Abe the Wizard 70 ไล่ล่าพวกมัน

Now you are reading Abe the Wizard Chapter 70 ไล่ล่าพวกมัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Abe the Wizard (AtW) AtW ตอนที่ 70 ไล่ล่าพวกมัน

AtW ตอนที่ 70 ไล่ล่าพวกมัน

 

ความพยายามของเจ้าชายไวแอดต์ในการลอบสังหารมาแชลนั้นไม่ได้เป็นไปตามแผนอย่างที่เจ้าชายได้วางเอาไว้ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเจ้าชายคนนี้ก็ยังคงเป็นลูกชายของกษัตริย์อาสเตอร์ ด้วยสถานการณ์ทุกอย่างนี้เองทําให้ความสัมพันธ์ที่ดึงเครียดที่มีอยู่แล้วระหว่างเหล่าราชวงศ์และพวกขุนนางนั้นทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้นไปอีก

 

ในฐานะที่เป็นอัศวินที่ได้รับตําแหน่งขุนนางเป็นท่านลอร์ดผ่านผลงานทางการทหารที่โดดเด่นมากมาย หลายครั้งด้วยกันและยังมีอาเบลผู้ซึ่งเป็นท่านลอร์ดและยัง เป็นปรมาจารย์ช่างตีเหล็กเป็นลูกบุญธรรมอีกด้วย ชื่อเสียง ของปราสาทแฮรี่นั้นถูกพูดถึงกันอย่างมากมายภายในเมืองฮา เวสที่อยู่ภายใต้การปกครองของท่านดยุคคาร์เมล ตระกูลแฮ รี่เป็นตระกูลที่มีสัญลักษณ์ปลอกแขนเสื้อเป็นยูนิคอร์นสา มารถสร้างขุนนางอย่างท่านลอร์ดออกมาถึง 2 คนด้วยกัน และทั้งคู่เองก็สามารถทําผลงานทางการทหารได้อย่างดี เยี่ยมจนมีศักดินาครอบครองเป็นของตัวเองได้สําเร็จ

 

ตอนนี้ลอร์ดมาแชลได้กลายเป็นขุนนางตัวอย่างให้กับขุนนางและเหล่าอัศวินทั่วไปไปแล้ว มีเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นในทุกๆ 4-5 ปีที่จะสามารถเป็นเจ้าชายที่ดินของเหล่าอัศวินได้นั่นเป็นสาเหตุที่ว่าทําไมอัศวินทุกคนถึงใฝ่ฝันที่จะเดินตามลอร์ดมาแชล

ในสมัยที่ลอร์ดมาแชลยังเป็นเด็ก เขามักจะต่อสู้อย่างกล้าหาญกับเหล่าออร์คที่ดุร้ายจนท้ายที่สุดเขาก็ได้ครอบครองดินแดนนั่นเอง ด้วยความสามารถและความกล้าหาญของเขาเองทําให้เขาได้ฉายาว่าเป็นอัศวินแห่งความกล้าไปในที่สุด

 

ความรักที่ลอร์ดมาแชลได้มีต่อภรรยาที่จากไปได้แปรเปลี่ยนไปเป็นความพยายามที่จะป้องกันปราสาทที่เป็นที่ฝังภรรยาของเขาแทน ทุกคนได้เห็นแล้วว่าแท้จริงแล้วมาแชลนั้นเป็นอัศวินที่แท้จริงมากแค่ไหน มาแชลได้สาบานที่จะรักและตายไปด้วยเกียรติแห่งอัศวิน

 

มาแชลเป็นเพียงชายเพียงคนเดียวที่จัดการเหล่าออร์คไปกว่า 20 ตัวได้ ด้วยการฝีมือของเขาคนนี้ทําให้ปราสาทสามารถขับไล่เหล่าออร์คที่มารุกรานได้นั่นเอง

 

และมาแชลยังสามารถช่วยเหลือปราสาทแมธริวได้โดยมีอาเบลเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือในครั้งนั้นอีกด้วย สุดท้ายแล้วพวกเขาทั้งสองคนก็สามารถขับไล่ศัตรูผู้รุกรานออกจากปราสาทแมธริวได้สําเร็จ

 

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ลอร์ดมาแชลได้ทําตอนนี้คนทั่วโลกต่างก็พูดถึงเขาในฐานะที่เป็นอัศวินที่กล้าหาญไปแล้ว และเมื่อเวลาผ่านพ้นไปมากเท่าไรผู้คนทั้งหลายต่างก็ได้ยินวีรกรรมของชายคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

ช่วงเวลาที่ดึกเคนจับตัวอัศวินชั้นสูงของเจ้าชายได้เขาก็ได้นําเรื่องที่ลอร์ดมาแชลนั้นถูกลอบสังหารส่งไปที่ศาลสําหรับเหล่าขุนนางในทันที อัศวินชั้นสูงที่ก่อเรื่องในคราวนี้มีด้วยกัน2คนด้วยกัน คนหนึ่งที่ก่อเหตุได้ตายจากไปแล้ว ส่วนอีกคนนั้นยังคงรอดชีวิตอยู่ แน่นอนว่าอัศวินชั้นสูงคนนั้นจะต้องถูกจับกุมและนําตัวขึ้นศาลต่อไปนั่นเอง

 

เมื่อข่าวเรื่องการลอบสังหารถูกเผยแพร่ออกไปก็เกิดความ โกลาหลในหมู่ขุนนางในทันที คําว่าขุนนางนั้นเป็นคําที่เปี่ยมไปด้วยอัตลักษณ์ศักดิ์ศรีอันยิ่งใหญ่ คนที่เป็นขุนนางนต่างก็ได้จะรับความเคารพนับถือและเกียรติยศต่างๆ มากมาย

 

ในแวดวงของเหล่าขุนนางนั้นเรื่องความเกลียดชังระหว่างขุนนางด้วยกันเองจะถูกตัดสินอย่างรวดเร็วผ่านการดวลกันอย่างเป็นทางการ ในการดวลกันอย่างเป็นทางการนั้นจะมีกรรมการคอยตัดสินอยู่ด้วยนั่นเอง แต่สําหรับการลอบโจมตีสําหรับเหล่าขุนนางด้วยกันเองแล้วนี้ถือเป็นความผิดทางอาญาอย่างไม่ต้องสงสัย และถ้าหากเป็นสามัญชนคนธรรมดาจริงนี้จะถือเป็นอาชญากรรมที่ร้ายแรงไปเลยก็ว่าได้

 

ถ้าหากมีขุนนางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งพ่ายแพ้ให้กับการดวลแน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นมีสิทธิ์ที่จะขอให้ฝ่ายผู้ชนะนั้นรับพวกเขาเป็นเชลยศึกสงครามไปนั่นเอง แน่นอนว่าไม่มีใครกล้าที่จะฝ่าฝืนกฎกฏนี้ไปอย่างแน่นอน

กฏที่ถูกออกมาทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีจุดมุ่งหมายทําให้ขุนนางทั้งหลายนั้นสามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัย

 

แต่จนถึงตอนนี้ได้มีสมาชิกของราชวงศ์คนหนึ่งที่พยายามที่จะลอบสังหารลอร์ด การกระทําเช่นนี้เองทําให้ขุนนางทั้งหลายเริ่มโกรธและไม่พอใจกษัตริย์มากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่ศาลของขุนนางนันรวบรวมหลักฐานทั้งหมดแล้วพวกเขาก็ได้แจ้งข้อมูลให้กับครอบครัวของเหล่าขุนนางทุกคนที่อยู่ภายในเมืองในเมืองเบกองนั้นมีครอบครัวขุนนางทรงอิทธิพลอยู่ด้วยกัน4ตระกูลโดยตระกูลของลอร์ดมาแชลอย่างตระกูลแฮรี่เองก็ได้รับรู้ข่าวคราวเรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน รายงานเรื่องทั้งหมดในครั้งนี้ยังถูกส่งไปให้กษัตริย์อาสเตอร์จอร์จอีกด้วยพวกขุนนางทั้งหลายต่างก็ลงความคิดเห็นที่ตรงกันพวกเขาอยากให้ลงโทษเจ้าชายไวแอดต์ให้รวดเร็วและรุนแรงมากที่สุด

 

ในตอนที่อาเบลได้รู้ข่าวคราวว่าลอร์ดมาแชลได้ถูกโจมตีในตอนนั้นเองเขากําลังขี่เมฆาสีขาวอยู่ ทันทีที่อาเบลรู้ข่าวเขาก็กลับมาที่ห้องตีเหล็กส่วนตัวก่อนที่จะทําดาบระเบิดทั้งหมด4เล่มด้วยกัน อาเบลได้เก็บดาบของเขาทุกเล่มไว้ในฮอร์ราดริกคิวบ์โดยที่เก็บคัมภีร์แห่งการวาร์ปเอาไว้ที่กล่องเหล็กในห้องแทนก่อนที่อาเบลจะออกจากห้องไปเขาได้หยิบอาวุธจากชั้นเก็บอาวุธและเรียกเมฆาสีขาวที่อยู่ปาหลังปราสาทอย่างรวดเร็ว

 

“เมฆาสีขาว ไปกันเร็วเข้า” อาเบลได้พูดอย่างอ่อนโยนในขณะที่ตบไปที่คอของเมฆาสีขาว

 

เมฆาสีขาวได้ส่งเสียงออกมาก่อนที่จะเริ่มสะบัดปีกของมันในทันที นกตัวนี้ได้รู้แล้วว่าอาเบลนั้นรีบร้อนขนาดไหน มันบินเร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้ด้วยร่างกายอันใหญ่โตของมันเพื่อที่จะไปยังจุดหมายให้เร็วที่สุด

 

อาเบลได้เดาเอาไว้แล้วว่าเจ้าชายไวแอดต์และทหารคุ้มกันของเขาจะต้องกลับไปที่เมืองเบกองอย่างแน่นอนเมื่อยืนยันทิศทางที่จะไปได้แล้วอาเบลก็ได้ตรวจสอบเส้นทางด้วยกล้องส่องทางไกลที่มีในทันที ตอนนี้เขามีกล้องส่องทางไกลแล้วนั่นเอง ด้วยกล่องส่องทางไกลนี้เองการเดินทางไกลของอาเบลจะต้องสะดวกสบายมากขึ้นอย่างแน่นอน

 

“ฝ่าบาท พวกเราหยุดพักก่อนก่อนเถอะ ตอนนี้ม้าของพวก เราเหนื่อยล้ากันไปหมดแล้ว!” หนึ่งในอัศวินที่ทําหน้าที่เป็นผู้ คุ้มกันได้พูดกับเจ้าชายไวแอดต์ ในตอนนี้เขารู้สึกเศร้าใจ ที่มาของเขากําลังรู้สึกทรมานอยู่

 

“นี่ก็ไกลจากเมืองฮาเวสมากแล้ว ฉันไม่คิดว่ามาแชลจะไล่ตามพวกเราจนมาถึงที่นี่ได้หรอก มาพักกันสักหน่อยก็ได้” เจ้าชายไวแอดต์พยักหน้าก่อนที่จะเริ่มเช็ดเหงื่อของตัวเอง

 

เนื่องจากทั้งสามคนรีบหนีออกมาจากเมืองฮาเวส ด้วยเหตุนี้เองจึงทําให้พวกเขาทั้งทั้งรถม้าและเหล่าบริวารรับใช้รวมไปถึงข้าวของทั้งหมดไว้ในเมืองฮาเวส ตอนนี้ทุกคนกําลังเดินทางกลับเมืองเบกองด้วยตัวเปล่าเท่านั้น

 

อัศวินผู้คุ้มกันได้จุดกองไฟในขณะที่อัศวินอีกคนได้ไปล่าสัตว์ ภายในระยะเวลาสั้นๆ อัศวินที่ไปล่าสัตว์ก็ได้จับกระต่ายมาถึงสองตัวและไก่ปาอีกหนึ่งตัว ในไม่ช้าพวกมันทั้งหมดก็ถูกทําให้เป็นอาหารในทันที

 

“ถ้าฉันกลับไปที่เมืองเบกองได้เมื่อไหร่ฉันจะให้คนของฉันไปจัดการกับปราสาทแฮรี่อย่างแน่นอน!” เจ้าชายไวแอดต์พูดในขณะที่ตัวเขากําลังกินอาหารที่ไร้รสชาติอยู่

 

อัศวินชั้นสูงที่อยู่กับเจ้าชายต่างก็กินอาหารอย่างเงียบๆต่อไปโดยที่ไม่สนใจคําพูดของเจ้าชายเลยแม้แต่น้อย

 

เจ้าชายไวแอดต์สังเกตเห็นถึงความเงียบของอัศวินทั้ง2 คนดี ตอนนี้อัศวินที่อยู่กับเจ้าชายไม่ได้พอใจในตัวเจ้าชายอีกต่อไป และด้วยเหตุนี้เองก็ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่จะต้องปกป้องชีวิตของเจ้าชายไว้ด้วยชีวิตของพวกเขาเอง

 

แม้ว่าเจ้าชายไวแอดต์จะมีสายเลือดของราชวงศ์ไหลเวียนอยู่ภายในตัว แต่เขาเป็นเพียงแค่เจ้าชายลําดับที่สี่เพียงเท่านั้นยังไงก็แล้วแต่ยังมีพี่ชายอีก 3 คนที่เกิดมาก่อนเขาอยู่ดีแน่นอนว่าเจ้าชายที่เกิดมาก่อนนั้นย่อมมีสิทธิต่างๆ ที่เหนือกว่าเจ้าชายที่เกิดมาทีหลัง และด้วยเหตุนี้เองเจ้าชายไวแอดต์จึงไม่ได้เป็นลูกชายคนโปรดของกษัตริย์ การที่เป็นเจ้าชายลําดับที่4นั้นจะถูกเลี้ยงดูด้วยผู้เป็นแม่และบรรดาพ่อบ้านในพระราช วังเพียงเท่านั้นการศึกษาของไวแอดต์จึงไม่ได้ดีเลิศอะไรเลยนั่นเอง

 

แต่ด้วยสภาวะแวดล้อมอันดีงามนี้เองจึงทําให้ไวแอตด์ดูเหมือนเป็นคนที่สุภาพไป แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเมื่อไรก็ตามที่เจ้าชายคนนี้เจ็บแค้นกับอะไร เขาจะพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะแก้แค้นให้ได้

 

จนมาถึงตอนนี้ไวแอดต์ยังคิดว่าเรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของอาเบลอยู่ดี อาเบลเป็นคนที่สร้างเรื่องราวต่างๆ ในครั้งนี้และด้วยเหตุนี้เองอาเบลจะต้องจ่ายอย่างสาสมให้กับความแค้นของเจ้าชายคนนี้!

 

ม้าศึกที่เจ้าชายไวแอดต์มีนั้นล้วนแต่เป็นม้าศึกที่ดีที่สุดที่ได้รับมาจากดยุคคาร์เมลดดยตรง แต่เมฆาสีขาวใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้นก็สามารถไล่ตามพวกเขาได้ทันแล้ว

 

เมื่อมองดูจากฟากฟ้าตอนนี้อาเบลได้มองเห็นไวแอดตรวมไปถึงอัศวินชั้นสูงอีกสองคนแล้ว ชุดที่ไวแอดต์กําลังสวมใส่เป็นชุดเครื่องแบบของราชวงศ์นั่นเอง และเกราะของอัศวินทั้งสองคนยังเป็นชุดเกราะสีทองอีกด้วยด้วยเครื่องแบบที่เด่นชัดนี้เองจึงทําให้ถูกสังเกตุเห็นโดยง่าย

อาเบลได้หยิบสร้อยคอของเขาที่อยู่ในเสื้อคลุมออกมา ตอนนี้เขาได้สวมสร้อยคอนั้นพร้อมกับร่ายคาถาเวทย์มนตร์ในทันทีทันใดนั้นเองมีแสงสีเขียวได้โอบล้อมร่างกายของอาเบลเอาไว้ไม่นานนักเขาก็ได้กลายเป็นโวร์แกนไปในที่สุด

 

อาเบลได้สั่งการให้เมฆาสีขาวบินต่ําลงในใจ หลังจากนั้นอาเบลก็ได้หยิบฮอร์ราดริกคิวท์ออกมา

 

“ระวัง มีอะไรกําลังมา!” อัศวินชั้นสูงคนหนึ่งพูดขึ้น เขาสัมผัสได้ว่ากําลังมีอะไรบางอย่างที่อันตรายตกลงมาจากสัญชาต

 

ญาณของตัวเขาเอง ทันใดนั้นเองอัศวินชั้นสูงทั้งสองคนก็ได้ใช้พลังลมปราณเคลือบไปที่ร่างกายของตัวเองก่อนที่จะมารีบปกป้องไวแอดต์เอาไว้

 

“นั่นมันนกกระจอกแห่งท้องนภา พวกออร์คบุกโจมตี!”อัศวินชั้นสูงพูดขึ้น เขาได้เงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าและกําลังเห็นนกกระจอกแห่งท้องนภานั้นกําลังบินโฉบลงมาด้วยความเร็วสูง

 

เมื่อเมฆาสีขาวบินมาใกล้กับระดับพื้นดินที่ 20 เมตรมันก็เริ่มบนขึ้นบนท้องฟ้าอีกครั้ง อาเบลรีบหยิบดาบระเบิดทั้ง4เล่มออกมาจากคิวบ์ ภายในระยะเวลาไม่กี่วินาทีนั้นเองเขาก็ได้ขว้างดาบทั้ง 4 เล่มลงไปบนพื้นดินใกล้ๆ กับคนทั้ง3คนในทันที

“ระวัง นั่นมันอาวุธมีด!”

 

“จัดกลยุทธ์ป้องกันเร็ว! ให้เจ้าชายไวแอดต์ไปหลบอยู่ข้างหลังซะ พวกเราอัศวินชั้นสูงไม่มีทางยอมแพ้หรอก!” ตอนนี้ใกล้ๆกับดาบทั้ง 4 เล่มได้เต็มไปด้วยพลังลมปราณที่ถูกใช้เพื่อป้องกันการโจมตี แม้ว่าดาบทั้ง 4 เล่มจะไม่ได้ดูมีพลังโจมตีที่ยิ่งใหญ่อะไรนักแต่อัศวินชั้นสูงก็สามารถสัมผัสถึงความอันตรายของสิ่งที่พวกเขาเรียกว่าอาวุธมีดเหล่านี้ได้ ดูเหมือนว่าอาวุธพวกนี้จะสามารถทําลายการป้องกันของพวกเขาลงได้

 

“1 2 3” อาเบลได้นับเลขไว้ในใจ เมื่อผ่านพ้นไป 4 วินาทีเสียงระเบิดก็ดังขึ้นในทันที ฝุ่นที่เกิดจากการระเบิดนั้นกระจายไปทั่วบริเวณ

 

อาเบลในตอนนี้กําลังนั่งอยู่บนเมฆาสีขาว ตอนนี้เขาได้แต่มองลงมาเพื่อรอให้ฝุ่นที่เกิดขึ้นจางหายไป อัศวินชั้นสูงที่สวมใส่ชุดเกราะสีทองทั้ง 2 คนร่างกายของพวกเขานั้นเต็มไปด้วยบาดแผล เลือดสดๆ ได้ไหลรินไปทั่วร่างกายของพวกเขา จากที่อาเบลประเมินคร่าวๆ แล้วละก็อัศวินชั้นสูงทั้ง 2 คนจะต้องได้รับบาดแผลที่บาดเจ็บสาหัสไปหลายสิบแผลอย่างแน่นอนแต่ถึงจะเป็นแบบนั้นพวกเขาก็ยังสามารถรักษาท่าทางในการป้องกันเอาไว้ได้

 

“ลงไป” อาเบลได้สั่งให้เมฆาสีขาวบินลงไป

 

ตอนนี้อาเบลและเมฆาสีขาวได้อยู่เหนือพื้นดินเพียง10เมตรเท่านั้น อาเบลได้กระโดดลงจากเมฆาสีขาวเพื่อที่จะไปหาเจ้าชายไวแอดต์ที่กําลังถือปืนยาวอยู่

 

ตอนนี้เจ้าชายไวแอดต์นั้นแทบที่จะไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรเลยดูเหมือนว่าอัศวินชั้นสูงทั้งสองคนจะสามารถป้องกันความเสียหายจากการโจมตีของอาเบลได้ ถึงแม้ว่าที่ขาซ้ายของเจ้าชายจะมีเลือดไหลอยู่ แต่ตอนนี้เจ้าชายก็ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด