Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 135 วิลล่า

Now you are reading Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน Chapter 135 วิลล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 135 วิลล่า

การพูดคุยกันของนักอ่านบนโลกออนไลน์ หลินเยวียนเองก็เห็น

นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดหมายของเขาเช่นเดียวกัน

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามนิยายยอดเยี่ยมในยุคนิยายออนไลน์ระยะแรกเริ่ม กระบี่เทพสังหารกลายเป็นหัวข้อสนทนาร้อนแรงเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก

มองจากยอดขายก็รู้

ก่อนหน้านี้เมื่อนิยายชุดเจ้าชายลูกสักหลาดตีพิมพ์ออกมา อันดับยอดขายโดยเฉลี่ย จัดอยู่ประมาณอันดับที่สิบ

เอ็ดของวงการนิยายแฟนตาซีเยาวชนในทั้งฉินโจว!

ในปัจจุบันถูกจัดไว้ในอันดับที่สิบพอดิบพอดี

อาจมีคนรู้สึกแปลกประหลาด นักเขียนทำให้เรื่องกระบี่เทพสังหารดังเปรี้ยงขนาดนี้ ทำไมถึงติดอยู่แค่ที่อันดับสิบ

ที่จริงแล้วการจัดอันดับนี้ออกจะเกินจริงไปสักหน่อย

เพราะจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องกระบี่เทพสังหาร ก็คือจำนวนตัวอักษร!

เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสก่อนหน้านี้ออกมาห้าเล่ม

แต่นิยายดั้งเดิมของกระบี่เทพสังหาร ในตอนนี้เพิ่งออกมาสองเล่มเท่านั้น!

ทุกครั้งที่ขายออกหนึ่งเล่ม ก็นับเป็นหนึ่งยอดขายของนิยาย

ผลงานเรื่องยาวเหล่านั้นซึ่งมีเนื้อหาหลายสิบเล่มก็เพื่อเพิ่มยอดขาย หลินเยวียนกลับมีเนื้อเรื่องเพียงน้อยนิดที่ขายได้ แน่นอนว่ายอดขายย่อมน่าเสียดายอยู่สักหน่อย

และถ้าหากพล็อตเรื่องไม่พังละก็…

ยิ่งผลงานมีจำนวนตัวอักษรมาก ยอดขายก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะอิทธิพลของผลงานจะขยายออกเป็นวงกว้างและเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

พูดอีกอย่างหนึ่งคือ

เนื้อเรื่องยิ่งน้อย เมื่อเทียบกับเรื่องยอดขายแล้วย่อมเสียเปรียบ

ทุกคนสามารถจินตนาการออก ถ้าหากนารูโตะหรือวันพีซไม่มีเนื้อเรื่องที่ยาวขนาดนี้ ผลงานทั้งสองเรื่องนี้จะมีอิทธิพลมากถึงขนาดนี้ไหม

ยกตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายยิ่งกว่าอีกตัวอย่างหนึ่ง

ทุกคนสามารถเห็นได้จากแรงค์สิบอันดับแรกในฉี่เตี่ยน[1]

มีหนังสือสักกี่เรื่องกันที่มีสักสามสี่แสนตัวอักษรแล้วทะลุขึ้นไปติดสิบอันดับแรกได้?

ในสถานการณ์ที่ปราศจากการแนะนำ และไร้ซึ่งยอดไลก์ถล่มทลาย ผลงานที่สามารถผงาดเป็นสิบอันดับแรกซึ่งยอดขายสูงที่สุดได้ โดยทั่วไปแล้วเป็นมหากาพย์ขนาดยาวซึ่งแตะถึงหลายล้านตัวอักษร!

เพราะตราบใดที่จำนวนตัวอักษรมาก ก็จะยังมีการกดซื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน

ยอดขายนิยายทางฉินโจวก็เป็นไปในหลักการเดียวกัน

คนอื่นเขาขายมาตั้งหลายเล่มแล้ว เธอจะไปสู้เขาด้วยนิยายสองเล่มเนี่ยนะ?

สู้ยังไงก่อน?

เสียเปรียบอย่างแน่นอน

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ก่อนหน้านี้คลังหนังสือซิลเวอร์บลูโน้มน้าวให้หลินเยวียนเขียนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสให้ยาวขึ้น

ถ้าหากเขียนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสให้ยาวขึ้นโดยที่ไม่ออกทะเล ในอนาคตของหนังสือเล่มนี้จะขึ้นสิบอันดับแรกก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

แน่นอนละ

ขอเพียงฉู่ขวงไม่เขียนจนเละเทะออกทะเล รอให้หลังจากนี้กระบี่เทพสังหารออกมาหลายเล่มมากขึ้น ยอดขายของหนังสือเล่มนี้จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

ในครั้งนี้

คลังหนังสือซิลเวอร์บลูคาดหวังเป็นอย่างมาก

เมื่อกระบี่เทพสังหารเล่มสองตีพิมพ์ออกไป หยางเฟิงก็หัวหกก้นขวิดมาขอแผนโครงเรื่องจากฉู่ขวง

เขาคิดในใจ ว่าพื้นหลังของเรื่องราวในครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก คงไม่ถึงขั้นรีบจบเรื่องเร็วหรอกล่ะมั้ง

ทว่าขณะที่หยางเฟิงเห็นโครงเรื่องกระบี่เทพสังหารที่หลินเยวียนส่งมา รอยยิ้มกลับชะงักค้างไป

“แปดเล่ม?”

เรื่องกระบี่เทพสังหารของฉู่ขวงวางแผนไว้ว่าจะเขียนแปดเล่ม?

ใช่แล้วละ ไม่ผิดหรอก มีการพัฒนาแล้ว เนื้อเรื่องยาวกว่าปรินซ์ออฟเทนนิสตั้งสามเล่มแน่ะ

แต่ปัญหาคือ…

แปดเล่มก็ยังไม่นับว่ามาก!

ยังไม่ถึงสองล้านตัวอักษรด้วยซ้ำ!

เขาร้อนใจแล้ว จึงไปรายงานกับหัวหน้าบรรณาธิการทันที หัวหน้าบรรณาธิการจึงไปรายงานกับบรรณาธิการบริหาร

ผลคือหัวหน้าบรรณาธิการกลับไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่พยักหน้า ให้หยางเฟิงไปโน้มน้าวอีกครั้ง

หยางเฟิง “…”

ครั้งก่อนเนื้อเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสสั้นเกินไป หยางเฟิงโน้มน้าวสุดชีวิตให้ฉู่ขวงเขียนต่ออีกสักหน่อย แต่ฉู่ขวงไม่ได้สนใจตนเลยแม้แต่น้อย

แล้วครั้งนี้จะทำได้เหรอ?

เขากัดฟันกดโทรศัพท์

หลินเยวียนรับโทรศัพท์ ทันทีที่ได้ยินเรื่องที่ให้ตนเขียนนิยายให้ยาวขึ้น ก็ตอบปฏิเสธทันที “จำนวนตัวอักษรกำหนดไว้เรียบร้อยแล้วครับ”

“เอาเถอะ”

หยางเฟิงจนปัญญา ตำแหน่งบรรณาธิการของเขากระจอกงอกง่อยไร้พลังเหลือเกิน

หัวหน้าบรรณาธิการกับบรรณาธิการบริหารไม่กล้าบังคับให้ฉู่ขวงเขียนยาวขึ้นอีก ตนก็ยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่ขวงแสดงฝีมือไป

หลินเยวียนเองก็ทำอะไรไม่ได้

ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ระบบทำขึ้น ต้นฉบับของเรื่องกระบี่เทพสังหารมีแค่หนึ่งล้านห้าแสนกว่าตัวอักษร ระบบถึงขั้นที่ช่วยเขาขยายให้อีกหนึ่งแสนตัวอักษร

ครั้งหน้าก็แล้วกัน

ครั้งหน้าต้องได้

หวังว่าระบบจะตระหนักได้ และทำเรื่องยาวให้เขาทั้งหมด ทางที่ดีให้ตนเองปล่อยเป็นนิยายชุดได้สักสิบล้านตัวอักษร

……

แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับหลินเยวียนแล้ว

จำนวนเล่มของหนังสือมากเป็นข้อดี

เพราะในตอนนี้ ภายใต้นามปากกาฉู่ขวงนี้ ก็มีนิยายที่ทำรายได้พร้อมกันสองเล่มแล้ว

ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสจบไปแล้วจะขายไม่ออกเลย

ยังคงมีนักอ่านที่ซื้อหนังสือ เพียงแต่จำนวนของนักอ่านใหม่เหล่านี้เทียบไม่ได้กับช่วงที่นิยายวางแผงก็เท่านั้นเอง

ส่วนแบ่งตรงนี้ คลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็จะยังจ่ายเงินเข้าบัญชีให้ตรงเวลา

ด้วยเงินเหล่านี้

บวกกับส่วนแบ่งของรายได้จากเพลงในชื่อเซี่ยนอวี๋ ในบัญชีธนาคารของหลินเยวียนตอนนี้ มีมากเกินกว่ายี่สิบล้านแล้ว!

ยี่สิบล้าน!

ราคาบ้านบนบลูสตาร์นั้นไม่ได้มากเกินจริง เงินเกือบยี่สิบล้านนั้นมากพอให้หลินเยวียนเลือกวิลล่าดีๆ ได้หลังหนึ่งเลย

หลินเยวียนถึงขั้นใคร่ครวญว่าควรซื้อวิลล่าในเมืองซูสักหลังดีไหม

ด้วยนิสัยของเขา แน่นอนว่าการตัดสินใจเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยาก แต่ถ้าทำเพื่อคนในครอบครัว หลินเยวียนก็ยินดีที่จะพิจารณาเรื่องนี้

ถึงอย่างไรหลังจากนี้ทั้งพี่กับน้องก็จะมาอยู่ที่เมืองซู

ไม่แน่ว่าหลังจากนี้ก็อาจเติบโตในหน้าที่การงานที่เมืองซูเช่นเดียวกัน

ยิ่งไปกว่านั้น หลินเยวียนยังมีความคิดจะรับแม่มาอยู่ที่นี่ด้วย เขาไม่อยากทิ้งให้แม่อยู่ที่บ้านเกิดโดยลำพัง

หลังจากนี้แม่ก็จะอายุมากขึ้น ไม่มีลูกๆ คอยอยู่เป็นเพื่อน ก็ยากที่จะเลี่ยงความรู้สึกโดดเดี่ยว

นอกจากนั้นหลินเยวียนก็ยังมีเพื่อนของตนเอง ต่อไปเพื่อนๆ มาหาจะได้มีที่พัก วิลล่ามีห้องหับมากมาย ไม่ต้องกลัวว่าจะแออัด

ตอนเด็กๆ พวกเขาเคยอยู่อย่างแออัดมาก่อน

ที่สำคัญคือในตอนนี้อาศัยอยู่ที่บ้านของพี่จ้าวมาตลอด คนเขาไม่เก็บค่าเช่า ตนยังพาคนในครอบครัวเข้ามาอยู่อีก หลินเยวียนรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง

ตอนนี้มีเงินแล้ว ซื้อบ้านเร็วหน่อยดีกว่า แล้วคืนห้องที่อยู่ตอนนี้ให้พี่จ้าว

เขาจึงเล่าความคิดนี้ให้พี่สาวฟัง

“ซื้อวิลล่า?”

หลินเซวียนได้ยินดังนั้นก็ดีอกดีใจขึ้นมา “อยู่วิลล่าก็ดีน่ะสิ ใครไม่อยากอยู่บ้าง ปัญหาก็คือพวกเราซื้อไม่ไหวหรอก”

“วิลล่าในเมืองซูแพงมากเลยเหรอ”

“วิลล่าในเมืองซูราคาอย่างน้อยก็เริ่มที่สิบล้าน นายว่าแพงมั้ยล่ะ”

หลินเซวียนเคยฟังเพื่อนร่วมงานคุยกันเรื่องราคาบ้านในเมืองซู จึงรู้ว่าผู้บุคลากรระดับสูงบางคนในคลังหนังสือซิลเวอร์บลูอยู่ในวิลล่าราคาหลักสิบล้าน

หลินเยวียนเอ่ย “งั้นพวกเราซื้อกันสักหลังดีกว่า”

หลินเยวียนอยากจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนที่จะไปฉีโจว

หลินเซวียนอ้าปากค้าง

นายเห็นว่าวิลล่าเป็นหัวผักกาดหรือไง

บอกว่าจะซื้อก็ซื้อได้เลยเหรอ

เธอเงียบงันอยู่นาน ก่อนจะจ้องหลินเยวียนเขม็ง “แต่งเพลงนี่ได้เงินดีขนาดนั้นเลย?”

หลินเยวียนตอบ “ก็พอได้”

อันที่จริงเขายังได้ค่าต้นฉบับของฉู่ขวงด้วย

เป็นเพราะระดับของสัญญาทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนแบ่งจึงสูงกว่าเดิมมาก

เมื่อนามแฝงทั้งสองอย่างเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงมารวมกัน หนึ่งเดือนทำเงินได้เกินสิบล้านหยวนนั้นเป็นเรื่องที่สบายมาก!

หนำซ้ำหลังจากนี้รายได้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“นายซื้อไหวจริงเหรอ”

หลินเซวียนถามด้วยความตกใจ

ทันใดนั้นหลินเซวียนก็นึกถึงเรื่องที่หลินเยวียนซื้อรถราคาห้าแสนหยวนให้ตนอย่างง่ายดาย…

ก็น่าจะเป็นไปได้นะ?

จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าน้องชายคืออุปสรรคชิ้นใหญ่ที่ทำให้เธอไม่บากบั่นพยายาม…

เมื่อมีน้องชายแบบนี้ เธอถึงขั้นไม่อาจหาเหตุผลให้ตัวเองดิ้นรนสู้ชีวิตอีกต่อไป

“งั้นก็ตามนี้แล้วกัน”

หลินเยวียนไม่สนใจความเห็นของพี่สาวอีกต่อไป ถ้าแม่มีความเห็นอะไร ตนก็โยนให้พี่ไปจัดการก็สิ้นเรื่อง

หลินเซวียนงงงัน “งั้นก็ตามนี้?”

หลินเยวียนพยักหน้า “พรุ่งนี้พี่ลางานที่บริษัทด้วยนะ เดี๋ยวพวกเราไปดูบ้านกัน”

……………………………………………….

[1] ฉี่เตี่ยน เป็นเว็บไซต์สำหรับอ่านนิยายออนไลน์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 135 วิลล่า

Now you are reading Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน Chapter 135 วิลล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 135 วิลล่า

การพูดคุยกันของนักอ่านบนโลกออนไลน์ หลินเยวียนเองก็เห็น

นี่เป็นสิ่งที่อยู่ในความคาดหมายของเขาเช่นเดียวกัน

ในฐานะที่เป็นหนึ่งในสามนิยายยอดเยี่ยมในยุคนิยายออนไลน์ระยะแรกเริ่ม กระบี่เทพสังหารกลายเป็นหัวข้อสนทนาร้อนแรงเช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก

มองจากยอดขายก็รู้

ก่อนหน้านี้เมื่อนิยายชุดเจ้าชายลูกสักหลาดตีพิมพ์ออกมา อันดับยอดขายโดยเฉลี่ย จัดอยู่ประมาณอันดับที่สิบ

เอ็ดของวงการนิยายแฟนตาซีเยาวชนในทั้งฉินโจว!

ในปัจจุบันถูกจัดไว้ในอันดับที่สิบพอดิบพอดี

อาจมีคนรู้สึกแปลกประหลาด นักเขียนทำให้เรื่องกระบี่เทพสังหารดังเปรี้ยงขนาดนี้ ทำไมถึงติดอยู่แค่ที่อันดับสิบ

ที่จริงแล้วการจัดอันดับนี้ออกจะเกินจริงไปสักหน่อย

เพราะจุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเรื่องกระบี่เทพสังหาร ก็คือจำนวนตัวอักษร!

เรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสก่อนหน้านี้ออกมาห้าเล่ม

แต่นิยายดั้งเดิมของกระบี่เทพสังหาร ในตอนนี้เพิ่งออกมาสองเล่มเท่านั้น!

ทุกครั้งที่ขายออกหนึ่งเล่ม ก็นับเป็นหนึ่งยอดขายของนิยาย

ผลงานเรื่องยาวเหล่านั้นซึ่งมีเนื้อหาหลายสิบเล่มก็เพื่อเพิ่มยอดขาย หลินเยวียนกลับมีเนื้อเรื่องเพียงน้อยนิดที่ขายได้ แน่นอนว่ายอดขายย่อมน่าเสียดายอยู่สักหน่อย

และถ้าหากพล็อตเรื่องไม่พังละก็…

ยิ่งผลงานมีจำนวนตัวอักษรมาก ยอดขายก็ยิ่งสูงขึ้นตามไปด้วย เพราะอิทธิพลของผลงานจะขยายออกเป็นวงกว้างและเป็นที่รู้จักของผู้คนมากขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

พูดอีกอย่างหนึ่งคือ

เนื้อเรื่องยิ่งน้อย เมื่อเทียบกับเรื่องยอดขายแล้วย่อมเสียเปรียบ

ทุกคนสามารถจินตนาการออก ถ้าหากนารูโตะหรือวันพีซไม่มีเนื้อเรื่องที่ยาวขนาดนี้ ผลงานทั้งสองเรื่องนี้จะมีอิทธิพลมากถึงขนาดนี้ไหม

ยกตัวอย่างที่เห็นได้ง่ายยิ่งกว่าอีกตัวอย่างหนึ่ง

ทุกคนสามารถเห็นได้จากแรงค์สิบอันดับแรกในฉี่เตี่ยน[1]

มีหนังสือสักกี่เรื่องกันที่มีสักสามสี่แสนตัวอักษรแล้วทะลุขึ้นไปติดสิบอันดับแรกได้?

ในสถานการณ์ที่ปราศจากการแนะนำ และไร้ซึ่งยอดไลก์ถล่มทลาย ผลงานที่สามารถผงาดเป็นสิบอันดับแรกซึ่งยอดขายสูงที่สุดได้ โดยทั่วไปแล้วเป็นมหากาพย์ขนาดยาวซึ่งแตะถึงหลายล้านตัวอักษร!

เพราะตราบใดที่จำนวนตัวอักษรมาก ก็จะยังมีการกดซื้อเพิ่มขึ้นทุกวัน

ยอดขายนิยายทางฉินโจวก็เป็นไปในหลักการเดียวกัน

คนอื่นเขาขายมาตั้งหลายเล่มแล้ว เธอจะไปสู้เขาด้วยนิยายสองเล่มเนี่ยนะ?

สู้ยังไงก่อน?

เสียเปรียบอย่างแน่นอน

นี่ก็เป็นเหตุผลที่ก่อนหน้านี้คลังหนังสือซิลเวอร์บลูโน้มน้าวให้หลินเยวียนเขียนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสให้ยาวขึ้น

ถ้าหากเขียนเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสให้ยาวขึ้นโดยที่ไม่ออกทะเล ในอนาคตของหนังสือเล่มนี้จะขึ้นสิบอันดับแรกก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่

แน่นอนละ

ขอเพียงฉู่ขวงไม่เขียนจนเละเทะออกทะเล รอให้หลังจากนี้กระบี่เทพสังหารออกมาหลายเล่มมากขึ้น ยอดขายของหนังสือเล่มนี้จะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน นี่เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล

ในครั้งนี้

คลังหนังสือซิลเวอร์บลูคาดหวังเป็นอย่างมาก

เมื่อกระบี่เทพสังหารเล่มสองตีพิมพ์ออกไป หยางเฟิงก็หัวหกก้นขวิดมาขอแผนโครงเรื่องจากฉู่ขวง

เขาคิดในใจ ว่าพื้นหลังของเรื่องราวในครั้งนี้ยิ่งใหญ่มาก คงไม่ถึงขั้นรีบจบเรื่องเร็วหรอกล่ะมั้ง

ทว่าขณะที่หยางเฟิงเห็นโครงเรื่องกระบี่เทพสังหารที่หลินเยวียนส่งมา รอยยิ้มกลับชะงักค้างไป

“แปดเล่ม?”

เรื่องกระบี่เทพสังหารของฉู่ขวงวางแผนไว้ว่าจะเขียนแปดเล่ม?

ใช่แล้วละ ไม่ผิดหรอก มีการพัฒนาแล้ว เนื้อเรื่องยาวกว่าปรินซ์ออฟเทนนิสตั้งสามเล่มแน่ะ

แต่ปัญหาคือ…

แปดเล่มก็ยังไม่นับว่ามาก!

ยังไม่ถึงสองล้านตัวอักษรด้วยซ้ำ!

เขาร้อนใจแล้ว จึงไปรายงานกับหัวหน้าบรรณาธิการทันที หัวหน้าบรรณาธิการจึงไปรายงานกับบรรณาธิการบริหาร

ผลคือหัวหน้าบรรณาธิการกลับไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่พยักหน้า ให้หยางเฟิงไปโน้มน้าวอีกครั้ง

หยางเฟิง “…”

ครั้งก่อนเนื้อเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสสั้นเกินไป หยางเฟิงโน้มน้าวสุดชีวิตให้ฉู่ขวงเขียนต่ออีกสักหน่อย แต่ฉู่ขวงไม่ได้สนใจตนเลยแม้แต่น้อย

แล้วครั้งนี้จะทำได้เหรอ?

เขากัดฟันกดโทรศัพท์

หลินเยวียนรับโทรศัพท์ ทันทีที่ได้ยินเรื่องที่ให้ตนเขียนนิยายให้ยาวขึ้น ก็ตอบปฏิเสธทันที “จำนวนตัวอักษรกำหนดไว้เรียบร้อยแล้วครับ”

“เอาเถอะ”

หยางเฟิงจนปัญญา ตำแหน่งบรรณาธิการของเขากระจอกงอกง่อยไร้พลังเหลือเกิน

หัวหน้าบรรณาธิการกับบรรณาธิการบริหารไม่กล้าบังคับให้ฉู่ขวงเขียนยาวขึ้นอีก ตนก็ยิ่งไม่กล้าเข้าไปใหญ่ ทำได้เพียงปล่อยให้ฉู่ขวงแสดงฝีมือไป

หลินเยวียนเองก็ทำอะไรไม่ได้

ครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องที่ระบบทำขึ้น ต้นฉบับของเรื่องกระบี่เทพสังหารมีแค่หนึ่งล้านห้าแสนกว่าตัวอักษร ระบบถึงขั้นที่ช่วยเขาขยายให้อีกหนึ่งแสนตัวอักษร

ครั้งหน้าก็แล้วกัน

ครั้งหน้าต้องได้

หวังว่าระบบจะตระหนักได้ และทำเรื่องยาวให้เขาทั้งหมด ทางที่ดีให้ตนเองปล่อยเป็นนิยายชุดได้สักสิบล้านตัวอักษร

……

แต่ถึงอย่างนั้น สำหรับหลินเยวียนแล้ว

จำนวนเล่มของหนังสือมากเป็นข้อดี

เพราะในตอนนี้ ภายใต้นามปากกาฉู่ขวงนี้ ก็มีนิยายที่ทำรายได้พร้อมกันสองเล่มแล้ว

ไม่ได้หมายความว่าเมื่อเรื่องปรินซ์ออฟเทนนิสจบไปแล้วจะขายไม่ออกเลย

ยังคงมีนักอ่านที่ซื้อหนังสือ เพียงแต่จำนวนของนักอ่านใหม่เหล่านี้เทียบไม่ได้กับช่วงที่นิยายวางแผงก็เท่านั้นเอง

ส่วนแบ่งตรงนี้ คลังหนังสือซิลเวอร์บลูก็จะยังจ่ายเงินเข้าบัญชีให้ตรงเวลา

ด้วยเงินเหล่านี้

บวกกับส่วนแบ่งของรายได้จากเพลงในชื่อเซี่ยนอวี๋ ในบัญชีธนาคารของหลินเยวียนตอนนี้ มีมากเกินกว่ายี่สิบล้านแล้ว!

ยี่สิบล้าน!

ราคาบ้านบนบลูสตาร์นั้นไม่ได้มากเกินจริง เงินเกือบยี่สิบล้านนั้นมากพอให้หลินเยวียนเลือกวิลล่าดีๆ ได้หลังหนึ่งเลย

หลินเยวียนถึงขั้นใคร่ครวญว่าควรซื้อวิลล่าในเมืองซูสักหลังดีไหม

ด้วยนิสัยของเขา แน่นอนว่าการตัดสินใจเรื่องเหล่านี้เป็นสิ่งที่ยาก แต่ถ้าทำเพื่อคนในครอบครัว หลินเยวียนก็ยินดีที่จะพิจารณาเรื่องนี้

ถึงอย่างไรหลังจากนี้ทั้งพี่กับน้องก็จะมาอยู่ที่เมืองซู

ไม่แน่ว่าหลังจากนี้ก็อาจเติบโตในหน้าที่การงานที่เมืองซูเช่นเดียวกัน

ยิ่งไปกว่านั้น หลินเยวียนยังมีความคิดจะรับแม่มาอยู่ที่นี่ด้วย เขาไม่อยากทิ้งให้แม่อยู่ที่บ้านเกิดโดยลำพัง

หลังจากนี้แม่ก็จะอายุมากขึ้น ไม่มีลูกๆ คอยอยู่เป็นเพื่อน ก็ยากที่จะเลี่ยงความรู้สึกโดดเดี่ยว

นอกจากนั้นหลินเยวียนก็ยังมีเพื่อนของตนเอง ต่อไปเพื่อนๆ มาหาจะได้มีที่พัก วิลล่ามีห้องหับมากมาย ไม่ต้องกลัวว่าจะแออัด

ตอนเด็กๆ พวกเขาเคยอยู่อย่างแออัดมาก่อน

ที่สำคัญคือในตอนนี้อาศัยอยู่ที่บ้านของพี่จ้าวมาตลอด คนเขาไม่เก็บค่าเช่า ตนยังพาคนในครอบครัวเข้ามาอยู่อีก หลินเยวียนรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง

ตอนนี้มีเงินแล้ว ซื้อบ้านเร็วหน่อยดีกว่า แล้วคืนห้องที่อยู่ตอนนี้ให้พี่จ้าว

เขาจึงเล่าความคิดนี้ให้พี่สาวฟัง

“ซื้อวิลล่า?”

หลินเซวียนได้ยินดังนั้นก็ดีอกดีใจขึ้นมา “อยู่วิลล่าก็ดีน่ะสิ ใครไม่อยากอยู่บ้าง ปัญหาก็คือพวกเราซื้อไม่ไหวหรอก”

“วิลล่าในเมืองซูแพงมากเลยเหรอ”

“วิลล่าในเมืองซูราคาอย่างน้อยก็เริ่มที่สิบล้าน นายว่าแพงมั้ยล่ะ”

หลินเซวียนเคยฟังเพื่อนร่วมงานคุยกันเรื่องราคาบ้านในเมืองซู จึงรู้ว่าผู้บุคลากรระดับสูงบางคนในคลังหนังสือซิลเวอร์บลูอยู่ในวิลล่าราคาหลักสิบล้าน

หลินเยวียนเอ่ย “งั้นพวกเราซื้อกันสักหลังดีกว่า”

หลินเยวียนอยากจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนที่จะไปฉีโจว

หลินเซวียนอ้าปากค้าง

นายเห็นว่าวิลล่าเป็นหัวผักกาดหรือไง

บอกว่าจะซื้อก็ซื้อได้เลยเหรอ

เธอเงียบงันอยู่นาน ก่อนจะจ้องหลินเยวียนเขม็ง “แต่งเพลงนี่ได้เงินดีขนาดนั้นเลย?”

หลินเยวียนตอบ “ก็พอได้”

อันที่จริงเขายังได้ค่าต้นฉบับของฉู่ขวงด้วย

เป็นเพราะระดับของสัญญาทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นด้วย ส่วนแบ่งจึงสูงกว่าเดิมมาก

เมื่อนามแฝงทั้งสองอย่างเซี่ยนอวี๋และฉู่ขวงมารวมกัน หนึ่งเดือนทำเงินได้เกินสิบล้านหยวนนั้นเป็นเรื่องที่สบายมาก!

หนำซ้ำหลังจากนี้รายได้ของเขาก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

“นายซื้อไหวจริงเหรอ”

หลินเซวียนถามด้วยความตกใจ

ทันใดนั้นหลินเซวียนก็นึกถึงเรื่องที่หลินเยวียนซื้อรถราคาห้าแสนหยวนให้ตนอย่างง่ายดาย…

ก็น่าจะเป็นไปได้นะ?

จู่ๆ เธอก็รู้สึกว่าน้องชายคืออุปสรรคชิ้นใหญ่ที่ทำให้เธอไม่บากบั่นพยายาม…

เมื่อมีน้องชายแบบนี้ เธอถึงขั้นไม่อาจหาเหตุผลให้ตัวเองดิ้นรนสู้ชีวิตอีกต่อไป

“งั้นก็ตามนี้แล้วกัน”

หลินเยวียนไม่สนใจความเห็นของพี่สาวอีกต่อไป ถ้าแม่มีความเห็นอะไร ตนก็โยนให้พี่ไปจัดการก็สิ้นเรื่อง

หลินเซวียนงงงัน “งั้นก็ตามนี้?”

หลินเยวียนพยักหน้า “พรุ่งนี้พี่ลางานที่บริษัทด้วยนะ เดี๋ยวพวกเราไปดูบ้านกัน”

……………………………………………….

[1] ฉี่เตี่ยน เป็นเว็บไซต์สำหรับอ่านนิยายออนไลน์

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+