Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 150 การเชือดเฉือนในที่ทำงาน

Now you are reading Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน Chapter 150 การเชือดเฉือนในที่ทำงาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 150 การเชือดเฉือนในที่ทำงาน

ที่ทำงานเป็นสังคมเล็กๆ อันซับซ้อน การคาดหวังให้ความสัมพันธ์ของทุกคนในแผนกรักใคร่ปรองดองกันนั้นเป็นเรื่องที่ออกจะไม่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงสักเท่าไหร่ ตัวอย่างเช่นแผนกดนตรีของธันเดอร์เอนเตอร์เทนเมนต์ หัวหน้าหลัวฉีกับรองหัวหน้าฟ่านหลงเหอเป็นตัวอย่างของคนสองกลุ่มที่เสียงแตกกัน

หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า

สองคนนี้ไม่ลงรอยกัน

ภาพเหตุการณ์ในวันนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของการแย่งชิงอำนาจกันอย่างไม่มีใครยอมใครของหัวหน้าทั้งสองคน พนักงานแผนกดนตรีไม่เห็นเป็นเรื่องแปลกอีกต่อไป

นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมทุกคนถึงเงียบกริบเมื่อฟ่านหลงเหอเสนอว่าจะเปลี่ยนเพลงซาวด์แทร็กของเรื่องระยะห่างระหว่างเราเมื่อครู่

เทพเซียนต่อสู้ ปุถุชนทนทุกข์ระทม ฉะนั้นหลีกเลี่ยงไว้ย่อมดีกว่า

ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเพลงที่หัวหน้ากำหนดไว้เรียบร้อยแต่แรกแล้ว แต่งคีย์ใกล้เสร็จสมบูรณ์ แต่ฟ่านหลงเหอซึ่งเป็นรองหัวหน้ากลับอยากเขี่ยเพลงนี้ทิ้ง

นี่เป็นสัญญาณของอะไรน่ะหรือ

นี่มันเป็นการประกาศสงครามชัดๆ

เป็นการประกาศกร้าวต่อสาธารณะว่าฉัน ฟ่านหลงเหอไม่ชอบเพลงซาวด์แทร็กที่หลัวฉีเป็นคนเลือก!

“หัวหน้าหลัว”

ฟ่านหลงเหอยิ้มบาง “ผมคิดว่าคุณภาพของเพลงซาวด์แทร็กของเรื่องระยะห่างระหว่างเราไม่ดีพอ ถ้าได้เจอผลงานที่เหมาะสมกว่า พวกเราสามารถเปลี่ยนใหม่ได้นะครับ ถึงยังไงทุกคนก็อยากทำให้ซีรีส์เรื่องนี้ดีขึ้นกันทั้งนั้น”

“อะไรนะ”

หลัวฉีเลิกคิ้ว เอ่ยว่า “อย่าลืมว่าซีรีส์เรื่องนี้เหลือเวลาเดือนเดียวก็จะออนแอร์อย่างเป็นทางการแล้ว บริษัทไม่มีทางเลื่อนเวลาออนแอร์ออกไปเพียงเพราะเพลงเพลงเดียวหรอก แล้วฉันเองก็ไม่คิดว่าเพลงนี้มีปัญหาอะไร ตอนนี้คงเป็นคุณนั่นแหละที่คิดว่าฉันตาไม่ถึง”

“คุณเข้าใจผิดแล้ว แต่จะพูดตอนนี้ก็เร็วไปหน่อย”

ฟ่านหลงเหอกล่าว “ถ้าอีกฝ่ายสามารถทำเพลงที่ดีกว่านี้ได้ภายในหนึ่งเดือน ทำไมพวกเราจะเปลี่ยนเพลงไม่ได้ล่ะครับ”

หลัวฉีเอ่ยถาม “คุณไปให้ใครเขียนเพลง”

ฟ่านหลงเหอตอบ “อาจารย์เซี่ยนอวี๋”

หลัวฉีไม่ถึงขั้นไม่รู้จักชื่อนี้ “ที่แท้ก็เป็นคนแต่งเพลงปลายักษ์ แต่คุณไม่รู้สึกเหรอว่าเวลาหนึ่งเดือนมันสั้นไปหน่อย และถ้าพวกเราเรียกมู่อิ่งมาอัดเพลงอีกรอบ เธออาจไม่โอเคก็ได้”

“ไม่จำเป็นต้องเป็นมู่อิ่งครับ”

ฟ่านหลงเหอส่ายหน้า “อาจารย์เซี่ยนอวี๋จะกำหนดนักร้องเอง แน่นอนว่าพวกเราสามารถกำหนดขอบเขตให้อยู่ที่นักร้องของบริษัท อีกอย่างเรื่องการอัดเพลง เขาจะมาเข้าร่วมด้วยตัวเอง เพราะตอนนี้ตัวเขาอยู่ที่ฉีโจว”

บรรยากาศของห้องประชุมคึกคักขึ้นมาทันที

เซี่ยนอวี๋ตั้งเงื่อนไขแบบนี้ขึ้นมาเลยเหรอ

หลัวฉีถลึงตาโตใส่ฟ่านหลงเหอ กล่าวว่า “ใครให้สิทธิ์กับเซี่ยนอวี๋มากขนาดนั้นกัน”

ฟ่านหลงเหอไม่ตอบ

เขาเองก็ยอมรับว่าคำขอของเซี่ยนอวี๋นั้นออกจะไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์ไปสักหน่อย แต่เพราะความไม่สอดคล้องกับกฎเกณฑ์นี่แหละถึงทำให้ฟ่านหลงเหอยิ่งคาดหวังกับเซี่ยนอวี๋สูงมาก

“รองหัวหน้าฟ่าน”

หลัวฉีเอ่ยเสียงเรียบ “คุณบ้าหรือว่าฉันบ้ากันแน่เนี่ย ตอนนี้คุณไม่ได้แค่จะเปลี่ยนเพลงของมู่อิ่งอย่างเดียว คุณยังคิดจะไม่ให้มู่อิ่งไปอัดเพลงใหม่ด้วย เธอเป็นนักร้องแถวหน้าของฉีโจว งั้นก่อนหน้านี้ก็ทำไปเสียเปล่าน่ะสิ”

“จะทำเสียเปล่าได้ยังไงครับ เพลงนั้นก็ยังเป็นเพลงของบริษัทเราไม่ใช่เหรอ หลังจากนี้หาโอกาสปล่อยเพลงไปก็ได้แล้วครับ”

ฟ่านหลงเหอขบคิดก่อนกล่าวเสริม “แน่นอนว่าผมจะพยายามเต็มที่เพื่อให้มู่อิ่งได้อัดเพลงใหม่ ถึงอย่างไรเสียงของมู่อิ่งก็ยอดเยี่ยมมาก ถ้าหากเซี่ยนอวี๋อยากเลือกคนอื่น ผมก็ทำอะไรไม่ได้”

“ฉันไม่เห็นด้วย”

หลัวฉีเอ่ยอย่างเย็นชา

ฟ่านหลงเหอยังคงยืนกราน “ความสามารถในการสร้างสรรค์ผลงานของเซี่ยนอวี๋สูงมาก หนึ่งเดือนถึงจะสั้นไปสักหน่อย แต่ก็ใช่ว่าเขาจะเขียนเพลงที่ดีกว่านี้ออกมาไม่ได้ ผมเชื่อมั่นในตัวเขามาก!”

“เชื่อมั่นอะไรกัน”

หลัวฉีแสยะยิ้ม “ฉันกลับรู้สึกว่าที่คุณอยากเขี่ยเพลงนี้ของฉันทิ้ง ก็เพื่อพิสูจน์ว่าก่อนหน้านี้หัวหน้าอย่างฉันตัดสินใจผิดพลาด ในเมื่อคุณเชื่อมั่นในตัวเซี่ยนอวี๋ถึงขนาดนี้ คุณกล้ารับผิดชอบเรื่องนี้มั้ยล่ะ”

ทุกคนใจเต้นระส่ำ

ในที่สุดก็มาถึงจุดพีคจนได้

ในตอนนี้ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาของการเปลี่ยนเพลงอีกต่อไป แต่เป็นการเชือดเฉือนกันในที่ทำงานระหว่างหัวหน้าและรองหัวหน้า

สุดท้ายแล้วบริษัทจะเลือกเพลงของใคร ใครจะครองความได้เปรียบ นี่เป็นสงครามอันดุเดือดของหัวหน้าและรองหัวหน้าที่เกิดขึ้นมาโดยตลอด

และในตอนนี้ดูเหมือนว่าหลัวฉีกำลังครองความได้เปรียบ

เพราะฝั่งฟ่านหลงเหอล้วนเต็มไปด้วยสิ่งที่ไม่อาจคาดคะเนได้!

ใครจะไปหยั่งรู้ว่าเซี่ยนอวี๋ทำได้หรือเปล่า

และอย่าลืมว่าเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียว!

สีหน้าของฟ่านหลงเหอพลันเปลี่ยนไป เขาไม่รู้เลยว่าเซี่ยนอวี๋จะเขียนเพลงที่ดีกว่านี้ออกมาได้ไหม

ถึงอย่างไรเพลงซาวด์แทร็กที่กำหนดไว้แต่เดิมก็ไม่ได้แย่มาก

และนี่ก็เป็นเพลงที่ก่อนหน้านี้ธันเดอร์มิวสิกได้เลือกมาอย่างละเอียดรอบคอบ

เพียงแต่ฟ่านหลงเหอรู้สึกว่าสามารถทำได้ดีกว่านี้ก็แค่นั้นเอง

วันนี้เขาไม่ได้คิดจะเปิดศึกกับหลัวฉี แต่เห็นได้ชัดว่าทุกคนล้วนคิดว่าตนบุกโจมตีเพียงเพื่อความสนุก?

ที่เปิดประชุมในวันนี้ เพียงเพราะเขาต้องการเตือนทุกคนว่าอย่าเพิ่งรีบกำหนดเพลง แต่กลายเป็นว่าจู่ๆ หลัวฉีก็มาปรากฏตัว วางมาดสูงส่งใส่ตน ทีนี้จะไม่ให้ตนโต้กลับก็คงไม่ได้แล้ว

เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าตนเองประมาทเกินไป

การกระทำของตนส่อเจตนาประกาศสงคราม

เพราะในวันนี้ลำพังได้ยินชื่อของเซี่ยนอวี๋ เขาก็มีความเชื่อมั่นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก อดใจไม่ไหวรีบเปิดประชุม ปรากฏว่าดันมาถูกหลัวฉีขัดขาไว้ก่อน แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าทำไมถึงเชื่อมั่นในตัวเซี่ยนอวี๋ถึงขนาดนั้น หรือจะเป็นเพราะพรรคพวกทางฉินโจววันๆ เอาแต่พูดอวยเซี่ยนอวี๋ พลอยให้เขาได้รับผลกระทบไปด้วย

หรือจะยอมถอยก่อน?

บอกว่าตนเองแค่ลองดู?

อย่างนั้นวันนี้เขาก็ต้องสูญเสียอำนาจไป หลังจากนี้เขาก็อย่าได้คิดจะแข่งขันกับหลัวฉีอีก มีที่ไหนเปิดศึกได้ไม่เท่าไหร่ก็ยอมแพ้แล้ว

เขาเงียบอยู่นานโข สุดท้ายแล้วก็เอ่ยว่า “ถ้าทางเซี่ยนอวี๋เขียนเพลงที่ดีกว่าออกมาไม่ได้ การตัดสินใจเกี่ยวกับดนตรีของซีรีส์ที่เหลืออีกสามเรื่องในปีนี้ ผมจะว่าตามคุณทั้งหมด”

“คุณพูดแล้วนะ!”

หลัวฉีดีอกดีใจเสียยกใหญ่

ฟ่านหลงเหอเป็นคนเดียวในแผนกดนตรีที่สามารถขัดแย้งกับหลัวฉีได้ ที่ทั้งสองคนทะเลาะกันไปมา ไม่ใช่เพื่อเรื่องเหล่านี้หรอกหรือ?

“ผมก็พูดแล้วไงครับ”

ฟ่านหลงเหอเงยหน้าขึ้นมองไปยังหลัวฉี “แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าเพลงของเซี่ยนอวี๋ดีกว่า หัวหน้าหลัวจะว่ายังไงครับ”

“เรื่องนี้เกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ”

หลัวฉีไม่หลงกล “คนที่บอกว่าจะเปลี่ยนเพลงคือคุณ คนที่ให้สิทธิ์เซี่ยนอวี๋ทำเรื่องวุ่นวายก็คือคุณ ส่วนฉันก็ตกเป็นคนที่คุณสงสัยว่ามีตาหามีแววไม่…”

ฟ่านหลงเหอจ้องมองเธอ

หลัวฉีรู้ว่าเรื่องนี้ต้องมีแลกเปลี่ยนผลประโยชน์กันบ้าง ทำได้เพียงส่งเสียงหึ เอ่ย “ถ้าเซี่ยนอวี๋เขียนเพลงที่ดีกว่านี้ออกมาได้ อำนาจการตัดสินใจเกี่ยวกับซีรีส์เรื่องต่อไปเป็นของคุณ”

“ตามนั้นก็แล้วกันครับ”

ฟ่านหลงเหอไม่ได้ต่อปากต่อคำอีก วันนี้เขาสะเพร่าเกินไป น่าจะรอก่อน รอจนกว่าทางเซี่ยนอวี๋จะตอบรับมาให้ชัดเจน

แต่เขาก็ดันไม่มีวิธีอื่น

ถ้าหากไม่เปิดการประชุม บริษัทก็คงกำหนดเพลงตายตัวไปแล้ว ตนจะมาเสนอเรื่องเปลี่ยนเพลงอีก ก็คงไม่ทันการแล้ว

นี่เป็นสิ่งที่ฟ่านหลงเหอเกลียดในตัวหลัวฉี

หลัวฉีสนใจแต่ผลประโยชน์ของตนเอง เวลาทำงานก็มักจะระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อผิดพลาดใหญ่ขึ้น

ส่วนตัวเขาเองสนใจผลประโยชน์ของบริษัทมากกว่า และพยายามทำหน้าที่เหล่านี้ให้ออกมาดีที่สุด

แน่นอนละ

ฟ่านหลงเหอไม่ได้จิตใจสูงส่งมาจากไหน

เขายอมรับว่าเขาเองก็มีความเห็นแก่ตัว

พยายามทำผลงานถึงเพียงนี้ ก็เพื่อให้บริษัทเห็นความสำคัญ

ถ้าเขาไม่ทำผลงานให้ดีกว่าหลัวฉี เขาก็จะเป็นได้แค่ผู้ช่วยที่ได้แต่รั้งอยู่ข้างกายหลัวฉีตลอดไป

ดังนั้นส่วนใหญ่แล้ว เขาจะทำได้เพียงลองเสี่ยง ทำได้เพียงบุกไปสักตั้ง ถึงจะแซงหน้าหลัวฉี พร้อมทั้งคว้าโอกาสในการออกหน้าและแสดงฝีมือบ้าง

ทว่าครั้งนี้…

เขารีบร้อนเกินไป

ฉะนั้นวันนี้จึงถูกหลัวฉีขัดขาจนได้

ตอนนี้ทำได้เพียงเดิมพัน!

เดิมพันว่าเซี่ยนอวี๋สามารถเขียนผลงานที่ดีกว่าซาวด์แทร็กในตอนนี้ได้ภายในหนึ่งเดือน

ปัญหาก็คือ…

ทางเซี่ยนอวี๋จะตอบรับออเดอร์ที่มีความยากพอสมควรเช่นนี้หรือไม่

อย่าเพิ่งถามว่าเขาจะสร้างสรรค์ผลงานที่ดีกว่าเพลงซาวด์แทร็กที่มีอยู่ในตอนนี้ออกมาได้ไหม

ถ้าหากเรื่องนี้ไม่สำเร็จ อย่างน้อยภายในสองปีนี้ ความปรารถนาในการเลื่อนขั้นของเขาก็คงเป็นไปไม่ได้แล้ว

ก่อนหน้านี้เขาใช้สายตาอันหลักแหลมของตนในสายงานดนตรี ถึงกระเสือกกระสนขึ้นมายืนอยู่ในฐานะรองหัวหน้า และประมือกับหัวหน้าอย่างหลัวฉีได้

“ครั้งนี้เล่นใหญ่ไปแล้ว”

…………………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด