Abe the Wizard 94 เมืองมาร์วา

Now you are reading Abe the Wizard Chapter 94 เมืองมาร์วา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นิยาย Abe the Wizard (AtW)

AtW ตอนที่ 94 เมืองมาร์วา

“นายท่านครับ ตอนนี้อีก 10 ไมล์พวก เราก็จะเดินทางถึงเมืองมาร์วากันแล้ว” พ่อบ้านเคนได้พูดกับอาเบลในขณะที่พวกเขาสองคนนั้นกําลังอยู่บนรถม้านั่นเอง

“อย่างงั้นหรอ” อาเบลได้ยื่นศีรษะของตัวเองออกไปภายนอกรถม้า รถม้าที่อาเบลได้นั่งมานั้นเป็นรถม้าที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสําหรับการเดินทางในครั้งนี้ รถม้าคันนี้เองเป็นเหมือนกับรถม้าของลอร์ดมาแชลที่อยู่ด้านหน้าของพวกเขานั่นเอง

เดิมที่แล้วอาเบลวางแผนที่จะเดินทาง ไปที่เมืองเบกองไปพร้อมกับลอร์ดมาแปลในรถม้าคันเดียวกัน แต่เมื่ออาเบลได้พูดถึงเรื่องการเดินทางในครั้งนี้ แล้วดวงตาของลอเรนก็ได้เบิกกว้างขึ้นมาในทันที ดวงตาที่เบิกกว้างของเธอที่ มีสีฟ้าราวกับฟ้าครามได้จ้องมองมาทางอาเบลอย่างไม่หยุดหย่อน ดูเหมือนว่าเธอคนนี้จะขอร้องให้อาเบลพาเธอไปด้วยนั่นเอง และหลังจากการจ้องมองเป็นเวลานาน ในที่สุดอาเบลก็ได้ยอมแพ้ไป สุดท้ายแล้วการเดินทางในครั้งนี้ก็ได้ผู้โดยสารเพิ่มมาอีกคนจนได้

แต่ไม่เพียงแต่ลอเรนเท่านั้นที่รู้ว่าอาเบลจะเดินทางไกล ลมทมิฬเองที่อยู่กับเขาด้วยก็รู้เช่นกันว่าอาเบลจะเดินทางไกล มันส่งเสียงร้องตลอดคืนอย่างไม่หยุดยั้ง ดังนั้นอาเบลที่มีหัวใจอ่อนโยนเองจึงตัดสินใจที่จะพาลมทมิฬไปในการเดินทางครั้งนี้ด้วย นี่อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไรนักแต่อาเบลก็ไม่สามารถที่จะทําอะไรได้อีกต่อไปแล้วนั่นเอง อาเบลได้แต่ใช้คาถาในการเพิ่มขีดความสามารถของสัตว์ขี่ไปในตลอดการเดินทาง

ตามที่พ่อบ้านลินด์เซได้บอกกับอาเบลไว้ ใครก็ตามที่ได้รับแต่งตั้งเป็นท่านลอร์ดเขาคนนั้นจะต้องพาพ่อบ้านส่วนตัวของตัวเองไปในพิธีด้วยนั่นเอง โดยพ่อบ้านที่จะพาไปนั้นจะรับหน้าที่เป็นผู้ที่ดูแลจัดการกับเอกสารต่างๆ ดังนั้นแล้วการเดินทางในครั้งนี้เองจึงมีผู้โดยสารมากขึ้นไปในทุกที อาเบลที่เห็นเป็นแบบนั้นแล้วจึงตัดสินใจที่จะใช้รถม้าอีกคันแทน

ตอนนี้อาเบลเองสามารถเห็นเมืองที่ใหญ่โตมโหฬารได้จากระยะไกล ตัวเขาไม่อยากที่จะรออีกต่อไปแล้ว ตอนนี้อาเบลต้องการที่จะพักผ่อนนั่นเอง แต่การอยากพักผ่อนในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะตัวเขา เหนื่อยเลย แต่เป็นเพราะว่าลอเรนนั้นไม่ได้ล้างหน้าของเธอมาหลายวันแล้วนั่นเอง และลมทมิฬที่ได้แต่อยู่ในรถม้าเองก็ได้ถูตัวเองไปมาอย่างไม่ลดละไปทั่วรถม้าอีกด้วย

การเดินทางไกลในครั้งนี้ใช้รถม้าทั้งหมดถึง 3 คันด้วยกัน ด้านหน้าของขบวนรถม้านี้ถูกนําโดยรถม้าที่ถูกลากโดยวัวโลกันต์ของลอร์ดมาแชล ส่วนอาเบลเองตัวเขานั้นได้อาศัยรถม้าที่มีลักษณะใกล้เคียงกันอีกคันที่ตามรถม้าคันแรกมาอย่างติดๆ โดยรถม้าคันนี้เองถูกลากด้วยวัวโลกันต์ทั้งสองตัวเช่นกัน ส่วนรถม้าคันสุดท้ายในขบวนการเดินทางนี้เป็นเพียงรถม้าธรรมดาเท่านั้น ถ้าคันนี้มีหน้าที่จชุดเกราะทั้งหมดรวมไปถึงข้าวของทุกอย่างสําหรับอาเบล ลอร์ดมาแชลรวมไปถึงของทุกคนที่อยู่ในการเดินทางครั้งนี้

โดยรถม้าทั้ง 3 คันนี้เองถูกดูแลและคุ้มกันอย่างดี โดยอัศวินรับใช้ทั้ง 20 คน สาเหตุที่จะต้องพาอัศวินรับใช้มาทั้งหมด 20 คนด้วยกันเป็นเพราะว่าเมืองเบกองเป็นเมืองที่ใหญ่มาก ถึงแม้จะเป็นเมืองที่ใหญ่เองแต่เมื่องเมืองนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยสงบสุขเท่าไรนัก เมืองที่ใหญ่ขนาดนี้เองเต็มไปด้วยความขัดแย้งกันระหว่างเหล่าขุนนางและเหล่าราชวงศ์ และถ้าหากเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นจริงๆ อัศวินรับใช้ทั้ง 20 คนนี้เองจะเป็นกําลังรบที่สําคัญสําหรับอาเบลต่อ

“ลอเรน พวกเราใลก็จะถึงที่พักกันแล้วนะ เธอจะได้ล้างหน้าของเธอสักที” อาเบลพูดกับลอเรน ตอนนี้ดวงตาของเธอ คล้ายกับว่ากําลังสงสัยอะไรบางอย่าง

แต่หลังจากที่ลอเรนได้ยินว่าจะได้ล้างหน้าในอีกไม่ช้า เธอก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันทีก่อนจะพูดอย่างนุ่มนวลต่อไปว่า “นั่นเยี่ยมไปเลย ตอนนี้ลมทมิฬเองก็ตัวเหม็นมากแล้ว”

ลมทมิฬเองที่กําลังง่วงอยู่ในใจกลางของรถม้า แต่เมื่อมันได้ยินเสียงคนเรียกชื่อของมันเข้า ลมทมิฬเองก็ลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับท่าที่ที่ตื่นเต้นไปในทันที ตอนนี้มันกระดิกหางไปมา ก่อนที่จะมองไปที่ลอเรน

หลังจากที่เห็นลมทมิฬทําท่าทางน่ารัก พร้อมกับส่ายหางไปมา อาเบลก็ได้หันไปหามันก่อนที่จะพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีว่า “นายมันหมาป่านะ ไม่ใช่ลูกสุนัข!”

หลังจากพูดกับลมทมิฬเสร็จแล้วอาเบลก็ได้หันออกไปหาพ่อบ้านเคนก่อนที่จะพูดขึ้นอีกว่า “คุณเคน เข้ามานั่งข้างในเถอะ ข้างนอกมันร้อนเกินไปนะ”

พ่อบ้านเคนตอบกลับอาเบลในทันที “นายท่านไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ ผมทนได้สบายๆ !” พ่อบ้านเคนเป็นคนที่ดื้อรั้นคนหนึ่งก็ว่าได้ ทุกครั้งที่ตัวเขานั้นออกเดินทางไปไหนก็แล้วแต่พ่อบ้านเคนจะแคร์เสมอว่าคนภายนอกนั้นจะมองปราสาทแฮรี่เป็นยังไง สําหรับเขา การนั่งอยู่ในรถม้าคันเดียวกับเจ้านาย นั่นเป็นสิ่งที่ไม่ควรทําเป็นอย่างมาก ไม่ว่าอากาศภายนอกจะร้อนแค่ไหน แต่พ่อบ้านเคนก็ไม่อยากที่จะเข้าไปพักผ่อน ข้างในรถม้าที่มีเครื่องปรับอากาศแบบนี้อยู่ดี

อาเบลที่ได้ฟังได้แต่ส่ายหัวไปมา อย่างช่วยไม่ได้ ตัวเขานั้นได้แต่ปรับ ความเย็นของเครื่องปรับอากาศไปที่ระ ดับ 10 ก่อนที่จะเกิดหน้าต่างเพื่อให้ลม เย็นจากเครื่องปรับอากาศนั้นไหลผ่านหลังของพ่อบ้านเคนผู้ดื้อรั้นคนนี้

ถึงแม้ปัญหาในการเดินทางในหน้าร้อนแบบนี้จะหมดไป แต่ปัญหาจากถนนเป็นหลุมเป็นบ่อนั้นก็ยังเป็นปัญหาที่สําคัญอยู่ดี แต่รถม้าทั้งสองคันที่ถูกลากโดยวัวโลกันต์นั้นไม่มีปัญหาจากถนนเลย รถม้าสองคันนี้มีระบบโช้คที่สามารถดูดซับแรงกระแทกได้นั่นเอง ดัง นั้นการเดินทางทั้ง 5 วันมานี้จึงเป็นอะไรที่สะดวกสบายสําหรับอาเบลและผู้โดยสารคนอื่นเป็นอย่างมาก
รถม้าทั้งสามคันนี้เองถูกตกแต่งไปด้วยตราสัญลักษณ์ยูนิคอร์นสีขาว และมีพื้นหลังสีแดงทุกคัน รถม้าทั้ง 3 คันจึงไม่ต้องหยุดต่อแถวเข้าเมืองมาร์วาเลย พวกอาเบลรวมไปถึงผู้โดยสารทุกคนนั้นใช้ทางเข้าสําหรับเหล่าขุนนางแทน อาเบลที่ได้แต่รู้สึกขอบคุณสถานะขุนนางของตัวเองหลังจากที่มองไปที่ประชาชาคนธรรมดานั้นต่อแถวเข้าเมืองภายใต้ ความร้อนระอุของแสงอาทิตย์ในอีกวันหนึ่งของฤดูร้อนแบบนี้

ลอเรนที่ได้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้ ถามอาเบลอย่างเบาๆ ในทันที “ทําไมพวกเราไม่ต้องต่อแถวเหมือนกับพวกเขาเพื่อที่จะเข้าเมืองกันล่ะ?”

“พวกเรามีสถานะที่สูงกว่าพวกเขาน่ะ ดังนั้นแล้วพวกเราจึงสามารถใช้ทางเข้าของพวกขุนนางได้” อาเบลที่ได้อธิบายทุกอย่างอยู่ ลอเรนที่ได้ฟังแล้วก็ได้พูดตามขึ้นมาในทันที “พวกเอลฟ์อย่างพวกฉันเองไม่เห็นมีสถานะอะไรที่แตกต่างกันเลยระหว่างชนชั้นสูงกับคนธรรมดาๆ”

“เอลฟ์ทุกคนนั้นเป็นบุตรชายและบุตรสาวของเทพีแห่งธรรมชาติเช่นเดียวกัน ดังนั้นแล้วไม่ว่าจะเป็นเอลฟ์ธรรมดาๆ หรือเอลฟ์ที่เป็นชนชั้นสูงก็แล้วแต่ พวกเขาก็เป็นสมาชิกจากเผ่าพันธ์เอลฟ์ไม่ต่างกัน สถานะของพวกเขาเองก็เลยไม่ได้แตกต่างกันอีกด้วย” ลอเรนได้เล่าเรื่องของเผ่าพันธ์ตัวเองให้กับอาเบลได้ ฟังเสียงของลอเรนในตอนนี้เหมือนกับพวกนักบุญเป็นอย่างมาก

อาเบลมองดูลอเรนตอนนี้ เธอเหมือนกับถูกล้างสมองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่อาเบลก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป ทุกคนล้วนแต่มีความเชื่อเป็นของตัวเองกันทั้งนั้น แน่นอนในโลกใบนี้ที่มีเผ่าพันธ์ที่แตกต่างกันอาศัยอยู่รวมกันเป็นจํานวนมากความเชื่ออะไรหลายๆ อย่างจึงมีอยู่มากมายและหลายอย่าง แม้แต่ลอร์ดมาแชลเองก็ยังมีความเชื่อในการอธิษฐานก่อนที่จะเริ่มกินอะไร

รถม้าทั้ง 3 คันนั้นได้จอดอยู่ที่หน้าโรงแรมขนาดใหญ่ หลังจากที่พ่อบ้านทั้ง 2 คนได้จองห้องพักสําหรับพวกอาเบลแล้ว อาเบลและลอเรนก็ได้ลงจากรถม้าของพวกเขาในทันที เมื่อพวกเขาออกจากรถม้ามาอาเบลก็สามารถสัมผัสได้ ถึงพลังความร้อนที่กําลังถาโถมเข้าใส่ตัวเขาในทันที ตอนนี้อาเบลคิดอยากที่จะถอยหลังกลับไปที่รถม้าของเขาแล้ว ทั้งสองคนที่ได้คิดเหมือนกันนั้นกําลังจ้องมองกันก่อนที่จะเริ่มหัวเราะพร้อมกันออกมา

ลมทมิฬได้เดินตามอาเบลและลอเรนออกมาจากรถม้าเช่นกัน เมื่อมันรู้สึกถึงคลื่นความร้อนเช่นเดียวกับอาเบล ลมทมิฬก็เกือบที่จะกระโดดขึ้นรถม้าไปอีกครั้ง อาเบลที่มองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างได้ใช้มือของตัวเองดึงลมทมิฬเอาไว้ ตอนนี้มันไม่มีทางเลือกอีกต่อไป ลมทมิฬได้แต่แลบลิ้นออกมาก่อนที่จะเดินตามอาเบลไปในที่สุด แต่ถึงมันจะยอมเดินตามอาเบลไปหางที่ดูทรงพลังของตัวมันเองนั้นก็ยังคงลากไปตามพื้น คล้ายกับว่าไม่อยากจะจากรถม้าคนนี้ไป

“อาเบล รถม้าของลูกนี้มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่างไม่ต้องสงสัย!” หลังจากที่ลงจากรถม้าลอร์ดมาแชลก็ได้พูดขึ้นมาอย่างภาคภูมิใจ

“แต่ไม่ใช่ใครก็สามารถซื้อรถม้าคันนี้ได้หรอกนะครับ” อาเบลเคยเห็นผู้ร่ํารวย รวมไปถึงขุนนางมากมายหลายคนจากเมืองฮาเวสมาแล้ว ดังนั้นแล้วอาเบลจึงเชื่อว่าคงจะมีไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีเงินซื้อรถม้าค้นนี้ได้

“นายจะต้องเดินทางให้มากกว่านี้นะ เมืองฮาเวสเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ในดินแดนของมนุษย์เท่านั้น ที่เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงได้ก็เป็นเพราะการทําเกษตรกรรมเท่านั้นแหละ” ลอร์ดมาแชลได้เดินมาพูดกับอาเบล

เมื่อเดินเข้าไปในโรงแรมอาเบลก็รู้สึกถึงอากาศเย็นในทันที ภายในโรงแรมนี้เองเย็นกว่าอากาศภายนอกเป็นอย่างมาก ที่มุมของโรงแรมมุมหนึ่งมีถังถังหนึ่งถูกวางเอาไว้ อาเบลรู้สึกได้ทันทีว่า ความเย็นที่เขาสัมผัสได้นั้นมาจากถังนั้นไม่ผิดแน่

“นั่นคืออะไรกัน?” อาเบลได้ถามลอร์ ดมาแชลอย่างสงสัย

ชายวัยกลางคนที่มีรูปร่างท้วมสวมใส่ ชุดสูทตัวหนึ่งได้เดินผ่านมาทางนี้ และ เมื่อเขาได้ยินคําถามของอาเบลชายคน นั้นก็หันกลับมามองอาเบลในทันที ชาย คนนี้ยังรู้อีกว่ามีทั้งเอลฟ์และลูกหมาป่า นั้นมากับกลุ่มการเดินทางขอ งอาเบลด้วย

“มันคือถังใส่น้ําแข็งยังไงล่ะ” ลอร์ดมา แชลได้ตอบคําถามอาเบล ในที่สุดตอนนี้เขาก็มีโอกาสที่จะสอนอะไรอาเบลบ้างแล้ว ในช่วงเวลาเดียวกันที่เขากําลังจะอธิบายรายละเอียดให้อาเบลได้รู้ถึงวิธีการเก็บน้ําแข็ง อาเบลก็พูดออกมาว่า “ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีวิธีเก็บน้ําแข็งจากฤดูหนาวมาใช้ในฤดูร้อนแบบนี้ได้”

ลอร์ดมาแชลที่กําลังจะอธิบายอะไร บางอย่างก็ได้หยุดพูดไป เขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้วว่าจะต้องสอนอาเบลอีกต่อ ไปไหม แต่ตอนนี้เขากําลังทําหน้าที่เป็ นพ่อของอัจฉริยะคนนี้ไปอีกก้าวหนึ่งแล้ว ในระหว่างการเดินทางไปเมืองเบกอง ลอร์ดมาแชลจะต้องถามกับครอบครัวตัวเองให้ได้ว่าการอบรมเลี้ยงดูเด็กที่ดีนั้นทําอย่างไรกันแน่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การอบรมลูกบุญธรรมแบบนี้ ตั้งแต่ที่ลอร์ดมาแชลได้เลือกเมืองฮาเวสเป็นเหมือนกับเมืองประจําของเขา ตั้งแต่ตอนนั้นการติดต่อกับครอบครัวเดิมนั้นก็เริ่มที่จะห่างไกลออกไป ครอบครัวของลอร์ดมาแชลนั้นได้ให้เงินจํานวนหนึ่งกับเขา ก่อนที่จะแกล้งทําเป็นว่าไม่รู้จักกันอีกต่อไป แต่ในคราวนี้เองเมื่อลอร์ดมาแชลกลับมาที่เมืองเบกองอีกครั้ง เขาตั้งใจแล้วว่าตัวเขานั้นจะพูดคุยดีๆกับพ่อแม่ของตัวเองเพื่อที่จะได้ถามถึงวิธีการอบรมเลี้ยงลูกที่ดีให้ได้

ชายวัยกลางคนที่สวมใส่ชุดสูทเองจ้องมองไปที่เอลฟ์สาวและหมาป่าด้วยความโลภ ชายคนนั้นไม่ได้ออกไปจากโรงแรมในทันที เขาหาที่ว่างในห้องรับแขกก่อนที่จะนั่งลงมองดูพวกอาเบลต่อไป

พลังแห่งความมุ่งมั่นที่อาเบลมีนั้นได้เตือนเขาว่าตอนนี้กําลังมีใครบางคนจ้องมองไปทางเขาด้วยเจตนาที่ไม่ดี อาเบลได้หันไปมองรอบๆ และสังเกตเห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งกําลังจ้องมองตัวเขาอยู่ ชายวัยกลางคนคนนั้นคงไม่คิดว่าจะมีใครจับได้เร็วแบบนี้ ชายคนนั้นได้หันมองไปทางอื่นอย่างรวดเร็ว

“มีขุนนางมาที่นี่อีกแล้วสินะ” หลังจากที่อาเบลได้เดินจากห้องรับแขกไป ชายคนนั้นก็ได้เริ่มเคลื่อนไหวในทันที

“นายช่วยไปหาให้ฉันทีว่าพวกนั้นมีฐานะอะไรกันแน่” ชายวัยกลางคนได้สั่งการคนรับใช้คนหนึ่งที่อยู่ต่อหน้าเขา

หลังจากใช้เวลาไม่นานคนรับใช้คนนั้นก็ได้ตอบกลับในทันที “นายท่าน ชายผู้ที่สวมผ้าคลุมคนนั้นมาจากตระกูลอัศวินครับ”

ชายวัยกลางคนคนนั้นตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง แม้ว่าพวกอาเบลจะใช้ชื่อเข้าพัก ในฐานะลอร์ด แต่ในตอนนี้พวกเขายังไม่ได้รับตําแหน่งนั่นเอง ดังนั้นแล้วพวกเขาจึงยังไม่มีเสื้อคลุมสัญลักษณ์ของท่านลอร์ด

ชายวัยกลางคนคนนี้ไม่ต้องการที่จะโจมตีพวกอาเบลโดยตรง “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่สามารถทําอะไรกับพวกมันได้ แต่แค่เผยแพร่ข่าวว่ามีอัศวินได้เดินทางมาที่เมืองมาร์วาพร้อมกับเอลฟ์และลูกหมาป่า พวกมันจะต้องซวยแน่นอน”

ชายวัยกลางคนคนนี้ไม่รู้เลยว่าอัศวินที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขากําลังจะได้รับตําแหน่งลอร์ดในเร็วๆนี้ ถ้าหากชายคน นี้รู้แบบนั้นแล้วเขาก็คงไม่เลือกที่จะทําเช่นนี้แบบแน่นอน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด