ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว 139

Now you are reading ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว Chapter 139 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 139 ตกลงว่ามีลูกได้ไหม

“ฉันว่าเธอตั้งใจยั่วโมโหให้เราอกแตกตาย” ลู่จิ่งจูสีหน้าเขียวปั้ด “เรื่องหย่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอเคยถามเราบ้างไหม?”

“นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน มีอะไรที่จะต้องถามงั้นเหรอ?”

เฟิงจิ่งเอ่ยอย่างนิ่งเฉย ลู่จิ่งจูโกรธจนดวงตาแทบหลุดออกจากเบ้า

“เฟิงจิ่ง แก…..แกตั้งใจจะทำให้ฉันคลั่งตายใช่ไหม?”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย แต่ตอนนี้อารมณ์ของท่านระงับไม่อยู่จริงๆ”

“พอได้แล้ว” เมื่อเห็นสงครามกำลังจะก่อขึ้นตรงหน้า เฟิงเฉินเอ่ยขึ้นขัดการวิวาทของทั้งคู่ “งานเลี้ยงครอบครัวไม่ใช่หรือไง พี่สาว พ่อแม่หวังดีต่อพี่ ตอนที่พี่จะแต่งงานกับไอ้หมอนั่นเราทั้งบ้านไม่ยินยอม หากพี่เชื่อเราพี่จะมาถึงจุดที่ต้องหย่าไหม? ตอนนี้พี่พูดให้น้อยลงหน่อยจะเป็นอะไรไป?”

แม้ว่าลั่วมั่นจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ก่อนแต่งงานเธอพอจะได้ยินเรื่องราวที่คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิงทะเลาะใหญ่โตกับที่บ้านเพื่อแต่งงานไปอยู่ต่างแดนมาบ้าง ยังไงซะก็แต่งงานกับชาวต่างชาติ ที่บ้านไม่มีทางยินยอมอยู่แล้ว

เมื่อเฟิงเฉินพ่นออกไปแบบนี้ เฟิงจิ่งสงบลงอย่างได้ผล หลังจากนั้นเขาก็หันไปทางลู่จิ่งจู

“แม่ เรื่องหย่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่สาวจริงๆ นั่นแหละ ตอนที่เธอแต่งงานพวกท่านยังไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนนี้เธอต้องการหย่าท่านยังจะทำอะไรได้อีก?”

คำพูดทั้งเขา ทำให้ทั้งสองฝ่ายสงบลง

เฟิงเซิ่งที่หลบอยู่ข้างหลังผู้เป็นบิดาถือโอกาสสั่งให้สาวใช้ยกอาหารขึ้นเสิร์ฟ

เฟิงเฉินและลั่วมั่นนั่งคู่กัน ตรงข้ามเป็นเฟิงเซิ่งและเฟิงจิ่ง มีบิดาและมารดาอยู่ที่หัวโต๊ะ ถือว่าไม่ง่ายที่ครอบครัวจะได้อยู่รวมตัวกันพร้อมหน้า

บางทีอาจเพราะเฟิงจิ่ง วันนี้ลู่จิ่งจูถึงได้ให้เกียรติลั่วมั่นเป็นพิเศษ ลุกขึ้นตักอาหารให้กับเธอด้วยตัวเอง ดูยุ่งจนไม่มีเวลาเสพสุข เสมือนกับว่าตั้งใจทำสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวของเธอไเ้เห็น

“มั่นมั่น อันนี้อร่อย กินเยอะๆ เลย”

ลั่วมั่นทำอะไรไม่ถูก “แม่คะ ท่านทานเถอะ ฉันตักเองได้ ฉันเองจะดีกว่า”

ลู่จิ่งจูจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้ม

“ว่ากันว่ามีลูกชายเอาไว้ดูแลตอนแก่ เป็นไปตามคาดการมีลูกชายเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ในตอนนั้นการแต่งงานของเฉินและลั่วมั่นฉันเป็นคนต้นคิด เขาเชื่อฟังฉันมากเลย ตอนนี้เขาและมั่นมั่นมีความสุขกันจะตาย รอปีหน้ามีลูกด้วยกัน ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า ดีกว่าอะไรทั้งสิ้น เช่นนี้เฉินเองก็จะเป็นที่เป็นทางมากขึ้น”

เสียงบ่นพร่ำของคำเหล่านี้ดังขึ้นในแก้วหูของเฟิงจิ่ง ฟังดูแดกดันอยู่ไม่น้อย เธอมีนิสัยตรงไปตรงมา พลันเหลือบมองลั่วมั่น ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ

“ใช่สิ ฉันก็เห็นว่าปกติแล้วน้องสะใภ้ว่างออกจะตายไป หุ้นส่วนในบริษัทน้อยนิดแค่นั้นโดยทั่วไปไม่มีงานก็คงจะชอปปิ้งบ้างเดินเล่นบ้างสินะ ทำไมถึงไม่มีลูกไวๆ เพื่อให้ตำแหน่งตัวเองมั่นคงล่ะ ช่างไม่คำนึงถึงความเสี่ยงเอาซะเลย”

ลั่วมั่นนิ่งอึ้งไป ใต้โต๊ะ เฟิงเฉินกุมมือของเธอเอาไว้อย่างเงียบๆ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ผมยุ่งไปหน่อย สองปีก่อนไม่มีแพลน พี่สาวไม่ต้องเป็นกังวลไป”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฟิงจิ่งหัวเราะอย่างเย็นชา “ยุ่งงั้นเหรอ? ตอนนายออกไปเที่ยวเล่นกับผู้หญิงพวกนั้นฉันไม่เห็นว่านายจะยุ่งเลยนี่นา แต่กับภรรยาตนเองกลับยุ่งขึ้นมาซะอย่างงั้น เหนื่อยรึเปล่าล่ะ? ในบ้านสามปีมานี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ฉันว่าเปลี่ยนคนใหม่ไปเลย ยังไงซะก็แค่ใช้คลอดบุตรเท่านั้นเองนี่”

“พูดอะไรออกมา?” แม้แต่ลู่จิ่งจูเองยังไม่สามารถทนฟังอยู่ได้ ถึงกับต้องเอ็ดเธอ

เฟิงเฉินไร้การตอบสนอง

“แม่รอหลาน มานานสามปี ฉันก็เห็นว่า ไร้ความเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น มีลูกได้หรือไม่ได้กันแน่ต้องให้ฉันช่วยแนะนำหมอช่วยตรวจหน่อยไหม? ยังไงก็เพื่อตอนแก่ หากไม่สามารถ ก็เปลี่ยนคนซะแต่โดยเร็ว”

ฟังคำกล่าวที่ตั้งใจของเฟิงจิ่ง แม้จะรู้ว่าในใจเธอไม่นึกโกรธ แต่ประโยคเหล่านี้ก็เตือนอะไรบางอย่างกับลู่จิ่งจู เธอเองก็มีความกังวลเรื่องนี้อยู่บ้าง หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น

“มั่นมั่น หากไม่มีอะไร ไปตรวจหน่อยก็ไม่เสียหาย”

บรรยากาศเย็นลงอย่างกะทันหันทันที

เฟิงจิ่งนึกขำ เธอก้มหน้าหั่นสเต๊กในจาน ด้วยใบหน้าเหยียดหยาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว 139

Now you are reading ประธานเฟิง ฉันไม่รักนายอีกแล้ว Chapter 139 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 139 ตกลงว่ามีลูกได้ไหม

“ฉันว่าเธอตั้งใจยั่วโมโหให้เราอกแตกตาย” ลู่จิ่งจูสีหน้าเขียวปั้ด “เรื่องหย่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เธอเคยถามเราบ้างไหม?”

“นั่นเป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน มีอะไรที่จะต้องถามงั้นเหรอ?”

เฟิงจิ่งเอ่ยอย่างนิ่งเฉย ลู่จิ่งจูโกรธจนดวงตาแทบหลุดออกจากเบ้า

“เฟิงจิ่ง แก…..แกตั้งใจจะทำให้ฉันคลั่งตายใช่ไหม?”

“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นสักหน่อย แต่ตอนนี้อารมณ์ของท่านระงับไม่อยู่จริงๆ”

“พอได้แล้ว” เมื่อเห็นสงครามกำลังจะก่อขึ้นตรงหน้า เฟิงเฉินเอ่ยขึ้นขัดการวิวาทของทั้งคู่ “งานเลี้ยงครอบครัวไม่ใช่หรือไง พี่สาว พ่อแม่หวังดีต่อพี่ ตอนที่พี่จะแต่งงานกับไอ้หมอนั่นเราทั้งบ้านไม่ยินยอม หากพี่เชื่อเราพี่จะมาถึงจุดที่ต้องหย่าไหม? ตอนนี้พี่พูดให้น้อยลงหน่อยจะเป็นอะไรไป?”

แม้ว่าลั่วมั่นจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ก่อนแต่งงานเธอพอจะได้ยินเรื่องราวที่คุณหนูใหญ่ตระกูลเฟิงทะเลาะใหญ่โตกับที่บ้านเพื่อแต่งงานไปอยู่ต่างแดนมาบ้าง ยังไงซะก็แต่งงานกับชาวต่างชาติ ที่บ้านไม่มีทางยินยอมอยู่แล้ว

เมื่อเฟิงเฉินพ่นออกไปแบบนี้ เฟิงจิ่งสงบลงอย่างได้ผล หลังจากนั้นเขาก็หันไปทางลู่จิ่งจู

“แม่ เรื่องหย่าเป็นเรื่องส่วนตัวของพี่สาวจริงๆ นั่นแหละ ตอนที่เธอแต่งงานพวกท่านยังไม่สามารถทำอะไรได้ ตอนนี้เธอต้องการหย่าท่านยังจะทำอะไรได้อีก?”

คำพูดทั้งเขา ทำให้ทั้งสองฝ่ายสงบลง

เฟิงเซิ่งที่หลบอยู่ข้างหลังผู้เป็นบิดาถือโอกาสสั่งให้สาวใช้ยกอาหารขึ้นเสิร์ฟ

เฟิงเฉินและลั่วมั่นนั่งคู่กัน ตรงข้ามเป็นเฟิงเซิ่งและเฟิงจิ่ง มีบิดาและมารดาอยู่ที่หัวโต๊ะ ถือว่าไม่ง่ายที่ครอบครัวจะได้อยู่รวมตัวกันพร้อมหน้า

บางทีอาจเพราะเฟิงจิ่ง วันนี้ลู่จิ่งจูถึงได้ให้เกียรติลั่วมั่นเป็นพิเศษ ลุกขึ้นตักอาหารให้กับเธอด้วยตัวเอง ดูยุ่งจนไม่มีเวลาเสพสุข เสมือนกับว่าตั้งใจทำสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวของเธอไเ้เห็น

“มั่นมั่น อันนี้อร่อย กินเยอะๆ เลย”

ลั่วมั่นทำอะไรไม่ถูก “แม่คะ ท่านทานเถอะ ฉันตักเองได้ ฉันเองจะดีกว่า”

ลู่จิ่งจูจ้องมองเธอด้วยรอยยิ้ม

“ว่ากันว่ามีลูกชายเอาไว้ดูแลตอนแก่ เป็นไปตามคาดการมีลูกชายเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ในตอนนั้นการแต่งงานของเฉินและลั่วมั่นฉันเป็นคนต้นคิด เขาเชื่อฟังฉันมากเลย ตอนนี้เขาและมั่นมั่นมีความสุขกันจะตาย รอปีหน้ามีลูกด้วยกัน ครอบครัวอยู่กันพร้อมหน้า ดีกว่าอะไรทั้งสิ้น เช่นนี้เฉินเองก็จะเป็นที่เป็นทางมากขึ้น”

เสียงบ่นพร่ำของคำเหล่านี้ดังขึ้นในแก้วหูของเฟิงจิ่ง ฟังดูแดกดันอยู่ไม่น้อย เธอมีนิสัยตรงไปตรงมา พลันเหลือบมองลั่วมั่น ก่อนเอ่ยเสียงเรียบ

“ใช่สิ ฉันก็เห็นว่าปกติแล้วน้องสะใภ้ว่างออกจะตายไป หุ้นส่วนในบริษัทน้อยนิดแค่นั้นโดยทั่วไปไม่มีงานก็คงจะชอปปิ้งบ้างเดินเล่นบ้างสินะ ทำไมถึงไม่มีลูกไวๆ เพื่อให้ตำแหน่งตัวเองมั่นคงล่ะ ช่างไม่คำนึงถึงความเสี่ยงเอาซะเลย”

ลั่วมั่นนิ่งอึ้งไป ใต้โต๊ะ เฟิงเฉินกุมมือของเธอเอาไว้อย่างเงียบๆ พร้อมเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ผมยุ่งไปหน่อย สองปีก่อนไม่มีแพลน พี่สาวไม่ต้องเป็นกังวลไป”

เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฟิงจิ่งหัวเราะอย่างเย็นชา “ยุ่งงั้นเหรอ? ตอนนายออกไปเที่ยวเล่นกับผู้หญิงพวกนั้นฉันไม่เห็นว่านายจะยุ่งเลยนี่นา แต่กับภรรยาตนเองกลับยุ่งขึ้นมาซะอย่างงั้น เหนื่อยรึเปล่าล่ะ? ในบ้านสามปีมานี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหว ฉันว่าเปลี่ยนคนใหม่ไปเลย ยังไงซะก็แค่ใช้คลอดบุตรเท่านั้นเองนี่”

“พูดอะไรออกมา?” แม้แต่ลู่จิ่งจูเองยังไม่สามารถทนฟังอยู่ได้ ถึงกับต้องเอ็ดเธอ

เฟิงเฉินไร้การตอบสนอง

“แม่รอหลาน มานานสามปี ฉันก็เห็นว่า ไร้ความเคลื่อนไหวอะไรทั้งสิ้น มีลูกได้หรือไม่ได้กันแน่ต้องให้ฉันช่วยแนะนำหมอช่วยตรวจหน่อยไหม? ยังไงก็เพื่อตอนแก่ หากไม่สามารถ ก็เปลี่ยนคนซะแต่โดยเร็ว”

ฟังคำกล่าวที่ตั้งใจของเฟิงจิ่ง แม้จะรู้ว่าในใจเธอไม่นึกโกรธ แต่ประโยคเหล่านี้ก็เตือนอะไรบางอย่างกับลู่จิ่งจู เธอเองก็มีความกังวลเรื่องนี้อยู่บ้าง หญิงสาวขมวดคิ้วแน่น

“มั่นมั่น หากไม่มีอะไร ไปตรวจหน่อยก็ไม่เสียหาย”

บรรยากาศเย็นลงอย่างกะทันหันทันที

เฟิงจิ่งนึกขำ เธอก้มหน้าหั่นสเต๊กในจาน ด้วยใบหน้าเหยียดหยาม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+