คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 724 ความจริง! กรีดลงบนร่างกายทีละน้อย

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 724 ความจริง! กรีดลงบนร่างกายทีละน้อย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 724 ความจริง! กรีดลงบนร่างกายทีละน้อย

ฉางซานอยู่ในหน่วยอัศวินดาบอาญาสิทธิ์มาสามสิบกว่าปี เป็นรองผู้บัญชาการอัศวินดาบอาญาสิทธิ์ยี่สิบห้าปี ย่อมรู้จักสัญลักษณ์ของหน่วยอัศวินเป็นอย่างดี

สี่หน่วยอัศวินแสดงถึงไพ่ทาโรต์สำรับเล็ก

ไพ่ประจำตัวผู้บัญชาการหน่วยอัศวินดาบอาญาสิทธิ์ก็คือไพ่ราชาถือดาบ

อัศวินในหน่วยทั้งหมดต้องฟังคำสั่งของผู้บัญชาการ ห้ามขัดขืนใดๆ ทั้งสิ้น

สีหน้าของฉางซานเปลี่ยนไปทันที เริ่มตัวสั่น

เขาจ้องสัญลักษณ์บนดาบยาวอย่างไม่วางตา ทันใดนั้นก็ร้องเหมือนจะขาดใจ “ผู้บัญชาการ…แกคือผู้บัญชาการเหรอ!”

ผู้บัญชาการหน่วยอัศวินดาบอาญาสิทธิ์คนใหม่ทำไมถึงเป็นไอ้เด็กกระจอกที่เพิ่งมาเมืองแห่งโลกได้

หลังจากที่ฟู่อวิ๋นเซินตามอวี้เซ่าอวิ๋นมาที่ตระกูลอวี้ ฉางซานก็เอาประวัติของเขามาดู รวมถึงตอนที่อยู่ประเทศจีน

ประธานเครือบริษัท คุณชายเจ็ดแห่งตระกูลฟู่

ลูกคุณหนูมาแต่กำเนิด จะไปเอาฝีมือการต่อสู้ขั้นเทพมาจากไหนกัน

ฉางซานเหงื่อแตก เนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อ สมองตื้อไปหมด “แย่ละ…”

การใช้ปืนอ่านความทรงจำค่อนข้างมีเงื่อนไขมากพอสมควร

คนที่จะถูกอ่านความทรงจำได้ก็มีน้อยมาก ทำให้สิ่งประดิษฐ์ชนิดนี้เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างไปต่อหรือพอแค่นี้ดี

หนึ่งในเงื่อนไขก็คือ ต้องรอให้คนที่จะถูกอ่านความทรงจำสติแตกเสียก่อน

ตรงกันข้าม คนที่มีสมาธิแน่วแน่ ไม่ว่าอย่างไรก็ถูกอ่านความทรงจำไม่ได้

เพราะฉะนั้นปืนอ่านความทรงจำจึงใช้ไม่ได้ผลกับจูซาที่เป็นคนระมัดระวังตัวอยู่เสมอ

สมองของมนุษย์ซับซ้อนเกินไป แม้ปัจจุบันวิทยาการต่างๆ จะล้ำหน้ามาถึงขนาดนี้แล้ว แต่ก็ยังวิจัยสมองของมนุษย์ได้ไม่ถึงที่สุด

ฟู่อวิ๋นเซินเล่นปืนสีเงินอันเล็กกะทัดรัด ยิ้มมุมปาก “ถ้าฉันยิงปืนเข้าตรงนี้ ขอเพียงแต่ฉันเห็นความทรงจำส่วนที่มีประโยชน์ ฉันก็จะวาดดาบลงบนตัวแก คิดว่าไง”

“ไม่นะ!” ฉางซานหน้าซีด ส่ายหัวสุดชีวิต “ฉันไม่อยากถูกอ่านความทรงจำ ไม่เอา!”

เขาเองก็รู้เรื่องเงื่อนไขการใช้ปืนอ่านความทรงจำ

แต่สถานะของฟู่อวิ๋นเซินที่เปิดเผยออกมาได้ทำให้เขาช็อกมาก เขาไม่สามารถควบคุมสติของตัวเองได้

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ให้โอกาสฉางซานได้ขัดขืน มือข้างหนึ่งจับบ่าของเขาไว้ มืออีกข้างก็เหนี่ยวไก

ปัง!

มีแสงสีขาวแวบผ่าน ฉางซานสลบไปอีกรอบ

“ฉันเองๆ” ฉินหลิงเยี่ยนรับปืนอ่านความทรงจำมาอย่างอารมณ์ดี “ฉันยังไม่เคยเล่นของแบบนี้เลย”

เขาเอาปืนอ่านความทรงจำเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ มือก็เคาะแป้นคีย์บอร์ดอย่างรวดเร็ว ไม่นานก็ปรากฏเป็นคลิปวิดีโอขึ้นมา

อิ๋งจื่อจินยืนอยู่ข้างฟู่อวิ๋นเซิน ดูไปพร้อมๆ กับเขา

ช่วงเวลาที่อวี้เซ่าอวิ๋นถูกล้อมโจมตีชัดเจนมาก สามารถไล่ลำดับเหตุการณ์ไปได้จนถึงปีนั้น

ในคลิปปรากฏเป็นหุบเขา มีเสียงนกร้องแมกไม้นานาพันธุ์ สายลมพัดเอื่อย

แต่ภายในหุบเขากลับนองไปด้วยเลือด

หุบเขาแห่งนี้เป็นสวรรค์แห่งการพักตากอากาศ อยู่ไกลจากใจกลางเมืองมากพอสมควร การขอความช่วยเหลือก็ต้องใช้เวลา

เลือดไหลนอง ศพบนพื้นเกลื่อนกลาด

ภาพในคลิปเป็นจากมุมที่มองลงไป

นี่ก็แสดงว่าเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนที่อวี้เซ่าอวิ๋นถูกล้อมโจมตี ฉางซานก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย

แต่เมื่อภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป ฟู่อวิ๋นเซินก็สังเกตเห็นจุดบอดได้อย่างรวดเร็ว “เป้าหมายในการล้อมโจมตีไม่ใช่เขา แต่เป็นคุณแม่”

เห็นได้ชัดว่าคนที่ล้อมโจมตีมีเป้าหมายคือฟู่หลิวอิ๋ง แต่ถูกอวี้เซ่าอวิ๋นขัดขวางตลอด

แต่ในสายตาของฉางซานและคนอื่นๆ ฟู่หลิวอิ๋งไม่มีค่าอะไร ย่อมคิดว่าเป้าหมายคืออวี้เซ่าอวิ๋น

ฟู่หลิวอิ๋งเติบโตมาในตระกูลฟู่ตั้งแต่เด็ก เป็นคุณหนูไฮโซมาตลอด ถนัดปรุงเครื่องหอมต่างๆ ย่อมไม่มีความสามารถในการต่อสู้มากนัก

“เดี๋ยวนะ” อิ๋งจื่อจินหรี่ตา เอานิ้วชี้ “ตรงนี้ หมุนขวาสามสิบห้าองศาแล้วขยาย”

ฉินหลิงเยี่ยนทำตามทันที ปรับภาพให้คมชัดขึ้น

ตรงข้างข้อมือขวาของนักฆ่าชุดดำมีสัญลักษณ์หัวกะโหลกสีดำที่ชัดเจนอยู่อันหนึ่ง

ฟู่อวิ๋นเซินเงยหน้าเล็กน้อย ดวงตาฉายแววเย็นชา “เป็นพวกเขาจริงๆ สินะ”

คลิปวิดีโอยังคงเล่นต่อไป

มีคนอีกกลุ่มไล่ตามอวี้เซ่าอวิ๋นกับฟู่หลิวอิ๋ง

แต่ทว่าแม้กลุ่มที่สองนี้จะใส่ชุดสีดำ แต่กลับเป็นอัศวินดาบอาญาสิทธิ์ที่ฉางซานเรียกมา

ฝีมือของกลุ่มอิทธิพลหัวกะโหลกสีดำสูงมาก อวี้เซ่าอวิ๋นอดทนจนฆ่าคนชุดดำคนสุดท้ายเสร็จถึงหมดสติไป

แต่ก่อนที่เขาจะหมดสติ เขาเห็นอัศวินดาบอาญาสิทธิ์จงใจบีบให้ฟู่หลิวอิ๋งถอย

ในขณะเดียวกันภาพเหตุการณ์นี้ก็ถูกทีมคุ้มกันของตระกูลอวี้เห็นเข้าแล้ว

เกิดเป็นสถานการณ์เท็จที่ว่าฟู่หลิวอิ๋งทรยศอวี้เซ่าอวิ๋นได้เป็นอย่างดี

แต่หารู้ไม่ว่า ความจริงในสายตาของคนเราต่างหากที่เป็นคำโกหกที่หลอกลวงที่สุด

สำหรับชาวเมืองแห่งโลกแล้ว ระหว่างหน่วยอัศวินดาบอาญาสิทธิ์กับฟู่หลิวอิ๋ง แน่นอนว่าอย่างแรกน่าเชื่อถือกว่า

นิ้วมือของฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ กำแน่น ดวงตาฉายแววอาฆาตแค้น

ถ้าไม่มีคนกลุ่มที่สองที่ฉางซานเรียกมา ฟู่หลิวอิ๋งสามารถพาอวี้เซ่าอวิ๋นออกไปจากหุบเขาตากอากาศได้

ถ้าไม่มีการถ่วงเวลา อวี้เซ่าอวิ๋นก็อาจไม่ถึงขั้นสมองตายด้วยซ้ำ

โศกนาฏกรรมเกิดขึ้นในตอนนี้

ไม่อาจย้อนเวลาคืนได้นับแต่นี้ไป

“เหมือนที่ฉันเดาไว้ไม่ผิด” ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินหรี่ลง “พวกเขาสองพี่น้องแค่ต้องการตระกูลอวี้ แต่อิทธิพลหัวกะโหลกสีดำต้องการชีวิตคุณแม่”

แต่ต้องพูดเลยว่าจูซารอบคอบมากจริงๆ

ในบรรดาความทรงจำของฉางซานที่ถูกอ่านออกมา ไม่มีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอแม้แต่น้อย

แม้จะเป็นในความทรงจำของฉางซาน เธอก็ยังคงมีภาพลักษณ์ที่อ่อนโยนใจดี มองไม่เห็นความโหดเหี้ยมแม้แต่น้อย

ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ในที่สุดฉางซานก็เริ่มฟื้น

ขณะที่กำลังนึกว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น เขาก็เห็นภาพเหตุการณ์ที่ผนึกอยู่ในความทรงจำปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่

ความหวาดกลัวครอบงำอย่างควบคุมไม่ได้ เขาร้องตะโกนเสียงหลง “ฟู่อวิ๋นเซิน!”

แย่แล้ว จบเห่แล้วงานนี้!

เรื่องในตอนนั้นมาแตกเอาแบบนี้

ฉางซานไม่เคยคิดว่าจะมีวันที่ความลับแตก

อย่างไรเสียก็ไม่มีใครกล้าใช้ปืนอ่านความทรงจำของเขา ไม่มีใครกล้าลงมือกับเขา

ตอนนี้จะทำไงดี

ผู้บัญชาการหน่วยอัศวินดาบอาญาสิทธิ์มีสิทธิ์ฆ่ารองผู้บัญชาการและอัศวินทั่วไป

ฉางซานปากสั่น ความอวดดีแบบก่อนหน้านี้หายไปอย่างสิ้นเชิง “คุณชายฟู่ เรื่องของคุณแม่คุณไม่เกี่ยวกับผม ผมไม่รู้จักคนกลุ่มนั้นเลยนะ!”

“ใช่ ฉันเชื่อว่าแกไม่รู้จักพวกเขา” ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “แต่นั่นแม่ฉัน”

สีหน้าของฉางซานเริ่มหมดหวังทีละนิด

ทำไมฟู่หลิวอิ๋งถึงมีลูกชายที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ได้

ฉางซานตัวสั่น “คุณชายฟู่ คุณต้องไปล้างแค้นคนพวกนั้น พวกมันต่างหากที่เป็นคนร้ายตัวจริง!”

ฟู่อวิ๋นเซินไม่ตอบ

สีหน้าของเขาเรื่อยเปื่อย เล่นของที่อยู่ในมืออย่างไม่ใส่ใจ

ดาบนั้นค่อยๆ กรีดลงบนร่างกายของฉางซาน

ราวกับกำลังแกะสลักผลงานศิลปะ แต่ละท่วงท่าล้วนประณีตงดงาม

เสียงกรีดร้องทรมานดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง

“หึ แกคิดจะฆ่าฉัน! แต่ต่อให้แกฆ่าฉัน ตระกูลอวี้ก็ไม่มีทางเป็นของแกหรอก” ฉางซานกระอักเลือด กัดฟันพูด “มีซาเอ๋อร์อยู่ แกต้องตายในไม่ช้าก็เร็ว!”

เขาเชื่อในสติปัญญาและความสามารถของจูซา

ไม่อย่างนั้นคงไม่มีทางปั่นหัวคนทั้งตระกูลอวี้กับฟู่หลิวอิ๋งได้

“ไม่ต้องรีบ” ฟู่อวิ๋นเซินโน้มตัว จับหลังดาบ เอาตบหน้าของฉางซานเบาๆ “อีกไม่นานน้องสาวแกก็จะตามไปอยู่เป็นเพื่อนแกเหมือนกัน น้องสาวแกจะต้องขึ้นศาลตัดสิน ความตายยังเป็นเหมือนของฟุ่มเฟือยสำหรับน้องสาวแกเลยด้วยซ้ำ”

ฉางซานเบิกตาโพลง แต่ทันใดนั้นเขาก็ใจเย็นลง

เขากระอักเลือด แสยะยิ้ม “แกเล่นงานซาเอ๋อร์ไม่ได้หรอก แกไม่มีหลักฐาน แกอยากส่งเธอไปขึ้นศาลตัดสิน อย่าแม้แต่จะฝันเลย!”

ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าจูซาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ยกเว้นตัวเธอเอง

แล้วนับประสาอะไรกับการที่จูซาเคยเป็นผู้บัญชาการหน่วยอัศวินจอกศักดิ์สิทธิ์มาก่อน มีคนเคารพเธอมากมาย

การฆ่าเธอมีแต่จะสร้างความโกรธแค้นให้ผู้คน

ฉางซานมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ซาเอ๋อร์ยังเป็นแม่ของเซ่าอิ่งด้วย เอาแค่จุดนี้ ฉันบอกแกเลยนะ ตระกูลอวี้ไม่มีทางทำอะไรเธอ”

“ตอนนี้แกยังไม่รู้อีกว่าเขาไม่ต้องพึ่งพาใคร” อิ๋งจื่อจินก็ค่อยๆ โน้มตัว ดวงตาหงส์ฉายแววเย็นชา “แกมันสมควรตายจริงๆ”

เธอออกแรงที่มือ บิดกรามของฉางซานหลุด จากนั้นก็ยัดยาเข้าไปหนึ่งเม็ด

ฉางซานร้องโวยวายด้วยความเจ็บปวดอีกครั้ง “แก แกคือคนที่…”

เขาเองก็ได้ดูการทดลองบินในวันนั้น

อิ๋งจื่อจินหน้าตาดีมาก แค่เห็นก็จำได้

ทำไมม้ามืดของคณะวิศวกรรมศาสตร์ก็เกี่ยวข้องกับฟู่อวิ๋นเซินล่ะ!

วินาทีถัดมาเกิดความเจ็บปวดที่รุนแรงกว่า

ฉางซานดิ้นทุรนทุรายอยู่บนพื้น ร้องโวยวายต่อเนื่อง

เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด มองไม่เห็นส่วนของผิวหนังที่สมบูรณ์แล้ว

ฉินหลิงเยี่ยนเอามือปิดหู

ล่วงเกินใครไม่ล่วง ดันมาล่วงเกินฟู่อวิ๋นเซินกับอิ๋งจื่อจิน

สองคนนี้เข้าขากันได้ดีมาก คนหนึ่งฆ่าอีกคนหนึ่งยื่นมีด

“สกปรก” ฟู่อวิ๋นเซินเอามือปิดตาอิ๋งจื่อจิน “อย่าดูเลย พวกเราออกไปเถอะ”

“พวกนายออกไป ฉันเฝ้าไว้เอง” ฉินหลิงเยี่ยนชักสนุก “ขอฉันดูอีกหน่อย”

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบมองเขาแล้วออกไป

ประตูถูกปิดลง

ด้านนอกห้องท้องฟ้าสีครามโปร่งใสไร้เมฆไกลหมื่นลี้ แสงแดดเจิดจ้า

ราวกับไร้ความมืดมิด

เงียบกันอยู่สักพัก

“เมื่อก่อนเวลาเหนื่อยมากจนไม่รู้จะทนต่อไปยังไง” ฟู่อวิ๋นเซินพิงกำแพง เงยหน้าเล็กน้อย “ก็จะหยิบรูปแม่ออกมาดู”

ในมือฟู่อวิ๋นเซินมีนาฬิกาพกที่ขึ้นสนิม เห็นได้ชัดว่าเก่าแก่มาก

ด้านขวาเป็นรูปฟู่หลิวอิ๋ง

ดูอ่อนเยาว์มาก

มีดวงตาดอกท้อที่ทรงเสน่ห์เหมือนกัน แววตาสุกใส งดงามชวนมอง

แต่โชคชะตาก็โหดร้ายเกินไป ทำให้ผู้หญิงที่สวยสะกดใจคนนี้ไม่มีโอกาสได้แก่ชรา

“คุณปู่มักพูดอยู่บ่อยๆ ว่าสะดือเป็นจุดที่เชื่อมต่อกับแม่” มือขวาของเขายันศีรษะ หัวเราะเบาๆ “คุณแม่ยอมเสี่ยงตายคลอดเราออกมา แล้วทำไมเราถึงจะยอมตายง่ายๆ ล่ะ”

สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง

เธอยกมือจับมือของเขา “ยังมีฉันอยู่นะ”

แววตาของฟู่อวิ๋นเซินวูบไหว สายตาอ่อนโยน “พี่ชายรู้”

หนึ่งชั่วโมงต่อมาประตูก็เปิดออกอีกครั้ง

ฉินหลิงเยี่ยนเดินออกมา “หมดลมแล้ว เฮ้อ ยังเล่นไม่พอเลย”

“เก็บกวาดสะอาดหรือเปล่า”

“สะอาด ไม่เหลือแม้ผมสักเส้น”

ฟู่อวิ๋นเซินตอบอืม

“เหล่าฟู่ หมอนี่ตาย ผู้วิเศษคงไม่มาเอาเรื่องนายใช่ไหม” ฉินหลิงเยี่ยนแอบกังวล “ตอนนี้พวกเรายังต่อกรกับสำนักผู้วิเศษไม่ได้ด้วย”

“วางใจเถอะ ผู้วิเศษก็ไม่ได้ว่างนักหรอก” ฟู่อวิ๋นเซินพูด “พวกหน่วยอัศวินก็เป็นแค่เครื่องมือที่มีหรือไม่มีก็ได้สำหรับพวกเขา”

อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้ว ค่อยๆ พูดเสริม “รู้แบบนี้จะไม่เป็นงั้นสิ”

“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินลูบศีรษะเธอ ยิ้มพลางพูด “ก็ไม่ถึงกับจะไม่เป็น เป็นเอาสนุกๆ”

ฉินหลิงเยี่ยน “?”

นี่เป็นชีวิตของพวกบอสที่เขาเข้าไม่ถึงหรือเปล่า

ฟู่อวิ๋นเซินเหลือบดูเวลา “เดี๋ยวไปโรงพยาบาลกัน”

อีกด้านหนึ่ง

ตระกูลอวี้

ตอนเที่ยงเซ่าอวิ๋นกลับจากสนามฝึกมาที่บ้าน เห็นคุณนายผู้เฒ่าอวี้กำลังพูดคุยกับหนุ่มสาวคู่หนึ่ง ยิ้มหน้าบานไม่หุบ

เขาขมวดคิ้ว สุดท้ายก็เรียก “คุณแม่”

“เซ่าอวิ๋น กลับมาแล้วเหรอ” คุณนายผู้เฒ่าอวี้อารมณ์ดีมาก “คนนี้คุณชายหลิงอวี่ คนนี้คุณหนูหนิงรั่ว”

สองพี่น้องยืนขึ้น ทักทายเซ่าอวิ๋น “ท่านหัวหน้าตระกูล”

“คุณชายหลิงอวี่เป็นผู้ดูแลเว็บดับบลิวรหัสศูนย์ศูนย์หก” คุณนายผู้เฒ่าอวี้รู้สึกชื่นชม “เป็นคนหนุ่มที่เก่งจริงๆ”

หลิงอวี่ถ่อมตัว “คุณนายผู้เฒ่าชมเกินไปแล้วครับ ผมก็แค่สืบทอดแอ๊กเคานท์ของคุณพ่อเองครับ”

“ไม่ต้องถ่อมตัว เดิมทีชาติตระกูลก็สำคัญอยู่แล้ว” คุณนายผู้เฒ่าอวี้ยิ้ม “เซ่าอวิ๋น ปีนี้คุณหนูหนิงรั่วอายุยี่สิบสามปี ยังไม่มีคู่ครอง ลูกคิดว่าเป็นไง”

เซ่าอวิ๋นส่งสายตาให้หัวหน้าคนคุ้มกันเชิญสองคนนี้ออกไป

จากนั้นถึงมองคุณนายผู้เฒ่าอวี้ “คุณแม่คิดจะทำอะไรอีกครับ”

“ทำอะไร” คุณนายผู้เฒ่าอวี้หุบยิ้ม อารมณ์เปลี่ยนทันที พูดประชด “ฉันกับซาเอ๋อร์อุตส่าห์ทุ่มเทเลือกคุณหนูมีชาติตระกูลให้ไอ้ลูกนอกคอกของแก แกยังจะไม่พอใจอีกเหรอ”

เซ่าอวิ๋นแสยะยิ้มโดยไม่ต้องคิด “เป็นไปไม่ได้”

เขาเคยเห็นเด็กสาวที่อยู่ข้างกายฟู่อวิ๋นเซินหลายครั้ง

บุคลิกงดงาม หน้าตาโดดเด่น

แต่ต่อให้ฟู่อวิ๋นเซินยังไม่มีคนรัก เขาก็ไม่มีทางจับคู่ให้

โศกนาฏกรรมบางอย่าง เกิดขึ้นแค่ครั้งเดียวก็พอแล้ว

“ฉันขอพูดไว้ตรงนี้เลยนะ” คุณนายผู้เฒ่าอวี้กระแทกแก้ว “ในเมื่อเขาเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลอวี้ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องทุ่มเทเพื่อความเจริญก้าวหน้าของตระกูลด้วย”

“มิฉะนั้นก็อย่ามาโทษที่ฉันจะใช้วิธีเดียวกับที่ทำกับแกในตอนนั้น”

คิดว่าเข้ามาอยู่ตระกูลอวี้แล้วจะมีอิสระในการแต่งงานงั้นเหรอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด