Abe the Wizard 41 รูนอันใหม่

Now you are reading Abe the Wizard Chapter 41 รูนอันใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

AtW ตอนที่ 41 รูนอันใหม่

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

 

อาเบลนำสัญลักษณ์รูนที่ได้มาออกจากกระเป๋าของเขา ตามที่อัศวินมาแชลได้บอกเอาไว้ ดูเหมือนว่าสัญลักษณ์รูนอันนี้จะมีไว้เพื่อขับไล่ศัตรูนั่นเอง ดังนั้นแล้วจึงมีแต่รูนหมายเลข# 4 (เนิฟ) เท่านั้นที่จะตรงกับคำอธิบายของอัศวินมาแชลได้

 

รูนหมายเลข# 4 เนิฟ มีไว้เพื่อขับไล่ศัตรูนั่นเอง โดยเมื่อเปิดใช้งานรูนอันนี้แล้วจะทำให้ผู้ใช้ได้รับพลังป้องกันจากการโจมตีจากระยะไกล +30

 

นี่เป็นครั้งแรกที่อาเบลเห็นรูนรูปแบบนี้มาก่อน ในเกมเดียโบ 2 นั้นจะมีรูนที่ใช้งานแตกต่างกันอยู่ 2 รูปแบบนั่นเอง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นการที่จะใช้งานรูนได้จะต้องติดตั้งรูนลงบนอุปกรณ์อาวุธและชุดเกราะก่อน และแน่นอนว่ารูนที่อาเบลได้มาการที่จะเปิดใช้งานได้อาเบลจะต้องถูกทำร้ายก่อนนั่นเอง

 

อาเบลหยิบสัญลักษณ์รูนขึ้นมาดูด้วยความระมัดระวัง ตอนนี้อาเบลไม่รู้เลยว่ามันทำมาจากอะไรกันแน่ สัญลักษณ์รูนอันนี้ดูคล้ายทำมาจากทั้งหินและไม้ แต่จากที่อาเบลดูอย่างละเอียดแล้วดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ทำมาจากทั้งไม้และหิน ตอนนี้อาเบลยังไม่รู้ว่าสัญลักษณ์รูนอันนี้ทำมาจากอะไรกันแน่ และแน่นอนว่าอาเบลเองก็ยังไม่สามารถที่จะถามใครได้อีกด้วย

 

รูนที่ถูกเขียนขึ้นดูเหมือนกับรูนที่เหล่าคนแคระใช้กันเป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่ารูนที่ถูกวาดนี้จะมีบางส่วนขาดหายไป นอกจากนี้เองบนสัญลักษณ์นี้ยังไม่มีอัญมณีอะไรถูกติดตั้งอยู่ด้วย ด้วยเหตุนี้เองอาเบลจึงไม่สามารถที่จะเข้าใจได้เลยว่ารูนอันนี้ได้รับพลังมาจากอะไรกันแน่

 

ในตอนแรกอาเบลได้เข้าใจว่าเทคโนโลยีต่างๆ ที่โลกใบนี้มียังคงล่าหลังกว่าโลกที่อาเบลจากมามาก แต่ตอนนี้อาเบลได้รู้แล้วว่าโลกใบนี้มีสิ่งที่เรียกว่ารูนอยู่ แน่นอนว่ายังมีความลับของอายุอันยืนยาวของเหล่าจอมเวทย์ที่มีถึง 300 ปีอีกด้วย อาเบลเริ่มรู้แล้วว่าจริงๆ แล้วอารยธรรมต่างๆ รวมไปถึงเทคโนโลยีของโลกใบนี้กำลังพัฒนาไปในทิศทางที่แตกต่างจากโลกที่อาเบลได้จากมา

 

อาเบลรู้แล้วว่าเทคโนโลยีสำหรับโลกใบนี้ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ถ้าหากมีสิ่งที่เรียกว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่จริงแน่นอนว่าคนทั่วไปธรรมดาๆ คงไม่มีสิทธิ์ที่จะใช้งานได้เลย ในโลกใบนี้แม้แต่นักวิจัยที่ฉลาดและมากความสามารถยังให้ความสำคัญกับการทำงานวิจัยด้วยตัวคนเดียว พวกเขาไม่ได้นึกถึงเรื่องธรรมดาๆ ที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในสังคมเลย

 

ในโลกใบเดิมที่อาเบลอาศัยอยู่ โลกใบนั้นทุกคนสามารถที่จะจุดไฟด้วยตัวของเขาเอง แต่โลกใบนี้กลับไม่ใช่อย่างงั้น โลกใบนี้มีจอมเวทย์ที่สามารถจุดไฟด้วยคาถาเวทย์มนตร์ของพวกเขา คนทั่วไปในโลกใบนี้ยังไม่สามารถหาแสงสว่างใช้ได้ด้วยซ้ำไป แม้แต่ “ชนชั้นสูง” ที่สามารถค้นพบสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ ได้ แต่ผลประโยชน์ทั้งหมดพวกชนชั้นสูงทั้งหลายต่างก็เก็บไว้เองเท่านั้น พวกเขาไม่เคยแบ่งปันให้กับใคร

 

จากสิ่งที่อาเบลได้ยินมาจากอัศวินมาแชล การที่คนธรรมดาทั่วไปจะเป็นจอมเวทย์ได้ไม่ใช่เรื่องที่เป็นกันได้ง่ายๆ เลย การที่คนธรรมดาจะสามารถติดต่อสื่อสารกับจอมเวทย์ได้ก็เป็นเรื่องที่มักจะเกิดขึ้นได้ยากแล้ว

 

ตอนนี้อาเบลไม่รู้เลยว่าสัญลักษณ์รูนอันนี้มีค่าสำหรับจอมเวทย์ฝึกหัดแค่ไหน แล้วทำไมจอมเวทย์คนนั้นถึงได้รู้จักของที่มีราคาแพงเช่นนี้ได้

 

หลังจากพิจารณารูนอันนี้อยู่นานอาเบลก็ไม่รอช้าเขารีบใช้พู่กันเขียนรูนของเขาทันที อาเบลค่อยๆ เปรียบเทียบรายละเอียดทุกอย่างอย่างรอบครอบเพื่อที่จะเขียนรูนออกมาสมบูรณ์แบบให้ได้มากที่สุด

 

ในเช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่อาเบลได้ฝึกฝนเทคนิคเบื้องต้นต่างๆ ของอัศวินทั้งหมดแล้วอาเบลก็ได้มอบลมทมิฬให้กับพ่อบ้านลินด์เซ่ให้ดูแลในทันที หลังจากที่กินอาหารเช้าอาเบลก็ได้รีบมุ่งตรงไปที่โรงตีเหล็กของปราสาทแฮรี่ในทันที

 

อัศวินมาแชลได้ตัดสินใจรอจนกว่าพวกออร์คนั้นจะมาชุมนุมตามแผนที่ที่ได้มา เมื่อถึงตอนนั้นอัศวินมาแชลวางแผนที่จะโจมตีพวกออร์คในทันที ตอนนี้อัศวินมาแชลยังไม่ได้ประกาศอะไรออกไป แต่ในเวลานี้เหล่าคนรับใช้ทั้งหลายในปราสาทกลับยุ่งอยู่กับการเตรียมอาหารทั้ง 2 มื้อให้กับคนจำนวนมากในปราสาท

 

ในโลกใบนี้ คนส่วนใหญ่ที่ไม่ใช่ทั้งคนรวยและขุนนางจะกินอาหารเพียงวันละ 2 มื้อเท่านั้น หลังจากที่จ่ายภาษีจำนวนมากให้กับผู้ปกครองแล้ว คนทั่วไปก็ไม่เหลืออะไรที่จะไว้ใช้สำหรับอยู่กินอีกต่อไป และเนื่องจากเมืองฮาเวสเองเป็นเมืองที่เป็นเหมือนกับยุ้งฉางดังนั้นแล้วอัศวินมาแชลจะต้องแจกจ่ายเสบียงเป็นจำนวนมากให้กับประชาชนคนธรรมดาทั่วไปที่อยู่ในดินแดนของอัศวินมาแชลเอง

 

ในระหว่างทางที่อาเบลจะต้องเดินผ่านเพื่อไปให้ถึงโรงตีเหล็กอาเบลก็ได้เดินผ่านลานหน้าปราสาท ผู้คนมากมายที่กำลังตั้งเต็นท์พักแรมอยู่ต่างพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มอันเป็นมิตรเพื่อที่จะทักทายอาเบล ท่าทางและความใจดีนี้ทำให้อาเบลออกปราสาทไปอย่างดีใจ ตอนนี้ดินแดนที่ถูกปกครองโดยตระกูลแฮรี่นั้นใกล้ที่จะกลับมาสงบสุขอีกครั้งหนึ่งแล้ว

 

หลังจากที่อาเบลเข้าไปในห้องตีเหล็กส่วนตัวแล้ว อาเบลก็หยิบดาบแห่งร้อยทักษะเล่มหนึ่งที่ถูกตีเอาไว้ก่อนหน้านี้

 

ถ้าจะอ้างอิงจากการทำอาวุธเวทย์แล้ว การจะทำอาวุธเวทย์ทั้ง 4 แบบด้วยรูนนั้นเป็นอะไรที่คล้ายคลึงกันมาก ข้อแตกต่างเพียงอย่างเดียวในการทำอาวุธเวทย์นั้นคือส่วนผสมในการทำหมึกสำหรับเขียนอักษรรูนนั่นเอง การจะทำหมึกสำหรับเขียนอักษรูนรูนไฟนั้นจะต้องใช้ส่วนผสมมาจากพืชแห่งไฟ ส่วนการจะทำหมึกสำหรับเขียนอักษรรูนน้ำแข็งนั้นจะต้องใช้พืชแห่งน้ำแข็งนั่นเอง ส่วนการจะทำส่วนผสมหมึกสำหรับทำรูนสายฟ้านั้นจะต้องใช้เลือดของปลาไหลไฟฟ้าเป็นส่วนผสมนั่นเอง และการจะทำรูนพิษได้จะต้องใช่ส่วนผสมที่หามาจากพิษของงูนั่นเอง

 

สำหรับการทำหมึกเพื่อทำรูนที่สามารถต้านทานการโจมตีได้ อาเบลจะต้องใช้วัสดุอุปกรณ์พื้นฐานทั้งหมดที่เหมือนกันกับการทำหมึกทั้ง 4 รูนนี้ แน่นอนว่าส่วนผสมพิเศษจะต้องถูกนำออกไป

 

มีวัสดุมากมายที่ถูกเบธแฮมรวบรวมเอาไว้ภายในห้องของตีเหล็กส่วนตัวของอาเบล เบธแฮมได้รวบรวมวัสดุพวกนี้มานานกว่าหลายปีแล้ว หลังจากที่อาเบลสามารถทำอาวุธเวทย์ได้สำเร็จตอนนี้สหพันธ์ทหารรับจ้างก็ได้อนุญาติให้เบธแฮมสามารถส่งคำขอให้หาวัสดุต่างๆ จากสหพันธ์ทหารรับจ้างได้

 

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อาเบลจะสร้างหมึกสำหรับเขียนอักษรรูน แต่ครั้งนี้อาเบลจะต้องผลิตหมึกโดยที่อาศัยแต่เพียงจินตนาการของตัวเองเท่านั้น จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ของอาเบลทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงตัวแปรใหม่ๆ สำหรับการทำหมึกแล้ว ด้วยการใช้วัสดุหลายๆ อย่างจะทำให้สามารถเปลี่ยนแปลงสมดุลอะไรบางอย่างของหมึกได้นั่นเอง ในการกำหนดหมึกใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดอาเบลจะต้องหาสมดุลของวัสดุเหล่านี้ให้ได้

 

ในการผสมหมึกสำหรับวาดอักษรรูนนั้นจะต้องใช้ส่วนหนึ่งของหญ้าแห่งวิญญาณสิ้นหวัง, ส่วนหนึ่งของสาเก, น้ำมันอัลมอนด์ขม 20 หยด, น้ำมันศักดิ์สิทธิ์ 12 หยด, เลือดจากกบป่าอีก 10 หยด, โรสแมรี่ 8 หยด, ยูคาลิปตัสอีก 12 หยด, มะนาวสกัดอีก 5 หยด และสุดท้ายคือน้ำบริสุทธิ์เป็นส่วนผสมสุดท้าย

 

เมื่อวัสดุทั้งหมดถูกรวบรวมมาแล้ว อาเบลจะต้องตัดสินใจว่าจะใส่วัสดุแต่ละชนิดเท่าไรบ้าง เวลาการผสมเองก็เป็นส่วนสำคัญสำหรับการทำหมึกในครั้งนี้ และแน่นอนว่าความแรงของไฟเองก็มีส่วนเกี่ยวด้วยเช่นกัน

 

มันง่ายที่จะตัดสินว่าสูตรการผสมหมึกครั้งนี้จะสำเร็จไหม ในโลกใบนี้มีสูตรของจอมเวทย์ที่ใช้สำหรับการสร้างหมึกเขียนรูนอยู่ หมึกเวทย์มนตร์ที่อาเบลสร้างเป็นหนึ่งในนั้น ถ้าหากสูตรที่อาเบลสร้างนั้นสำเร็จวินาทีที่ผสมเสร็จแล้วจะมีแสงสว่างสีขาวจางๆ โผล่ขึ้นมาจากหมึก ตราบใดที่มีแสงสว่างสีขาวส่องขึ้นมาจากหมึก เมื่อนั้นการผสมจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน

 

หลังจากที่อาเบลได้พยายามทดลองอย่างต่อเนื่องสุดท้ายแล้วอาเบลก็เจอกับสูตรที่ดีที่สุดจนได้ ตอนนี้อาเบลเข้าใจแล้วว่านักวิทยาศาสตร์รุ่นก่อนๆ นั้นจะต้องใช้ความพยายามแค่ไหนถึงจะพิสูจน์แต่ละทฤษฎีขึ้นได้ ตอนนี้ทุกสูตรที่อาเบลได้ทดลองทำอาเบลได้จดบันทึกทั้งวัสดุที่ใช้รวมไปถึงของที่เกี่ยวข้องที่ถูกใช้ในแต่ละสูตรทั้งหมดแล้ว

 

ในตอนที่อาเบลได้ทำการวิจัยสูตรอยู่อาเบลได้ใช้ความพยายามอย่างหนัก ในการเปลี่ยนตัวแปรแต่ละครั้งผลของการผสมหมึกเองก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน การทดลองทำหมึกอาจจะไม่เสร็จสิ้นภายในวันเดียว แต่การทดลองของอาเบลก็ก้าวหน้าไปมากแล้ว วันนี้อาเบลสามารถที่จะพัฒนาสูตรการผสมได้ตลอดทั้งวัน

 

ตอนนี้อาเบลรู้แล้วว่าเขามีวัสดุอุปกรณ์มากเพียงพอสำหรับการทำหมึกในวันพรุ่งนี้เช้าเพียงเท่านั้น อาเบลรีบเดินไปหาพ่อบ้านลินด์เซ่เพื่อที่จะขอให้พ่อบ้านนั้นจัดหาทหารรับจ้างจากสหพันธ์ทหารรับจ้างเพื่อหาวัสดุที่ต้องการต่อไป

 

วันที่สองของการทดลองทำหมึกทุกอย่างก็ยังคงเป็นไปด้วยความราบรื่น ในความพยายามครั้งที่ 86 ตามบันทึกของอาเบล ในที่สุดอาเบลก็สามารถทำหมึกที่เปล่งประกายแสงได้แล้ว อาเบลทำหมึกโดยที่ปราศจากความช่วยเหลือหรือผู้ให้คำแนะนำ อาเบลทดลองทำหมึกสำหรับการเขียนรูนโดยใช้วัสดุจากต้นแบบของรูนทั้ง 4 ที่อาเบลได้เคยสร้างมาแล้วก่อนหน้านี้ การที่อาเบลสามารถทดลองได้สำเร็จรวดเร็วแบบนี้เป็นเพราะว่าอาเบลใช้วัสดุจากสูตรเก่าๆ ในการเปรียบเทียบเป็นสูตรใหม่ไปเรื่อยๆ อาเบลไม่ใช่คนที่คิดสูตรใหม่มาตั้งแต่ต้นนั่นเอง ถ้าหากอาเบลจะต้องคิดสูตรมาตั้งแต่ต้นแล้ว อาเบลก็คิดไม่ออกเลยว่าตัวเขาจะต้องทดลองแบบนี้ไปถึงเมื่อไรกันแน่

 

อาเบลกำลังมองดูที่หมึกบนมือของตัวเอง ตอนนี้อาเบลกำลังรู้สึกถึงความสำเร็จแล้ว หากการทดสอบของอาเบลนั้นประสบความสำเร็จแน่นอนว่ามูลค่าหมึกในมือของอาเบลตอนนี้จะต้องมีค่ามากกว่าหมึกรูนจาก 4 สูตรหลักอย่างแน่นอน เนื่องจากหมึกในมือของอาเบลเป็นหมึกที่ไม่ได้มีคุณสมบัติพิเศษอะไรจึงทำให้หมึกอันนี้สามารถวาดรูนได้อย่างหลากหลายนั่นเอง

 

อาเบลหยิบพู่กันเขียนอักษรรูนออกมา ตอนนี้อาเบลได้ใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของเขาอีกครั้งเพื่อที่จะเขียนอักษรรูนขึ้นบนดาบแห่งร้อยทักษะเล่มนี้ พู่กันเขียนอักษรรูนยังคงเคลื่อนไหวอย่างราบรื่นในส่วนของด้านหลังใบดาบอยู่ ในครั้งนี้อาเบลได้ใช้พลังงานจากหมึกสำหรับเขียนรูนสูตรพิเศษบางส่วนในการเพิ่มพลังให้รูนสูตรเก่าของเขาเพื่อทำให้พลังานที่ถูกส่งไปนั้นมีพลังงานสูงสุดนั่นเอง

 

ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาอาเบลได้ใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของเขาในการสร้างดาบแห่งร้อยทักษะและเขียนรูนแห่งเวทย์มนตร์ลงไปในดาบด้วยเช่นกัน ด้วยการใช้พลังนั้นเองจึงทำให้พลังแห่งความมุ่งมั่นที่อาเบลมีนั้นเพิ่มมากขึ้น โดยปกติแล้วพลังแห่งความตั้งใจของอาเบลจะหมดไปทุกครั้งหลังจากที่เขียนอักษรรูนสำเร็จ แต่ครั้งนี้พลังแห่งความมุ่งมั่นในตัวของอาเบลนั้นยังคงเหลืออยู่เล็กน้อย แต่ด้วยความแตกต่างอันน้อยนิดเองจึงทำให้ผู้คนธรรมดาไม่ได้ให้ความสำคัญกับความเปลี่ยนแปลงนี้เท่าไรนัก

 

อาเบลรู้สึกตื่นเต้นถึงการค้นพบความลับครั้งนี้เป็นอย่างมาก ในอดีตอาเบลได้แต่พึ่งพาพลังอันลึกลับอย่างพลังแห่งความตั้งใจอยู่เสมอ อาเบลไม่เคยรู้เลยว่าพลังแห่งความตั้งใจในตัวเองนั้นสามารถที่จะเพิ่มขึ้นได้ ถ้าหากพลังของอาเบลยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปอยู่แบบนี้ แน่นอนว่ามันจะต้องเป็นประโยชน์ในการทดลองการเขียนอักษรรูนอย่างแน่นอน

 

อาเบลรู้ดีว่ารูนที่อาเบลกำลังเขียนอยู่ก่อนหน้านี้จะต้องถูกใช้ในสิ่งที่อาเบลอยากได้อย่าง “เอนเชี่ยนวาร์ว” อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้อาเบลกำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้ง อาเบลจะต้องสร้างรูนอีกทั้งหมด 3 รูนด้วยกันถึงจะสามารถที่จะสร้าง “เอนเชี่ยนวาร์ว” ได้ ในอดีตอาเบลคิดเสมอว่าตัวเขานั้นไม่มีพลังมากพอที่จะสร้างสิ่งนั้นได้ แต่ตอนนี้อาเบลได้กลับมามีความหวังครั้งใหม่แล้ว

 

สำหรับการใช้อัญมณีนั้นอาเบลคิดว่าจะใช้เพรชที่ทำมาจากอัญมณีเหล็กทั้ง 3 ชิ้นแทน สำหรับเหล่าหญิงสาวและคู่รักทั้งหลายแล้วพวกเขาเหล่านั้นจะต้องรู้จักเพรชที่เป็นอัญมณีในฐานะอัญมณีที่มีค่าและเป็นอัญมณีแห่งแห่งความรัก สำหรับพวกเขาเหล่านั้นแล้วเพรชจึงเป็นเหมือนทั้งสัญลักษณ์แห่งความรักและสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์นั่นเอง

 

แต่สำหรับอาเบลแล้วการที่เขาเลือกใช้เพรชนั้นเป็นเพราะว่าเพรชเป็นอัญมณีที่มีความบริสุทธิ์สูงที่สุดแล้วนั่นเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด