Scholar’s Advanced Technological System 1263 ได้รางวัลอีกครั้ง!

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 1263 ได้รางวัลอีกครั้ง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมง

ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจีนนั้น เวลาบ่ายสามโมงเย็นห่างไกลจากยามย่ำค่ำมาก แต่กับสตอกโฮล์มที่ตั้งอยู่ในยุโรปทางตอนเหนือ เวลาบ่ายสามโมงของพวกเขาตอนนี้เป็นเวลาของค่ำคืนแห่งฤดูหนาวอันยาวนานแล้ว

หิมะก้อนหนาตกลงมาจากผืนฟ้าราวกับเป็นผลงานจากเตาเผาที่หลอมทุกสิ่งบนโลกนี้ให้กลายเป็นสีเงิน มีเพียงแสงไฟจางๆ จากเสาไฟถนนและหน้าต่างบ้านใกล้เรือนเคียงที่พอส่องให้เห็นภาพรางๆ ของถนน

กระนั้น หิมะที่ตกหนักก็ไม่ได้ทำให้คนหยุดกระตือรือร้นแต่อย่างใด

บนถนนใกล้กับห้องโถงสีน้ำเงิน มีคนสวมเสื้อแจ็กเก็ตหนาเตอะ ในมือสองข้างถือตะเกียงแบบทำมือเอาไว้ ราวกับพวกเขากำลังเฝ้าห้องโถงสีน้ำเงินอันยิ่งใหญ่อยู่

ในขณะที่หิมะกำลังตกหนัก นักข่าวสาวยืนอยู่หน้ากล้อง ในมือของเธอถือไมโครโฟนของ CTV และเธอกำลังรายงานข่าวด้วยความตื่นเต้น

“ตอนนี้ดิฉันกำลังยืนอยู่ที่ถนนออสเตอร์เบิกส์ใกล้กับห้องโถงสีน้ำเงินนะคะ ที่ยืนอยู่ข้างหลังดิฉันเป็นคนจีนในพื้นที่ค่ะ พวกเขาบางคนก็มาจากชุมชนใกล้ๆ บางคนก็มาจากพื้นที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร การจองโรงแรมในเมืองนี้ ต้องขอบอกว่าเต็มหมดเลยนะคะ…พวกเขามารวมตัวกันที่นี่ โดยถือตะเกียงไว้ในมือ เดี๋ยวดิฉันขอเข้าไปสัมภาษณ์พวกเขาสักคนก่อนค่ะ…”

นักข่าวสาวเดินไปหาคนจีนคนหนึ่งที่ถือตะเกียงกระดาษไว้ในมือ

“คุณคะ ดิฉันขอสัมภาษณ์คุณได้ไหม?”

“ได้ครับ! ไม่มีปัญหา!”

ชายวัย 40 ปีมองไมโครโฟน CTV ที่เธอถือ เขาสวมเสื้อแจ็กเก็ตหนา และดูค่อนข้างตื่นเต้นในขณะกำลังโบกมือให้กล้องข้างหลังเธอ

“ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างคะ?”

นักข่าวสาวยื่นไมโครโฟนไปทางเขา

ชายในเสื้อแจ็กเก็ตขนเป็ดมองไมโครโฟนนั้น เขากังวลว่าเสียงตัวเองจะเบาเกินไปจนไมค์ไม่ได้ยิน เขาจึงตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ตื่นเต้นครับ! รู้สึกดีด้วย!”

“ดิฉันขอถามได้ไหมคะ ว่าอะไรทำให้คุณทั้งรู้สึกดีและตื่นเต้นในค่ำคืนอันหนาวเหน็บคืนนี้?”

ชายคนนั้นตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ผมมีความสุขที่ได้เห็นนักวิทยาศาสตร์ของเรากำลังประสบความสำเร็จครับ!”

ข้างหลังกำแพงที่มองไม่เห็นเพราะลมและหิมะนั้น

ห้องโถงสีน้ำเงินตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลสาบ ตัวตึกส่องแสงสว่างราวกับเป็นคบเพลิงในค่ำคืนอันมืดมิด ชวนน่ามองเป็นอย่างยิ่ง

ทางเข้าห้องโถงสีน้ำเงินถูกล้อมรอบด้วยนักข่าวทางทั่วทุกมุมโลก พวกเขาถือกล้องไว้ในมือ ราวกับเป็นนักล่าที่กำลังรอโอกาสอยู่ในมุมมืด รอช่วงเวลาที่ประตูจะเปิดออก และรอคนที่จะได้สัมภาษณ์ออกกล้อง จากนั้นพวกเขาก็จะกดปุ่มชัตเตอร์แล้วบันทึกภาพประวัติศาสตร์นี้ไว้

ข้างในห้องโถงอันใหญ่โต วงซิมโฟนีออร์เคสตรากำลังเล่นดนตรี

ลู่ปังกั๋วกำลังอยู่ตรงเขตที่นั่งพิเศษ เขามองฝูงชนที่อยู่รอบตัวตัวเอง เขากังวลนิดหน่อยจนอดกระซิบกระซาบกับภรรยาที่นั่งข้างๆ ไม่ได้ว่า “เธอคิดว่าลูกของเราจะกังวลไหม?”

ก่อนที่ฟางเหมยจะได้ทันตอบคำถามอะไร เสี่ยวถงที่นั่งอยู่ข้างๆ พวกเขาก็อดยักไหล่ไม่ได้

“พ่อคะ พ่อพูดอะไรของพ่อน่ะ? พี่เขาได้รางวัลมามากกว่าที่พ่อจะนับไหวอีก!”

ฟางเหมยยิ้ม เธอลูบหัวเสี่ยวถงเบาๆ แล้วบอกว่า “พ่อของลูกก็เป็นแบบนี้แหละ การได้มานั่งในห้องโถงสีน้ำเงินก็ไม่ต่างอะไรกับการมองลูกชายตัวเองเรียนจบม.ปลายหรอก”

“ไร้สาระน่า ผมก็แค่ห่วงลูกเฉยๆ คุณไม่ห่วงหรือไงกัน?” ลู่ปังกั๋วหน้าแดงแล้วจ้องเขม็งไปที่ฟางเหมย จากนั้นเขาก็หันไปมองเสี่ยวถงแล้วบอกว่า “ลูกไม่เข้าใจหรอก รอลูกได้เป็นแม่คนก่อนเถอะ!”

เสี่ยวถงแลบลิ้นออกมาแล้วทำหน้าล้อเลียน

“เหอะๆ! พ่อคิดว่าพี่หนูจะไม่มีลูก พ่อก็เลยจะมากดดันให้หนูเป็นฝ่ายมีแทนใช่ไหมล่ะ?”

“กดดันอะไรกัน? พ่อแค่ห่วงเฉยๆ ! ลูกก็อยู่คนเดียวมานานแล้วนะ ทำไมยังไม่มีแฟนอีกล่ะ?”

“หนูไม่สนเรื่องนั้นหรอกค่ะ อีกอย่างหนูก็งานยุ่งทุกวันด้วย ไม่มีเวลามาตกหลุมรักใครหรอก”

“ไม่สิ พ่อได้ยินมาว่าชีวิตนักเรียนนอกมันน่าจะต้องโรแมนติกไม่ใช่เหรอ?”

เสี่ยวถงอดกลอกตาใส่พ่อไม่ได้จริงๆ

“แต่ก็มันยังความแตกต่างระหว่างนักศึกษาอยู่นะคะพ่อ ไม่ใช่ทุกคนจะมีความสุขกับชีวิตสักหน่อย อีกอย่างพรินซ์ตันก็เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ เรียกได้ว่าทั้งคนแปลกๆ กับเนิร์ดระดับโลกจำนวนครึ่งหนึ่งก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แล้วทุกคนก็เอาแต่ยุ่งกับเรื่องของตัวเอง…ช่างเถอะ พ่อไม่เข้าใจหรอก แค่อย่าหวังว่าหนูจะแต่งงานในเร็วๆ นี้ก็แล้วกัน”

“ไม่ต้องสงสัยเลย…” ลู่ปังกั๋วลูบคางแล้วพูดกับตัวเอง “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขายังหาแฟนไม่ได้เสียที เพราะสภาพแวดล้อมนี่เอง”

เสี่ยวถงทัก “เอ่อ หนูว่าพี่ก็นับเป็นหนึ่งในคนแปลกๆ นะคะ”

เสียงซิมโฟนีเริ่มฟังดูตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ และมือของวาทยกรก็เริ่มโบกสะบัดไวขึ้นเรื่อยๆ

“คนล่าสุดที่ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์และเคมีในเวลาเดียวกันก็คือมารี คูรี” เอ็ดเวิร์ด วิทเทนมองซิมโฟนีที่แสดงอยู่บนเวที เขาสวมเสื้อเทรนช์โค้ตยาว ในแววตาของเขามีความอิจฉา เขาพูดขึ้นมาด้วยอารมณ์บางอย่างว่า “ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นสิ่งนี้ ชายผู้ยิ่งใหญ่มีชีวิตอยู่ในยุคของพวกเราจริงๆ ”

วิทเทนหมกมุ่นกับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์มานานแล้ว และนี่มันก็เป็นความลับที่ทุกคนในวงการฟิสิกส์รู้กันอย่างเปิดเผย แต่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่คณะกรรมการตัดสินรางวัลโนเบลจะมอบรางวัลให้เขาเพียงเพราะเหตุผลว่าเขามีชื่อเสียงทางด้านวิชาการ ทั้งทฤษฎีเอ็มและทฤษฎีสตริงต่างก็เป็นสิ่งที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทั้งนั้น

สองทฤษฎีนี้ไม่สามารถทำให้วิทเทนได้รางวัลได้

“ใช่แล้ว”

หลังจากวิทเทนเหลือบมองศาสตราจารย์เดอลีงย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ศาสตราจารย์วิทเทนก็พูดติดตลกว่า “เกียรติยศครั้งนี้เป็นของลูกศิษย์คนโปรดของคุณ แต่คุณมีเรื่องให้พูดแค่นี้เองเหรอ?”

“ผมไม่ได้ทำวิจัยทั้งด้านฟิสิกส์และเคมีจึงไม่มีอะไรให้พูดอยู่แล้ว” หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ศาสตราจารย์เดอลีงย์ก็พูดต่อ “แต่ผมต้องยอมรับว่า ตอนที่ผมมอบข้อเสนอให้เขาไป ผมไม่ได้คาดคิดว่าความรู้ของเขาจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้เลย”

เดอลีงย์มองเวทีด้วยแววตาดีใจ แล้วเขาก็ยิ้มขึ้นมา

“ก็ตลกดีนะ บอว์บากิกรุ๊ปโปรโมตเรื่องความบริสุทธิ์ของคณิตศาสตร์มาตลอด พวกเขาคิดว่านักคณิตศาสตร์ควรจะทำงานอยู่แค่กับคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่จากที่คุยกับเขามาผมสังเกตเห็นบางสิ่งที่ต่างออกไป”

“คณิตศาสตร์สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้มากกว่าแค่ตัวคณิตศาสตร์เอง มันสามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้ครับ”

“ผมยังจำได้เลยว่าเขาพูดแบบนี้”

“มากไปกว่านั้นเขายังพิสูจน์ให้พวกเราเห็นจริงๆ ด้วยซ้ำ”

ซิมโฟนีบรรเลงจบลง

ประธานมูลนิธิโนเบลยืนอยู่บนเวที เขาหันหน้ามาทางผู้ชม เขาประกาศเปิดงานพิธีมอบรางวัลโนเบล ณ บัดนี้

หลังจากนั้น ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ไซมัตซ์ ลาส์สัน ก็เดินขึ้นมาบนเวทีในทันควัน

ชายสูงวัยในแว่นตากรอบทองค่อยๆ ดันแว่นตาขึ้นไปบนสันจมูกของตัวเอง เขายื่นมือไปจับไมโครโฟนให้ตั้งตรงและเริ่มพูดเสียงที่เคร่งขรึมและมั่นคงว่า

“เป็นเวลานานมาแล้วที่พวกเรารู้เรื่องโลกมิติที่สูงกว่าได้น้อยมาก

จนกระทั่งอนุภาคเล็กๆ ได้เปลี่ยนทุกสิ่งไป”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

ทุกคนจ้องไปที่เวที รออย่างสงบนิ่งให้ชายสูงวัยคนนั้นพูดต่อ

“มันเล็กเสียจนทุกคน รวมทั้งทุกท่านและตัวผมเองด้วย พลาดมันไป”

“โชคดีที่มีบางอย่างเกิดขึ้น”

“เครื่องชนอนุภาคแฮดรอนถูกสร้างขึ้นมา และระบบวิจัยฟิสิกส์แบบใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น ทุกอย่างเป็นเพราะความพยายามไม่ย่อท้อของชายผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง พวกเราทุกคนได้ก้าวเดินครั้งใหญ่ไปสู่จุดที่ไม่เคยมีใครเหยียบย่างไปถึงมาก่อน”

“สิ่งนี้พิสูจน์ว่าธรรมชาติไม่เคยมีเรื่องสุ่มเกิดขึ้น”

“เบื้องหลังปรากฏการณ์ที่ดูเหมือนจะอธิบายไม่ได้ มันจะมีกฎและเหตุผลคอยรองรับอยู่เสมอ”

“โชคดีที่เขาไม่ได้ยอมแพ้ไป”

ชายคนนั้นพูดเหมือนกำลังเล่าตำนานเรื่องหนึ่งอยู่ ทันใดนั้นชายสูงวัยก็เร่งเสียงของตัวเองให้ดังขึ้น เขายังคงความเคร่งขรึมอยู่ในเสียงต่อขณะกล่าวว่า “ณ ที่นี้ ผม ตัวแทนคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ขอประกาศ

ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ปี 2023 ได้แก่…

ลู่โจว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Scholar’s Advanced Technological System 1263 ได้รางวัลอีกครั้ง!

Now you are reading Scholar’s Advanced Technological System Chapter 1263 ได้รางวัลอีกครั้ง! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนนี้เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมง

ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศจีนนั้น เวลาบ่ายสามโมงเย็นห่างไกลจากยามย่ำค่ำมาก แต่กับสตอกโฮล์มที่ตั้งอยู่ในยุโรปทางตอนเหนือ เวลาบ่ายสามโมงของพวกเขาตอนนี้เป็นเวลาของค่ำคืนแห่งฤดูหนาวอันยาวนานแล้ว

หิมะก้อนหนาตกลงมาจากผืนฟ้าราวกับเป็นผลงานจากเตาเผาที่หลอมทุกสิ่งบนโลกนี้ให้กลายเป็นสีเงิน มีเพียงแสงไฟจางๆ จากเสาไฟถนนและหน้าต่างบ้านใกล้เรือนเคียงที่พอส่องให้เห็นภาพรางๆ ของถนน

กระนั้น หิมะที่ตกหนักก็ไม่ได้ทำให้คนหยุดกระตือรือร้นแต่อย่างใด

บนถนนใกล้กับห้องโถงสีน้ำเงิน มีคนสวมเสื้อแจ็กเก็ตหนาเตอะ ในมือสองข้างถือตะเกียงแบบทำมือเอาไว้ ราวกับพวกเขากำลังเฝ้าห้องโถงสีน้ำเงินอันยิ่งใหญ่อยู่

ในขณะที่หิมะกำลังตกหนัก นักข่าวสาวยืนอยู่หน้ากล้อง ในมือของเธอถือไมโครโฟนของ CTV และเธอกำลังรายงานข่าวด้วยความตื่นเต้น

“ตอนนี้ดิฉันกำลังยืนอยู่ที่ถนนออสเตอร์เบิกส์ใกล้กับห้องโถงสีน้ำเงินนะคะ ที่ยืนอยู่ข้างหลังดิฉันเป็นคนจีนในพื้นที่ค่ะ พวกเขาบางคนก็มาจากชุมชนใกล้ๆ บางคนก็มาจากพื้นที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร การจองโรงแรมในเมืองนี้ ต้องขอบอกว่าเต็มหมดเลยนะคะ…พวกเขามารวมตัวกันที่นี่ โดยถือตะเกียงไว้ในมือ เดี๋ยวดิฉันขอเข้าไปสัมภาษณ์พวกเขาสักคนก่อนค่ะ…”

นักข่าวสาวเดินไปหาคนจีนคนหนึ่งที่ถือตะเกียงกระดาษไว้ในมือ

“คุณคะ ดิฉันขอสัมภาษณ์คุณได้ไหม?”

“ได้ครับ! ไม่มีปัญหา!”

ชายวัย 40 ปีมองไมโครโฟน CTV ที่เธอถือ เขาสวมเสื้อแจ็กเก็ตหนา และดูค่อนข้างตื่นเต้นในขณะกำลังโบกมือให้กล้องข้างหลังเธอ

“ตอนนี้คุณรู้สึกอย่างไรบ้างคะ?”

นักข่าวสาวยื่นไมโครโฟนไปทางเขา

ชายในเสื้อแจ็กเก็ตขนเป็ดมองไมโครโฟนนั้น เขากังวลว่าเสียงตัวเองจะเบาเกินไปจนไมค์ไม่ได้ยิน เขาจึงตะโกนเสียงดังลั่นว่า “ตื่นเต้นครับ! รู้สึกดีด้วย!”

“ดิฉันขอถามได้ไหมคะ ว่าอะไรทำให้คุณทั้งรู้สึกดีและตื่นเต้นในค่ำคืนอันหนาวเหน็บคืนนี้?”

ชายคนนั้นตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ผมมีความสุขที่ได้เห็นนักวิทยาศาสตร์ของเรากำลังประสบความสำเร็จครับ!”

ข้างหลังกำแพงที่มองไม่เห็นเพราะลมและหิมะนั้น

ห้องโถงสีน้ำเงินตั้งตระหง่านอยู่ริมทะเลสาบ ตัวตึกส่องแสงสว่างราวกับเป็นคบเพลิงในค่ำคืนอันมืดมิด ชวนน่ามองเป็นอย่างยิ่ง

ทางเข้าห้องโถงสีน้ำเงินถูกล้อมรอบด้วยนักข่าวทางทั่วทุกมุมโลก พวกเขาถือกล้องไว้ในมือ ราวกับเป็นนักล่าที่กำลังรอโอกาสอยู่ในมุมมืด รอช่วงเวลาที่ประตูจะเปิดออก และรอคนที่จะได้สัมภาษณ์ออกกล้อง จากนั้นพวกเขาก็จะกดปุ่มชัตเตอร์แล้วบันทึกภาพประวัติศาสตร์นี้ไว้

ข้างในห้องโถงอันใหญ่โต วงซิมโฟนีออร์เคสตรากำลังเล่นดนตรี

ลู่ปังกั๋วกำลังอยู่ตรงเขตที่นั่งพิเศษ เขามองฝูงชนที่อยู่รอบตัวตัวเอง เขากังวลนิดหน่อยจนอดกระซิบกระซาบกับภรรยาที่นั่งข้างๆ ไม่ได้ว่า “เธอคิดว่าลูกของเราจะกังวลไหม?”

ก่อนที่ฟางเหมยจะได้ทันตอบคำถามอะไร เสี่ยวถงที่นั่งอยู่ข้างๆ พวกเขาก็อดยักไหล่ไม่ได้

“พ่อคะ พ่อพูดอะไรของพ่อน่ะ? พี่เขาได้รางวัลมามากกว่าที่พ่อจะนับไหวอีก!”

ฟางเหมยยิ้ม เธอลูบหัวเสี่ยวถงเบาๆ แล้วบอกว่า “พ่อของลูกก็เป็นแบบนี้แหละ การได้มานั่งในห้องโถงสีน้ำเงินก็ไม่ต่างอะไรกับการมองลูกชายตัวเองเรียนจบม.ปลายหรอก”

“ไร้สาระน่า ผมก็แค่ห่วงลูกเฉยๆ คุณไม่ห่วงหรือไงกัน?” ลู่ปังกั๋วหน้าแดงแล้วจ้องเขม็งไปที่ฟางเหมย จากนั้นเขาก็หันไปมองเสี่ยวถงแล้วบอกว่า “ลูกไม่เข้าใจหรอก รอลูกได้เป็นแม่คนก่อนเถอะ!”

เสี่ยวถงแลบลิ้นออกมาแล้วทำหน้าล้อเลียน

“เหอะๆ! พ่อคิดว่าพี่หนูจะไม่มีลูก พ่อก็เลยจะมากดดันให้หนูเป็นฝ่ายมีแทนใช่ไหมล่ะ?”

“กดดันอะไรกัน? พ่อแค่ห่วงเฉยๆ ! ลูกก็อยู่คนเดียวมานานแล้วนะ ทำไมยังไม่มีแฟนอีกล่ะ?”

“หนูไม่สนเรื่องนั้นหรอกค่ะ อีกอย่างหนูก็งานยุ่งทุกวันด้วย ไม่มีเวลามาตกหลุมรักใครหรอก”

“ไม่สิ พ่อได้ยินมาว่าชีวิตนักเรียนนอกมันน่าจะต้องโรแมนติกไม่ใช่เหรอ?”

เสี่ยวถงอดกลอกตาใส่พ่อไม่ได้จริงๆ

“แต่ก็มันยังความแตกต่างระหว่างนักศึกษาอยู่นะคะพ่อ ไม่ใช่ทุกคนจะมีความสุขกับชีวิตสักหน่อย อีกอย่างพรินซ์ตันก็เป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ห่างไกลจากเมืองใหญ่ เรียกได้ว่าทั้งคนแปลกๆ กับเนิร์ดระดับโลกจำนวนครึ่งหนึ่งก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ แล้วทุกคนก็เอาแต่ยุ่งกับเรื่องของตัวเอง…ช่างเถอะ พ่อไม่เข้าใจหรอก แค่อย่าหวังว่าหนูจะแต่งงานในเร็วๆ นี้ก็แล้วกัน”

“ไม่ต้องสงสัยเลย…” ลู่ปังกั๋วลูบคางแล้วพูดกับตัวเอง “ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเขายังหาแฟนไม่ได้เสียที เพราะสภาพแวดล้อมนี่เอง”

เสี่ยวถงทัก “เอ่อ หนูว่าพี่ก็นับเป็นหนึ่งในคนแปลกๆ นะคะ”

เสียงซิมโฟนีเริ่มฟังดูตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ และมือของวาทยกรก็เริ่มโบกสะบัดไวขึ้นเรื่อยๆ

“คนล่าสุดที่ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์และเคมีในเวลาเดียวกันก็คือมารี คูรี” เอ็ดเวิร์ด วิทเทนมองซิมโฟนีที่แสดงอยู่บนเวที เขาสวมเสื้อเทรนช์โค้ตยาว ในแววตาของเขามีความอิจฉา เขาพูดขึ้นมาด้วยอารมณ์บางอย่างว่า “ผมไม่คิดเลยว่าจะได้เห็นสิ่งนี้ ชายผู้ยิ่งใหญ่มีชีวิตอยู่ในยุคของพวกเราจริงๆ ”

วิทเทนหมกมุ่นกับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์มานานแล้ว และนี่มันก็เป็นความลับที่ทุกคนในวงการฟิสิกส์รู้กันอย่างเปิดเผย แต่มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วที่คณะกรรมการตัดสินรางวัลโนเบลจะมอบรางวัลให้เขาเพียงเพราะเหตุผลว่าเขามีชื่อเสียงทางด้านวิชาการ ทั้งทฤษฎีเอ็มและทฤษฎีสตริงต่างก็เป็นสิ่งที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ทั้งนั้น

สองทฤษฎีนี้ไม่สามารถทำให้วิทเทนได้รางวัลได้

“ใช่แล้ว”

หลังจากวิทเทนเหลือบมองศาสตราจารย์เดอลีงย์ที่ยืนอยู่ข้างๆ ศาสตราจารย์วิทเทนก็พูดติดตลกว่า “เกียรติยศครั้งนี้เป็นของลูกศิษย์คนโปรดของคุณ แต่คุณมีเรื่องให้พูดแค่นี้เองเหรอ?”

“ผมไม่ได้ทำวิจัยทั้งด้านฟิสิกส์และเคมีจึงไม่มีอะไรให้พูดอยู่แล้ว” หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ศาสตราจารย์เดอลีงย์ก็พูดต่อ “แต่ผมต้องยอมรับว่า ตอนที่ผมมอบข้อเสนอให้เขาไป ผมไม่ได้คาดคิดว่าความรู้ของเขาจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ได้เลย”

เดอลีงย์มองเวทีด้วยแววตาดีใจ แล้วเขาก็ยิ้มขึ้นมา

“ก็ตลกดีนะ บอว์บากิกรุ๊ปโปรโมตเรื่องความบริสุทธิ์ของคณิตศาสตร์มาตลอด พวกเขาคิดว่านักคณิตศาสตร์ควรจะทำงานอยู่แค่กับคณิตศาสตร์เท่านั้น แต่จากที่คุยกับเขามาผมสังเกตเห็นบางสิ่งที่ต่างออกไป”

“คณิตศาสตร์สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ได้มากกว่าแค่ตัวคณิตศาสตร์เอง มันสามารถเปลี่ยนโลกนี้ได้ครับ”

“ผมยังจำได้เลยว่าเขาพูดแบบนี้”

“มากไปกว่านั้นเขายังพิสูจน์ให้พวกเราเห็นจริงๆ ด้วยซ้ำ”

ซิมโฟนีบรรเลงจบลง

ประธานมูลนิธิโนเบลยืนอยู่บนเวที เขาหันหน้ามาทางผู้ชม เขาประกาศเปิดงานพิธีมอบรางวัลโนเบล ณ บัดนี้

หลังจากนั้น ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ ไซมัตซ์ ลาส์สัน ก็เดินขึ้นมาบนเวทีในทันควัน

ชายสูงวัยในแว่นตากรอบทองค่อยๆ ดันแว่นตาขึ้นไปบนสันจมูกของตัวเอง เขายื่นมือไปจับไมโครโฟนให้ตั้งตรงและเริ่มพูดเสียงที่เคร่งขรึมและมั่นคงว่า

“เป็นเวลานานมาแล้วที่พวกเรารู้เรื่องโลกมิติที่สูงกว่าได้น้อยมาก

จนกระทั่งอนุภาคเล็กๆ ได้เปลี่ยนทุกสิ่งไป”

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ

ทุกคนจ้องไปที่เวที รออย่างสงบนิ่งให้ชายสูงวัยคนนั้นพูดต่อ

“มันเล็กเสียจนทุกคน รวมทั้งทุกท่านและตัวผมเองด้วย พลาดมันไป”

“โชคดีที่มีบางอย่างเกิดขึ้น”

“เครื่องชนอนุภาคแฮดรอนถูกสร้างขึ้นมา และระบบวิจัยฟิสิกส์แบบใหม่ก็ถือกำเนิดขึ้น ทุกอย่างเป็นเพราะความพยายามไม่ย่อท้อของชายผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่ง พวกเราทุกคนได้ก้าวเดินครั้งใหญ่ไปสู่จุดที่ไม่เคยมีใครเหยียบย่างไปถึงมาก่อน”

“สิ่งนี้พิสูจน์ว่าธรรมชาติไม่เคยมีเรื่องสุ่มเกิดขึ้น”

“เบื้องหลังปรากฏการณ์ที่ดูเหมือนจะอธิบายไม่ได้ มันจะมีกฎและเหตุผลคอยรองรับอยู่เสมอ”

“โชคดีที่เขาไม่ได้ยอมแพ้ไป”

ชายคนนั้นพูดเหมือนกำลังเล่าตำนานเรื่องหนึ่งอยู่ ทันใดนั้นชายสูงวัยก็เร่งเสียงของตัวเองให้ดังขึ้น เขายังคงความเคร่งขรึมอยู่ในเสียงต่อขณะกล่าวว่า “ณ ที่นี้ ผม ตัวแทนคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ขอประกาศ

ผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ปี 2023 ได้แก่…

ลู่โจว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+