Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 8 ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน

Now you are reading Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน Chapter 8 ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บริษัทติดอันดับสามในชาร์ตดาวรุ่ง

ชั่วขณะที่ชาร์ตดาวรุ่งเริ่มต้นขึ้น ข่าวนี้ก็เผยแพร่ไปทั่วทั้งสตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์ ทุกคนในบริษัทล้วนแตกตื่นตกใจขึ้นมาทันที

“เชี่ย ในที่สุดก็มีคนมากอบกู้สถานการณ์แล้วเว้ย”

“ปีนี้ก็คงไม่หักเงินแผนกดนตรีของพวกเราอีกแล้วใช่ไหม”

“เฮ้อ แผนกภาพยนตร์และโทรทัศน์ของพวกเราได้ภารกิจว่าทุกคนในแผนกต้องโหลดเพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ คนละครั้ง ปีนี้กว่าจะได้ที่สามมาแทบแย่ เบื้องบนคงพยายามคุมอันดับไว้อยู่”

“ก็ต้องแหงอยู่แล้วปะ”

“สตาร์ไลท์ก็เป็นบริษัทบันเทิงสามอันดับแรกของฉินโจว ผลงานในชาร์ตดาวรุ่งห่วย ก็มีผลกระทบถึงภาพลักษณ์ของบริษัท ต้องเข้าใจว่านักศึกษาจบใหม่ในแต่ละรุ่นตั้งเยอะแยะที่เลือกบริษัทจากกระแสพวกนี้”

บริษัทบันเทิงในฉินโจวมีไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

สามบริษัทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้น ‘สตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์’ ‘ซาไห่คัลเจอร์’ แล้วก็ ‘เซวี่ยนล่านอิ๋นกวง’

ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่เมื่อก่อน เด็กใหม่ที่สามบริษัทนี้ส่งไปล้วนแต่ได้ครองอันดับต้นๆ ในชาร์ตดาวรุ่ง

แต่ไม่กี่ปีมานี้ ซาไห่และเซวี่ยนล่านอิ๋นกวงนั้นมั่นคงเหมือนที่ผ่านมา ทว่าผลงานสตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์กลับไม่เข้าท่าอยู่ร่ำไป ถึงขั้นที่คนข้างนอกต่างเริ่มตั้งคำถามกับอิทธิพลของสตาร์ไลท์ในอุตสาหกรรมดนตรีแล้ว

ผลกระทบนี้ร้ายแรงมาก!

ฉะนั้นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทถึงได้กดดันจ้าวเจวี๋ยซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมด

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ในสถานการณ์ปกติ ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ก็ไม่มีค่าถึงขั้นทำให้บอสของบริษัทหัวฟัดหัวเหวี่ยงหรอก

และจากการพูดคุยกันของพนักงานในบริษัท

ชื่อของเซี่ยนอวี๋ก็ย่อมถูกเผยแพร่ออกไปเป็นธรรมดา

เมื่อเทียบกันแล้ว บทสนทนาที่เกี่ยวกับซุนเย่าหั่วกลับมีน้อยมาก

ต้องบอกก่อนว่า นี่เป็นยุคที่คนทั่วไปต่างให้ความสนใจกับคนแต่งเพลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพแวดล้อมตามแบบฉบับของบริษัทบันเทิงอย่างนี้

สถานะของผู้ประพันธ์เพลงนั้นห่างไกลกับนักร้องหลายโยชน์

ไม่อย่างนั้นในวงการเพลงจะมีคำว่า ‘พ่อเพลง’ ไปทำไม

สิ่งหนึ่งที่ทุกคนล้วนกระจ่างดี

คือการที่เพลงเพลงหนึ่งประสบความสำเร็จ โด่งดังเป็นพลุแตก มักจะเป็นเพราะทำนองที่ผู้ประพันธ์เพลงเขียนขึ้นนั้นกินใจคนฟัง

หรือจะพูดได้ว่า

เพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ที่เซี่ยนอวี๋แต่งขึ้นนั้นไม่เลือกคนร้อง

ต่อให้บริษัทไม่เลือกซุนเย่าหั่ว แต่เปลี่ยนให้คนอื่นมาร้องเพลงนี้ ทุกคนที่มีคุณภาพเสียงดีย่อมแจ้งเกิดโด่งดังได้ด้วยการผลักดันของทรัพยากรบริษัท

นี่คือเหตุผลที่หลังจากเพลงนี้โด่งดัง ทุกคนก็ให้ความสำคัญกับการแต่งเพลง

แน่นอนว่า

นักร้องซึ่งมีเสียงระดับเทพเหล่านั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

นักร้องจำพวกนี้ในอุตสาหกรรมดนตรีนับว่าเป็นเพชรน้ำหนึ่ง เสียงร้องระดับฟ้าประทาน ร้องเพลงอะไรก็ไพเราะเสนาะหูไปซะหมด ถึงขั้นเรียกว่านักฆ่าระดับพระกาฬ สถานะของพวกเขาสูงจนเทียบได้กับพ่อเพลงผู้ยิ่งใหญ่แล้ว

เมื่อนักร้องพลังเสียงระดับซาตานรวมพลังกับพ่อเพลงขั้นเทพ ก็มักจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างขาดใครไปไม่ได้

ถึงอย่างไรเพลงเหล่านี้ก็ใช่ว่าใครจะร้องได้

ก็เหมือนกับการที่เราไม่สามารถสุ่มเลือกนักร้องเข้ามาในห้องอัดแล้วสั่งให้ร้องโอเปรานั่นละ

และแน่นอน นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าระดับความยากของเพลงยิ่งมาก จะยิ่งเป็นเพลงที่ดี เพลงบางเพลงใครๆ ก็ร้องได้ แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธความยอดเยี่ยมของเพลงเหล่านั้น

……

และในโลกภายนอกตอนนี้

บรรยากาศของฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ก็ได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งฉินโจว ตามการเปิดอันดับของชาร์ตดาวรุ่ง

ในที่สุดความสนใจของแต่ละบริษัทใหญ่ก็เบนจากซาไห่คัลเจอร์ซึ่งครองอันดับหนึ่งอย่างเหนียวแน่น ไปยังหนึ่งในสามบริษัทบันเทิงขนาดใหญ่อย่างสตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์

“โอ้โห ปีนี้เด็กใหม่สตาร์ไลท์กลับมาอยู่ท็อปสามแล้ว”

“ยังไงก็เป็นสามบริษัทใหญ่เก่าแก่ สตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์จะแย่ทุกปีก็คงไม่ได้ปะ”

“จะบอกว่าสามบริษัทใหญ่ไม่เปิดทางให้คนอื่นทำมาหากินบ้างก็คงได้แหละ ที่หนึ่งซาไห่ไม่หลุดโผอยู่แล้ว ที่สองเซวี่ยนล่านอิ๋นกวงผลงานคงเส้นคงวา ที่สามสตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์ก็กลับมาเจิดจรัสอีกแล้ว พวกเขากินเนื้อ บริษัทเล็กๆ อย่างพวกเราคงทำได้แค่รอกินน้ำแกงอยู่ด้านหลัง”

“…”

นอกจากบริษัทในอุตสาหกรรมดนตรีแล้ว เหล่านักวิจารณ์เองก็ให้ความสนใจชาร์ตดาวรุ่งเช่นเดียวกัน ในบรรดาเพลงเหล่านั้น เพลงสามอันดับแรกจะได้รับความสนใจจากผู้คนมากกว่า

ในเวยปั๋ว

บรรดานักวิจารณ์ส่งเสียงเซ็งแซ่ แนะนำบทเพลงในดวงใจของตนจากชาร์ตดาวรุ่ง

ผลคือเพลงที่นักวิจารณ์ส่วนมากเลือกมาแนะนำอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมายก็คือเพลงในอันดับที่สาม ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’!

จังหวะแบบนี้ทำให้ชาวเน็ตที่ผ่านมาเห็นจำนวนมากเกิดความสนอกสนใจ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ขึ้นมา ในช่องคอมเมนต์ข้างใต้โพสต์แนะนำเพลงจึงคึกคักขึ้นตามไปด้วย

“ชื่อเพลงเพราะมากเลย”

“ให้ชีวิตตระการตาดั่งมวลผกายามคิมหันต์ ครั้นวายชีวันงามดั่งหมู่ใบไม้ในสารทฤดู ยังไม่ทันได้ฟังเพลง แค่อ่านข้อความแนะนำก็รู้แล้วว่าเพลงนี้ดีที่สุด”

“ฉันติดตามนักวิจารณ์สิบคน แนะนำเพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ไปแล้วเจ็ดคน ฉันต้องไปฟังดูบ้างแล้ว”

“ฟังแล้ว ไม่เลวเลย ช่วยดาวน์โหลดสนับสนุนเขาแล้วด้วย”

“ฉันก็ฟังแล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่าเพลงนี้ธรรมดาอะ”

“ขึ้นอยู่กับเทสต์ของคนจริงๆ นั่นละ แต่ฉันฟัง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ครั้งแรกแล้วขนลุกเลยนะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฟังเพลงที่ไม่มีไฮโน้ตแล้วขนลุก”

“ว้าว เพลงนี้มันมีของอยู่นะ”

“ขอบคุณนักวิจารณ์ที่แนะนำ เพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่ดีสุดที่ฉันได้จากฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ ไม่ต้องพูดเยอะซื้อเก็บเข้าเพลย์ลิสต์ไปเลยจ้า”

“…”

นี่นับเป็นธรรมเนียมของฉินโจว

ในฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ทุกปี นักวิจารณ์แทบทุกคนจะเฮละโลกันมาปั่นกระแสของฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่กันยกใหญ่

หรือไม่ก็แนะนำเพลงที่ตนเองชื่นชอบ ไม่ก็รับสินบนจากบริษัทบันเทิงมานิดหน่อย และโพสต์สิ่งที่บริษัทเขียนเตรียมไว้ให้แล้ว

จำนวนคนจำพวกแรกมีมาก

จำนวนคนจำพวกหลังมีน้อย

เป็นเพราะในฉินโจว ดนตรีจัดว่าเป็นศาสตร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนก็ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญาจนนักวิจารณ์จะมาหลอกได้

เรื่องนี้เกี่ยวข้องโยงกับเอกลักษณ์ของฉินโจว

บลูสตาร์มีทั้งหมดแปดทวีปใหญ่ ได้แก่ฉิน ฉี ฉู่ เยี่ยน ฮั่น จ้าว เว่ย และบวกกับจงโจวซึ่งเป็น ‘เมืองหลวง’ ของบลูสตาร์

แต่ละทวีปมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน

บนบลูสตาร์ ฉินโจวได้รับการยอมรับโดยถ้วนหน้าว่าเป็น ‘มาตุภูมิแห่งดนตรี’!

ที่นี่ผลิตศิลปินด้านดนตรีมากมาย

ฉีโจวซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของฉินโจวถูกขนานนามว่า ‘ตำหนักภาพยนตร์’

อย่างไรก็ดี ข้อมูลทางการเป็นประจักษ์ว่าเพลงประกอบภาพยนตร์ของฉีโจวส่วนใหญ่นั้นมีพ่อเพลงจากฉินโจวช่วยทำขึ้น

ในขณะเดียวกัน

ร้อยละแปดสิบของเหล่านักประพันธ์เพลงที่ยังโลดแล่นอยู่ในวงการเพลงบนบลูสตาร์ล้วนมีพื้นเพมาจากฉินโจว!

แบ่งแยกกันไปตามสไตล์ดนตรี

ทั้งยังมีเปียโน…ไวโอลิน…ซิมโฟนี…

สารพัดสารพัน

ศาสตร์ด้านดนตรีทั้งหมดล้วนมีพื้นที่ทางธุรกิจกว้างขวางในฉินโจว

เช่นนี้จะเห็นได้ว่าความชื่นชอบที่คนฉินโจวมีต่อดนตรีนั้นไม่ใช่เล่นๆ และนี่ก็คือเหตุผลที่ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่แห่งวงการเพลงกลายเป็นสิ่งที่ถูกรักษาและสืบทอดมาในฉินโจว

ด้วยอิทธิพลจากเสียงดนตรีตั้งแต่เยาว์วัย

คนฉินโจวจึงชอบยกย่องตนเองว่ามี ‘รสนิยมดีด้านดนตรีที่ดี’

ถ้าหากคนฉินโจวเอ่ยถึงเรื่องดนตรีต่อหน้าคนจากเจ็ดเขตอื่น ความรู้สึกเหนือกว่าจะเรียกได้ว่าพุ่งปรี๊ดเลยละ

……

จ้าวเจวี๋ยโทรศัพท์หาหลินเยวียน

ทันทีที่โทรศัพท์ต่อสายติด หัวหน้าผู้จัดการคนนี้ก็พูดด้วยน้ำเสียงระคนความตื่นเต้น “หลินเยวียน เดี๋ยวเธอจะได้ย้ายไปอยู่แผนกประพันธ์เพลงแล้ว อีกอย่าง ยินดีด้วย เธอได้อันดับสามในชาร์ตดาวรุ่ง!”

“ผมได้ที่สามเหรอครับ”

หลินเยวียนซึ่งอยู่ปลายสายครุ่นคิด ก่อนจะถามอย่างจริงจังว่า “อันดับนี้ ในฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่คงนับว่าไม่เลวเลยใช่มั้ยครับ”

“…”

คำถามนี้ทำเอาจ้าวเจวี๋ยมึนตึ้บไปเลย

ผ่านไปพักใหญ่กว่าเธอจะได้สติกลับมา จากนั้นก็เข้าใจความหมายแฝงของหลินเยวียน จึงพูดด้วยความประหลาดใจว่า “วันนี้เธอไม่ได้ตามชาร์ตดาวรุ่งเลยเหรอ”

“เพื่อนในคลาสผมเหมือนจะตามอยู่นะครับ” หลินเยวียนตอบ

จ้าวเจวี๋ยพลันรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก คำพูดของหลินเยวียนแทงใจดำเหลือเกิน เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มกระอักเลือดจากตรงไหนดี

เธอทำได้แค่ฝืนพูดต่อ “ใช่แล้ว อันดับสามเป็นอันดับที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ว่าวันนี้เพิ่งเป็นวันที่หนึ่ง หลังจากนี้ฉันจะช่วยเธอรักษาอันดับต่อไป”

“ขอบคุณครับพี่จ้าว”

หลินเยวียนเคารพนับถือจ้าวเจวี๋ยมาก

ทว่าจ้าวเจวี๋ยกลับหมดคำพูดกับหลินเยวียน ความนิ่งสงบของเด็กคนนี้กับความตื่นเต้นของเธอกลายเป็นความตรงข้ามสุดขั้วขึ้นมาทันที

เหมือนฉันไม่เคยเห็นโลกมาก่อนอย่างนั้นละ?

เธอทำได้แค่กัดฟันจบบทสนทนา “งั้นถ้าว่าง เธอเข้ามาที่บริษัทหน่อยนะ จะได้เดินเรื่องสักหน่อย อีกอย่างรายได้ของเพลงจะโอนให้เธอตอนปลายเดือน ฉันวางสายก่อนละ”

“ได้ครับ”

เมื่อพูดถึงรายได้ เสียงของหลินเยวียนก็ฟังดูตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย จุดนี้ทำให้จ้าวเจวี๋ยรู้สึกขึ้นมาว่า ‘ที่แท้ฉันก็พอจะเคยเห็นโลกอยู่นะ’

“เด็กคนนี้…”

จ้าวเจวี๋ยยิ้มพลางส่ายหน้า วางสายโทรศัพท์ สายตาเบนกลับไปยังคอมพิวเตอร์

นี่คือหน้าเว็บของชาร์ตดาวรุ่ง

ตั้งแต่กินอาหารกลางวันเสร็จ จ้าวเจวี๋ยก็จับจ้องที่หน้าจอคอมมาตลอด ไม่กล้าลุกไปไหน

เธอกลัวว่าตนแค่กะพริบตา ก็จะรักษาอันดับที่สามไว้ไม่ได้

แต่ดูไปดูมา จ้าวเจวี๋ยก็รู้สึกแปลกชอบกล

ไม่ใช่เพราะอันดับที่สี่ไล่ตามขึ้นมาแล้ว

ยอดดาวน์โหลดของอันดับที่สี่เพิ่งจะได้ไม่ถึง 30,000

เมื่อเทียบกันแล้ว ยอดดาวน์โหลดของ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ตั้งแต่กลางวันจนถึงตอนนี้ พุ่งขึ้นมาถึง 50,000 แล้ว!

ทว่าสิ่งที่แปลกนั้นอยู่ตรงนี้

ดูเหมือนว่ายอดดาวน์โหลดของ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ จะเพิ่มขึ้นเร็วอยู่นะ?

อันดับที่สองคือเพลงของเซวี่ยนล่านอิ๋นกวง

‘ราศีเมษ’ นักร้องเจิงอี้ ทำนองโดยหลี่ยาง ยอดดาวน์โหลด 53,000

ตอนเริ่มเปิดโพล ยอดดาวน์โหลดของ ‘ราศีเมษ’ คือ 43,000 จนถึงตอนนี้เพิ่มขึ้นมาหนึ่งหมื่น

แต่ตอนที่เพิ่งเปิดอันดับ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ มียอดดาวน์โหลดเพียง 33,000 ผลคือจนตอนนี้เพิ่มขึ้นมาเกือบสองหมื่น!

นั่นหมายความว่าอะไร

สตาร์ไลท์คงจะไม่ได้ไล่ตามมาระเบิดเซวี่ยนล่านอิ๋นกวงหรอกใช่ไหม?

ชั่วขณะที่ความคิดนี้วาบผ่านเข้ามาในสมองของจ้าวเจวี๋ย ก็คล้ายกับว่างอกรากออกมา เจริญเติบโตอย่างไม่บันยะบันยังจนหัวใจขอเธอเต้นระส่ำ

รีเฟรช!

รีเฟรช!

รีเฟรช!

จ้าวเจวี๋ยเคลื่อนเมาส์ เริ่มรีเฟรชหน้าเว็บ ก่อนจะพบว่าข้อมูลของ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ เข้าใกล้ลำดับที่สองมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นไปอีก…

เวลาหกโมงเย็น

เมื่อใกล้เวลาเลิกงาน

ไม่รู้ว่าจ้าวเจวี๋ยกดรีเฟรชอันดับไปกี่ครั้ง แต่ในครั้งนี้ เธอเห็นเต็มสองตาว่าอันดับที่สองของชาร์ตดาวรุ่งได้กลายเป็น ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ แล้ว!

ยอดดาวน์โหลด: 59,800!

อันดับที่สามคือเพลง ‘ราศีเมษ’ ของเซวี่ยนล่านอิ๋นกวง ยอดดาวน์โหลดหยุดอยู่ที่ 59,100 ครั้ง ถูกเบียดหล่นจากอันดับที่สอง!

ในตอนนั้น

จ้าวเจวี๋ยแทบหลุดปากหัวเราะออกมา

ยามที่ตนเองต้องการรักษาอันดับที่สามไว้ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ถึงกับถล่มเซวี่ยนล่านอิ๋นกวงอย่างไร้สุ้มเสียง กลายเป็นอันดับที่สองในชาร์ตดาวรุ่ง!

แต่อันดับหนึ่งก็ยังพิเศษเกินไป

ถ้าหากไปอยู่ในฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ของปีก่อนๆ ผลคะแนนของ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ก็เท่ากับกวาดเรียบทั้งชาร์ตดาวรุ่ง ตรงดิ่งขึ้นไปรับมงได้เลย!

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

จ้าวเจวี๋ยรับโทรศัพท์ เอ่ยถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายโทรมาเพราะอะไร “เหล่าโจว มีอะไร”

เสียงในโทรศัพท์ตอบว่า “เธอเปิดประตูหน่อย”

จ้าวเจวี๋ยชะงักไป ก่อนจะเปิดประตู

หน้าประตู ผู้ชายคนหนึ่งมาพร้อมรอยยิ้มตื่นเต้น “พี่จ้าววว ที่สอง…ไม่สิ ฉันหมายถึง…พวกเราสองคนไม่ได้สังสรรค์กันมานานแล้วน้า เย็นนี้อยากกินอะไรสั่งได้เลย ฉันเลี้ยงเอง! อีกอย่าง…เซี่ยนอวี๋จะมารายงานตัวที่แผนกประพันธ์เพลงเมื่อไหร่ล่ะ แผนกประพันธ์เพลงของพวกเราน่ะ กำลังขาดคนเยอะเลย”

“อ้อ”

จ้าวเจวี๋ยเห็นท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยประจบสอพลอแบบนี้ ก็พลันรู้สึกได้ทันทีว่าเขานี่แหละที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน 8 ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน

Now you are reading Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน Chapter 8 ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บริษัทติดอันดับสามในชาร์ตดาวรุ่ง

ชั่วขณะที่ชาร์ตดาวรุ่งเริ่มต้นขึ้น ข่าวนี้ก็เผยแพร่ไปทั่วทั้งสตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์ ทุกคนในบริษัทล้วนแตกตื่นตกใจขึ้นมาทันที

“เชี่ย ในที่สุดก็มีคนมากอบกู้สถานการณ์แล้วเว้ย”

“ปีนี้ก็คงไม่หักเงินแผนกดนตรีของพวกเราอีกแล้วใช่ไหม”

“เฮ้อ แผนกภาพยนตร์และโทรทัศน์ของพวกเราได้ภารกิจว่าทุกคนในแผนกต้องโหลดเพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ คนละครั้ง ปีนี้กว่าจะได้ที่สามมาแทบแย่ เบื้องบนคงพยายามคุมอันดับไว้อยู่”

“ก็ต้องแหงอยู่แล้วปะ”

“สตาร์ไลท์ก็เป็นบริษัทบันเทิงสามอันดับแรกของฉินโจว ผลงานในชาร์ตดาวรุ่งห่วย ก็มีผลกระทบถึงภาพลักษณ์ของบริษัท ต้องเข้าใจว่านักศึกษาจบใหม่ในแต่ละรุ่นตั้งเยอะแยะที่เลือกบริษัทจากกระแสพวกนี้”

บริษัทบันเทิงในฉินโจวมีไม่รู้ตั้งเท่าไหร่

สามบริษัทที่มีชื่อเสียงมากที่สุดย่อมหนีไม่พ้น ‘สตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์’ ‘ซาไห่คัลเจอร์’ แล้วก็ ‘เซวี่ยนล่านอิ๋นกวง’

ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่เมื่อก่อน เด็กใหม่ที่สามบริษัทนี้ส่งไปล้วนแต่ได้ครองอันดับต้นๆ ในชาร์ตดาวรุ่ง

แต่ไม่กี่ปีมานี้ ซาไห่และเซวี่ยนล่านอิ๋นกวงนั้นมั่นคงเหมือนที่ผ่านมา ทว่าผลงานสตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์กลับไม่เข้าท่าอยู่ร่ำไป ถึงขั้นที่คนข้างนอกต่างเริ่มตั้งคำถามกับอิทธิพลของสตาร์ไลท์ในอุตสาหกรรมดนตรีแล้ว

ผลกระทบนี้ร้ายแรงมาก!

ฉะนั้นผู้บริหารระดับสูงของบริษัทถึงได้กดดันจ้าวเจวี๋ยซึ่งรับผิดชอบเรื่องนี้ทั้งหมด

ถ้าหากไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ในสถานการณ์ปกติ ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ก็ไม่มีค่าถึงขั้นทำให้บอสของบริษัทหัวฟัดหัวเหวี่ยงหรอก

และจากการพูดคุยกันของพนักงานในบริษัท

ชื่อของเซี่ยนอวี๋ก็ย่อมถูกเผยแพร่ออกไปเป็นธรรมดา

เมื่อเทียบกันแล้ว บทสนทนาที่เกี่ยวกับซุนเย่าหั่วกลับมีน้อยมาก

ต้องบอกก่อนว่า นี่เป็นยุคที่คนทั่วไปต่างให้ความสนใจกับคนแต่งเพลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงสภาพแวดล้อมตามแบบฉบับของบริษัทบันเทิงอย่างนี้

สถานะของผู้ประพันธ์เพลงนั้นห่างไกลกับนักร้องหลายโยชน์

ไม่อย่างนั้นในวงการเพลงจะมีคำว่า ‘พ่อเพลง’ ไปทำไม

สิ่งหนึ่งที่ทุกคนล้วนกระจ่างดี

คือการที่เพลงเพลงหนึ่งประสบความสำเร็จ โด่งดังเป็นพลุแตก มักจะเป็นเพราะทำนองที่ผู้ประพันธ์เพลงเขียนขึ้นนั้นกินใจคนฟัง

หรือจะพูดได้ว่า

เพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ที่เซี่ยนอวี๋แต่งขึ้นนั้นไม่เลือกคนร้อง

ต่อให้บริษัทไม่เลือกซุนเย่าหั่ว แต่เปลี่ยนให้คนอื่นมาร้องเพลงนี้ ทุกคนที่มีคุณภาพเสียงดีย่อมแจ้งเกิดโด่งดังได้ด้วยการผลักดันของทรัพยากรบริษัท

นี่คือเหตุผลที่หลังจากเพลงนี้โด่งดัง ทุกคนก็ให้ความสำคัญกับการแต่งเพลง

แน่นอนว่า

นักร้องซึ่งมีเสียงระดับเทพเหล่านั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

นักร้องจำพวกนี้ในอุตสาหกรรมดนตรีนับว่าเป็นเพชรน้ำหนึ่ง เสียงร้องระดับฟ้าประทาน ร้องเพลงอะไรก็ไพเราะเสนาะหูไปซะหมด ถึงขั้นเรียกว่านักฆ่าระดับพระกาฬ สถานะของพวกเขาสูงจนเทียบได้กับพ่อเพลงผู้ยิ่งใหญ่แล้ว

เมื่อนักร้องพลังเสียงระดับซาตานรวมพลังกับพ่อเพลงขั้นเทพ ก็มักจะประสบความสำเร็จไปด้วยกัน ต่างฝ่ายต่างขาดใครไปไม่ได้

ถึงอย่างไรเพลงเหล่านี้ก็ใช่ว่าใครจะร้องได้

ก็เหมือนกับการที่เราไม่สามารถสุ่มเลือกนักร้องเข้ามาในห้องอัดแล้วสั่งให้ร้องโอเปรานั่นละ

และแน่นอน นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าระดับความยากของเพลงยิ่งมาก จะยิ่งเป็นเพลงที่ดี เพลงบางเพลงใครๆ ก็ร้องได้ แต่เราก็ไม่อาจปฏิเสธความยอดเยี่ยมของเพลงเหล่านั้น

……

และในโลกภายนอกตอนนี้

บรรยากาศของฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ก็ได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งฉินโจว ตามการเปิดอันดับของชาร์ตดาวรุ่ง

ในที่สุดความสนใจของแต่ละบริษัทใหญ่ก็เบนจากซาไห่คัลเจอร์ซึ่งครองอันดับหนึ่งอย่างเหนียวแน่น ไปยังหนึ่งในสามบริษัทบันเทิงขนาดใหญ่อย่างสตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์

“โอ้โห ปีนี้เด็กใหม่สตาร์ไลท์กลับมาอยู่ท็อปสามแล้ว”

“ยังไงก็เป็นสามบริษัทใหญ่เก่าแก่ สตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์จะแย่ทุกปีก็คงไม่ได้ปะ”

“จะบอกว่าสามบริษัทใหญ่ไม่เปิดทางให้คนอื่นทำมาหากินบ้างก็คงได้แหละ ที่หนึ่งซาไห่ไม่หลุดโผอยู่แล้ว ที่สองเซวี่ยนล่านอิ๋นกวงผลงานคงเส้นคงวา ที่สามสตาร์ไลท์เอนเตอร์เทนเมนต์ก็กลับมาเจิดจรัสอีกแล้ว พวกเขากินเนื้อ บริษัทเล็กๆ อย่างพวกเราคงทำได้แค่รอกินน้ำแกงอยู่ด้านหลัง”

“…”

นอกจากบริษัทในอุตสาหกรรมดนตรีแล้ว เหล่านักวิจารณ์เองก็ให้ความสนใจชาร์ตดาวรุ่งเช่นเดียวกัน ในบรรดาเพลงเหล่านั้น เพลงสามอันดับแรกจะได้รับความสนใจจากผู้คนมากกว่า

ในเวยปั๋ว

บรรดานักวิจารณ์ส่งเสียงเซ็งแซ่ แนะนำบทเพลงในดวงใจของตนจากชาร์ตดาวรุ่ง

ผลคือเพลงที่นักวิจารณ์ส่วนมากเลือกมาแนะนำอย่างพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมายก็คือเพลงในอันดับที่สาม ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’!

จังหวะแบบนี้ทำให้ชาวเน็ตที่ผ่านมาเห็นจำนวนมากเกิดความสนอกสนใจ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ขึ้นมา ในช่องคอมเมนต์ข้างใต้โพสต์แนะนำเพลงจึงคึกคักขึ้นตามไปด้วย

“ชื่อเพลงเพราะมากเลย”

“ให้ชีวิตตระการตาดั่งมวลผกายามคิมหันต์ ครั้นวายชีวันงามดั่งหมู่ใบไม้ในสารทฤดู ยังไม่ทันได้ฟังเพลง แค่อ่านข้อความแนะนำก็รู้แล้วว่าเพลงนี้ดีที่สุด”

“ฉันติดตามนักวิจารณ์สิบคน แนะนำเพลง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ไปแล้วเจ็ดคน ฉันต้องไปฟังดูบ้างแล้ว”

“ฟังแล้ว ไม่เลวเลย ช่วยดาวน์โหลดสนับสนุนเขาแล้วด้วย”

“ฉันก็ฟังแล้ว ส่วนตัวรู้สึกว่าเพลงนี้ธรรมดาอะ”

“ขึ้นอยู่กับเทสต์ของคนจริงๆ นั่นละ แต่ฉันฟัง ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ครั้งแรกแล้วขนลุกเลยนะ นี่เป็นครั้งแรกที่ฟังเพลงที่ไม่มีไฮโน้ตแล้วขนลุก”

“ว้าว เพลงนี้มันมีของอยู่นะ”

“ขอบคุณนักวิจารณ์ที่แนะนำ เพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่ดีสุดที่ฉันได้จากฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ ไม่ต้องพูดเยอะซื้อเก็บเข้าเพลย์ลิสต์ไปเลยจ้า”

“…”

นี่นับเป็นธรรมเนียมของฉินโจว

ในฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ทุกปี นักวิจารณ์แทบทุกคนจะเฮละโลกันมาปั่นกระแสของฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่กันยกใหญ่

หรือไม่ก็แนะนำเพลงที่ตนเองชื่นชอบ ไม่ก็รับสินบนจากบริษัทบันเทิงมานิดหน่อย และโพสต์สิ่งที่บริษัทเขียนเตรียมไว้ให้แล้ว

จำนวนคนจำพวกแรกมีมาก

จำนวนคนจำพวกหลังมีน้อย

เป็นเพราะในฉินโจว ดนตรีจัดว่าเป็นศาสตร์ที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนก็ไม่ได้โง่เขลาเบาปัญญาจนนักวิจารณ์จะมาหลอกได้

เรื่องนี้เกี่ยวข้องโยงกับเอกลักษณ์ของฉินโจว

บลูสตาร์มีทั้งหมดแปดทวีปใหญ่ ได้แก่ฉิน ฉี ฉู่ เยี่ยน ฮั่น จ้าว เว่ย และบวกกับจงโจวซึ่งเป็น ‘เมืองหลวง’ ของบลูสตาร์

แต่ละทวีปมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน

บนบลูสตาร์ ฉินโจวได้รับการยอมรับโดยถ้วนหน้าว่าเป็น ‘มาตุภูมิแห่งดนตรี’!

ที่นี่ผลิตศิลปินด้านดนตรีมากมาย

ฉีโจวซึ่งเป็นเพื่อนบ้านของฉินโจวถูกขนานนามว่า ‘ตำหนักภาพยนตร์’

อย่างไรก็ดี ข้อมูลทางการเป็นประจักษ์ว่าเพลงประกอบภาพยนตร์ของฉีโจวส่วนใหญ่นั้นมีพ่อเพลงจากฉินโจวช่วยทำขึ้น

ในขณะเดียวกัน

ร้อยละแปดสิบของเหล่านักประพันธ์เพลงที่ยังโลดแล่นอยู่ในวงการเพลงบนบลูสตาร์ล้วนมีพื้นเพมาจากฉินโจว!

แบ่งแยกกันไปตามสไตล์ดนตรี

ทั้งยังมีเปียโน…ไวโอลิน…ซิมโฟนี…

สารพัดสารพัน

ศาสตร์ด้านดนตรีทั้งหมดล้วนมีพื้นที่ทางธุรกิจกว้างขวางในฉินโจว

เช่นนี้จะเห็นได้ว่าความชื่นชอบที่คนฉินโจวมีต่อดนตรีนั้นไม่ใช่เล่นๆ และนี่ก็คือเหตุผลที่ฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่แห่งวงการเพลงกลายเป็นสิ่งที่ถูกรักษาและสืบทอดมาในฉินโจว

ด้วยอิทธิพลจากเสียงดนตรีตั้งแต่เยาว์วัย

คนฉินโจวจึงชอบยกย่องตนเองว่ามี ‘รสนิยมดีด้านดนตรีที่ดี’

ถ้าหากคนฉินโจวเอ่ยถึงเรื่องดนตรีต่อหน้าคนจากเจ็ดเขตอื่น ความรู้สึกเหนือกว่าจะเรียกได้ว่าพุ่งปรี๊ดเลยละ

……

จ้าวเจวี๋ยโทรศัพท์หาหลินเยวียน

ทันทีที่โทรศัพท์ต่อสายติด หัวหน้าผู้จัดการคนนี้ก็พูดด้วยน้ำเสียงระคนความตื่นเต้น “หลินเยวียน เดี๋ยวเธอจะได้ย้ายไปอยู่แผนกประพันธ์เพลงแล้ว อีกอย่าง ยินดีด้วย เธอได้อันดับสามในชาร์ตดาวรุ่ง!”

“ผมได้ที่สามเหรอครับ”

หลินเยวียนซึ่งอยู่ปลายสายครุ่นคิด ก่อนจะถามอย่างจริงจังว่า “อันดับนี้ ในฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่คงนับว่าไม่เลวเลยใช่มั้ยครับ”

“…”

คำถามนี้ทำเอาจ้าวเจวี๋ยมึนตึ้บไปเลย

ผ่านไปพักใหญ่กว่าเธอจะได้สติกลับมา จากนั้นก็เข้าใจความหมายแฝงของหลินเยวียน จึงพูดด้วยความประหลาดใจว่า “วันนี้เธอไม่ได้ตามชาร์ตดาวรุ่งเลยเหรอ”

“เพื่อนในคลาสผมเหมือนจะตามอยู่นะครับ” หลินเยวียนตอบ

จ้าวเจวี๋ยพลันรู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก คำพูดของหลินเยวียนแทงใจดำเหลือเกิน เธอไม่รู้ว่าจะเริ่มกระอักเลือดจากตรงไหนดี

เธอทำได้แค่ฝืนพูดต่อ “ใช่แล้ว อันดับสามเป็นอันดับที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ว่าวันนี้เพิ่งเป็นวันที่หนึ่ง หลังจากนี้ฉันจะช่วยเธอรักษาอันดับต่อไป”

“ขอบคุณครับพี่จ้าว”

หลินเยวียนเคารพนับถือจ้าวเจวี๋ยมาก

ทว่าจ้าวเจวี๋ยกลับหมดคำพูดกับหลินเยวียน ความนิ่งสงบของเด็กคนนี้กับความตื่นเต้นของเธอกลายเป็นความตรงข้ามสุดขั้วขึ้นมาทันที

เหมือนฉันไม่เคยเห็นโลกมาก่อนอย่างนั้นละ?

เธอทำได้แค่กัดฟันจบบทสนทนา “งั้นถ้าว่าง เธอเข้ามาที่บริษัทหน่อยนะ จะได้เดินเรื่องสักหน่อย อีกอย่างรายได้ของเพลงจะโอนให้เธอตอนปลายเดือน ฉันวางสายก่อนละ”

“ได้ครับ”

เมื่อพูดถึงรายได้ เสียงของหลินเยวียนก็ฟังดูตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย จุดนี้ทำให้จ้าวเจวี๋ยรู้สึกขึ้นมาว่า ‘ที่แท้ฉันก็พอจะเคยเห็นโลกอยู่นะ’

“เด็กคนนี้…”

จ้าวเจวี๋ยยิ้มพลางส่ายหน้า วางสายโทรศัพท์ สายตาเบนกลับไปยังคอมพิวเตอร์

นี่คือหน้าเว็บของชาร์ตดาวรุ่ง

ตั้งแต่กินอาหารกลางวันเสร็จ จ้าวเจวี๋ยก็จับจ้องที่หน้าจอคอมมาตลอด ไม่กล้าลุกไปไหน

เธอกลัวว่าตนแค่กะพริบตา ก็จะรักษาอันดับที่สามไว้ไม่ได้

แต่ดูไปดูมา จ้าวเจวี๋ยก็รู้สึกแปลกชอบกล

ไม่ใช่เพราะอันดับที่สี่ไล่ตามขึ้นมาแล้ว

ยอดดาวน์โหลดของอันดับที่สี่เพิ่งจะได้ไม่ถึง 30,000

เมื่อเทียบกันแล้ว ยอดดาวน์โหลดของ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ตั้งแต่กลางวันจนถึงตอนนี้ พุ่งขึ้นมาถึง 50,000 แล้ว!

ทว่าสิ่งที่แปลกนั้นอยู่ตรงนี้

ดูเหมือนว่ายอดดาวน์โหลดของ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ จะเพิ่มขึ้นเร็วอยู่นะ?

อันดับที่สองคือเพลงของเซวี่ยนล่านอิ๋นกวง

‘ราศีเมษ’ นักร้องเจิงอี้ ทำนองโดยหลี่ยาง ยอดดาวน์โหลด 53,000

ตอนเริ่มเปิดโพล ยอดดาวน์โหลดของ ‘ราศีเมษ’ คือ 43,000 จนถึงตอนนี้เพิ่มขึ้นมาหนึ่งหมื่น

แต่ตอนที่เพิ่งเปิดอันดับ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ มียอดดาวน์โหลดเพียง 33,000 ผลคือจนตอนนี้เพิ่มขึ้นมาเกือบสองหมื่น!

นั่นหมายความว่าอะไร

สตาร์ไลท์คงจะไม่ได้ไล่ตามมาระเบิดเซวี่ยนล่านอิ๋นกวงหรอกใช่ไหม?

ชั่วขณะที่ความคิดนี้วาบผ่านเข้ามาในสมองของจ้าวเจวี๋ย ก็คล้ายกับว่างอกรากออกมา เจริญเติบโตอย่างไม่บันยะบันยังจนหัวใจขอเธอเต้นระส่ำ

รีเฟรช!

รีเฟรช!

รีเฟรช!

จ้าวเจวี๋ยเคลื่อนเมาส์ เริ่มรีเฟรชหน้าเว็บ ก่อนจะพบว่าข้อมูลของ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ เข้าใกล้ลำดับที่สองมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้นไปอีก…

เวลาหกโมงเย็น

เมื่อใกล้เวลาเลิกงาน

ไม่รู้ว่าจ้าวเจวี๋ยกดรีเฟรชอันดับไปกี่ครั้ง แต่ในครั้งนี้ เธอเห็นเต็มสองตาว่าอันดับที่สองของชาร์ตดาวรุ่งได้กลายเป็น ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ แล้ว!

ยอดดาวน์โหลด: 59,800!

อันดับที่สามคือเพลง ‘ราศีเมษ’ ของเซวี่ยนล่านอิ๋นกวง ยอดดาวน์โหลดหยุดอยู่ที่ 59,100 ครั้ง ถูกเบียดหล่นจากอันดับที่สอง!

ในตอนนั้น

จ้าวเจวี๋ยแทบหลุดปากหัวเราะออกมา

ยามที่ตนเองต้องการรักษาอันดับที่สามไว้ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ถึงกับถล่มเซวี่ยนล่านอิ๋นกวงอย่างไร้สุ้มเสียง กลายเป็นอันดับที่สองในชาร์ตดาวรุ่ง!

แต่อันดับหนึ่งก็ยังพิเศษเกินไป

ถ้าหากไปอยู่ในฤดูกาลศิลปินหน้าใหม่ของปีก่อนๆ ผลคะแนนของ ‘ชีวิตดั่งมวลผกายามคิมหันต์’ ก็เท่ากับกวาดเรียบทั้งชาร์ตดาวรุ่ง ตรงดิ่งขึ้นไปรับมงได้เลย!

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

จ้าวเจวี๋ยรับโทรศัพท์ เอ่ยถามทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายโทรมาเพราะอะไร “เหล่าโจว มีอะไร”

เสียงในโทรศัพท์ตอบว่า “เธอเปิดประตูหน่อย”

จ้าวเจวี๋ยชะงักไป ก่อนจะเปิดประตู

หน้าประตู ผู้ชายคนหนึ่งมาพร้อมรอยยิ้มตื่นเต้น “พี่จ้าววว ที่สอง…ไม่สิ ฉันหมายถึง…พวกเราสองคนไม่ได้สังสรรค์กันมานานแล้วน้า เย็นนี้อยากกินอะไรสั่งได้เลย ฉันเลี้ยงเอง! อีกอย่าง…เซี่ยนอวี๋จะมารายงานตัวที่แผนกประพันธ์เพลงเมื่อไหร่ล่ะ แผนกประพันธ์เพลงของพวกเราน่ะ กำลังขาดคนเยอะเลย”

“อ้อ”

จ้าวเจวี๋ยเห็นท่าทางกะลิ้มกะเหลี่ยประจบสอพลอแบบนี้ ก็พลันรู้สึกได้ทันทีว่าเขานี่แหละที่ไม่เคยเห็นโลกมาก่อน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+