คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ 804 ล้มป่วย

Now you are reading คุณหนูไฮโซยอดอัจฉริยะ Chapter 804 ล้มป่วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 804 ล้มป่วย

ฮองเฮากล่าวจบก็ลุกขึ้นเตรียมจะไป ก่อนไปยังทิ้งท้ายไว้อีกประโยคว่า “อีกอย่าง อย่าลืมคิดว่าจะรับมือเสด็จพ่อเจ้าเช่นไร”

วันนี้เรื่องที่เกิดในจวนอ๋องจิ่น หากไม่เหนือความคาดหมาย ฝ่าบาทในวังย่อมรู้แล้ว

อ๋องจิ่นย่อมต้องเผชิญกับคำถามเอาเรื่องจากฝ่าบาท

เซียวเจินไม่กล่าวอันใด

ฮองเฮานำคนเดินออกไป ไม่ได้ร่วมงานเลี้ยงจวนอ๋องจิ่น ตรงกลับเข้าวังทันที นางเพิ่งจะกลับมาถึง ฮ่องเต้ก็เสด็จมาด้วยสีพระพักตร์เย็นเยียบ

วันอภิเษกดีๆ ถึงกับทำจนเป็นเรื่องน่าหัวเราะเยาะไปทั่วเมืองหลวง ฮ่องเต้จะทรงดีพระทัยได้หรือ

ฮองเฮามองฮ่องเต้ ก่อนจะคุกเข่าลง “หม่อมฉันขอฝ่าบาททรงออกหน้าจัดการเรื่องนี้ให้เจินเอ๋อร์ วันนี้เจินเอ๋อร์เกิดเรื่องในงานอภิเษก ต้องมีคนวางอุบายเป็นแน่เพคะ”

เซียวอวี้ย่อมรู้ว่าเซียวเจินโดนอุบาย แต่โดนอุบายในวันอภิเษกได้ ก็แสดงให้เห็นว่าเขาโง่เง่าไม่ใช่หรือ

เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่ทำให้เซียวอวี้ไม่พอใจที่สุด

ฮองเฮากับฝ่าบาทไม่ได้คิดเหมือนกัน นางน้ำตาคลอมองเซียวอวี้ “ขอฝ่าบาทโปรดตรวจสอบด้วยเพคะ”

ฮองเฮาสงสัยเซียวเหวินอวี๋ แต่กลับไม่มีทางกล่าวออกมาด้วยตนเอง เพราะนั่นคือบุตรชายที่เซียวอวี้โปรดปราน พวกเขาไม่มีหลักฐาน จะมาว่ากล่าวผู้อื่นตามอำเภอใจได้อย่างไร ดังนั้นได้แต่ให้เซียวอวี้ไปสืบ

เซียวอวี้มองฮองเฮา แค่นหัวเราะก่อนจะลุกขึ้นเดินออกไปทันที

เซียวอวี้ออกไป ฮองเฮาก็โมโหขว้างปาสิ่งของ นางไม่เชื่อว่าเซียวอวี้เดาไม่ออกว่าเรื่องวันนี้ คนที่น่าจะลงมือกับเซียวเจินที่สุดคือผู้ใด เพียงแต่เขาลำเอียงเท่านั้น

เซียวอวี้กลับถึงห้องทรงอักษร ก็รับสั่งให้ตามตัวเซียวเหวินอวี๋มาเข้าเฝ้า

“วันนี้เรื่องที่เกิดในจวนเสด็จพี่เป็นฝีมือเจ้าหรือ”

เซียวเหวินอวี๋มีสีหน้าไม่พอใจทันที จ้องมองเซียวอวี้ “เสด็จพ่อหมายความเยี่ยงไรพ่ะย่ะค่ะ”

เซียวอวี้ถามเซียวเหวินอวี๋ด้วยสีหน้าเข้มขรึม “เจ้าต้องให้เราไปสืบหรือ”

เซียวเหวินอวี๋ไม่ได้รู้สึกกลัว กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เสด็จพ่อทรงไปสืบได้ หากสืบได้ว่าเป็นฝีมือหม่อมฉัน หม่อมฉันยอมโดนลงโทษพ่ะย่ะค่ะ”

กล่าวจบก็คุกเข่าตัวตรงท่าทางเหมือนตนเองไม่ได้ทำอันใด

เซียวอวี้เงียบงันไปครู่หนึ่งก็เอ่ยขึ้นว่า “เจ้าคิดว่าเราจะลงโทษเจ้าหรือ เราเพียงแต่ถามเท่านั้น”

น้ำเสียงทั้งอ่อนโยนและเมตตา คล้ายไม่ได้คิดจัดการเซียวเหวินอวี๋

น่าเสียดายเซียวเหวินอวี๋ยังคงนิ่งไม่ขยับ คุกเข่าทูลว่า “ขอเสด็จพ่อไปสืบความจริง หากสืบได้ว่าหม่อมฉันทำอันใดเขา หม่อมฉันยอมโดนลงโทษ และหม่อมฉันขอถามเสด็จพ่อสักคำ วันหน้าหากเซียวเจินเกิดเรื่องอันใด ล้วนเป็นการกระทำของหม่อมฉัน ใช่ไหมพ่ะย่ะค่ะ”

“หม่อมฉันอยากขอถามเสด็จพ่อสักคำ หากมีคนยุแยงพวกเราสองคน คิดทำให้พวกเราต่อสู้กันเอง คนผู้นั้นหลบอยู่เบื้องหลัง คอยเป็นคนเก็บเกี่ยวผลประโยชน์สุดท้ายเล่าพ่ะย่ะค่ะ”

วาจาเซียวเหวินอวี๋ทำให้เซียวอวี้พลันคิดถึงจ้าวกั๋วกง หรือว่าเรื่องวันนี้เป็นฝีมือคนจวนจ้าวกั๋วกง จะได้จัดการทั้งเซียวเจินและวางอุบายใส่เซียวเหวินอวี๋ ยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัว เซียวอวี้สีหน้าเยียบเย็น โบกมือกล่าวว่า “เจ้ากลับไปเถอะ เราจะให้คนไปสืบเรื่องนี้”

เซียวเหวินอวี๋ค่อยๆ แย้มยกมุมปากเล็กน้อย ลุกขึ้นถวายคำนับถอยออกไป

ตระกูลเซี่ย ลู่เจียวคิดถึงการกระทำของซื่อเป่าก็รู้สึกเป็นห่วง กำชับเซี่ยอวิ๋นจิ่น “เจ้าให้ซื่อเป่าสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าได้วางอุบายอันใดที่จะนำภัยมาถึงตัว”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นนางร้อนใจ ก็ยื่นมือไปโอบกอดนาง กล่าวว่า “เจ้าอย่าได้เป็นห่วง ซื่อเป่ารู้ควรทำเช่นไร อย่าเห็นว่าเขาอายุน้อย แต่อุบายเขาไม่ด้อย เขาอายุน้อยๆ ก็ก่อตั้งร้านเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับหนีฉางได้ หากไม่มีความสามารถ จะดำเนินกิจการร้านเครื่องแต่งกายและเครื่องประดับหนีฉางจนดีเช่นนี้ได้อย่างไร”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นปลอบใจ ลู่เจียวก็พอเข้าใจ นางหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น ถอนหายใจกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้พวกเราคิดเรื่องเข้าวังของเขาง่ายเกินไปสักหน่อย ตอนนี้ดูท่าไม่ใช่เรื่องดี วันนี้ไปร่วมงานเลี้ยงที่จวนอ๋องจิ่น ข้าเห็นคนในที่นั้น แม้ว่าภายนอกไม่แสดงออกอันใด แต่ลับหลังกลับมีแต่อุบาย ไม่พูดถึงผู้อื่น เอาแค่จงหย่งโหวกับจ้าวกั๋วกงแต่ละคนก็ล้วนมีอุบาย”

“อย่าว่าแต่ซื่อเป่าได้ขึ้นเป็นรัชทายาทแคว้นต้าโจว แค่ตอนนี้เขาดำรงตำแหน่งอ๋องหมิง ก็ทำให้คนจับจ้องแล้ว แต่ละคนแทบอยากจะกัดเขาคนละคำให้ได้”

“ดังนั้นพวกเราต้องช่วยเขา พวกเราลงเรือลำเดียวกับเขาแล้ว”

เซี่ยอวิ๋นจิ่นขมวดคิ้วเล็กน้อย พยักหน้าเห็นด้วย “ข้ารู้แล้ว เจ้าวางใจได้ ก่อนหน้านี้ข้ารู้สึกว่าเขาอายุน้อย หลายเรื่องไม่อยากให้เขาข้องเกี่ยว ตอนนี้มาคิดอีกที รู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ เกิดในราชวงศ์ อายุสิบห้าก็ถือว่าเป็นผู้ใหญ่แล้ว วันหน้าข้าจะช่วยเขา ซื่อเป่าต้องการสร้างตนเองขึ้นมา ก็จำเป็นต้องมีคนสนิทของตนเอง แม้ตอนนี้เขาเป็นองค์ชายรอง แต่ความจริงก็เป็นเพียงแค่สถานะเท่านั้น เขาไม่มีขุนนางคนสนิทในราชสำนัก และไม่มีทหารในกำมือ ยิ่งยังไม่ได้ทำประโยชน์อันใดให้แก่ราษฎรแคว้นต้าโจว ดังนั้นวันหน้าพวกเราต้องช่วยเขาวางหมากทีละตัวแล้ว”

“ได้ พวกเราไม่ขาดแคลนเงินทอง หากต้องการใช้เงินก็บอกข้าได้”

“ได้”

ตระกูลเซี่ย เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกำลังวางแผนให้เซียวเหวินอวี๋

ในวัง เซียวเหวินอวี๋กลับให้โจวโย่วฉินคอยจับตาดูองค์หญิงหมิงจูไว้

วันนี้เซียวเยว่กล้ารังแกท่านแม่เขา เขาจะปล่อยนางไปได้อย่างไร

แต่เซียวเหวินอวี๋เองก็รู้ว่า ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งจะจัดการเซียวเจิน ไม่อาจรีบลงมือกับเซียวเยว่ในตอนนี้ได้ ดังนั้นเขาได้แต่รอไว้ก่อน

รอมาสิบวันได้ หลังคืนวันที่สิบ องค์หญิงหมิงจูเซียวเยว่พลันมีไข้สูง ใบหน้ามีผื่นแดงมากมายผุดขึ้นมา ดูแล้วน่าตกใจอย่างมาก

หมอหลวงรีบมาตรวจดูอาการของเซียวเยว่ เซียวอวี้กับไทเฮาจ้าวต่างตกใจ สองคนมาเห็นท่าทางของเซียวเยว่ก็ตกใจสะดุ้ง ไทเฮาจ้าวผงะถอยหลังด้วยสัญชาตญาณ จากนั้นก็ตวาดถามหมอหลวง “องค์หญิงเป็นเช่นนี้ ใช่โรคติดต่อหรือไม่”

วาจากล่าวออกมาทำเอาทุกคนในตำหนักบรรทมต่างนิ่งอึ้ง หมอหลวงตกใจสะดุ้ง ณ ตอนนี้ พวกเขายังตรวจอาการป่วยขององค์หญิงไม่ออก ดังนั้นไม่รู้ว่าจะทูลตอบเยี่ยงไร พอได้ฟังไทเฮาก็ตกใจ

เซียวอวี้ได้ฟังไทเฮาจ้าวก็มองท่าทางตกใจของนาง คิดถึงเมื่อก่อนที่นางโปรดปรานองค์หญิงหมิงจู มาเห็นการกระทำยามนี้ของนางแล้วรู้สึกเพียงแต่น่าหัวเราะเยาะยิ่ง

แต่ในใจคิดแล้วก็เข้าใจ ตนเองเป็นบุตรชาย ก็เป็นแค่เครื่องมือของเสด็จแม่ นับประสาอันใดกับบุตรสาวเขา

เซียวอวี้ไม่ได้เอ่ยอันใด สั่งให้หมอหลวงรีบตรวจ

ไทเฮาจ้าวสั่งการลงไป “รีบปิดประตูตำหนักนี้ หากยังไม่อาจตรวจพบอาการป่วยขององค์หญิงหมิงจู ผู้ใดก็ห้ามเข้าออกตามอำเภอใจ”

“เพคะ ไทเฮา”

ไทเฮาจ้าวกล่าวจบก็จะพาคนออกไป เห็นเซียวอวี้ไม่ขยับ นางก็เอ่ยเร่งว่า “ฮ่องเต้ ยังไม่ไปอีก?”

เซียวอวี้ไม่ได้กล่าวอันใด เดินตามไทเฮาออกไป แต่พอเขาออกมาก็สั่งการไปว่า “ไปสำนักยาหลวงเชิญเจ้ากรมฉีมา”

ไทเฮาจ้าวได้ฟังฮ่องเต้ก็คิดถึงลู่เจียว แววตาพลันวูบไหว รีบสำทับไปอีกคำว่า “เชิญฮูหยินเซี่ยมาด้วย วิชาการแพทย์นางสูงส่งกว่าเจ้ากรมฉี ไม่แน่ว่าอาจตรวจพบอาการของเยว่เอ๋อร์ได้”

เซียวอวี้ได้ฟังไทเฮาจ้าวก็ไม่ได้คัดค้าน ขันทีรีบออกจากวังหลวงไปตามเจ้ากรมฉีและลู่เจียว

ยามนี้คนตระกูลเซี่ยกำลังนอนหลับ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวถูกเสียงฝีเท้าม้าปลุกตื่นขึ้น

ตั้งแต่วิชาการแพทย์ลู่เจียวแพร่ออกไป มักมีคนพาผู้ป่วยมาจวนตระกูลเซี่ยในยามเที่ยงคืนดึกดื่น

เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ยินเสียงเคลื่อนไหว ก็ไม่ได้ตื่นตกใจมากนัก คิดว่ามีผู้ป่วยมาขอให้รักษากลางดึกอีกแล้ว

แต่พอทั้งสองคนลุกขึ้น ก็ได้ยินพ่อบ้านเซียวเรือนด้านหน้าเข้ามารายงาน “ใต้เท้า ฮูหยิน ในวังมีรับสั่งให้ฮูหยินเข้าวังตรวจอาการป่วยให้องค์หญิงหมิงจู”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด