ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ 109 รอยยิ้มแห่งความตาย

Now you are reading ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ Chapter 109 รอยยิ้มแห่งความตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อจางหมิ่นได้ยินฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะทำอะไรกันแน่ สมมติถ้าเก๋อหงหงขโมยสร้อยจริง นี่ก็เธอลงโทษโหดร้ายเกินแล้ว

แต่เมื่อจางหมิ่นคิดมาถึงเรื่องนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรไปรู้สึกว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวโหดร้ายล่ะ? เห็นๆกันอยู่ว่าเป็นความคิดของเธอ เห็นๆกันอยู่ว่าเธอเป็นคนไม่อยากให้เก๋อหงหงอยู่เคียงข้างฉู่เสี่ยวเสี่ยวอีกและไม่อยากให้เขาหันมาทำร้ายเธออีก ดังนั้นเธอจึงพูดกระตุ้นให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวลงโทษเก๋อหงหงหนักขึ้น

ในกรณีเรื่องของวันนี้ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอาจจะเป็นเพชฌฆาต แต่จางหมิ่นก็เป็นคนที่ผลักเก๋อหงหงให้โดนมีดของเพชฌฆาตเอง เธอมีสิทธิ์อะไรไปรู้สึกว่าคนอื่นเขาโหดร้ายได้ล่ะ? เธอจางหมิ่นไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นแล้ว

จางหมิ่นคิดมาถึงตรงนี้ก็หลับตาแน่นแล้วหันศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่าง นอกหน้าต่างในช่วงเวลากลางคืนยิ่งมืดมิดมากขึ้น ไม่มีแสงส่องออกมาแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าโลกทั้งใบตกอยู่ในความมืดซะอย่างนั้น

“อ๊า…” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวบิดขี้เกียจอย่างช้าๆ: “จริงๆเลยนะ ก็เพราะเก๋อหงหงคนนี้ทำงานไม่ได้เรื่อง ทำให้ฉันลำบากมาทั้งคืนแถมยังไม่มีประโยชน์อะไรเลยด้วย ฉันอยากนอนพักผ่อนสบายๆสักหน่อย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดจบ เธอก็หันหลังแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แล้วโยนโทรศัพท์ให้จางหมิ่น: “ถ้างั้น ช่วงนี้เธอทำตัวดีมาก ฉันเชื่อใจเธอ โทรศัพท์นี้ฉันให้เธอเก็บไว้ ถ้าเทียนหลีโทรหาฉัน เธอก็มาหาฉัน ส่วนคนอื่นๆเธอไม่ต้องไปสนใจ!”

ในขณะที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูด เธอก็บิดตัวอีกครั้ง: "ง่วงจริงๆเลย เหนื่อยจะตายแล้ว"

เมื่อเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวนอนลงบนเตียงและหลับตาลง จางหมิ่นก็เอื้อมมือออกไปแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวทิ้งไว้บนเตียง “คุณฉู่ ฉันไปก่อนนะคะ” หลังจากที่จางหมิ่นพูดจบ เมื่อเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ เธอก็โค้งคำนับลงเล็กน้อย จากนั้นก็ออกจากห้องไป

เมื่อเดินออกจากห้องฉู่เสี่ยวเสี่ยว จางหมิ่นก็กลับไปที่ห้องตัวเอง เธอถอนหายใจยาวแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้และหรี่ตาลง ตั้งแต่จางหมิ่นตามติดฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอก็ไม่เคยได้นอนหลับอย่างสบายๆเลย เธอไม่สามารถผิดคำสั่งใดๆของฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ ไม่เช่นนั้นเธอและแม่ของเธอก็จะถูกคุกคาม

จางหมิ่นกึ่งหลับกึ่งตื่น จนกระทั่งใกล้รุ่งสาง เสียงโทรศัพท์ของฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ดังขึ้น จากนั้นจางหมิ่นก็รีบรับสายทันทีและได้ยินเสียงแหบของผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “คุณฉู่ เก๋อหงหงนั่นตายแล้ว! จู่ๆเธอก็ตาย! ใครจะไปรู้ว่าเธอจะอ่อนแอขนาดนี้ ไอ่เด็กอายุสั้นคนนี้โชคร้ายเกินไปแล้ว คุณฉู่ ทำยังไงดี? คุณบอกลูกพี่เซียวหน่อยว่าช่วยปิดเรื่องนี้ให้หน่อย ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ไอ่เด็กคนหนึ่งที่ตายไป"

เมื่อจางหมิ่นได้สิ่งที่ชายคนนั้นพูด ก็ทำเธอตกตะลึงขึ้นมาทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะปรับอารมณ์ของเธอให้คงที่และพูดเบาๆว่า “ตอนนี้คุณฉู่พักผ่อนอยู่ ฉันคือจางหมิ่นเลขาของเธอ เก๋อหงหงตายแล้วงั้นเหรอ?”

เสียงแหบแห้งของชายที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์หยุดไปชั่วคราวก่อนจะตอบว่า "อ้อ คุณคือเลขาจางสินะ ก็คือเก๋อหงหงอะ เราแค่ลงโทษเธอนิดๆหน่อยๆ พวกพี่ๆยังไม่ทันได้สมใจอยาก เธอก็ตายแล้วซะงั้น ใครจะไปรู้ว่าเธอจะทนไม่ไหวขนาดนี้ ถ้ารู้มาก่อน เราคงค่อยเป็นค่อยไปแล้วแหละ”

แม้ว่าชายคนนั้นจะไม่พูดออกมาอย่างชัดเจนว่าคำว่า "ลงโทษ" คือลงโทษยังไง แต่จางหมิ่นก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาจะสื่อมันหมายถึงอะไร จางหมิ่นหลับตาลงแน่น มือของเธอกำลังสั่นเทาและร่างของเธอก็สั่นไปทั้งตัว

แม้ว่าเก๋อหงหงจะน่ารังเกลียด แต่ชีวิตนี้ของเขาก็ถูกฆ่าตายเพราะเธอ จางหมิ่นรู้สึกว่าผิวหนังและวิญญาณของเธอช็อคจนแหลกสลายกลายเป็นผง สายตาตรงหน้าเธอดำสนิท เธอมองไม่เห็นทางข้างหน้าและไม่สามารถหันหลังกลับไปได้ เพราะกลัวว่าหากเธอหันกลับไปจะเห็นดวงตาอันเศร้าโศกของเก๋อหงหง

“ฉันรู้…” จางหมิ่นพยายามสงบสติอารมณ์และพูดเบาๆ “ฉันจะรายงานเรื่องนี้ให้คุณฉู่เอง”

“ดี เร็วๆล่ะ ศพยังวางไว้ที่นี่ ตอนนี้เรื่องใหญ่โตมากปกปิดยากแล้ว” หลังจากเสียงแหบๆของชายคนนี้พูดจบ เขาก็รีบวางสายทันที

จางหมิ่นค่อยๆหลับตาลงช้าๆแล้วก้มศีรษะลงและถือโทรศัพท์ไว้ในมือ เธอหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไป เมื่อเดินไปถึงห้องของฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็เดินไปที่ข้างเตียงเธอ

จางหมิ่นก้มศีรษะลงและหรี่ตามองฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่กำลังหลับอยู่ อันที่จริงฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ถือว่าดูสวย ความงามของเธอนั้นแตกต่างจากความงามที่สดใสของเซี่ยอันหราน ความงามของฉู่เสี่ยวเสี่ยวเปรียบเสมือนดอกกล้วยไม้ในหุบเขาลึกหรือดอกบัวสีขาวที่ลอยอยู่ในทะเลสาบ แต่ความงามของเซี่ยอันหรานนั้นน่าดึงดูดมาก แต่ความงามของฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำให้ผู้คนรู้สึกสงสาร

แต่เวลานี้ จางหมิ่นไม่สามารถมองเห็นความงามของฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้เลย เธอก้มหน้ามองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยว ราวกับกำลังดูก้อนตะกอนที่ทั้งสกปรกและน่าเกลียด ทำให้คนรู้สึกขยะแขยง

“คุณฉู่ ตื่นได้แล้วค่ะ มีคนโทรหาคุณ” จางหมิ่นหรี่ตาเล็กน้อยแล้วเขย่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวอย่างอ่อนโยน

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหาวแล้วบิดตัวไปมา เธอยังคงหลับตาอยู่ จากนั้นก็พูดอย่างเกียจคร้านว่า: "ใครเหรอ? สายจากเทียนหลีเหรอ? ถ้าไม่ใช่สายของเทียนหลีฉันไม่รับ"

“ถึงแม้จะไม่ใช่สายจากคุณ แต่…ดูเหมือนว่าจะเป็นสายสำคัญ” จางหมิ่นเดินเข้าไปใกล้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวแล้วลดเสียงลงพร้อมกับพูดว่า “คุณฉู่ เก๋อหงหงตายแล้ว!”

“ตายแล้วก็ตายแล้วนะสิ…” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินว่าไม่ใช่สายจากเซียวเทียนหลี หลังจากนั้นก็ไม่สนใจและขี้เกียจจะฟังอีก จากนั้นเธอก็หาวอีกครั้งและหลับต่อไป

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรู้ว่าสิ่งที่จางหมิ่นพูดหมายความว่าอะไร เธอขมวดคิ้วช้าๆแล้วลืมตาขึ้นและหันไปมองจางหมิ่น: “เธอบอกว่าเก๋อหงหงตายแล้วงั้นเหรอ เธอ ตายได้ยังไง"

จางหมิ่นกระซิบด้วยน้ำเสียงที่สงบโดยไร้ความรู้สึก : “ได้ยินมาว่า เธอถูกลงโทษ ทั้งๆที่ยังไม่ทันถึงไหนก็ตายซะแล้ว!"

“อ้อ…” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกระพริบตาถี่ๆและสูดหายใจเข้าลึกๆด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะคอยพูดว่าอยากให้เซี่ยอันหรานตาย ถึงแม้เธอเคยเห็นเซียวเทียนหลีฆ่าคนและเธอไม่เคยทำให้ใครตายด้วยตัวเธอเองมาก่อน ตอนนี้จู่ๆเก๋อหงหงก็มาตายเพราะ "การลงโทษ" ของเธอเอง ทำให้ในใจของฉู่เสี่ยวเสี่ยวช็อคหนักมาก

เมื่อเทียบกับความรู้สึกผิดและการโทษตัวเองระหว่างจางหมิ่นและฉู่เสี่ยวเสี่ยวหลังจากได้ยินเรื่องนี้ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกังวลมากกว่าเพราะกลัวว่าเรื่องนี้จะสาวมาถึงเธอ แม้ว่าจางหมิ่นจะมีความสามารถในการจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ แต่เธอฉู่เสี่ยวเสี่ยวกำลังจะเป็นนักแสดง ถ้าหากเธอไม่สามารถเป็นคนดังได้เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอก็ทำได้เพียงดูเซี่ยอันหรานค่อยๆกลายเป็นคนดัง ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงไม่คุ้มแน่ๆ

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหายใจเข้าลึกๆแล้วหยิบโทรศัพท์จากจางหมิ่น และโทรหาเซียวเทียนหลี แต่ก็ยังคงเป็นหวังอี้เลขาของเซียวเทียนหลีเช่นเคยที่เป็นคนรับสาย: “ต้องขอโทษด้วยครับคุณฉู่ คุณเซียวไม่สามารถรับสายได้”

“ไม่สามารถรับสายได้?” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวตะโกนเสียงดัง: “สายจากฉันก็ไม่สามารถรับได้งั้นเหรอ? ฉันจะบอกอะไรนายให้ รีบหาเทียนหลีให้เจอ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา ไม่อย่างนั้น…”

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหรี่ตาลงและพยายามคิดเรื่องที่เธอสามารถคุกคามเซียวเทียนหลีได้ จากนั้นจู่ๆเธอก็ลดเสียงลงและพูดกับหวังอี้ว่า: "ถ้านายไม่ช่วยฉันติดต่อเทียนหลี ฉันจะไปตาย ดูสิว่าเธอจะอธิบายกับเทียนหลียังไง นายก็แค่หมาที่อยู่ข้างๆคอยรับใช้เทียนหลี นายก็น่าจะรู้ว่าฉันสำคัญกับเทียนหลีแค่ไหน นายรีบไปติดต่อเทียนหลีเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้!

หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดจบ ฝั่งหวังอี้ก็เงียบลง จากนั้นฉู่เสี่ยวเฉี่ยวก็ได้ยินเสียงลมพัดมาจากโทรศัพท์ ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าข้างนอกหิมะกำลังตก

ทันใดนั้น เสียงยิ้มแย้มของเซียวเทียนหลีก็ดังผ่านโทรศัพท์: "เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ได้ยินเสียงของเซียวเทียนหลีมานานแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะสูดจมูกด้วยความน้อยใจพร้อมกับพูดในขณะที่กำลังร้องไห้: “เทียนหลี ทำไมช่วงนี้เธอไม่ติดต่อเค้ามาเลย เธอรู้หรือเปล่าว่าเค้าคิดถึงเธอมากแค่ไหน? "

“อ้อ? คิดถึงฉันอยู่จริงๆเหรอ? คุณไม่มีเรื่องอย่างอื่นให้ทำเหรอ?แก้เหงาเหรอ?” เซียวเทียนหลีพูดออกมาช้าๆด้วยรอยยิ้ม

น้ำเสียงของเซียวเทียนหลีคลุมเครือมาก แต่เพราะว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวเคยนอนกับถังรั่วชิวมาก่อน ทำให้ในใจรู้สึกผิดและรู้สึกดูเหมือนกับว่าเซียวเทียนหลีจะมีเรื่องอื่นที่จะพูด เธอจึงพูดอย่างประหม่าว่า: "ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฉันไม่มีเรื่องอะไรให้ทำทั้งนั้นแหละ ฉันไม่ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อคุณหรอก”

เซียวเทียนหลีหัวเราะออกมาเบาๆและพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเคลือตามปกติของเขา: “ก็แค่ล้อเล่น ทำไมคุณถึงกลัวขนาดนี้ล่ะ? บอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆถึงทำให้คุณกลัวจนอยากตาย?”

“อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเซี่ยอันหราน!” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดเสียงดัง

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าการตายของเก๋อหงหง ยังไงซะเซี่ยอันหรานและเฉิงเสี่ยวเถียนก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าเซี่ยอันหรานไม่ยั่วให้เธอโมโหและถ้าเฉิงเสี่ยวเถียนถูกใส่ร้ายว่าเป็นขโมยแล้วถูกจับกุมได้อย่างราบรื่น ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอก็ไม่ต้องไปลงโทษเก๋อหงหงและเก๋อหงหงก็จะไม่ตาย ทั้งประโยคนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดด้วยความมั่นใจและตรงไปตรงมา เพราะในก้นบึ้งของหัวใจเธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ตัวเองไม่ผิดเลยสักนิด คนที่ผิดคือเซี่ยอันหรานและเฉิงเสี่ยวเถียน!

แต่เก๋อหงหงตายภายใต้มือของคนที่เธอส่งไป ทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกลำบากเล็กน้อย

“เซี่ยอันหราน?” เซียวเทียนหลีหันศีรษะและเหลือบมองหน้าจอที่อยู่ในห้อง หน้าจอกำลังฉายฉากหนึ่งในรายการที่เซี่ยอันหรานและนักแสดงอีกคนที่ชื่อหมิงเยี่ยนเฟยเข้าร่วมด้วยกัน

ในวิดีโอ แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะมีบาดแผลบนมือ แต่เธอก็ยังช่วยชายคนที่ชื่อหมิงเยี่ยนเฟยทำอาหาร แม้ว่าจะเป็นเพียงอาหารง่ายๆไม่กี่เมนู แต่ดูเหมือนจะอร่อยมาก และแม้ว่าจะถูกกลั่นด้วยหน้าจอทีวีแต่ก็ยังทำให้ได้กลิ่นหอมของอาหาร

เซียวเทียนหลีเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของโม่เซ่าเหยียนตลอด รวมถึงดังฟังเสียงของโม่เซ่าเหยียนที่คุยกับเซี่ยอันหราน อีกทั้งยังมีวิดีโอและรูปภาพของโม่เซ่าเหยียนเกือบทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเซี่ยอันหราน เซียวเทียนหลีก็มีเช่นกัน

เซียวเทียนหลีดูวิดีโอที่เซี่ยอันหรานทำท่าทางกำลังเป่าข้าว จากนั้นก็ค่อยๆหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวังและป้อนให้หมิงเยี่ยนเฟย เขายกมุมปากขึ้นเบาๆแล้วเลิกคิ้วและแสดงรอยยิ้มที่แปลกประหลาดออกมา : "เซี่ยอันหราน่ะ ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าตอนนี้ไม่อนุญาตให้คุณไปหาเรื่องเธอ? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ถึงไม่เชื่อฟังฉัน?”

แม้ว่าคำพูดของเซียวเทียนหลีจะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่พอหูของฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินเข้าก็รู้สึกน่ากลัวอย่างมาก บางทีถ้าสำหรับคนอื่นๆ รอยยิ้มหมายถึงความสนิทชิดใกล้และความอ่อนโยน แต่สำหรับเซียวเทียนหลีรอยยิ้มของเขาหมายถึงความตาย

ยิ่งเซียวเทียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยนและเมตตามากเท่าไหร่ คนๆนั้นก็จะตายอย่างน่าสังเวชมากเท่านั้น!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ 109 รอยยิ้มแห่งความตาย

Now you are reading ขอเกิดใหม่ เป็นภรรยาคุณชายโม่ Chapter 109 รอยยิ้มแห่งความตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อจางหมิ่นได้ยินฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดเช่นนี้ ก็รู้สึกขนลุกไปทั่วร่างกาย ฉู่เสี่ยวเสี่ยวจะทำอะไรกันแน่ สมมติถ้าเก๋อหงหงขโมยสร้อยจริง นี่ก็เธอลงโทษโหดร้ายเกินแล้ว

แต่เมื่อจางหมิ่นคิดมาถึงเรื่องนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ตอนนี้เธอมีสิทธิ์อะไรไปรู้สึกว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวโหดร้ายล่ะ? เห็นๆกันอยู่ว่าเป็นความคิดของเธอ เห็นๆกันอยู่ว่าเธอเป็นคนไม่อยากให้เก๋อหงหงอยู่เคียงข้างฉู่เสี่ยวเสี่ยวอีกและไม่อยากให้เขาหันมาทำร้ายเธออีก ดังนั้นเธอจึงพูดกระตุ้นให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวลงโทษเก๋อหงหงหนักขึ้น

ในกรณีเรื่องของวันนี้ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวอาจจะเป็นเพชฌฆาต แต่จางหมิ่นก็เป็นคนที่ผลักเก๋อหงหงให้โดนมีดของเพชฌฆาตเอง เธอมีสิทธิ์อะไรไปรู้สึกว่าคนอื่นเขาโหดร้ายได้ล่ะ? เธอจางหมิ่นไม่มีสิทธิ์คิดแบบนั้นแล้ว

จางหมิ่นคิดมาถึงตรงนี้ก็หลับตาแน่นแล้วหันศีรษะมองออกไปนอกหน้าต่าง นอกหน้าต่างในช่วงเวลากลางคืนยิ่งมืดมิดมากขึ้น ไม่มีแสงส่องออกมาแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าโลกทั้งใบตกอยู่ในความมืดซะอย่างนั้น

“อ๊า…” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวบิดขี้เกียจอย่างช้าๆ: “จริงๆเลยนะ ก็เพราะเก๋อหงหงคนนี้ทำงานไม่ได้เรื่อง ทำให้ฉันลำบากมาทั้งคืนแถมยังไม่มีประโยชน์อะไรเลยด้วย ฉันอยากนอนพักผ่อนสบายๆสักหน่อย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดจบ เธอก็หันหลังแล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แล้วโยนโทรศัพท์ให้จางหมิ่น: “ถ้างั้น ช่วงนี้เธอทำตัวดีมาก ฉันเชื่อใจเธอ โทรศัพท์นี้ฉันให้เธอเก็บไว้ ถ้าเทียนหลีโทรหาฉัน เธอก็มาหาฉัน ส่วนคนอื่นๆเธอไม่ต้องไปสนใจ!”

ในขณะที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูด เธอก็บิดตัวอีกครั้ง: "ง่วงจริงๆเลย เหนื่อยจะตายแล้ว"

เมื่อเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวนอนลงบนเตียงและหลับตาลง จางหมิ่นก็เอื้อมมือออกไปแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวทิ้งไว้บนเตียง “คุณฉู่ ฉันไปก่อนนะคะ” หลังจากที่จางหมิ่นพูดจบ เมื่อเห็นฉู่เสี่ยวเสี่ยวพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ เธอก็โค้งคำนับลงเล็กน้อย จากนั้นก็ออกจากห้องไป

เมื่อเดินออกจากห้องฉู่เสี่ยวเสี่ยว จางหมิ่นก็กลับไปที่ห้องตัวเอง เธอถอนหายใจยาวแล้วเอนหลังพิงเก้าอี้และหรี่ตาลง ตั้งแต่จางหมิ่นตามติดฉู่เสี่ยวเสี่ยว เธอก็ไม่เคยได้นอนหลับอย่างสบายๆเลย เธอไม่สามารถผิดคำสั่งใดๆของฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ ไม่เช่นนั้นเธอและแม่ของเธอก็จะถูกคุกคาม

จางหมิ่นกึ่งหลับกึ่งตื่น จนกระทั่งใกล้รุ่งสาง เสียงโทรศัพท์ของฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ดังขึ้น จากนั้นจางหมิ่นก็รีบรับสายทันทีและได้ยินเสียงแหบของผู้ชายคนหนึ่งที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์: “คุณฉู่ เก๋อหงหงนั่นตายแล้ว! จู่ๆเธอก็ตาย! ใครจะไปรู้ว่าเธอจะอ่อนแอขนาดนี้ ไอ่เด็กอายุสั้นคนนี้โชคร้ายเกินไปแล้ว คุณฉู่ ทำยังไงดี? คุณบอกลูกพี่เซียวหน่อยว่าช่วยปิดเรื่องนี้ให้หน่อย ยังไงเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ก็แค่ไอ่เด็กคนหนึ่งที่ตายไป"

เมื่อจางหมิ่นได้สิ่งที่ชายคนนั้นพูด ก็ทำเธอตกตะลึงขึ้นมาทันที เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะปรับอารมณ์ของเธอให้คงที่และพูดเบาๆว่า “ตอนนี้คุณฉู่พักผ่อนอยู่ ฉันคือจางหมิ่นเลขาของเธอ เก๋อหงหงตายแล้วงั้นเหรอ?”

เสียงแหบแห้งของชายที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์หยุดไปชั่วคราวก่อนจะตอบว่า "อ้อ คุณคือเลขาจางสินะ ก็คือเก๋อหงหงอะ เราแค่ลงโทษเธอนิดๆหน่อยๆ พวกพี่ๆยังไม่ทันได้สมใจอยาก เธอก็ตายแล้วซะงั้น ใครจะไปรู้ว่าเธอจะทนไม่ไหวขนาดนี้ ถ้ารู้มาก่อน เราคงค่อยเป็นค่อยไปแล้วแหละ”

แม้ว่าชายคนนั้นจะไม่พูดออกมาอย่างชัดเจนว่าคำว่า "ลงโทษ" คือลงโทษยังไง แต่จางหมิ่นก็รู้ดีว่าสิ่งที่เขาจะสื่อมันหมายถึงอะไร จางหมิ่นหลับตาลงแน่น มือของเธอกำลังสั่นเทาและร่างของเธอก็สั่นไปทั้งตัว

แม้ว่าเก๋อหงหงจะน่ารังเกลียด แต่ชีวิตนี้ของเขาก็ถูกฆ่าตายเพราะเธอ จางหมิ่นรู้สึกว่าผิวหนังและวิญญาณของเธอช็อคจนแหลกสลายกลายเป็นผง สายตาตรงหน้าเธอดำสนิท เธอมองไม่เห็นทางข้างหน้าและไม่สามารถหันหลังกลับไปได้ เพราะกลัวว่าหากเธอหันกลับไปจะเห็นดวงตาอันเศร้าโศกของเก๋อหงหง

“ฉันรู้…” จางหมิ่นพยายามสงบสติอารมณ์และพูดเบาๆ “ฉันจะรายงานเรื่องนี้ให้คุณฉู่เอง”

“ดี เร็วๆล่ะ ศพยังวางไว้ที่นี่ ตอนนี้เรื่องใหญ่โตมากปกปิดยากแล้ว” หลังจากเสียงแหบๆของชายคนนี้พูดจบ เขาก็รีบวางสายทันที

จางหมิ่นค่อยๆหลับตาลงช้าๆแล้วก้มศีรษะลงและถือโทรศัพท์ไว้ในมือ เธอหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นและเดินออกจากห้องไป เมื่อเดินไปถึงห้องของฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็เดินไปที่ข้างเตียงเธอ

จางหมิ่นก้มศีรษะลงและหรี่ตามองฉู่เสี่ยวเสี่ยวที่กำลังหลับอยู่ อันที่จริงฉู่เสี่ยวเสี่ยวก็ถือว่าดูสวย ความงามของเธอนั้นแตกต่างจากความงามที่สดใสของเซี่ยอันหราน ความงามของฉู่เสี่ยวเสี่ยวเปรียบเสมือนดอกกล้วยไม้ในหุบเขาลึกหรือดอกบัวสีขาวที่ลอยอยู่ในทะเลสาบ แต่ความงามของเซี่ยอันหรานนั้นน่าดึงดูดมาก แต่ความงามของฉู่เสี่ยวเสี่ยวทำให้ผู้คนรู้สึกสงสาร

แต่เวลานี้ จางหมิ่นไม่สามารถมองเห็นความงามของฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้เลย เธอก้มหน้ามองไปที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยว ราวกับกำลังดูก้อนตะกอนที่ทั้งสกปรกและน่าเกลียด ทำให้คนรู้สึกขยะแขยง

“คุณฉู่ ตื่นได้แล้วค่ะ มีคนโทรหาคุณ” จางหมิ่นหรี่ตาเล็กน้อยแล้วเขย่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวอย่างอ่อนโยน

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหาวแล้วบิดตัวไปมา เธอยังคงหลับตาอยู่ จากนั้นก็พูดอย่างเกียจคร้านว่า: "ใครเหรอ? สายจากเทียนหลีเหรอ? ถ้าไม่ใช่สายของเทียนหลีฉันไม่รับ"

“ถึงแม้จะไม่ใช่สายจากคุณ แต่…ดูเหมือนว่าจะเป็นสายสำคัญ” จางหมิ่นเดินเข้าไปใกล้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวแล้วลดเสียงลงพร้อมกับพูดว่า “คุณฉู่ เก๋อหงหงตายแล้ว!”

“ตายแล้วก็ตายแล้วนะสิ…” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินว่าไม่ใช่สายจากเซียวเทียนหลี หลังจากนั้นก็ไม่สนใจและขี้เกียจจะฟังอีก จากนั้นเธอก็หาวอีกครั้งและหลับต่อไป

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรู้ว่าสิ่งที่จางหมิ่นพูดหมายความว่าอะไร เธอขมวดคิ้วช้าๆแล้วลืมตาขึ้นและหันไปมองจางหมิ่น: “เธอบอกว่าเก๋อหงหงตายแล้วงั้นเหรอ เธอ ตายได้ยังไง"

จางหมิ่นกระซิบด้วยน้ำเสียงที่สงบโดยไร้ความรู้สึก : “ได้ยินมาว่า เธอถูกลงโทษ ทั้งๆที่ยังไม่ทันถึงไหนก็ตายซะแล้ว!"

“อ้อ…” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกระพริบตาถี่ๆและสูดหายใจเข้าลึกๆด้วยความไม่สบายใจเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะคอยพูดว่าอยากให้เซี่ยอันหรานตาย ถึงแม้เธอเคยเห็นเซียวเทียนหลีฆ่าคนและเธอไม่เคยทำให้ใครตายด้วยตัวเธอเองมาก่อน ตอนนี้จู่ๆเก๋อหงหงก็มาตายเพราะ "การลงโทษ" ของเธอเอง ทำให้ในใจของฉู่เสี่ยวเสี่ยวช็อคหนักมาก

เมื่อเทียบกับความรู้สึกผิดและการโทษตัวเองระหว่างจางหมิ่นและฉู่เสี่ยวเสี่ยวหลังจากได้ยินเรื่องนี้ ฉู่เสี่ยวเสี่ยวกังวลมากกว่าเพราะกลัวว่าเรื่องนี้จะสาวมาถึงเธอ แม้ว่าจางหมิ่นจะมีความสามารถในการจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ แต่เธอฉู่เสี่ยวเสี่ยวกำลังจะเป็นนักแสดง ถ้าหากเธอไม่สามารถเป็นคนดังได้เพราะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอก็ทำได้เพียงดูเซี่ยอันหรานค่อยๆกลายเป็นคนดัง ถ้าเป็นเช่นนั้นก็คงไม่คุ้มแน่ๆ

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหายใจเข้าลึกๆแล้วหยิบโทรศัพท์จากจางหมิ่น และโทรหาเซียวเทียนหลี แต่ก็ยังคงเป็นหวังอี้เลขาของเซียวเทียนหลีเช่นเคยที่เป็นคนรับสาย: “ต้องขอโทษด้วยครับคุณฉู่ คุณเซียวไม่สามารถรับสายได้”

“ไม่สามารถรับสายได้?” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวตะโกนเสียงดัง: “สายจากฉันก็ไม่สามารถรับได้งั้นเหรอ? ฉันจะบอกอะไรนายให้ รีบหาเทียนหลีให้เจอ ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา ไม่อย่างนั้น…”

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวหรี่ตาลงและพยายามคิดเรื่องที่เธอสามารถคุกคามเซียวเทียนหลีได้ จากนั้นจู่ๆเธอก็ลดเสียงลงและพูดกับหวังอี้ว่า: "ถ้านายไม่ช่วยฉันติดต่อเทียนหลี ฉันจะไปตาย ดูสิว่าเธอจะอธิบายกับเทียนหลียังไง นายก็แค่หมาที่อยู่ข้างๆคอยรับใช้เทียนหลี นายก็น่าจะรู้ว่าฉันสำคัญกับเทียนหลีแค่ไหน นายรีบไปติดต่อเทียนหลีเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวนี้!

หลังจากที่ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดจบ ฝั่งหวังอี้ก็เงียบลง จากนั้นฉู่เสี่ยวเฉี่ยวก็ได้ยินเสียงลมพัดมาจากโทรศัพท์ ทำให้เธอรู้สึกราวกับว่าข้างนอกหิมะกำลังตก

ทันใดนั้น เสียงยิ้มแย้มของเซียวเทียนหลีก็ดังผ่านโทรศัพท์: "เกิดอะไรขึ้นเหรอ?"

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวไม่ได้ยินเสียงของเซียวเทียนหลีมานานแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะสูดจมูกด้วยความน้อยใจพร้อมกับพูดในขณะที่กำลังร้องไห้: “เทียนหลี ทำไมช่วงนี้เธอไม่ติดต่อเค้ามาเลย เธอรู้หรือเปล่าว่าเค้าคิดถึงเธอมากแค่ไหน? "

“อ้อ? คิดถึงฉันอยู่จริงๆเหรอ? คุณไม่มีเรื่องอย่างอื่นให้ทำเหรอ?แก้เหงาเหรอ?” เซียวเทียนหลีพูดออกมาช้าๆด้วยรอยยิ้ม

น้ำเสียงของเซียวเทียนหลีคลุมเครือมาก แต่เพราะว่าฉู่เสี่ยวเสี่ยวเคยนอนกับถังรั่วชิวมาก่อน ทำให้ในใจรู้สึกผิดและรู้สึกดูเหมือนกับว่าเซียวเทียนหลีจะมีเรื่องอื่นที่จะพูด เธอจึงพูดอย่างประหม่าว่า: "ไม่ใช่ ไม่ใช่ ฉันไม่มีเรื่องอะไรให้ทำทั้งนั้นแหละ ฉันไม่ทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อคุณหรอก”

เซียวเทียนหลีหัวเราะออกมาเบาๆและพูดด้วยน้ำเสียงคลุมเคลือตามปกติของเขา: “ก็แค่ล้อเล่น ทำไมคุณถึงกลัวขนาดนี้ล่ะ? บอกมาสิว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ๆถึงทำให้คุณกลัวจนอยากตาย?”

“อันที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก ถ้าจะโทษก็ต้องโทษเซี่ยอันหราน!” ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดเสียงดัง

ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกว่าการตายของเก๋อหงหง ยังไงซะเซี่ยอันหรานและเฉิงเสี่ยวเถียนก็ต้องรับผิดชอบ ถ้าเซี่ยอันหรานไม่ยั่วให้เธอโมโหและถ้าเฉิงเสี่ยวเถียนถูกใส่ร้ายว่าเป็นขโมยแล้วถูกจับกุมได้อย่างราบรื่น ถ้าเป็นเช่นนั้นเธอก็ไม่ต้องไปลงโทษเก๋อหงหงและเก๋อหงหงก็จะไม่ตาย ทั้งประโยคนี้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวพูดด้วยความมั่นใจและตรงไปตรงมา เพราะในก้นบึ้งของหัวใจเธอรู้สึกว่าเรื่องนี้ตัวเองไม่ผิดเลยสักนิด คนที่ผิดคือเซี่ยอันหรานและเฉิงเสี่ยวเถียน!

แต่เก๋อหงหงตายภายใต้มือของคนที่เธอส่งไป ทำให้ฉู่เสี่ยวเสี่ยวรู้สึกลำบากเล็กน้อย

“เซี่ยอันหราน?” เซียวเทียนหลีหันศีรษะและเหลือบมองหน้าจอที่อยู่ในห้อง หน้าจอกำลังฉายฉากหนึ่งในรายการที่เซี่ยอันหรานและนักแสดงอีกคนที่ชื่อหมิงเยี่ยนเฟยเข้าร่วมด้วยกัน

ในวิดีโอ แม้ว่าเซี่ยอันหรานจะมีบาดแผลบนมือ แต่เธอก็ยังช่วยชายคนที่ชื่อหมิงเยี่ยนเฟยทำอาหาร แม้ว่าจะเป็นเพียงอาหารง่ายๆไม่กี่เมนู แต่ดูเหมือนจะอร่อยมาก และแม้ว่าจะถูกกลั่นด้วยหน้าจอทีวีแต่ก็ยังทำให้ได้กลิ่นหอมของอาหาร

เซียวเทียนหลีเฝ้าติดตามการเคลื่อนไหวของโม่เซ่าเหยียนตลอด รวมถึงดังฟังเสียงของโม่เซ่าเหยียนที่คุยกับเซี่ยอันหราน อีกทั้งยังมีวิดีโอและรูปภาพของโม่เซ่าเหยียนเกือบทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับเซี่ยอันหราน เซียวเทียนหลีก็มีเช่นกัน

เซียวเทียนหลีดูวิดีโอที่เซี่ยอันหรานทำท่าทางกำลังเป่าข้าว จากนั้นก็ค่อยๆหยิบขึ้นมาอย่างระมัดระวังและป้อนให้หมิงเยี่ยนเฟย เขายกมุมปากขึ้นเบาๆแล้วเลิกคิ้วและแสดงรอยยิ้มที่แปลกประหลาดออกมา : "เซี่ยอันหราน่ะ ฉันเคยบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าตอนนี้ไม่อนุญาตให้คุณไปหาเรื่องเธอ? เกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ถึงไม่เชื่อฟังฉัน?”

แม้ว่าคำพูดของเซียวเทียนหลีจะพูดด้วยรอยยิ้ม แต่พอหูของฉู่เสี่ยวเสี่ยวได้ยินเข้าก็รู้สึกน่ากลัวอย่างมาก บางทีถ้าสำหรับคนอื่นๆ รอยยิ้มหมายถึงความสนิทชิดใกล้และความอ่อนโยน แต่สำหรับเซียวเทียนหลีรอยยิ้มของเขาหมายถึงความตาย

ยิ่งเซียวเทียนหลียิ้มอย่างอ่อนโยนและเมตตามากเท่าไหร่ คนๆนั้นก็จะตายอย่างน่าสังเวชมากเท่านั้น!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+