Abe the Wizard 78 การกลับมาของตระกูลวูลฟ

Now you are reading Abe the Wizard Chapter 78 การกลับมาของตระกูลวูลฟ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Abe the Wizard (AtW) AtW ตอนที่ 78 การกลับมาของตระกูลวูลฟ

 

AtW ตอนที่ 78 การกลับมาของตระกูลวูลฟ

 

ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารก่อนใคร ND Translate นิ ยายแปลไทย

 

ตึง ตึง ตึง

 

เสียงระฆังเตือนดังขึ้นไปทั่วทุกมุมของปราสาทแฮรี่ อาเบลในตอนนี้ได้สูญเสียสมาธิในการจดจ่อสร้างอาวุธไปแล้ว ตอนนี้เขากําลังยุ่งอยู่กับการสร้างอาวุธ 120 ทักษะนั่นเอง แต่ตอนนี้อาเบลได้เสียสมาธิไปถึงสองครั้งด้วยกันแล้ว

 

อาเบลขว้างดาบที่แตกไปที่ทิ้งขยะภายในห้องตีเหล็กในทันที หลังจากนั้นเขาก็รีบออกจากห้องตีเหล็กส่วนตัวก่อนที่จะไปถึงลานหน้าปราสาทแฮรี

 

“เกิดอะไรขึ้นกัน?” อาเบลได้ถามทหารยามคนหนึ่งที่เฝ้ายามอยู่

” ตอนนี้เราพวกโวร์แกนอยู่ภายนอกของปร้อมปราการครับ ท่านอาเบล” ทหารยามคนนั้นรีบโค้งคํานับอาเบล ก่อนที่จะรายงานสถานการณ์ในตอนนี้ออกไปในทันที

 

อาเบลหยุดทหารยามคนนั้นไว้ก่อนที่จะพูดว่า “มากับฉัน ฉันอยากให้นายช่วยใส่เกราะของฉันสักหน่อย”

 

ไม่ว่าชุดเกราะที่อาเบลต้องการให้สวมนั้นจะเป็นชุดเกราะอะไร แต่งานแบบนี้ก็ถือเป็นงานที่เรียบง่ายสําหรับอัศวินที่อยู่ภายใต้การปกครองอยู่แล้ว ตอนนี้ลอร์ดมาแชลได้สั่งอัศวินรับใช้กว่า 20 คนมาคอยเป็นอัศวินคุ้มกันให้กับอาเบลไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วดังนั้นอัศวินกว่า 20 คนนี้จึงตกอยู่ภายใต้การปกครองของอาเบลอย่างไม่ต้องสงสัย แม้ว่าอาเบลจะสั่งอะไรก็ตามพวกเขาก็จะต้องทําตามนั่นเอง

 

ถ้าหากอาเบลจะต้องรับผิดชอบออกคําสั่งให้กับอัศวินที่อยู่ ภายใต้คําสั่งทั้งหมดแน่นอนว่าตัวเขาเองจะต้องคํานึงถึงตัวเองให้น้อยลงในเวลาที่อาเบลงมือทําอะไร แม้ว่าจะเป็นอัศวิน แต่พวกเขาเหล่านี้ก็สามารถทํางานอื่นๆได้เช่นกัน พวกเขาสามารถช่วยงานบ้าน ช่วยซ่อมแซมดูแลชุดเกราะรวมไปถึงอาวุธ และมษสึกอีกด้วย และยังสามารถเปลี่ยนชุดเกราะให้สําหรับผู้เป็นนายและยังสามารถจัดหาอาวุธพิเศษได้อีกด้วย

 

แม้จะมีคนมากขึ้นแต่ในตอนนี้ก็ยังมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าอาเบลได้กลายเป็นอัศวินอย่างเป็นทางการไปแล้ว ถึงแม้ว่าอาเบลจะไม่ได้บอกคนอื่นแต่เขาก็ไม่ได้มีเจตนาอะไรที่จะปิดบังความจริงอันนี้ไว้เลย มีเพียงคนที่แข็งแกร่งอย่างเช่นดิ้กเคนเท่านั้นที่รู้ความจริงอันนี้ได้ด้วยตัวเอง และในตอนนี้เองการที่จะเปิดเผยพลังที่แท้จริงของอาเบลนั้นก็ยังคงเป็นเรื่องที่ลําบากอยู่ดี คงไม่มีผลดีแน่นอนถ้าหากมีใครรู้ความจริงเรื่องนี้เข้า

 

ในตอนนี้อาเบลมีส่วนสูงประมาณ 170 เซนติเมตร ชุดเกราะสีน้ําเงินที่เขากําลังสวมใส่อยู่ได้ถูกออกแบบมาอย่างดี เพื่อให้ตัวอาเบลสามารถสวมใส่ได้อย่างสะดวกสบาย น้ําหนักของชุดเกราะเองก็ยังไม่ได้เบาไปและหนักไปอีกด้วย

 

นอกเหนือจากชุดเกราะตัวนี้ของอาเบลแล้ว เขายังมีดาบเวทย์น้ําแข็งอีกหนึ่งเล่มถูกติดเอาไว้ที่ด้านหลังด้านขวา และยังมีโล่ห์สีแดงที่มีสัญลักษณ์ของยูนิคอร์นถูกติดเอาไว้ที่ด้านซ้ายเช่นเดียวกัน และสุดท้ายแล้วอาเบลยังพกหอกที่มีขนาดยาวถึง 5 เมตร หนัก 300 ปอนเอาไว้ที่มือข้างซ้ายของเขา นี่เป็นอุปกรณ์ทั้งหมดที่อาเบลจะใช้เพื่อป้องกันปราสาทแฮรี่ในตอนนี้

 

“ลูกมาแล้วสินะอาเบล” ลอร์ดมาแชลได้ทักทายอาเบล ในตอนนี้เขากําลังสวมใส่ชุดเกราะสีทองทอรัสอยู่นั่นเอง สําหรับชายคนนี้เขาเป็นเหมือนกับชายคนเดียวที่ตั้งหน้าตั้งตารอการมาของพวกโวร์แกนมากที่สุดแล้วในไม่กี่วันมานี้ ตอนนี้ลอร์ดมาแชลเองก็ยังดูผ่อนคลายไม่ได้กังวลอะไรเช่นเคย

 

“มีอะไรเกิดขึ้นไหมครับที่สนามรบ?” อาเบลถามทันที ในตอนนั้นสีหน้าของลอร์ดมาแชลยังคงดูสงบนิ่งอยู่ แต่ดวงตาของเขากลับมีสีแดงกําคงจะเกิดมาจากความเครียดที่สะสม นอกจากนี้ชุดเกราะทองคําของเขาก็ยังถูกใช้มานานเป็นเวลาหลายวันแล้ว บางที่ลอร์ดมาแซลคงจะไม่ได้ถอนชุดเกราะตัวนี้เลยก็เป็นได้

 

“พวกโวร์แกนเริ่มมารวมตัวกันแล้วล่ะ ดูเหมือนว่าพวกมันจะรวมตัวกันให้มากพอเพื่อที่พวกมันจะเล่นเกมวิ่งไล่จับกับเราได้ยังไงล่ะ!” ลอร์ดมาแชลตอบกลับไป ตอนที่ตอบกลับเอง ลอร์ดมาแชลได้หันไปที่คนของเขาก่อนที่จะหัวเราะเสียงดัง “ไม่เป็นไรหรอกอาเบล พ่อจะจัดการกับเหตุการณ์ทั้งหมดเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นไปก็ตาม!”

 

สถานการณ์ทุกอย่างตรงกันข้ามกับสถานการณ์ที่ตรึงเครียด ทหารทุกคนที่กําลังรวมตัวกันอยู่ได้แต่หัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง อาเบลรู้ได้ทันทีว่าลอร์ดมาแชลพยายามที่จะให้ขวัญกําลังใจกับทหารพวกนั้นอยู่ ถ้าหากทหารยามพวกนี้ยังคงติดอยู่ในความกังวลแล้วละก็พวกเขาจะไม่สามารถต่อสู้ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง “แล้วอัศวินรับใช้ของพ่ออยู่ไหนหรอ?” อาเบลถามออกไปทันที่ที่นึกออก ดูเหมือนว่าตอนนี้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ในปราสาทแฮรี่

 

” ตอนนี้พวกเขากําลังอยู่ในอุโมงค์ลับนอกป้อมปราการน่ะ” ลอร์ดมาแชลตอบกลับ “พวกโวร์แกนไม่รู้ว่าพวกเรากําลังวางแผนอะไรกันไว้ ดังนั้นแล้วพวกเราจะต้องสอนบทเรียนอันมีค่าให้กับพวกมันได้รู้เองว่ากลยุทธ์ทางการทหารของพวกเรานั้นดีเยี่ยมแค่ไหน”

 

ลอร์ดมาแชลมั่นใจในกลยุทธ์ทางการทหารที่เขาเตรียมการไว้มาก ตอนนี้วูฟไรเดอร์ระดับสูงทั้ง 5 ตัวได้ถูกพบตัวเข้าแล้ว ลอร์ดมาแชลมั่นใจว่าจะสามารถจัดการพวกมันได้ไม่ 2 ก็ 3 ตัว (ด้วยดาบเวทย์ทั้ง 2 เล่มของเขากับชุดเกราะทอรัสทองคํา) และถึงแม้ว่าจะมีผู้คนมากมายที่ไม่รู้ว่าอาเบลแท้จริงนั้นแข็งแกร่งแค่ไหน ลอร์ดมาแชลเองก็ที่ได้ฝึกซ้อมกับอาเบลมาบอยครั้งนั้นรู้ถึงความแข็งแกร่งของอาเบลดี

 

ไม่เพียงแต่ความแข็งแกร่งที่เกินวัยของอาเบลแล้วเขายังมีความสามารถในการสร้างอาวุธเวทย์ให้กับอัศวินรับใช้ถึง 20 คนด้วยกัน อาเบลไม่ได้เก็บซ่อนพลังของฝีมือของเขาไว้เพื่อใช้กับตัวเองเท่านั้น ด้วยพลังอาวุธเวทย์ทั้งหมดที่เขาสร้างขึ้นจะต้องเป็นกําลังสําคัญให้กับปราสาทแฮรี่ได้อย่างแน่นอน

 

ถ้าหากลอร์ดมาแชลจะต้องต่อสู้กับอัศวินรับใช้ในตอนนี้ ด้วยอาวุธธรรมดาแล้วละก็ ไม่มีทางเลยที่เขาจะสามารถเอาชนะอัศวินรับใช้ได้ การโจมตีใดๆของลอร์ดมาแซลคงจะไม่มีผลอะไรกับพวกอัศวินรับใช้ เพราะในตอนนี้เขามีโล่ห์ที่แข็งแกร่งที่สามารถดูดซับแรงจากการโจมตีทางกายภาพได้ และนอกจากโล่ห์ที่สามารถป้องกันการโจมตีได้พวกเขายังมีอาวุธเวทย์น้ําแข็งอยู่ในมืออีกด้วย ด้วยอาวุธอันนี้จะสามารถชะลอการเคลื่อนที่ของศัตรูได้ แน่นอนว่าศัตรูผู้โชคร้ายจะต้องถูกชะลอความเร็วจนถูกต้อนจนมุมในที่สุด

 

แต่ถึงตอนนี้พวกอัศวินรับใช้ทั้งหลายจะมีอาวุธที่ทรงพลัง แล้วแต่ลอร์ดมาแชลก็ไม่มีแผนที่จะปล่อยเหล่าอัศวินรับใช้พวกนี้ไปเผชิญหน้ากับวูฟไรเดอร์ระดับสูงอย่างแน่นอน ตอนนี้เขาเห็นด้วยกับคําพูดของอาเบลเป็นอย่างดี ความแข็งแกร่งของอาวุธเวทย์ที่อาเบลสร้างขึ้นนั้นนจะเปล่าประโยชน์ เมื่อผู้ใช้จะต้องเจอกับผู้ที่มีฝีมือจริงๆ ผู้มีฝีมือจริงๆ สามารถทําลายอุปกรณ์ที่อาเบลสร้างได้อย่างง่ายดายแน่นอน

 

และนอกจากนี้ยังต้องใช้วเลาในการที่จะกระตุ้นเพื่อเปิดใช้ผลของเวทย์มนตร์อีกด้วย เมื่อโล่ห์ที่อาเบลสร้างถูกโจมตีด้วยอาวุธแล้ว โล่ห์อันนั้นจะต้องแข็งแกร่งมากพอที่รับการโจมตีของอาวุธได้ไม่ฉะนั้นแล้วการทํางานของเวทย์มนตร์ภาย หลังจะไม่แสดงออกมานั่นเอง และในทางเทคนิคแล้วโล่ห์ทรงกลมที่ถูกสร้างอยู่ที่ 80 ทักษะนั้นมีข้อบกพร่องมากมายจากการออกแบบ

 

ถึงจะเป็นอัศวินหน่วยเล็กๆ ที่มีเพียง 20 คนเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นพวกอัศวินทั้งหมดก็สามารถที่จะโจมตีทําลายล้างพวกโวร์แกนได้ ตอนนี้พวกโวร์แกนยังไม่รู้ว่าพวกอัศวินเหล่านี้มีอาวุธที่มีพลังเวทย์ทรงพลังอยู่ สําหรับลอร์ดมาแชลแล้วเขาคิดไว้ว่าการที่มีคนรับใช้ที่แข็งแกร่งภายในปราสาทมากเท่าไร ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีต่อปราสาทของเขาเอง

 

ห่างจากปราสาทแฮรี่ 100 เมตรได้มีกลุ่มวูฟไรเดอร์จํานวนมากได้มารวมตัวกันแล้ว ในที่สุดพวกมันพวกมันก็ได้หยุดปรากฏตัวเพิ่มขึ้นมาในสนามรบอีก

 

“วูฟไรเดอร์ระดับสูงทั้ง 5 ตัว วูฟไรเดอร์ระดับกลาง 50 ตัว และวูฟไรเดอร์ระดับธรรมดาอีก 100 ตัว พวกมันรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่เลยสินะ?” ลอร์ดมาแชลอุทานขึ้นมา

 

ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาของตอนกลางวันนั่นเอง พวกมันไม่ได้เลือกช่วงเวลาในเวลากลางคืนที่จะทําให้พวกมันได้เปรียบในการโจมตีปราสาทของมนุษย์มากกว่า ดูเหมือนว่าด้วยความภาคภูมิใจของมันแล้วมันจึงเลือกโจมตีปราสาทแฮรี่ในเวลากลางวันสินะ

 

“ไม่ต้องห่วงไป ถ้าหากพวกมันไม่มีวูฟไรเดอร์ระดับผู้บัญชาการมาด้วยก็ยังไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง” อาเบลได้แสดงความคิดเห็นขึ้นมา หลังจากที่เห็นเหล่ารูฟไรเดอร์แสดงตัวออกมา ตอนนี้อาเบลรู้สึกเป็นกังวลน้อยลงไป

 

วูฟไรเดร์ทั้งหลายที่มาจากตระกูลวูลฟนั้นสามารถจําแนกออกจากวูฟไรเดอร์ตัวอื่นๆได้อย่างง่ายดาย พวกรูฟไรเดอร์ระดับสูงทั้ง 5 ตัวนั้นสวมใส่ชุดเกราะที่ทํามาจากแผ่นเหล็ก ส่วนวูฟไรเดอร์ระดับกลางทั้ง 50 ตัวเองจะสวมใส่ชุดเกราะหนังทั้งหมด และวูฟไรเดอร์ระดับทั่วไปอีก 100 ตัวนั้นจะไม่สวมใส่ชุดเกราะอะไรเลย นี่คงเป็นเรื่องที่สะท้อนให้เห็นว่าทางฝั่งอาณาจักรออร์คนั้นขาดแคลนยุทธภัณฑ์มากเพียงใด ในโลกของมนุษย์นั้นอัศวินทุกคนจะสวมใส่ชุดเกราะและอุปกรณ์อื่นๆอย่างครบครัน

 

พวกวูฟไรเดอร์ทั้งหมดล้วนแต่ใช้หอกยาวเป็นอาวุธ ในตอนที่วูฟไรเดอร์ทั้งหมดปรากฏตัวออกมา วูฟไรเดอร์ระดับทั่วไปใช้หอกที่ผสมโลหะธรรมดาๆเท่านั้น ส่วนวูฟไรเดอร์ระดับกลางและระดับสูงนั้นล้วนแต่ใช้หอกที่ทํามาจากโลหะบริสุทธิ์ด้วยกันทั้งนั้น

 

“ลูกกล้าออกไปจัดการกับพวกมันไหมล่ะลูกพ่อ? ทําไมพวกเราไม่ออกไปล่าพวกมันก่อนที่พวกมันจะมาล่าพวกเรากันล่ะ” ลอร์ดมาแชลได้พูดกับอาเบล ในขณะที่เขาพูดเอง ชุดเกราะทองคําของเขาก็ยังคงเปล่งประกายออกมา สีของชุดเกราะของลอร์ดมาแชลในตอนนี้เป็นเหมือนกับสีของเหล่าเทพเจ้ายังไงยังงั้น

 

“ผมเอาด้วย!” อาเบลตอบกลับอย่างตื่นเต้น

 

“ส่งม้าออกไปซะ!” ลอร์ดมาแชลตะโกนสั่งการไปที่คนของเขา

 

ไม่นานนักม้าศึกทั้งสองตัวที่สวมใส่ชุดเกราะครึ่งตัวได้ กส่งออกจากปราสาททันที ม้าศึกทั้งสองตัวนี้เพิ่งถูกซื้อมาจา กดยุคทันเดอร์นั่นเอง เนื่องจากน้ําหนักของเกราะทอรัสทอง คําที่ถูกสร้างโดยอาเบลมีน้ําหนักมากและหอกของอาเบลเอ งก็ยังมีน้ําหนักถึง 300 ปอนด์ ดังนั้นแล้วม้าธรรมดาทั่วไปไม่แข็งแรงพอที่จะแบกน้ําหนักของพวกเขาทั้งสองคนได้นั่นเอง

 

ด้วยความช่วยเหลือของเหล่าอัศวินรับใช้ทั้งหมด ทั้งสองคนจึงสามารถขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว ในตอนที่อาเบลนั่งอยู่บนหลังม้า เขาใช้มือของตัวเองในการลูบไปที่หลังของม้าตัวนั้น อาเบลไม่ได้ขี่ตัวนี้เลยหลังจากที่ซื้อมันมา ดังนั้นแล้วการลูบไปที่หลังของม้าตัวนี้จะทําให้พวกมันเชื่อใจในตัวของผู้ขอย่างอาเบลมากขึ้น

 

เมื่อม้าศึกทั้งสองตัววิ่งออกจากปราสาทไป อาเบลตั้งใจที่จะขี่ม้าของตัวเองตามหลังลอร์ดมาแชลไปอย่างติดๆ ในระหว่างทางเองอาเบลได้ร่ายคาถาเวทย์มนตร์ในการเพิ่มความขีดสามารถของสัตว์ขี่อย่างเบาๆ หลังจากนั้นเองรอบตัวของเขาและม้าที่ขอยู่ก็ได้ถูกล้อมรอบไปด้วยพลังอะไรบางอย่าง นอกเหนือจากอาเบลแล้วไม่มีใครตรงนี้ที่จะมีพลังแห่งความมุ่งมั่น ถ้าหากมีคนแบบนั้นอยู่จริงแน่นอนว่าเขาจะต้องรู้สึกถึงพลังของอาเบลมาจากระยะไกลและจะต้องมาหาเขาอย่างแน่นอน

 

อาเบลได้คุ้นเคยกับการใช้เวทย์เพิ่มขีดความสามารถของสัตว์ขี่ไปซะแล้ว ทุกครั้งที่อาเบลได้นวดลมทมิฬอาเบลก็จะใช้เวทย์เพิ่มขีดความสามารถของสัตว์ขี่ไปที่ลมทมิฬในทุกๆครั้ง ตอนนี้อาเบลจึงรู้สึกเหมือนกับตอนที่กําลังนวดลมทมิฬอยู่นั่นเอง

 

ยิ่งอาเบลใช้วิชานี้มากเท่าไรม้าของเขาเองก็เริ่มที่จะเข้าใจ อาเบลไปถึงจิตวิญญาณมากขึ้นเท่านั้น

 

ในตอนที่ทั้งอาเบลและม้าเชื่อมต่อถึงกันอาเบลก็ได้เข้าใจแล้วว่าม้าตัวนี้บริสุทธิ์และใสซื้อขนาดไหน ม้าตัวนี้ถูกกําหนด เอาไว้ตั้งแต่เกิดแล้วว่ามันจะต้องกลายเป็นม้าศึก แน่นอนว่าตลอดเวลาในชีวิตของมันนั้นจะถูกใช้ไปกับการฝึกฝนเพื่อรับใช้อัศวินทั้งหมด ถึงแม้ว่าความหลังทุกอย่างจะไม่สําคัญสําหรับผู้ที่ขอยู่เลยก็ตาม

 

ยิ่งอาเบลและม้าตัวนี้เชื่อมต่อถึงกันมากเท่าไร ความไว้วางใจและความประทับใจของทั้งสองฝ่ายก็เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าม้าศึกนี้มีความนอบน้อม ซื่อสัตย์ และแข็งแกร่งได้มากถึงขนาดนี้ได้ยังไง? ถ้าหากขาดม้าศึกไปแล้วก็คงจะไม่มีอัศวินคนไหนที่จะสามารถเอาตัวรอดจากสนามรบได้อย่างแน่นอน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด