Abe the Wizard 72 ชุดเกราะตัวใหม่

Now you are reading Abe the Wizard Chapter 72 ชุดเกราะตัวใหม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Abe the Wizard (AtW) AtW ตอนที่ 72 ชุดเกราะตัวใหม่

 

AtW ตอนที่ 72 ชุดเกราะตัวใหม่

 

ในห้องของอาเบลเอง เขาได้ใช้เวลาทั้งหมดในการฝึกฝนในแบบของอัศวิน ส่วนเวลาที่เหลือเองอาเบลก็ได้ใช้เวลาทั้งหมดอยู่บนโต๊ะของตัวเขาเอง อาเบลได้ร่างภาพวาดของชุดเกราะทุกชนิดที่มีอยู่ในโลกใบนี้ขึ้นมา การที่จะร่างภาพทั้งหมดได้อาเบลได้ใช้หนังแกะไปเกือบ 10 แผ่นไปกับการวาดนี้

 

หนังแกะผืนหนึ่งเป็นอะไรที่มีมูลค่าสูงเป็นอย่างมาก พวกหนังแกะทั้งหลายที่ใช้สําหรับการวาดอะไรก็แล้วแต่ล้วนแต่ถูกนําออกมาจากลูกแกะตัวเล็กๆ ทั้งนั้น โดยหนังแกะผืนหนึ่งนั้นอาจจะมีมูลค่าสูงถึงมูลค่าครึ่งหนึ่งของเหรียญทอง ดังนั้นแล้วทุกคนจึงไม่สามาถใช้หนังแกะพวกนี้ได้ดังใจนึก แต่แน่นอนว่าหนังแกะไม่ใช่เพียงสิ่งเดียวในการวาดหรือจดบันทึกอะไรก็แล้วแต่ ถ้าหากจะหาวัสดุสําหรับการเขียนจดบันทึกแล้วหนังของกระต่ายเองก็เป็นทางเลือกเช่นเดียวกัน และขุนนางส่วนใหญ่ก็นิยมใช่หนังของกระต่ายมากกว่าอีกด้วย แต่ไม่มีสิ่งไหนที่นุ่มนวลและง่ายต่อการใช้เท่ากับหนังของลูกแกะ แต่แน่นอนว่าพวกขุนนางทั้งหลายต่างก็มีศักดิ์ศรีที่ค้ำคออยู่ ต่อให้ตระกูลขุนนางไหนก็แล้วแต่ยากจนแค่ไหนพวกเขาก็จะไม่ยอมใช้หนังแกะที่เป็นของปลอมเด็ดขาด

 

โดยปกติแล้วปากกาหมึกจะถูกสร้างขึ้นจากขนนกที่เป็นขนนกของปีกหงส์ที่โตเต็มวัย หลังจากที่ขนนกอันนั้นถูกถอนมาจากตัวหงส์แล้วขนนกอันนั้นก็จะถูกนําไปอบเพื่อที่จะละลายไขมันที่ยังเหลืออยู่นั่นเอง และเมื่อละลายไขมันจากขนนกจนหมดแล้วมันก็จะถูกนํามาพักร้อนบนทรายต่อไป หลังจากที่ระบายความร้อนออกด้วยวิธีธรรมชาติแล้วเหล่าคนสร้างก็จะติดตั้งหลอดหมึกไว้บนปลายปากกาในท้ายที่สุด หลอดหมึกที่ถูกติดตั้งนี้เองจะมีขนาดประมาณ 1 มิลลิเมตรด้วยกัน และนี้เป็นวิธีในการทําปากกาหมึกขนนกทั้งหมดนั่นเอง

 

อาเบลเริ่มชินชาไปกับการใช้ปากกาขนนกในโลกใบนี้แล้ว อาเบลรู้ได้ทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากมีสิ่งประดิษฐ์ที่เรียกว่ากระดาษเขียนปรากฏขึ้น ในฐานะที่เขาเป็นผู้ที่หลงไหลในประวัติศาสตร์ด้วยแล้ว อาเบลจะไม่ทําสิ่งที่เปลี่ยนแปลงโลกอันนี้ขึ้นมาอย่างแน่นอน ถ้าหากสิ่งประดิษฐ์พวกนี้ถูกสร้างขึ้นจริงแน่นอนว่าประชาชนคนส่วนใหญ่นั้นจะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่มีอยู่ได้อย่างไม่จํากัด ส่งผลให้สังคมนั้นสามารถพัฒนาไปได้อย่างรวดเร็ว

 

ในทวีปศักดิ์สิทธิ์ของโลกใบนี้เองได้ผ่านประวัติศาสตร์อันยาวนานที่มากกว่า 1 หมื่นปีมาแล้ว แต่อาเบลไม่เคยได้ยินเลยว่าจะมีใครที่คิดค้นสิ่งประดิษฐ์ที่คล้ายกับกระดาษเขียนนี้ ดังนั้นแล้วถ้าหากอาเบลไม่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปการที่จะไม่ประดิษฐ์กระดาษออกมาก็เหมือนจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสําหรับเขาแล้ว ในลึกๆ ในใจของอาเบลนั้นเขาไม่ต้องการให้โลกใบนี้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เขาอยากให้โลกใบนี้อยู่ในสภาพเดิมต่อไป

 

อาเบลพอใจกับสถานะปัจจุบันของตัวเขาในโลกใบนี้อยู่แล้ว สิ่งเดียวที่เขายังคงต้องห่วงแหนก็คือเพื่อนและครอบครัวของเขานั่นเอง และเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาแล้วอาเบลจึงต้องเก็บงความลับและไม่พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมต่อไป

 

เหตุผลเดียวที่ยังทําให้อาเบลขังตัวเองอยู่ในห้องแบบนี้มาถึง 3 วันแล้วเป็นเพราะเขาต้องการสร้างชุดเกราะสําหรับรับตําแหน่งลอร์ดในอีก 2 เดือนข้างหน้านั้นเอง ในงานสําคัญแบบนี้แล้วคุณภาพของชุดเกราะที่ถูกสวมใส่โดยเหล่าอัศวินนั้นจะสําคัญสําหรับอัศวินมากนั่นเอง การที่สวมใส่ชุดเกราะที่หรูหรานั้นแสดงให้เห็นถึงพลังและความมั่งคั่งที่มีให้กับประชาชนคนธรรมดาได้เห็น และแน่นอนว่าชุดที่ดูไม่ธรรมดานั้นยังสามารถบอกถึงทักษะการต่อสู้รวมถึงความกล้าหาญให้กับกษัตริย์ได้เห็นอีกด้วย

 

ขนแกะทั้ง 10 แผ่นนั้นเต็มไปด้วยภาพวาดชุดเกราะทั้งหมดที่อาบลพอจะรู้จัก แต่ถึงจะมีชุดเกราะทั้งหมดแล้วตอนนี้เขาก็ยังไม่พอใจอยู่ดี อาเบลต้องการอะไรที่พิเศษมากกว่านี้

 

แต่ถึงอาเบลจะมีความคิดที่ยิ่งใหญ่มากแค่ไหนแต่ตอนนี้ร่างกายของเขาก็ยังไม่โตเต็มที่อยู่ดี แต่การฝึกฝืนเพื่อที่จะได้เป็นอัศวินอย่างเป็นทางการของอาเบลนั้นได้เพิ่มพละกําลังรวมไปถึงกล้ามเนื้อให้กับเขาเองจนทําให้ตัวอาเบลในตอนนี้ไม่ได้ดูเหมือนเด็กอีกต่อไป เขาได้สูงถึง 1.7 เมตรแล้วนั่นเอง และด้วยความสูงนี้เองก็เป็นเหมือนกับความสูงของผู้ใหญ่ไปแล้ว แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่สําหรับอัศวินนั้นไม่ใช่ โดยทั่วไปแล้วอัศวินทั้งหลายจะมีความสูงขั้นต่ำอยู่ที่ 1.9 เมตรด้วยกัน ดังนั้นแล้วชุดเกราะของอัศวินทั้งหลายที่ทําขึ้นจึงมีความยาวเป็นพิเศษนั่นเอง

 

นับตั้งแต่อดีตจนมาถึงตอนนี้อาเบลในวัย 13 ปีนั้นสร้างชุดเกราะที่เรียบง่ายเพื่อใช้งานเพียงชั่วคราวเท่านั้น แต่สําหรับลอร์ดมาแชลแล้วเขามีชุดเกราะตัวโปรดของเขาอยู่แล้วอย่างชุดเกราะแห่งดวงตะวันนั่นเอง แม้ว่าลอร์ดมาแซลจะเก็บชุดเกราะอันนี้ไว้เป็นส่วนมากแต่ก็มีบ่อยครั้งเหมือนกันที่เขาได้สวมใส่ชุดเกราะตัวนี้เดินเล่นภายในเมืองฮาเวส แต่ถ้าหากลอร์ดมาแชลสวมใส่ชุดเกราะแห่งดวงตะวันเดินเล่นไปที่เมืองเบกองแล้วละก็เขาจะต้องถูกมองว่าเป็นพวกล้าสมัยไปอย่างแน่นอน

 

อาเบลเองก็ต้องการให้ลอร์ดมาแชลสวมใส่ชุดเกราะที่ดูสมบูรณ์แบบที่สุดในช่วงเวลารับตําแหน่งเช่นกัน แน่นอนว่าในเวลานั้นเพื่อนๆ ของลอร์ดมาแชลรวมไปถึงญาติของเขาทั้งหมดจะต้องมาในเมืองเบกองอย่างแน่นอน

 

การออกแบบชุดเกราะจากโลกใบเดิมที่อาเบลจากมาเองก็ดูจะเหมือนกับชุดเกราะในโลกใบนี้มาก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก้ยังมีชุดเกราะที่ถูกออกแบบมาให้ดูทันสมัยมากยิ่งขึ้นจากทั้งภาพยนตร์และอนิเมะต่างๆ ชุดเกราะที่ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความบันเทิงพวกนี้เองล้วนแต่เป็นชุดเกราะที่ดูไม่ธรรมดาเลย ชาวคอสเพลย์ทั้งหลายพยายามเลียนแบบสร้างชุดเกราะพวกนี้ด้วยวัสดุอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน แต่ขั้นต้นในการทําส่วนใหญ่ก็เริ่มจากการร่างภาพวาดด้วยกันทั้งนั้น และในบางครั้งการใช้คอมพิวเตอร์ในการออกแบบเองก็อยู่ในทางเลือกที่ว่าด้วย

 

เนื่องจากพลังแห่งความมุ่งมั่นของตัวอาเบลนั้นมีเพิ่มมากขึ้นแล้ว เขาจึงพยายามที่จะทําสมาธิขึ้นมาอีกครั้ง ในตอนนี้อาเบลต้องการที่จะนึกแบบจําลองทั้งหมดของชุดเกราะที่มีอยู่ภายในโลกเดิมที่เขาได้จากมา ในฐานะที่เขาเป็นคนธรรมดาๆ แต่เขาก็สามารถที่จะหาข้อมูลของชุดเกราะทั้งหมดมาจากอินเทอร์เน็ตได้นั่นเอง

 

ชุดเกราะของพวกเอลฟ์ในหนังเรื่อง “เดอะลอร์ดออฟเดอะริงส์” เองก็ดูดีในสายตาของอาเบล มันเป็นชุดเกราะที่สามารถแสดงรูปร่างอันเพรียวบางของผู้ที่สวมใส่อย่างเอลฟ์ได้ ปัญหาเพียงอย่างเดียวสําหรับการทําชุดเกราะแบบนั้นคือลวดลายการแกะสลักที่สุดแสนจะหรูหราพวกนั้น แน่นอนว่านี้เป็นปัญหาใหญ่สําหรับอาเบล ดังนั้นแล้วเขาจึงล้มเลิกความคิดไปในที่สุด

 

จากนั้นไม่นานโมเดลชุดเกราะนักรบแห่งแสงสีฟ้าจากเกม “ไฟนอลแฟนตาซี” ก็โผล่ขึ้นมาในใจของอาเบล ชุดเกราะนั้นเองมีหนามแหลมอยู่บนบ่าของผู้สวมใส่ด้วย อาเบลคิดว่าการออกแบบนั้นเองดูเท่มาก แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นการที่จะหาวัสดุที่จะทําอะไรที่ละเอียดอ่อนแบบนั้นได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย สุดท้ายแล้วอาเบลตัดสินใจที่จะไปวัดขนาดตัวของลอร์ดมาแชลเอาไว้ก่อน

 

เมื่อวัดขนาดตัวเสร็จแล้วอาเบลก็กลับมาที่โรงตีเหล็กส่วนตัวของเขาอีกครั้งเพื่อพยายามที่จะสร้างชุดเกราะขึ้น แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นเขาก็ยังนึกไม่ออกเลยว่าจะเลือกชุดเกราะแบบไหนกันแน่

 

แต่ในทันใดนั้นเองอาเบลก็นึกถึงชุดเกราะอีกชุดหนึ่งขึ้นมา แต่การที่จะทําชุดเกราะแบบนี้ได้จะต้องใช้คอมพิวเตอร์ช่วยในการออกแบบเท่านั้น ชุดเกราะที่เขากําลังนึกถึงเองเป็นชุดเกราะจากเรื่องเซนต์เซย่านั่นเอง โดยชุดเกราะที่อาเบลกําลังนึกถึงอยู่คือชุดเกราะทองคําทั้ง 12 ชุดที่มีอยู่ภายในเรื่อง

 

โดยชุดเกราะที่อาเบลชอบเป็นพิเศษคือชุดเกราะทอรัสนั่นเอง โดยชุดเกราะทอรัสนั้นจะมีทั้งหมด 2 รูปแบบด้วยกัน ในรูปแบบที่ 1 นั้นชุดเกราะทอรัสจะเป็นชุดเกราะที่ยืนสองขานั่นเอง ส่วนชุดเกราะในรูปแบบที่ 2 เป็นชุดเกราะที่ดูเต็มยศมากขึ้น โดยชุดๆ นี้ยังดูเหมือนวัวมากอีกด้วย

 

ชุดเกราะทอรัสที่อาเบลพอจะนึกออกนั้นประกอบไปด้วยหมวกสวมหัวที่เป็นทรงเขาของวัว, เกราะที่ไหล่, เกราะอก, เกราะหลัง, เกราะป้องกันเอว, เกราะป้องกันแขน, เกราะป้องกันขา และรองเท้า

 

แน่นอนว่าอาเบลต้องการที่จะสร้างชุดเกราะทั้งหมดให้อยู่ในมาตรฐานของชุดเกราะแห่ง 120 ทักษะ และเนื่องจากอาเบลเองสามารถสร้างพิมพ์เขียวของชุดเกราะทั้งหมดได้ผ่านควาทรงจําดังนั้นแล้วการทําชุดเกราะชุดนี้เองจึงไม่ได้ยากอะไรเลย อาเบลได้ทําเขาด้านหน้าของหมวกรวมไปถึงเกราะป้องกันด้านหลังให้ดูแข็งแกร่งมากเป็นพิเศษ จนท้ายที่สุดแล้วเขาก็สามารถสร้างชิ้นส่วนของชุดเกราะทั้งหมดได้แล้ว ตอนนี้ชิ้นส่วนชุดเกราะทั้งหมดที่เป็นสีเทาได้กระจัดกระจายอยู่ทั่วพื้นห้องตีเหล็ก

 

เมื่ออาเบลได้จ้องมองไปที่เศษชิ้นส่วนของชุดเกราะทั้งหมดที่อยู่บนพื้น ตัวเขาก็รู้สึกเสียดายในทันทีที่ชุดเกราะทั้งหมดนี้ไม่ได้มีสีทองคําสวยงามเหมือนกับภาพที่ตัวเขานั้นได้นึกขึ้นไว้ ถึงแม้ว่าสีเทาที่เป็นสีธรรมชาติของเหล็กนั้นจะทําให้ชุดเกราะชุดนี้แข็งแกร่งมากที่สุดแต่มันก็ไม่ได้ดูดีในแบบที่อาเบลได้คิดเอาไว้เลย

 

ในห้องตีเหล็กส่วนตัวของอาเบลเองยังมีอุปกรณ์อะไรที่น่าสนใจอยู่อีกหลายอย่าง ยกตัวอย่างเช่น ที่ขัดเงา งานของช่างตีเหล็กที่ทําออกมาส่วนใหญ่นั้นจะขาดความสวยงาม ดังนั้นแล้วที่ขัดเงาอันนี้จึงเป็นเครื่องมือที่เป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทําให้ผลงานที่ทําออกมานั้นดูสวยงามมากขึ้นนั่นเอง อาเบลไม่รอช้าเขารีบใช้ที่ขัดเงาอันนี้ขัดชุดเกราะที่สร้างขึ้นมาในทันที

 

ในขั้นตอนของการขัดเงาเองหินที่ใช้สําหรับเป็นหินขัดนั้นจะถูกวางอยู่บนส่วนกลางของที่ขัด โดยเมื่อหินลับถูกหมุนด้วยสายหนังแล้วการขัดเงาก็จะถูกดําเนินการขึ้นนั่นเอง

 

อาเบลได้สร้างกลไกสําหรับการขัดเงาขึ้นมาเองดังนั้นแล้วเขาจึงไม่ต้องทําทุกอย่างด้วยมือของตัวเอง

 

อาเบลได้หยิบชิ้นส่วนอีกหลายชิ้นของชุดเกราะขัดเงาต่อไปเรื่อยๆ ในไม่ช้าพื้นผิวของชิ้นส่วนเกราะทุกชิ้นก็ได้เริ่มเรียบเนียนสมบูรณ์ขึ้นมาแล้ว ชุดเกราะที่อาเบลได้สร้างขึ้นเริ่มสะท้อนแสงแล้วนั่นเอง แต่แม้ว่าเขาจะขัดเงาไปมากแค่ไหนชุดเกราะตัวนี้ก็ยังดูเหมือนขาดอะไรไปอยู่ดี

 

วัสดุที่อาเบลนํามาสร้างชุดเกราะพวกนี้จะต้องมีปรอทอยู่ภายในอย่างแน่นอนดังนั้นแล้วเพื่อความปลอดภัยอาเบลจึงไม่ลืมที่จะสวมหน้ากากในระหว่างที่ขัดเงาไปด้วย

 

เมื่อขัดเงาเสร็จแล้วอาเบลก็ได้นําทองคําเปลวที่ขอให้พ่อบ้านลินด์เซ่จัดหามาให้ตัดเป็นเส้นยาวๆ หลังจากที่ตัดแบ่งทองคําเปลวเสร็จแล้วเขาก็นําทองคําเปลวทั้งหมดไปหลอมในเตาเผาในการหลอมละลายนี้เองอาเบลได้ใช้แท่งทองคําในการคนทองคําเปลวที่หลอมละลาย หลังจากที่ทองคําเปลวเย็นตัวแล้วอาเบลก็ได้แท่งทองคํามาอยู่ในครอบครอง

 

เมื่ออาเบลมองไปที่แท่งทองคําในตอนนี้ตัวเขาก็เกิดความคิดใหม่ขึ้นมาในทันที ถ้าหากทองคําพวกนี้เป็นของเหลวแล้วละก็ การที่จะผสมมันให้เป็นเนื้อเดียวกันอาจจะเป็นวิธีการที่ดีกว่าก็เป็นได้

 

ในตอนนี้อาเบลได้เสียเงินไปกับการซื้อทองคําทั้งหลายแล้ว ดังนั้นอาเบลจึงตัดสินใจที่จะทําทองคําแท่งอีก 3 แท่งก่อนที่จะวางทองคําทั้ง 3 แท่งลงไปในฮอร์ราดริกคิวบ์ ทองคําทั้ง 3 แท่งเองได้หายไปในไม่ช้าก่อนที่จะมีคริสตัลสีทองเข้มปรากฏขึ้นมาจากคิวบ์ในภายหลัง

 

อาเบลได้นําทองสีเข้มออกมาจากฮอร์ราดริกคิวบ์ก่อนที่จะตรวจสอบอย่างใกล้ชิด แม้ว่าทองคําอันนี้จะไม่ได้ดูต่างจากทองคําก่อนหน้านี้เลย แต่อาเบลก็รู้ได้ทันทีว่าทองคําอันนี้จะต้องมีคุณภาพสูงที่สุดแล้วอย่างแน่นอน

 

อาเบลไม่ได้รอช้าเขารีบผสมเกลือและสารส้มเพื่อที่จะทําให้ทองคําอันนี้กลายเป็นของเหลวอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ใช้ทองคําที่เป็นของเหลวทาไปบนชุดเกราะที่อาเบลได้สร้างขึ้นมา

 

หลังจากที่อาเบลได้ทาทองทั้งหมดบนชิ้นส่วนเกราะแล้วอาเบลก็ยังทาทองต่อไปจนพื้นผิวของเกราะนั้นส่องแสงสีทองออกมา และสุดท้ายแล้วอาเบลก็ใช้ปรอทในการเคลือบชุดเกราะทุกส่วนเอาไว้

 

หลังจากที่ชุบปรอทเสร็จแล้วอาเบลก็ได้นําชิ้นส่วนของชุดเกราะทั้งหมดไปที่เตาเผาอีกครั้ง ถ้าหากนําปรอทที่ทาเคลือบเอาไว้ไปให้ความร้อนอีกครั้ง ชุดเกราะที่อาเบลทําก็จะดูเปล่งประกายมากขึ้นนั่นเอง แต่อาเบลก็ไม่แน่ใจนักว่าการที่ใช้ทองที่ได้จากการผสมจากฮอร์ราดริกคิวบ์จะทําให้สีของชุดเกราะของเขาดูสะดุดตามากขึ้นไหม ตอนนี้พื้นผิวรวมไปถึงสีของชุดเกราะที่อาเบลได้สร้างนั้นดูสมบูรณ์แบบและดูไร้ที่ติ

 

ในตอนนี้อาเบลไม่ได้สนใจอีกต่อไปแล้วว่าต้นทุนในการสร้างชุดเกราะตัวนี้จะมีมูลค่าสูงมากขนาดไหน อาเบลตัดสินใจใช้ทองคําแท่งอีก 3 ก้อนผสมไปในฮอร์ราดริกคิวบ์อีกครั้ง ทุกชิ้นส่วนของชุดเกราะที่อาเบลจะสร้างขึ้นนั้นจะต้องมีสีทองส่องประกายแบบนี้ทุกชิ้น

 

อาเบลได้เก็บทําคําแท่งที่เหลือเอาไว้ในกล่องเก็บของ เมื่อชุดเกราะชุดนี้เสียหายเขาจะใช้ทองคําในส่วนนี้ในการซ่อมบํารุงนั้นเอง

 

ในที่สุดชุดเกราะชุดใหม่นี้ก็ถูกสร้างจนสําเร็จ ในท้ายที่สุดแล้วอาเบลได้ติดตั้งเพรชพร้อมกับเขียนรูนหมายเลข 12 รูนทอร์ลงไปที่ชุดเกราะชุดนี้ด้วย

 

มีเพียงการทํารองเท้าเท่านั้นที่อาเบลยังไม่สามารถทําได้ จนสุดท้ายแล้วอาเบลก็ได้ให้ช่างทํารองเท้าของปราสาทแฮรี่เป็นผู้ช่วยในการทํารองเท้าของชุดเกราะไปในที่สุด โดยรวมแล้วอาเบลใช้เวลาไปกว่า 10 วันด้วยกันว่าที่จะสร้างชุดเกราะชุดนี้ได้จนสําเร็จ เวลานี้เองเป็นเวลาที่ยาวนานที่สุดแล้วที่อาเบลจะเคยสร้างสิ่งประดิษฐ์อะไรด้วยตัวเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด