เมื่อถูกหมิงเวยโจมตีนางจึงไม่สามารถคงรูปร่างเดิมได้ล้มอยู่หลายครั้งจึงหยุดลง

“เชี่ยนเหนียง!” เจี่ยงเหวินเฟิงตะโกน

หมิงเวยนั่งลงอย่างเชื่องช้า “เชี่ยนเหนียง เป็นชื่อที่ดูจริงจังดีนะเหตุใดถึงได้เป็นผีเล่า!”

เจี่ยงเหวินเฟิงรีบยกมือคำนับ “แม่นางหมิง เชี่ยนเหนียงไม่ใช่ผี นาง นางเป็นภรรยาของข้า!”

หมิงเวยเลิกคิ้ว “ใต้เท้าสับสนแล้วท่านเป็นมนุษย์ นางเป็นผี นางจะเป็นภรรยาของท่านได้อย่างไร”

“นางเป็นภรรยาของข้าจริงๆ” เจี่ยงเหวินเฟิงเคยเห็นวิธีการของนาง ตอนนี้เขาจึงไม่กล้าที่จะปิดบังอะไร “ข้ากับเชี่ยนเหนียงหมั้นหมายกันมาตั้งแต่เด็กหลังข้าประสบความสำเร็จในการสอบแข่งขันต่างๆ จึงได้แต่งงานกัน จากนั้นเชี่ยนเหนียงก็ติดตามข้าไปทำงานที่ต่างๆ แต่กลับล้มป่วยแล้วเสียชีวิตลง…แม่นางหมิง โปรดเมตตานางด้วย”

“อย่างนี้นี่เอง” หมิงเวยพยักหน้า “หลายปีมานี้ใต้เท้าสืบสวนคดีนางคงให้ความช่วยเหลือมาไม่น้อยเลยใช่หรือไม่”

เจี่ยงเหวินเฟิงตอบรับ “เชี่ยนเหนียงเป็นคนดีนางทนไม่ได้ที่จะจากไป ดังนั้นนางจึงอยู่กับข้ามาโดยตลอด ในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมามีคดีไร้ความเป็นธรรม นางก็ช่วยหาเบาะแสให้ข้า…เสวียนเหมินอย่างท่านไม่ใช่เป็นผู้มีบุญงั้นหรือ เชี่ยนเหนียงนิสัยดีงามเช่นนี้นางสั่งสมบุญไว้มากไม่ใช่วิญญาณชั่วร้ายอะไร”

“ท่านพี่” เชี่ยนเหนียงจ้องมองหมิงเวย “ท่านกับนางคิดจะทำอะไรกัน ข้ารู้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่านางคิดไม่ซื่อกับท่าน ทุกครั้งที่พวกท่านเจอกันนางมักจะมองมาที่ท่านเหมือนกำลังประเมินอะไรบางอย่างพอนางเห็นว่าท่านมีคุณสมบัติตรงตามที่นางต้องการ ตอนนี้จึงได้คว้าโอกาสนี้ไว้ ข้าจะปล่อยให้เป็นเช่นนั้นได้อย่างไร”

“เชี่ยนเหนียง” เจี่ยงเหวินเฟิงพูดเสียงเบา “แม่นางหมิงมีน้ำใจและจริงใจ นางไม่เป็นคนเช่นนั้นหรอก”

“ทำไมจะไม่ใช่” เชี่ยนเหนียงพูดอย่างโกรธๆ “ข้าเฝ้ามองมาหลายครั้งแล้ว! ก่อนหน้านี้ข้าไม่อยากให้ท่านเป็นกังวลข้าจึงไม่พูดออกมา”

หมิงเวยยิ้ม “ฮูหยินเฉียบแหลมจริงๆ อันที่จริงข้าพอใจในตัวใต้เท้าเจี่ยงมานานแล้ว มนุษย์กับวิญญาณมีทางเดินที่แตกต่างกันฮูหยินได้เสียไปแล้วท่านควรไปเกิดใหม่เสียทีเหตุใดถึงยังไม่ไปไหนอีก ใต้เท้าเจี่ยงยังมีชีวิตอยู่เพราะฉะนั้นเขาควรมีชีวิตใหม่เสียที”

“ท่าน…ข้าไม่ไป ท่านจะทำอะไรข้าได้”

หมิงเวยมีสีหน้าเย็นชา “อยู่ด้วยกันมานานขนาดนี้ไม่รู้ว่าข้าจะทำอะไรจริงๆ หรือ”

………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+