Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 36 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (16)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 36 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (16) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Side Character Transmigrations: The Final Bos… บทที่ 36 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (16)

บทที่ 36 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (16)

แม้ว่าฉีเชิงจะทําเป็นประท้วงและไม่เห็นด้วยในตอนต้น แต่ท้ายที่สุดเธอยอมพา พวก“ดอกตูม” เหล่านั้นมากับเธออยู่ดี

ในทีมมีสมาชิกทั้งหมดสี่คน เป็นผู้หญิงสองคนแล้วก็ผู้ชายสองคน การจัดกลุ่มแบบนี้ไม่ค่อยมีให้พบเห็นบ่อยมากนัก ซึ่งการจัดกลุ่มพวกนี้จะถูกพิจารณาโดยบริษัทต้นสังกัด กว่าจะได้กลุ่มที่ลงตัวแบบนี้บริษัทก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องดูความเหมาะสมในหลายๆด้าน

“เสี่ยวหวันอยู่ที่นี่เอง เอ๊ะ….นั่นพาเด็กใหม่มาด้วยเหรอ?” ผู้กํากับเอ่ยทักทายฉีเซิงอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะหันไปมองพวกเด็กๆที่ยืนอยู่ข้างๆเธอตอนนี้ ด้วยสายตาเปล่งประกายระยิบระยับ

ทั้งสี่คนนี้ไม่ได้หน้าตาดีแบบธรรมดาทั่วไป แต่พวกเขาค่อนข้างที่จะดูดีมากเลยทีเดียว

“อ่า…พาพวกเขามาเปิดตัวน่ะค่ะ” ฉีเชิงพยักหน้าขณะที่แนะนําทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน “คนนี้คือผู้กํากับหลิน ส่วนนี้ฮั่นหลิง, ฟางจินหยู, หยวนซีแล้วก็เจียงหมิงค่ะ”

“สวัสดีครับ/ค่ะผู้กํากับหลิน” ทั้งสี่คนเอ่ยทักทายเขาอย่างน่ารัก

“เยี่ยมเยี่ยมมาก” ผู้กํากับหลินพยักหน้ารับ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เขาเพิ่งจะกังวลเรื่องการหาวัยรุ่นหน้าตาน่ารักมาร่วมรายการไปหยกๆ แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกส่งมาถึงประตูบ้านของเขาแล้ว ช่างประจวบเหมาะจริงๆ “เจียงหวันเธอเป็นเทพื้นําโชคของฉัน! เธอช่างเหมือนกับแสงสว่างในค่ําคืนที่มืดมิดของฉันจริงๆ :

โปรแกรมนี้มีชื่อว่า (Extreme World) เป็นการท้าทายความสามารถของผู้เข้าร่วมรายการ โดยภารกิจต่างๆจะถูกกําหนดขึ้นโดยทีมงานของทางรายการ และถึงแม้ว่าภารกิจที่ให้ทําจะไม่ได้ยากมากมายอะไรนัก แต่รับรองได้เลยว่ามันจะภารกิจที่แปลกประหลาดและพิลึกกึกกืออย่างที่ไม่เคยเจอในรายการไหนมาก่อนแน่นอน

ซีซั่นแรกที่ปล่อยออกไปได้รับเสียงตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้นผู้กํากับก็ยังคงกัดฟันทําซีซั่นสองต่อไป โดยในซีซั่นสองนี้พวกเขาได้ทุ่มเงินก้อนโตเชิญเหล่าดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงมาเข้าร่วมด้วย ซึ่งนั้นก็ถือว่าได้ผลดีเลยทีเดียว เพราะในช่วงนั้นเรียกได้ว่ารายการดังเป็นพลุแตกเลยทีเดียวและ ณ ตอนนี้เป็นซีซั่นที่สามแล้ว โดยการถ่ายทําจะแบ่งออกเป็นสองตอนต่อสัปดาห์ซึ่งสองตอนแรกถ่ายเสร็จไปเรียบร้อยแล้วครั้งนี้เป็นการถ่ายทําครั้งที่สาม

ในเทปนี้พวกเขาต้องใช้ดาราหนุ่มๆหน้าตาดีสองคนซึ่งทางรายการเองก็ได้ตะเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนผู้กํากับจะได้รับแจ้งว่านักแสดงชายสองคนนั้นไม่สามารถมาร่วมถ่ายทําด้วยได้แล้ว พลับพลาสิ! มาบอกจ่อซะขนาดนี้ แล้วเขาจะไปหานักแสดงแทนจากที่ไหนได้ทันล่ะเนี่ย?

และถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเวลามากกว่านี้ แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะหาคนให้ได้ตรง ตามคาแรคเตอร์ที่วางไว้และแม้ว่าเขาจะใช้เด็กๆที่มากับฉีเชิงแทนได้ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังต้องปรับเปลี่ยนสคริปต์เล็กน้อยอยู่ดี แต่จะว่าไป..เด็กสาวทั้งสองคนก็น่ารักมากเช่นกันนะ!

“รอบนี้พวกเราจะไปถ่ายทํากันที่หนานซาน และเราจะออกเดินทางกันทันทีเมื่อทุกคนมาครบ” ผู้กํากับยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อเขามองไปยังเด็กๆทั้งสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉีเชิง เขาจัดการเรื่องรถให้ฉีเซิงกับเด็กใหม่ทั้งสี่คนเรียบร้อยก่อนจะจากไปทําธุระอย่างอื่นต่อ

“พี่หวัน…พวกเราเคยดูรายการนี้มาก่อนเหมือนว่าการถ่ายทํามันจะค่อนข้างยากเป็นพิเศษเลยใช่ไหมค่ะ?” ฮั่นหลิงผู้ซึ่งกล้าหาญที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน เธอนั่งอยู่ติดกับฉีเชิง และเธอก็อาสาเป็นตัวแทนเพื่อนๆเอ่ยปากถาม ก่อนจะนิ่งรอคอยคําตอบอย่างใจจดใจจ่อในขณะที่อีกสามคนที่เหลือก็มองมาที่เธอด้วยความกังวลเช่นกัน

แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการฝึกฝนจากทางบริษัทมาเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เคยลงสนามจริงสักที เพราะงั้นก็ไม่ได้แปลกอะไรที่จะพวกเขาจะกลัว

“ใช่…ยากพอสมควรเลย” ฉีเชิงพยักหน้ารับ ถ้ารายการมันไม่แปลกแหวกแนว คนมันจะมาดูเร๊อะ?

เพื่อช่วยเจ้าดอกตูมน้อยๆพวกนี้เจ๊ใหญ่คนนี้อุตส่าห์ไปอ่านคู่มือของรายการมาใหม่อีกรอบเลยนะยะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็เถอะ แต่ยังไงก็จงสํานึกในบุญคุณอันใหญ่หลวงนี้ไว้ซะ เข้าใจมะ?”

เด็กๆทั้งสี่คนดูเศร้าสร้อยไปในบัดดล เมื่อได้รับการยืนยันจากฉีเชิง “แง…พวกเราคงจะไม่ทําให้บริษัทขายหน้ากันหรอกใช่ไหม?

“พวกเธอจะกังวลกันไปทําไม? พวกเธอแค่ทําภารกิจแค่ไม่กี่ภารกิจเอง ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้นหรอก ทําใจสบายๆ เป็นเด็กเป็นเล็กคิดอะไรเยอะแยะ คนที่ต้องรับงานหนักมันฉันนี่ ฉันยังไม่เห็นจะเครียดเลย”

เด็กทั้งสี่คน “ …” “นี่พี่หวันเขากําลังปลอบใจพวกเราใช่ม่ะ? โอ้ว…อเมซิ่งมาก ฉันไม่

ได้ฝันอยู่ใช่ไหมเนี้ย?”

ทั้งสี่คนไม่กล้าพูดอะไรต่อ ได้แต่นั่งเงียบๆอยู่ในรถอย่างเรียบร้อย อย่างไรก็ตามแม้เวลาจะผ่านไปสักพักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกเดินทางกันสักที

ฉีเชิงนั้นเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว เธอเคาะกระจกที่กั้นระหว่างคนขับกับเบาะด้านหลังอย่างแรง ก่อนจะตะโกนตามด้วยความโมโหว่า “ทําไมยังไม่ออกรถอีก? จะจอดรอเอาโล่รึไง? ”

ริมฝีปากคนขับรถกระตุกขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เอื้อมมือไปหยิบวิทยุสื่อสารมา ขึ้นวอถามทีมงานคนอื่นๆ และเมื่อได้รับคําตอบแล้วเขาก็หันกลับไปตอบนี้เพิ่งที่กําลังนั่งอยู่เบาะด้านหลังว่า “มีคนยังมาไม่ถึงต้องรอก่อนครับ”

“ถ้าจําไม่ผิด…นัดเจอกันสิบโมงไม่ใช่เหรอ?” นี่ฉันก็รีบแหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่เช้าเพื่อมาให้ทัน เวลา แล้วนี้ให้ฉันมานั่งรอคนที่มันมาไม่ตรงเวลานี้นะ บ้าบอ!”

นี่เขาก็นัดเผื่อเวลาเดินทางให้แล้วนะ อีกอย่างจุดนัดพบเบี้ย ทีมงานก็คัดกรองมาอย่างดีแล้วว่าเป็นจุดที่การจราจรไม่ติดขัด เดินทางสะดวกแน่นอน แล้วทําม๊าย…ทําไมมันยังมีคนสาระแนมาช้าอีก? นิงงมากแม่

คนขับเริ่มทําตัวไม่ถูก “เอ่อ…เทพธิดาเซี่ยหยวนเป็นถึงราชินีของวงการ ทีมงานใช้ต้องความพยายามอย่างหนักกว่าจะเชิญเธอมาเข้าร่วมรายการได้ เพราะฉะนั้นถ้าเธอจะมาสายนิดๆหน่อยๆก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”

 

“เซี่ยหยวน? ผู้จัดรายการนี้คงอยากจะไฟท์กับเธอสินะ!?

“เสี่ยวหมิง ขนมเธออยู่ไหน? เอาออกมาให้ฉันกินแก้โมโหหน่อยสิ” ฉันทํานายกลัว ฉันรู้ แต่ตอนนี้อารมณ์ไม่ดีอยู่ ทนๆเอาหน่อยละกัน

เจียงหมิงหน้าซีดทําหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “พี่หวัน ไม่เรียกผมว่าเสี่ยวหมิงไม่ได้เหรอครับ?” (TAT)

เสี่ยวหมิงเป็นชื่อที่ถูกใช้บ่อยที่สุดในหนังสือเรียน เรียกได้ว่าเป็นชื่อที่โหลมาก เห็นได้ชัดว่าหน้าตาเขาออกจะเฉลียวฉลาดปานนี้ ทําไมถึงต้องเรียกเขาด้วยชื่อนั้นด้วย?

“โอเค เสี่ยวหมิง”

เจียงหมิง “ ………………” “เอาที่พี่สบายใจเถอะครับ ฮื่ออ…”

เจียงหมิงรู้สึกไม่ค่อยโอเคนัก เมื่อเขาได้รับสายตาแสดงความสงสารจากเพื่อนร่วมทีมทั้งสามคน

เมื่อมอบขนมให้ฉีเชิงแล้ว เขาก็ถอยกลับไปนั่งที่ด้านหลังตามเดิมเขาตั้งใจจะนั่งเงียบๆ แล้วก็ทําตัวเป็นสะสารที่ไร้ตัวตนไปเลย แล้วหลังจากนั้นทั้งรถก็เต็มไปด้วยเสียงเคี้ยวขนมของฉีเชิง กร๊วบกร๊วบแล้วก็กร๊วบ

จากตอนแรกมีแค่ฉีเซิงคนเดียว แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเขาทั้งห้าคนนั่งเคี้ยวขนมกร็วบๆด้วยกันหมดซะอย่างนั้น โชคดีว่าเจียงหมิงเป็นนักกินอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงมีขนมมากพอสําหรับทกศน

พวกเขาเคยเจอฉีเชิงแค่ไม่กี่ครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้แค่เพียงว่าผู้อํานวยการถังเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ และสถานะของเธอในบริษัทนั้นสูงมาก

มีข่าวลือในบริษัทว่าเธอเข้ากันกับคนอื่นได้ค่อนข้างยาก แต่ข่าวลือพวกนั้นคงไม่จริงหรอก ดูสิ ตอนนี้พวกเขาเข้ากันกับเธอได้ดีกว่านักแสดงบางคนด้วยซ้ํา เว้นแต่คําพูดของเธอเท่านั้นแหละที่ดูจะไม่ค่อยน่าฟังสักหน่อยละมั่ง?

ในช่วงเวลาแห่งการแบ่งปันขนมนี้ ทําให้ทั้งสี่คนรู้สึกใกล้ชิดกับฉีเชิงมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

ผู้กํากับหลินเดินเข้ามาสักพักแล้ว ก่อนจะมองไปที่บุคคลทั้งห้าตรงหน้าที่ตอนนี้กําลังนั่งกินขนมอย่างเมามันส์ พลางสลับเล่นเกมส์ในมือถือไปด้วย เหมือนไม่ได้ใส่ใจกับการล่าช้าในครั้งนี้สักเท่าไหร่นัก เขาถึงกับปลื้มปริ่มเป็นอย่างมาก “พวกนักแสดงที่อยู่รถคันอื่นเริ่มเอะอะโวยวายกันแล้ว พวกเขาห้าคนนี้ช่างรู้ความจริงๆ!”

ตอนที่เซี่ยหยวนมาถึงก็เป็นเวลาเกือบๆบ่ายโมงแล้ว อีกทั้งเธอยังพาพวกนักข่าวมาอีก นั่นเลยยิ่งทําให้การเดินทางล่าช้าออกไปอีก กว่าจะได้เริ่มออกเดินทางกันจริงๆก็เกือบจะ 13.00 น. เข้าไปแล้ว ช้ากว่ากําหนดการเดิมไปนานโขเลยที่เดียว

#ราชินีของวงการบันเทิงเซี่ยหยวนเข้าร่วมรายการ Extreme World #

โพสต์นี้กลายเป็นท้อปโพสต์ในเวยป่อไปในทันที

ทีมงานเกือบจะทั้งหมดของรายการนั้นไปรุมดูแลเซี่ยหยวนอยู่แค่คนเดียว ตอนที่ฉีเชิงพาเด็กๆทั้งสี่คนลงมาจากรถ ในตอนนั้นพวกทีมงานก็ไปกระจุกรวมตัวกันอยู่รอบๆเซี่ยหยวนเต็มไปหมดแล้ว ส่วนพวกเธอนะหรอ แทบไม่มีคนมาสนใจเลยน่ะสิ

ฮั่นหลิงมองเห็นแล้วแทบอยากจะร้องไห้ในความไม่ยุติธรรมของพวกทีมงาน “พี่หวัน.. เซี่ยหยวนมาสายตั้งหลายชั่วโมง ทีมงานก็ไม่ว่าเธอสักคํา แถมยังไปรุมเอาใจเธออีก แบบนี้มันรังแกกันเกินไปแล้ว!”

ฟางจินหยูเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคําพูดของฮั่นหลิง ส่วนหยวนซีกับเจียงหมิงมองตากันเงียบๆ แล้วก็ไม่ขอออกความเห็นใดๆกับเรื่องนี้

“จงเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน” ฉีเชิงดื่มนมที่เจียงหมิงส่งให้ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ําเสียงที่ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ “หลังจากนี้ก็พยายามทําตามที่ทีมงานบอก พอเข้าร่วมภารกิจก็ใส่ใจให้มากขึ้น”

 

“ ???? ” พวกเราต้องใส่ใจอะไรบ้าง?

 

ฉีเชิงยิ้มให้พวกเขาแบบทิ้งปริศนาไว้ให้คิด ก่อนจะเริ่มเดินไปที่เชิงเขา

เพื่อเป็นการชดเชยให้กับเซิงที่ต้องรอเซี่ยเหมินเป็นเวลานานผู้กํากับหลินก็เลยบอกภารกิจของวันนี้ให้กับเธอล่วงหน้า

สําหรับการถ่ายทําในวันนี้พวกดาราศิลปินจะต้องปีนเขาขึ้นไป จากเชิงเขาหนานชานไปจนถึงบนยอดเขา ผู้ที่มีนขึ้นไปถึงยอดเขาได้เป็นคนแรกจะได้รับสิทธิพิเศษในการเลือกที่พักและอาหารค่ําที่แสนหรูหรา

ในขณะที่ดาราศิลปินคนอื่นๆ ยังคงรอเซี่ยหยวนอยู่ ฉีเชิงก็ได้เริ่มปีนขึ้นเขาแล้ว ตากล้องเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนเริ่มปีนภูเขาแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเองก็ต้องเริ่มงานของเขาแล้วเหมือนกัน

ผู้กํากับหลินไม่ได้ละเมิดกฏที่บอกเรื่องภารกิจกับเชิง เพราะสิ่งเหล่านี้ได้ถูกเขียนไว้ในคู่มือที่ส่งให้ศิลปินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตราบใดที่พวกเขาให้ความสนใจและอ่านอย่างระมัดระวังก็จะรู้ว่าเมื่อถึงจุดหมายปลายทางนั้นหมายความว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว และคนที่คว้าโอกาสไว้ได้เร็วที่สุดจะได้รับทรัพยากรที่ดีที่สุดไปครอบครอง

แต่ก็อย่างว่า คนส่วนมากมักจะมองข้ามแล้วก็ไม่ค่อยสนใจอ่านคู่มือกัน

“พี่ชายเหนื่อยไหม?” เชิงเดินผ่านกล้องเล็กน้อย ก่อนจะเดินถอยหลังกลับมาแล้วก็ถามตากล้องด้วยรอยยิ้ม

ช่างกล้องไม่ได้รับอนุญาตให้พูดในระหว่างถ่ายทํา ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวเป็นคําตอบ

 

“ไม่เหนื่อยหรอ งั้นดีเลย”

ตากล้องจ้องมองฉีเชิงอย่างสับสนุนงง

“ ถ้างั้นฉันวิ่งเต็มสูบเลยนะ ถ้าคุณตามไม่ทันนั่นไม่ถือว่าเป็นความผิดของฉันนะ เลสโก!”

ตากล้อง “ ” เฮ้ย! ไม่เอาสิ คุณก็เห็นว่ากล้องนี้มันตัวใหญ่แค่ไหน? คุณต้องการ ให้ผมวิ่งตามถ่ายคุณให้ทันด้วยการแบกเจ้าสิ่งนี้ไปทั่วภูเขานี่น่ะ!”

ตากล้องยังไม่ทันที่จะได้คัดค้าน ฉีเชิงก็ออกตัววิ่งไปที่ภูเขาแล้ว ความเร็วของเธอนั้นรวดเร็วมากจนน่าตกตะลึง เร็วจนเหมือนกับจะบินหายไปจากสายตาแล้ว

ฮื่อ… พวกเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆไม่ได้โกหกจริงๆด้วย ช่างเป็นศิลปินที่ตั้งใจทํางานอะไรขนาดนี้ ขอย้อนเวลากลับไปใหม่ได้ไหม ผมถ่ายไม่ทันนน….”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 36 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (16)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 36 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (16) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Side Character Transmigrations: The Final Bos… บทที่ 36 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (16)

บทที่ 36 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (16)

แม้ว่าฉีเชิงจะทําเป็นประท้วงและไม่เห็นด้วยในตอนต้น แต่ท้ายที่สุดเธอยอมพา พวก“ดอกตูม” เหล่านั้นมากับเธออยู่ดี

ในทีมมีสมาชิกทั้งหมดสี่คน เป็นผู้หญิงสองคนแล้วก็ผู้ชายสองคน การจัดกลุ่มแบบนี้ไม่ค่อยมีให้พบเห็นบ่อยมากนัก ซึ่งการจัดกลุ่มพวกนี้จะถูกพิจารณาโดยบริษัทต้นสังกัด กว่าจะได้กลุ่มที่ลงตัวแบบนี้บริษัทก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะต้องดูความเหมาะสมในหลายๆด้าน

“เสี่ยวหวันอยู่ที่นี่เอง เอ๊ะ….นั่นพาเด็กใหม่มาด้วยเหรอ?” ผู้กํากับเอ่ยทักทายฉีเซิงอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะหันไปมองพวกเด็กๆที่ยืนอยู่ข้างๆเธอตอนนี้ ด้วยสายตาเปล่งประกายระยิบระยับ

ทั้งสี่คนนี้ไม่ได้หน้าตาดีแบบธรรมดาทั่วไป แต่พวกเขาค่อนข้างที่จะดูดีมากเลยทีเดียว

“อ่า…พาพวกเขามาเปิดตัวน่ะค่ะ” ฉีเชิงพยักหน้าขณะที่แนะนําทั้งสองฝ่ายให้รู้จักกัน “คนนี้คือผู้กํากับหลิน ส่วนนี้ฮั่นหลิง, ฟางจินหยู, หยวนซีแล้วก็เจียงหมิงค่ะ”

“สวัสดีครับ/ค่ะผู้กํากับหลิน” ทั้งสี่คนเอ่ยทักทายเขาอย่างน่ารัก

“เยี่ยมเยี่ยมมาก” ผู้กํากับหลินพยักหน้ารับ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ เขาเพิ่งจะกังวลเรื่องการหาวัยรุ่นหน้าตาน่ารักมาร่วมรายการไปหยกๆ แต่ตอนนี้พวกเขากลับถูกส่งมาถึงประตูบ้านของเขาแล้ว ช่างประจวบเหมาะจริงๆ “เจียงหวันเธอเป็นเทพื้นําโชคของฉัน! เธอช่างเหมือนกับแสงสว่างในค่ําคืนที่มืดมิดของฉันจริงๆ :

โปรแกรมนี้มีชื่อว่า (Extreme World) เป็นการท้าทายความสามารถของผู้เข้าร่วมรายการ โดยภารกิจต่างๆจะถูกกําหนดขึ้นโดยทีมงานของทางรายการ และถึงแม้ว่าภารกิจที่ให้ทําจะไม่ได้ยากมากมายอะไรนัก แต่รับรองได้เลยว่ามันจะภารกิจที่แปลกประหลาดและพิลึกกึกกืออย่างที่ไม่เคยเจอในรายการไหนมาก่อนแน่นอน

ซีซั่นแรกที่ปล่อยออกไปได้รับเสียงตอบรับไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แต่ถึงอย่างนั้นผู้กํากับก็ยังคงกัดฟันทําซีซั่นสองต่อไป โดยในซีซั่นสองนี้พวกเขาได้ทุ่มเงินก้อนโตเชิญเหล่าดารานักแสดงที่มีชื่อเสียงมาเข้าร่วมด้วย ซึ่งนั้นก็ถือว่าได้ผลดีเลยทีเดียว เพราะในช่วงนั้นเรียกได้ว่ารายการดังเป็นพลุแตกเลยทีเดียวและ ณ ตอนนี้เป็นซีซั่นที่สามแล้ว โดยการถ่ายทําจะแบ่งออกเป็นสองตอนต่อสัปดาห์ซึ่งสองตอนแรกถ่ายเสร็จไปเรียบร้อยแล้วครั้งนี้เป็นการถ่ายทําครั้งที่สาม

ในเทปนี้พวกเขาต้องใช้ดาราหนุ่มๆหน้าตาดีสองคนซึ่งทางรายการเองก็ได้ตะเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ก่อนผู้กํากับจะได้รับแจ้งว่านักแสดงชายสองคนนั้นไม่สามารถมาร่วมถ่ายทําด้วยได้แล้ว พลับพลาสิ! มาบอกจ่อซะขนาดนี้ แล้วเขาจะไปหานักแสดงแทนจากที่ไหนได้ทันล่ะเนี่ย?

และถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีเวลามากกว่านี้ แต่นั่นก็ยังเป็นเรื่องยากอยู่ดีที่จะหาคนให้ได้ตรง ตามคาแรคเตอร์ที่วางไว้และแม้ว่าเขาจะใช้เด็กๆที่มากับฉีเชิงแทนได้ แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังต้องปรับเปลี่ยนสคริปต์เล็กน้อยอยู่ดี แต่จะว่าไป..เด็กสาวทั้งสองคนก็น่ารักมากเช่นกันนะ!

“รอบนี้พวกเราจะไปถ่ายทํากันที่หนานซาน และเราจะออกเดินทางกันทันทีเมื่อทุกคนมาครบ” ผู้กํากับยิ้มอย่างอารมณ์ดีเมื่อเขามองไปยังเด็กๆทั้งสี่คนที่ยืนอยู่ด้านหลังฉีเชิง เขาจัดการเรื่องรถให้ฉีเซิงกับเด็กใหม่ทั้งสี่คนเรียบร้อยก่อนจะจากไปทําธุระอย่างอื่นต่อ

“พี่หวัน…พวกเราเคยดูรายการนี้มาก่อนเหมือนว่าการถ่ายทํามันจะค่อนข้างยากเป็นพิเศษเลยใช่ไหมค่ะ?” ฮั่นหลิงผู้ซึ่งกล้าหาญที่สุดในบรรดาทั้งสี่คน เธอนั่งอยู่ติดกับฉีเชิง และเธอก็อาสาเป็นตัวแทนเพื่อนๆเอ่ยปากถาม ก่อนจะนิ่งรอคอยคําตอบอย่างใจจดใจจ่อในขณะที่อีกสามคนที่เหลือก็มองมาที่เธอด้วยความกังวลเช่นกัน

แม้ว่าพวกเขาจะได้รับการฝึกฝนจากทางบริษัทมาเป็นอย่างดี แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่เคยลงสนามจริงสักที เพราะงั้นก็ไม่ได้แปลกอะไรที่จะพวกเขาจะกลัว

“ใช่…ยากพอสมควรเลย” ฉีเชิงพยักหน้ารับ ถ้ารายการมันไม่แปลกแหวกแนว คนมันจะมาดูเร๊อะ?

เพื่อช่วยเจ้าดอกตูมน้อยๆพวกนี้เจ๊ใหญ่คนนี้อุตส่าห์ไปอ่านคู่มือของรายการมาใหม่อีกรอบเลยนะยะ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ได้ช่วยอะไรเลยก็เถอะ แต่ยังไงก็จงสํานึกในบุญคุณอันใหญ่หลวงนี้ไว้ซะ เข้าใจมะ?”

เด็กๆทั้งสี่คนดูเศร้าสร้อยไปในบัดดล เมื่อได้รับการยืนยันจากฉีเชิง “แง…พวกเราคงจะไม่ทําให้บริษัทขายหน้ากันหรอกใช่ไหม?

“พวกเธอจะกังวลกันไปทําไม? พวกเธอแค่ทําภารกิจแค่ไม่กี่ภารกิจเอง ไม่ได้ยากอะไรขนาดนั้นหรอก ทําใจสบายๆ เป็นเด็กเป็นเล็กคิดอะไรเยอะแยะ คนที่ต้องรับงานหนักมันฉันนี่ ฉันยังไม่เห็นจะเครียดเลย”

เด็กทั้งสี่คน “ …” “นี่พี่หวันเขากําลังปลอบใจพวกเราใช่ม่ะ? โอ้ว…อเมซิ่งมาก ฉันไม่

ได้ฝันอยู่ใช่ไหมเนี้ย?”

ทั้งสี่คนไม่กล้าพูดอะไรต่อ ได้แต่นั่งเงียบๆอยู่ในรถอย่างเรียบร้อย อย่างไรก็ตามแม้เวลาจะผ่านไปสักพักใหญ่แล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะออกเดินทางกันสักที

ฉีเชิงนั้นเริ่มจะหมดความอดทนแล้ว เธอเคาะกระจกที่กั้นระหว่างคนขับกับเบาะด้านหลังอย่างแรง ก่อนจะตะโกนตามด้วยความโมโหว่า “ทําไมยังไม่ออกรถอีก? จะจอดรอเอาโล่รึไง? ”

ริมฝีปากคนขับรถกระตุกขึ้นเล็กน้อย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็เอื้อมมือไปหยิบวิทยุสื่อสารมา ขึ้นวอถามทีมงานคนอื่นๆ และเมื่อได้รับคําตอบแล้วเขาก็หันกลับไปตอบนี้เพิ่งที่กําลังนั่งอยู่เบาะด้านหลังว่า “มีคนยังมาไม่ถึงต้องรอก่อนครับ”

“ถ้าจําไม่ผิด…นัดเจอกันสิบโมงไม่ใช่เหรอ?” นี่ฉันก็รีบแหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่เช้าเพื่อมาให้ทัน เวลา แล้วนี้ให้ฉันมานั่งรอคนที่มันมาไม่ตรงเวลานี้นะ บ้าบอ!”

นี่เขาก็นัดเผื่อเวลาเดินทางให้แล้วนะ อีกอย่างจุดนัดพบเบี้ย ทีมงานก็คัดกรองมาอย่างดีแล้วว่าเป็นจุดที่การจราจรไม่ติดขัด เดินทางสะดวกแน่นอน แล้วทําม๊าย…ทําไมมันยังมีคนสาระแนมาช้าอีก? นิงงมากแม่

คนขับเริ่มทําตัวไม่ถูก “เอ่อ…เทพธิดาเซี่ยหยวนเป็นถึงราชินีของวงการ ทีมงานใช้ต้องความพยายามอย่างหนักกว่าจะเชิญเธอมาเข้าร่วมรายการได้ เพราะฉะนั้นถ้าเธอจะมาสายนิดๆหน่อยๆก็ไม่เป็นไรหรอกครับ”

 

“เซี่ยหยวน? ผู้จัดรายการนี้คงอยากจะไฟท์กับเธอสินะ!?

“เสี่ยวหมิง ขนมเธออยู่ไหน? เอาออกมาให้ฉันกินแก้โมโหหน่อยสิ” ฉันทํานายกลัว ฉันรู้ แต่ตอนนี้อารมณ์ไม่ดีอยู่ ทนๆเอาหน่อยละกัน

เจียงหมิงหน้าซีดทําหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “พี่หวัน ไม่เรียกผมว่าเสี่ยวหมิงไม่ได้เหรอครับ?” (TAT)

เสี่ยวหมิงเป็นชื่อที่ถูกใช้บ่อยที่สุดในหนังสือเรียน เรียกได้ว่าเป็นชื่อที่โหลมาก เห็นได้ชัดว่าหน้าตาเขาออกจะเฉลียวฉลาดปานนี้ ทําไมถึงต้องเรียกเขาด้วยชื่อนั้นด้วย?

“โอเค เสี่ยวหมิง”

เจียงหมิง “ ………………” “เอาที่พี่สบายใจเถอะครับ ฮื่ออ…”

เจียงหมิงรู้สึกไม่ค่อยโอเคนัก เมื่อเขาได้รับสายตาแสดงความสงสารจากเพื่อนร่วมทีมทั้งสามคน

เมื่อมอบขนมให้ฉีเชิงแล้ว เขาก็ถอยกลับไปนั่งที่ด้านหลังตามเดิมเขาตั้งใจจะนั่งเงียบๆ แล้วก็ทําตัวเป็นสะสารที่ไร้ตัวตนไปเลย แล้วหลังจากนั้นทั้งรถก็เต็มไปด้วยเสียงเคี้ยวขนมของฉีเชิง กร๊วบกร๊วบแล้วก็กร๊วบ

จากตอนแรกมีแค่ฉีเซิงคนเดียว แต่ตอนนี้กลายเป็นว่าพวกเขาทั้งห้าคนนั่งเคี้ยวขนมกร็วบๆด้วยกันหมดซะอย่างนั้น โชคดีว่าเจียงหมิงเป็นนักกินอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงมีขนมมากพอสําหรับทกศน

พวกเขาเคยเจอฉีเชิงแค่ไม่กี่ครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงรู้แค่เพียงว่าผู้อํานวยการถังเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเธอ และสถานะของเธอในบริษัทนั้นสูงมาก

มีข่าวลือในบริษัทว่าเธอเข้ากันกับคนอื่นได้ค่อนข้างยาก แต่ข่าวลือพวกนั้นคงไม่จริงหรอก ดูสิ ตอนนี้พวกเขาเข้ากันกับเธอได้ดีกว่านักแสดงบางคนด้วยซ้ํา เว้นแต่คําพูดของเธอเท่านั้นแหละที่ดูจะไม่ค่อยน่าฟังสักหน่อยละมั่ง?

ในช่วงเวลาแห่งการแบ่งปันขนมนี้ ทําให้ทั้งสี่คนรู้สึกใกล้ชิดกับฉีเชิงมากขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก

ผู้กํากับหลินเดินเข้ามาสักพักแล้ว ก่อนจะมองไปที่บุคคลทั้งห้าตรงหน้าที่ตอนนี้กําลังนั่งกินขนมอย่างเมามันส์ พลางสลับเล่นเกมส์ในมือถือไปด้วย เหมือนไม่ได้ใส่ใจกับการล่าช้าในครั้งนี้สักเท่าไหร่นัก เขาถึงกับปลื้มปริ่มเป็นอย่างมาก “พวกนักแสดงที่อยู่รถคันอื่นเริ่มเอะอะโวยวายกันแล้ว พวกเขาห้าคนนี้ช่างรู้ความจริงๆ!”

ตอนที่เซี่ยหยวนมาถึงก็เป็นเวลาเกือบๆบ่ายโมงแล้ว อีกทั้งเธอยังพาพวกนักข่าวมาอีก นั่นเลยยิ่งทําให้การเดินทางล่าช้าออกไปอีก กว่าจะได้เริ่มออกเดินทางกันจริงๆก็เกือบจะ 13.00 น. เข้าไปแล้ว ช้ากว่ากําหนดการเดิมไปนานโขเลยที่เดียว

#ราชินีของวงการบันเทิงเซี่ยหยวนเข้าร่วมรายการ Extreme World #

โพสต์นี้กลายเป็นท้อปโพสต์ในเวยป่อไปในทันที

ทีมงานเกือบจะทั้งหมดของรายการนั้นไปรุมดูแลเซี่ยหยวนอยู่แค่คนเดียว ตอนที่ฉีเชิงพาเด็กๆทั้งสี่คนลงมาจากรถ ในตอนนั้นพวกทีมงานก็ไปกระจุกรวมตัวกันอยู่รอบๆเซี่ยหยวนเต็มไปหมดแล้ว ส่วนพวกเธอนะหรอ แทบไม่มีคนมาสนใจเลยน่ะสิ

ฮั่นหลิงมองเห็นแล้วแทบอยากจะร้องไห้ในความไม่ยุติธรรมของพวกทีมงาน “พี่หวัน.. เซี่ยหยวนมาสายตั้งหลายชั่วโมง ทีมงานก็ไม่ว่าเธอสักคํา แถมยังไปรุมเอาใจเธออีก แบบนี้มันรังแกกันเกินไปแล้ว!”

ฟางจินหยูเองก็พยักหน้าเห็นด้วยกับคําพูดของฮั่นหลิง ส่วนหยวนซีกับเจียงหมิงมองตากันเงียบๆ แล้วก็ไม่ขอออกความเห็นใดๆกับเรื่องนี้

“จงเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน” ฉีเชิงดื่มนมที่เจียงหมิงส่งให้ ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ําเสียงที่ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ “หลังจากนี้ก็พยายามทําตามที่ทีมงานบอก พอเข้าร่วมภารกิจก็ใส่ใจให้มากขึ้น”

 

“ ???? ” พวกเราต้องใส่ใจอะไรบ้าง?

 

ฉีเชิงยิ้มให้พวกเขาแบบทิ้งปริศนาไว้ให้คิด ก่อนจะเริ่มเดินไปที่เชิงเขา

เพื่อเป็นการชดเชยให้กับเซิงที่ต้องรอเซี่ยเหมินเป็นเวลานานผู้กํากับหลินก็เลยบอกภารกิจของวันนี้ให้กับเธอล่วงหน้า

สําหรับการถ่ายทําในวันนี้พวกดาราศิลปินจะต้องปีนเขาขึ้นไป จากเชิงเขาหนานชานไปจนถึงบนยอดเขา ผู้ที่มีนขึ้นไปถึงยอดเขาได้เป็นคนแรกจะได้รับสิทธิพิเศษในการเลือกที่พักและอาหารค่ําที่แสนหรูหรา

ในขณะที่ดาราศิลปินคนอื่นๆ ยังคงรอเซี่ยหยวนอยู่ ฉีเชิงก็ได้เริ่มปีนขึ้นเขาแล้ว ตากล้องเมื่อเห็นว่ามีใครบางคนเริ่มปีนภูเขาแล้ว เพราะฉะนั้นเขาเองก็ต้องเริ่มงานของเขาแล้วเหมือนกัน

ผู้กํากับหลินไม่ได้ละเมิดกฏที่บอกเรื่องภารกิจกับเชิง เพราะสิ่งเหล่านี้ได้ถูกเขียนไว้ในคู่มือที่ส่งให้ศิลปินตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ตราบใดที่พวกเขาให้ความสนใจและอ่านอย่างระมัดระวังก็จะรู้ว่าเมื่อถึงจุดหมายปลายทางนั้นหมายความว่าการแข่งขันได้เริ่มขึ้นแล้ว และคนที่คว้าโอกาสไว้ได้เร็วที่สุดจะได้รับทรัพยากรที่ดีที่สุดไปครอบครอง

แต่ก็อย่างว่า คนส่วนมากมักจะมองข้ามแล้วก็ไม่ค่อยสนใจอ่านคู่มือกัน

“พี่ชายเหนื่อยไหม?” เชิงเดินผ่านกล้องเล็กน้อย ก่อนจะเดินถอยหลังกลับมาแล้วก็ถามตากล้องด้วยรอยยิ้ม

ช่างกล้องไม่ได้รับอนุญาตให้พูดในระหว่างถ่ายทํา ดังนั้นเขาจึงส่ายหัวเป็นคําตอบ

 

“ไม่เหนื่อยหรอ งั้นดีเลย”

ตากล้องจ้องมองฉีเชิงอย่างสับสนุนงง

“ ถ้างั้นฉันวิ่งเต็มสูบเลยนะ ถ้าคุณตามไม่ทันนั่นไม่ถือว่าเป็นความผิดของฉันนะ เลสโก!”

ตากล้อง “ ” เฮ้ย! ไม่เอาสิ คุณก็เห็นว่ากล้องนี้มันตัวใหญ่แค่ไหน? คุณต้องการ ให้ผมวิ่งตามถ่ายคุณให้ทันด้วยการแบกเจ้าสิ่งนี้ไปทั่วภูเขานี่น่ะ!”

ตากล้องยังไม่ทันที่จะได้คัดค้าน ฉีเชิงก็ออกตัววิ่งไปที่ภูเขาแล้ว ความเร็วของเธอนั้นรวดเร็วมากจนน่าตกตะลึง เร็วจนเหมือนกับจะบินหายไปจากสายตาแล้ว

ฮื่อ… พวกเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆไม่ได้โกหกจริงๆด้วย ช่างเป็นศิลปินที่ตั้งใจทํางานอะไรขนาดนี้ ขอย้อนเวลากลับไปใหม่ได้ไหม ผมถ่ายไม่ทันนน….”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+