ย้อนชีวิตพิชิตเซียน 62 : ลูกน้องร่วมทาง

Now you are reading ย้อนชีวิตพิชิตเซียน Chapter 62 : ลูกน้องร่วมทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 62 : ลูกน้องร่วมทาง

บทที่ 62 : ลูกน้องร่วมทาง

 

หลังจากที่จัดการเรื่องของจินจื่อหยาเรียบร้อยแล้ว ซูอานจึงกลับไปหาอากที่รออยู่ เมื่อไปถึงซูอานก็ได้หยิบซองบุหรี่สีแดงที่ตา หวงทําตกไว้ออกมาพร้อมกับถามอากูว่า

 

“เจ้าสูบบุหรี่หรือไม่?”

 

อากูจ้องมองซูอานด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าคนอย่างซูอานจะสูบบุหรี่ราคาถูกเช่นนี้

 

อากูส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะบุหรี่ที่เขาสูบนั้นต้องเป็นบุหรี่ที่มีราคาตั้งแต่หนึ่งร้อยหยวนขึ้นไปหากสนนราคาต่ํากว่านั้น เขาไม่ยอมปล่อยให้ได้มาอยู่บนริมฝีปากของตนเองแน่

 

ซูอานหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนจุดสูบ สําหรับเขาแล้วจะเป็นบุหรี่ยี่ห้ออะไร ราคาเท่าไหร่ ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสําคัญอะไรนักขอเพียงสามารถสร้างความสงบนิ่งในจิตใจให้กับเขาได้ก็เพียงพอแล้ว

“เล่ามา!”

 

“เล่าอะไรเหรอครับ?”

“เล่าทุกอย่างที่เจ้ารู้ออกมาให้หมด ข้าคร้านที่จะมานั่งถามที่ละคําถาม!”

อากลังเลเล็กน้อยในที่สุดก็ตัดสินใจพูดขึ้นว่า “ฉันชื่อเต็มว่าซันกู”

 

“เล่ารายละเอียดที่เจ้ามาที่นี่ก็พอ!”

 

ซันกูพยักหน้าหง็กๆ และรีบเล่าให้ซูอานฟังว่า “ตี้เตาบอกกับข้าว่าบริเวณนี้มีเขาแห่งหนึ่งที่มีพลังชีวิตอุดมสมบูรณ์ ข้าจึงขอติดตามเขามาด้วยแต่ไม่ใช่ลูกน้องของเขา…”

ซูอานพยักหน้า แต่สีหน้าที่จ้องมองหุ้นกูก็ยังคงเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ

“ฉันเป็นชาวหลินชี่ และเปิดสํานักสอนวรยุทธอยู่ที่นั่นแต่แล้วก็พบกับเตา..”

 

เมื่อพูดถึงตี้เตา ซันกูก็ดูเหมือนจะมีท่าทีกระลึกกระอักอยู่นานเห็นได้ชัดว่าเขาลังเลที่จะพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเรา

 

ซูอานหรี่ตาจ้องมองซันกูนิ่งพร้อมกับพูดเสียงห้วน “เล่าเรื่องเกี่ยวกับตี้เตาให้ข้าฟัง!”

 

“ฉัน ฉันไม่กล้าเล่า!”

“ระหว่างชีวิตของเจ้ากับการรักษาความลับ เจ้าคงต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง!”

ซันกูมีท่าที่ลังเลครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ตัดสินใจเลือกชีวิตของตนเอง

 

“ตี้เตาเป็นสมาชิกขององค์กรลึกลับองค์กรหนึ่ง เบื้องลึกขององค์กรนี้ไม่มีใครรู้จริง! องค์กรลึกลับนี้เป็นองค์กรที่ใหญ่มากเรียกได้ว่ามีสาขาอยู่ทั่วประเทศ องค์กรนี้นับเป็นองค์กรใหญ่ที่ควบคุมองค์กรใต้ดินต่างๆอีกที่ และเตาก็เป็นเพียงแค่หมากเล็กๆตัวห นึ่งเท่านั้น..”

 

ซูอานโยนบุหรี่ในมือทิ้ง แววตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันทีและได้แต่คิดในใจว่า หากแม้แต่ตี้เตาที่มีฝีมือเก่งกาจถึงเพียงนี้แต่ยังเป็นเพียงแค่หมากเล็กๆตัวหนึ่ง ย่อมหมายความว่าองค์กรลับนี้ไม่น่าจะธรรมดา..

แต่ซูอานก็ไม่ได้นึกหวาดกลัวแต่อย่างใด สําหรับเขาแล้วหากสามารถค้นพบดินแดนพลังชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือว่าองค์กรก็ล้วนแล้วแต่ไม่ต่างจากมดปลวกเท่านั้น!

 

“เอาล่ะ คราวนี้เล่าเรื่องดินแดนพลังชีวิต!”

“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก แต่ตี้เตามีรายละเอียดแผนที่และเส้นทางอย่างละเอียด เท่าที่ฉันรู้ก็คือ สถานที่แห่งนี้มีสมบัติมากมายแล้วก็มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งด้วย”

“พรุ่งนี้เช้าเจ้าเดินทางไปที่นั่นกับข้าข้ารับปากจะไม่ทําร้าย เจ้า!”

ซันกได้แต่นึกดีใจ เพราะนี่นับเป็นความโชคดีของเขา ซูอานนั้นจัดว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธระดับกลาง และฝีมือของเขาก็เหนือกว่าตี้เตามากการติดตามซูอานไปจะยิ่งมีโอกาสได้ครอบครองสมบัติมากกว่าไปกับตี้เตา

 

ซันกูรู้ว่าข่าวลือเรื่องนี้ได้แพร่สะพรัดมานานแล้ว และคาดว่าเวลานี้คงจะมีผู้คนหลั่งไหลเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นอย่างมากมายและเป้าหมายของทุกคนก็คงจะไม่พ้นเรื่องสมบัติ

“ข้าไม่เคยไว้ใจผู้ใด ฉะนั้นแล้วเจ้าต้องกลืนโอสถนี่ลงไป ข้าจึงจะสามารถเชื่อใจเจ้าได้!” ซูอานหยิบยาสีแดงหนึ่งเม็ดออกมา และยื่นให้กับซันกู

 

ซันกูรับมาพร้อมกับจ้องมองซูอานอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของซูอาน เขาก็รีบโยนเม็ดยาสีแดงเข้าปาก และกลืนลงท้องทันทีโดยไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว

 

การที่ซูอานทําเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ซันกูสร้างปัญหาให้กับเขาในวันข้างหน้า และความจริงแล้วเม็ดยาสีแดงนั่นก็เป็นเพียงแค่วิตะมินทั่วๆไปเท่านั้นเอง เขาเพียงแค่ต้องการให้ข่มขวัญชายชราเท่านั้น..

 

เช้าวันถัดมา เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มโผล่ขึ้นมาก จินจื่อหยาและตาหวงต่างก็พากันเก็บสัมภาระของตนเอง และพร้อมที่จะลงเขาแล้ว

 

จินจื่อหยาหันไปมองซูอานพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก“พี่ซูอาน ฉันอยากไปกับพี่มากกว่า!”

 

“จื่อหยา… ที่ที่ข้าจะไปนั้นมีอันตรายมากมาย หากเจ้าไปด้วยข้าเกรงว่าอาจจะไม่สามารถปกป้องคุ้มครองเจ้าได้!”

จินจื่อหยาทําหน้าเง้างอน และได้แต่ต่อรองว่า “แล้วฉันจะติดต่อพี่ได้ยังไง?”

“ข้าจะให้เบอร์โทรศัพท์แก่เจ้า”

ซูอานสั่งให้ซันกูจดเบอร์โทรศัพท์มือถือของตนเอง และส่งกระดาษแผ่นนั้นให้กับจินจื่อหยา

จินจื่อหยารับมา และเก็บรักษาไว้อย่างดี เพราะนี่เป็นสิ่งสําคัญกับเธอมากยิ่งนัก!

“พี่ซูอาน.. ลาก่อน!”

“ลาก่อน..”

 

ซูอานจ้องมองจินจื่อหยาจากไปด้วยแววตาที่มีความสุข แต่กลับรู้สึกใจหายอยู่ลึกๆ เพราะครั้งหนึ่งเทพธิดาจ๋อเจียวก็เคยหายไปเช่นนี้และไม่เคยกลับมาหาเขาอีกเลย..

 

ซันกที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นท่าทางของซูอานก็ถึงกับพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “อาวุโสดูเหมือนจะสนใจเด็กสาวคนนี้มากทีเดียว!”

ซูอานขมวดคิ้วพร้อมกับหันไปสั่งชันกว่า “เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายซูก็แล้วกัน เรียกอาวุโสข้าฟังแล้วขัดหู!”

“ครับคุณชายซู”

 

ซันกูเดินแบกสัมภาระไว้บนหลังของเขา และเดินตามซูอานเข้าไปในปาด้านหน้า ทั้งสองคนสามารถเดินทางไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะซันกูนั้นแตกต่างจากตาหวง ซูอานไม่เพียงไม่ชะลอ แต่ยังเพิ่มความเร็วในการเดินขึ้นอีก เพราะเขาไม่ต้องการเสียเวลามากไปกว่านี้อีกแล้ว

ผ่านไปครู่ใหญ่ ซันกูก็เริ่มเหนื่อยและหายใจหอบมากขึ้น จนกระทั่งเดินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว จึงได้แต่หันไปขอซูอานหยุดพัก

 

“เจ้ายังขาดการฝึกฝน!”

ซูอานหันไปบอกกับซันกูด้วยน้ําเสียงที่เย้ยหยัน แม้ว่าเขาจะเพิ่งเหน็ดเหนื่อยหลังจากเดินทางมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม

ซันกได้แต่นึกเสียใจ และบ่นอุบอิบอยู่ในใจ เขาเดินทางมาเป็นระยะทางกว่าห้าสิบกิโลเมตรโดยไม่ได้พักเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ใช่เซียนนะจะได้ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยได้

 

“เอาล่ะ พักสักสิบนาที!”

 

ซันกรีบวางสัมภาระทั้งหมดลงกับพื้น และเอนกายลงนอนพร้อมกับหายใจหอบอย่างแรง เห็นได้ชัดว่าเขาหมดเรี่ยวหมดแรงจริงๆในขณะที่ซูอานก็เอนกายพิงกับต้นไม้ข้างทางพักผ่อน

 

ซันกหันไปมองซูอาน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจถามออกไปว่า “คุณชายซู ไม่ทราบท่านฝึกฝนอย่างไร? ขอบอกตามตรง ผมฝีกวรยุทธมานานหลายปีกว่าที่จะสามารถเชี่ยวชาญได้ขนาดนี้!”

 

ซูอานยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปเพียงแค่ว่า “ข้าก็ต้องมีอาจารย์น่ะสิ!”

 

ซันกูพยักหน้าหมึก และยิ่งรู้สึกเคารพนับถือซูอานมากยิ่งขึ้นเขาได้แต่คิดว่าขนาดซูอานยังเก่งและแข็งแกร่งขนาดนี้ฉะนั้นแล้วอาจารย์ของซูอานยิ่งต้องเก่งกาจกว่าเขาหลายเท่าเขายิ่งมั่นใจที่จะติดตามซูอานมากยิ่งขึ้น

 

หลังจากผ่านไปสิบนาที่แล้ว ซูอานกลับซันกูก็เร่งเดินทางข้ามเขาไปอีกหลายลูก..

“จากแผนที่ เหลือระยะทางอีกแค่ห้าสิบกิโลเมตรก็จะถึงบ่อโลหิตมังกรแล้ว!”

ซันกูพยักหน้าพร้อมกับสํารวจไปรอบๆ และพบว่ามีกองพื้นที่เพิ่งดับอยู่หลายกองบนพื้นจึงหันไปพูดกับซูอานว่า

 

“คุณชายซู ดูเหมือนจะมีคนเดินทางมาที่นี่ไม่น้อยเลย!”

เพราะกองไฟที่พวกเขาพบเห็นมาตลอดทั้งนั้น รวมแล้วก็มีมากกว่าสิบกอง อีกทั้งยังมีเศษขยะทิ้งเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นด้วยทําให้งมั่นใจว่าครั้งนี้คงมีคนเดินทางมาไม่น้อยทีเดียว

 

“ความจริงข่าวลือเรื่องนี้ได้รั่วไหลออกมานานแล้ว ในแวดวงผู้ฝึกยุทธต่างก็คงพากันมุ่งหน้ามาสถานที่แห่งนี้กันหมดแน่!”

ซันกูเข้าใจเรื่องนี้ดี ไม่มีใครไม่ต้องการสมบัติที่อยู่ในสถานที่แห่ง นี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมบัติที่สามารถช่วยพัฒนาขั้นพลังของตนเองได้..

 

ความรู้สึกนี้คงไม่แตกต่างจากชายแก่ที่ได้พบเห็นสาวงามแน่นอนว่าคงต้องกระสันต์อยากได้กันอย่างมาก!

 

“พวกเราคงต้องเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นกว่าเดิมแล้ว! หากผู้อื่นไปถึงก่อน และชิงสมบัติไปจนหมด พวกเรามีต้องไปเสียเที่ยวรี?!”

ซูอานจําเป็นต้องเร่งรีบเดินทาง และซันกูก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่ใบหน้าของเขายังคงเหน็ดเหนื่อยอยู่ไม่น้อย แต่แล้วก็เอ่ยถามซู อานว่า

 

“ตอนนี้ผมเองก็อายุหกสิบแล้ว! คุณชายซูพอจะบอกอายุที่แท้จริงของคุณให้ผมทราบบ้างจะได้มั้ย?”

 

“อายุที่แท้จริงของข้างั้นรึ? ข้าว่าเจ้าอย่ารู้เลยจะดีกว่า ข้าเกรงว่าเจ้าจะตกใจจนตาย!”

 

จากนั้นซูอานก็วิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ซันกูได้แต่ถอนหายใจ และรีบวิ่งตามไปทันที!

ซูอานใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็เดินทางไปได้ไกลอีกหลายสิบกิโลเมตร และเวลานี้เขาก็อยู่ห่างจากจุดที่ระบุไว้ในแผนที่ไปเพียงแค่สามกิโลเมตรเท่านั้น

 

หลังจากผ่านไปราวยี่สิบนาที ซันกจึงสามารถตามซูอานได้ทันแต่สภาพของเขาก็เหนื่อยหอบอย่างมากจนต้องมองหาที่นั่งพัก

เหตุผลที่ซูอานหยุดพักก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทางสามกิโลเมตรนั้น ก็เพราะบริเวณนี้มีผู้คนอยู่มากมายหลายสิบคน และต่างก็นั่งแยกกันออกเป็นกลุ่มๆ แต่เมื่อพวกเขาเห็นเด็กหนุ่มเดินอย่างซูอานเดินเข้ามาก็เริ่มพูดจาเย้ยหยัน

หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นว่า “นี่ก็อีกคน ดูเหมือนพวกมันจะไม่กลัวตายจริงๆ! สงสัยสมบัติที่นี่คงจะน่าดึงดูดไม่น้อยถึงกล้าเอาชีวิตมาทิ้งที่ นี่ตั้งแต่อายุยังน้อย!”

“นี่ไอ้หนู.. เธอคิดว่าที่นี่จะมีส่วนแบ่งลอยลงมาจากฟากฟ้ารียังไง? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เด็กๆควรจะมาเที่ยวเล่นเลยนะ…”

ใครบางคนร้องตะโกนแนะนําซูอาน เพราะไม่อยากเห็นเขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งตั้งแต่เป็นหนุ่ม

“นี่เฒ่าต่ง ไม่เห็นจะต้องไปเตือนเด็กนั่นเลย ในเมื่อกล้ามาถึงที่นี่แสดงว่ามันก็คงไม่กลัวตาย!”

 

“จริงด้วย! ให้เด็กนี่ได้เจออะไรแปลกประหลาดบ้างก็ดี!”

กลุ่มของชายสูงอายุต่างก็พากันพูดจาเย้ยหยัน และหัวเราะเยาะซูอาน..

ซันกูทนไม่ได้ เขาลุกขึ้นยืนจ้องหน้าชายสูงอายุกลุ่มนั้นพร้อมกับตะโกนกลับไปด้วยความโมโห

“นี่ พวกคุณกล้าดูถูกคุณชายซูเชียวเหรอ?”

 

ความจริงแล้วซันกูไม่ได้ต้องการที่พูดให้คนพวกนั้นฟังด้วยซ้ําเขาต้องการอวดให้ซูอานเห็นว่าเขาจงรักภักดีกับซูอานมากเพียงใดเท่านั้นเอง

 

แต่หนึ่งในกลุ่มคนผู้สูงอายุดูเหมือนจะจําซันกูได้ จึงร้องถามขี้นด้วยความประหลาดใจ “เฒ่าซัน เดี๋ยวนี้มีบอดี้การ์ดติดตามด้วยรึ? ไม่เบาที่เดียว”

 

จะว่าไปแล้ว ซันกูก็นับว่าเป็นคนมีชื่อเสียงไม่น้อยในกลุ่มผู้ฝึกยุทธในเมืองนี้ จึงไม่แปลกที่จะมีคนจดจําเขาได้

 

ซันกูถึงกับหน้าแดงด้วยความโมโห เมื่อมีคนพูดจาดูถูกซูอานให้อับอายเช่นนี้

 

“ฮ่าๆๆ จริงด้วย!”

 

“แต่ดูจากการแต่งตัวของคุณเวลานี้ คุณจะมีเงินจ่ายเด็กนั่น

เหรอ?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ย้อนชีวิตพิชิตเซียน 62 : ลูกน้องร่วมทาง

Now you are reading ย้อนชีวิตพิชิตเซียน Chapter 62 : ลูกน้องร่วมทาง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ย้อนชีวิตพิชิตเซียน ย้อนชีวิตพิชิตเซียน – บทที่ 62 : ลูกน้องร่วมทาง

บทที่ 62 : ลูกน้องร่วมทาง

 

หลังจากที่จัดการเรื่องของจินจื่อหยาเรียบร้อยแล้ว ซูอานจึงกลับไปหาอากที่รออยู่ เมื่อไปถึงซูอานก็ได้หยิบซองบุหรี่สีแดงที่ตา หวงทําตกไว้ออกมาพร้อมกับถามอากูว่า

 

“เจ้าสูบบุหรี่หรือไม่?”

 

อากูจ้องมองซูอานด้วยสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก เพราะไม่คิดว่าคนอย่างซูอานจะสูบบุหรี่ราคาถูกเช่นนี้

 

อากูส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะบุหรี่ที่เขาสูบนั้นต้องเป็นบุหรี่ที่มีราคาตั้งแต่หนึ่งร้อยหยวนขึ้นไปหากสนนราคาต่ํากว่านั้น เขาไม่ยอมปล่อยให้ได้มาอยู่บนริมฝีปากของตนเองแน่

 

ซูอานหยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวนจุดสูบ สําหรับเขาแล้วจะเป็นบุหรี่ยี่ห้ออะไร ราคาเท่าไหร่ ก็ไม่ใช่เรื่องสลักสําคัญอะไรนักขอเพียงสามารถสร้างความสงบนิ่งในจิตใจให้กับเขาได้ก็เพียงพอแล้ว

“เล่ามา!”

 

“เล่าอะไรเหรอครับ?”

“เล่าทุกอย่างที่เจ้ารู้ออกมาให้หมด ข้าคร้านที่จะมานั่งถามที่ละคําถาม!”

อากลังเลเล็กน้อยในที่สุดก็ตัดสินใจพูดขึ้นว่า “ฉันชื่อเต็มว่าซันกู”

 

“เล่ารายละเอียดที่เจ้ามาที่นี่ก็พอ!”

 

ซันกูพยักหน้าหง็กๆ และรีบเล่าให้ซูอานฟังว่า “ตี้เตาบอกกับข้าว่าบริเวณนี้มีเขาแห่งหนึ่งที่มีพลังชีวิตอุดมสมบูรณ์ ข้าจึงขอติดตามเขามาด้วยแต่ไม่ใช่ลูกน้องของเขา…”

ซูอานพยักหน้า แต่สีหน้าที่จ้องมองหุ้นกูก็ยังคงเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึกใดๆ

“ฉันเป็นชาวหลินชี่ และเปิดสํานักสอนวรยุทธอยู่ที่นั่นแต่แล้วก็พบกับเตา..”

 

เมื่อพูดถึงตี้เตา ซันกูก็ดูเหมือนจะมีท่าทีกระลึกกระอักอยู่นานเห็นได้ชัดว่าเขาลังเลที่จะพูดถึงเรื่องที่เกี่ยวกับเรา

 

ซูอานหรี่ตาจ้องมองซันกูนิ่งพร้อมกับพูดเสียงห้วน “เล่าเรื่องเกี่ยวกับตี้เตาให้ข้าฟัง!”

 

“ฉัน ฉันไม่กล้าเล่า!”

“ระหว่างชีวิตของเจ้ากับการรักษาความลับ เจ้าคงต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง!”

ซันกูมีท่าที่ลังเลครู่หนึ่ง แต่แล้วก็ตัดสินใจเลือกชีวิตของตนเอง

 

“ตี้เตาเป็นสมาชิกขององค์กรลึกลับองค์กรหนึ่ง เบื้องลึกขององค์กรนี้ไม่มีใครรู้จริง! องค์กรลึกลับนี้เป็นองค์กรที่ใหญ่มากเรียกได้ว่ามีสาขาอยู่ทั่วประเทศ องค์กรนี้นับเป็นองค์กรใหญ่ที่ควบคุมองค์กรใต้ดินต่างๆอีกที่ และเตาก็เป็นเพียงแค่หมากเล็กๆตัวห นึ่งเท่านั้น..”

 

ซูอานโยนบุหรี่ในมือทิ้ง แววตาของเขาเป็นประกายขึ้นมาทันทีและได้แต่คิดในใจว่า หากแม้แต่ตี้เตาที่มีฝีมือเก่งกาจถึงเพียงนี้แต่ยังเป็นเพียงแค่หมากเล็กๆตัวหนึ่ง ย่อมหมายความว่าองค์กรลับนี้ไม่น่าจะธรรมดา..

แต่ซูอานก็ไม่ได้นึกหวาดกลัวแต่อย่างใด สําหรับเขาแล้วหากสามารถค้นพบดินแดนพลังชีวิตได้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือว่าองค์กรก็ล้วนแล้วแต่ไม่ต่างจากมดปลวกเท่านั้น!

 

“เอาล่ะ คราวนี้เล่าเรื่องดินแดนพลังชีวิต!”

“เรื่องนี้ฉันเองก็ไม่ได้รู้อะไรมากนัก แต่ตี้เตามีรายละเอียดแผนที่และเส้นทางอย่างละเอียด เท่าที่ฉันรู้ก็คือ สถานที่แห่งนี้มีสมบัติมากมายแล้วก็มีพลังชีวิตที่แข็งแกร่งด้วย”

“พรุ่งนี้เช้าเจ้าเดินทางไปที่นั่นกับข้าข้ารับปากจะไม่ทําร้าย เจ้า!”

ซันกได้แต่นึกดีใจ เพราะนี่นับเป็นความโชคดีของเขา ซูอานนั้นจัดว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธระดับกลาง และฝีมือของเขาก็เหนือกว่าตี้เตามากการติดตามซูอานไปจะยิ่งมีโอกาสได้ครอบครองสมบัติมากกว่าไปกับตี้เตา

 

ซันกูรู้ว่าข่าวลือเรื่องนี้ได้แพร่สะพรัดมานานแล้ว และคาดว่าเวลานี้คงจะมีผู้คนหลั่งไหลเข้าไปในสถานที่แห่งนั้นอย่างมากมายและเป้าหมายของทุกคนก็คงจะไม่พ้นเรื่องสมบัติ

“ข้าไม่เคยไว้ใจผู้ใด ฉะนั้นแล้วเจ้าต้องกลืนโอสถนี่ลงไป ข้าจึงจะสามารถเชื่อใจเจ้าได้!” ซูอานหยิบยาสีแดงหนึ่งเม็ดออกมา และยื่นให้กับซันกู

 

ซันกูรับมาพร้อมกับจ้องมองซูอานอย่างลังเล แต่เมื่อเห็นสายตาเย็นชาของซูอาน เขาก็รีบโยนเม็ดยาสีแดงเข้าปาก และกลืนลงท้องทันทีโดยไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คําเดียว

 

การที่ซูอานทําเช่นนี้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ซันกูสร้างปัญหาให้กับเขาในวันข้างหน้า และความจริงแล้วเม็ดยาสีแดงนั่นก็เป็นเพียงแค่วิตะมินทั่วๆไปเท่านั้นเอง เขาเพียงแค่ต้องการให้ข่มขวัญชายชราเท่านั้น..

 

เช้าวันถัดมา เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มโผล่ขึ้นมาก จินจื่อหยาและตาหวงต่างก็พากันเก็บสัมภาระของตนเอง และพร้อมที่จะลงเขาแล้ว

 

จินจื่อหยาหันไปมองซูอานพร้อมกับพูดขึ้นด้วยน้ําเสียงที่ไม่ค่อยพอใจนัก“พี่ซูอาน ฉันอยากไปกับพี่มากกว่า!”

 

“จื่อหยา… ที่ที่ข้าจะไปนั้นมีอันตรายมากมาย หากเจ้าไปด้วยข้าเกรงว่าอาจจะไม่สามารถปกป้องคุ้มครองเจ้าได้!”

จินจื่อหยาทําหน้าเง้างอน และได้แต่ต่อรองว่า “แล้วฉันจะติดต่อพี่ได้ยังไง?”

“ข้าจะให้เบอร์โทรศัพท์แก่เจ้า”

ซูอานสั่งให้ซันกูจดเบอร์โทรศัพท์มือถือของตนเอง และส่งกระดาษแผ่นนั้นให้กับจินจื่อหยา

จินจื่อหยารับมา และเก็บรักษาไว้อย่างดี เพราะนี่เป็นสิ่งสําคัญกับเธอมากยิ่งนัก!

“พี่ซูอาน.. ลาก่อน!”

“ลาก่อน..”

 

ซูอานจ้องมองจินจื่อหยาจากไปด้วยแววตาที่มีความสุข แต่กลับรู้สึกใจหายอยู่ลึกๆ เพราะครั้งหนึ่งเทพธิดาจ๋อเจียวก็เคยหายไปเช่นนี้และไม่เคยกลับมาหาเขาอีกเลย..

 

ซันกที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นท่าทางของซูอานก็ถึงกับพูดขึ้นด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “อาวุโสดูเหมือนจะสนใจเด็กสาวคนนี้มากทีเดียว!”

ซูอานขมวดคิ้วพร้อมกับหันไปสั่งชันกว่า “เจ้าเรียกข้าว่าคุณชายซูก็แล้วกัน เรียกอาวุโสข้าฟังแล้วขัดหู!”

“ครับคุณชายซู”

 

ซันกูเดินแบกสัมภาระไว้บนหลังของเขา และเดินตามซูอานเข้าไปในปาด้านหน้า ทั้งสองคนสามารถเดินทางไปได้อย่างรวดเร็ว เพราะซันกูนั้นแตกต่างจากตาหวง ซูอานไม่เพียงไม่ชะลอ แต่ยังเพิ่มความเร็วในการเดินขึ้นอีก เพราะเขาไม่ต้องการเสียเวลามากไปกว่านี้อีกแล้ว

ผ่านไปครู่ใหญ่ ซันกูก็เริ่มเหนื่อยและหายใจหอบมากขึ้น จนกระทั่งเดินต่อไปไม่ไหวอีกแล้ว จึงได้แต่หันไปขอซูอานหยุดพัก

 

“เจ้ายังขาดการฝึกฝน!”

ซูอานหันไปบอกกับซันกูด้วยน้ําเสียงที่เย้ยหยัน แม้ว่าเขาจะเพิ่งเหน็ดเหนื่อยหลังจากเดินทางมาเป็นเวลานานแล้วก็ตาม

ซันกได้แต่นึกเสียใจ และบ่นอุบอิบอยู่ในใจ เขาเดินทางมาเป็นระยะทางกว่าห้าสิบกิโลเมตรโดยไม่ได้พักเลยแม้แต่น้อย เขาไม่ใช่เซียนนะจะได้ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยได้

 

“เอาล่ะ พักสักสิบนาที!”

 

ซันกรีบวางสัมภาระทั้งหมดลงกับพื้น และเอนกายลงนอนพร้อมกับหายใจหอบอย่างแรง เห็นได้ชัดว่าเขาหมดเรี่ยวหมดแรงจริงๆในขณะที่ซูอานก็เอนกายพิงกับต้นไม้ข้างทางพักผ่อน

 

ซันกหันไปมองซูอาน เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจถามออกไปว่า “คุณชายซู ไม่ทราบท่านฝึกฝนอย่างไร? ขอบอกตามตรง ผมฝีกวรยุทธมานานหลายปีกว่าที่จะสามารถเชี่ยวชาญได้ขนาดนี้!”

 

ซูอานยิ้มเล็กน้อยและตอบกลับไปเพียงแค่ว่า “ข้าก็ต้องมีอาจารย์น่ะสิ!”

 

ซันกูพยักหน้าหมึก และยิ่งรู้สึกเคารพนับถือซูอานมากยิ่งขึ้นเขาได้แต่คิดว่าขนาดซูอานยังเก่งและแข็งแกร่งขนาดนี้ฉะนั้นแล้วอาจารย์ของซูอานยิ่งต้องเก่งกาจกว่าเขาหลายเท่าเขายิ่งมั่นใจที่จะติดตามซูอานมากยิ่งขึ้น

 

หลังจากผ่านไปสิบนาที่แล้ว ซูอานกลับซันกูก็เร่งเดินทางข้ามเขาไปอีกหลายลูก..

“จากแผนที่ เหลือระยะทางอีกแค่ห้าสิบกิโลเมตรก็จะถึงบ่อโลหิตมังกรแล้ว!”

ซันกูพยักหน้าพร้อมกับสํารวจไปรอบๆ และพบว่ามีกองพื้นที่เพิ่งดับอยู่หลายกองบนพื้นจึงหันไปพูดกับซูอานว่า

 

“คุณชายซู ดูเหมือนจะมีคนเดินทางมาที่นี่ไม่น้อยเลย!”

เพราะกองไฟที่พวกเขาพบเห็นมาตลอดทั้งนั้น รวมแล้วก็มีมากกว่าสิบกอง อีกทั้งยังมีเศษขยะทิ้งเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นด้วยทําให้งมั่นใจว่าครั้งนี้คงมีคนเดินทางมาไม่น้อยทีเดียว

 

“ความจริงข่าวลือเรื่องนี้ได้รั่วไหลออกมานานแล้ว ในแวดวงผู้ฝึกยุทธต่างก็คงพากันมุ่งหน้ามาสถานที่แห่งนี้กันหมดแน่!”

ซันกูเข้าใจเรื่องนี้ดี ไม่มีใครไม่ต้องการสมบัติที่อยู่ในสถานที่แห่ง นี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งสมบัติที่สามารถช่วยพัฒนาขั้นพลังของตนเองได้..

 

ความรู้สึกนี้คงไม่แตกต่างจากชายแก่ที่ได้พบเห็นสาวงามแน่นอนว่าคงต้องกระสันต์อยากได้กันอย่างมาก!

 

“พวกเราคงต้องเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นกว่าเดิมแล้ว! หากผู้อื่นไปถึงก่อน และชิงสมบัติไปจนหมด พวกเรามีต้องไปเสียเที่ยวรี?!”

ซูอานจําเป็นต้องเร่งรีบเดินทาง และซันกูก็พยักหน้าเห็นด้วย แต่ใบหน้าของเขายังคงเหน็ดเหนื่อยอยู่ไม่น้อย แต่แล้วก็เอ่ยถามซู อานว่า

 

“ตอนนี้ผมเองก็อายุหกสิบแล้ว! คุณชายซูพอจะบอกอายุที่แท้จริงของคุณให้ผมทราบบ้างจะได้มั้ย?”

 

“อายุที่แท้จริงของข้างั้นรึ? ข้าว่าเจ้าอย่ารู้เลยจะดีกว่า ข้าเกรงว่าเจ้าจะตกใจจนตาย!”

 

จากนั้นซูอานก็วิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ซันกูได้แต่ถอนหายใจ และรีบวิ่งตามไปทันที!

ซูอานใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งชั่วโมงก็เดินทางไปได้ไกลอีกหลายสิบกิโลเมตร และเวลานี้เขาก็อยู่ห่างจากจุดที่ระบุไว้ในแผนที่ไปเพียงแค่สามกิโลเมตรเท่านั้น

 

หลังจากผ่านไปราวยี่สิบนาที ซันกจึงสามารถตามซูอานได้ทันแต่สภาพของเขาก็เหนื่อยหอบอย่างมากจนต้องมองหาที่นั่งพัก

เหตุผลที่ซูอานหยุดพักก่อนที่จะถึงจุดหมายปลายทางสามกิโลเมตรนั้น ก็เพราะบริเวณนี้มีผู้คนอยู่มากมายหลายสิบคน และต่างก็นั่งแยกกันออกเป็นกลุ่มๆ แต่เมื่อพวกเขาเห็นเด็กหนุ่มเดินอย่างซูอานเดินเข้ามาก็เริ่มพูดจาเย้ยหยัน

หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้นว่า “นี่ก็อีกคน ดูเหมือนพวกมันจะไม่กลัวตายจริงๆ! สงสัยสมบัติที่นี่คงจะน่าดึงดูดไม่น้อยถึงกล้าเอาชีวิตมาทิ้งที่ นี่ตั้งแต่อายุยังน้อย!”

“นี่ไอ้หนู.. เธอคิดว่าที่นี่จะมีส่วนแบ่งลอยลงมาจากฟากฟ้ารียังไง? ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เด็กๆควรจะมาเที่ยวเล่นเลยนะ…”

ใครบางคนร้องตะโกนแนะนําซูอาน เพราะไม่อยากเห็นเขาต้องเอาชีวิตมาทิ้งตั้งแต่เป็นหนุ่ม

“นี่เฒ่าต่ง ไม่เห็นจะต้องไปเตือนเด็กนั่นเลย ในเมื่อกล้ามาถึงที่นี่แสดงว่ามันก็คงไม่กลัวตาย!”

 

“จริงด้วย! ให้เด็กนี่ได้เจออะไรแปลกประหลาดบ้างก็ดี!”

กลุ่มของชายสูงอายุต่างก็พากันพูดจาเย้ยหยัน และหัวเราะเยาะซูอาน..

ซันกูทนไม่ได้ เขาลุกขึ้นยืนจ้องหน้าชายสูงอายุกลุ่มนั้นพร้อมกับตะโกนกลับไปด้วยความโมโห

“นี่ พวกคุณกล้าดูถูกคุณชายซูเชียวเหรอ?”

 

ความจริงแล้วซันกูไม่ได้ต้องการที่พูดให้คนพวกนั้นฟังด้วยซ้ําเขาต้องการอวดให้ซูอานเห็นว่าเขาจงรักภักดีกับซูอานมากเพียงใดเท่านั้นเอง

 

แต่หนึ่งในกลุ่มคนผู้สูงอายุดูเหมือนจะจําซันกูได้ จึงร้องถามขี้นด้วยความประหลาดใจ “เฒ่าซัน เดี๋ยวนี้มีบอดี้การ์ดติดตามด้วยรึ? ไม่เบาที่เดียว”

 

จะว่าไปแล้ว ซันกูก็นับว่าเป็นคนมีชื่อเสียงไม่น้อยในกลุ่มผู้ฝึกยุทธในเมืองนี้ จึงไม่แปลกที่จะมีคนจดจําเขาได้

 

ซันกูถึงกับหน้าแดงด้วยความโมโห เมื่อมีคนพูดจาดูถูกซูอานให้อับอายเช่นนี้

 

“ฮ่าๆๆ จริงด้วย!”

 

“แต่ดูจากการแต่งตัวของคุณเวลานี้ คุณจะมีเงินจ่ายเด็กนั่น

เหรอ?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+