Abe the Wizard 50 สร้อยคอแปลงร่าง

Now you are reading Abe the Wizard Chapter 50 สร้อยคอแปลงร่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

AtW ตอนที่ 50 สร้อยคอแปลงร่าง

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิยายแปลไทย

 

สัญลักษณ์รูนที่อาเบลได้มานั้นเป็นสัญลักษณ์รูนที่แตกต่างกันทั้ง 2 ชิ้น แม้ว่าอาเบลจะไม่รู้ว่ามันคือรูนอะไรกันแน่แต่อาเบลตัดสินใจที่จะนำสัญลักษณ์รูนทั้ง 2 อันนั้นกลับไปทดลองสร้างดาบที่ปราสาทก่อนแฮรี่ก่อน

 

อาเบลยังหยิบเคล็ดวิชาของพวกออร์คกลับไปกับเขาด้วย ดูฤเหมือนว่าโครงสร้างของเคล็ดวิชาอันนี้จะดูคล้ายเคล็ดวิชาที่อาเบลนั้นเคยมีมาก่อน สิ่งที่อาเบลเก็บได้นั้นมีการแกะสลักรูปเทพธิดาของพวกออร์คอยู่และด้านบนเองก็ยังมีปุ่มอะไรบางอย่างอยู่ด้วย ดูเหมือนว่าเคล็ดวิชาอันนี้จะสามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น และเมื่อผ่านการใช้งานแล้วแน่นอนว่าพลังของมันจะต้องหายไปนั่นเอง

 

แน่นอนว่าอาเบลจะไม่ยอมปล่อยให้โอกาสดีแบบนี้สูญเปล่าไปอย่างแน่นอน อาเบลใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของเขาไปที่เคล็ดวิชาของออร์คออันนี้ จากประสบการณ์ที่ผ่านมาการที่อาเบลใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของเขาเพ่งไปที่สิ่งใดอาเบลก็จะสามารถเข้าใจว่าสิ่งนั้นมีความพิเศษอะไรกันแน่

 

ในจิตใต้สำนึกของอาเบลนั้นกำลังพร่ามัวไป อาเบลรู้สึกว่าตอนนี้เขาได้กลับไปเป็นโวร์แกนที่กำลังขี่สัตว์ขี่อยู่พร้อมกับกำลังถือหอกยาวอยู่ด้วย จากข้อความที่ได้รับการส่งมอบมาตอนนี้อาเบลได้รู้แล้วว่าสัญลักษณ์รูนที่อาเบลได้มานั้นคือบันทึกเทคนิคการใช้หอกยาวลับของตระกูลวูลฟนั่นเอง ตระกูลวูลฟเป็นตระกูออร์คขุนนาง เทคนิคการใช้หอกยาวนั้นแตกต่างจากเทคนิคการใช้หอกของอัศวิน มีคาถาอะไรบางอย่างสั้นๆ ถูกติดมาจากเทคนิคการใช้หอกอันนีึ้ด้วย อาจจะเป็นเพราะเทคนิคการใช้หอกยาวนี้มาจากตระกูลราชวงศ์ แต่ถึงจะเป็นคาถาภาษาออร์คแต่ก็เป็นคาถาอะไรที่ถูกเขียนขึ้นมาให้จำง่ายเป็นอย่างมาก ทุกคำร่ายของคาถานั้นล้วนแต่เป็นคำที่สรรเสริญและแสดงความชื่นชมต่อเหล่าเทพเจ้าของเผ่าออร์ค

 

โวร์แกนวัยกลางคนนั้นได้ขว้างหอกยาวของเขาไปในขณะที่ขี่หมาป่าอยู่ด้วย หลังจากที่อาเบลได้ดูท่าทางการใช้หอกยาวทั้ง 11 กระบวนท่าแล้วอาเบลก็รู้ได้ทันทีว่าทุกกระบวนท่าการใช้หอกยาวนั้นสอดคล้องกับการขี่หมาป่าอย่างสมบูรณ์แบบมาก ทุกครั้งที่โวร์แกนที่อาเบลเห็นได้ใช้หอกยาว เสียงหอกยาวที่เสียดสีไปในอากาศก็ดังขึ้นทันใด

 

จากข้อมูลที่อาเบลได้เห็นทั้งหมดผ่านสัญลักษณ์ของเคล็ดวิชาออร์คอาเบลก็รู้ได้ทันทีว่าการจะปลดปล่อยความสามารถที่แท้จริงของการใช้หอกยาวได้ไม่จำเป็นจะต้องพึ่งพาพลัมลมปราณเสมอไป เนื่องจากคนทุกคนนั้นล้วนแต่มีพลังลมปราณในการต่อสู้ที่จำกัด แต่สิ่งที่ยังคงอยู่กับคนทุกคนนั้นก็คือกำลังกายนั่นเอง นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมพวกออร์คนั้นจึงสามารถที่จะต่อสู้ได้อย่างยาวนานถ้าเปรียบเทียบกับมนุษย์ พวกออร์คนั้นสามารถใช้ดาบในการโจมตีได้เรื่อยๆ ตราบที่ร่างกายของพวกมันนั้นยังคงมีพลังอยู่

 

แม้ว่าอาเบลจะเรียนรู้เทคนิคสำหรับอัศวินมาจากตระกูลเบ็นเน็ตต์และตระกูลแฮรี่แต่ทั้งหมดที่อาเบลเรียนรู้นั้นคือการใช้พลังลมปราณในการต่อสู้นั่นเอง นี่เป็นครั้งแรกสำหรับอาเบลที่อาเบลนั้นได้เห็นเทคนิคการต่อสู้ทีไ่ม่ได้พึ่งพาพลังลมปราณนั่นเอง การใช้เทคนิคของออร์คในแบบที่อาเบลเห็นรวมไปถึงการร่ายคาถาเสริมไปด้วยแล้วจะทำให้การโจมตีโดยใช้หอกนั้นรุนแรงมากขึ้นถึง 2 เท่า

 

ดูเหมือนว่าชะตากรรมของอาเบลและโวร์แกนนั้นจะถูกผูกเข้าด้วยกันไปซะแล้ว นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่อาเบลได้เรียนรู้เทคนิคการต่อสู้จากโวร์แกน

 

อาเบลมองดูสัญลักษณ์เทคนิคลับของออร์คที่กำลังจะสลายหายไปในอากาศ แม้ว่าอาเบลจะไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเทคนิคของออร์คอันนี้นั้นจะมีค่ามากแค่ไหน แต่อาเบลก็พอจะเข้าใจว่ามันสำคัญกับพวกราชวงศ์ของอาณาจักรออร์ค แน่นอนว่าพวกราชวงศ์ทั้งหลายนั้นจะไม่ยอมให้เทคนิคการต่อสู้ประจำตระกูลของตัวเองได้ปล่อยให้คนอื่นได้ถือครองแบบนี้เป็นแน่

 

นอกจากสัญลักษณ์เทคนิคในการต่อสู้แล้วยังมีสร้อยคอที่สามารถเปลี่ยนรูปร่างของผู้ที่สวมมันได้ แต่อาเบลไม่ได้มีเวลามากพอที่จะตรวจสอบสร้อยคออันนี้อีกต่อไป อาเบลยังต้องจัดการกับออร์คออีกตัวนั่นเอง ตอนนี้อาเบลได้สวมใส่สร้อยคออันนั้นไปที่คอของตัวเองก่อนที่จะเก็บทุกอย่างลงไปในกระเป๋าของเขา

 

ก่อนที่อาเบลจะเดินจากไปจากตรงนี้อาเบลก็ได้พบว่าชุดเกราะสีดำนั้นน่าทึ่งแค่ไหน เมื่อถอดหัวเข็มขัดของชุดเกราะออก ทันใดนั้นเองชุดเกราะสีดำก็สามารถที่จะพับให้อยู่ในรูปของสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่สามารถพกพาได้ งานมีฝีมือเช่นนี้อาเบลไม่คิดเลยว่าจะมาจากอาณาจักรของพวกออร์คได้

 

อาเบลได้ยกดาบใหญ่ของเขาขึ้นก่อนที่จะจ้องมองไปที่ศพของโวร์แกนที่อยู่บนพื้น นับตั้งแต่ที่อาเบลได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกใบนี้อาเบลก็ได้สังหารโวร์แกนไปแล้วมากมาย และโวร์แกนตัวนี้เองก็เป็นหนึ่งในนั้นด้วย ถึงแม้ว่าอาเบลจะฆ่าโวร์แกนไปมากมายแค่ไหนแต่การที่จะให้อาเบลตัดหัวของโวร์แกนได้ก็คงจะเป็นเรื่องยากสำหรับอาเบลอยู่ดี

 

แม้ว่ามุมมองความรู้สึกต่างๆ ของอาเบลจะเปลี่ยนไปมากในเวลากว่า 2 ปีมานี้แต่อาเบลก็ยังคงยึดติดกับคุณค่าทางชีวิตและคุณค่าทางสังคมในชีวิตเดิมที่อาเบลเคยใช้อยู่ที่โลกใบเดิม ในโลกใบนี้การตัดหัวศัตรูนั้นจะแสดงให้เห็นถึงสัญญาณแห่งพลัง แต่อย่างไรก็ตามในโลกใบเดิมที่อาเบลจากมานั้นการตัดหัวศัตรูออกเป็นเหมือนการกระทำที่ไม่สุภาพเท่าไรนัก

 

“เอาล่ะ ฉันจะแข็งแกร่งพอที่จะแบกรับน้ำหนักได้มากกว่านี้ไหมนะ” อาเบลกำลังคิดอยู่กับตัวเองก่อนที่จะตัดสินใจอุ้มศพของโวร์แกนที่นอนอยุ่บนพื้นไปกับตัวเขาด้วย ตอนนี้อาเบลได้ใช้มือข้างหนึ่งของเขาถือชุดเกราะเอาไว้ส่วนมืออีกข้างหนึ่งของอาเบลนั้นกำลังอุ้มศพของโวร์แกนอยู่นั่นเอง อาเบลได้เริ่มปีนขึ้นไปเพื่อที่จะไปถึงยอดเขาให้ได้อีกครั้งแล้ว

 

เมื่ออาเบลขึ้นมาถึงยอดเขาได้อาเบลก็ยังคงเลือกที่จะอยู่ในทิศใต้ลมเช่นเดิม ถ้าหากอาเบลยังคงยืนอยู่ที่ทิศใต้ลมได้อาเบลก็ยังสามารถที่จะจับตาดูสภาพของนักยักษ์ที่กำลังนอนบาดเจ็บจากระยะไกลได้ต่อไป

 

ในตอนที่อาเบลได้มาถึงยอดเขาอีกครั้ง นกกระจอกแห่งท้องนภาก็ไม่ได้บาดเจ็บและเต็มไปด้วยเลือดอีกต่อไป ดูเหมือนว่าบาดแผลของมันจะได้รับการรักษาแล้วนั่นเอง เนื่องจากระหว่างในตอนที่นกตัวนี้บินนั้นได้เสียเลือดไปเป็นอย่างมากจึงทำให้ตอนนี้มันจะต้องนอนหลับพักผ่อนนั่นเอง

 

โวร์แกนที่รับหน้าที่ดูแลนกนั้นกำลังตั้งเต็นท์สำหรับการนอนหลับพักผ่อนโดยที่ไม่ได้ตระหนักถึงการมีอยู่ของอาเบลเลย

 

อาเบลวางศพของฟาวเลอร์เอาไว้กับชุดเกราะสีดำด้วยความระมัดระวัง ตอนนี้อาเบลได้หยิบธนูแฮรี่ของเขาออกมาอีกครั้งก่อนที่จะเล็งธนูแฮรี่ไปที่หัวใจของโวร์แกนอีกตัวทันที ถึงแม้ว่าโวร์แกนนั้นจะเร็วแค่ไหนแต่โชคร้ายสำหรับมันอยู่ดี โวร์แกนตัวนี้เร็วไม่พอที่จะหลบหลีกธนูแฮรี่ของอาเบลได้ ลูกธนูที่อาเบลได้ยิงออกไปนั้นไม่ได้ทะลุหัวใจของโวร์แกนตัวนี้ไปโดยตรง แต่ลูกธนูที่อาเบลได้ยิงออกไปนั้นได้สร้างรูขนาดใหญ่กลางอกของโวร์แกนผู้โชคร้ายตัวนั้น

 

โวร์แกนที่ถูกลูกธนูยิงเข้าที่กลางอกนั้นยังไม่ตาย มันรีบใช้มือของมันล้วงไปที่กระเป๋าตรงกลางอกก่อนที่จะหยิบสัญลักษณ์อะไรบางอย่างออกมา ในตอนที่โวร์แกนตัวนั้นพยายามที่จะกระแทกมือของมันเข้ากับเหรียญ อาเบลก็จำท่าทางทั้งหมดได้มในทันที อาเบลไม่รอช้าอีกต่อไปเขารีบยิงธนูแฮรี่ลูกที่สองไปที่สมองของโวร์แกนตัวนั้นทันที ทันทีที่ลูกธนูทะลุสมองไปมือของโวร์แกนตัวนั้นที่พยายามกระแทกเข้ากับเหรียญก็ได้ตกลงสู่พื้นดินอย่างช้าๆ

 

หลังจากที่อาเบลได้จัดการกับวูฟไรเดอร์ทั้ง 2 ตัวไป อาเบลก็ได้เฝ้ามองไปที่นกต่อไป ดูเหมือนว่าการสังหารโวร์แกนในครั้งนี้จะไม่ได้ทำให้นกตัวนี้ตื่นขึ้น อาเบลค่อยๆ เดินขึ้นไปหาโวร์แกนอย่างช้าๆ อาเบลได้ใช้เท้าของตัวเองเตะไปที่ศพของโวร์แกนตัวนั้นเพื่อที่จะเช็คว่ามันตายแล้วจริงๆ หลังจากที่อาเบลได้สู้กับโวร์แกนมาเป็นจำนวนมากอาเบลก็รู้ได้ว่าโวร์แกนนั้นเป็นตัสิ่งมีชีวิตที่มีพลังชีวิตเหนือไปกว่าจินตนาการของอาเบล ลูกธนูที่อาเบลได้ยิงไปในลูกแรกนั้นทะลุปอดจากด้านหน้าไปสู่กระดูกสันหลังในด้านหลัง ถึงจะถูกทำลายอวัยวะสำคัญๆ ไป แต่โวร์แกนตัวนี้ก็สามารถที่จะล้วงมือไปในกระเป๋าต่อไปได้อยู่ดี

 

เหรียญที่ตกทิ้งไว้นั้นเป็นเหรียญที่มีรูปออร์คทั้ง 3 ตัวอยู่ในนั้นนั่นเอง ในเหรียญนั้นยังคงมีภาษาออร์คเขียนเอาไว้ว่า”นกกระจอกแห่งท้องนภา” อยู่ด้วย พร้อมกับหมายเลข “36” ที่อยู่ใกล้ๆกัน นอกจากนี้เองยังมีอักษรรูนอะไรบางอย่างที่อาเบลนั้นไม่เข้าใจความหมายของมันอยู่ด้วย รูนอันนั้นเองถูกยึดติดอยู่กับเพราชที่ล้อมรอบไปด้วยสัญลักษณ์สีดำอะไรบางอย่าง

 

ตอนนี้อาเบลไม่สามารถที่จะรู้ได้เลยว่าเหรียญที่อาเบลเก็บได้นั้นสามารถที่จะใช้งานอะไรได้กันแน่ แต่ความไม่รู้นี้เองทำให้ตัวของอาเบลนั้นถูกกระตุ้นไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นที่มากขึ้น เนื่องจากอาเบลในตอนนี้ไม่รู้วิธีใช้งานเหรียญตราอันนี้อาเบลเลยได้ลองใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของเขาเชื่อมต่อไปที่เหรียญอันนี้โดยตรง โดยปกติแล้วเทคนิคต่างๆ จากพวกออร์คนั้นจะต้องอาศัยการร่ายคาถาซับซ้อนขึ้นมาก่อนที่จะเปิดใช้งานได้ แต่อย่างไรก็ตามเมื่ออาเบลพบกับเทคนิคของพวกออร์คที่มากขึ้นอาเบลก็รู้ได้ว่าพลังแห่งความมุ่งมั่นที่ตัวเขามีนั้นสามารถใช้เชื่อมต่อเพื่อเปิดใช้งานเทคนิคต่างๆ ของพวกออร์คได้นั่นเอง

 

การใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของอาเบลในตอนนี้ก็เป็นอะไรที่ง่ายเหมือนกับการเดินเล่นในสวนสาธารณะนั่นเอง ทันทีที่อาเบลได้ใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นกับเหรียญตราอันนี้ เพรชที่ถูกติดตั้งเอาไว้ก็ได้ส่องแสงสีขาวขึ้นมาทันที อาเบลยังคงต้องแหวกว่ายไปในทางที่เต็มไปด้วยแสงสีขาวอีกหลายวินาทีด้วยกัน ตอนนี้รอบตัวของอาเบลนั้นได้เต็มไปด้วยแสงสีขาวแล้ว ตอนนี้พลังแห่งความมุ่งมั่นของอาเบลได้ผสานเข้ากับแสงสีขาวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทันใดนั้นเองอาเบลก็รู้สึกแปลกประหลาดราวกับว่ากำลังมีอะไรบางอย่างนั้นสแกนร่างกายของเขาอยู่ หลังจากผ่านไปสักพักอาเบลก็เห็นตัวอักษรของภาษาออร์คปรากฎขึ้นจากเหรียญตราอันนั้น ภาษาออร์คที่อาเบลเห็นมีความหมายเป็นคำว่า “ถูกปฏิเสธ”

 

“ถูกปฏิเสธหรอ นั่นมันหมายความว่าอะไรกันแน่นะ?”

 

อาเบลเข้าใจแล้วว่าเหรียญตราสัญลักษณ์อันนี้จะต้องสำคัญมากสำหรับพวกออร์คอย่างแน่นอน จนถึงช่วงวาระสุดท้ายของโวร์แกนตัวนี้ โวร์แกนตัวนี้พยายามที่จะทำลายเหรียญตราสัญลักษณ์อันนี้ไปนั่นเอง

 

จากประสบการณ์ที่ผ่านมาของอาเบล อาเบลได้ใช้พลังแห่งความมุ่งมั่นของตัวเองในการเปิดการใช้งานสิ่งของต่างๆ ที่ได้จากพวกออร์คสำเร็จทุกครั้ง แต่ครั้งนี้ดูเหมือนว่าแค่พลังความมุ่งมั่นของอาเบลนั้นคงยังไม่เพียงพอ เหรียญสัญลักษณ์อันนี้ยังมีกลไกอะไรบางอย่างที่รักษาความปลอดภัยเอาไว้อยู่ กลไกสำหรับรักษาความปลอดภัยจะต้องเป็นความรู้สึกที่อาเบลนั้นกำลังถูกสแกนอย่างแน่นอน ดูเหมือนว่าเหรียญตราสัญลักษณ์อันนี้จะตรวจพบแล้วว่าอาเบลนั้นไม่ใช่ออร์ค นั่นคงเป็นเหตุผลที่อาเบลไม่สามารถใช้งานได้นั่นเอง

 

ไม่มีทางอื่นเลยอย่างงั้นหรอ? ในขณะที่อาเบลกำลังคิดหาทางอื่นอยู่อาเบลก็รู้สึกถึงความเจ็บใจอยู่ภายในใจลึกๆ ของตัวอาเบลเอง ถ้าหากเปิดใช้งานเหรียญตราอันนี้อีกครั้งแน่นอนว่ามันจะต้องล้มเหลวอย่างแน่นอน

 

อาเบลได้คิดหาทางอื่นอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะคิดกับตัวเองว่า “ถ้าหากฉันเป็นออร์คละ บางทีฉันอาจจะผ่านการตรวจสอบได้ก็เป็นได้นะ”

 

ทันใดนั้นเองอาเบลก็นึกถึงสร้อยคอที่กำลังอยู่บนคอของเขา ถ้าหากฟาวเลอร์สามารถที่จะเปลี่ยนร่างของตัวเองเป็นมนุษย์ได้แล้ว และการเปลี่ยนร่างเป็นออร์คล่ะจะสามารถทำได้ไหม?”

 

ตอนนี้อาเบลตัดสินใจที่จะใช้สร้อยคอที่เพิ่งจะได้มาอันนี้ อาเบลได้ถอดสร้อยคอออกก่อนที่จะพยายามนึกถึงคาถาสำหรับการใช้สร้อยคออันนี้ หลังจากที่พยายามนึกอยู่เป็นเวลานานอาเบลก็มั่นใจแล้วว่าคาถาที่อาเบลนึกออกนั้นจะต้องเป็นคาถาใช้งานสร้อยคอที่สมบูรณ์แบบแน่นอน

 

ก่อนที่อาเบลจะทดลองใช้สร้อยคออันนี้อาเบลก็ได้ตรวจสอบรอบๆ ก่อนว่าตอนนี้ยังปลอดภัยดีไหม การที่โวร์แกนทั้ง 2 ตัวนี้เลือกจุดๆ นี้เป็นที่ซ่อนตัวนั้นเป็นอะไรที่พวกมันนั้นคิดมาก่อนแล้วนั่นเอง แม้ว่าเนินเขาเนินนี้จะไม่ได้สูงชันอะไรมากแต่เนินเขานี้ก็เต็มไปด้วยต้นไม้จำนวนมากนั่นเอง ต้นไม้เหล่านี้เป็นต้นไม้ที่มีความสูง ด้วยเหตุนี้เองสถานที่ตรงนี้จึงเป็นสถานที่สำหรับใช้หลบซ่อนตัวที่ดีเยี่ยม

 

หลังจากที่อาเบลได้ตรวจสอบรอบๆ เสร็จ อาเบลก็ได้ชูสร้อยคอขึ้นมา ตอนนี้อาเบลได้กดนิ้่วของเขาไปที่ด้านบนของสร้อยคอก่อนที่จะเริ่มร่ายคาถาของพวกออร์คขึ้นมา

 

ในตอนที่อาเบลกำลังร่ายคาถาอยู่นั้นเองอาเบลก็รู้สึกถึงพลังอันทรงพลังที่กำลังปรากฎขึ้นจากท้องฟ้าได้ทันที ราวกับว่าคาถาที่อาเบลกำลังร่ายอยู่นั้นเชื่อมโยงกับชีวิตที่เหนือธรรมชาติอยู่ ชีวิตที่สูงส่งเหนือธรรมชาตินี้เองอาเบลไม่สามารถที่จะทำความเข้าใจอะไรกับมันได้เลย อาเบลรู้สึกถึงแรกกดดันได้เล็กน้อยจากภายในก้นบึงในหัวใจของอาเบลเอง

 

ทันใดนั้นเองแสงสีเขียวจากสร้อยคอที่อาเบลได้ถืออยู่ก้สว่างมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นแสงสีเขียวอันนั้นก็ได้ห่อหุ้มร่างกายของอาเบลเอาไว้ อาเบลรู้สึกได้ทันทีว่าสร้อยคอที่อาเบลมีนั้นมีตัวเลือกในการแปลงร่างอยู่ 3 รูปแบบด้วยกัน : ออร์ค, มนุษย์ และเอล์ฟนั่นเอง

 

ในวินาทีที่อาเบลจะต้องเลือกอาเบลก็ได้จินตนาการถึงฟาวเลอร์ โวร์แกนที่อาเบลได้สังหารไปนั่นเอง หลังจากที่จินตนาการอยู่อาเบลก็รู้สึกได้ว่ากล้ามเนื้อของเขาในตอนนี้นั้นกำลังสั่นไปทั้งตัว กระดูของอาเบลได้เริ่มขยายใหญ่จนสูงมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นไม่นานขนสีเทาและน้ำตาลก็ได้ขึ้นปกคลุมทั่วไปทั้งร่างของอาเบล ใบหน้าของอาเบลได้เริ่มเปลี่ยนรูปไปอย่างช้าๆ ตอนนี้ได้มีฟันคู่หนึ่งงอกยาวขึ้นมาบนใบหน้าของอาเบลแล้ว

 

หลังจากที่แสงสีเขียวจากสร้อยคอหายไป อาเบลก็ได้กลายร่างเป็นโวร์แกนอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว อาเบลรู้สึกได้ทันทีว่าอวัยวะภายในทั้งหมดตอนนี้ของอาเบลนั้นได้แตกต่างไปจากเมื่อก่อนแล้ว นี่จะต้องเป็นเวทย์มนตร์อย่างไม่ต้องสงสัย อาเบลได้แต่อุทานอยู่ภายในใจของตัวเองเพียงเท่านั้น

 

หลังจากที่อาเบลได้ใช้สร้อยคอไป อาเบลก็ได้รู้แล้วว่าสร้อยคออันนี้ทำอะไรได้กันแน่มากขึ้นแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด