Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 94 ต้องมีสักวันที่ไม่ต้องประจบใคร

Now you are reading Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน Chapter 94 ต้องมีสักวันที่ไม่ต้องประจบใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 94 ต้องมีสักวันที่ไม่ต้องประจบใคร

“วันนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะ”

อู๋หย่งเดินเข้ามาด้านข้างหลินเยวียน รู้สึกว่าหลินเยวียนเฉื่อยชาอยู่สักหน่อย “ใครมากวนประสาทว่าที่มือทองของชั้นสิบเราเนี่ย”

หลินเยวียนมีสี่เพลงที่ยอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านแล้ว

เหลืออีกหนึ่งเพลง ก็จะได้ขึ้นเป็นนักประพันธ์เพลงระดับสูงอย่างเป็นทางการ และนั่นก็คือมือทองของบริษัทนั่นเอง

คนทั้งแผนกประพันธ์เพลงรู้เรื่องนี้ ฉะนั้นก็จะมีคนแซวหลินเยวียนเป็นบางครั้งบางคราว

“สองล้าน…”

หลินเยวียนมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความชอกช้ำ

“อะไรนะ”

“สองล้าน…”

อู๋หย่งจนคำพูด “สองล้านอะไร”

หลินเยวียนก็ไม่ตอบ แค่พูดซ้ำว่า “สองล้าน…”

อู๋หย่งไม่สนใจเขา

ตลอดทั้งช่วงสายนี้ หลินเยวียนท่าทางสับสน คล้ายคลึงกับซุนเย่าหั่วก่อนหน้านี้

และอีกด้านหนึ่ง

เหล่าโจวก็บุกไปยังแผนกตรวจสอบ

หัวหน้าของแผนกตรวจสอบ ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม “หัวหน้าโจว แวะมาเยี่ยมเหรอ ช่วงเที่ยงมีเวลาว่างก็ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย”

“กินบ้าอะไรล่ะ”

เหล่าโจวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แผนกตรวจสอบของพวกนายมีคนไม่ทำตามกฎ เรื่องนี้เดิมทีฉันก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้อยู่หรอก แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ใครทำเพลงกุหลาบแดงหลุดออกไป”

อีกฝ่ายแค่นหัวเราะ “เดี๋ยวฉันจะไปต่อว่า…”

โจวรุ่ยหมิงถลึงตาใส่ “นายก็รู้ว่าสิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่การต่อว่า”

อีกฝ่ายพยักหน้ารัว “ฉันรู้ๆ ฉันจะไปลงโทษให้หนัก!”

โจวรุ่ยหมิงกล่าว “ไม่พอ”

รอยยิ้มของอีกฝ่ายค่อยๆ หายไป ค่อยชี้นิ้วขึ้นด้านบน เบาเสียงพูดลง “หัวหน้าโจว จะพูดไปเรื่องนี้ก็ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน”

“ไล่ออก”

โจวรุ่ยหมิงเอ่ยเสียงเรียบ

อีกฝ่ายทำสีหน้าไม่ถูก “ถ้านายอยากได้แบบนั้นจริงๆ ฉันก็ต้องไปแจ้งกับเบื้องบนก่อน”

โจวรุ่ยนั่งลงที่เก้าอี้ “ก็แล้วแต่”

อีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความ

ไม่นาน โทรศัพท์ของโจวรุ่ยหมิงก็ดังขึ้น เขากดรับสายทันที ปลายสายส่งเสียงฟึดฟัดไม่พอใจ “คุณคิดจะทำอะไร”

“ทางแผนกประพันธ์เพลงมีคนละเมิดกฎบริษัทครับ”

“ผมอนุญาต”

“งั้นผมไล่เขาออกได้ไหมล่ะ”

“คุณแน่ใจ”

“ผมเองก็ลำบากใจเหมือนกัน”

“แล้วแต่คุณ”

โทรศัพท์วางไปแล้ว คงจะโกรธจัดน่าดู

โจวรุ่ยหมิงเหลือบมองหัวหน้าแผนกตรวจสอบ “นายแจ้งไปแล้ว หลังจากนี้ฉันจะแจ้งบ้าง คงไม่ต้องให้ฉันพูดเยอะล่ะมั้ง”

“ได้”

อีกฝ่ายหัวเราะ ยกนิ้วโป้งขึ้น “สมแล้วที่เป็นมือหนึ่งของแผนกประพันธ์เพลง หนักแน่นอาจหาญ เรื่องนี้นายจะโทษฉันก็ไม่ได้นะ ถึงยังไงฉันก็แค่ทำไปตามคำสั่ง ในเมื่อนายคุยแล้ว งั้นฉันก็จะไล่เจ้านี่ออกแล้วนะ”

“ไปละ”

โจวรุ่ยหมิงหันหลังเดินออกไป

เมื่อกลับไปยังห้องทำงาน ผู้ช่วยก็ปรี่เข้ามาอย่างระแวดระวัง “หัวหน้า คุณคงไม่ได้ไปงัดกับคนระดับสูงในบริษัทมาหรอกใช่มั้ย”

“ก็ไปมาแล้วน่ะสิ”

โจวรุ่ยหมิงยิ้มขื่นกล่าว “ก่อนหน้านี้ไปงัดกับพวกเขามาเพราะพ่อเพลง ครั้งนี้ทำไปเพื่อเซี่ยนอวี๋ หัวหน้าอย่างฉันนี่มันน่าสงสารจริงๆ เลย”

“หัวหน้าเจ๋งสุดๆ!”

ผู้ช่วยกล่าวยิ้มเอ่ย “ผมเพิ่งจะให้ทางห้องอัดส่งเพลงกุหลาบแดงเวอร์ชันหยาบมาให้ตามที่คุณสั่งแล้ว หัวหน้าฟังก่อนเถอะ”

“ได้”

โจวรุ่ยหมิงสวมหูฟัง นั่งแผ่ลงบนเก้าอี้ ฟังเพลงกุหลาบแดง ผลคือฟังไปแค่ครึ่งเพลง เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

“มีอะไรเหรอครับ”

ผู้ช่วยมองเขาด้วยความแปลกใจ

โจวรุ่ยหมิงตบโต๊ะเต็มแรง จนผู้ช่วยตกใจกระโดดโหยง จากนั้นก็ได้ยินโจวรุ่ยหมิงหัวเราะอย่างมีความสุข “คุ้มค่า!”

……

ช่วงเที่ยง

เหล่าโจวเรียกหลินเยวียนไปยังห้องทำงาน กล่าวกลั้วหัวเราะ “คนที่ทำเพลงหลุดถูกไล่ออกไปแล้ว ฉันรับรองกับนายได้ว่า หลังจากนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก!”

“ครับ”

หลินเยวียนไม่ได้รู้สึกดีใจ

เหล่าโจวถูมืออย่างระแวดระวัง “นายอยากกินกาแฟมั้ย”

หลินเยวียนตอบเสียงแข็งทันควัน “ไม่กินครับ!”

เหล่าโจวชะงักไปชั่วขณะ

ไม่กินก็ไม่กิน ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือไง

เขากระแอมเสียงหนึ่ง “งั้นเอาชามาแก้วหนึ่งแล้วกัน ชาที่ดีที่สุด ฉันเก็บไว้”

หลินเยวียนพยักหน้า

เหล่าโจวชงชาด้วยตนเอง

หลังจากชงชาเสร็จ เหล่าโจวก็ถูมืออย่างระแวง “เพลงกุหลาบแดงนี่นายเพิ่งเขียนเหรอ”

“ครับ”

หลินเยวียนเป่าน้ำชา

หลังจากนี้เขาจะไม่ดื่มกาแฟอีก เปลี่ยนไปกินชา

ดื่มชาทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง

เหล่าโจวนั่งพิงอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ “เพลงนี้ดีมาก”

หลินเยวียนเป่าควันที่ปากถ้วยชา “ฟู่…ฟู่…”

เหล่าโจวเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่าหลินเยวียนสนใจตนหรือไม่ เขานั่งยิ้มอย่างมีความสุขอยู่คนเดียวก็ได้

ในตอนนั้น

โทรศัพท์ของหลินเยวียนก็ดังขึ้น

จ้าวเจวี๋ย “เถาหรานพักงานหนึ่งเเดือน งานเดือนนี้ของจินซูอวี่ก็แคนเซิลทั้งหมด ส่วนทางแผนกตรวจสอบ เหล่าโจวไปจัดการแล้ว ฉันไม่ได้ออกหน้า ถ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีกบอกฉันได้”

“ขอบคุณครับพี่จ้าว”

“เรื่องเล็กน้อยน่ะ”

หลินเยวียนวางโทรศัพท์

เหล่าโจวยิ้มเอ่ย “เสี่ยวจ้าวดีกับนายมากเลย เธอเป็นเจ้านายสายตรงของเถาหราน เป็นหัวหน้าของผู้จัดการทั้งหมด มีจ้าวเจวี๋ยอยู่ เถาหรานก็เป็นแค่ลูกกระจ๊อก”

หลินเยวียนไม่ได้พูดอะไร

วันต่อมา ข่าวที่จินซูอวี่กับเถาหรานถูกเบื้องบนลงโทษอย่างเด็ดขาดก็แพร่สะพัดออกไปทั้งบริษัท หัวข้อซุบซิบตั้งแต่เช้าของทุกแผนกก็คือ

สรุปแล้วสองคนนี้ไปล่วงเกินเทพเซียนท่านไหน

ในตอนนั้นหลินเยวียนก็กำลังช่วยซุนเย่าหั่วอัดเพลงอยู่

วันนี้ซุนเย่าหั่วฟอร์มดีมาก ผลลัพธ์จากการอัดเพลงทำให้หลินเยวียนพอใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น อีกไม่นานเพลงนี้ก็จะอัดจนเสร็จสมบูรณ์

ระหว่างพักจากการอัดเพลง

ซุนเย่าหั่วก็ขยับเข้ามาหาหลินเยวียน เขาซึ่งปกติแล้วจะช่างพูดและร่าเริง ครั้งนี้กลับดูแปลกชอบกล “ขอบคุณมาก”

“ขอบคุณอะไรครับ”

“ขอบคุณที่เลือกฉัน”

หลินเยวียนไม่รู้ว่าซุนเย่าหั่วพบเจออะไรมาบ้าง เขารู้สึกเพียงว่าอีกฝ่ายแปลกไป “ผมให้พี่ร้องเพลงนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

ซุนเย่าหั่วนิ่งอึ้งไป

ชั่วขณะนั้น เขาก็หวนนึกย้อนไปถึงภาพฉากที่ตนได้พบกับหลินเยวียนเป็นครั้งแรกที่บริษัท ในตอนนั้นความรู้สึกก็ซับซ้อนขึ้นมา

จริงด้วย

สำหรับคนอย่างรุ่นน้องแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นแสนจะง่ายดาย เดิมทีก็เลือกให้ตนร้องอยู่แล้ว จะเปลี่ยนไปให้คนอื่นได้ยังไงล่ะ

“งั้นนายก็ไม่ได้ทำเพื่อฉัน…”

หลินเยวียนพูดด้วยความประหลาดใจ “หมายความว่ายังไงครับ”

ซุนเย่าหัวร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก เรื่องที่จินซูอวี่และเถาหรานถูกบริษัทลงโทษ รู้กันไปทั่วทั้งบริษัท ทุกคนถกเถียงกันว่าเป็นอิทธิพลของใคร ตนกลับรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรุ่นน้องโดยตรง ฉะนั้นซุนเย่าหั่วจึงคิดมาตลอดว่าหลินเยวียนโกรธแทนตน

ในตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้วเห็นจะเป็นการเข้าใจผิด

แต่ว่า แบบนี่สิถึงจะเป็นเซี่ยนอวี๋!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซุนเย่าหั่วก็ยิ้มอย่างผ่อนคลายพลางเอ่ยว่า “รุ่นน้อง ฉันพานายไปเลี้ยงข้าวที่โรงอาหารผู้บริหารระดับสูงดีกว่า เมื่อวานได้คูปองพิเศษในโรงอาหารผู้บริหารระดับสูงมา เราไปกินได้สักมื้อ!”

“ได้ครับ!”

หลินเยวียนดวงตาเป็นประกายวาบ

อาหารของโรงอาหารผู้บริหารระดับสูงนั้น รสชาติดีกว่าโรงอาหารธรรมดามาก ครั้งก่อนจ้าวเจวี๋ยพาหลินเยวียนไปกินที่นั่นครั้งหนึ่ง ทำให้หลินเยวียนหวนนึกถึง น่าเสียดายที่เขาเข้าไปไม่ได้

ไม่สิ

ถึงเข้าไปได้ก็กินไม่ได้ อาหารที่นั่นแพงเกินไป ถ้าไม่มีคนเลี้ยง ใครจะไปกินไหว

“ไปกันเถอะ”

ซุนเย่าหั่วช่วยหลินเยวียนเปิดประตูอย่างชำนิชำนาญ

ซุนเย่าหั่วสาบานอยู่ในใจว่า ต้องมีสักวันที่เขายืดอดในวงการได้อย่างภาคภูมิใจ ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เผชิญหน้ากับคนอย่างเถาหรานได้อย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม!

ต้องมีสักวันหนึ่ง ที่เขาไม่ต้องประจบประแจงใคร!

…ประจบแค่เซี่ยนอวี๋คนเดียว!

……………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 94 ต้องมีสักวันที่ไม่ต้องประจบใคร

Now you are reading Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน Chapter 94 ต้องมีสักวันที่ไม่ต้องประจบใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 94 ต้องมีสักวันที่ไม่ต้องประจบใคร

“วันนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะ”

อู๋หย่งเดินเข้ามาด้านข้างหลินเยวียน รู้สึกว่าหลินเยวียนเฉื่อยชาอยู่สักหน่อย “ใครมากวนประสาทว่าที่มือทองของชั้นสิบเราเนี่ย”

หลินเยวียนมีสี่เพลงที่ยอดดาวน์โหลดทะลุหนึ่งล้านแล้ว

เหลืออีกหนึ่งเพลง ก็จะได้ขึ้นเป็นนักประพันธ์เพลงระดับสูงอย่างเป็นทางการ และนั่นก็คือมือทองของบริษัทนั่นเอง

คนทั้งแผนกประพันธ์เพลงรู้เรื่องนี้ ฉะนั้นก็จะมีคนแซวหลินเยวียนเป็นบางครั้งบางคราว

“สองล้าน…”

หลินเยวียนมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความชอกช้ำ

“อะไรนะ”

“สองล้าน…”

อู๋หย่งจนคำพูด “สองล้านอะไร”

หลินเยวียนก็ไม่ตอบ แค่พูดซ้ำว่า “สองล้าน…”

อู๋หย่งไม่สนใจเขา

ตลอดทั้งช่วงสายนี้ หลินเยวียนท่าทางสับสน คล้ายคลึงกับซุนเย่าหั่วก่อนหน้านี้

และอีกด้านหนึ่ง

เหล่าโจวก็บุกไปยังแผนกตรวจสอบ

หัวหน้าของแผนกตรวจสอบ ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้ม “หัวหน้าโจว แวะมาเยี่ยมเหรอ ช่วงเที่ยงมีเวลาว่างก็ไปกินข้าวด้วยกันมั้ย”

“กินบ้าอะไรล่ะ”

เหล่าโจวพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “แผนกตรวจสอบของพวกนายมีคนไม่ทำตามกฎ เรื่องนี้เดิมทีฉันก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ได้อยู่หรอก แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ใครทำเพลงกุหลาบแดงหลุดออกไป”

อีกฝ่ายแค่นหัวเราะ “เดี๋ยวฉันจะไปต่อว่า…”

โจวรุ่ยหมิงถลึงตาใส่ “นายก็รู้ว่าสิ่งที่ฉันต้องการไม่ใช่การต่อว่า”

อีกฝ่ายพยักหน้ารัว “ฉันรู้ๆ ฉันจะไปลงโทษให้หนัก!”

โจวรุ่ยหมิงกล่าว “ไม่พอ”

รอยยิ้มของอีกฝ่ายค่อยๆ หายไป ค่อยชี้นิ้วขึ้นด้านบน เบาเสียงพูดลง “หัวหน้าโจว จะพูดไปเรื่องนี้ก็ไม่ใช่หน้าที่ของฉัน”

“ไล่ออก”

โจวรุ่ยหมิงเอ่ยเสียงเรียบ

อีกฝ่ายทำสีหน้าไม่ถูก “ถ้านายอยากได้แบบนั้นจริงๆ ฉันก็ต้องไปแจ้งกับเบื้องบนก่อน”

โจวรุ่ยนั่งลงที่เก้าอี้ “ก็แล้วแต่”

อีกฝ่ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่งข้อความ

ไม่นาน โทรศัพท์ของโจวรุ่ยหมิงก็ดังขึ้น เขากดรับสายทันที ปลายสายส่งเสียงฟึดฟัดไม่พอใจ “คุณคิดจะทำอะไร”

“ทางแผนกประพันธ์เพลงมีคนละเมิดกฎบริษัทครับ”

“ผมอนุญาต”

“งั้นผมไล่เขาออกได้ไหมล่ะ”

“คุณแน่ใจ”

“ผมเองก็ลำบากใจเหมือนกัน”

“แล้วแต่คุณ”

โทรศัพท์วางไปแล้ว คงจะโกรธจัดน่าดู

โจวรุ่ยหมิงเหลือบมองหัวหน้าแผนกตรวจสอบ “นายแจ้งไปแล้ว หลังจากนี้ฉันจะแจ้งบ้าง คงไม่ต้องให้ฉันพูดเยอะล่ะมั้ง”

“ได้”

อีกฝ่ายหัวเราะ ยกนิ้วโป้งขึ้น “สมแล้วที่เป็นมือหนึ่งของแผนกประพันธ์เพลง หนักแน่นอาจหาญ เรื่องนี้นายจะโทษฉันก็ไม่ได้นะ ถึงยังไงฉันก็แค่ทำไปตามคำสั่ง ในเมื่อนายคุยแล้ว งั้นฉันก็จะไล่เจ้านี่ออกแล้วนะ”

“ไปละ”

โจวรุ่ยหมิงหันหลังเดินออกไป

เมื่อกลับไปยังห้องทำงาน ผู้ช่วยก็ปรี่เข้ามาอย่างระแวดระวัง “หัวหน้า คุณคงไม่ได้ไปงัดกับคนระดับสูงในบริษัทมาหรอกใช่มั้ย”

“ก็ไปมาแล้วน่ะสิ”

โจวรุ่ยหมิงยิ้มขื่นกล่าว “ก่อนหน้านี้ไปงัดกับพวกเขามาเพราะพ่อเพลง ครั้งนี้ทำไปเพื่อเซี่ยนอวี๋ หัวหน้าอย่างฉันนี่มันน่าสงสารจริงๆ เลย”

“หัวหน้าเจ๋งสุดๆ!”

ผู้ช่วยกล่าวยิ้มเอ่ย “ผมเพิ่งจะให้ทางห้องอัดส่งเพลงกุหลาบแดงเวอร์ชันหยาบมาให้ตามที่คุณสั่งแล้ว หัวหน้าฟังก่อนเถอะ”

“ได้”

โจวรุ่ยหมิงสวมหูฟัง นั่งแผ่ลงบนเก้าอี้ ฟังเพลงกุหลาบแดง ผลคือฟังไปแค่ครึ่งเพลง เขาก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน

“มีอะไรเหรอครับ”

ผู้ช่วยมองเขาด้วยความแปลกใจ

โจวรุ่ยหมิงตบโต๊ะเต็มแรง จนผู้ช่วยตกใจกระโดดโหยง จากนั้นก็ได้ยินโจวรุ่ยหมิงหัวเราะอย่างมีความสุข “คุ้มค่า!”

……

ช่วงเที่ยง

เหล่าโจวเรียกหลินเยวียนไปยังห้องทำงาน กล่าวกลั้วหัวเราะ “คนที่ทำเพลงหลุดถูกไล่ออกไปแล้ว ฉันรับรองกับนายได้ว่า หลังจากนี้จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก!”

“ครับ”

หลินเยวียนไม่ได้รู้สึกดีใจ

เหล่าโจวถูมืออย่างระแวดระวัง “นายอยากกินกาแฟมั้ย”

หลินเยวียนตอบเสียงแข็งทันควัน “ไม่กินครับ!”

เหล่าโจวชะงักไปชั่วขณะ

ไม่กินก็ไม่กิน ต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยหรือไง

เขากระแอมเสียงหนึ่ง “งั้นเอาชามาแก้วหนึ่งแล้วกัน ชาที่ดีที่สุด ฉันเก็บไว้”

หลินเยวียนพยักหน้า

เหล่าโจวชงชาด้วยตนเอง

หลังจากชงชาเสร็จ เหล่าโจวก็ถูมืออย่างระแวง “เพลงกุหลาบแดงนี่นายเพิ่งเขียนเหรอ”

“ครับ”

หลินเยวียนเป่าน้ำชา

หลังจากนี้เขาจะไม่ดื่มกาแฟอีก เปลี่ยนไปกินชา

ดื่มชาทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรง

เหล่าโจวนั่งพิงอยู่บนโซฟาอย่างสบายใจเฉิบ “เพลงนี้ดีมาก”

หลินเยวียนเป่าควันที่ปากถ้วยชา “ฟู่…ฟู่…”

เหล่าโจวเองก็ไม่ได้ใส่ใจว่าหลินเยวียนสนใจตนหรือไม่ เขานั่งยิ้มอย่างมีความสุขอยู่คนเดียวก็ได้

ในตอนนั้น

โทรศัพท์ของหลินเยวียนก็ดังขึ้น

จ้าวเจวี๋ย “เถาหรานพักงานหนึ่งเเดือน งานเดือนนี้ของจินซูอวี่ก็แคนเซิลทั้งหมด ส่วนทางแผนกตรวจสอบ เหล่าโจวไปจัดการแล้ว ฉันไม่ได้ออกหน้า ถ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีกบอกฉันได้”

“ขอบคุณครับพี่จ้าว”

“เรื่องเล็กน้อยน่ะ”

หลินเยวียนวางโทรศัพท์

เหล่าโจวยิ้มเอ่ย “เสี่ยวจ้าวดีกับนายมากเลย เธอเป็นเจ้านายสายตรงของเถาหราน เป็นหัวหน้าของผู้จัดการทั้งหมด มีจ้าวเจวี๋ยอยู่ เถาหรานก็เป็นแค่ลูกกระจ๊อก”

หลินเยวียนไม่ได้พูดอะไร

วันต่อมา ข่าวที่จินซูอวี่กับเถาหรานถูกเบื้องบนลงโทษอย่างเด็ดขาดก็แพร่สะพัดออกไปทั้งบริษัท หัวข้อซุบซิบตั้งแต่เช้าของทุกแผนกก็คือ

สรุปแล้วสองคนนี้ไปล่วงเกินเทพเซียนท่านไหน

ในตอนนั้นหลินเยวียนก็กำลังช่วยซุนเย่าหั่วอัดเพลงอยู่

วันนี้ซุนเย่าหั่วฟอร์มดีมาก ผลลัพธ์จากการอัดเพลงทำให้หลินเยวียนพอใจเป็นอย่างยิ่ง ถ้าไม่มีเรื่องเหนือความคาดหมายเกิดขึ้น อีกไม่นานเพลงนี้ก็จะอัดจนเสร็จสมบูรณ์

ระหว่างพักจากการอัดเพลง

ซุนเย่าหั่วก็ขยับเข้ามาหาหลินเยวียน เขาซึ่งปกติแล้วจะช่างพูดและร่าเริง ครั้งนี้กลับดูแปลกชอบกล “ขอบคุณมาก”

“ขอบคุณอะไรครับ”

“ขอบคุณที่เลือกฉัน”

หลินเยวียนไม่รู้ว่าซุนเย่าหั่วพบเจออะไรมาบ้าง เขารู้สึกเพียงว่าอีกฝ่ายแปลกไป “ผมให้พี่ร้องเพลงนี้อยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”

ซุนเย่าหั่วนิ่งอึ้งไป

ชั่วขณะนั้น เขาก็หวนนึกย้อนไปถึงภาพฉากที่ตนได้พบกับหลินเยวียนเป็นครั้งแรกที่บริษัท ในตอนนั้นความรู้สึกก็ซับซ้อนขึ้นมา

จริงด้วย

สำหรับคนอย่างรุ่นน้องแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นแสนจะง่ายดาย เดิมทีก็เลือกให้ตนร้องอยู่แล้ว จะเปลี่ยนไปให้คนอื่นได้ยังไงล่ะ

“งั้นนายก็ไม่ได้ทำเพื่อฉัน…”

หลินเยวียนพูดด้วยความประหลาดใจ “หมายความว่ายังไงครับ”

ซุนเย่าหัวร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก เรื่องที่จินซูอวี่และเถาหรานถูกบริษัทลงโทษ รู้กันไปทั่วทั้งบริษัท ทุกคนถกเถียงกันว่าเป็นอิทธิพลของใคร ตนกลับรู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับรุ่นน้องโดยตรง ฉะนั้นซุนเย่าหั่วจึงคิดมาตลอดว่าหลินเยวียนโกรธแทนตน

ในตอนนี้มาคิดๆ ดูแล้วเห็นจะเป็นการเข้าใจผิด

แต่ว่า แบบนี่สิถึงจะเป็นเซี่ยนอวี๋!

เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ ซุนเย่าหั่วก็ยิ้มอย่างผ่อนคลายพลางเอ่ยว่า “รุ่นน้อง ฉันพานายไปเลี้ยงข้าวที่โรงอาหารผู้บริหารระดับสูงดีกว่า เมื่อวานได้คูปองพิเศษในโรงอาหารผู้บริหารระดับสูงมา เราไปกินได้สักมื้อ!”

“ได้ครับ!”

หลินเยวียนดวงตาเป็นประกายวาบ

อาหารของโรงอาหารผู้บริหารระดับสูงนั้น รสชาติดีกว่าโรงอาหารธรรมดามาก ครั้งก่อนจ้าวเจวี๋ยพาหลินเยวียนไปกินที่นั่นครั้งหนึ่ง ทำให้หลินเยวียนหวนนึกถึง น่าเสียดายที่เขาเข้าไปไม่ได้

ไม่สิ

ถึงเข้าไปได้ก็กินไม่ได้ อาหารที่นั่นแพงเกินไป ถ้าไม่มีคนเลี้ยง ใครจะไปกินไหว

“ไปกันเถอะ”

ซุนเย่าหั่วช่วยหลินเยวียนเปิดประตูอย่างชำนิชำนาญ

ซุนเย่าหั่วสาบานอยู่ในใจว่า ต้องมีสักวันที่เขายืดอดในวงการได้อย่างภาคภูมิใจ ไม่รู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ เผชิญหน้ากับคนอย่างเถาหรานได้อย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม!

ต้องมีสักวันหนึ่ง ที่เขาไม่ต้องประจบประแจงใคร!

…ประจบแค่เซี่ยนอวี๋คนเดียว!

……………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด