คู่ชะตาบันดาลรัก 250 คำนวณ

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 250 คำนวณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อาจารย์อี้ขอรับ” เสวียนเฟยเดินเข้ามาทักทาย  

 

 

หอดูดาวถูกพรางตาอีกครั้งการจัดค่ายกลเพื่อสังเกตการณ์ดวงดาวถูกจัดเรียบร้อยแล้ว  

 

 

ผู้อาวุโสอี้ยิ้มแล้วพยักหน้า “เจ้าคอยสังเกตอยู่ด้านข้างก็ดีเหมือนกัน การสังเกตดวงดาวในครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นบ่อยครั้ง วันข้างหน้าหากเจ้าดำเนินการเองจะได้มีประสบการณ์”  

 

 

หมายความว่าได้เลือกเขาให้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไปแล้ว  

 

 

เสวียนเฟยรู้สึกโล่งใจ เขายิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “ขอรับ ศิษย์จะสังเกตการณ์เป็นอย่างดี”  

 

 

เมื่อเขาพูดจบก็มีเสียงแหลมดังขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้เสด็จ…”  

 

 

เหล่าผู้อาวุโสตกใจ ฮ่องเต้เสด็จมาจริงหรือดูเหมือนว่าฮ่องเต้จะใส่ใจกับดาวมารมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้เสียอีก! หัวใจของเสวียนเฟยเหมือนมีพายุปั่นป่วนอยู่ภายใน  

 

 

เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้ที่ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ดูมีท่าทีสงบต่อเรื่องดาวมารอยู่เลย เหตุใดถึงเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยตนเองหรือว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นงั้นหรือ  

 

 

ตอนนี้เขาเชื่อในสิ่งที่หมิงเวยพูดอย่างไม่ต้องสงสัยอีก  

 

 

เขาคือดาวมารจึงไม่ต้องการให้ฮ่องเต้ติดตามเรื่องนี้มากเกินไปเพื่อที่จะได้ไม่ทำร้ายตนเอง   

 

 

“ถวายบังคมฝ่าบาท”  

 

 

เมื่อรถพระที่นั่งลงจอด ฮ่องเต้ทรงแย้มสรวลแล้วยกพระหัตถ์ขึ้น “ไม่ต้องมากพิธี พวกท่านดำเนินการที่ต้องทำเถอะ เจิ้นแค่มาดูเท่านั้น” เสวียนเฟยเห็นอวี้หยางที่เดินตามรถพระที่นั่งมาด้วยก็ยิ่งประหลาดใจ  

 

 

เหตุใดอวี้หยางถึงมาด้วยกันกับฝ่าบาทได้ หรือว่าเขาไปทูลอะไรกับฝ่าบาทกัน  

 

 

อวี้หยางเห็นสายตาที่เขามองมาจึงส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นไปให้ในฐานะศิษย์พี่  

 

 

เสวียนเฟยจึงทำได้แต่ยิ้มกลับ ถอนสายตาออกมาแล้วสงบสติอารมณ์  

 

 

ไม่ว่าอวี้หยางจะทำอะไร เขาก็ต้องหาวิธีรับมือให้ได้ถึงแม้อวี้หยางจะบอกว่าตนเป็นดาวมาร แต่เขาจะไม่สามารถคัดค้านได้หรือ การสังเกตดวงดาวและพยากรณ์โชคชะตา ก่อนที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่างที่สอดคล้องออกมา เป็นไปไม่ได้ที่จะระบุว่าดาวมารเป็นผู้ใด  

 

 

ฮ่องเต้เดินเข้ามาในศาลาแล้วยิ้มให้ผู้อาวุโสอี้ “เจิ้นจะมองจากด้านข้าง พวกท่านสังเกตการณ์ต่อเถอะ เจิ้นจะไม่เข้าไปรบกวน”  

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้อาวุโสอี้ตอบรับแล้วกลับไปดำเนินการต่อ  

 

 

“ตั้งค่าย!”  

 

 

สิ้นเสียง เหล่าผู้อาวุโสหลายสิบคนเดินไปที่หอดูดาวแล้วนั่งลง  

 

 

“ตั้ง…” เหล่าผู้อาวุโสส่งพลังออกมาพร้อมกัน  

 

 

ค่ายกลส่องแสงสว่างแล้วเหนือหอดูดาวราวกับเข้าสู่ยามราตรีในชั่วพริบตา  

 

 

เหล่าผู้อาวุโสเข้าไปในทะเลดวงดาวแห่งโชคชะตาในเวลาเดียวกันและได้พบดาวแห่งโชคชะตาของตนเองในท้องฟ้ายามค่ำคืนอันกว้างใหญ่  

 

 

ดวงดาวแห่งโชคชะตาสว่างขึ้น จากนั้นได้ใช้พลังเพื่อเชื่อมต่อกับดวงดาวแห่งโชคชะตาของผู้อื่นเพื่อสร้างตาข่ายขนาดใหญ่  

 

 

จากนั้นก็ใช้เครือข่ายเหล่านี้เชื่อมต่อกับดวงดาวแห่งโชคชะตาดวงอื่นๆ  

 

 

เมื่อมีผู้อาวุโสหลายสิบท่านออกโรงในเวลาเดียวกันควบคู่กับพลังจากการตั้งค่ายกล ทะเลดวงดาวแห่งโชคชะตาทั้งหมดส่องสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว สายตาหลายสิบคู่กวาดตามองหาดวงดาวทีละดวง  

 

 

“พบแล้ว!” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งพูดขึ้น ดาวสีแดงเพลิงลอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ส่องแสงหม่นๆ แต่ดูลึกลับ  

 

 

อวี้หยางพูดถูกมีดาวมารจริงๆ!  

 

 

ใต้หอดูดาว เสวียนเฟยกอดอกมองเหล่าผู้อาวุโสบบนหอดูดาวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์  

 

 

เมื่อค่ายกลกลับสู่ความเงียบ ท้องฟ้าได้มืดลง เวลาค่ำได้มาถึง คบเพลิงส่องให้หอดูดาวสว่างไสวเหมือนกลางวัน  

 

 

ผู้อาวุโสอี้รีบลงมารายงาน  

 

 

“ทูลฝ่าบาทมีดาวมารจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”  

 

 

สีหน้าของฮ่องเต้เงียบสงบจนมิอาจหยั่งรู้ได้ “พวกท่านมองเห็นอะไร”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้โน้มตัว “เป็นดั่งที่เสวียนเฟยกล่าวเอาไว้ แม้ดาวมารดวงนี้เป็นสีเข้ม แต่ก็มีแสงสลัวและยังไม่ได้ก่อตัวขึ้น สอดคล้องกับคำพูดของเขาที่ว่าเป็นเรื่องในอนาคตพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

ฮ่องเต้ถามต่อว่า “พวกท่านสามารถระบุตัวตนของดาวมารดวงนี้ได้หรือไม่”  

 

 

“นั่น…”  

 

 

ฮ่องเต้หรี่ตา “หรือว่าไม่สามารถสรุปได้”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้ตอบ “กระหม่อมมั่นใจว่าดาวมารเป็นบุรุษ อายุไม่มากนักและ…”  

 

 

“และอะไร”  

 

 

“อยู่ไม่ไกลจากฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

ฮ่องเต้พยักหน้าช้าๆ “พวกท่านพูดมาเถอะ ในเมื่อดาวมารปรากฏขึ้นมาแล้ว เราจะแก้ไขได้อย่างไร”  

 

 

“คือ…” ผู้อาวุโสอี้กล่าวเตือนสติ “ทูลฝ่าบาท ตอนที่ศิษย์พี่ซูสิงยังมีชีวิตอยู่ เขาเคยบอกว่าเรื่องที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ พวกเราที่เฝ้ามองดวงดาว สิ่งแรกที่ต้องจำไว้ก็คือไม่ควรมองว่ามันเป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

ฮ่องเต้หัวเราะ “เจิ้นไม่มีเจตนาสังหารหรอกพวกท่านวางใจเถอะ”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้หัวเราะตาม แต่ในใจของเขายังคงเต้นระรัว  

 

 

เขายังไม่สามารถวางใจได้ ถึงฮ่องเต้จะดูมีท่าทีสงบในตอนนี้ แต่กลับมีกลิ่นอายสังหารอยู่เล็กน้อย หรือว่าเขารู้ตัวเป้าหมายแล้ว  

 

 

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ผู้อาวุโสอี้ใจเต้นแรง เขาหันไปมองอวี้หยาง  

 

 

การปรากฏตัวของอวี้หยางนั้นแปลกมาก! เหตุใดถึงมากับฝ่าบาทได้หรือเขาไปพูดอะไรมา เขาคงไม่รู้ว่าตอนนี้อวี้หยางดีใจมากแค่ไหน  

 

 

สำเร็จแล้ว! ทุกอย่างสอดคล้องกันหมด ขอเพียงฮ่องเต้ไตร่ตรองขึ้นอีกนิด ทำให้คนผู้นั้นไม่สามารถไปต่อได้!  

 

 

ฮ่องเต้ลุกขึ้นยืนเขาเอามือไขว้หลังแล้วมองไปยังหอดูดาว “ผู้อาวุโสอี้ ในเมื่อราชครูเคยสั่งพวกท่านไว้ ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่เขาบอกเถอะ เรื่องของแผ่นดินคือเรื่องของเจิ้น หากมีภูติผีปีศาจปรากฏตัวขึ้นมาถือเป็นเรื่องของพวกท่าน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในเมื่อดาวมารปรากฏตัวขึ้นแล้วพวกท่านควรระวังให้มากขึ้น!”  

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

“กลับ”  

 

 

“น้อมส่งฝ่าบาท” ฮ่องเต้เดินจากไป อวี้หยางทำความเคารพแล้วรีบเดินตามไป  

 

 

เสวียนเฟยครุ่นคิดแล้วถามผู้อาวุโสอี้ “อาจารย์อี้ขอรับ เหตุใดศิษย์ถึงรู้สึกไม่สบายใจ ดูเหมือนฝ่าบาท…”  

 

 

สายตาของผู้อาวุโสอี้มืดครึ้มแล้วเขาก็หันมาออกคำสั่งว่า “ไปเรียกซินเจ๋อมา”  

 

 

ซินเจ๋อเป็นศิษย์น้องคนสนิทของอวี้หยางเขาเองก็สงสัยอวี้หยางอยู่เหมือนกัน  

 

 

ผู้อาวุโสอี้เดินนำเสวียนเฟยไปที่ศาลาแล้วกล่าวกับเขาว่า “เรื่องนี้แปลกไปหน่อย ฝ่าบาทเดินทางมาที่นี่เหมือนพระองค์ต้องการแน่ใจอะไรบางอย่าง ดูเหมือนว่าพระองค์จะมีเป้าหมายในใจอยู่แล้ว”  

 

 

เสวียนเฟยขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาของฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่เขาซึ่งแปลกมาก พระองค์สงสัยผู้ใดกันแน่  

 

 

สามเงื่อนไขนี้ฟังดูกว้างไปหน่อยแล้วยังอวี้หยางอีก เขามีบทบาทอะไรในเรื่องนี้กันแน่ ซินเจ๋อยังมาไม่ถึงก็มีขันทีเล็กคนหนึ่งเดินทางมาถึงก่อน  

 

 

“ผู้อาวุโสอี้”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้ยิ้ม “กงกง ฝ่าบาททรงมีรับสั่งอะไรหรือ”  

 

 

ขันทีเล็กยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ “ว่านกงกงให้บ่าวนำดวงชะตาปาจื้อนี้มาให้ผู้อาวุโสขอรับ อยากให้ท่านช่วยคำนวณดวงชะตาว่าดวงชะตานี้ดีหรือไม่ดี”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้ใจเต้นเขามองอย่างตั้งใจและคำนวณอย่างระมัดระวัง  

 

 

เขารู้ว่าดวงชะตานี้ต้องมีความลึกลับบางอย่างจึงทำการคำนวณอย่างรอบคอบ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตอบว่า “ดวงชะตาปาจื้อนี้องค์ประกอบทั้งห้าครบถ้วน ชีวิตนี้ราบรื่น เป็นโชคชะตาแห่งความมั่งคั่ง เพียงแต่ดวงภรรยาไม่ค่อยดีนักทำให้แต่งงานยาก”  

 

 

“แค่นี้หรือขอรับ” ขันทีเล็กดูเหมือนจะไม่เชื่อ “ท่านช่วยดูอีกรอบได้หรือไม่ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้ตอบ “หากมีตรงไหนไม่ถูกต้องอาจเป็นเพราะในความโชคดีมีโชคร้ายซ่อนอยู่ โชคชะตามีอุปสรรคที่ต้องข้ามมันไป กงกง…”  

 

 

ขันทีเล็กยิ้มรับ “ขอบพระคุณผู้อาวุโสมากขอรับ บ่าวขอตัวกลับไปรายงานก่อน” เขารับดวงชะตาปาจื้อนั้นกลับมาแล้วเดินจากไป  

 

 

“อาจารย์อี้ขอรับ!” เสวียนเฟยกระซิบ “ดวงชะตาปาจื้อนั่นหรือว่า…”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม “เจ้าอย่าพูดอะไรออกไป ฝ่าบาทตรัสว่าจะไม่ฆ่าเอาชีวิตผู้ใดทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของการรับตำแหน่ง เจ้าอย่าทำอะไรผิดพลาดไปล่ะ”  

 

 

“แต่ว่าอวี้หยาง…”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้โบกมือ “เรื่องนี้ข้าจัดการเองเจ้าไม่ต้องยื่นมือเข้ามา กลับไปก่อนเถอะ!”  

 

 

“ขอรับ…”  

 

 

………….  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

คู่ชะตาบันดาลรัก 250 คำนวณ

Now you are reading คู่ชะตาบันดาลรัก Chapter 250 คำนวณ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อาจารย์อี้ขอรับ” เสวียนเฟยเดินเข้ามาทักทาย  

 

 

หอดูดาวถูกพรางตาอีกครั้งการจัดค่ายกลเพื่อสังเกตการณ์ดวงดาวถูกจัดเรียบร้อยแล้ว  

 

 

ผู้อาวุโสอี้ยิ้มแล้วพยักหน้า “เจ้าคอยสังเกตอยู่ด้านข้างก็ดีเหมือนกัน การสังเกตดวงดาวในครั้งนี้ไม่ได้จัดขึ้นบ่อยครั้ง วันข้างหน้าหากเจ้าดำเนินการเองจะได้มีประสบการณ์”  

 

 

หมายความว่าได้เลือกเขาให้เป็นเจ้าสำนักคนต่อไปแล้ว  

 

 

เสวียนเฟยรู้สึกโล่งใจ เขายิ้มแล้วตอบกลับไปว่า “ขอรับ ศิษย์จะสังเกตการณ์เป็นอย่างดี”  

 

 

เมื่อเขาพูดจบก็มีเสียงแหลมดังขึ้นมาว่า “ฮ่องเต้เสด็จ…”  

 

 

เหล่าผู้อาวุโสตกใจ ฮ่องเต้เสด็จมาจริงหรือดูเหมือนว่าฮ่องเต้จะใส่ใจกับดาวมารมากกว่าที่พวกเขาคิดไว้เสียอีก! หัวใจของเสวียนเฟยเหมือนมีพายุปั่นป่วนอยู่ภายใน  

 

 

เกิดอะไรขึ้น ก่อนหน้านี้ที่ได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้ดูมีท่าทีสงบต่อเรื่องดาวมารอยู่เลย เหตุใดถึงเสด็จมาทอดพระเนตรด้วยตนเองหรือว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้นงั้นหรือ  

 

 

ตอนนี้เขาเชื่อในสิ่งที่หมิงเวยพูดอย่างไม่ต้องสงสัยอีก  

 

 

เขาคือดาวมารจึงไม่ต้องการให้ฮ่องเต้ติดตามเรื่องนี้มากเกินไปเพื่อที่จะได้ไม่ทำร้ายตนเอง   

 

 

“ถวายบังคมฝ่าบาท”  

 

 

เมื่อรถพระที่นั่งลงจอด ฮ่องเต้ทรงแย้มสรวลแล้วยกพระหัตถ์ขึ้น “ไม่ต้องมากพิธี พวกท่านดำเนินการที่ต้องทำเถอะ เจิ้นแค่มาดูเท่านั้น” เสวียนเฟยเห็นอวี้หยางที่เดินตามรถพระที่นั่งมาด้วยก็ยิ่งประหลาดใจ  

 

 

เหตุใดอวี้หยางถึงมาด้วยกันกับฝ่าบาทได้ หรือว่าเขาไปทูลอะไรกับฝ่าบาทกัน  

 

 

อวี้หยางเห็นสายตาที่เขามองมาจึงส่งรอยยิ้มอันอบอุ่นไปให้ในฐานะศิษย์พี่  

 

 

เสวียนเฟยจึงทำได้แต่ยิ้มกลับ ถอนสายตาออกมาแล้วสงบสติอารมณ์  

 

 

ไม่ว่าอวี้หยางจะทำอะไร เขาก็ต้องหาวิธีรับมือให้ได้ถึงแม้อวี้หยางจะบอกว่าตนเป็นดาวมาร แต่เขาจะไม่สามารถคัดค้านได้หรือ การสังเกตดวงดาวและพยากรณ์โชคชะตา ก่อนที่อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรบางอย่างที่สอดคล้องออกมา เป็นไปไม่ได้ที่จะระบุว่าดาวมารเป็นผู้ใด  

 

 

ฮ่องเต้เดินเข้ามาในศาลาแล้วยิ้มให้ผู้อาวุโสอี้ “เจิ้นจะมองจากด้านข้าง พวกท่านสังเกตการณ์ต่อเถอะ เจิ้นจะไม่เข้าไปรบกวน”  

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ” ผู้อาวุโสอี้ตอบรับแล้วกลับไปดำเนินการต่อ  

 

 

“ตั้งค่าย!”  

 

 

สิ้นเสียง เหล่าผู้อาวุโสหลายสิบคนเดินไปที่หอดูดาวแล้วนั่งลง  

 

 

“ตั้ง…” เหล่าผู้อาวุโสส่งพลังออกมาพร้อมกัน  

 

 

ค่ายกลส่องแสงสว่างแล้วเหนือหอดูดาวราวกับเข้าสู่ยามราตรีในชั่วพริบตา  

 

 

เหล่าผู้อาวุโสเข้าไปในทะเลดวงดาวแห่งโชคชะตาในเวลาเดียวกันและได้พบดาวแห่งโชคชะตาของตนเองในท้องฟ้ายามค่ำคืนอันกว้างใหญ่  

 

 

ดวงดาวแห่งโชคชะตาสว่างขึ้น จากนั้นได้ใช้พลังเพื่อเชื่อมต่อกับดวงดาวแห่งโชคชะตาของผู้อื่นเพื่อสร้างตาข่ายขนาดใหญ่  

 

 

จากนั้นก็ใช้เครือข่ายเหล่านี้เชื่อมต่อกับดวงดาวแห่งโชคชะตาดวงอื่นๆ  

 

 

เมื่อมีผู้อาวุโสหลายสิบท่านออกโรงในเวลาเดียวกันควบคู่กับพลังจากการตั้งค่ายกล ทะเลดวงดาวแห่งโชคชะตาทั้งหมดส่องสว่างขึ้นอย่างรวดเร็ว สายตาหลายสิบคู่กวาดตามองหาดวงดาวทีละดวง  

 

 

“พบแล้ว!” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งพูดขึ้น ดาวสีแดงเพลิงลอยอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ส่องแสงหม่นๆ แต่ดูลึกลับ  

 

 

อวี้หยางพูดถูกมีดาวมารจริงๆ!  

 

 

ใต้หอดูดาว เสวียนเฟยกอดอกมองเหล่าผู้อาวุโสบบนหอดูดาวด้วยสีหน้าไร้อารมณ์  

 

 

เมื่อค่ายกลกลับสู่ความเงียบ ท้องฟ้าได้มืดลง เวลาค่ำได้มาถึง คบเพลิงส่องให้หอดูดาวสว่างไสวเหมือนกลางวัน  

 

 

ผู้อาวุโสอี้รีบลงมารายงาน  

 

 

“ทูลฝ่าบาทมีดาวมารจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”  

 

 

สีหน้าของฮ่องเต้เงียบสงบจนมิอาจหยั่งรู้ได้ “พวกท่านมองเห็นอะไร”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้โน้มตัว “เป็นดั่งที่เสวียนเฟยกล่าวเอาไว้ แม้ดาวมารดวงนี้เป็นสีเข้ม แต่ก็มีแสงสลัวและยังไม่ได้ก่อตัวขึ้น สอดคล้องกับคำพูดของเขาที่ว่าเป็นเรื่องในอนาคตพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

ฮ่องเต้ถามต่อว่า “พวกท่านสามารถระบุตัวตนของดาวมารดวงนี้ได้หรือไม่”  

 

 

“นั่น…”  

 

 

ฮ่องเต้หรี่ตา “หรือว่าไม่สามารถสรุปได้”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้ตอบ “กระหม่อมมั่นใจว่าดาวมารเป็นบุรุษ อายุไม่มากนักและ…”  

 

 

“และอะไร”  

 

 

“อยู่ไม่ไกลจากฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

ฮ่องเต้พยักหน้าช้าๆ “พวกท่านพูดมาเถอะ ในเมื่อดาวมารปรากฏขึ้นมาแล้ว เราจะแก้ไขได้อย่างไร”  

 

 

“คือ…” ผู้อาวุโสอี้กล่าวเตือนสติ “ทูลฝ่าบาท ตอนที่ศิษย์พี่ซูสิงยังมีชีวิตอยู่ เขาเคยบอกว่าเรื่องที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ พวกเราที่เฝ้ามองดวงดาว สิ่งแรกที่ต้องจำไว้ก็คือไม่ควรมองว่ามันเป็นเรื่องจริงพ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

ฮ่องเต้หัวเราะ “เจิ้นไม่มีเจตนาสังหารหรอกพวกท่านวางใจเถอะ”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้หัวเราะตาม แต่ในใจของเขายังคงเต้นระรัว  

 

 

เขายังไม่สามารถวางใจได้ ถึงฮ่องเต้จะดูมีท่าทีสงบในตอนนี้ แต่กลับมีกลิ่นอายสังหารอยู่เล็กน้อย หรือว่าเขารู้ตัวเป้าหมายแล้ว  

 

 

เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ ผู้อาวุโสอี้ใจเต้นแรง เขาหันไปมองอวี้หยาง  

 

 

การปรากฏตัวของอวี้หยางนั้นแปลกมาก! เหตุใดถึงมากับฝ่าบาทได้หรือเขาไปพูดอะไรมา เขาคงไม่รู้ว่าตอนนี้อวี้หยางดีใจมากแค่ไหน  

 

 

สำเร็จแล้ว! ทุกอย่างสอดคล้องกันหมด ขอเพียงฮ่องเต้ไตร่ตรองขึ้นอีกนิด ทำให้คนผู้นั้นไม่สามารถไปต่อได้!  

 

 

ฮ่องเต้ลุกขึ้นยืนเขาเอามือไขว้หลังแล้วมองไปยังหอดูดาว “ผู้อาวุโสอี้ ในเมื่อราชครูเคยสั่งพวกท่านไว้ ถ้าอย่างนั้นก็ทำตามที่เขาบอกเถอะ เรื่องของแผ่นดินคือเรื่องของเจิ้น หากมีภูติผีปีศาจปรากฏตัวขึ้นมาถือเป็นเรื่องของพวกท่าน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในเมื่อดาวมารปรากฏตัวขึ้นแล้วพวกท่านควรระวังให้มากขึ้น!”  

 

 

“พ่ะย่ะค่ะ”  

 

 

“กลับ”  

 

 

“น้อมส่งฝ่าบาท” ฮ่องเต้เดินจากไป อวี้หยางทำความเคารพแล้วรีบเดินตามไป  

 

 

เสวียนเฟยครุ่นคิดแล้วถามผู้อาวุโสอี้ “อาจารย์อี้ขอรับ เหตุใดศิษย์ถึงรู้สึกไม่สบายใจ ดูเหมือนฝ่าบาท…”  

 

 

สายตาของผู้อาวุโสอี้มืดครึ้มแล้วเขาก็หันมาออกคำสั่งว่า “ไปเรียกซินเจ๋อมา”  

 

 

ซินเจ๋อเป็นศิษย์น้องคนสนิทของอวี้หยางเขาเองก็สงสัยอวี้หยางอยู่เหมือนกัน  

 

 

ผู้อาวุโสอี้เดินนำเสวียนเฟยไปที่ศาลาแล้วกล่าวกับเขาว่า “เรื่องนี้แปลกไปหน่อย ฝ่าบาทเดินทางมาที่นี่เหมือนพระองค์ต้องการแน่ใจอะไรบางอย่าง ดูเหมือนว่าพระองค์จะมีเป้าหมายในใจอยู่แล้ว”  

 

 

เสวียนเฟยขมวดคิ้วแน่น เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาของฝ่าบาทไม่ได้อยู่ที่เขาซึ่งแปลกมาก พระองค์สงสัยผู้ใดกันแน่  

 

 

สามเงื่อนไขนี้ฟังดูกว้างไปหน่อยแล้วยังอวี้หยางอีก เขามีบทบาทอะไรในเรื่องนี้กันแน่ ซินเจ๋อยังมาไม่ถึงก็มีขันทีเล็กคนหนึ่งเดินทางมาถึงก่อน  

 

 

“ผู้อาวุโสอี้”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้ยิ้ม “กงกง ฝ่าบาททรงมีรับสั่งอะไรหรือ”  

 

 

ขันทีเล็กยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ “ว่านกงกงให้บ่าวนำดวงชะตาปาจื้อนี้มาให้ผู้อาวุโสขอรับ อยากให้ท่านช่วยคำนวณดวงชะตาว่าดวงชะตานี้ดีหรือไม่ดี”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้ใจเต้นเขามองอย่างตั้งใจและคำนวณอย่างระมัดระวัง  

 

 

เขารู้ว่าดวงชะตานี้ต้องมีความลึกลับบางอย่างจึงทำการคำนวณอย่างรอบคอบ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตอบว่า “ดวงชะตาปาจื้อนี้องค์ประกอบทั้งห้าครบถ้วน ชีวิตนี้ราบรื่น เป็นโชคชะตาแห่งความมั่งคั่ง เพียงแต่ดวงภรรยาไม่ค่อยดีนักทำให้แต่งงานยาก”  

 

 

“แค่นี้หรือขอรับ” ขันทีเล็กดูเหมือนจะไม่เชื่อ “ท่านช่วยดูอีกรอบได้หรือไม่ว่ามีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้ตอบ “หากมีตรงไหนไม่ถูกต้องอาจเป็นเพราะในความโชคดีมีโชคร้ายซ่อนอยู่ โชคชะตามีอุปสรรคที่ต้องข้ามมันไป กงกง…”  

 

 

ขันทีเล็กยิ้มรับ “ขอบพระคุณผู้อาวุโสมากขอรับ บ่าวขอตัวกลับไปรายงานก่อน” เขารับดวงชะตาปาจื้อนั้นกลับมาแล้วเดินจากไป  

 

 

“อาจารย์อี้ขอรับ!” เสวียนเฟยกระซิบ “ดวงชะตาปาจื้อนั่นหรือว่า…”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้กล่าวอย่างเคร่งขรึม “เจ้าอย่าพูดอะไรออกไป ฝ่าบาทตรัสว่าจะไม่ฆ่าเอาชีวิตผู้ใดทั้งนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของการรับตำแหน่ง เจ้าอย่าทำอะไรผิดพลาดไปล่ะ”  

 

 

“แต่ว่าอวี้หยาง…”  

 

 

ผู้อาวุโสอี้โบกมือ “เรื่องนี้ข้าจัดการเองเจ้าไม่ต้องยื่นมือเข้ามา กลับไปก่อนเถอะ!”  

 

 

“ขอรับ…”  

 

 

………….  

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+