Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 128

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 128 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อ๊ะ อ๊า!”

ทันใดนั้นน้ำเสียงของฮาจุนก็ดังขึ้น ผนังด้านในฮุบแก่นกายราวกับถูกดูดจากข้างใน

“อ่า”

ขณะที่มูคยอมเองก็ครางสั้นๆ พลางโน้มกายลงมากกว่าเก่า มือของฮาจุนวางซ้อนลงบนหลังมือที่หลังกดลงมาบนหลังต้นขาของตนเอาไว้

“ฮ่ะะ อะ อึกกก”

“ฮ่า แม่ง… รู้สึกดีจัง”

มูคยอมถอนหายใจพลางขยับเอวให้เร็วขึ้น ถึงแม้พวกเขาจะหันหน้าเข้าหากันอยู่ในท่ามิชชันนารี แต่ในท่าที่ยกก้นโด่งขึ้นนั้น แก่นกายจะเสียบลงในแนวตรง และแทงลึกเข้าไปในร่างกาย

เสียงกรีดร้องลั่นราวกับคนที่กำลังหวาดกลัว และเสียงหนักๆ ของเนื้อที่กระทบเนื้อดังก้องไปทั่ว เตียงนวดที่แข็งแรงและไม่เขย่าสั่นเลยแม้แต่น้อยขยับเบาๆ ส่งดังครืดคราด ฮาจุนร้องออกมาราวกับว่าตัวเขารับการเคลื่อนไหวที่เสือกไสเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็วและลึกล้ำไม่ไหวแล้ว

“เหนื่อยเหรอ”

“อื๊อออ อะ อ๊าาา!”

ทุกครั้งที่มูคยอมขยับเอวสอดใส่ สองขาที่แนบสนิทก็จะเลื่อนขึ้นลงโดยที่ยังชิดติดกันอยู่ มูคยอมรู้สึกเสียวซ่านเวลาที่ผิวลื่นซึ่งถูกชะโลมไปด้วยเจลแนบชิดถูไถกับผิวหนัง เขาจึงขยับกายเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น

มูคยอมจับข้อเท้าที่อยู่เหนือไหล่ของตัวเองให้ลดต่ำลง ครั้งนี้เขากดต้นขาด้านในของฮาจุน แล้วแยกขาออกกว้างเหมือนตอนที่ยืดเส้นยืดสาย พลางลดตัวต่ำลง ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันมากยิ่งขึ้น มูคยอมสไลด์เอว จงใจถูไถผิวเปลือยอย่างแรง

กระแทกสะโพกรัวเร็วจนฮาจุนพูดไม่ออก ก่อนจะลดความเร็วลง ขยับไปมาอย่างเชื่องช้า และเมื่อร่างกายที่ถูกกอดสั่นสะท้าน เขาก็เร่งความเร็วอีกครั้งซ้ำไปซ้ำมา ทุกครั้งที่ทำแบบนั้น เนื้อที่กระทบเนื้อก็จะแนบชิดกันอย่างเหนียวแน่นราวกับกำลังลูบไล้กันและกันอย่างรักใคร่ และรวมตัวกันเหมือนตอนผสมแยมหรือครีมเข้าด้วยกัน

คนที่ครวญครางน้ำตาไหลอย่างฮาจุนส่ายศีรษะไปมา ราวกับจะบอกว่าทนไม่ไหวแล้ว

“ฮึกกก ทำแบบนั้น อ๊ะ มันเจ็บ…”

“เจ็บเหรอ ตรงไหน”

“นาย อึก ถูไถอยู่นั่น…”

ถึงแม้ว่ามูคยอมจะทาเจลไปทั่ว แต่ผิวหนังที่เพิ่งแว็กซ์เสร็จได้ไม่นานก็ระคายเคืองจนขึ้นสีแดง เหมือนกับถูกกระตุ้นด้วยแรงเสียดสี

เวลามีเซ็กซ์ แม้ไม่ถูกแตะต้องส่วนอื่นร่างกายที่ขาวสว่างไสวของฮาจุนก็มักจะเกิดรอยแดงอยู่แล้ว บอกตามตรงว่าเขาดีใจที่ได้เห็นผิวที่ย้อมด้วยสีชมพู ไปจนถึงส่วนที่อยู่เหนือแก่นกายในตอนนี้

“อื้อ ฉันจะระวังนะ”

แต่แท่งร้อนที่ฝังอยู่ในกายกลับแข็งตัวและปูดโปนขึ้น ต่างจากปากที่ยืนยันว่าจะระวัง มูคยอมตอบไปโดยอัตโนมัติ ก่อนยกสะโพกขึ้นน้อยๆ แล้วตอกตัวตนเข้าไปลึกๆ เมื่อถูกกระแทกเข้ามาพรวดเดียวจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดภายในกาย ฮาจุนก็แผดเสียงออกมาและสั่นไปทั้งตัว

“ฮ้าาา! “แฮ่ก อ๊า!”

คำพูดที่บอกว่าจะระวังนั้น มูคยอมไม่ได้พูดส่งเดช แต่เมื่อเขาเริ่มจดจ่ออยู่กับน้ำเสียงของฮาจุนและความสุขสมที่ครอบงำร่างกาย การควบคุมตัวเองจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

มูคยอมกดตัวต่ำลงอีกครั้งระหว่างกระแทกเอว ผิวเปลือยเปล่าของพวกเขาสัมผัสกัน และถูไถไปมาทุกครั้งที่เคลื่อนไหว

“อ๊ะ บอก บอกว่าเจ็บ ไง อื้อ ฮึก…”

แก่นกายของฮาจุนถูกทับอยู่ใต้กล้ามเนื้อหน้าท้องที่แข็งแกร่งและมองเห็นได้ชัด และเมื่อถูกบดขยี้กับผิวที่เรียบเนียนหลายต่อหลายครั้ง ร่างที่ตกอยู่ในอ้อมแขนเขาก็ร้อนผ่าว และเมื่อถึงจุดหนึ่งอีกฝ่ายก็เริ่มกระตุกเกร็ง

“อะ อ๊ะ อาาา อ๊า…!”

ฮาจุนแตะถึงสุดจุดยอดเป็นรอบที่สี่ อีกฝ่ายบิดตัวและครางออกมา ผนังด้านในก็หุบเข้าและคลายออกอย่างรวดเร็ว ตอดรัดแก่นกายเขาจนแน่นไปหมด ขณะที่มูคยอมนิ่วหน้า พ่นลมหายใจพลางปลดปล่อยความปรารถนาที่สั่งสมไว้ออกมา

มูคยอมกอดร่างกายที่กระตุกแรงจนแขนแกร่งสั่นไหว มูคยอมกอดอีกคนไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อยระหว่างที่ปลดปล่อยออกมาอย่างยาวนาน ราวกับว่าผนังเยื่อบุที่คดเคี้ยวกำลังดูดซับส่วนหนึ่งของเขา ไม่ให้พลาดแม้แต่หยดเดียว ฮาจุนที่ถูกกอดและดิ้นไปมาก็โอบแขนรอบแผ่นหลังของมูคยอม และดึงเขาเข้ามาหาตัว

ร่างกายเขาร้อนระอุเร็วกว่าทุกครั้ง แต่กลับใช้เวลานานขึ้นกว่าจะถึงจุดสุดยอด ฟู่ว มูคยอมถอนหายใจสั้นๆ พลางถอนแก่นกายที่ยังคงแข็งขืนตั้งชันออก เขารู้สึกราวกับมีไอร้อนวูบระเหยออกจากร่างกายเขา

มีอะไรกันบนเตียงนวดแค่นี้ก็พอแล้ว ตอนนี้คงต้องย้ายไปในที่ๆ หายใจโล่งกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือทางเดิน

ฮาจุนคู้ตัวลง ราวกับผิวที่บอบบางรู้สึกได้ถึงความเย็น แม้เพียงสัมผัสด้วยฝ่ามือ มูคยอมพรมจูบสั้นๆ ไล้ไปตามหน้าผาก แก้ม และต้นคอราวกับกำลังปลอบโยนฮาจุน

“ย้ายที่กันไหม”

มูคยอมว่าอย่างนั้น พลางสบตากับฮาจุน เขาอยากลามเลียแม้กระทั่งดวงตาที่ฉ่ำน้ำเพราะความสุขสม ความปรารถนานั้นพลุ่งขึ้นมาชั่วขณะ แต่แทนที่จะทำแบบนั้น มูคยอมก็ยิ้มพลางประทับริมฝีปากลงบนแก้มแทน เมื่อฮาจุนมองเห็นริมฝีปากที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ อีกฝ่ายก็เหลือบลงมองด้านล่าง

…บรรยากาศอึมครึมที่ปรากฎบนใบหน้านั้น ไม่เหมือนกับคนรักคนเดิมหลังจากมีอะไรกันเลยสักนิด มันจะเป็นความแตกต่างเล็กน้อยที่อาจถูกมองข้ามและไม่มีใครสังเกตเห็น แต่มูคยอมที่สังเกตเห็นก็พลันขมวดคิ้ว

“เป็นอะไรไป”

“หืม”

“ทำไมถึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ”

นั่นไม่ใช่สีหน้าของคนที่แตะถึงจุดสุดยอดหลายครั้ง

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้ แผดเสียง หรือออกแรงดิ้นรนระหว่างมีอะไรกัน แต่หลังจากถึงจุดสุดยอดและดื่มด่ำกับความสุขสม ถึงแม้ว่าบนใบหน้าของฮาจุนจะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา แต่สีหน้าของอีกฝ่ายก็มักไร้วี่แววของความเศร้าหมองและความกังวลทั้งหมดทั้งมวล ปรากฏแต่สีหน้าที่เหมือนเด็กน้อยเพิ่งตื่นนอนขึ้นมาแทน

แตกต่างจากสีหน้าเมื่อเสร็จกิจของพวกผู้ใหญ่ที่ดูสดชื่นและบริสุทธิ์มากกว่าครั้งไหนๆ สีหน้าที่คล้ายกับแสงสีขาวกระจ่างที่ส่องสว่างผ่านหน้าต่างในวันที่หิมะตก

ถึงกระนั้นขอบตาแดงเรื่อ แก้มที่สุกปลั่ง ริมฝีปากฉ่ำ และน้ำตาที่ไหลรินก็เติมเต็มใบหน้าที่บริสุทธิ์นั้น ให้กลายเป็นภาพลามกอนาจารที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลกใบนี้ มูคยอมชอบมองฮาจุนหลังถึงฝั่งฝันมากจริงๆ

แต่ทำไมวันนี้ มูคยอมดึงฮาจุนเข้ามาใกล้ ฮาจุนกระเดือกน้ำลายหนืดลงคอราวกับคนที่ถูกจับได้ แก้มของอีกฝ่ายกลับมาขึ้นสีแดงอีกครั้ง

“ยังอายเรื่องที่แว็กซ์ขนอยู่เหรอ”

มูคยอมมองหน้าฮาจุนและถามขึ้นด้วยความไม่รู้ ก่อนริมฝีปากที่ปิดสนิทจะระบายความไม่พอใจออกมา

“ทำไมวันนี้นายถึง…”

“อื้อ”

“ทำไมนายถึงทำต่อ ทั้งที่ฉันบอกว่าเจ็บล่ะ”

“หะ”

น้ำเสียงตกตะลึงหลุดออกมาจากปากของมูคยอม ความงุนงงทำให้เขาไม่ได้เอ่ยตอบไปในทันที มูคยอมได้แต่กะพริบตาปริบๆ

เพราะเขาเองก็เคยแว็กซ์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามีเซ็กซ์ต่อเลยในทันที…

มันอาจจะเจ็บแสบอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดมากมายขนาดนั้นมาก่อน เพราะเขาเป็นแบบนั้น เขาจึงเห็นเรื่องที่ฮาจุนบอกว่าเจ็บ เป็นเหมือนเรื่องธรรมชาติและไม่ได้คิดอะไร มูคยอมที่งุนงงรีบดึงฮาจุนเข้ามากอดและถาม

“ฉันขอโทษ เจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะผิวนายบอบบางกว่าฉันรึเปล่านะ”

“ไม่ได้เจ็บมากหรอก ก็แค่แสบนิดหน่อยน่ะ…”

“แล้วทำไม”

“ถึงยังไงฉันก็บอกแล้วว่าเจ็บ ฉันบอกว่าเจ็บตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่นายก็เอาแต่หัวเราะ…”

เสียงบ่นที่คาดไม่ถึงทำให้มูคยอมอึ้งจนพูดไม่ออก เขาใช้ปลายนิ้วลูบปลายคางด้วยความประหม่า ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และขอโทษอย่างสุภาพ

“ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้… ว่านายจะเจ็บมากขนาดนั้น”

“ไม่ มันไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้น”

เมื่อมูคยอมอุ้มฮาจุนที่กำลังบ่นขึ้นมา อีกคนก็ยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเขาโดยไม่ได้ขัดขืนอะไร และท่อนขาที่ถูกถูไถด้วยแก่นกายของมูคยอมก่อนหน้านี้ ก็ยกขึ้นมาเกี่ยวหลังเอวของเขาไว้ด้วย

ตอนแรกๆ อีกฝ่ายมักจะตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก และบอกให้เขาวางลงทุกครั้งที่โดนอุ้ม แต่ตอนนี้แม้จะโดนอุ้ม ฮาจุนก็ปล่อยให้เขาทำไป และมีวิธีการกอดเขาแน่นเหมือนโคอาล่า ผมที่ยังไม่แห้งสนิทยุ่งเหยิงกระจัดกระจาย จนจั๊กจี้ท้ายทอยของมูคยอม

มูคยอมออกมาจากห้อง และกลั้นหัวเราะที่พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกในอก คำพูดที่คุณแม่ของฮาจุนเอ่ยกับเขาผุดขึ้นมาในความคิดอย่างได้จังหวะ

‘ฝากเจ้าฮาจุนด้วยนะจ๊ะ เด็กคนนี้เพิ่งเคยใช้ชีวิตที่ต่างประเทศเป็นครั้งแรก ฉันล่ะเป็นห่วงเหลือเกิน’

ตอนนี้มูคยอมรู้แล้วว่าเด็กชายหน้าขาวที่อาศัยอยู่ในบ้านไลแลคแสนสวยคือฮาจุน คุณชายที่ไปขอร้องแม่ให้ทายาให้เขา ซึ่งเติบโตขึ้นมาเหมือนกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่บานสะพรั่งงดงามอยู่ที่ลานบ้าน

ตอนแรกเขาคิดว่าแม่ของอีกฝ่ายที่ส่งข้อความมายามว่างนั้นพึ่งพาลูกชายจนผิดปกติ แต่ในความคิดเธอ เธออาจจะเป็นห่วงลูกชายที่เลี้ยงดูมาอย่างดีจนติดเป็นนิสัยก็ได้

มูคยอมก้าวเท้าไป ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเพราะกลั้นต่อไปไม่ไหว ฮาจุนจึงรีบถามอย่างว่องไวเหมือนกับที่จับต้นคอของเขา

“หัวเราะอะไร”

“เปล่า”

วันนี้ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน ฮาจุนก็จุดเตาผิงเอาไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น มูคยอมเดินไปยังห้องรับแขกที่มีสีแสดเหมือนพระอาทิตย์ตก แล้วนั่งลงบนโซฟานุ่มทั้งที่ยังกอดฮาจุนอยู่

เขาหัวเราะคิกคักไม่หยุด ฮาจุนคงเขินอายกับเสียงหัวเราะนั้น อีกฝ่ายจึงมองเขาก่อนหลบสายตา มูคยอมลากนิ้วลูบลงบนแก้ม

“นายบอกว่าเจ็บเพราะฉันถอนขนตรงนั้นออกให้ แต่ฉันก็ไม่สนใจและเอาแต่ขำ นายก็เลยเสียใจงั้นเหรอ”

“ใครบอกว่าเสียใจกันเล่า”

“น่าประหลาดใจนะ โค้ชอี คนที่เสียใจเพราะฉันไม่เข้าใจว่านายเจ็บ ทนครั้งแรกไหวได้ยังไงกันเนี่ย”

“บอกว่าไม่ไง”

เมื่อเขาแกล้งหยอกล้อไปเรื่อย ฮาจุนก็ฟาดมือตีเข้าที่ไหล่เขา ถึงแม้จะมือหนัก แต่เขาก็ยอมโดนตี จะกี่ครั้งก็ได้ มูคยอมกลั้นหัวเราะไม่ไหวแล้ว

อีฮาจุน คนที่มีร่องรอยบาดแผลใหญ่ที่เอว และไม่หวั่นไหวกับอะไรง่ายๆ แต่ก็ยอมอดทนได้ทุกอย่างตอนที่มีเซ็กซ์ ไม่ว่าเขาจะขออะไร คือคนเดียวกับที่บึ้งตึงหลังทำบราซิลเลียนแว็กซ์เสร็จ เพราะเขาไม่สนใจ

ฮาจุนที่ที่หลบสายตาของเขาอยู่กลอกตาลงต่ำ ทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูด ก่อนจะเอ่ยปากอย่างช้าๆ

“ถึงฉันจะไม่เคยพูด….”

“…”

“แต่นายก็ไม่เคยทำต่อทั้งๆ ที่ฉันบอกว่าเจ็บ”

ฉันทำแบบนั้นเหรอ

มีหลายเรื่องที่มูคยอมไม่อาจจดจำเวลาที่ผ่านพ้นไปได้อย่างละเอียดเท่าฮาจุน แต่พอเห็นอีกฝ่ายพูดแบบนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกว่าโชคดีที่คิมมูคยอมในอดีตได้ฝึกควบคุมตนเอง

มันคงมีเหตุผลที่จะไม่หยิบยกคำว่าเจ็บปวดขึ้นมา หากคนที่เคยทนเจ็บและไม่พูดอะไรเลยอย่างฮาจุนรู้สึกเสียใจขึ้นมา เพราะถ้าหากอีกฝ่ายบอกว่าเจ็บตอนนี้ แล้วเขาก็ไม่สนใจล่ะก็ มันแปลว่าในที่สุด อีกฝ่ายก็ได้ในสิ่งที่คาดหวังและปรารถนางั้นเหรอ

จู่ๆ มูคยอมก็มีความสุข เขาจูบแก้มที่ของฮาจุนร้อนผ่าวที่อาจเป็นเพราะความร้อนจากไฟที่ลุกโชนอยู่ใกล้ๆ หรือเพราะความละอายจนเกิดเสียง พลางกดจูบที่ริมฝีปากหลายครั้ง อุณหภูมิที่ร้อนของไฟทำให้เส้นผมที่เคยเปียกอยู่ก่อนหน้าแห้งสนิท

เมื่อมูคยอมเริ่มลูบขมับและเสยเส้นผมนุ่ม ฮาจุนก็เข้ามาประทับริมฝีปากราวกับว่าอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ก่อนจะกระซิบที่ข้างหู

“คิมมูคยอม… ทำอีกรอบก็ได้นะ”

“ไม่ละ ไหนว่าเจ็บไง”

“ตอนนี้ฉันโอเคแล้ว แค่ไม่ถูไถเหมือนเมื่อกี้ก็พอ”

เขาคงซื้อคฤหาสน์สไตล์คลาสสิกแบบนี้มาเพื่ออยู่ดูแลคุณชายให้ดีสินะ มูคยอมแสยะยิ้มพลางแนบหน้าผากแตะกับหน้าผากของอีกคน

“เซ็กซ์น่ะ ไม่ต้องทำต่อก็ได้ แต่ขออะไรอย่างหนึ่งสิ”

“อะไรเหรอ?”

“มาถ่ายรูปตรงนั้น เนื่องในโอกาสที่นายแว็กซ์ขนกันเถอะ ไม่ถ่ายให้เห็นหน้า”

“…ไม่จบไม่สิ้นจริงๆ สินะ”

เสียงลมหายใจที่พ่นออกมาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ผสมปนเปไปกับเสียงหัวเราะคิกคักของมูคยอม ฮาจุนตกอยู่ในภวังค์ความคิดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ถ้าถ่ายแต่ฉันมันก็ไม่ยุติธรรม งั้นถ่ายของนายด้วยสิ”

“ตามที่โค้ชต้องการเลย”

“และจากนี้ไปฉันจะจัดการช่วงล่างของนายให้เอง”

“…จะทำได้เหรอ”

“ฉันก็ฝึกเหมือนกัน กับนาย”

ฮาจุนว่าอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดไม่น้อย มูคยอมลองห้ามฮาจุนหลายครั้ง พลางบอกว่ากังวลเพราะนายยังไม่ชำนาญ แต่ไม่นานมูคยอมก็ต้องยอมแพ้ พร้อมกับบอกว่าตามใจ ทั้งคู่ต่างหัวเราะและนอนจมลงบนโซฟา

NEW FACE OF GREENFORD

หากจะมีการแข่งขันที่แฟนบอลให้ความสนใจพอๆ กับการแข่งขันฟุตบอล นั่นก็คือความเคลื่อนไหวของตลาดซื้อขายนักเตะที่จัดขึ้นปีละสองครั้ง ช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว

ช่วงนี้บรรดาแฟนบอลจะรู้สึกเหมือนตัวเองได้เป็นเจ้าของสโมสร และง่วนอยู่กับการถกเถียงในหมู่แฟนบอลว่าด้วยงบประมาณที่จำกัด นักเตะคนไหนจะต้องถูกเลิกจ้าง และนักเตะคนไหนจะถูกจ้างต่อ หากมีการจ้างนักเตะที่เหนือความคาดหมาย พวกเขาก็จะโห่ร้องด้วยความยินดี และเป็นกังวลหากไม่มีการจ้างนักเตะที่โดดเด่น มีผู้คนจำนวนมากที่สนุกกับขั้นตอนนี้ จึงมีเกมคอมพิวเตอร์มากมายที่จำลองสถานการณ์ให้ผู้เล่นเป็นผู้จัดการทีม หรือเจ้าของสโมสร ทำการซื้อขายนักเตะพร้อมบริหารสโมสรไปด้วย

หากถูกหลอกให้ซื้อนักเตะที่ไร้ความสามารถมาด้วยค่าตัวที่แพงเกินไป เหล่าแฟนบอลก็จะโกรธแค้นที่ถูกหักหลัง ทว่าหากรับคนที่มีอนาคตไกลมาด้วยค่าตัวที่ค่อนข้างต่ำ และเมื่อศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ระเบิดออกมา แฟนบอลก็จะดีใจเหมือนถูกล็อตเตอรี่ไปตลอดทั้งฤดูกาล

บางครั้งก็ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งเกิดดีลใหญ่ขึ้นในตอนสุดท้าย ก่อนตลาดซื้อขายนักเตะจะปิดลง นักเตะที่เคยโอ้อวดไว้ว่าจะไม่ไปไหนเด็ดขาดก็จะออกไปพร้อมกับเสียงก่นด่าว่าคนทรยศในตอนสุดท้าย หรือทำท่าเหมือนจะมาไม่มาราวกับจะเล่นตัวอยู่หลายรอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นต้น ตลาดซื้อขายนักเตะที่จัดขึ้นทุกปีเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่เสมอ

มูคยอมและฮาจุนมาอยู่ที่กรีนฟอร์ดได้สองเดือนแล้ว ไม่ทันไรสมุดบันทึกของฮาจุน ซึ่งบันทึกและรวบรวมข้อมูลของนักเตะก็เปลี่ยนไปหลายเล่มแล้วเหมือนกัน การจดจำใบหน้าและชื่อก็ต้องใช้เวลานานกว่าปกติถึงสองเท่า เพราะฮาจุนไม่คุ้นเคยกับใบหน้าหรือชื่อเหล่านั้น

ในช่วงที่มูคยอมย้ายกลับมาช่วงฤดูหนาว กรีนฟอร์ดก็มีนักเตะใหม่ๆ เข้ามา กรีนฟอร์ดในฤดูกาลนี้จ้างคนหน้าใหม่ที่มองเห็นความเป็นไปได้เป็นหลัก มากกว่านักเตะที่เป็นรู้จักและได้รับการพิสูจน์ฝีมือแล้ว การปลุกปั้นคนที่อนาคตไกลหน้าใหม่ๆเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการพัฒนาระยะยาวของสโมสร ฮาจุนกำลังพยายามเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว

“จุน สวัสดีตอนเช้า”

“สวัสดี มาร์โค”

“วันนี้ทานมื้อเช้าแล้วใช่ไหมครับ ทานอะไรมาเหรอ”

“ไข่ดาว ขนมปังปิ้ง แล้วก็สลัดไก่”

พวกนักเตะที่ย้ายทีมมาใหม่ คนในนั้นที่สนิทกับฮาจุนในช่วงนี้ คือนักเตะอายุยี่สิบปี ที่ชื่อมาร์โค

“ใครทำอาหารเหรอครับ”

“ทำด้วยกัน ฉันไม่มั่นใจในการทำอาหาร แต่ก็พอทำขนมปังปิ้งหรือสลัดได้นะ มาร์โคล่ะ”

“ผมกินซีเรียล ไส้กรอก แล้วก็นมครับ”

“ผักไม่พอนะ”

“อ้อ กินมะเขือเทศด้วยครับ”

นักเตะดาวรุ่งจากเวเนซูเอลาที่ย้ายมากรีนฟอร์ด หลังจากอยู่ทีมอันดับต่ำในลีกโปรตุเกสจนถึงปีที่แล้ว และแสดงศักยภาพออกมาอย่างมาก นอกจากจะมีอนาคตแล้ว เขายังได้รับความนิยมในฐานะชายหนุ่มรูปหล่อ ที่มีหุ่นดีและเสน่ห์เฉพาะตัว ด้วยผมสีเข้มที่มีผมหยักศกน้อยๆ และดวงตาสีมะกอก

แต่เขาก็ยังมีความกังวลเรื่องหนึ่ง ตรงที่เขายังไม่เก่งภาษาอังกฤษ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 128

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 128 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“อ๊ะ อ๊า!”

ทันใดนั้นน้ำเสียงของฮาจุนก็ดังขึ้น ผนังด้านในฮุบแก่นกายราวกับถูกดูดจากข้างใน

“อ่า”

ขณะที่มูคยอมเองก็ครางสั้นๆ พลางโน้มกายลงมากกว่าเก่า มือของฮาจุนวางซ้อนลงบนหลังมือที่หลังกดลงมาบนหลังต้นขาของตนเอาไว้

“ฮ่ะะ อะ อึกกก”

“ฮ่า แม่ง… รู้สึกดีจัง”

มูคยอมถอนหายใจพลางขยับเอวให้เร็วขึ้น ถึงแม้พวกเขาจะหันหน้าเข้าหากันอยู่ในท่ามิชชันนารี แต่ในท่าที่ยกก้นโด่งขึ้นนั้น แก่นกายจะเสียบลงในแนวตรง และแทงลึกเข้าไปในร่างกาย

เสียงกรีดร้องลั่นราวกับคนที่กำลังหวาดกลัว และเสียงหนักๆ ของเนื้อที่กระทบเนื้อดังก้องไปทั่ว เตียงนวดที่แข็งแรงและไม่เขย่าสั่นเลยแม้แต่น้อยขยับเบาๆ ส่งดังครืดคราด ฮาจุนร้องออกมาราวกับว่าตัวเขารับการเคลื่อนไหวที่เสือกไสเข้าไปในร่างกายอย่างรวดเร็วและลึกล้ำไม่ไหวแล้ว

“เหนื่อยเหรอ”

“อื๊อออ อะ อ๊าาา!”

ทุกครั้งที่มูคยอมขยับเอวสอดใส่ สองขาที่แนบสนิทก็จะเลื่อนขึ้นลงโดยที่ยังชิดติดกันอยู่ มูคยอมรู้สึกเสียวซ่านเวลาที่ผิวลื่นซึ่งถูกชะโลมไปด้วยเจลแนบชิดถูไถกับผิวหนัง เขาจึงขยับกายเข้ามาใกล้ชิดมากขึ้น

มูคยอมจับข้อเท้าที่อยู่เหนือไหล่ของตัวเองให้ลดต่ำลง ครั้งนี้เขากดต้นขาด้านในของฮาจุน แล้วแยกขาออกกว้างเหมือนตอนที่ยืดเส้นยืดสาย พลางลดตัวต่ำลง ร่างกายของทั้งคู่แนบชิดกันมากยิ่งขึ้น มูคยอมสไลด์เอว จงใจถูไถผิวเปลือยอย่างแรง

กระแทกสะโพกรัวเร็วจนฮาจุนพูดไม่ออก ก่อนจะลดความเร็วลง ขยับไปมาอย่างเชื่องช้า และเมื่อร่างกายที่ถูกกอดสั่นสะท้าน เขาก็เร่งความเร็วอีกครั้งซ้ำไปซ้ำมา ทุกครั้งที่ทำแบบนั้น เนื้อที่กระทบเนื้อก็จะแนบชิดกันอย่างเหนียวแน่นราวกับกำลังลูบไล้กันและกันอย่างรักใคร่ และรวมตัวกันเหมือนตอนผสมแยมหรือครีมเข้าด้วยกัน

คนที่ครวญครางน้ำตาไหลอย่างฮาจุนส่ายศีรษะไปมา ราวกับจะบอกว่าทนไม่ไหวแล้ว

“ฮึกกก ทำแบบนั้น อ๊ะ มันเจ็บ…”

“เจ็บเหรอ ตรงไหน”

“นาย อึก ถูไถอยู่นั่น…”

ถึงแม้ว่ามูคยอมจะทาเจลไปทั่ว แต่ผิวหนังที่เพิ่งแว็กซ์เสร็จได้ไม่นานก็ระคายเคืองจนขึ้นสีแดง เหมือนกับถูกกระตุ้นด้วยแรงเสียดสี

เวลามีเซ็กซ์ แม้ไม่ถูกแตะต้องส่วนอื่นร่างกายที่ขาวสว่างไสวของฮาจุนก็มักจะเกิดรอยแดงอยู่แล้ว บอกตามตรงว่าเขาดีใจที่ได้เห็นผิวที่ย้อมด้วยสีชมพู ไปจนถึงส่วนที่อยู่เหนือแก่นกายในตอนนี้

“อื้อ ฉันจะระวังนะ”

แต่แท่งร้อนที่ฝังอยู่ในกายกลับแข็งตัวและปูดโปนขึ้น ต่างจากปากที่ยืนยันว่าจะระวัง มูคยอมตอบไปโดยอัตโนมัติ ก่อนยกสะโพกขึ้นน้อยๆ แล้วตอกตัวตนเข้าไปลึกๆ เมื่อถูกกระแทกเข้ามาพรวดเดียวจนถึงส่วนที่ลึกที่สุดภายในกาย ฮาจุนก็แผดเสียงออกมาและสั่นไปทั้งตัว

“ฮ้าาา! “แฮ่ก อ๊า!”

คำพูดที่บอกว่าจะระวังนั้น มูคยอมไม่ได้พูดส่งเดช แต่เมื่อเขาเริ่มจดจ่ออยู่กับน้ำเสียงของฮาจุนและความสุขสมที่ครอบงำร่างกาย การควบคุมตัวเองจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

มูคยอมกดตัวต่ำลงอีกครั้งระหว่างกระแทกเอว ผิวเปลือยเปล่าของพวกเขาสัมผัสกัน และถูไถไปมาทุกครั้งที่เคลื่อนไหว

“อ๊ะ บอก บอกว่าเจ็บ ไง อื้อ ฮึก…”

แก่นกายของฮาจุนถูกทับอยู่ใต้กล้ามเนื้อหน้าท้องที่แข็งแกร่งและมองเห็นได้ชัด และเมื่อถูกบดขยี้กับผิวที่เรียบเนียนหลายต่อหลายครั้ง ร่างที่ตกอยู่ในอ้อมแขนเขาก็ร้อนผ่าว และเมื่อถึงจุดหนึ่งอีกฝ่ายก็เริ่มกระตุกเกร็ง

“อะ อ๊ะ อาาา อ๊า…!”

ฮาจุนแตะถึงสุดจุดยอดเป็นรอบที่สี่ อีกฝ่ายบิดตัวและครางออกมา ผนังด้านในก็หุบเข้าและคลายออกอย่างรวดเร็ว ตอดรัดแก่นกายเขาจนแน่นไปหมด ขณะที่มูคยอมนิ่วหน้า พ่นลมหายใจพลางปลดปล่อยความปรารถนาที่สั่งสมไว้ออกมา

มูคยอมกอดร่างกายที่กระตุกแรงจนแขนแกร่งสั่นไหว มูคยอมกอดอีกคนไว้ในอ้อมแขนไม่ยอมปล่อยระหว่างที่ปลดปล่อยออกมาอย่างยาวนาน ราวกับว่าผนังเยื่อบุที่คดเคี้ยวกำลังดูดซับส่วนหนึ่งของเขา ไม่ให้พลาดแม้แต่หยดเดียว ฮาจุนที่ถูกกอดและดิ้นไปมาก็โอบแขนรอบแผ่นหลังของมูคยอม และดึงเขาเข้ามาหาตัว

ร่างกายเขาร้อนระอุเร็วกว่าทุกครั้ง แต่กลับใช้เวลานานขึ้นกว่าจะถึงจุดสุดยอด ฟู่ว มูคยอมถอนหายใจสั้นๆ พลางถอนแก่นกายที่ยังคงแข็งขืนตั้งชันออก เขารู้สึกราวกับมีไอร้อนวูบระเหยออกจากร่างกายเขา

มีอะไรกันบนเตียงนวดแค่นี้ก็พอแล้ว ตอนนี้คงต้องย้ายไปในที่ๆ หายใจโล่งกว่านี้อีกสักหน่อย ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องนั่งเล่น หรือทางเดิน

ฮาจุนคู้ตัวลง ราวกับผิวที่บอบบางรู้สึกได้ถึงความเย็น แม้เพียงสัมผัสด้วยฝ่ามือ มูคยอมพรมจูบสั้นๆ ไล้ไปตามหน้าผาก แก้ม และต้นคอราวกับกำลังปลอบโยนฮาจุน

“ย้ายที่กันไหม”

มูคยอมว่าอย่างนั้น พลางสบตากับฮาจุน เขาอยากลามเลียแม้กระทั่งดวงตาที่ฉ่ำน้ำเพราะความสุขสม ความปรารถนานั้นพลุ่งขึ้นมาชั่วขณะ แต่แทนที่จะทำแบบนั้น มูคยอมก็ยิ้มพลางประทับริมฝีปากลงบนแก้มแทน เมื่อฮาจุนมองเห็นริมฝีปากที่เคลื่อนเข้ามาใกล้ อีกฝ่ายก็เหลือบลงมองด้านล่าง

…บรรยากาศอึมครึมที่ปรากฎบนใบหน้านั้น ไม่เหมือนกับคนรักคนเดิมหลังจากมีอะไรกันเลยสักนิด มันจะเป็นความแตกต่างเล็กน้อยที่อาจถูกมองข้ามและไม่มีใครสังเกตเห็น แต่มูคยอมที่สังเกตเห็นก็พลันขมวดคิ้ว

“เป็นอะไรไป”

“หืม”

“ทำไมถึงอารมณ์ไม่ดีล่ะ”

นั่นไม่ใช่สีหน้าของคนที่แตะถึงจุดสุดยอดหลายครั้ง

ไม่ว่าอีกฝ่ายจะร้องไห้ แผดเสียง หรือออกแรงดิ้นรนระหว่างมีอะไรกัน แต่หลังจากถึงจุดสุดยอดและดื่มด่ำกับความสุขสม ถึงแม้ว่าบนใบหน้าของฮาจุนจะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา แต่สีหน้าของอีกฝ่ายก็มักไร้วี่แววของความเศร้าหมองและความกังวลทั้งหมดทั้งมวล ปรากฏแต่สีหน้าที่เหมือนเด็กน้อยเพิ่งตื่นนอนขึ้นมาแทน

แตกต่างจากสีหน้าเมื่อเสร็จกิจของพวกผู้ใหญ่ที่ดูสดชื่นและบริสุทธิ์มากกว่าครั้งไหนๆ สีหน้าที่คล้ายกับแสงสีขาวกระจ่างที่ส่องสว่างผ่านหน้าต่างในวันที่หิมะตก

ถึงกระนั้นขอบตาแดงเรื่อ แก้มที่สุกปลั่ง ริมฝีปากฉ่ำ และน้ำตาที่ไหลรินก็เติมเต็มใบหน้าที่บริสุทธิ์นั้น ให้กลายเป็นภาพลามกอนาจารที่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วในโลกใบนี้ มูคยอมชอบมองฮาจุนหลังถึงฝั่งฝันมากจริงๆ

แต่ทำไมวันนี้ มูคยอมดึงฮาจุนเข้ามาใกล้ ฮาจุนกระเดือกน้ำลายหนืดลงคอราวกับคนที่ถูกจับได้ แก้มของอีกฝ่ายกลับมาขึ้นสีแดงอีกครั้ง

“ยังอายเรื่องที่แว็กซ์ขนอยู่เหรอ”

มูคยอมมองหน้าฮาจุนและถามขึ้นด้วยความไม่รู้ ก่อนริมฝีปากที่ปิดสนิทจะระบายความไม่พอใจออกมา

“ทำไมวันนี้นายถึง…”

“อื้อ”

“ทำไมนายถึงทำต่อ ทั้งที่ฉันบอกว่าเจ็บล่ะ”

“หะ”

น้ำเสียงตกตะลึงหลุดออกมาจากปากของมูคยอม ความงุนงงทำให้เขาไม่ได้เอ่ยตอบไปในทันที มูคยอมได้แต่กะพริบตาปริบๆ

เพราะเขาเองก็เคยแว็กซ์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน และนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขามีเซ็กซ์ต่อเลยในทันที…

มันอาจจะเจ็บแสบอยู่ครู่หนึ่ง แต่เขาก็ไม่เคยรู้สึกเจ็บปวดมากมายขนาดนั้นมาก่อน เพราะเขาเป็นแบบนั้น เขาจึงเห็นเรื่องที่ฮาจุนบอกว่าเจ็บ เป็นเหมือนเรื่องธรรมชาติและไม่ได้คิดอะไร มูคยอมที่งุนงงรีบดึงฮาจุนเข้ามากอดและถาม

“ฉันขอโทษ เจ็บขนาดนั้นเลยเหรอ เพราะผิวนายบอบบางกว่าฉันรึเปล่านะ”

“ไม่ได้เจ็บมากหรอก ก็แค่แสบนิดหน่อยน่ะ…”

“แล้วทำไม”

“ถึงยังไงฉันก็บอกแล้วว่าเจ็บ ฉันบอกว่าเจ็บตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว แต่นายก็เอาแต่หัวเราะ…”

เสียงบ่นที่คาดไม่ถึงทำให้มูคยอมอึ้งจนพูดไม่ออก เขาใช้ปลายนิ้วลูบปลายคางด้วยความประหม่า ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และขอโทษอย่างสุภาพ

“ฉันขอโทษ ฉันไม่รู้… ว่านายจะเจ็บมากขนาดนั้น”

“ไม่ มันไม่ได้เจ็บมากขนาดนั้น”

เมื่อมูคยอมอุ้มฮาจุนที่กำลังบ่นขึ้นมา อีกคนก็ยกแขนขึ้นโอบรอบคอของเขาโดยไม่ได้ขัดขืนอะไร และท่อนขาที่ถูกถูไถด้วยแก่นกายของมูคยอมก่อนหน้านี้ ก็ยกขึ้นมาเกี่ยวหลังเอวของเขาไว้ด้วย

ตอนแรกๆ อีกฝ่ายมักจะตัวแข็งทื่อ ทำอะไรไม่ถูก และบอกให้เขาวางลงทุกครั้งที่โดนอุ้ม แต่ตอนนี้แม้จะโดนอุ้ม ฮาจุนก็ปล่อยให้เขาทำไป และมีวิธีการกอดเขาแน่นเหมือนโคอาล่า ผมที่ยังไม่แห้งสนิทยุ่งเหยิงกระจัดกระจาย จนจั๊กจี้ท้ายทอยของมูคยอม

มูคยอมออกมาจากห้อง และกลั้นหัวเราะที่พุ่งขึ้นมาจากส่วนลึกในอก คำพูดที่คุณแม่ของฮาจุนเอ่ยกับเขาผุดขึ้นมาในความคิดอย่างได้จังหวะ

‘ฝากเจ้าฮาจุนด้วยนะจ๊ะ เด็กคนนี้เพิ่งเคยใช้ชีวิตที่ต่างประเทศเป็นครั้งแรก ฉันล่ะเป็นห่วงเหลือเกิน’

ตอนนี้มูคยอมรู้แล้วว่าเด็กชายหน้าขาวที่อาศัยอยู่ในบ้านไลแลคแสนสวยคือฮาจุน คุณชายที่ไปขอร้องแม่ให้ทายาให้เขา ซึ่งเติบโตขึ้นมาเหมือนกับดอกไม้ในฤดูใบไม้ผลิที่บานสะพรั่งงดงามอยู่ที่ลานบ้าน

ตอนแรกเขาคิดว่าแม่ของอีกฝ่ายที่ส่งข้อความมายามว่างนั้นพึ่งพาลูกชายจนผิดปกติ แต่ในความคิดเธอ เธออาจจะเป็นห่วงลูกชายที่เลี้ยงดูมาอย่างดีจนติดเป็นนิสัยก็ได้

มูคยอมก้าวเท้าไป ก่อนจะหลุดหัวเราะออกมาเพราะกลั้นต่อไปไม่ไหว ฮาจุนจึงรีบถามอย่างว่องไวเหมือนกับที่จับต้นคอของเขา

“หัวเราะอะไร”

“เปล่า”

วันนี้ทันทีที่กลับมาถึงบ้าน ฮาจุนก็จุดเตาผิงเอาไว้ด้วยความอยากรู้อยากเห็น มูคยอมเดินไปยังห้องรับแขกที่มีสีแสดเหมือนพระอาทิตย์ตก แล้วนั่งลงบนโซฟานุ่มทั้งที่ยังกอดฮาจุนอยู่

เขาหัวเราะคิกคักไม่หยุด ฮาจุนคงเขินอายกับเสียงหัวเราะนั้น อีกฝ่ายจึงมองเขาก่อนหลบสายตา มูคยอมลากนิ้วลูบลงบนแก้ม

“นายบอกว่าเจ็บเพราะฉันถอนขนตรงนั้นออกให้ แต่ฉันก็ไม่สนใจและเอาแต่ขำ นายก็เลยเสียใจงั้นเหรอ”

“ใครบอกว่าเสียใจกันเล่า”

“น่าประหลาดใจนะ โค้ชอี คนที่เสียใจเพราะฉันไม่เข้าใจว่านายเจ็บ ทนครั้งแรกไหวได้ยังไงกันเนี่ย”

“บอกว่าไม่ไง”

เมื่อเขาแกล้งหยอกล้อไปเรื่อย ฮาจุนก็ฟาดมือตีเข้าที่ไหล่เขา ถึงแม้จะมือหนัก แต่เขาก็ยอมโดนตี จะกี่ครั้งก็ได้ มูคยอมกลั้นหัวเราะไม่ไหวแล้ว

อีฮาจุน คนที่มีร่องรอยบาดแผลใหญ่ที่เอว และไม่หวั่นไหวกับอะไรง่ายๆ แต่ก็ยอมอดทนได้ทุกอย่างตอนที่มีเซ็กซ์ ไม่ว่าเขาจะขออะไร คือคนเดียวกับที่บึ้งตึงหลังทำบราซิลเลียนแว็กซ์เสร็จ เพราะเขาไม่สนใจ

ฮาจุนที่ที่หลบสายตาของเขาอยู่กลอกตาลงต่ำ ทำท่าเหมือนมีอะไรจะพูด ก่อนจะเอ่ยปากอย่างช้าๆ

“ถึงฉันจะไม่เคยพูด….”

“…”

“แต่นายก็ไม่เคยทำต่อทั้งๆ ที่ฉันบอกว่าเจ็บ”

ฉันทำแบบนั้นเหรอ

มีหลายเรื่องที่มูคยอมไม่อาจจดจำเวลาที่ผ่านพ้นไปได้อย่างละเอียดเท่าฮาจุน แต่พอเห็นอีกฝ่ายพูดแบบนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกว่าโชคดีที่คิมมูคยอมในอดีตได้ฝึกควบคุมตนเอง

มันคงมีเหตุผลที่จะไม่หยิบยกคำว่าเจ็บปวดขึ้นมา หากคนที่เคยทนเจ็บและไม่พูดอะไรเลยอย่างฮาจุนรู้สึกเสียใจขึ้นมา เพราะถ้าหากอีกฝ่ายบอกว่าเจ็บตอนนี้ แล้วเขาก็ไม่สนใจล่ะก็ มันแปลว่าในที่สุด อีกฝ่ายก็ได้ในสิ่งที่คาดหวังและปรารถนางั้นเหรอ

จู่ๆ มูคยอมก็มีความสุข เขาจูบแก้มที่ของฮาจุนร้อนผ่าวที่อาจเป็นเพราะความร้อนจากไฟที่ลุกโชนอยู่ใกล้ๆ หรือเพราะความละอายจนเกิดเสียง พลางกดจูบที่ริมฝีปากหลายครั้ง อุณหภูมิที่ร้อนของไฟทำให้เส้นผมที่เคยเปียกอยู่ก่อนหน้าแห้งสนิท

เมื่อมูคยอมเริ่มลูบขมับและเสยเส้นผมนุ่ม ฮาจุนก็เข้ามาประทับริมฝีปากราวกับว่าอารมณ์ดีขึ้นแล้ว ก่อนจะกระซิบที่ข้างหู

“คิมมูคยอม… ทำอีกรอบก็ได้นะ”

“ไม่ละ ไหนว่าเจ็บไง”

“ตอนนี้ฉันโอเคแล้ว แค่ไม่ถูไถเหมือนเมื่อกี้ก็พอ”

เขาคงซื้อคฤหาสน์สไตล์คลาสสิกแบบนี้มาเพื่ออยู่ดูแลคุณชายให้ดีสินะ มูคยอมแสยะยิ้มพลางแนบหน้าผากแตะกับหน้าผากของอีกคน

“เซ็กซ์น่ะ ไม่ต้องทำต่อก็ได้ แต่ขออะไรอย่างหนึ่งสิ”

“อะไรเหรอ?”

“มาถ่ายรูปตรงนั้น เนื่องในโอกาสที่นายแว็กซ์ขนกันเถอะ ไม่ถ่ายให้เห็นหน้า”

“…ไม่จบไม่สิ้นจริงๆ สินะ”

เสียงลมหายใจที่พ่นออกมาเหมือนไม่อยากจะเชื่อ ผสมปนเปไปกับเสียงหัวเราะคิกคักของมูคยอม ฮาจุนตกอยู่ในภวังค์ความคิดครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“ถ้าถ่ายแต่ฉันมันก็ไม่ยุติธรรม งั้นถ่ายของนายด้วยสิ”

“ตามที่โค้ชต้องการเลย”

“และจากนี้ไปฉันจะจัดการช่วงล่างของนายให้เอง”

“…จะทำได้เหรอ”

“ฉันก็ฝึกเหมือนกัน กับนาย”

ฮาจุนว่าอย่างนั้นด้วยน้ำเสียงที่เด็ดขาดไม่น้อย มูคยอมลองห้ามฮาจุนหลายครั้ง พลางบอกว่ากังวลเพราะนายยังไม่ชำนาญ แต่ไม่นานมูคยอมก็ต้องยอมแพ้ พร้อมกับบอกว่าตามใจ ทั้งคู่ต่างหัวเราะและนอนจมลงบนโซฟา

NEW FACE OF GREENFORD

หากจะมีการแข่งขันที่แฟนบอลให้ความสนใจพอๆ กับการแข่งขันฟุตบอล นั่นก็คือความเคลื่อนไหวของตลาดซื้อขายนักเตะที่จัดขึ้นปีละสองครั้ง ช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาว

ช่วงนี้บรรดาแฟนบอลจะรู้สึกเหมือนตัวเองได้เป็นเจ้าของสโมสร และง่วนอยู่กับการถกเถียงในหมู่แฟนบอลว่าด้วยงบประมาณที่จำกัด นักเตะคนไหนจะต้องถูกเลิกจ้าง และนักเตะคนไหนจะถูกจ้างต่อ หากมีการจ้างนักเตะที่เหนือความคาดหมาย พวกเขาก็จะโห่ร้องด้วยความยินดี และเป็นกังวลหากไม่มีการจ้างนักเตะที่โดดเด่น มีผู้คนจำนวนมากที่สนุกกับขั้นตอนนี้ จึงมีเกมคอมพิวเตอร์มากมายที่จำลองสถานการณ์ให้ผู้เล่นเป็นผู้จัดการทีม หรือเจ้าของสโมสร ทำการซื้อขายนักเตะพร้อมบริหารสโมสรไปด้วย

หากถูกหลอกให้ซื้อนักเตะที่ไร้ความสามารถมาด้วยค่าตัวที่แพงเกินไป เหล่าแฟนบอลก็จะโกรธแค้นที่ถูกหักหลัง ทว่าหากรับคนที่มีอนาคตไกลมาด้วยค่าตัวที่ค่อนข้างต่ำ และเมื่อศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ระเบิดออกมา แฟนบอลก็จะดีใจเหมือนถูกล็อตเตอรี่ไปตลอดทั้งฤดูกาล

บางครั้งก็ไม่มีใครพูดอะไร จนกระทั่งเกิดดีลใหญ่ขึ้นในตอนสุดท้าย ก่อนตลาดซื้อขายนักเตะจะปิดลง นักเตะที่เคยโอ้อวดไว้ว่าจะไม่ไปไหนเด็ดขาดก็จะออกไปพร้อมกับเสียงก่นด่าว่าคนทรยศในตอนสุดท้าย หรือทำท่าเหมือนจะมาไม่มาราวกับจะเล่นตัวอยู่หลายรอบซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นต้น ตลาดซื้อขายนักเตะที่จัดขึ้นทุกปีเป็นสิ่งที่น่าสนใจอยู่เสมอ

มูคยอมและฮาจุนมาอยู่ที่กรีนฟอร์ดได้สองเดือนแล้ว ไม่ทันไรสมุดบันทึกของฮาจุน ซึ่งบันทึกและรวบรวมข้อมูลของนักเตะก็เปลี่ยนไปหลายเล่มแล้วเหมือนกัน การจดจำใบหน้าและชื่อก็ต้องใช้เวลานานกว่าปกติถึงสองเท่า เพราะฮาจุนไม่คุ้นเคยกับใบหน้าหรือชื่อเหล่านั้น

ในช่วงที่มูคยอมย้ายกลับมาช่วงฤดูหนาว กรีนฟอร์ดก็มีนักเตะใหม่ๆ เข้ามา กรีนฟอร์ดในฤดูกาลนี้จ้างคนหน้าใหม่ที่มองเห็นความเป็นไปได้เป็นหลัก มากกว่านักเตะที่เป็นรู้จักและได้รับการพิสูจน์ฝีมือแล้ว การปลุกปั้นคนที่อนาคตไกลหน้าใหม่ๆเป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับการพัฒนาระยะยาวของสโมสร ฮาจุนกำลังพยายามเพื่อสร้างความคุ้นเคยกับพวกเขาอย่างรวดเร็ว

“จุน สวัสดีตอนเช้า”

“สวัสดี มาร์โค”

“วันนี้ทานมื้อเช้าแล้วใช่ไหมครับ ทานอะไรมาเหรอ”

“ไข่ดาว ขนมปังปิ้ง แล้วก็สลัดไก่”

พวกนักเตะที่ย้ายทีมมาใหม่ คนในนั้นที่สนิทกับฮาจุนในช่วงนี้ คือนักเตะอายุยี่สิบปี ที่ชื่อมาร์โค

“ใครทำอาหารเหรอครับ”

“ทำด้วยกัน ฉันไม่มั่นใจในการทำอาหาร แต่ก็พอทำขนมปังปิ้งหรือสลัดได้นะ มาร์โคล่ะ”

“ผมกินซีเรียล ไส้กรอก แล้วก็นมครับ”

“ผักไม่พอนะ”

“อ้อ กินมะเขือเทศด้วยครับ”

นักเตะดาวรุ่งจากเวเนซูเอลาที่ย้ายมากรีนฟอร์ด หลังจากอยู่ทีมอันดับต่ำในลีกโปรตุเกสจนถึงปีที่แล้ว และแสดงศักยภาพออกมาอย่างมาก นอกจากจะมีอนาคตแล้ว เขายังได้รับความนิยมในฐานะชายหนุ่มรูปหล่อ ที่มีหุ่นดีและเสน่ห์เฉพาะตัว ด้วยผมสีเข้มที่มีผมหยักศกน้อยๆ และดวงตาสีมะกอก

แต่เขาก็ยังมีความกังวลเรื่องหนึ่ง ตรงที่เขายังไม่เก่งภาษาอังกฤษ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+