ย้อนชีวิตพิชิตเซียน 33 : เหล่าฮั๋ว

Now you are reading ย้อนชีวิตพิชิตเซียน Chapter 33 : เหล่าฮั๋ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่  33 : เหล่าฮั๋ว

นี่เป็นครั้งแรกที่เกายั่วเต๋อนึกขอบคุณซูอาน เพราะหากไม่ได้ซูอาน เขาคงต้องถูกฮั๋วเว่ยเฟิงฆ่าทิ้งไปแล้ว

คนอย่างฮั๋วเว่ยเฟิงนั้น พูดง่ายๆก็คือว่าสามารถจะทำอะไรก็ได้ในเจียงโจว ไม่มีใครกล้าห้ามหรือมีเรื่องกับเขาแน่ ต่อให้เขาต้องการชีวิตก็ตาม ..

และที่ซูอานไม่ให้ฮั๋วเว่ยเฟิงฆ่าเกายั่วเต๋อนั้น ก็เพราะคนธรรมดาสามัญในสายตาของซูอานล้วนไม่ต่างจากมดปลวก เขาไม่จำเป็นต้องเสียเวลาฆ่าให้ตาย

ซูอานไม่สนใจเกายั่วเต๋ออีก เขาหันไปบอกหลี่ตันที่ยืนอยู่ข้างๆ

“พวกเราไปกันได้แล้ว !”

หลี่ตันพยักหน้าเล็กน้อย และเดินตามซูอานไปอย่างว่าง่าย ..

เวลานี้ซูอานได้เข้าไปนั่งในหัวใจของเธอแล้ว ความเก่งกาจไปเสียแทบทุกด้านของซูอานทำให้หลี่ตันชื่นชอบเขาอย่างมาก !

ฮั๋วเว่ยเฟิงเห็นเช่นนั้นจึงรีบหันไปพูดกับซูอานว่า “ผู้มีพระคุณ ผมจะจดจำบุญคุณครั้งนี้ไว้ วันข้างหน้ามีสิ่งใดให้ผมทดแทน ได้โปรดบอกมาได้เลย !”

สีหน้าของซูอานยังคงนิ่งเรียบเช่นเคย เขาตอบกลับโดยไม่ใส่ใจกับคำขอบคุณของฮั๋วเว่ยเฟิงมากนัก

“เรื่องเล็กน้อย เจ้าอย่าได้นึกเป็นบุญเป็นคุณเลย !”

“ไม่นะ ! เรื่องนี้อาจดูเล็กน้อยในสายตาของท่านผู้มีพระคุณ แต่สำหรับตระกูลฮั๋วแล้ว นี่นับเป็นเรื่องยิ่งใหญ่นัก !”

ฮั๋วเว่ยเฟิงเพียงแค่พยักหน้ารับรู้เท่านั้น และได้แต่คิดในใจว่าฮั๋วเว่ยเฟิงผู้นี้ ช่างรักบุตรสาวดุจแก้วตาดวงใจจริง !

ฮั๋วเว่ยเฟิงราชาแห่งวงการธุรกิจ แต่กลับมีลูกสาวเพียงคนเดียวคือฮั๋วว่านว่าน จะไม่ให้เขารักดั่งดวงใจได้อย่างไรกัน ?

“นี่เป็นนามบัตรของผม วันข้างหน้าหากผู้มีพระคุณต้องการสิ่งใด สามารถติดต่อกลับมาหาผมได้ทันที หากเป็นสิ่งที่ผมสามารถทำได้ ผมจะทำอย่างดีที่สุดเพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณ !”

คำพูดของฮั๋วเว่ยเฟิงนั้นล้วนเปี่ยมไปด้วยความจริงใจ และซาบซึ้งในบุญคุณของซูอานจริงๆ หาใช่เป็นคำพูดปลิ้นปล้อนหลอกลวงไม่ ..

ซูอานเหลือบมองนามบัตรของฮั๋วเว่ยเฟิง และรับมาถือไว้ เขาเป็นถึงราชาแห่งวงการธุรกิจ หากซูอานปฏิเสธไม่ยอมรับ ก็จะทำให้เขาต้องได้รับความอับอายเสียเปล่า

อีกอย่าง .. ในวันข้างหน้าเขาอาจต้องพึ่งพาฮั๋วเว่ยเฟิงก็เป็นได้ เพราะเวลานี้เขาเองก็ยังอยู่ในขั้นปรับพื้นฐานลมปราณเท่านั้น หาใช่ผู้เก่งกล้าที่รู้จักโลกใบนี้ดีไม่

ซูอานเข้าใจดีว่า ปัญหาต่างๆบนโลกใบนี้นั้น บางปัญหาก็สามารถสะสางด้วยตัวเองได้ แต่หากพบเจอปัญหาที่ไม่อาจสะสางได้ หรือยากเย็นเกินกว่าที่จะจัดการด้วยตัวเอง เขาก็จะโยนให้กับฮั๋วเว่ยเฟิงไปช่วยจัดการแทน

เมื่อเห็นว่าซูอานยอมรับนามบัตรของตนไป ฮั๋วเว่ยเฟิงจึงยิ้มออกมาด้วยความดีใจและโล่งใจ เพราะนั่นย่อมหมายความว่าซูอานยอมยกโทษให้กับความไร้มารยาทของเขาก่อนหน้านี้แล้ว

“เอาล่ะ .. พวกเราต้องไปแล้ว !”

ครั้งนี้ซูอานตั้งใจที่จะชวนหลี่ตันไปทานข้าวเย็นอีกครั้ง เพราะเขามาที่นี่เพื่อตั้งใจขอบคุณเธอ

แต่เมื่อซูอานกับหลี่ตันก้าวเดินออกไปได้เพียงแค่เล็กน้อย .. ที่ด้านล่างของโรงพยาบาลก็มีรถ  Audi สีดำหรูหราไม่มีป้ายทะเบียนคันหนึ่งขับเข้ามาจอด

แต่เมื่อทุกคนในบริเวณนั้นเห็นรถคันนี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันที ราวกับว่าทุกคนสามารถจดจำรถคันนั้นได้เป็นอย่างดี !

ทันทีที่รถจอด ชายชราก็ก้าวเดินลงมาพร้อมกับชายใส่สูทสีดำ ท่าทางและสีหน้าของเขานั้นเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและวิตกกังวล

เมื่อเดินเข้าไปถึงที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล ชายชุดดำก็เดินเข้าไปถามเจ้าหน้าที่ว่า “คุณหนูอยู่ที่ไหน ?”

“คุณหนูของคุณมีชื่อว่าอะไรคะ ?” เจ้าหน้าที่ถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก

“ฮั๋วว่านว่าน”

และทันทีที่พยาบาลได้ยินชื่อ สีหน้าและคำพูดของเธอก็ดีมีมารยาทขึ้นมาก “ตอนนี้อยู่ในห้องผ่าตัดค่ะ !”

เมื่อชายชราได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา น้ำเสียงแหบแห้งนั้นสั่นระริกในขณะที่พูดขึ้นว่า

“รีบไปเร็วเข้า !”

ชายชราเป็นฝ่ายเดินนำขึ้นบันไดไปก่อน .. และเมื่อไปถึงห้องผ่าตัด เจ้าหน้าที่ทุกคนต่างก็พากันทำความเคารพเขาทันที

ท่านผู้เฒ่าฮั๋วแห่งเจียงโจว มีผู้ใดบ้างที่ไม่รู้จักเล่า ?

ทันทีที่ผู้เฒ่าฮั๋วเห็นหน้าฮั๋วเว่ยเฟิง ก็รีบเอ่ยถามขึ้นทันที “ว่านว่านเป็นยังไงบ้าง ?”

ฮั๋วเว่ยเฟิงคิดไม่ถึงว่าพ่อของเขาจะมาที่โรงพยาบาล จึงรีบร้อนตอบกลับไปทันที “ว่านว่านปลอดภัยแล้วครับ พ้นขีดอันตรายแล้ว !”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ร่างที่สั่นเทิ้มเมื่อครู่ของผู้เฒ่าฮั๋วก็กลับเป็นปกติทันที และเฝ้าแต่พล่ามออกไปว่า “ดี .. ดี ..”

จากนั้นฮั๋วเว่ยเฟิงก็ได้เดินนำผู้เฒ่าฮั๋วไปเยี่ยมฮั๋วว่านว่านที่ห้องพักฟื้น และเมื่อได้เห็นหน้าฮั๋วว่านว่าน ผู้เฒ่าฮั๋วก็ถึงกับน้ำตาไหลอาบแก้มทันที

หลังจากนั้น ผู้เฒ่าฮั๋วก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงดุดัน “ทำไมว่านว่านถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ ?”

ฮั๋วเว่ยเฟิงหันไปตอบผู้เฒ่าฮั๋วด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว “ว่านว่านถูกผู้ฝึกบ่มเพาะตนทำร้ายเอาครับท่านพ่อ !”

นัยน์ตาของผู้เฒ่าฮั๋วสั่นระริก สีหน้าเปลี่ยนเป็นเย็นชายิ่งกว่าเดิม คำบอกเล่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้เขาสามารถเข้าใจเรื่องราวทั้งหมดได้เป็นอย่างดี

“ชาติชั่ว !  พวกมันทำอะไรข้าไม่ได้น่ะสิ ? ”

ผู้เฒ่าฮั๋วสรุปได้ทันทีว่า ฮั๋วว่านว่านได้รับบาดเจ็บครั้งนี้เพราะตนเองเป็นต้นเหตุ !

ในการเป็นผู้ที่มากด้วยอำนาจบารมี และมีผู้คนให้ความเคารพทั้งเจียงโจวนั้น แน่นอนผู้เฒ่าฮั๋วย่อมต้องมีศัตรูไม่น้อยเช่นกัน อีกทั้งเขาเองก็เคยลงโทษผู้คนไปมาก และทำให้ผู้คนเสียผลประโยชน์ไปก็ไม่น้อยด้วย

และในเมื่อคนพวกนั้นไม่สามารถเล่นงานผู้เฒ่าฮั๋วได้ พวกมันจึงหันมาเล่นงานคนในครอบครัวของเขาแทน !

ผู้เฒ่าฮั๋วหันไปสั่งชายสวมชุดสูทสีดำที่ยืนอยู่ข้างๆทันที “ไปสืบมาให้ได้ว่าเป็นฝีมือของใครกันแน่ ?”

ครั้งนี้เขาไม่มีทางยอมรามือเป็นแน่ เขาต้องสืบรู้ให้ได้ว่าเป็นฝีมือของใคร และต้องให้ศัตรูของตนได้รับผลจากการกระทำในครั้งนี้อย่างสาสมเช่นกัน !

ฮั๋วเว่ยเฟิงหันไปเล่าให้ผู้เฒ่าฮั๋วฟังว่า “ที่ว่านว่านรอดมาได้เป็นเพราะเด็กหนุ่มที่ชื่อซูอานคนครับท่านพ่อ !”

“ซูอานงั้นรึ ?!”

น้ำเสียงของผู้เฒ่าฮั๋วสั่นสะท้านด้วยความตื่นเต้นดีใจในระหว่างที่ถามขึ้นว่า “ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน ?”

ฮั๋วเว่ยเฟิงรีบวิ่งออกมาจากห้องพักฟื้นของลูกสาว และวิ่งออกไปตามซูอานทันที เวลานั้นซูอานและหลี่ตันเกือบจะเดินเข้าลิฟท์แล้ว เขาจึงรีบร้องตะโกนเรียกคนทั้งคู่ไว้ทันที

“ผู้มีพระคุณ .. หยุดก่อน !”

ซูอานหันกลับไปถามด้วยความสงสัยทันที “มีเรื่องอะไรอีกอย่างนั้นรึ ?”

“ท่านพ่อรู้เรื่องที่ผู้มีพระคุณช่วยว่านว่านไว้ จึงอยากจะขอบคุณผู้มีพระคุณด้วยด้วยตัวเอง !”

“ไม่จำเป็น !”

ซูอานไม่ต้องการอยู่ที่นี่ต่อให้เสียเวลาจึงรีบปฏิเสธไปทันที

ฮั๋วเว่ยเฟิงหน้าเสียเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ “ท่านพ่อของข้าอยากจะขอบคุณผู้มีพระคุณจริง !”

“ข้าบอกว่าไม่ต้องยังไงเล่า !”

สีหน้าของซูอานเปลี่ยนเป็นเย็นชาเล็กน้อย และความรู้สึกชื่นชอบฮั๋วเว่ยเฟิงก่อนหน้านี้มลายหายไปทันที

สีหน้าท่าทางของซูอานทำให้ฮั๋วเว่ยเฟิงถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากัน และเหงื่อไหลออกเต็มหน้าผาก

ในเวลานั้นเอง ผู้เฒ่าฮั๋วที่เดินตามออกมาก็มาถึงพอดี สีหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นเคร่งเครียดทันทีที่เห็นซูอาน แล้วหันไปถามฮั๋วเว่ยเฟิงว่า

“ซูอานคนนี้น่ะเหรอที่ลูกพูดถึง ?”

ฮั๋วเว่ยเฟิงพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า “ใช่ครับท่านพ่อ ! หากไม่ได้ซูอานช่วยรักษาให้ ว่านว่านคงต้องตายเพราะหมอลวงโลกนั่นแล้ว !”

ผู้เฒ่าฮั๋วจ้องมองซูอานพร้อมกับถามขึ้นว่า “สหนายน้อยยังจำฉันได้อยู่มั๊ย ?”

ซูอานทำสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นผู้เฒ่าฮั๋ว จากนั้นจึงถามขึ้นว่า “เหล่าฮั๋ว .. เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน ?”

“ว่านว่านเป็นหลานสาวของฉัน ฉันก็ต้องมาที่นี่น่ะสิ !”

ซูอานได้ฟังคำตอบถึงกับอึ้งไปเล็กน้อย และได้แต่คิดว่าโลกช่างกลมเหลือเกิน และเจียงโจวก็ช่างเล็กนัก !

แต่อย่างน้อยวันนี้เขาก็ได้ล่วงรู้ฐานะที่แท้จริงของเหล่าฮั๋ว และฮั๋วเว่ยเฟิงผู้นี้ก็คือลูกชายของเขานั่นเอง !

“ซูอาน .. สหายน้อย ฉันขอบคุณเธอมากที่ช่วยชีวิตหลานสาวของฉันไว้ ขอบใจจริงๆ !” ผู้เฒ่าฮั๋วเอ่ยขอบคุณซูอานจากใจจริง !

“อย่าได้เกรงใจไปเลยเหล่าฮั๋ว เจ้าเองก็เคยช่วยเหลือข้ามาก่อนเช่นกัน !”

จากนั้นทั้งคู่ต่างก็มองหน้ากัน แล้วต่างฝ่ายต่างก็หัวเราะออกมาเสียงดัง ..

ฮั๋วเว่ยเฟิงได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง และไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?

ผ่านไปราวสองสามนาที ฮั๋วเว่ยเฟิงจึงเป็นฝ่ายเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านพ่อ .. ท่านรู้จักกับซูอานด้วยเหรอครับ ?”

ผู้เฒ่าฮั๋วพยักหน้าพร้อมตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว .. พ่อกับซูอานเป็นสหายกัน !”

ฮั๋วเว่ยเฟิงถึงกับงุนงงสับสน แม้เขาจะรู้ว่าพ่อของตนเองเป็นผู้มีอิทธิพลกว้างขวาง และมีคนรู้จักมากมาย แต่ซูอานเพิ่งจะอายุเพียงแค่สิบแปดปีเท่านั้น !

ฮั๋วเว่ยเฟิงได้แต่นึกชื่นชมซูอานอยู่ในใจ อายุยังน้อยเพียงเท่านี้ แต่กลับเก่งกาจถึงเพียงนี้ อนาคตของเด็กหนุ่มคนนี้จะต้องเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ผู้ใดก็ไม่อาจขวางได้ !

และจู่ๆ ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในหัวของฮั๋วเว่ยเฟิง หากลูกสาวของเขาได้เกี่ยวดองกับซูอาน ตระกูลฮั๋วจะต้องยิ่งแข็งแกร่งมากกว่านี้ และพ่อของเขาต้องเห็นด้วยกับเรื่องนี้แน่ !

แต่ความคิดนี้ยังไม่เหมาะที่จะพูดออกไป เรื่องแบบนี้ต้องอาศัยเวลา ..

“เวลานี้แม่นางฮั๋วยังอ่อนแอมาก จำต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด และต้องอย่าให้บาดแผลติดเชื้ออย่างเด็ดขาด !”

ซูอานกำชับด้วยสีหน้าจริงจัง ไม่เช่นนั้นแล้ว ฮั๋วว่านว่านอาจได้รับอันตราย ..

ทั้งเหล่าฮั๋วและฮั๋วเว่ยเฟิงต่างก็รีบพยักหน้ารับรู้ทันที ..

“สหายน้อย .. ไม่ต้องเป็นห่วงว่านว่านไป พวกเราจะดูแลอย่างดีที่สุด เธอคงจะเหนื่อยมากสินะ ทำไมไม่ไปพักที่บ้านของฉันก่อนล่ะ !”

ซูอานส่ายหน้า เขาจะไปบ้านเหล่าฮั๋วได้อย่างไรกันเล่า ในเมื่อเขารับปากจะพาหลี่ตันไปทานข้าวเย็น !

“ข้ายังมีธุระต้องไปจัดการ ไว้ข้าจะไปเยี่ยมเจ้าวันหลัง !”

คำพูดของซูอานฟังดูแปลกหู ทำให้เหล่าฮั๋วถึงกับต้องขมวดคิ้ว และได้แต่คิดว่าเด็กหนุ่มอายุเพียงแค่สิบแปดปี ทำไมถึงได้พูดจาคล้ายกับคนแก่โบร่ำโบราณเช่นนี้นัก

แต่เมื่อเห็นใบหน้าของซูอาน เหล่าฮั๋วก็ได้แต่สะบัดหน้าโยนความคิดเมื่อครู่ทิ้งไป เพราะเขายังเป็นเพียงแค่เด็กหนุ่มเท่านั้น !

เหล่าฮั๋วยิ่งพึงพอใจในตัวซูอานมากยิ่งขึ้น หากเขามีหลานชายที่เก่งกาจเช่นซูอานก็คงจะดีไม่น้อย สายตาที่เขาจ้องมองซูอานนั้นเปี่ยมไปด้วยความรักใคร่เอ็นดู

หลังจากร่ำลาเหล่าฮั๋วแล้ว ซูอานก็เดินจากไปทันที ..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด