ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ 4 แรงอิจฉาริษยา

Now you are reading ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ Chapter 4 แรงอิจฉาริษยา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

พอได้ยินว่าเมื่อคืนเซี่ยอันหรานนอนดึก กู้เหม่ยอวี้ก้รู้สึกปวดใจขึ้นมา "อะไรนะ? นอนดึกงั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ตื่นให้สายขึ้นหน่อยสิ ดูง่วงหมดแล้วลูก"

ขณะนั้นเองที่กู้เหม่ยอวี้ได้ลืมไปจนหมดสิ้นถึงคำพูดที่บอกให้เซี่ยอันหรานหัดเรียนรู้จากฉู่เสี่ยวเสี่ยวเมื่อสักครู่นี้

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวเมื่อเห็นดังว่า ก็เผลอขมวดคิ้วขึ้นมา อดทอดมองเซี่ยอันหรานด้วยสายตาริษยาอย่างอดไม่ได้ ทำไมเซี่ยอันหรานถึงได้มีทุกสิ่งอย่างกัน ทำไมถึงได้รับความรักความเอ็นดูจากผู้คนมากมาย ถ้าหากว่าไม่มีเซี่ยอันหราน ตัวเธอ ฉู่เสี่ยวเสี่ยว ก็จะได้กลายเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลเซี่ยแล้ว และจะต้องได้รับความรักที่มากกว่านี้อย่างแน่นอน มากจนถึงขนาดที่ว่า……

เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวคิดได้ถึงตรงนี้ ก็อดที่จะเหลือบตาไปมองเซี่ยหมิงเซวียนอย่างช่วยไม่ได้ ปีนี้พี่ชายของเซี่ยอันหราน เซี่ยหมิงเซวียน ก็มีอายุครบ 27 ปีแล้ว เป็นผู้ชายที่มีหน้าตาหล่อเหลา รูปลักษณ์ที่ดูเป็นสุภาพบุรุษได้เคลือบมาพร้อมกับบรรยากาศอันเย็นชา แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเซี่ยอันหรานแล้ว เซี่ยหมิงเซวียนก็จะเผยใบหน้าที่อ่อนโยนออกมา

หลังจากที่เซี่ยอันหรานสงบสติอารมณ์ลงแล้ว ก็แอบลอบมองดูท่าทางของฉู่เสี่ยวเสี่ยว เซี่ยอันหรานไม่อยากให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอยู่ที่ตระกูลเซี่ยอีกต่อไปแล้ว เธอจะไม่ยอมเลี้ยงดูฉู่เสี่ยวเสี่ยว ยัยหมาป่าในคราบลูกแกะอีกต่อไป แต่เธอก็จะต้องนึกหาข้ออ้างดีๆ เพื่อที่จะขับไล่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวออกไป ไม่อย่างงั้นคุณแม่ผู้ที่มีจิตใจอ่อนโยนจะต้องไม่ยอมอย่างแน่นอน และไม่แน่ว่าอาจจะกล่าวสั่งสอนเธอกลับมาเสียด้วยซ้ำไป

เพราะว่าเซี่ยอันหรานคอยมุ่งความสนใจไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอยู่ตลอด จึงไม่พลาดสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่ได้มอบให้กับเซี่ยหมิงเซวียน

หลังจากเซี่ยอันหรานนั่งลงที่บริเวณโต๊ะอาหาร ก็อดที่จะเผลอขมวดคิ้วเล็กน้อยไม่ได้ ทำไมที่ผ่านมาเธอถึงไม่เคยสังเกตเห็นเลยนะ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวชอบเซี่ยหมิงเซวียนพี่ชายของเธอ

ใช่แล้ว เมื่อภพที่แล้วเซี่ยหมิงเซวียนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเฉิงฉีคุณหนูแห่งตระกูลเฉิง แต่ก็ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอะไรจู่ๆ ถึงได้แยกทางกันไป เฉิงฉียังเคยเอ่ยเตือนเธอว่าให้ระวังฉู่เสี่ยวเสี่ยวให้ดีๆ เตือนเธอว่าตระกูลเซี่ยของพวกเธอได้เลี้ยงหมาป่าเอาไว้

เพราะว่าตอนนั้นความสัมพันธ์ของเธอกับฉู่เสี่ยวเสี่ยวดีมาก อีกทั้งเธอก็ไม่ชอบนิสัยขวานผ่าซากของเฉิงฉี ดังนั้นก็เลยไม่ได้เชื่อในคำพูดของเฉิงฉี ตอนนี้เมื่อมาคิดๆ ดูแล้ว เฉิงฉีในตอนนั้นก็คงจะได้รู้ธาตุแท้ของฉู่เสี่ยวเสี่ยวแล้ว เลยมากล่าวเตือนเธอ ช่างน่าขัน ที่เธอได้มองคำพูดของเฉิงฉีเป็นคำใส่ร้ายฉู่เสี่ยวเสี่ยว และยังไปพูดว่าร้ายเฉิงฉีต่อหน้าเซี่ยหมิงเซวียน พี่ชายของเธออีกด้วย

เมื่อเซี่ยอันหรานคิดได้ดังว่า เธอก็อดคิดไม่ได้ว่า ครั้นเมื่อเฉิงฉีถูกตระกูลบังคับให้แต่งงานกับคนอื่น พี่ชายของเธอก็อยู่ในสภาพที่ดูทนทุกข์ทรมาน

งั้นที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดในตอนแรกว่าคนที่เธอตกหลุมรักนั้น ไม่ได้หมายถึงถังรั่วชิว แต่ว่าเป็นพี่ชายของเธอ เซี่ยมิงเซวียนอย่างงั้นเหรอ

พระเจ้า ถ้าอย่างนั้นเธอได้ทำอะไรลงไป เธอได้ปกป้องหมาป่าใจทมิฬมาโดยตลอด อีกทั้งยังได้ทำลายความสุขของพี่ชายของตนเองอีกด้วย

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เซี่ยอันหรานก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ หลังจากนั้นเธอก็พลันได้ยินเสียงของฉู่เสี่ยวเสี่ยวออกคำสั่งกับคนใช้ในบ้าน

"คุณแม่หลี่คะ หนูอยากได้ปลาแซลมอนกับแซนวิช ส่วนสตอเบอร์รี่ในสลัดผลไม้ก็ต้องเอาส่วนหัวออกให้หมดนะคะ ไม่อย่างนั้นหนูกินไม่ได้ ต่อไปนี้จะทำอะไรก็ต้องระวังให้ดีนะคะ" ฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่ปฏิบัติต่อคนใช้ของตระกูลเซี่ยนั้น กลับไม่ได้มีท่าทีที่ดูหวาดหวั่นระมัดระวังเหมือนกับตอนที่ปฏิบัติต่อเซี่ยอันหรานเลยแม้แต่น้อย กลับดูเหมือนคุณหนูใหญ่มากเสียยิ่งกว่าตัวเซี่ยอันหราน คุณหนูใหญ่ที่แท้จริงเสียอีก

เซี่ยอันหรานไม่คาดคิดเลยจริงๆ ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่พูดอย่างเหนียมอายกับเธอเมื่อสักครู่นั้น จะกลับดูมีอำนาจคุมบรรดาคนใช้ของตระกูลเซี่ยเสียขนาดนี้ เมื่อภพที่แล้ว ทำไมเธอถึงดูไม่ออกกันนะ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวยัยคนตีสองหน้า

เมื่อฉู่เสี่ยวเสี่ยวออกคำสั่งกับคนใช้เสร็จ ก็ยื่นเอาโจ๊กไก่ให้กับกู้เหม่ยอวี้หนึ่งถ้วย "คุณแม่ ลองชิมดูสิคะ หนูตั้งใจสั่งให้ในครัวทำมาให้เลยนะคะ"

แม้ว่าตระกูลเซี่ยจะไม้ได้กำหนดถึงคำที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวใช้เรียกกับคนในตระกูลเซี่ย แต่ว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็เรียกกู้เหม่ยอวี้ว่า "คุณแม่" มาโดยตลอด และเรียกเซี่ยจวินว่า "คุณพ่อ" เว้นเพียงแต่เซี่ยหมิงเซวียนคนเดียวที่เรียกว่า "หมิงเซวียน" และเรียกเซี่ยอันหรานว่า "อันหราน" ฟังดูแล้วก็เหมือนกับว่าเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลเซี่ยอย่างไรอย่างนั้น

กู้เหม่ยอวี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ยิ้มแล้วพูดออกมาว่า "งั้นกินล่ะนะ"

ความจริงแล้วท่าทีที่ดูกุมอำนาจต่อคนใช้ตระกูลเซี่ยของฉู่เสี่ยวเสี่ยวนั้น คนในตระกูลเซี่ยคนอื่นก็ใช่ว่าจะดูไม่ออก เพียงแต่ว่าพวกเขาสงสารฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่เป็นเด็กกำพร้า จึงไม่เคยเอ่ยปากพูดออกมาเลย จึงยอมให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำเช่นนี้ไป

แม้ตระกูลเซี่ยจะใจกว้างเต็มไปด้วยความเมตตา แต่คนใช้ของตระกูลเซี่ยก็ทนไม่ไหวต่อพฤติกรรมนี้ของฉู่เสี่ยวเสี่ยว จึงได้แอบเอาฉู่เสี่ยวเสี่ยวไปพูดว่าร้ายในที่ลับ ซึ่งฉู่เสี่ยวเสี่ยวเองก็เคยได้ยินคำนินทาเหล่านั้น แต่เธอกลับเอาความโกรธแค้นทั้งหมดไปลงกับเซี่ยอันหราน คิดว่าเป็นเพราะการมีอยู่ของเซี่ยอันหรานถึงได้ทำให้เธอไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นนี้ เพราะไม่อย่างนั้นแล้วเธอก็จะได้กลายเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเซี่ย ตอนนั้นแล้วจะมีคนมากล้าพูดจาเช่นนี้กับเธอได้อย่างไรกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด