ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ 107 ไร้สาระจริงๆ

Now you are reading ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ Chapter 107 ไร้สาระจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เก๋อหงหงตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าทำไมสร้อยของฉู่เสี่ยวเสี่ยวถึงอยู่ในห้องเธอ?

แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เก๋อหงหงชัดเจนอยู่ในใจ นั่นคือเธอจะต้องห้ามยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขโมยสร้อยไปเด็ดขาด มิฉะนั้นเธอไม่เพียงแต่จะถูกจับเข้าคุก แต่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะสงสัยด้วยว่าเธอขโมยสร้อยไปจริงๆ และจะต้องโดนลงโทษอย่างน่าสังเวชแน่ๆ

“ไม่ใช่! สร้อยนี้ไม่ควรอยู่ในห้องฉัน!” เก๋อหงหงขมวดคิ้วและโต้กลับเสียงดัง “ทั้งๆที่ฉันใส่สร้อยนี้ลงไปในกระเป๋าเป้เฉิงเสี่ยวเถียนแล้ว!”

ไอ่โง่!

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกัดฟันแน่นพร้อมกับด่าในใจยกใหญ่ จากนั้นก็ขมวดคิ้วและยืนขึ้นพูดอย่างเสียงดัง: “ไอ่โง่! เธอรู้ไหมว่ากำลังพูดบ้าอะไรอยู่?”

“ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระหรอกมั้ง เมื่อกี้ตอนที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหาสร้อยเพชร เธอยังชี้ไปที่เสี่ยวเถียนแล้วบอกว่าเสี่ยวเถียนเป็นคนขโมยสร้อยเพชรไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยอันหรานถามอย่างเย็นชา “ฉันสงสัยมาตลอดว่าคุณฉู่รู้ได้ยังไงว่าเฉิงเสี่ยวเถียนเป็นคนขโมยสร้อยไป แถมยังมุ่งเป้าไปที่เฉิงเสี่ยวเถียนด้วย อีกอย่างถ้าฉันทำของหายจริงๆ ก็ต้องเริ่มหาจากคนรอบข้างตัวเองก่อนสิ ทำไมคุณฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่เริ่มตรวจสอบจากคนรอบข้างอย่างเลขาของตัวเอง มาสงสัยก่อนเลยว่าคนในทีมงานเป็นคนขโมยไป เห็นๆกันอยู่ว่าเลขาของเธออยู่ใกล้เธอมากที่สุดและลงมือง่ายที่สุด คุณฉู่คิดว่าเราทุกคนเหมือนขโมยงั้นเหรอ?”

สิ่งที่เซี่ยอันหรานพูดก็เป็นสิ่งที่คนอื่นๆในทีมอยากพูดออกมา แต่พวกเขากลัวคนที่อยู่เบื้องหลังฉู่เสี่ยวเสี่ยวเลยไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ

ตั้งแต่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวตามติดเซียวเทียนหลี ก็ไม่เคยมีใครตำหนิและประชดประชันเธออีกเลย พอตอนนี้เธอได้ยินเซี่ยอันหรานตามถามเธอ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจึงรีบชี้ไปที่เซี่ยอันหรานและพูดด้วยความโกรธว่า: “เธอมีของดีอะไรบ้าง? ฉันบอกว่าเลขาของเธอเป็นคนขโมย เพราะมีเจ้านายแย่ๆเลยมีทาสแย่ๆตามไง! มีนักแสดงแบบเธอ ก็ต้องมีเลขาที่เป็นขโมยนะสิ”

เซี่ยหันหรานพูดอย่างเยาะเย้ย: "เจ้านาย? ทาส? ตอนนี้อยู่ยุคโบรานหรือไง?เลขาก็เป็นคน! เป็นพลเมืองในประเทศที่มีความเท่าเทียมเหมือนกับเธอ เธอมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่านักแสดงคือเจ้านายและเลขาเป็นทาส? ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเธอคิดว่าตอนนี้เธอมีอำนาจมากเลยจะเหยียบหัวใครก็ได้งั้นเหรอ?”

ทันทีที่เซี่ยอันหรานพูดจบล็อบบี้ก็เงียบลง คำพูดของฉู่เสี่ยวเสี่ยว ทำให้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่พอใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง เลขา หรือแม้แต่พนักงานคนอื่นๆ ต่างก็เกียจคำพูดที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดว่า "เจ้านาย" และ "ทาส"

เดิมทีผู้กำกับจินกะจะเกลี้ยกล่อมเซี่ยอันหรานและฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ให้ทะเลาะกัน แต่เมื่อได้ยินฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดเช่นนี้จึงเงียบลง ในใจฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าการเป็นนักแสดงก็คือการเป็นเจ้านายและเลขาก็ต้องเป็นทาส แล้วผู้กำกับจินที่โดนฉู่เสี่ยวเสี่ยวใช้ไปใช้มา นับว่าอะไรล่ะ? ถ้างั้นในใจฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็คิดว่าเขาเป็นทาสเหมือนกันงั้นเหรอ?

และทีมงานที่มักจะโดนฉู่เสี่ยวเสี่ยวเรียกใช้งาน ต่างก็โกรธอย่างมาก ทุกคนต่างก็พึ่งความสามารถของตัวเองในการหาเลี้ยงชีพ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ลงนามขายตัวเป็นทาสสักหน่อย ทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นทาสได้ล่ะ?

ตอนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยังไม่ดังก็เป็นแบบนี้แล้ว รอให้เธอดังขึ้นมาคงเป็นเทพธิดาของการเอาแต่ใจเลยละมั้ง? ทั้งๆที่เลขาของฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นคนขโมยสร้อย เธอไม่ตรวจสอบคนรอบข้างดูก่อน ทำให้ดึกป่านี้ทีมงานทั้งหมดไม่ได้พักผ่อนและถูกยึกยักไปมา นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? นี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งโดยใช้อำนาจคนอื่นหรอกเหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้นปกติฉู่เสี่ยวเสี่ยวมักใช้ชีวิตอย่างยโสโอหัง ไม่ว่ากับใครก็ดูถูกไปหมด ทีมงานยังพูดคุยกันว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวคนนี้ทำอย่างกับตัวเองเป็นราชินีและปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนเป็นคนรับใช้ ไม่นึกเลยว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะคิดแบบนั้นจริงๆ!

ทุกคนต่างก็รู้สึกไม่สบายใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทำให้บรรยากาศทั้งหมดดูหนักอึ้ง

ตลอดเวลาที่ผ่านมาในใจฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าตราบใดที่ใครมีอำนาจมากกว่าเธอ มีศักยภาพมากกว่าเธอและร่ำรวยมากกว่าเธอ มันถึงจะคู่ควรกับการเอาใจและทำความรู้จักด้วย และบรรดาผู้คนที่ไม่มีอำนาจและไม่มีศักยภาพเหล่านี้ต่างก็เตรียมตัวถูกเธอเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าได้เลย

ตอนอยู่ในครอบครัวตระกูลเซี่ย ฉู่เสี่ยวเสี่ยวประจบประแจงแค่เพียงคู่สามีภรรยาเซี่ยซื่อ เซี่ยอันหรานและเซี่ยหมิงเซวียน เธอปฏิบัติต่อคนรับใช้ของครอบครัวตระกูลเซี่ยแย่มากๆ

ตอนนี้ก็เหมือนเดิม ในทีมทั้งหมดมีเพียงเซี่ยอันหรานที่มีอำนาจของโม่เซ่าเหยียนอยู่เบื้องหลัง เลยทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนคนอื่นๆในสายตาฉู่เสี่ยวเสี่ยว ล้วนเป็นทาสที่ถูกเธอเหยียบย่ำไว้ใต้ฝ่าเท้าทั้งนั้น

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเงยหน้าขึ้นโดยที่ไม่สนใจคนอื่นๆ เธอจ้องไปที่เซี่ยอันหรานพร้อมกับขมวดคิ้ว: "อันหราน เธอจะเป็นศัตรูกับฉันแล้วงั้นเหรอ!"

เซี่ยอันหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า "เราก็เป็นศัตรูกันมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ฉู่เสี่ยวเสี่ยวตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นแต่อย่าลืมสิว่าฐานะเดิมเธอเป็นยังไง? เธอเคยทำเรื่องอะไรไว้บ้าง? เธอไม่สมควรมาเอาแต่ใจแบบนี้ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเลขา ช่างแต่งหน้า ช่างภาพ หรือดีไซเนอร์ ทุกคนต่างก็ขาวสะอาดกว่าเธอและสูงส่งกว่าเธอ!”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวถูกเซี่ยอันหรานฉีกหน้าในที่สาธารณะ แม้ว่าในที่เกิดเหตุจะมีเพียงฉู่เสี่ยวเสี่ยวกับจางหมิ่นเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เซี่ยอันหรานและฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นศัตรูกัน แต่คนอื่นๆก็มีสัญชาตญาณของการเป็นทีมงานปะปนอยู่และรู้นานแล้วว่าเซี่ยอันหรานกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ถูกกัน ดังนั้นทุกคนจึงไม่แปลกใจ

แต่สิ่งที่ทำให้คนเหล่านี้แปลกใจคือ เซี่ยอันหรานโต้เถียงกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวเรื่องที่เธอดูถูกเลขา แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกโล่งใจแต่ก็รู้สึกอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเซี่ยอันหรานขึ้นมา

อำนาจที่อยู่เบื้องหลังฉู่เสี่ยวเสี่ยวแม้แต่ผู้กำกับจินยังรู้สึกกลัวบ้าง ตอนนี้เซี่ยอันหรานทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขุ่นเคืองมากขนาดนี้ แล้วเธอไม่กลัวเลยงั้นเหรอ? หรือเบื้องหลังเซี่ยอันหรานเองก็เป็นคนที่มีอำนาจเหมือนกัน? แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่มีคนอยู่เบื้องหลังเซี่ยอันหรานจะมาถ่ายรายการเรียลลิตี้กับหมิงเยี่ยนเฟยอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?

จริงๆเซี่ยอันหรานเองก็กลัวอำนาจที่อยู่เบื้องหลังฉู่เสี่ยวเสี่ยว มันยิ่งใหญ่มากจนเธอไม่สามารถต้านทานไว้ได้ เพราะเธอเคยอยู่กับชายคนหนึ่งที่มีอำนาจแข็งแกร่งอย่างโม่เซ่าเหยียนมาก่อน เซี่ยอันหรานจึงเข้าใจดี ดังนั้นยิ่งต้องลองสำรวจดู ยังไงซะตามนิสัยของฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอต้องจัดการเซี่ยอันหรานแน่นอน แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะถอยกลับมาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวหรือแม้แต่ยอมคุกเข่าเพื่อร้องขอฉู่เสี่ยวเสี่ยว ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ไม่มีทางเปลี่ยนสิ่งที่เธอตัดสินใจไว้แล้วว่าจะ "ลงโทษ" เธออย่างแน่นอน

เซี่ยอันหรานรู้สึกว่ามันเหมือนกับการใช้เหตุการณ์นี้เพื่อกระตุ้นฉู่เสี่ยวเสี่ยวดูสักหน่อย ดูสิว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะมีปฏิกิริยาอย่างไรและปฎิกิริยานั้นก็สามารถทำให้เดาได้ว่าเธอมีไพ่กี่ใบกันแน่

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกัดริมฝีปากล่างของเธอพร้อมกับเบิกตากว้าง แล้วจ้องไปที่เซี่ยอันหรานอย่างดุดัน: “ใช่สิ อันหราน ตอนนี้เธอเป็นอันหราน เธอไม่กลัวฉันเอาเรื่องของเธอมาพูดงั้นเหรอ?”

"คนที่ต้องกลัวคือเธอหรือเปล่า" เซี่ยอันหรานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย: "ฉู่เสี่ยวเสี่ยว ระหว่างฉันกับเธอใครกลัวโดนเปิดเผยมากกว่ากัน เธอเองก็รู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ? มิฉะนั้นฉันก็ไม่อยากเป็น'อันหราน'นานขนาดนี้หรอก!"

การสนทนาระหว่างเซี่ยอันหรานและฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำให้คนที่อยู่ข้างๆรู้สึกสับสนเล็กน้อย และทำได้เพียงแค่คาดเดารางๆว่าเซี่ยอันหรานกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวนั้นไม่ถูกกันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

“เซี่ยอันหราน!” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกัดฟันแน่น “เธอจะทำอะไรกันแน่”

เซี่ยอันหรานยิ้มอย่างเย็นชา: “ฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอเป็นคนหาเรื่องตลอดไม่ใช่เหรอ?เธอยังไม่อธิบายเลยว่าทำไมเธอถึงใส่ร้ายเสี่ยวเถียนว่าเป็นขโมย?"

“ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบาย!” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวสูดหายใจเข้าอย่างเย็นชา เธอเบิกตากว้างและหลังจากที่เหลือบมองเฉิงเสี่ยวเทียน ก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า: “เธอไม่คู่ควรที่จะได้รับคำอธิบายจากฉัน!”

หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดจบ ก็สะบัดมือและเตรียมตัวขึ้นไปชั้นบน เก๋อหงหงรีบคุกเข่าลงทันทีแล้วกอดขาของฉู่เสี่ยวเสี่ยวไว้และร้องไห้พร้อมกับตะโกนว่า: "คุณฉู่ คุณต้องเชื่อฉันนะ เชื่อฉัน! ฉันไม่รู้จริงๆว่าทำไมสร้อยถึงมาอยู่ในห้องของฉันได้! ต้องมีคนใส่ร้ายฉันแน่ๆ!"

ตอนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เธอมองไปที่เก๋อหงหงด้วยความโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะเก๋อหงหงไม่ได้ทำเรื่องให้เสร็จก็เป็นเพราะเก๋อหงหงจะขโมยสร้อยเพชรไปจริงๆและทำให้เรื่องของเธอพังทลายลง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกว่าเก๋อหงหงสมควรตาย!

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวออกแรงเตะเก๋อหงหงออกไปอย่างดุดัน: "ออกไปไกลๆ! ไอ่หัวขโมย!"

หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเตะเก๋อหงหงออกไป เขาก็ขดตัวลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวดทันที เฉิงเสี่ยวเถียนมองไปที่ท่าทางน่าสงสารของเก๋อหงหงและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วดึงชายเสื้อผ้าของเซี่ยอันหรานเบาๆ

เซี่ยอันหรานรู้ว่าเฉิงเสี่ยวเถียนใจอ่อนอีกแล้ว เขาจึงถอนหายใจเบาๆและก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “แล้วจะจัดการกับเก๋อหงหงยังไง? จะโทรแจ้งตำรวจไหม?”

จริงๆถ้าเรียกตำรวจก็ถือเป็นชะตากรรมที่ดีที่สุดของเก๋อหงหง ไม่เช่นนั้นเก๋อหงหงก็จะถูกฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่กำลังโกรธลงโทษอย่างอนาถแน่นอน

แต่เดิมทีฉู่เสี่ยวเสี่ยวต้องการใส่ร้ายเฉิงเสี่ยวเถียนว่าเป็นคนขโมยของ เธอกลัวว่าถ้าเก๋อหงหงถูกจับเธอจะพูดไร้สาระ จึงถอนหายใจเบาๆแล้วเลิกคิ้วและมองไปที่เซี่ยอันหราน: "อันหราน ฉันรู้สึกว่าเธอนี้ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ นี่เป็นสร้อยฉัน ฉันจะทำยังไงกับโจรที่ขโมยสร้อยฉันไปมันก็เรื่องของฉัน เธอไม่ต้องยุ่ง! เธอคิดว่าจะเหยียบหัวฉันไปได้ตลอดเหรอ? เก็บร่างคุณหนูของเธอไปเถอะ!"

ในขณะที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดก็หันไปหาเก๋อหงหงแล้วก้มลงยิ้มพร้อมกับพูดว่า: "ไปเถอะ ตามฉันมา มิฉะนั้นพวกเขาจะส่งเธอเข้าคุกนะ"

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าตอนนี้เก็บเก๋อหงหงไว้ แทนที่จะปล่อยให้เธอพูดเรื่องไร้สาระในที่สาธารณะ พากลับไปด้วยคงจะดีกว่า หลังจากกลับไปแล้วเธอจะจัดการกับมันยังไงก็ได้

เก๋อหงหงคิดว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวกำลังช่วยเธอไม่ให้ต้องเข้าคุก ดังนั้นเธอจึงรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็พูดอย่างเร่งรีบว่า “คุณฉู่ ฉันไปกับคุณ”

หลังจากที่เก๋อหงหงพูดจบ เธอก็หันศีรษะไปมองเฉิงเสี่ยวเถียนด้วยสายตาดุดันพร้อมกับกัดริมฝีปากอย่างขุ่นเคืองและด่าในใจ: เฉิงเสี่ยวเถียน ฉันไม่รู้จริงๆว่าเธอใช่คาถาอะไรถึงทำให้สร้อยเข้ามาอยู่ในห้องฉันได้ แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย รอครั้งหน้าก่อนเถอะ ฉันจะทำให้เธอโดนจับเข้าคุกให้ได้

สายตาอันขมขื่นของเก๋อหงหง ทำให้เฉิงเสี่ยวเถียนกลัวจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว เฉิงเสี่ยวเถียนพิงไปที่เซี่ยอันหรานและใช้โทนเสียงที่เซี่ยอันหรานได้ยินเพียงแค่คนเดียว โดยกระซิบว่า : "อันหราน เขา… เก๋อหงหงเกลียดฉันใช่ไหม?”

เซี่ยอันหรานพยักหน้าเบาๆ แล้วเอ็นตัวเข้าไปใกล้หูของเฉิงเสี่ยวเถียนและกระซิบด้วยเสียงที่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน: "เขาเกลียดเธอ เกลียดที่เธอไม่ถูกใส่ร้ายและกลัวว่าเขาจะผ่ายแพ้!"

ในโลกนี้ยังมีคนที่ไร้เหตุผลเช่นฉู่เสี่ยวเสี่ยวและเก๋อหงหง พวกเขามักมีข้อแก้ตัวมากมายเพื่อที่จะทำร้ายผู้อื่น ถ้าพวกเขารังแกไม่สำเร็จหรือถูกลงโทษขึ้นมา พวกเขาไม่มีทางรู้สึกว่าตัวเองผิดหรอก กลับกันจะยิ่งโทษผู้อื่นทวีคูณเข้าไปอีก . . .

โทษคนอื่นที่รู้แผนของพวกเขา โทษคนอื่นที่ไม่ไปตายอย่างเชื่อฟังตามความต้องการของพวกเขา!

จิตใจของคนแบบนี้ฟังดูพิสดารและไร้สาระ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีอยู่จริง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ 107 ไร้สาระจริงๆ

Now you are reading ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ Chapter 107 ไร้สาระจริงๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เก๋อหงหงตกใจมากกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เธอไม่รู้ว่าทำไมสร้อยของฉู่เสี่ยวเสี่ยวถึงอยู่ในห้องเธอ?

แต่ก็มีสิ่งหนึ่งที่เก๋อหงหงชัดเจนอยู่ในใจ นั่นคือเธอจะต้องห้ามยอมรับว่าตัวเองเป็นคนขโมยสร้อยไปเด็ดขาด มิฉะนั้นเธอไม่เพียงแต่จะถูกจับเข้าคุก แต่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะสงสัยด้วยว่าเธอขโมยสร้อยไปจริงๆ และจะต้องโดนลงโทษอย่างน่าสังเวชแน่ๆ

“ไม่ใช่! สร้อยนี้ไม่ควรอยู่ในห้องฉัน!” เก๋อหงหงขมวดคิ้วและโต้กลับเสียงดัง “ทั้งๆที่ฉันใส่สร้อยนี้ลงไปในกระเป๋าเป้เฉิงเสี่ยวเถียนแล้ว!”

ไอ่โง่!

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกัดฟันแน่นพร้อมกับด่าในใจยกใหญ่ จากนั้นก็ขมวดคิ้วและยืนขึ้นพูดอย่างเสียงดัง: “ไอ่โง่! เธอรู้ไหมว่ากำลังพูดบ้าอะไรอยู่?”

“ไม่จำเป็นต้องพูดไร้สาระหรอกมั้ง เมื่อกี้ตอนที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหาสร้อยเพชร เธอยังชี้ไปที่เสี่ยวเถียนแล้วบอกว่าเสี่ยวเถียนเป็นคนขโมยสร้อยเพชรไม่ใช่เหรอ?” เซี่ยอันหรานถามอย่างเย็นชา “ฉันสงสัยมาตลอดว่าคุณฉู่รู้ได้ยังไงว่าเฉิงเสี่ยวเถียนเป็นคนขโมยสร้อยไป แถมยังมุ่งเป้าไปที่เฉิงเสี่ยวเถียนด้วย อีกอย่างถ้าฉันทำของหายจริงๆ ก็ต้องเริ่มหาจากคนรอบข้างตัวเองก่อนสิ ทำไมคุณฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่เริ่มตรวจสอบจากคนรอบข้างอย่างเลขาของตัวเอง มาสงสัยก่อนเลยว่าคนในทีมงานเป็นคนขโมยไป เห็นๆกันอยู่ว่าเลขาของเธออยู่ใกล้เธอมากที่สุดและลงมือง่ายที่สุด คุณฉู่คิดว่าเราทุกคนเหมือนขโมยงั้นเหรอ?”

สิ่งที่เซี่ยอันหรานพูดก็เป็นสิ่งที่คนอื่นๆในทีมอยากพูดออกมา แต่พวกเขากลัวคนที่อยู่เบื้องหลังฉู่เสี่ยวเสี่ยวเลยไม่กล้าพูดออกมาตรงๆ

ตั้งแต่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวตามติดเซียวเทียนหลี ก็ไม่เคยมีใครตำหนิและประชดประชันเธออีกเลย พอตอนนี้เธอได้ยินเซี่ยอันหรานตามถามเธอ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจึงรีบชี้ไปที่เซี่ยอันหรานและพูดด้วยความโกรธว่า: “เธอมีของดีอะไรบ้าง? ฉันบอกว่าเลขาของเธอเป็นคนขโมย เพราะมีเจ้านายแย่ๆเลยมีทาสแย่ๆตามไง! มีนักแสดงแบบเธอ ก็ต้องมีเลขาที่เป็นขโมยนะสิ”

เซี่ยหันหรานพูดอย่างเยาะเย้ย: "เจ้านาย? ทาส? ตอนนี้อยู่ยุคโบรานหรือไง?เลขาก็เป็นคน! เป็นพลเมืองในประเทศที่มีความเท่าเทียมเหมือนกับเธอ เธอมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่านักแสดงคือเจ้านายและเลขาเป็นทาส? ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเธอคิดว่าตอนนี้เธอมีอำนาจมากเลยจะเหยียบหัวใครก็ได้งั้นเหรอ?”

ทันทีที่เซี่ยอันหรานพูดจบล็อบบี้ก็เงียบลง คำพูดของฉู่เสี่ยวเสี่ยว ทำให้คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่พอใจอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นนักแสดง เลขา หรือแม้แต่พนักงานคนอื่นๆ ต่างก็เกียจคำพูดที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดว่า "เจ้านาย" และ "ทาส"

เดิมทีผู้กำกับจินกะจะเกลี้ยกล่อมเซี่ยอันหรานและฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ให้ทะเลาะกัน แต่เมื่อได้ยินฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดเช่นนี้จึงเงียบลง ในใจฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าการเป็นนักแสดงก็คือการเป็นเจ้านายและเลขาก็ต้องเป็นทาส แล้วผู้กำกับจินที่โดนฉู่เสี่ยวเสี่ยวใช้ไปใช้มา นับว่าอะไรล่ะ? ถ้างั้นในใจฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็คิดว่าเขาเป็นทาสเหมือนกันงั้นเหรอ?

และทีมงานที่มักจะโดนฉู่เสี่ยวเสี่ยวเรียกใช้งาน ต่างก็โกรธอย่างมาก ทุกคนต่างก็พึ่งความสามารถของตัวเองในการหาเลี้ยงชีพ ไม่เหมือนสมัยก่อนที่ลงนามขายตัวเป็นทาสสักหน่อย ทำไมพวกเขาถึงกลายเป็นทาสได้ล่ะ?

ตอนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยังไม่ดังก็เป็นแบบนี้แล้ว รอให้เธอดังขึ้นมาคงเป็นเทพธิดาของการเอาแต่ใจเลยละมั้ง? ทั้งๆที่เลขาของฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นคนขโมยสร้อย เธอไม่ตรวจสอบคนรอบข้างดูก่อน ทำให้ดึกป่านี้ทีมงานทั้งหมดไม่ได้พักผ่อนและถูกยึกยักไปมา นี่มันหมายความว่ายังไงกัน? นี่ไม่ใช่การกลั่นแกล้งโดยใช้อำนาจคนอื่นหรอกเหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้นปกติฉู่เสี่ยวเสี่ยวมักใช้ชีวิตอย่างยโสโอหัง ไม่ว่ากับใครก็ดูถูกไปหมด ทีมงานยังพูดคุยกันว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวคนนี้ทำอย่างกับตัวเองเป็นราชินีและปฏิบัติต่อทุกคนเหมือนเป็นคนรับใช้ ไม่นึกเลยว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะคิดแบบนั้นจริงๆ!

ทุกคนต่างก็รู้สึกไม่สบายใจแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ทำให้บรรยากาศทั้งหมดดูหนักอึ้ง

ตลอดเวลาที่ผ่านมาในใจฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าตราบใดที่ใครมีอำนาจมากกว่าเธอ มีศักยภาพมากกว่าเธอและร่ำรวยมากกว่าเธอ มันถึงจะคู่ควรกับการเอาใจและทำความรู้จักด้วย และบรรดาผู้คนที่ไม่มีอำนาจและไม่มีศักยภาพเหล่านี้ต่างก็เตรียมตัวถูกเธอเหยียบย่ำอยู่ใต้ฝ่าเท้าได้เลย

ตอนอยู่ในครอบครัวตระกูลเซี่ย ฉู่เสี่ยวเสี่ยวประจบประแจงแค่เพียงคู่สามีภรรยาเซี่ยซื่อ เซี่ยอันหรานและเซี่ยหมิงเซวียน เธอปฏิบัติต่อคนรับใช้ของครอบครัวตระกูลเซี่ยแย่มากๆ

ตอนนี้ก็เหมือนเดิม ในทีมทั้งหมดมีเพียงเซี่ยอันหรานที่มีอำนาจของโม่เซ่าเหยียนอยู่เบื้องหลัง เลยทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกกลัวอยู่บ้างเล็กน้อย ส่วนคนอื่นๆในสายตาฉู่เสี่ยวเสี่ยว ล้วนเป็นทาสที่ถูกเธอเหยียบย่ำไว้ใต้ฝ่าเท้าทั้งนั้น

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเงยหน้าขึ้นโดยที่ไม่สนใจคนอื่นๆ เธอจ้องไปที่เซี่ยอันหรานพร้อมกับขมวดคิ้ว: "อันหราน เธอจะเป็นศัตรูกับฉันแล้วงั้นเหรอ!"

เซี่ยอันหรานยิ้มพร้อมกับพูดว่า "เราก็เป็นศัตรูกันมาตลอดไม่ใช่เหรอ? ฉู่เสี่ยวเสี่ยวตอนนี้เธอคิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นแต่อย่าลืมสิว่าฐานะเดิมเธอเป็นยังไง? เธอเคยทำเรื่องอะไรไว้บ้าง? เธอไม่สมควรมาเอาแต่ใจแบบนี้ ทุกคนไม่ว่าจะเป็นเลขา ช่างแต่งหน้า ช่างภาพ หรือดีไซเนอร์ ทุกคนต่างก็ขาวสะอาดกว่าเธอและสูงส่งกว่าเธอ!”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวถูกเซี่ยอันหรานฉีกหน้าในที่สาธารณะ แม้ว่าในที่เกิดเหตุจะมีเพียงฉู่เสี่ยวเสี่ยวกับจางหมิ่นเท่านั้นที่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เซี่ยอันหรานและฉู่เสี่ยวเสี่ยวเป็นศัตรูกัน แต่คนอื่นๆก็มีสัญชาตญาณของการเป็นทีมงานปะปนอยู่และรู้นานแล้วว่าเซี่ยอันหรานกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ถูกกัน ดังนั้นทุกคนจึงไม่แปลกใจ

แต่สิ่งที่ทำให้คนเหล่านี้แปลกใจคือ เซี่ยอันหรานโต้เถียงกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวเรื่องที่เธอดูถูกเลขา แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกโล่งใจแต่ก็รู้สึกอดไม่ได้ที่จะเป็นห่วงเซี่ยอันหรานขึ้นมา

อำนาจที่อยู่เบื้องหลังฉู่เสี่ยวเสี่ยวแม้แต่ผู้กำกับจินยังรู้สึกกลัวบ้าง ตอนนี้เซี่ยอันหรานทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวขุ่นเคืองมากขนาดนี้ แล้วเธอไม่กลัวเลยงั้นเหรอ? หรือเบื้องหลังเซี่ยอันหรานเองก็เป็นคนที่มีอำนาจเหมือนกัน? แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าไม่มีคนอยู่เบื้องหลังเซี่ยอันหรานจะมาถ่ายรายการเรียลลิตี้กับหมิงเยี่ยนเฟยอย่างรวดเร็วเช่นนี้ได้อย่างไร?

จริงๆเซี่ยอันหรานเองก็กลัวอำนาจที่อยู่เบื้องหลังฉู่เสี่ยวเสี่ยว มันยิ่งใหญ่มากจนเธอไม่สามารถต้านทานไว้ได้ เพราะเธอเคยอยู่กับชายคนหนึ่งที่มีอำนาจแข็งแกร่งอย่างโม่เซ่าเหยียนมาก่อน เซี่ยอันหรานจึงเข้าใจดี ดังนั้นยิ่งต้องลองสำรวจดู ยังไงซะตามนิสัยของฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอต้องจัดการเซี่ยอันหรานแน่นอน แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะถอยกลับมาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัวหรือแม้แต่ยอมคุกเข่าเพื่อร้องขอฉู่เสี่ยวเสี่ยว ฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ไม่มีทางเปลี่ยนสิ่งที่เธอตัดสินใจไว้แล้วว่าจะ "ลงโทษ" เธออย่างแน่นอน

เซี่ยอันหรานรู้สึกว่ามันเหมือนกับการใช้เหตุการณ์นี้เพื่อกระตุ้นฉู่เสี่ยวเสี่ยวดูสักหน่อย ดูสิว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะมีปฏิกิริยาอย่างไรและปฎิกิริยานั้นก็สามารถทำให้เดาได้ว่าเธอมีไพ่กี่ใบกันแน่

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกัดริมฝีปากล่างของเธอพร้อมกับเบิกตากว้าง แล้วจ้องไปที่เซี่ยอันหรานอย่างดุดัน: “ใช่สิ อันหราน ตอนนี้เธอเป็นอันหราน เธอไม่กลัวฉันเอาเรื่องของเธอมาพูดงั้นเหรอ?”

"คนที่ต้องกลัวคือเธอหรือเปล่า" เซี่ยอันหรานเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย: "ฉู่เสี่ยวเสี่ยว ระหว่างฉันกับเธอใครกลัวโดนเปิดเผยมากกว่ากัน เธอเองก็รู้ดีที่สุดไม่ใช่เหรอ? มิฉะนั้นฉันก็ไม่อยากเป็น'อันหราน'นานขนาดนี้หรอก!"

การสนทนาระหว่างเซี่ยอันหรานและฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำให้คนที่อยู่ข้างๆรู้สึกสับสนเล็กน้อย และทำได้เพียงแค่คาดเดารางๆว่าเซี่ยอันหรานกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวนั้นไม่ถูกกันมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

“เซี่ยอันหราน!” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกัดฟันแน่น “เธอจะทำอะไรกันแน่”

เซี่ยอันหรานยิ้มอย่างเย็นชา: “ฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอเป็นคนหาเรื่องตลอดไม่ใช่เหรอ?เธอยังไม่อธิบายเลยว่าทำไมเธอถึงใส่ร้ายเสี่ยวเถียนว่าเป็นขโมย?"

“ฉันไม่จำเป็นต้องอธิบาย!” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวสูดหายใจเข้าอย่างเย็นชา เธอเบิกตากว้างและหลังจากที่เหลือบมองเฉิงเสี่ยวเทียน ก็พูดอย่างโกรธเคืองว่า: “เธอไม่คู่ควรที่จะได้รับคำอธิบายจากฉัน!”

หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดจบ ก็สะบัดมือและเตรียมตัวขึ้นไปชั้นบน เก๋อหงหงรีบคุกเข่าลงทันทีแล้วกอดขาของฉู่เสี่ยวเสี่ยวไว้และร้องไห้พร้อมกับตะโกนว่า: "คุณฉู่ คุณต้องเชื่อฉันนะ เชื่อฉัน! ฉันไม่รู้จริงๆว่าทำไมสร้อยถึงมาอยู่ในห้องของฉันได้! ต้องมีคนใส่ร้ายฉันแน่ๆ!"

ตอนนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ เธอมองไปที่เก๋อหงหงด้วยความโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะเก๋อหงหงไม่ได้ทำเรื่องให้เสร็จก็เป็นเพราะเก๋อหงหงจะขโมยสร้อยเพชรไปจริงๆและทำให้เรื่องของเธอพังทลายลง ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็รู้สึกว่าเก๋อหงหงสมควรตาย!

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวออกแรงเตะเก๋อหงหงออกไปอย่างดุดัน: "ออกไปไกลๆ! ไอ่หัวขโมย!"

หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเตะเก๋อหงหงออกไป เขาก็ขดตัวลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวดทันที เฉิงเสี่ยวเถียนมองไปที่ท่าทางน่าสงสารของเก๋อหงหงและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วแล้วดึงชายเสื้อผ้าของเซี่ยอันหรานเบาๆ

เซี่ยอันหรานรู้ว่าเฉิงเสี่ยวเถียนใจอ่อนอีกแล้ว เขาจึงถอนหายใจเบาๆและก้าวไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “แล้วจะจัดการกับเก๋อหงหงยังไง? จะโทรแจ้งตำรวจไหม?”

จริงๆถ้าเรียกตำรวจก็ถือเป็นชะตากรรมที่ดีที่สุดของเก๋อหงหง ไม่เช่นนั้นเก๋อหงหงก็จะถูกฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่กำลังโกรธลงโทษอย่างอนาถแน่นอน

แต่เดิมทีฉู่เสี่ยวเสี่ยวต้องการใส่ร้ายเฉิงเสี่ยวเถียนว่าเป็นคนขโมยของ เธอกลัวว่าถ้าเก๋อหงหงถูกจับเธอจะพูดไร้สาระ จึงถอนหายใจเบาๆแล้วเลิกคิ้วและมองไปที่เซี่ยอันหราน: "อันหราน ฉันรู้สึกว่าเธอนี้ยุ่งไม่เข้าเรื่องจริงๆ นี่เป็นสร้อยฉัน ฉันจะทำยังไงกับโจรที่ขโมยสร้อยฉันไปมันก็เรื่องของฉัน เธอไม่ต้องยุ่ง! เธอคิดว่าจะเหยียบหัวฉันไปได้ตลอดเหรอ? เก็บร่างคุณหนูของเธอไปเถอะ!"

ในขณะที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดก็หันไปหาเก๋อหงหงแล้วก้มลงยิ้มพร้อมกับพูดว่า: "ไปเถอะ ตามฉันมา มิฉะนั้นพวกเขาจะส่งเธอเข้าคุกนะ"

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าตอนนี้เก็บเก๋อหงหงไว้ แทนที่จะปล่อยให้เธอพูดเรื่องไร้สาระในที่สาธารณะ พากลับไปด้วยคงจะดีกว่า หลังจากกลับไปแล้วเธอจะจัดการกับมันยังไงก็ได้

เก๋อหงหงคิดว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวกำลังช่วยเธอไม่ให้ต้องเข้าคุก ดังนั้นเธอจึงรีบเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอแล้วลุกขึ้นยืน จากนั้นก็พูดอย่างเร่งรีบว่า “คุณฉู่ ฉันไปกับคุณ”

หลังจากที่เก๋อหงหงพูดจบ เธอก็หันศีรษะไปมองเฉิงเสี่ยวเถียนด้วยสายตาดุดันพร้อมกับกัดริมฝีปากอย่างขุ่นเคืองและด่าในใจ: เฉิงเสี่ยวเถียน ฉันไม่รู้จริงๆว่าเธอใช่คาถาอะไรถึงทำให้สร้อยเข้ามาอยู่ในห้องฉันได้ แต่นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย รอครั้งหน้าก่อนเถอะ ฉันจะทำให้เธอโดนจับเข้าคุกให้ได้

สายตาอันขมขื่นของเก๋อหงหง ทำให้เฉิงเสี่ยวเถียนกลัวจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว เฉิงเสี่ยวเถียนพิงไปที่เซี่ยอันหรานและใช้โทนเสียงที่เซี่ยอันหรานได้ยินเพียงแค่คนเดียว โดยกระซิบว่า : "อันหราน เขา… เก๋อหงหงเกลียดฉันใช่ไหม?”

เซี่ยอันหรานพยักหน้าเบาๆ แล้วเอ็นตัวเข้าไปใกล้หูของเฉิงเสี่ยวเถียนและกระซิบด้วยเสียงที่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ได้ยิน: "เขาเกลียดเธอ เกลียดที่เธอไม่ถูกใส่ร้ายและกลัวว่าเขาจะผ่ายแพ้!"

ในโลกนี้ยังมีคนที่ไร้เหตุผลเช่นฉู่เสี่ยวเสี่ยวและเก๋อหงหง พวกเขามักมีข้อแก้ตัวมากมายเพื่อที่จะทำร้ายผู้อื่น ถ้าพวกเขารังแกไม่สำเร็จหรือถูกลงโทษขึ้นมา พวกเขาไม่มีทางรู้สึกว่าตัวเองผิดหรอก กลับกันจะยิ่งโทษผู้อื่นทวีคูณเข้าไปอีก . . .

โทษคนอื่นที่รู้แผนของพวกเขา โทษคนอื่นที่ไม่ไปตายอย่างเชื่อฟังตามความต้องการของพวกเขา!

จิตใจของคนแบบนี้ฟังดูพิสดารและไร้สาระ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันมีอยู่จริง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+