Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 32 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (12)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 32 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (12) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Side Character Transmigrations: The Final B… บทที่ 32 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (12)

บทที่ 32 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (12)

หลังจากงานเลี้ยงคืนนั้น ทางฝั่งของลู่ชิงหยุนก็ไม่มีความเคลื่อนไหวหรือข่าวคราวใดๆเลย ซึ่งตรงกันข้ามกับทางฝั่งของซีโม่ที่ตอนนี้เริ่มก่อปัญหาให้เธอแล้ว ถังหยินผู้ซึ่งไม่รู้อะไรเลยว่านี่เพิ่งไปก่อเรื่องไว้ เลยได้แต่งุนงงกับท่าที่ของบริษัทที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจากที่เคยให้การสนับสนุนเต็มที่ ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าอะไรๆก็ติดขัดไปหมด

 

จนในที่สุดเขาก็ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคืนนั้นจากปากของฉีเซิง พอรู้แล้วเขาก็แทบอยากจะขุดหลุมลึกสักสิบเมตร แล้วมุดลงไปนั่งร้องไห้จริงๆ ข่าวลือฉาวโฉ่แค่ไหนไม่เป็นไรเขาบ่ยั่น เรื่องจิ้บๆแค่นั้นเขาก็จัดการให้ได้ แต่เนี้ย…เธอดันไปงัดข้อกับซีอีโอบริษัทเนี้ยนะ ผมล่ะอยากจะรู้จริงๆเธอไม่อยากจะอยู่ในวงการต่อแล้วใช่ไหม! งานนี้ไม่ต้องผุดต้องเกิดกันแล้ว!

ถังหยินมองดูฉีเชิงที่ยังคงดูชิวๆ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลย ก่อนริมฝีปากของเขาจะกระตุกขึ้นเล็กน้อย “คุณจะโดนเขาฝังกลบลงหลุมอยู่แล้ว ยังจะมาใจเย็นอยู่อีก! ”

“แล้วตอนนี้คุณมีแผนจะทําอะไรต่อ?” เธอยังมีสัญญาเหลือกับตงฟาง เอนเตอร์เทรนเม้นท์อยู่อีกประมาณสองปีครึ่งได้

ถ้าตงฟาง เอนเตอร์เทรนเมนท์ไม่ยอมป้อนงานให้พวกเขาล่ะ ซึ่งข้อนี้ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงอยู่ ก็เธอดันไปก่อเรื่องใหญ่ซะขนาดนั้นนิ หรือถ้าออกไปหารับงานเองใครที่ไหนมันจะกล้าจ้าง เพราะถ้าขึ้นพวกเขาจ้างก็คงได้เป็นปฏิปักษ์กับตงฟาง เอนเตอร์เทรนเมนท์กันพอดี คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงแน่ๆ

” พวกเราก็แค่รอ”

“รอ?” “เพื่ออะไร?! คุณจะรอให้ตัวเองเป็นคุณยายแก่ๆก่อนเหรอ อย่าลืมนะว่า คุณไม่ได้จะสวยเป็นดาวค้างฟ้าไปตลอดกาลนะ”

เพราะสิ่งสําคัญที่สุดของวงการนี้คือช่วงวัยหนุ่มสาวที่ยังสดใหม่ และหน้าตาสะสวย แล้วถ้าเกิดว่าถูกบริษัทฝังลืมสักสองถึงสามปี จริงๆการจะกลับมายืนในวงการนี้อีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่ ฉีเซิงฉีกยิ้มจนตาโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ก่อนจะตอบถังหยินด้วยน้ําเสียงเชื่อมั่น “ใช่ พวกเราต้องรอ”

 

ถังหยินได้แต่ตีอกชกลมในใจคนเดียว แน่ใจนะว่า เธอไม่ได้ถูกส่งมาเพื่อทรมานผมจริงๆผมละอยากจะบ้าตาย”

 

ฉีเซิงบอกให้รอ แต่ตัวเองกลับหายหน้าหายตาไปทุกวี่วัน ทิ้งให้ผู้จัดการส่วนตัวอย่างถังหยินนั่งเฉาตายเพราะความเบื่อหน่ายอย่างเดียวดาย

 

หนึ่งเดือนต่อมาฉีเซ็งแวะไปที่บริษัทหลังจากที่ไม่ได้เข้าไปเสียนาน และเมื่อเธอก้าวเข้าบริษัทก็ได้ยินเสียงพนักงานบางคนกําลังซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเรื่องของถังหยินอย่างออกรสออกชาติ ขณะเดียวกันระหว่างที่เดินเธอก็พยายามเก็บรวบรวมข้อมูลสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่เธอไม่อยู่ไปด้วย

 

“จจิจดูเหมือนว่าช่วงที่ฉันไม่อยู่ ถังหยินเองก็คงจะงานเข้าไม่น้อยเลยนะเนี้ย

 

“ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าถังหยินจะเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลถัง เขาดูไม่เหมือนคนตระกูลถังเลย…”

 

“ตระกูลถังไหนหรอ?”

 

“ก็ตระกูลถังตระกูลนั้นแหล่ะ จะเป็นยังไหนได้อีก”

“ถ้าเธออยากรู้มากกว่านี้ ก็เข้าไปฟังข้างในสิ? จะได้ความอะไรถ้าจะมายืนแอบฟังอยู่ข้างนอกอย่างนี้ ?”

” เธอจะบ้าหรอ? ลูกสาวคนโตของตระกูลถังยังอยู่ข้างในอยู่เลย…” คนที่ตอบกลับหันหลังกลับมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เธอจะเห็นว่าเป็นใครที่กําลังยืนอยู่ข้างหลังพวกเธอ เมื่อเห็นว่าเป็นฉีเชิงเธอถึงกลับเบิกตาโพลง ตัวแข็งที่อ ก่อนเธอจะค่อยๆยี่นมือไปดึงเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกคนให้เดินหลีกออกมา ฉีเซิงฉีกยิ้มชั่วร้ายให้พวกเขาที่หนึ่งก่อนจะเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้อง

 

“ทํามาเป็นปากดี ยัยนั้นคิดว่าตัวเองเป็นใคร ก็แค่ดารากระจอกๆที่กําลังจะถูกบริษัทฝังลืม ขนาดตอนนี้ผู้จัดการส่วนตัวก็ยังจะเอาตัวเองไม่รอด ยังคิดว่าตัวเองจะกลับมายืนในวงการนี้ได้อีกหรอ ยังจะกล้ามาเดินชูคออยู่อีก น่าขําจริงๆ”

 

“ ไปกันเถอะ เดี๋ยวใครเข้ามาเห็นเข้า พวกเราจะซวย”

 

ขณะที่นี่เพิ่งเดินเข้ามาถึงในห้อง เธอก็ถึงกลับสะดุ้งเมื่อได้ยิน เสียงแหลมเล็กสูงปรี้ดที่โครตจะแสบแก้วหูของผู้หญิงคนหนึ่ง “ถังหยิน อย่าได้คิดแม้แต่จะกลับไปเหยียบที่ตระกูลถังอีก! ตระกูลถังไม่มีวันยอมรับนาย เพราะฉะนั้นไสหัวไปซะ!”

“เสียงนั้นดูคุ้นเคยเล็กน้อยเหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน” ฉีเพิ่งหันไปมองที่ต้นกําเนิดของเสียง

ถังหยินนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทํางานของเขา ในขณะที่ฝั่งตรงข้าม คือผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่แต่งกายด้วยชุดแบรนด์เนมดูไฮโซคนนึง

 

“อ้าว พี่ถึงคุณกําลังประชุมอยู่หรอ? หรือว่างานรวมญาติ?”

เมื่อถึงหยินได้ยินเสียงของฉีเซิง เขาจึงเงยหน้าอันสั่นเทาขึ้นมา “ทําไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่? ช่วงที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาเธออย่างหนักแต่ก็ไม่เจอแม้เงา เหมือนกับว่าจู่ๆเธอก็หายไปจากโลกนี้ซะงั้น แล้วนี่อะไร ทําไมเธอถึงมาโผล่ที่นี่ได้?”

“เจียงหวัน เธอไม่มีมารยาทหรือไง? เธอไม่รู้หรอว่าควรจะเคา ะประตูก่อนเข้ามา?” ผู้หญิงคนนั้นหันหลังกลับมาและเริ่มเปิดฉากด่าฉีเชิงทันที ว่าแล้วเชียวทําไมคุ้นๆ เป็นยัยผู้หญิงคนที่เธอเจอตอนไปออดิชั่นนี้เอง: ถังหยวน

 

“ นี่มันห้องทํางานผู้จัดการส่วนตัวฉัน ฉันจะเคาะหรือไม่เคาะมีมารยาทหรือไม่มีมารยาท มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอว่า แต่ฉันควรจะทํายังไงกับเธอดีนะ? ” ฉีเชิงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ในนัยน์ตากลับนิ่งสงบก่อนจะมองไปที่ถังหยวน “ถังหยวน แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาตะโกนใส่หน้าผู้จัดการของฉัน?”

 

“มันก็แค่ไอ้ขี้ครอก เป็นแค่ลูกนอกสมรสของตระกูลถัง ยังกล้ามาเทียบรัศมีกับฉัน นี่ฉันลดตัวลงมาพูดด้วยก็นับว่าเป็นบุญวาสนาของมันเท่าไหร่แล้ว!” ถังหยวนพูดด้วยน้ําเสียงดูถูกเหยียดหยาม

ถังหยินกํามือแน่น และสายตาที่ส่องผ่านแว่นออกมาช่างเยือกเย็น เขาเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าหากเลือกเกิดได้ใครมันจะอยากเป็นลูกนอกสมรสให้คนอื่นมาดูถูกดูแคลนกัน

“เจียงหวัน ลําพังตัวเธอเองก็ยังจะเอาตัวไม่รอด นี่ยังจะกล้ามาสาระแนเรื่องของคนอื่นอีกหรอ?” ถังหยวนพูดพลางยิ้มเยาะอย่างหยิ่งยโส

 

“เสี่ยวหวัน” ก่อนถังหยินจะพูดขึ้นมาบ้าง ตอนนี้สถานการณ์ของเธอเองก็ไม่สู้ดีนัก เขาไม่อยากให้เธอต้องมามีปัญหากับถังหยวนเพิ่มเพราะเรื่องของเขาอีก….

 

ฉีเชิงขัดจังหวะถังหยินด้วยการฉีกยิ้มจนตาเป็นสระอิ “ใช่..ฉันอยากยุ่งแล้วจะทําไม เธอก็รู้นิว่าช่วงนี้ฉันว่างจัด!”

 

ถังหยวนมองฉีเซิงด้วยสายตาที่ราวกับว่ากําลังมองคนโง่ “ยัยนี่ ไม่เต็มบาทรีไง? เธอไม่เชื่อหรอกว่าหล่อนจะไม่ทราบถึงภูมิหลังของเธอ แล้วนี่ยังจะใจกล้ามายืนเถียงฉอดๆอีก หรือว่าหล่อนไม่อยากจะมีที่ยืนในวงการอีกต่อไปแล้วหะ!?”

“ถังหยวน เธอคงไม่ได้คิดจะฆาตกรรมฉันทางสายตาหรอกนะ แต่โทษทีนะ พอดีฉันไม่ชอบให้คนหน้าตาไม่ดีมาจ้องอ่ะ มันรู้สึกคันคะเยอเหมือนผื่นจะขึ้นยังไงก็ไม่รู้”

 

มาจ้องหน้าฉันทําไมยะ? ฉันรู้ว่าฉันสวยแต่ไม่ต้องมาจ้องมาก โอเค๊?”

 

“เธอ” ถังหยวนกดเสียงต่ํา อีกทั้งใบหน้ายังเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ ก่อนจะชี้หน้าฉีเชิงเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ไม่สามารถพูดได้ “หน้าตาไม่ดี? นี่หล่อนหลอกด่าว่าเธอว่าขี้เหร่หรอ?”

 

ถังหยวนไม่เคยพบไม่เคยเจอกับคนที่หน้ามันขนาดนี้มาก่อน เธอรู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งที่เรียนรู้มาตลอด 20 ปีในตระกูลถังนั้นไร้ประโยชน์เมื่อเอามาใช้กับผู้หญิงคนนี้ “อาเธอมันประหลาดคนปกติที่ไหนเขาเป็นแบบนี้กัน!!”

จู่ๆโทรศัพท์มือถือในมือของฉีเซิงก็สั่นขึ้นมาเบาๆเธอเหลือบดูอยู่แวบนึง ก่อนจะฉีกยิ้มแสนหวานให้ถังหยวนรอยยิ้มนั้นเหมือนดั่งสายลมบางเบาในฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนมีนาคมไม่มีผิด แต่ในดวงตาของเธอกลับสงบนิ่งและไร้ซึ่งระลอกคลื่น

“มิสถัง พอดีว่าฉันมีธุระด่วนคงจะอยู่คุยเล่นด้วยไม่ได้แล้วล่ะ” จากนั้นเธอก็พูดต่อไปอีกว่า “แต่ว่าฉันพอจะรู้จักหมอศัลยกรรมเก่งๆอยู่บ้าง เอาเป็นว่าถ้ามิสถังอยากทําล่ะก็ ฉันสามารถช่วยแนะนําให้ได้นะ”

“เธอสขี้เหร่! บ้านเธอสขี้เหร่กันทั้งบ้าน!! ฉันขี้เหร่ตรงไหนยะ! ยัยปีศาจหน้าตาย!”

ใบหน้าของถังหยวนเริ่มบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ ขณะที่จ้องมองฉีเซิง ขอบตาของเธอเริ่มแดงเล็กน้อย เส้นเลือดในตาก็เริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน แต่เดิมเธอก็เป็นคนสวยอ่ะนะ แต่ตอนนี้เธอก็เริ่มจะขี้เหร่ขึ้นมาหน่อยๆแล้วล่ะเธอว่า

 

“ พี่ถึงยังไม่ลุกอีกคุณต้องให้ฉันทําทิ้งมาอัญเชิญคุณก่อนหรอ?” ฉีเชิงจ้องไปที่ถังหยิน

ถังหยินเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้น และเดินตามฉีเพิ่งออกไปทันที เมื่อออกมาพ้นห้องทํางานของถังหยินแล้วฉีเซิงก็พาเขาเดินต่อขึ้นไปชั้นบน ระหว่างที่เดินก็เจอแต่คนกําลังซุบซิบนินทาอย่างออกรสเต็มไปหมด บ้างก็แค่พูดบ้างก็ทั้งชี้นิ้วมาที่พวกเธอ หลังของถังหยินนั้นเกร็งมากอาจจะเพราะเขากําลังพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้ไประเบิดความโกรธใส่คนพวกนั้น

 

ฉีเชิงมองดูตัวเลขบนจอแสดงหมายเลขชั้นของลิฟต์ ที่ตอนนี้กําลังอยู่ที่เลข 30 เธอหันหน้าไปหาถังหยินก่อนจะพูด“ถังหยิน คุณอย่าไปให้ค่าคนพวกนั้น แล้วก็อย่าให้เขามามีผลกับชีวิตคุณ คุณต้องมองไปข้างหน้า และขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุดให้ได้ ถ้าวันนั้นมาถึง พวกเขาก็จะแค่คนที่อยู่เบื้องล่างของคุณเท่านั้น คุณจะพลิกกลับมาเป็นคนคุมเกมทั้งหมด จําเอาไว้นะ”

ตัวเลขเปลี่ยนเป็น “32” ก่อนจะมีเสียงดัง อึ้ง! เมื่อประตูลิฟต์ เปิดออก

ถังหยินมองร่างสะโอดสะองของผู้หญิงตรงหน้า ในแววตาที่มองผ่านแว่นของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจได้ในทันทีในสิ่งที่เธอพยายามจะบอก ไม่รู้ทําไมเขาถึงรู้สึกเห็นด้วยกับคําพูดของเธอ เธอในตอนนี้ดูมั่นใจมาก เหมือนกับว่าไม่มีสิ่งไหนในโลกนี้ที่เธอทําไม่ได้

 

ตัดภาพไปที่ออฟฟิศของซิโม่ เซี่ยเหมินและผู้ชายสวมสูทดําอีกสองสามคนกําลังยืนเผชิญหน้ากับซิโม่ ใบหน้าของเซี่ยเหมินดูสงบนิ่ง ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าภายใต้ใบหน้านั้นกําลังคิดอะไรอยู่

ประตูออฟฟิศถูกเปิดออกก่อนจะมีหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาเธอสวมชุดออกกําลังกายธรรมดาๆกับรองเท้าผ้าใบคู่หนึ่ง แต่นั้นกลับไม่ได้ทําให้เธอดูโดดเด่นน้อยลงเลย ราวกับว่าบนตัวเธอมีออร่าพิเศษที่ทําให้ผู้คนไม่สามารถจะเพิกเฉยหรือละความสนใจจากเธอได้

เห็นได้ชัดว่าชุดที่เธอสวมนั้นแสนจะเรียบง่ายและธรรมดา แต่ในสายตาของคนอื่นเห็นราวกับว่า ตอนนี้เธอกําลังเยื้องย่างอยู่บนพรมแดงซะอย่างงั้น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke 32 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (12)

Now you are reading Side Character Transmigrations: The Final Boss is No Joke Chapter 32 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (12) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Side Character Transmigrations: The Final B… บทที่ 32 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก.. ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (12)

บทที่ 32 คุณผู้อุปถัมภ์ที่รัก ได้โปรดรับเลี้ยงดูฉันหน่อย (12)

หลังจากงานเลี้ยงคืนนั้น ทางฝั่งของลู่ชิงหยุนก็ไม่มีความเคลื่อนไหวหรือข่าวคราวใดๆเลย ซึ่งตรงกันข้ามกับทางฝั่งของซีโม่ที่ตอนนี้เริ่มก่อปัญหาให้เธอแล้ว ถังหยินผู้ซึ่งไม่รู้อะไรเลยว่านี่เพิ่งไปก่อเรื่องไว้ เลยได้แต่งุนงงกับท่าที่ของบริษัทที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือจากที่เคยให้การสนับสนุนเต็มที่ ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าอะไรๆก็ติดขัดไปหมด

 

จนในที่สุดเขาก็ได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดในคืนนั้นจากปากของฉีเซิง พอรู้แล้วเขาก็แทบอยากจะขุดหลุมลึกสักสิบเมตร แล้วมุดลงไปนั่งร้องไห้จริงๆ ข่าวลือฉาวโฉ่แค่ไหนไม่เป็นไรเขาบ่ยั่น เรื่องจิ้บๆแค่นั้นเขาก็จัดการให้ได้ แต่เนี้ย…เธอดันไปงัดข้อกับซีอีโอบริษัทเนี้ยนะ ผมล่ะอยากจะรู้จริงๆเธอไม่อยากจะอยู่ในวงการต่อแล้วใช่ไหม! งานนี้ไม่ต้องผุดต้องเกิดกันแล้ว!

ถังหยินมองดูฉีเชิงที่ยังคงดูชิวๆ ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลย ก่อนริมฝีปากของเขาจะกระตุกขึ้นเล็กน้อย “คุณจะโดนเขาฝังกลบลงหลุมอยู่แล้ว ยังจะมาใจเย็นอยู่อีก! ”

“แล้วตอนนี้คุณมีแผนจะทําอะไรต่อ?” เธอยังมีสัญญาเหลือกับตงฟาง เอนเตอร์เทรนเม้นท์อยู่อีกประมาณสองปีครึ่งได้

ถ้าตงฟาง เอนเตอร์เทรนเมนท์ไม่ยอมป้อนงานให้พวกเขาล่ะ ซึ่งข้อนี้ยิ่งมีความเป็นไปได้สูงอยู่ ก็เธอดันไปก่อเรื่องใหญ่ซะขนาดนั้นนิ หรือถ้าออกไปหารับงานเองใครที่ไหนมันจะกล้าจ้าง เพราะถ้าขึ้นพวกเขาจ้างก็คงได้เป็นปฏิปักษ์กับตงฟาง เอนเตอร์เทรนเมนท์กันพอดี คงไม่มีใครกล้าเสี่ยงแน่ๆ

” พวกเราก็แค่รอ”

“รอ?” “เพื่ออะไร?! คุณจะรอให้ตัวเองเป็นคุณยายแก่ๆก่อนเหรอ อย่าลืมนะว่า คุณไม่ได้จะสวยเป็นดาวค้างฟ้าไปตลอดกาลนะ”

เพราะสิ่งสําคัญที่สุดของวงการนี้คือช่วงวัยหนุ่มสาวที่ยังสดใหม่ และหน้าตาสะสวย แล้วถ้าเกิดว่าถูกบริษัทฝังลืมสักสองถึงสามปี จริงๆการจะกลับมายืนในวงการนี้อีกครั้งไม่ใช่เรื่องง่ายๆแน่ ฉีเซิงฉีกยิ้มจนตาโค้งเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ก่อนจะตอบถังหยินด้วยน้ําเสียงเชื่อมั่น “ใช่ พวกเราต้องรอ”

 

ถังหยินได้แต่ตีอกชกลมในใจคนเดียว แน่ใจนะว่า เธอไม่ได้ถูกส่งมาเพื่อทรมานผมจริงๆผมละอยากจะบ้าตาย”

 

ฉีเซิงบอกให้รอ แต่ตัวเองกลับหายหน้าหายตาไปทุกวี่วัน ทิ้งให้ผู้จัดการส่วนตัวอย่างถังหยินนั่งเฉาตายเพราะความเบื่อหน่ายอย่างเดียวดาย

 

หนึ่งเดือนต่อมาฉีเซ็งแวะไปที่บริษัทหลังจากที่ไม่ได้เข้าไปเสียนาน และเมื่อเธอก้าวเข้าบริษัทก็ได้ยินเสียงพนักงานบางคนกําลังซุบซิบนินทาเกี่ยวกับเรื่องของถังหยินอย่างออกรสออกชาติ ขณะเดียวกันระหว่างที่เดินเธอก็พยายามเก็บรวบรวมข้อมูลสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่เธอไม่อยู่ไปด้วย

 

“จจิจดูเหมือนว่าช่วงที่ฉันไม่อยู่ ถังหยินเองก็คงจะงานเข้าไม่น้อยเลยนะเนี้ย

 

“ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าถังหยินจะเป็นลูกนอกสมรสของตระกูลถัง เขาดูไม่เหมือนคนตระกูลถังเลย…”

 

“ตระกูลถังไหนหรอ?”

 

“ก็ตระกูลถังตระกูลนั้นแหล่ะ จะเป็นยังไหนได้อีก”

“ถ้าเธออยากรู้มากกว่านี้ ก็เข้าไปฟังข้างในสิ? จะได้ความอะไรถ้าจะมายืนแอบฟังอยู่ข้างนอกอย่างนี้ ?”

” เธอจะบ้าหรอ? ลูกสาวคนโตของตระกูลถังยังอยู่ข้างในอยู่เลย…” คนที่ตอบกลับหันหลังกลับมาด้วยความสงสัย ก่อนที่เธอจะเห็นว่าเป็นใครที่กําลังยืนอยู่ข้างหลังพวกเธอ เมื่อเห็นว่าเป็นฉีเชิงเธอถึงกลับเบิกตาโพลง ตัวแข็งที่อ ก่อนเธอจะค่อยๆยี่นมือไปดึงเพื่อนร่วมชะตากรรมอีกคนให้เดินหลีกออกมา ฉีเซิงฉีกยิ้มชั่วร้ายให้พวกเขาที่หนึ่งก่อนจะเปิดประตูและเดินเข้าไปในห้อง

 

“ทํามาเป็นปากดี ยัยนั้นคิดว่าตัวเองเป็นใคร ก็แค่ดารากระจอกๆที่กําลังจะถูกบริษัทฝังลืม ขนาดตอนนี้ผู้จัดการส่วนตัวก็ยังจะเอาตัวเองไม่รอด ยังคิดว่าตัวเองจะกลับมายืนในวงการนี้ได้อีกหรอ ยังจะกล้ามาเดินชูคออยู่อีก น่าขําจริงๆ”

 

“ ไปกันเถอะ เดี๋ยวใครเข้ามาเห็นเข้า พวกเราจะซวย”

 

ขณะที่นี่เพิ่งเดินเข้ามาถึงในห้อง เธอก็ถึงกลับสะดุ้งเมื่อได้ยิน เสียงแหลมเล็กสูงปรี้ดที่โครตจะแสบแก้วหูของผู้หญิงคนหนึ่ง “ถังหยิน อย่าได้คิดแม้แต่จะกลับไปเหยียบที่ตระกูลถังอีก! ตระกูลถังไม่มีวันยอมรับนาย เพราะฉะนั้นไสหัวไปซะ!”

“เสียงนั้นดูคุ้นเคยเล็กน้อยเหมือนจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน” ฉีเพิ่งหันไปมองที่ต้นกําเนิดของเสียง

ถังหยินนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะทํางานของเขา ในขณะที่ฝั่งตรงข้าม คือผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่แต่งกายด้วยชุดแบรนด์เนมดูไฮโซคนนึง

 

“อ้าว พี่ถึงคุณกําลังประชุมอยู่หรอ? หรือว่างานรวมญาติ?”

เมื่อถึงหยินได้ยินเสียงของฉีเซิง เขาจึงเงยหน้าอันสั่นเทาขึ้นมา “ทําไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่? ช่วงที่ผ่านมาเขาพยายามตามหาเธออย่างหนักแต่ก็ไม่เจอแม้เงา เหมือนกับว่าจู่ๆเธอก็หายไปจากโลกนี้ซะงั้น แล้วนี่อะไร ทําไมเธอถึงมาโผล่ที่นี่ได้?”

“เจียงหวัน เธอไม่มีมารยาทหรือไง? เธอไม่รู้หรอว่าควรจะเคา ะประตูก่อนเข้ามา?” ผู้หญิงคนนั้นหันหลังกลับมาและเริ่มเปิดฉากด่าฉีเชิงทันที ว่าแล้วเชียวทําไมคุ้นๆ เป็นยัยผู้หญิงคนที่เธอเจอตอนไปออดิชั่นนี้เอง: ถังหยวน

 

“ นี่มันห้องทํางานผู้จัดการส่วนตัวฉัน ฉันจะเคาะหรือไม่เคาะมีมารยาทหรือไม่มีมารยาท มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอว่า แต่ฉันควรจะทํายังไงกับเธอดีนะ? ” ฉีเชิงพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ในนัยน์ตากลับนิ่งสงบก่อนจะมองไปที่ถังหยวน “ถังหยวน แล้วเธอมีสิทธิ์อะไรมาตะโกนใส่หน้าผู้จัดการของฉัน?”

 

“มันก็แค่ไอ้ขี้ครอก เป็นแค่ลูกนอกสมรสของตระกูลถัง ยังกล้ามาเทียบรัศมีกับฉัน นี่ฉันลดตัวลงมาพูดด้วยก็นับว่าเป็นบุญวาสนาของมันเท่าไหร่แล้ว!” ถังหยวนพูดด้วยน้ําเสียงดูถูกเหยียดหยาม

ถังหยินกํามือแน่น และสายตาที่ส่องผ่านแว่นออกมาช่างเยือกเย็น เขาเลือกเกิดไม่ได้ ถ้าหากเลือกเกิดได้ใครมันจะอยากเป็นลูกนอกสมรสให้คนอื่นมาดูถูกดูแคลนกัน

“เจียงหวัน ลําพังตัวเธอเองก็ยังจะเอาตัวไม่รอด นี่ยังจะกล้ามาสาระแนเรื่องของคนอื่นอีกหรอ?” ถังหยวนพูดพลางยิ้มเยาะอย่างหยิ่งยโส

 

“เสี่ยวหวัน” ก่อนถังหยินจะพูดขึ้นมาบ้าง ตอนนี้สถานการณ์ของเธอเองก็ไม่สู้ดีนัก เขาไม่อยากให้เธอต้องมามีปัญหากับถังหยวนเพิ่มเพราะเรื่องของเขาอีก….

 

ฉีเชิงขัดจังหวะถังหยินด้วยการฉีกยิ้มจนตาเป็นสระอิ “ใช่..ฉันอยากยุ่งแล้วจะทําไม เธอก็รู้นิว่าช่วงนี้ฉันว่างจัด!”

 

ถังหยวนมองฉีเซิงด้วยสายตาที่ราวกับว่ากําลังมองคนโง่ “ยัยนี่ ไม่เต็มบาทรีไง? เธอไม่เชื่อหรอกว่าหล่อนจะไม่ทราบถึงภูมิหลังของเธอ แล้วนี่ยังจะใจกล้ามายืนเถียงฉอดๆอีก หรือว่าหล่อนไม่อยากจะมีที่ยืนในวงการอีกต่อไปแล้วหะ!?”

“ถังหยวน เธอคงไม่ได้คิดจะฆาตกรรมฉันทางสายตาหรอกนะ แต่โทษทีนะ พอดีฉันไม่ชอบให้คนหน้าตาไม่ดีมาจ้องอ่ะ มันรู้สึกคันคะเยอเหมือนผื่นจะขึ้นยังไงก็ไม่รู้”

 

มาจ้องหน้าฉันทําไมยะ? ฉันรู้ว่าฉันสวยแต่ไม่ต้องมาจ้องมาก โอเค๊?”

 

“เธอ” ถังหยวนกดเสียงต่ํา อีกทั้งใบหน้ายังเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำด้วยความโกรธ ก่อนจะชี้หน้าฉีเชิงเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่ไม่สามารถพูดได้ “หน้าตาไม่ดี? นี่หล่อนหลอกด่าว่าเธอว่าขี้เหร่หรอ?”

 

ถังหยวนไม่เคยพบไม่เคยเจอกับคนที่หน้ามันขนาดนี้มาก่อน เธอรู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งที่เรียนรู้มาตลอด 20 ปีในตระกูลถังนั้นไร้ประโยชน์เมื่อเอามาใช้กับผู้หญิงคนนี้ “อาเธอมันประหลาดคนปกติที่ไหนเขาเป็นแบบนี้กัน!!”

จู่ๆโทรศัพท์มือถือในมือของฉีเซิงก็สั่นขึ้นมาเบาๆเธอเหลือบดูอยู่แวบนึง ก่อนจะฉีกยิ้มแสนหวานให้ถังหยวนรอยยิ้มนั้นเหมือนดั่งสายลมบางเบาในฤดูใบไม้ผลิช่วงเดือนมีนาคมไม่มีผิด แต่ในดวงตาของเธอกลับสงบนิ่งและไร้ซึ่งระลอกคลื่น

“มิสถัง พอดีว่าฉันมีธุระด่วนคงจะอยู่คุยเล่นด้วยไม่ได้แล้วล่ะ” จากนั้นเธอก็พูดต่อไปอีกว่า “แต่ว่าฉันพอจะรู้จักหมอศัลยกรรมเก่งๆอยู่บ้าง เอาเป็นว่าถ้ามิสถังอยากทําล่ะก็ ฉันสามารถช่วยแนะนําให้ได้นะ”

“เธอสขี้เหร่! บ้านเธอสขี้เหร่กันทั้งบ้าน!! ฉันขี้เหร่ตรงไหนยะ! ยัยปีศาจหน้าตาย!”

ใบหน้าของถังหยวนเริ่มบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ ขณะที่จ้องมองฉีเซิง ขอบตาของเธอเริ่มแดงเล็กน้อย เส้นเลือดในตาก็เริ่มปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน แต่เดิมเธอก็เป็นคนสวยอ่ะนะ แต่ตอนนี้เธอก็เริ่มจะขี้เหร่ขึ้นมาหน่อยๆแล้วล่ะเธอว่า

 

“ พี่ถึงยังไม่ลุกอีกคุณต้องให้ฉันทําทิ้งมาอัญเชิญคุณก่อนหรอ?” ฉีเชิงจ้องไปที่ถังหยิน

ถังหยินเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะอยู่ที่นี่ต่อแล้ว ดังนั้นเขาจึงลุกขึ้น และเดินตามฉีเพิ่งออกไปทันที เมื่อออกมาพ้นห้องทํางานของถังหยินแล้วฉีเซิงก็พาเขาเดินต่อขึ้นไปชั้นบน ระหว่างที่เดินก็เจอแต่คนกําลังซุบซิบนินทาอย่างออกรสเต็มไปหมด บ้างก็แค่พูดบ้างก็ทั้งชี้นิ้วมาที่พวกเธอ หลังของถังหยินนั้นเกร็งมากอาจจะเพราะเขากําลังพยายามอย่างหนัก เพื่อที่จะควบคุมอารมณ์ของตัวเองไม่ให้ไประเบิดความโกรธใส่คนพวกนั้น

 

ฉีเชิงมองดูตัวเลขบนจอแสดงหมายเลขชั้นของลิฟต์ ที่ตอนนี้กําลังอยู่ที่เลข 30 เธอหันหน้าไปหาถังหยินก่อนจะพูด“ถังหยิน คุณอย่าไปให้ค่าคนพวกนั้น แล้วก็อย่าให้เขามามีผลกับชีวิตคุณ คุณต้องมองไปข้างหน้า และขึ้นไปอยู่ที่จุดสูงสุดให้ได้ ถ้าวันนั้นมาถึง พวกเขาก็จะแค่คนที่อยู่เบื้องล่างของคุณเท่านั้น คุณจะพลิกกลับมาเป็นคนคุมเกมทั้งหมด จําเอาไว้นะ”

ตัวเลขเปลี่ยนเป็น “32” ก่อนจะมีเสียงดัง อึ้ง! เมื่อประตูลิฟต์ เปิดออก

ถังหยินมองร่างสะโอดสะองของผู้หญิงตรงหน้า ในแววตาที่มองผ่านแว่นของเขานั้นเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เขาเข้าใจได้ในทันทีในสิ่งที่เธอพยายามจะบอก ไม่รู้ทําไมเขาถึงรู้สึกเห็นด้วยกับคําพูดของเธอ เธอในตอนนี้ดูมั่นใจมาก เหมือนกับว่าไม่มีสิ่งไหนในโลกนี้ที่เธอทําไม่ได้

 

ตัดภาพไปที่ออฟฟิศของซิโม่ เซี่ยเหมินและผู้ชายสวมสูทดําอีกสองสามคนกําลังยืนเผชิญหน้ากับซิโม่ ใบหน้าของเซี่ยเหมินดูสงบนิ่ง ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าภายใต้ใบหน้านั้นกําลังคิดอะไรอยู่

ประตูออฟฟิศถูกเปิดออกก่อนจะมีหญิงสาวแสนสวยคนหนึ่งเดินเข้ามาเธอสวมชุดออกกําลังกายธรรมดาๆกับรองเท้าผ้าใบคู่หนึ่ง แต่นั้นกลับไม่ได้ทําให้เธอดูโดดเด่นน้อยลงเลย ราวกับว่าบนตัวเธอมีออร่าพิเศษที่ทําให้ผู้คนไม่สามารถจะเพิกเฉยหรือละความสนใจจากเธอได้

เห็นได้ชัดว่าชุดที่เธอสวมนั้นแสนจะเรียบง่ายและธรรมดา แต่ในสายตาของคนอื่นเห็นราวกับว่า ตอนนี้เธอกําลังเยื้องย่างอยู่บนพรมแดงซะอย่างงั้น

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+