คู่ชะตาบันดาลรัก 346 แขกคนสำคัญ

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 346 แขกคนสำคัญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พระอาจารย์นี่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” หมิงเวยมองเขา “ข้าถอยให้ท่านแล้ว พระอาจารย์ยังไม่พอใจอีกหรือ”

พระอาจารย์ช่างจื้อถอนหายใจดวงตาของเขามีประกายอันแรงกล้า “พิธีกรรมเทียนเสินกำลังจะมาถึงยอดฝีมือที่จับตัวหาได้ยากเช่นแม่นางมาที่เมืองหยุนไฉ ข้าจะสงบใจได้อย่างไร”

หมิงเวยพยายามมากขึ้น “ข้าไม่คิดที่จะทำให้เผ่าฉีหูตกที่นั่งลำบากหรอกเจ้าค่ะ”

น่าเสียดายที่พระอาจารย์ช่างจื้อไม่ถอยให้ “ท่านบอกไม่อยาก ไม่อยากจริงๆ หรือ”

“….” หมิงเวยถอนหายใจ “ถ้าเช่นนั้นพระอาจารย์จะให้ทำอย่างไรเจ้าคะ”

“ออกไปจากหยุนไฉซะ!” พระอาจารย์ช่างจื้อพูดเสียงเด็ดขาด “ขอเพียงแม่นางออกจากเมืองหยุนไฉในทันทีพวกเราจะถือว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

รอยยิ้มของหมิงเวยหายไป “แล้วถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ”

“เช่นนั้นจะมาโทษพระอาจารย์ไม่ได้!” สิ่งที่พระอาจารย์ช่างจื้อรอคอยคือคำพูดนี้ของนาง กล่าวจบเขาก็ลอยตัวขึ้นแล้วโยนบาตรสีทองออกไป

หมิงเวยเตรียมพร้อมที่จะโต้กลับอยู่แล้ว แต่กลับได้ยินเสียง ‘ฉึก’ ตามด้วยเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นลูกธนูที่พุ่งเข้าชนกับบาตรสีทอง พระอาจารย์ช่างจื้อยกมือขึ้นรับบาตรสีทองแล้วมองผู้มาใหม่

“องค์ชายซูถู”

ซูถูกระโดดลงจากหลังคาเบาๆ แล้วพยักหน้าให้พระอาจารย์ช่างจื้อ “พระอาจารย์ ข้าบอกท่านแล้วว่านางเป็นแขกของพวกเราเผ่าหมาป่าหิมะ”

พระอาจารย์ช่างจื้อมองเขาแล้วมองหมิงเวยแล้วเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา

“เป็นเช่นนี้นี่เอง นี่เป็นวิธีที่พวกท่านเผ่าหมาป่าหิมะจะจัดการกับข้างั้นหรือ”

หมิงเวยได้ยินเช่นนั้นแม้จะไม่มีทางเลือก แต่ก็ยิ้มรับ

นางอยากยืนอยู่ข้างฝ่ายเผ่าฉีหู ทำไมจึงไม่ให้โอกาสนางบ้างเล่า พูดเช่นนี้เท่ากับว่านางอยู่ฝั่งซูถูอย่างเป็นทางการแล้ว หากไม่ใช่เพราะนางรู้ประวัติศาสตร์อยู่แล้ว การที่พระอาจารย์ช่างจื้อมองนางเป็นศัตรูเช่นนี้นางคงยินดีช่วยซูถูต่อกรกับเขาจริงๆ

ซูถูกลับพูดว่า “พระอาจารย์พูดอะไรกัน ท่านเป็นหูเซิงผู้มีคุณธรรม และบารมีสูงส่ง พวกเราจะไปต่อกรกับท่านได้อย่างไรต้องเป็นการเข้าใจผิดกันแน่”

พระอาจารย์ช่างจื้อไม่เชื่อเลยสักนิดเขาพูดเสียงเย็นชา “ถ้าเช่นนั้นก็เชิญแม่นางผู้นี้ออกจากเมืองหยุนไฉซะ ตราบใดที่นางไม่ก้าวเข้าไปในเมืองหยุนไฉเรื่องในวันนี้จะถือว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด!”

“พระอาจารย์!” ซูถูเลิกคิ้วเขาพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย

พระอาจารย์ช่างจื้อมองดูพวกเขาแล้วยิ้มเยาะราวกับจะบอกว่าข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะใช้ลูกไม้อะไรอีก

ซูถูหันไปมองหมิงเวยแล้วพูดว่า “ขออภัยด้วย พระอาจารย์พวกเราเผ่าหมาป่าหิมะไม่มีนิสัยชอบขับไล่แขก หากแม่นางหมิงบอกไม่ไปพวกเราก็จะให้นางอยู่ต่อ”

พระอาจารย์ช่างจื้อบังคับให้อีกฝ่ายพูดประโยคนี้ออกมาเขายกบาตรสีทองขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็รับโทษซะเถอะ!”

เขาเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยจากนั้นก็พุ่งเข้าหาหมิงเวยอย่างรวดเร็วราวกับอินทรีสยายปีก หมิงเวยเองก็เตรียมใจไว้แล้วจึงบินขึ้น และกระโดดขึ้นไปบนหลังคาหลังอื่น นางไม่ต้องการให้เป็นไปตามแผนของซูถูจึงสู้ไปหนีไป

พระอาจารย์ช่างจื้อไล่ตามนาง ซูถูไม่ได้เฝ้าดูอย่างนิ่งดูดายเขายิงธนูมาจากด้านหลังเป็นครั้งคราว

ทั้งสามคนสู้กันจนไปถึงประตูเมืองทหารของพวกเขาต้องการไล่ตาม แต่ช่องว่างก็เริ่มห่างมากขึ้นเรื่อยๆ

หมิงเวยลงจากกำแพงเมืองแล้วหันไปมองพระอาจารย์ช่างจื้อแล้วถอนหายใจ “พระอาจารย์ข้าอยากให้โอกาสสุดท้ายแก่ท่าน หยุดเสียตอนนี้ข้าจะคิดว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

พระอาจารย์ช่างจื้อยิ้มเยาะ “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นคนจากจงหยวนหยิ่งผยองเช่นนี้”

“ไม่จริงๆ หรือ” พระอาจารย์ช่างจื้อเคลื่อนไหวแทนคำตอบ

หมิงเวยถอนหายใจหลังจากความอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหยุด นางจึงทำได้เพียงตอบโต้กลับ

“ล่วงเกินท่านแล้ว”

สิ้นเสียงของนางเสียงขลุ่ยก็ดังเข้ามาในหูคลื่นเสียงซุ่มโจมตีพระอาจารย์ช่างจื้ออย่างมีเจตนาสังหาร เสียงขลุ่ยดังเข้ามาในหูพระอาจารย์ช่างจื้อรู้สึกปวดแก้วหูอย่างรุนแรงจิตใจของเขาก็ผันผวนตามไปด้วย

พลังคลื่นเสียง!

ในสถานการณ์เช่นนี้หากเขาฝืนเคลื่อนไหวต่ออาจถูกพลังเสียงของคู่ต่อสู้ก่อกวนกำลังภายในไม่แน่ว่าร่างกายเขาอาจระเบิดออกก็เป็นได้

เมื่อบังคับไม่ได้เขาทำได้เพียงหยุดการโจมตีชั่วคราวแล้วเรียกกำลังภายในเพื่อต้านทาน

“วิ้ง…” เสียงขลุ่ยทำให้บาตรสีทองสั่น หมิงเวยยังคงนิ่งและเปาขลุ่ยต่อไป

“วู…” เสียงขลุ่ยที่ฟังดูแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยเจตนาสังหารได้ระเบิดขึ้นต่อหน้าพระอาจารย์ช่างจื้อ การโจมตีด้วยคลื่นเสียงไม่ได้แยกศัตรูกับคนของตนเองได้ ซูถูที่กำลังไล่ตามจึงจำเป็นต้องหยุดแล้วป้องกันตนเอง

เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขารู้ว่าสตรีนางนี้เป็นยอดฝีมือ แต่เขาก็ยังประเมินกำลังของนางต่ำเกินไป เสวียนชื่อจากจงหยวนแข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ

ในกรณีนี้หากในอนาคตเดินทางไปจงหยวนเขาต้องเผชิญหน้ากับแรงต้านที่มีอานุภาพเช่นนี้หรือไม่ เสียงขลุ่ยสามารถแทรกซึมไปได้ทั่วทุกที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวตาม

เสียงอันแสนเศร้าทำให้เขานึกถึงวัยเด็ก…

“อาเหนียง เหตุใดซูถูถึงแตกต่างจากพวกเราล่ะ”

“เพราะแม่ของเขาเป็นคนจงหยวน”

“เขาไม่มีความกล้าหาญเหมือนพวกเราชาวหูเหรินหรือ”

“แน่นอน อูต๋าของพวกเรากล้าหาญที่สุด” ซูถูลืมตาขึ้นทันที

คนจงหยวน…สามคำนี้เป็นคำสาปของเขาเพราะหน้าตาเช่นนี้เขาถึงถูกมองว่าเป็นคนนอกคอก! แต่คนที่เหมือนกับเขาอยู่ที่ไหนล่ะ คนจงหยวนในเผ่าของเขาอันที่จริงมีอีกหนึ่งคน แต่นางมีสถานะที่สูงส่ง

นั่นก็คือท่านย่าของเขาองค์หญิงจากจงหยวน

ชาวหูเหรินมีความขัดแย้งกันมากด้านหนึ่งพวกเขาดูถูกชาวจงหยวนรู้สึกว่าพวกเขาอ่อนแอ และมีเล่ห์เหลี่ยม ในทางกลับกันก็ปรารถนาความเจริญรุ่งเรืองและอารยธรรมที่ชาวจงหยวนสร้างขึ้น ดังนั้นในขณะที่ชาวหูเหรินรังแกทาสหญิงจากจงหยวน แต่พวกเขาก็เคารพองค์หญิงจากจงหยวนด้วยเช่นกัน

แม้ว่าราชวงศ์ขององค์หญิงจะถูกล้มล้างไปแล้วก็ตาม

บิดาของเขาหัวหน้าเผ่าหมาป่าหิมะก็เป็นเช่นนี้ไม่ชอบสายเลือดจงหยวนของตนเอง แต่ก็ภูมิใจในสายเลือดอันสูงส่งที่ได้จากมารดา

ซูถูเคยอยากได้คำตอบ

คนจงหยวนกับชาวหูเหรินต่างกันตรงไหนหรือ เขาดูไม่เหมือนชาวหูเหริน แล้วเขาจะปฏิบัติต่อตัวเองในฐานะชาวจงหยวนได้หรือไม่

ดังนั้นเขาจึงอยากไปถามองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ท่านย่าของเขา

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้พบท่านย่าองค์หญิงจากจงหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “หูเหรินก็คือหูเหรินคิดว่ามีใบหน้าเหมือนคนจงหยวนแล้วจะสามารถเป็นคนจงหยวนได้หรือ”

ซูถูเข้าใจแล้วไม่มีผู้ใดเป็นพวกเดียวกันกับเขาเลย ต่อมาเขาจึงคิดว่าในเมื่อไม่มีผู้ใดมองว่าเขาเป็นคนพวกเดียวกัน ถ้าเช่นนั้นเขาจะเปลี่ยนทุกคนให้กลายเป็นทาสที่อยู่ใต้เท้าเขา!

เขาไม่ต้องการที่จะมองย้อนกลับไปว่ามันยากแค่ไหนกว่าจะก้าวไปได้แต่ละก้าว

ในตอนแรกเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อยากได้รับการยอมรับก็เท่านั้น…

“วิ้ง…” ซูถูถูกคลื่นเสียงเรียกสติ

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองหมิงเวยก็หยุดลงแล้ว สองมือของพระอาจารย์ช่างจื้อสั่นเทาแทบจะจับบาตรสีทองไว้ไม่อยู่ที่หน้าอกของอีกฝ่ายมีเลือดเปื้อนเล็กน้อย

“เรื่องในวันนี้ข้าจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น” หมิงเวยพูด

พระอาจารย์ช่างจื้อยังมีพื้นที่ให้โต้กลับได้อีกหรือหลังจากหายใจคงที่แล้วเขาก็เดินจากไป หมิงเวยมองสร้อยลูกประคำที่ตกลงบนพื้นแล้วนึกถึงคำบอกใบ้

ในตอนนั้นสีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และมองพระอาจารย์ช่างจื้อด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ตรงอกของนาง สัญลักษณ์ยืนยันตัวตนของซูรื่อฉู่และคนอื่นๆ เกิดปฏิกิริยา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คู่ชะตาบันดาลรัก 346 แขกคนสำคัญ

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 346 แขกคนสำคัญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พระอาจารย์นี่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” หมิงเวยมองเขา “ข้าถอยให้ท่านแล้ว พระอาจารย์ยังไม่พอใจอีกหรือ”

พระอาจารย์ช่างจื้อถอนหายใจดวงตาของเขามีประกายอันแรงกล้า “พิธีกรรมเทียนเสินกำลังจะมาถึงยอดฝีมือที่จับตัวหาได้ยากเช่นแม่นางมาที่เมืองหยุนไฉ ข้าจะสงบใจได้อย่างไร”

หมิงเวยพยายามมากขึ้น “ข้าไม่คิดที่จะทำให้เผ่าฉีหูตกที่นั่งลำบากหรอกเจ้าค่ะ”

น่าเสียดายที่พระอาจารย์ช่างจื้อไม่ถอยให้ “ท่านบอกไม่อยาก ไม่อยากจริงๆ หรือ”

“….” หมิงเวยถอนหายใจ “ถ้าเช่นนั้นพระอาจารย์จะให้ทำอย่างไรเจ้าคะ”

“ออกไปจากหยุนไฉซะ!” พระอาจารย์ช่างจื้อพูดเสียงเด็ดขาด “ขอเพียงแม่นางออกจากเมืองหยุนไฉในทันทีพวกเราจะถือว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

รอยยิ้มของหมิงเวยหายไป “แล้วถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ”

“เช่นนั้นจะมาโทษพระอาจารย์ไม่ได้!” สิ่งที่พระอาจารย์ช่างจื้อรอคอยคือคำพูดนี้ของนาง กล่าวจบเขาก็ลอยตัวขึ้นแล้วโยนบาตรสีทองออกไป

หมิงเวยเตรียมพร้อมที่จะโต้กลับอยู่แล้ว แต่กลับได้ยินเสียง ‘ฉึก’ ตามด้วยเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นลูกธนูที่พุ่งเข้าชนกับบาตรสีทอง พระอาจารย์ช่างจื้อยกมือขึ้นรับบาตรสีทองแล้วมองผู้มาใหม่

“องค์ชายซูถู”

ซูถูกระโดดลงจากหลังคาเบาๆ แล้วพยักหน้าให้พระอาจารย์ช่างจื้อ “พระอาจารย์ ข้าบอกท่านแล้วว่านางเป็นแขกของพวกเราเผ่าหมาป่าหิมะ”

พระอาจารย์ช่างจื้อมองเขาแล้วมองหมิงเวยแล้วเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา

“เป็นเช่นนี้นี่เอง นี่เป็นวิธีที่พวกท่านเผ่าหมาป่าหิมะจะจัดการกับข้างั้นหรือ”

หมิงเวยได้ยินเช่นนั้นแม้จะไม่มีทางเลือก แต่ก็ยิ้มรับ

นางอยากยืนอยู่ข้างฝ่ายเผ่าฉีหู ทำไมจึงไม่ให้โอกาสนางบ้างเล่า พูดเช่นนี้เท่ากับว่านางอยู่ฝั่งซูถูอย่างเป็นทางการแล้ว หากไม่ใช่เพราะนางรู้ประวัติศาสตร์อยู่แล้ว การที่พระอาจารย์ช่างจื้อมองนางเป็นศัตรูเช่นนี้นางคงยินดีช่วยซูถูต่อกรกับเขาจริงๆ

ซูถูกลับพูดว่า “พระอาจารย์พูดอะไรกัน ท่านเป็นหูเซิงผู้มีคุณธรรม และบารมีสูงส่ง พวกเราจะไปต่อกรกับท่านได้อย่างไรต้องเป็นการเข้าใจผิดกันแน่”

พระอาจารย์ช่างจื้อไม่เชื่อเลยสักนิดเขาพูดเสียงเย็นชา “ถ้าเช่นนั้นก็เชิญแม่นางผู้นี้ออกจากเมืองหยุนไฉซะ ตราบใดที่นางไม่ก้าวเข้าไปในเมืองหยุนไฉเรื่องในวันนี้จะถือว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด!”

“พระอาจารย์!” ซูถูเลิกคิ้วเขาพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย

พระอาจารย์ช่างจื้อมองดูพวกเขาแล้วยิ้มเยาะราวกับจะบอกว่าข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะใช้ลูกไม้อะไรอีก

ซูถูหันไปมองหมิงเวยแล้วพูดว่า “ขออภัยด้วย พระอาจารย์พวกเราเผ่าหมาป่าหิมะไม่มีนิสัยชอบขับไล่แขก หากแม่นางหมิงบอกไม่ไปพวกเราก็จะให้นางอยู่ต่อ”

พระอาจารย์ช่างจื้อบังคับให้อีกฝ่ายพูดประโยคนี้ออกมาเขายกบาตรสีทองขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็รับโทษซะเถอะ!”

เขาเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยจากนั้นก็พุ่งเข้าหาหมิงเวยอย่างรวดเร็วราวกับอินทรีสยายปีก หมิงเวยเองก็เตรียมใจไว้แล้วจึงบินขึ้น และกระโดดขึ้นไปบนหลังคาหลังอื่น นางไม่ต้องการให้เป็นไปตามแผนของซูถูจึงสู้ไปหนีไป

พระอาจารย์ช่างจื้อไล่ตามนาง ซูถูไม่ได้เฝ้าดูอย่างนิ่งดูดายเขายิงธนูมาจากด้านหลังเป็นครั้งคราว

ทั้งสามคนสู้กันจนไปถึงประตูเมืองทหารของพวกเขาต้องการไล่ตาม แต่ช่องว่างก็เริ่มห่างมากขึ้นเรื่อยๆ

หมิงเวยลงจากกำแพงเมืองแล้วหันไปมองพระอาจารย์ช่างจื้อแล้วถอนหายใจ “พระอาจารย์ข้าอยากให้โอกาสสุดท้ายแก่ท่าน หยุดเสียตอนนี้ข้าจะคิดว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

พระอาจารย์ช่างจื้อยิ้มเยาะ “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นคนจากจงหยวนหยิ่งผยองเช่นนี้”

“ไม่จริงๆ หรือ” พระอาจารย์ช่างจื้อเคลื่อนไหวแทนคำตอบ

หมิงเวยถอนหายใจหลังจากความอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหยุด นางจึงทำได้เพียงตอบโต้กลับ

“ล่วงเกินท่านแล้ว”

สิ้นเสียงของนางเสียงขลุ่ยก็ดังเข้ามาในหูคลื่นเสียงซุ่มโจมตีพระอาจารย์ช่างจื้ออย่างมีเจตนาสังหาร เสียงขลุ่ยดังเข้ามาในหูพระอาจารย์ช่างจื้อรู้สึกปวดแก้วหูอย่างรุนแรงจิตใจของเขาก็ผันผวนตามไปด้วย

พลังคลื่นเสียง!

ในสถานการณ์เช่นนี้หากเขาฝืนเคลื่อนไหวต่ออาจถูกพลังเสียงของคู่ต่อสู้ก่อกวนกำลังภายในไม่แน่ว่าร่างกายเขาอาจระเบิดออกก็เป็นได้

เมื่อบังคับไม่ได้เขาทำได้เพียงหยุดการโจมตีชั่วคราวแล้วเรียกกำลังภายในเพื่อต้านทาน

“วิ้ง…” เสียงขลุ่ยทำให้บาตรสีทองสั่น หมิงเวยยังคงนิ่งและเปาขลุ่ยต่อไป

“วู…” เสียงขลุ่ยที่ฟังดูแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยเจตนาสังหารได้ระเบิดขึ้นต่อหน้าพระอาจารย์ช่างจื้อ การโจมตีด้วยคลื่นเสียงไม่ได้แยกศัตรูกับคนของตนเองได้ ซูถูที่กำลังไล่ตามจึงจำเป็นต้องหยุดแล้วป้องกันตนเอง

เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขารู้ว่าสตรีนางนี้เป็นยอดฝีมือ แต่เขาก็ยังประเมินกำลังของนางต่ำเกินไป เสวียนชื่อจากจงหยวนแข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ

ในกรณีนี้หากในอนาคตเดินทางไปจงหยวนเขาต้องเผชิญหน้ากับแรงต้านที่มีอานุภาพเช่นนี้หรือไม่ เสียงขลุ่ยสามารถแทรกซึมไปได้ทั่วทุกที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวตาม

เสียงอันแสนเศร้าทำให้เขานึกถึงวัยเด็ก…

“อาเหนียง เหตุใดซูถูถึงแตกต่างจากพวกเราล่ะ”

“เพราะแม่ของเขาเป็นคนจงหยวน”

“เขาไม่มีความกล้าหาญเหมือนพวกเราชาวหูเหรินหรือ”

“แน่นอน อูต๋าของพวกเรากล้าหาญที่สุด” ซูถูลืมตาขึ้นทันที

คนจงหยวน…สามคำนี้เป็นคำสาปของเขาเพราะหน้าตาเช่นนี้เขาถึงถูกมองว่าเป็นคนนอกคอก! แต่คนที่เหมือนกับเขาอยู่ที่ไหนล่ะ คนจงหยวนในเผ่าของเขาอันที่จริงมีอีกหนึ่งคน แต่นางมีสถานะที่สูงส่ง

นั่นก็คือท่านย่าของเขาองค์หญิงจากจงหยวน

ชาวหูเหรินมีความขัดแย้งกันมากด้านหนึ่งพวกเขาดูถูกชาวจงหยวนรู้สึกว่าพวกเขาอ่อนแอ และมีเล่ห์เหลี่ยม ในทางกลับกันก็ปรารถนาความเจริญรุ่งเรืองและอารยธรรมที่ชาวจงหยวนสร้างขึ้น ดังนั้นในขณะที่ชาวหูเหรินรังแกทาสหญิงจากจงหยวน แต่พวกเขาก็เคารพองค์หญิงจากจงหยวนด้วยเช่นกัน

แม้ว่าราชวงศ์ขององค์หญิงจะถูกล้มล้างไปแล้วก็ตาม

บิดาของเขาหัวหน้าเผ่าหมาป่าหิมะก็เป็นเช่นนี้ไม่ชอบสายเลือดจงหยวนของตนเอง แต่ก็ภูมิใจในสายเลือดอันสูงส่งที่ได้จากมารดา

ซูถูเคยอยากได้คำตอบ

คนจงหยวนกับชาวหูเหรินต่างกันตรงไหนหรือ เขาดูไม่เหมือนชาวหูเหริน แล้วเขาจะปฏิบัติต่อตัวเองในฐานะชาวจงหยวนได้หรือไม่

ดังนั้นเขาจึงอยากไปถามองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ท่านย่าของเขา

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้พบท่านย่าองค์หญิงจากจงหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “หูเหรินก็คือหูเหรินคิดว่ามีใบหน้าเหมือนคนจงหยวนแล้วจะสามารถเป็นคนจงหยวนได้หรือ”

ซูถูเข้าใจแล้วไม่มีผู้ใดเป็นพวกเดียวกันกับเขาเลย ต่อมาเขาจึงคิดว่าในเมื่อไม่มีผู้ใดมองว่าเขาเป็นคนพวกเดียวกัน ถ้าเช่นนั้นเขาจะเปลี่ยนทุกคนให้กลายเป็นทาสที่อยู่ใต้เท้าเขา!

เขาไม่ต้องการที่จะมองย้อนกลับไปว่ามันยากแค่ไหนกว่าจะก้าวไปได้แต่ละก้าว

ในตอนแรกเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อยากได้รับการยอมรับก็เท่านั้น…

“วิ้ง…” ซูถูถูกคลื่นเสียงเรียกสติ

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองหมิงเวยก็หยุดลงแล้ว สองมือของพระอาจารย์ช่างจื้อสั่นเทาแทบจะจับบาตรสีทองไว้ไม่อยู่ที่หน้าอกของอีกฝ่ายมีเลือดเปื้อนเล็กน้อย

“เรื่องในวันนี้ข้าจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น” หมิงเวยพูด

พระอาจารย์ช่างจื้อยังมีพื้นที่ให้โต้กลับได้อีกหรือหลังจากหายใจคงที่แล้วเขาก็เดินจากไป หมิงเวยมองสร้อยลูกประคำที่ตกลงบนพื้นแล้วนึกถึงคำบอกใบ้

ในตอนนั้นสีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และมองพระอาจารย์ช่างจื้อด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ตรงอกของนาง สัญลักษณ์ยืนยันตัวตนของซูรื่อฉู่และคนอื่นๆ เกิดปฏิกิริยา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คู่ชะตาบันดาลรัก 346 แขกคนสำคัญ

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 346 แขกคนสำคัญ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พระอาจารย์นี่หมายความว่าอย่างไรเจ้าคะ” หมิงเวยมองเขา “ข้าถอยให้ท่านแล้ว พระอาจารย์ยังไม่พอใจอีกหรือ”

พระอาจารย์ช่างจื้อถอนหายใจดวงตาของเขามีประกายอันแรงกล้า “พิธีกรรมเทียนเสินกำลังจะมาถึงยอดฝีมือที่จับตัวหาได้ยากเช่นแม่นางมาที่เมืองหยุนไฉ ข้าจะสงบใจได้อย่างไร”

หมิงเวยพยายามมากขึ้น “ข้าไม่คิดที่จะทำให้เผ่าฉีหูตกที่นั่งลำบากหรอกเจ้าค่ะ”

น่าเสียดายที่พระอาจารย์ช่างจื้อไม่ถอยให้ “ท่านบอกไม่อยาก ไม่อยากจริงๆ หรือ”

“….” หมิงเวยถอนหายใจ “ถ้าเช่นนั้นพระอาจารย์จะให้ทำอย่างไรเจ้าคะ”

“ออกไปจากหยุนไฉซะ!” พระอาจารย์ช่างจื้อพูดเสียงเด็ดขาด “ขอเพียงแม่นางออกจากเมืองหยุนไฉในทันทีพวกเราจะถือว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

รอยยิ้มของหมิงเวยหายไป “แล้วถ้าข้าบอกว่าไม่ล่ะ”

“เช่นนั้นจะมาโทษพระอาจารย์ไม่ได้!” สิ่งที่พระอาจารย์ช่างจื้อรอคอยคือคำพูดนี้ของนาง กล่าวจบเขาก็ลอยตัวขึ้นแล้วโยนบาตรสีทองออกไป

หมิงเวยเตรียมพร้อมที่จะโต้กลับอยู่แล้ว แต่กลับได้ยินเสียง ‘ฉึก’ ตามด้วยเสียงระเบิดดังขึ้นเป็นลูกธนูที่พุ่งเข้าชนกับบาตรสีทอง พระอาจารย์ช่างจื้อยกมือขึ้นรับบาตรสีทองแล้วมองผู้มาใหม่

“องค์ชายซูถู”

ซูถูกระโดดลงจากหลังคาเบาๆ แล้วพยักหน้าให้พระอาจารย์ช่างจื้อ “พระอาจารย์ ข้าบอกท่านแล้วว่านางเป็นแขกของพวกเราเผ่าหมาป่าหิมะ”

พระอาจารย์ช่างจื้อมองเขาแล้วมองหมิงเวยแล้วเหมือนจะเข้าใจอะไรขึ้นมา

“เป็นเช่นนี้นี่เอง นี่เป็นวิธีที่พวกท่านเผ่าหมาป่าหิมะจะจัดการกับข้างั้นหรือ”

หมิงเวยได้ยินเช่นนั้นแม้จะไม่มีทางเลือก แต่ก็ยิ้มรับ

นางอยากยืนอยู่ข้างฝ่ายเผ่าฉีหู ทำไมจึงไม่ให้โอกาสนางบ้างเล่า พูดเช่นนี้เท่ากับว่านางอยู่ฝั่งซูถูอย่างเป็นทางการแล้ว หากไม่ใช่เพราะนางรู้ประวัติศาสตร์อยู่แล้ว การที่พระอาจารย์ช่างจื้อมองนางเป็นศัตรูเช่นนี้นางคงยินดีช่วยซูถูต่อกรกับเขาจริงๆ

ซูถูกลับพูดว่า “พระอาจารย์พูดอะไรกัน ท่านเป็นหูเซิงผู้มีคุณธรรม และบารมีสูงส่ง พวกเราจะไปต่อกรกับท่านได้อย่างไรต้องเป็นการเข้าใจผิดกันแน่”

พระอาจารย์ช่างจื้อไม่เชื่อเลยสักนิดเขาพูดเสียงเย็นชา “ถ้าเช่นนั้นก็เชิญแม่นางผู้นี้ออกจากเมืองหยุนไฉซะ ตราบใดที่นางไม่ก้าวเข้าไปในเมืองหยุนไฉเรื่องในวันนี้จะถือว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด!”

“พระอาจารย์!” ซูถูเลิกคิ้วเขาพยายามเกลี้ยกล่อมอีกฝ่าย

พระอาจารย์ช่างจื้อมองดูพวกเขาแล้วยิ้มเยาะราวกับจะบอกว่าข้าจะดูว่าพวกเจ้าจะใช้ลูกไม้อะไรอีก

ซูถูหันไปมองหมิงเวยแล้วพูดว่า “ขออภัยด้วย พระอาจารย์พวกเราเผ่าหมาป่าหิมะไม่มีนิสัยชอบขับไล่แขก หากแม่นางหมิงบอกไม่ไปพวกเราก็จะให้นางอยู่ต่อ”

พระอาจารย์ช่างจื้อบังคับให้อีกฝ่ายพูดประโยคนี้ออกมาเขายกบาตรสีทองขึ้น “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็รับโทษซะเถอะ!”

เขาเขย่งปลายเท้าเล็กน้อยจากนั้นก็พุ่งเข้าหาหมิงเวยอย่างรวดเร็วราวกับอินทรีสยายปีก หมิงเวยเองก็เตรียมใจไว้แล้วจึงบินขึ้น และกระโดดขึ้นไปบนหลังคาหลังอื่น นางไม่ต้องการให้เป็นไปตามแผนของซูถูจึงสู้ไปหนีไป

พระอาจารย์ช่างจื้อไล่ตามนาง ซูถูไม่ได้เฝ้าดูอย่างนิ่งดูดายเขายิงธนูมาจากด้านหลังเป็นครั้งคราว

ทั้งสามคนสู้กันจนไปถึงประตูเมืองทหารของพวกเขาต้องการไล่ตาม แต่ช่องว่างก็เริ่มห่างมากขึ้นเรื่อยๆ

หมิงเวยลงจากกำแพงเมืองแล้วหันไปมองพระอาจารย์ช่างจื้อแล้วถอนหายใจ “พระอาจารย์ข้าอยากให้โอกาสสุดท้ายแก่ท่าน หยุดเสียตอนนี้ข้าจะคิดว่าไม่เคยมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น”

พระอาจารย์ช่างจื้อยิ้มเยาะ “นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นคนจากจงหยวนหยิ่งผยองเช่นนี้”

“ไม่จริงๆ หรือ” พระอาจารย์ช่างจื้อเคลื่อนไหวแทนคำตอบ

หมิงเวยถอนหายใจหลังจากความอดทนซ้ำแล้วซ้ำเล่าอีกฝ่ายก็ยังไม่ยอมหยุด นางจึงทำได้เพียงตอบโต้กลับ

“ล่วงเกินท่านแล้ว”

สิ้นเสียงของนางเสียงขลุ่ยก็ดังเข้ามาในหูคลื่นเสียงซุ่มโจมตีพระอาจารย์ช่างจื้ออย่างมีเจตนาสังหาร เสียงขลุ่ยดังเข้ามาในหูพระอาจารย์ช่างจื้อรู้สึกปวดแก้วหูอย่างรุนแรงจิตใจของเขาก็ผันผวนตามไปด้วย

พลังคลื่นเสียง!

ในสถานการณ์เช่นนี้หากเขาฝืนเคลื่อนไหวต่ออาจถูกพลังเสียงของคู่ต่อสู้ก่อกวนกำลังภายในไม่แน่ว่าร่างกายเขาอาจระเบิดออกก็เป็นได้

เมื่อบังคับไม่ได้เขาทำได้เพียงหยุดการโจมตีชั่วคราวแล้วเรียกกำลังภายในเพื่อต้านทาน

“วิ้ง…” เสียงขลุ่ยทำให้บาตรสีทองสั่น หมิงเวยยังคงนิ่งและเปาขลุ่ยต่อไป

“วู…” เสียงขลุ่ยที่ฟังดูแผ่วเบา แต่แฝงไปด้วยเจตนาสังหารได้ระเบิดขึ้นต่อหน้าพระอาจารย์ช่างจื้อ การโจมตีด้วยคลื่นเสียงไม่ได้แยกศัตรูกับคนของตนเองได้ ซูถูที่กำลังไล่ตามจึงจำเป็นต้องหยุดแล้วป้องกันตนเอง

เขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เขารู้ว่าสตรีนางนี้เป็นยอดฝีมือ แต่เขาก็ยังประเมินกำลังของนางต่ำเกินไป เสวียนชื่อจากจงหยวนแข็งแกร่งเพียงนี้เชียวหรือ

ในกรณีนี้หากในอนาคตเดินทางไปจงหยวนเขาต้องเผชิญหน้ากับแรงต้านที่มีอานุภาพเช่นนี้หรือไม่ เสียงขลุ่ยสามารถแทรกซึมไปได้ทั่วทุกที่ทำให้หัวใจของเขาสั่นไหวตาม

เสียงอันแสนเศร้าทำให้เขานึกถึงวัยเด็ก…

“อาเหนียง เหตุใดซูถูถึงแตกต่างจากพวกเราล่ะ”

“เพราะแม่ของเขาเป็นคนจงหยวน”

“เขาไม่มีความกล้าหาญเหมือนพวกเราชาวหูเหรินหรือ”

“แน่นอน อูต๋าของพวกเรากล้าหาญที่สุด” ซูถูลืมตาขึ้นทันที

คนจงหยวน…สามคำนี้เป็นคำสาปของเขาเพราะหน้าตาเช่นนี้เขาถึงถูกมองว่าเป็นคนนอกคอก! แต่คนที่เหมือนกับเขาอยู่ที่ไหนล่ะ คนจงหยวนในเผ่าของเขาอันที่จริงมีอีกหนึ่งคน แต่นางมีสถานะที่สูงส่ง

นั่นก็คือท่านย่าของเขาองค์หญิงจากจงหยวน

ชาวหูเหรินมีความขัดแย้งกันมากด้านหนึ่งพวกเขาดูถูกชาวจงหยวนรู้สึกว่าพวกเขาอ่อนแอ และมีเล่ห์เหลี่ยม ในทางกลับกันก็ปรารถนาความเจริญรุ่งเรืองและอารยธรรมที่ชาวจงหยวนสร้างขึ้น ดังนั้นในขณะที่ชาวหูเหรินรังแกทาสหญิงจากจงหยวน แต่พวกเขาก็เคารพองค์หญิงจากจงหยวนด้วยเช่นกัน

แม้ว่าราชวงศ์ขององค์หญิงจะถูกล้มล้างไปแล้วก็ตาม

บิดาของเขาหัวหน้าเผ่าหมาป่าหิมะก็เป็นเช่นนี้ไม่ชอบสายเลือดจงหยวนของตนเอง แต่ก็ภูมิใจในสายเลือดอันสูงส่งที่ได้จากมารดา

ซูถูเคยอยากได้คำตอบ

คนจงหยวนกับชาวหูเหรินต่างกันตรงไหนหรือ เขาดูไม่เหมือนชาวหูเหริน แล้วเขาจะปฏิบัติต่อตัวเองในฐานะชาวจงหยวนได้หรือไม่

ดังนั้นเขาจึงอยากไปถามองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ท่านย่าของเขา

อย่างไรก็ตามเมื่อเขาได้พบท่านย่าองค์หญิงจากจงหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า “หูเหรินก็คือหูเหรินคิดว่ามีใบหน้าเหมือนคนจงหยวนแล้วจะสามารถเป็นคนจงหยวนได้หรือ”

ซูถูเข้าใจแล้วไม่มีผู้ใดเป็นพวกเดียวกันกับเขาเลย ต่อมาเขาจึงคิดว่าในเมื่อไม่มีผู้ใดมองว่าเขาเป็นคนพวกเดียวกัน ถ้าเช่นนั้นเขาจะเปลี่ยนทุกคนให้กลายเป็นทาสที่อยู่ใต้เท้าเขา!

เขาไม่ต้องการที่จะมองย้อนกลับไปว่ามันยากแค่ไหนกว่าจะก้าวไปได้แต่ละก้าว

ในตอนแรกเขาเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่อยากได้รับการยอมรับก็เท่านั้น…

“วิ้ง…” ซูถูถูกคลื่นเสียงเรียกสติ

เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองหมิงเวยก็หยุดลงแล้ว สองมือของพระอาจารย์ช่างจื้อสั่นเทาแทบจะจับบาตรสีทองไว้ไม่อยู่ที่หน้าอกของอีกฝ่ายมีเลือดเปื้อนเล็กน้อย

“เรื่องในวันนี้ข้าจะถือว่าไม่เคยเกิดขึ้น” หมิงเวยพูด

พระอาจารย์ช่างจื้อยังมีพื้นที่ให้โต้กลับได้อีกหรือหลังจากหายใจคงที่แล้วเขาก็เดินจากไป หมิงเวยมองสร้อยลูกประคำที่ตกลงบนพื้นแล้วนึกถึงคำบอกใบ้

ในตอนนั้นสีหน้าของนางเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน และมองพระอาจารย์ช่างจื้อด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ ตรงอกของนาง สัญลักษณ์ยืนยันตัวตนของซูรื่อฉู่และคนอื่นๆ เกิดปฏิกิริยา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+