Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 3 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (3)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 3 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3  คุณหนูผู้มั่งคั่ง (3)

 

ฉีเซิงเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับคุณนายหนานกงเมื่องานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ  ส่วนหนานกงจิ่งคงกำลังพะว้าพะวงอยู่กับซูอี้อี้

 

แม้ว่าปกติเธอจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมนัก  แต่จะให้ทำอย่างไรได้เมื่อการเข้าสังคมก็เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคนในวงการธุรกิจ

 

“คุณหนูซวีนี่ดูสวยวันสวยคืนเลยนะคะ  แหม…คุณชายจิ่งช่างโชคดีอะไรอย่างนี้  ไม่เหมือนกับเจ้าลูกชายตัวแสบของดิฉัน  รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีวี่แววจะตกล่องปล่องชิ้นกับใครสักที” สุภาพสตรีท่าทางสง่างามกล่าว สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาคุณนายหนานกง  ในขณะที่สุภาพสตรีท่านอื่นๆก็รีบแสดงท่าทีเป็นเชิงที่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ

 

“อย่างว่าละคะ  การให้ลูกชายได้หมั้นหมายกับลูกสะใภ้ที่ดีๆเสียตั้งแต่เนิ่นๆเป็นเรื่องที่จำเป็นจริงๆ”

 

“เฮ้อ…. แต่ว่าเรื่องอย่างนี้คงขึ้นอยู่กับวาสนาของแต่ละคนมากกว่ามั้งคะ  ดูอย่างตระกูลหลินสิคะ  ทางนั้นเขาก็หมั้นหมายกับคู่หมั้นตั้งแต่เด็กๆ  เหมือนกันไม่ใช่หรือคะ?  แล้วดูสิคะว่าผลเป็นยังไง?  สุดท้ายก็ทำท่าว่าเหมือนจะไปกันไม่รอดไม่ใช่หรือคะ?  ดิฉันได้ยินมาว่าทะเลาะกันทุกวันจนบ้านแทบแตก  ตายจริง!  ดิฉันไม่ได้หมายถึงคู่ของคุณหนูซวีกับคุณชายจิ่งนะคะ  เรื่องไร้สาระพวกนี้คุณหนูซวีก็อย่าเก็บไปใส่ใจเลยค่ะ”

 

‘นี่จะแขวะกันใช่ไหมป้า? คิดว่าพูดอ้อมๆแล้วคนอื่นเขาจะตามหล่อนไม่ทันสินะ?’

 

ฉีเซิงยกยิ้มบางๆ แม้ว่าในแววตาของเธอจะเหลืออดเต็มทน  ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะรถมาจอดอยู่หน้างานแล้ว  เธอไม่มีทางถ่อมาร่วมงานนี้ให้เสียสุขภาพจิตหรอก

 

‘ลำพังแค่มนุษย์ป้าสามคนนี่ก็น่ารำคาญมากพอแล้ว  ใครก็ได้รีบมาพาฉันไปจากที่นี่ด่วน ก่อนที่ฉันจะแปลงร่างเป็นตัวน่ารำคาญแบบพวกหล่อน!!’

 

“คุณป้าคะ  คุณพ่อของหนูมาแล้ว หนูขอตัวไปหาท่านก่อนนะคะ” เธอสังเกตุเห็นพ่อของซวีเฉิงเยว่…ไม่สิ…  ตอนนี้ต้องเป็นของเธอ…พ่อของเธอท่องไว้  เธอรีบใช้โอกาสนี้ปลีกตัวออกมาทันที

 

คนพวกนี้มีพร้อมทุกอย่าง  ทั้งเงินและอำนาจ  จนมีเวลาว่างมากพอที่มานั่งเปรียบเทียบคนอื่นหรือชิงดีชิงเด่นกัน  เปรียบเทียบวงตระกูล  เปรียบเทียบสามี  เปรียบเทียบลูก  คล้ายกับว่าถ้าหากของใครดีกว่าจะทำให้ดูสูงส่ง น่านับถือมากกว่าคนอื่นๆ

 

“คุณพ่อคะ”  ฉีเซิงเดินตรงเขาไปหาพ่อของเธอก่อนเอ่ยทักเขาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

 

“ลูกรีบมาที่นี่ตั้งแต่หัวค่ำ แล้วอาจิ่งเขาไม่ได้อยู่กับลูกหรอ?”  พ่อของเธอกวาดสายตาไปมองรอบๆแต่กลับไม่พบร่องรอยของหนานกงจิ่ง  เขาจึงอดที่จะสงสัยไม่ได้

 

.”เขายุ่งๆอยู่นะคะ”ฉีเซิงฉีกยิ้มให้เขา “ แล้วคุณแม่ละคะ ไม่ได้มาพร้อมคุณพ่อหรอคะ?”

 

“ที่บริษัทมีเรื่องด่วนเข้ามานะสิ  คุณแม่ของหนูเลยต้องรีบเข้าไปแก้ปัญหา  ว่าแต่…เมื่อไหร่กันที่ลูกเริ่มสนใจเรื่องของพ่อกับแม่? พ่อก็คิดว่าลูกเอาแต่สนใจเรื่องคู่หมั้นของลูกสะอีก”  เขาเย้าเธอด้วยน้ำเสียงขี้เล่น เห็นได้ชัดว่าพ่อของซวีเฉิงเยว่รักและตามใจเธอมากขนาดไหน

 

“คนเราก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันบ้างสิคะ?”

 

“ในที่สุดสาวน้อยของพ่อกับแม่ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

 

‘ก็ต้องแตกต่างสิ  ในร่างนี้ไม่ได้มีวิญญานดวงเดิมนิ’

 

ฉีเซิงทำตามความต้องการของซวีเฉิงเยว่  เมื่อซวีเฉิงเยว่ต้องการกตัญญูต่อพ่อแม่ของเธอ ฉีเซิงก็จะทำตัวเป็นลูกที่ดีของพวกเขา

 

คุณพ่อซวีพาเธอเดินไปอวยพรกับดาวเด่นของงานในค่ำคืนนี้…คุณนายหนานกง  ก่อนจะพาเธอเดินไปแนะนำตัวกับผู้คนมากมายในภายในงานเลี้ยง  คนพ่อซวีรู้สึกว่าคืนนี้ลูกสาวตัวน้อยของเขาช่างว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ  ส่งผลให้เขารู้สึกดีมากและอดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้ลูกสาวของเขาคงเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ

 

ฉีเซิงขออนุญาตผู้เป็นพ่อเป็นพ่อออกไปเดินรับอากาศบริสุทธิ์ในสวนด้านนอก  เพราะรู้สึกเวียนหัวด้วยฤทธิ์ของไวน์ที่เธอเพิ่งดื่มไป

 

ภายในสวนที่กว้างใหญ่ของตระกูลหนานกง  ในที่สุดฉีเซิงก็พบจุดที่เธอสามารถจะนั่งพักได้  เธอรู้สึกว่าอาการของเธอดีขึ้นเมื่อได้สัมผัสกับสายลมเย็นๆยามค่ำคืน

 

“เธอกำลังทำอะไรกับมัน?!”  น้ำเสียงอันเกรี้ยวกราดปลุกฉีเซิงให้ตื่นจากอาการงุนงง

 

ฉีเซิงยกมือขึ้นมาลูบหน้าก่อนจะรีบหันกลับเอาตัวไปแนบกับพนักพิงของม้านั่ง  เพื่อสังเกตเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น  เธอเห็นเงาตะคุ่มๆรางๆ ของคนสองคนปรากฏอยู่ใต้ต้นไม้ห่างออกไปสักระยะ

 

“ฉันไม่….ฉันไม่ได้….”

 

‘เสียงนี้? ใช่แล้ว!  ซูอี้อี้!  เสียงของซูอี้อี้!!  ว่าแต่….สองคนนั้นกำลังทำอะไรกันน่ะ?

 

“ฉันเห็นกับตา!”  หนานกงจิ่งใกล้ระเบิดโทสะเต็มทน “ซูอี้อี้  ฉันทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของพวกเราสองคน  แล้วเธอล่ะ?  ยั่วยวนผู้ชายคนอื่น นั่นใช่ไหมสิ่งที่เธอทำ?”

 

“จิ่ง  คุณพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง?”

 

“อะไร?  ฉันพูดอะไรผิด? ถ้าฉันไม่ใช่เพราะฉันทะเล่อทะล่าเข้าไป  เธอกับมันจะทำอะไรกันต่อล่ะ?”

 

นัยน์ตาของฉีเซิงเปล่งประกายระยิบระยับ ‘หนานกงจิ่งจับได้ว่าซูอี้อี้กับหลิงฮ่าวกำลังเล่นชู้กันได้คาหนังคาเขารึ? กำลังกอดหรือว่าจูบ?  ถ้าทำให้หนานกงจิ่งเป็นบ้าได้ขนาดนี้  เดาว่าน่าจะเป็นจูบ’

 

ในเค้าโครงเรื่องเดิม  ซวีเฉิงเยว่ต้องตามเกาะติดกับหนานกงจิ่งจนทำให้ หนานกงจิ่งไม่มีเวลาไปดูแลซูอี้อี้  นอกจากนั้นซวีเฉิงเยว่ยังเปิดเผยเรื่องของซูอี้อี้กับคุณนายหนานกงอีก  ส่งผลให้ซูอี้อี้และหลิงฮ่าวที่มางานเลี้ยงด้วยกันมีเวลาเหลือมากพอที่จะทำอะไรๆลับหลังหนานกงจิ่ง

 

ซวีเฉิงเยว่ใช้เวลาทบทวนเค้าโครงเรื่องอีกครั้ง  กว่าเธอจะรู้ตัวซูอี้อี้กับหนานกงจิ่งก็จูบกันแล้ว!

 

‘เกิดอะไรขึ้น?!  พวกเขากำลังพูดอะไร?  นี่!!  ฉันได้ยินไม่ค่อยชัด  พวกนายช่วยเล่นซ้ำให้ดูอีกรอบได้ไหม?’

 

เสียงจูบอย่างดุเดือดดังขึ้นอย่างชัดเจนในสวนอันเงียบสงัด ‘ โอ้ววว..  พวกเขาคงไม่คิดจะบ๊ะบ๊ะโอบ๊ะกันที่นี่ใช่ไหม?”

 

โชคดีที่หนานกงจิ่งยังพอมีสติจึงอุ้มซูอี้อี้ไปที่ห้องก่อน…..

 

ถ้าเธอจับพวกเขาได้คาหนังคาเขาบนเตียง  เธอน่าจะใช้เรื่องนี้ในการถอนหมั้นได้ ‘สวรรค์ทรงโปรด!!’

 

ฉีเซิงกระโดดขึ้นจากม้านั่งในแทบทันที

 

“อ๊ากกก!”   เธอกรีดร้องอย่างตกใจก่อนจะทรุดลงไปนั่งที่เดิม เธอลูบที่หน้าอกตัวเองเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ  เมื่อเธอมองจนแน่ใจแล้ว ว่าร่างตรงหน้าคือมนุษย์อย่างแน่นอน “เป็นบ้าอะไรของคุณอยู่ๆก็โผล่มาไม่ให้ซุ้มให้เสียง?  อยากให้ฉันกลัวจนช็อคตายหรือไง?”

 

เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดังกังวานชวนลุ่มหลงว่า “คุณไม่โกรธหรอ ? หรือนั่นไม่ใช่คู่หมั้นของคุณ?

 

คนที่ถามคือชายหนุ่มท่าทางไม่สนใจโลกคนหนึ่ง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำ  มือข้างหนึ่งของเขาสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงสีดำสนิท เขามีรูปร่างดี หน้าตาก็หล่อเหล่าราวกับภาพวาด  บรรยากาศรอบๆตัวเขาส่งผลดูสูงส่ง ราวกับไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา  ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องมองมาที่เธอราวกับว่าเพิ่งค้นพบสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน  ริมฝีปากของเขายกยิ้มขึ้นบางๆ

 

ความประทับใจแรกของฉีเซิงต่อเขา ไม่ได้เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ หน้าตาที่หล่อเหลา แต่กลับเป็นออร่าความชั่วร้ายที่แผ่กระจายอยู่รอบๆตัวเขาต่างหาก  นอกจากเขาจะหน้าตาที่มีเสน่ห์อย่างเหลือร้ายแล้ว บุคลิกอันลึกลับและแฝงด้วยอันตรายของเขากลับสามารถทำให้ผู้คนคลั่งใคร่หลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้นได้

 

‘ตัวหายนะ’  นี่คือความคิดของเธอ  เธอมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะเอ่ยถามเขา “คุณ?”

 

‘ฉันไม่ยักจะจำได้ว่าในเรื่องมีไอ้หมอนี่ด้วย….’

 

[ บรรลุเงื่อนไขสำหรับภารกิจลับ  ภารกิจถูกตอบรับอัตโนมัติด้วยความเงียบของโฮสต์]

 

‘อะไร?!!   ภารกิจลับบ้าบออะไรอีก?  แล้วอะไรคือการตอบรับด้วยความเงียบห๊ะ?!  ระบบ…นายจะบังคับให้ฉันทำงานฟรีใช่ไหม?!  นายไม่รู้หรอนี่มันผิดกฎหมาย?!!!’

 

[ ภารกิจลับ :  กลายเป็นรักแท้ของฉู่ถาง ]

 

‘ฉู่ถาง?  ผู้ชายคนนี้คือ ฉู่ถาง?  นายล้อฉันเล่นหรือเปล่า?’

 

ในเค้าโครงเรื่องเดิมฉู่ถางปรากฏออกมาแค่ชื่อ ตัวตนของเขาเป็นตำนานของนักธุรกิจชื่อดังในวงการ  ซึ่งคนคนนี้ไม่เคยปรากฏตัวในเนื้อเรื่อง

 

ภายในเรื่องเอ่ยถึงไว้แค่ครั้งหนึ่ง บริษัทของหนานกงจิ่ง เคยถูกบริษัทภายใต้อำนาจความดูแลของฉู่ถางคุกคาม แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาไม่นานนัก แต่ผลจากการคุกคามในครั้งนี้  ส่งผลทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อตระกูลหนานกง  จนกระทั่งตอนจบของเรื่องหนานกงจิ่งก็ยังไม่สามารถสืบหาตัวผู้บงการพบ  แน่นอนฉีเซิงรู้ว่าเป็นเขาเพราะว่าเธอได้อ่านเนื้อเรื่องทั้งหมด!

 

‘รักแท้ห่าเหวบ้าบออะไร? ฉันต้องทำให้พ่อนักธุรกิจอัจฉริยะฟ้าประทานนี่มาหลงรัก? อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระน่า!!

 

[ ยืนยันภารกิจ  หากโฮสต์ทำภารกิจไม่สำเร็จ โฮสต์จะถูกกำจัดจากระบบทันที]

 

‘ปู่นายสิยืนยัน!!  นายไม่เคยบอกฉันว่าต้องมาพัวพันกับเรื่องรักๆใคร่ๆสักหน่อย!’

 

ระบบแกล้งตายเนื่องจากมันได้บอกทุกอย่างที่สมควรบอกไปหมดแล้ว

 

ในขณะที่ฉีเซิงกำลังนั่งทะเลาะกับระบบ  ฉู่ถางก็กำลังจับตามองท่าทางของเด็กสาวที่นั่งอยู่บนม้านั่งเบื้องหน้าของเขาด้วยความสนใจ เธอทำหน้าโกรธจากนั้นเปลี่ยนไปเป็นตกใจ  จากนั้นก็โกรธและเปลี่ยนไปเป็นสิ้นหวัง

 

‘เขายังไม่ได้ตอบคำถามของเธอเลยสักคำ  แล้วทำไมเธอแสดงท่าทางแบบนั้นกัน?’

 

“ฉันจะตามไปจับพวกเขาให้ได้คาหนังคาเขาพร้อมกับหลักฐาน  คุณจะไปกับฉันไหม?”

 

ฉีเซิงเอ่ยชวนฉู่ถางไปดู ‘เรื่องฉาว’  พลางลุกขึ้นจากม้านั่ง

 

ฉูถางเลิกคิ้ว “เธอรู้หรอว่าฉันเป็นใคร?”

 

เหล่าบอดี้การ์ดที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดตกใจจนอ้าปากค้าง ‘พระเจ้าช่วย!!’  ในโลกนี้มีคนกล้าชวนคุณชายไปจับชู้ด้วย?!  นับถือๆ !!!

 

ฉีเซิงชะงักไปพักนึง ก่อนจะนึกได้ว่า ‘เออ’ เขายังไม่ได้แนะนำตัวเลยว่าเป็นใคร  ฉันควรจะทำตัวว่าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร’

 

เธอทำสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ฉันแค่ต้องการพยาน”

 

“ตกลง”

 

เป็นอีกครั้งที่เหล่าบอดี้การ์ดพากันตกตะลึง ‘คุณชายตกลง!!  เขาตกลง!!  ตกลงจริงๆด้วย!!!  นี่เป็นเหตุการสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ควรบันทึกไว้’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 3 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (3)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 3 คุณหนูผู้มั่งคั่ง (3) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 3  คุณหนูผู้มั่งคั่ง (3)

 

ฉีเซิงเดินลงมาจากชั้นบนพร้อมกับคุณนายหนานกงเมื่องานเลี้ยงเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ  ส่วนหนานกงจิ่งคงกำลังพะว้าพะวงอยู่กับซูอี้อี้

 

แม้ว่าปกติเธอจะเป็นคนที่ไม่ค่อยชอบเข้าสังคมนัก  แต่จะให้ทำอย่างไรได้เมื่อการเข้าสังคมก็เป็นเรื่องจำเป็นสำหรับคนในวงการธุรกิจ

 

“คุณหนูซวีนี่ดูสวยวันสวยคืนเลยนะคะ  แหม…คุณชายจิ่งช่างโชคดีอะไรอย่างนี้  ไม่เหมือนกับเจ้าลูกชายตัวแสบของดิฉัน  รอแล้วรอเล่าก็ยังไม่มีวี่แววจะตกล่องปล่องชิ้นกับใครสักที” สุภาพสตรีท่าทางสง่างามกล่าว สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอิจฉาคุณนายหนานกง  ในขณะที่สุภาพสตรีท่านอื่นๆก็รีบแสดงท่าทีเป็นเชิงที่เห็นด้วยกับคำพูดของเธอ

 

“อย่างว่าละคะ  การให้ลูกชายได้หมั้นหมายกับลูกสะใภ้ที่ดีๆเสียตั้งแต่เนิ่นๆเป็นเรื่องที่จำเป็นจริงๆ”

 

“เฮ้อ…. แต่ว่าเรื่องอย่างนี้คงขึ้นอยู่กับวาสนาของแต่ละคนมากกว่ามั้งคะ  ดูอย่างตระกูลหลินสิคะ  ทางนั้นเขาก็หมั้นหมายกับคู่หมั้นตั้งแต่เด็กๆ  เหมือนกันไม่ใช่หรือคะ?  แล้วดูสิคะว่าผลเป็นยังไง?  สุดท้ายก็ทำท่าว่าเหมือนจะไปกันไม่รอดไม่ใช่หรือคะ?  ดิฉันได้ยินมาว่าทะเลาะกันทุกวันจนบ้านแทบแตก  ตายจริง!  ดิฉันไม่ได้หมายถึงคู่ของคุณหนูซวีกับคุณชายจิ่งนะคะ  เรื่องไร้สาระพวกนี้คุณหนูซวีก็อย่าเก็บไปใส่ใจเลยค่ะ”

 

‘นี่จะแขวะกันใช่ไหมป้า? คิดว่าพูดอ้อมๆแล้วคนอื่นเขาจะตามหล่อนไม่ทันสินะ?’

 

ฉีเซิงยกยิ้มบางๆ แม้ว่าในแววตาของเธอจะเหลืออดเต็มทน  ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะรถมาจอดอยู่หน้างานแล้ว  เธอไม่มีทางถ่อมาร่วมงานนี้ให้เสียสุขภาพจิตหรอก

 

‘ลำพังแค่มนุษย์ป้าสามคนนี่ก็น่ารำคาญมากพอแล้ว  ใครก็ได้รีบมาพาฉันไปจากที่นี่ด่วน ก่อนที่ฉันจะแปลงร่างเป็นตัวน่ารำคาญแบบพวกหล่อน!!’

 

“คุณป้าคะ  คุณพ่อของหนูมาแล้ว หนูขอตัวไปหาท่านก่อนนะคะ” เธอสังเกตุเห็นพ่อของซวีเฉิงเยว่…ไม่สิ…  ตอนนี้ต้องเป็นของเธอ…พ่อของเธอท่องไว้  เธอรีบใช้โอกาสนี้ปลีกตัวออกมาทันที

 

คนพวกนี้มีพร้อมทุกอย่าง  ทั้งเงินและอำนาจ  จนมีเวลาว่างมากพอที่มานั่งเปรียบเทียบคนอื่นหรือชิงดีชิงเด่นกัน  เปรียบเทียบวงตระกูล  เปรียบเทียบสามี  เปรียบเทียบลูก  คล้ายกับว่าถ้าหากของใครดีกว่าจะทำให้ดูสูงส่ง น่านับถือมากกว่าคนอื่นๆ

 

“คุณพ่อคะ”  ฉีเซิงเดินตรงเขาไปหาพ่อของเธอก่อนเอ่ยทักเขาด้วยน้ำเสียงอบอุ่น

 

“ลูกรีบมาที่นี่ตั้งแต่หัวค่ำ แล้วอาจิ่งเขาไม่ได้อยู่กับลูกหรอ?”  พ่อของเธอกวาดสายตาไปมองรอบๆแต่กลับไม่พบร่องรอยของหนานกงจิ่ง  เขาจึงอดที่จะสงสัยไม่ได้

 

.”เขายุ่งๆอยู่นะคะ”ฉีเซิงฉีกยิ้มให้เขา “ แล้วคุณแม่ละคะ ไม่ได้มาพร้อมคุณพ่อหรอคะ?”

 

“ที่บริษัทมีเรื่องด่วนเข้ามานะสิ  คุณแม่ของหนูเลยต้องรีบเข้าไปแก้ปัญหา  ว่าแต่…เมื่อไหร่กันที่ลูกเริ่มสนใจเรื่องของพ่อกับแม่? พ่อก็คิดว่าลูกเอาแต่สนใจเรื่องคู่หมั้นของลูกสะอีก”  เขาเย้าเธอด้วยน้ำเสียงขี้เล่น เห็นได้ชัดว่าพ่อของซวีเฉิงเยว่รักและตามใจเธอมากขนาดไหน

 

“คนเราก็ต้องมีการเปลี่ยนแปลงกันบ้างสิคะ?”

 

“ในที่สุดสาวน้อยของพ่อกับแม่ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว”

 

‘ก็ต้องแตกต่างสิ  ในร่างนี้ไม่ได้มีวิญญานดวงเดิมนิ’

 

ฉีเซิงทำตามความต้องการของซวีเฉิงเยว่  เมื่อซวีเฉิงเยว่ต้องการกตัญญูต่อพ่อแม่ของเธอ ฉีเซิงก็จะทำตัวเป็นลูกที่ดีของพวกเขา

 

คุณพ่อซวีพาเธอเดินไปอวยพรกับดาวเด่นของงานในค่ำคืนนี้…คุณนายหนานกง  ก่อนจะพาเธอเดินไปแนะนำตัวกับผู้คนมากมายในภายในงานเลี้ยง  คนพ่อซวีรู้สึกว่าคืนนี้ลูกสาวตัวน้อยของเขาช่างว่านอนสอนง่ายเป็นพิเศษ  ส่งผลให้เขารู้สึกดีมากและอดคิดไม่ได้ว่าตอนนี้ลูกสาวของเขาคงเติบโตขึ้นแล้วจริงๆ

 

ฉีเซิงขออนุญาตผู้เป็นพ่อเป็นพ่อออกไปเดินรับอากาศบริสุทธิ์ในสวนด้านนอก  เพราะรู้สึกเวียนหัวด้วยฤทธิ์ของไวน์ที่เธอเพิ่งดื่มไป

 

ภายในสวนที่กว้างใหญ่ของตระกูลหนานกง  ในที่สุดฉีเซิงก็พบจุดที่เธอสามารถจะนั่งพักได้  เธอรู้สึกว่าอาการของเธอดีขึ้นเมื่อได้สัมผัสกับสายลมเย็นๆยามค่ำคืน

 

“เธอกำลังทำอะไรกับมัน?!”  น้ำเสียงอันเกรี้ยวกราดปลุกฉีเซิงให้ตื่นจากอาการงุนงง

 

ฉีเซิงยกมือขึ้นมาลูบหน้าก่อนจะรีบหันกลับเอาตัวไปแนบกับพนักพิงของม้านั่ง  เพื่อสังเกตเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น  เธอเห็นเงาตะคุ่มๆรางๆ ของคนสองคนปรากฏอยู่ใต้ต้นไม้ห่างออกไปสักระยะ

 

“ฉันไม่….ฉันไม่ได้….”

 

‘เสียงนี้? ใช่แล้ว!  ซูอี้อี้!  เสียงของซูอี้อี้!!  ว่าแต่….สองคนนั้นกำลังทำอะไรกันน่ะ?

 

“ฉันเห็นกับตา!”  หนานกงจิ่งใกล้ระเบิดโทสะเต็มทน “ซูอี้อี้  ฉันทำทุกอย่างเพื่ออนาคตของพวกเราสองคน  แล้วเธอล่ะ?  ยั่วยวนผู้ชายคนอื่น นั่นใช่ไหมสิ่งที่เธอทำ?”

 

“จิ่ง  คุณพูดแบบนี้กับฉันได้ยังไง?”

 

“อะไร?  ฉันพูดอะไรผิด? ถ้าฉันไม่ใช่เพราะฉันทะเล่อทะล่าเข้าไป  เธอกับมันจะทำอะไรกันต่อล่ะ?”

 

นัยน์ตาของฉีเซิงเปล่งประกายระยิบระยับ ‘หนานกงจิ่งจับได้ว่าซูอี้อี้กับหลิงฮ่าวกำลังเล่นชู้กันได้คาหนังคาเขารึ? กำลังกอดหรือว่าจูบ?  ถ้าทำให้หนานกงจิ่งเป็นบ้าได้ขนาดนี้  เดาว่าน่าจะเป็นจูบ’

 

ในเค้าโครงเรื่องเดิม  ซวีเฉิงเยว่ต้องตามเกาะติดกับหนานกงจิ่งจนทำให้ หนานกงจิ่งไม่มีเวลาไปดูแลซูอี้อี้  นอกจากนั้นซวีเฉิงเยว่ยังเปิดเผยเรื่องของซูอี้อี้กับคุณนายหนานกงอีก  ส่งผลให้ซูอี้อี้และหลิงฮ่าวที่มางานเลี้ยงด้วยกันมีเวลาเหลือมากพอที่จะทำอะไรๆลับหลังหนานกงจิ่ง

 

ซวีเฉิงเยว่ใช้เวลาทบทวนเค้าโครงเรื่องอีกครั้ง  กว่าเธอจะรู้ตัวซูอี้อี้กับหนานกงจิ่งก็จูบกันแล้ว!

 

‘เกิดอะไรขึ้น?!  พวกเขากำลังพูดอะไร?  นี่!!  ฉันได้ยินไม่ค่อยชัด  พวกนายช่วยเล่นซ้ำให้ดูอีกรอบได้ไหม?’

 

เสียงจูบอย่างดุเดือดดังขึ้นอย่างชัดเจนในสวนอันเงียบสงัด ‘ โอ้ววว..  พวกเขาคงไม่คิดจะบ๊ะบ๊ะโอบ๊ะกันที่นี่ใช่ไหม?”

 

โชคดีที่หนานกงจิ่งยังพอมีสติจึงอุ้มซูอี้อี้ไปที่ห้องก่อน…..

 

ถ้าเธอจับพวกเขาได้คาหนังคาเขาบนเตียง  เธอน่าจะใช้เรื่องนี้ในการถอนหมั้นได้ ‘สวรรค์ทรงโปรด!!’

 

ฉีเซิงกระโดดขึ้นจากม้านั่งในแทบทันที

 

“อ๊ากกก!”   เธอกรีดร้องอย่างตกใจก่อนจะทรุดลงไปนั่งที่เดิม เธอลูบที่หน้าอกตัวเองเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ  เมื่อเธอมองจนแน่ใจแล้ว ว่าร่างตรงหน้าคือมนุษย์อย่างแน่นอน “เป็นบ้าอะไรของคุณอยู่ๆก็โผล่มาไม่ให้ซุ้มให้เสียง?  อยากให้ฉันกลัวจนช็อคตายหรือไง?”

 

เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงดังกังวานชวนลุ่มหลงว่า “คุณไม่โกรธหรอ ? หรือนั่นไม่ใช่คู่หมั้นของคุณ?

 

คนที่ถามคือชายหนุ่มท่าทางไม่สนใจโลกคนหนึ่ง เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวและกางเกงสีดำ  มือข้างหนึ่งของเขาสอดอยู่ในกระเป๋ากางเกงสีดำสนิท เขามีรูปร่างดี หน้าตาก็หล่อเหล่าราวกับภาพวาด  บรรยากาศรอบๆตัวเขาส่งผลดูสูงส่ง ราวกับไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา  ดวงตาทั้งคู่ของเขาจ้องมองมาที่เธอราวกับว่าเพิ่งค้นพบสมบัติล้ำค่าก็ไม่ปาน  ริมฝีปากของเขายกยิ้มขึ้นบางๆ

 

ความประทับใจแรกของฉีเซิงต่อเขา ไม่ได้เป็นรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ หน้าตาที่หล่อเหลา แต่กลับเป็นออร่าความชั่วร้ายที่แผ่กระจายอยู่รอบๆตัวเขาต่างหาก  นอกจากเขาจะหน้าตาที่มีเสน่ห์อย่างเหลือร้ายแล้ว บุคลิกอันลึกลับและแฝงด้วยอันตรายของเขากลับสามารถทำให้ผู้คนคลั่งใคร่หลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้นได้

 

‘ตัวหายนะ’  นี่คือความคิดของเธอ  เธอมองเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ก่อนจะเอ่ยถามเขา “คุณ?”

 

‘ฉันไม่ยักจะจำได้ว่าในเรื่องมีไอ้หมอนี่ด้วย….’

 

[ บรรลุเงื่อนไขสำหรับภารกิจลับ  ภารกิจถูกตอบรับอัตโนมัติด้วยความเงียบของโฮสต์]

 

‘อะไร?!!   ภารกิจลับบ้าบออะไรอีก?  แล้วอะไรคือการตอบรับด้วยความเงียบห๊ะ?!  ระบบ…นายจะบังคับให้ฉันทำงานฟรีใช่ไหม?!  นายไม่รู้หรอนี่มันผิดกฎหมาย?!!!’

 

[ ภารกิจลับ :  กลายเป็นรักแท้ของฉู่ถาง ]

 

‘ฉู่ถาง?  ผู้ชายคนนี้คือ ฉู่ถาง?  นายล้อฉันเล่นหรือเปล่า?’

 

ในเค้าโครงเรื่องเดิมฉู่ถางปรากฏออกมาแค่ชื่อ ตัวตนของเขาเป็นตำนานของนักธุรกิจชื่อดังในวงการ  ซึ่งคนคนนี้ไม่เคยปรากฏตัวในเนื้อเรื่อง

 

ภายในเรื่องเอ่ยถึงไว้แค่ครั้งหนึ่ง บริษัทของหนานกงจิ่ง เคยถูกบริษัทภายใต้อำนาจความดูแลของฉู่ถางคุกคาม แม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาไม่นานนัก แต่ผลจากการคุกคามในครั้งนี้  ส่งผลทำให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาลต่อตระกูลหนานกง  จนกระทั่งตอนจบของเรื่องหนานกงจิ่งก็ยังไม่สามารถสืบหาตัวผู้บงการพบ  แน่นอนฉีเซิงรู้ว่าเป็นเขาเพราะว่าเธอได้อ่านเนื้อเรื่องทั้งหมด!

 

‘รักแท้ห่าเหวบ้าบออะไร? ฉันต้องทำให้พ่อนักธุรกิจอัจฉริยะฟ้าประทานนี่มาหลงรัก? อย่ามาพูดเรื่องไร้สาระน่า!!

 

[ ยืนยันภารกิจ  หากโฮสต์ทำภารกิจไม่สำเร็จ โฮสต์จะถูกกำจัดจากระบบทันที]

 

‘ปู่นายสิยืนยัน!!  นายไม่เคยบอกฉันว่าต้องมาพัวพันกับเรื่องรักๆใคร่ๆสักหน่อย!’

 

ระบบแกล้งตายเนื่องจากมันได้บอกทุกอย่างที่สมควรบอกไปหมดแล้ว

 

ในขณะที่ฉีเซิงกำลังนั่งทะเลาะกับระบบ  ฉู่ถางก็กำลังจับตามองท่าทางของเด็กสาวที่นั่งอยู่บนม้านั่งเบื้องหน้าของเขาด้วยความสนใจ เธอทำหน้าโกรธจากนั้นเปลี่ยนไปเป็นตกใจ  จากนั้นก็โกรธและเปลี่ยนไปเป็นสิ้นหวัง

 

‘เขายังไม่ได้ตอบคำถามของเธอเลยสักคำ  แล้วทำไมเธอแสดงท่าทางแบบนั้นกัน?’

 

“ฉันจะตามไปจับพวกเขาให้ได้คาหนังคาเขาพร้อมกับหลักฐาน  คุณจะไปกับฉันไหม?”

 

ฉีเซิงเอ่ยชวนฉู่ถางไปดู ‘เรื่องฉาว’  พลางลุกขึ้นจากม้านั่ง

 

ฉูถางเลิกคิ้ว “เธอรู้หรอว่าฉันเป็นใคร?”

 

เหล่าบอดี้การ์ดที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืดตกใจจนอ้าปากค้าง ‘พระเจ้าช่วย!!’  ในโลกนี้มีคนกล้าชวนคุณชายไปจับชู้ด้วย?!  นับถือๆ !!!

 

ฉีเซิงชะงักไปพักนึง ก่อนจะนึกได้ว่า ‘เออ’ เขายังไม่ได้แนะนำตัวเลยว่าเป็นใคร  ฉันควรจะทำตัวว่าไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร’

 

เธอทำสีหน้าเคร่งขรึมและกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงใจ “ฉันแค่ต้องการพยาน”

 

“ตกลง”

 

เป็นอีกครั้งที่เหล่าบอดี้การ์ดพากันตกตะลึง ‘คุณชายตกลง!!  เขาตกลง!!  ตกลงจริงๆด้วย!!!  นี่เป็นเหตุการสำคัญในประวัติศาสตร์ที่ควรบันทึกไว้’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+