Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 19

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 19 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฮาจุนเฝ้ามองฉากนั้นจากที่ไกลๆ เป็นครั้งคราวเพราะสงสัยว่าเขาจะทำอย่างไร แต่เด็กคนนั้นไม่เคยมีสีหน้าหมดกำลังใจในยามที่โดนดุเลยสักครั้งทั้งๆ ที่ถูกบ่นไปขนาดนั้นแล้วยังไม่เคยโดนไล่ออกจากตำแหน่งการคัดเลือกทีมชาติจนถึงที่สุดเลยพอจะเข้าใจความถึกทนนั้น แม้ว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการฝึกซ้อมแต่พอเข้าฝึกซ้อมการแข่งขันหรือการฝึกซ้อมอย่างเป็นทางการจริงๆ เขาจะแสดงความสามารถที่ไร้ที่ติ จนทำให้คนที่ดุเขาต้องกระดากอายไปเลย

หลังจากที่ถอนตัวไปอย่างนั้นแล้ว เขาก็กลับไปหาโค้ชพัคจุนซองที่เดิมทีเขาเคยเรียนฟุตบอลด้วย ฮาจุนไปรู้มาภายหลังว่าเขาโดนดุไปพักใหญ่และได้กลับมายังที่ที่พักร่วมกันหลังจากฝึกฝนขั้นพื้นฐานได้ครบถ้วนแล้ว

เขาไม่รู้จักฮาจุนหรอก แต่ฮาจุนรู้จักเด็กคนนั้นตั้งแต่ก่อนถูกเรียกตัวแล้ว คิมมูคยอมมีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในนักกีฬาระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายในประเทศ เหล่าแฟนบอลถึงกับรอคอยให้มูคยอมเป็นนักกีฬาที่มีอายุมากขึ้นอีกหน่อย พร้อมเติบโตในหลายๆ ด้านกันเลยทีเดียว

แม้ว่าจะติดทีมชาติด้วยกันทั้งคู่ ฮาจุนและมูคยอมก็ถูกแบ่งออกเป็นทีมที่หนึ่งกับทีมที่สอง ไม่ต่างกับความเป็นจริงที่ทั้งคู่ไม่เคยพูดคุยกันหรือฝึกซ้อมในโปรแกรมเดียวกันเลยสักครั้ง นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นใกล้ๆ ซึ่งต่างจากการใช้ห้องร่วมกันอย่างแน่นอน

ได้เห็นต่อหน้าต่อตาแล้ว ถึงจะเป็นนักเรียนมัธยมต้นเหมือนกันแต่สัมผัสได้เลยว่าร่างกายของเขาโตกว่ามาก ดูไม่น่าจะต้องเกรงกลัวใดๆ แม้จะอยู่ต่อหน้าพี่ๆ มัธยมปลายก็ตาม เขาแตกต่างกับฮาจุนตั้งแต่ใบหน้าแล้ว สายตาและรูปปากที่เผยให้เห็นถึงความหยิ่งยโส เต็มไปด้วยความสบายๆ แทนที่จะประหม่า

ในระหว่างที่ไม่สามารถตอบอะไรออกไปและทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นมอง มูคยอมก็หยิบบางอย่างออกมาจากเสื้อที่พาดไว้เข้าปาก ดวงตาของฮาจุนเบิกโพลง ลำคอที่อัดอั้นอยู่จึงปลอดโปร่งจนส่งเสียงออกมา

‘อย่าสูบนะ’

‘…ทำไมล่ะ’

‘ทำไมอะไรกัน อีกเดี๋ยวก็เริ่มแข่งแล้ว ไม่สิ ถึงจะไม่มีการแข่งกัน แต่เดิมทีคนออกกำลังกายก็สูบบุหรี่ไม่ได้นี่นา’

มูคยอมยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งราวกับเป็นเรื่องไร้สาระ เขายิ้มเยาะพร้อมตวัดสายตาลงไปมองฮาจุน

‘โยฮัน ไกรฟฟ์, ซีเนดีน ซีดาน, เวย์น รูนีย์, แอชลีย์ โคล, โอลิเวอร์ คาห์น’

‘…….’

‘ทุกคนสูบบุหรี่หมด’

มูคยอมหยิบกระทั่งไฟแช็กออกมาจุดไฟ สุดท้ายก็สูบไปเฮือกหนึ่งและพ่นควันออกมา ควันสีขาวลอยอย่างพลิ้วไหว ขึ้นไปบนฟ้า ส่วนฮาจุนก็ยิ่งกระวนกระวาย ถ้าใครมาเห็นเขาจะว่าอย่างไรล่ะ เขาทำตัวไม่ถูกอยู่สักพักจึงพูดเสริมว่า

‘เพราะอย่างนั้นไง โยฮัน ไกรฟฟ์ถึงตายเพราะมะเร็งปอดน่ะ’

‘…….’

‘โยฮัน ไกรฟฟ์เขาพูดว่าไงนะ เขาเคยพูดอย่างนั้นด้วยนี่ ฟุตบอลมอบทุกสิ่งให้กับผม ส่วนบุหรี่พรากทุกอย่างไปจากผม’

ประโยคนั้นทำให้เขาเหลือบหางตามองฮาจุนแล้วยิ้มคิกคัก

‘ไม่เห็นรู้เรื่องนั้นเลย’

‘รีบดับสิ นักกีฬาที่นายพูดถึงเขาเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น พวกเราเพิ่งมัธยมต้นเอง ถ้าถูกจับได้ขึ้นมา นายอาจจะต้องเก็บของกลับบ้านตอนนี้ทันทีเลยก็ได้’

‘ก็เอาซะสิ ถ้าจะส่งกลับไปก็เชิญตามสบาย’

เด็กผู้ชายตอบโต้อย่างสบายๆ แต่ไม่รู้ในใจแอบวิตกหรือไม่ก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา เขาสูบอีกแค่ประมาณ 1-2 เฮือกแล้วดับไฟด้วยสภาพไม่ต่างจากบุหรี่มวนใหม่ จากนั้นเขาก็ก้มมองฮาจุน

‘ว่าแต่นายเถอะ เหมือนไม่ได้มีธุระอะไรด้วยซ้ำ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ’

จะพูดว่ามือสั่นจนผูกเชือกรองเท้าไม่ได้เสียด้วย ฮาจุนหลบสายตาเขาและได้แต่ก้มหัวลงเบาๆ ทว่าเด็กชายได้พินิจพิจารณาสภาพของฮาจุนแล้วก็เหมือนจะเข้าใจเหตุผล

ในตอนนั้นเองที่เด็กชายก้าวเข้าไปใกล้ๆ เล็กน้อย ทันใดนั้นก็นั่งชันเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าฮาจุน ก่อนที่ฮาจุนจะถามหาเหตุผลว่าทำไม เขาก็เอื้อมมือไปผูกเชือกรองเท้าที่คลายออกของฮาจุนอย่างว่องไว เชือกผูกรองเท้าที่คลายออกยุ่งเหยิง ถูกผูกอย่างแน่นหนา ทำให้รองเท้าที่กางอยู่ได้ห่อหุ้มเท้าอย่างกระชับพอดี

ฮาจุนพูดอะไรไม่ออกกับเหตุการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ ทำได้แต่มองหัวของเด็กชายที่ก้มตัวลงต่อหน้า และดูมือของเขาที่เคลื่อนไหวอย่างเชี่ยวชาญและว่องไวบนหลังเท้า

‘มือไม่มีแรงเหรอ คงกังวลมากเลยสิท่า’

รู้สึกอับอายเหมือนโดนนักกีฬาวัยเดียวกันดูแคลน ทั้งยังร้อนรนเพราะสถานการณ์เกินคาดที่คนดังในอนาคตมานั่งคุกเข่าผูกเชือกรองเท้าให้ ระหว่างที่งุนงงจนพูดอะไรไม่ออกมูคยอมก็ลุกขึ้นอีกครั้ง และใช้มือตบไหล่เขาเบาๆ

‘จะไปกลัวทำไม มันก็เหมือนกันหมดแหละ มันคือสนามหญ้านี่แหละ ไม่ได้เคลือบทองคำเปลวสักหน่อย’

หลังจากที่พูดเช่นนั้น เขาก็เดินล่วงหน้าไปก่อน เหลือเพียงก้นบุหรี่ที่เคยสูบไว้บนพื้นอย่างอ้างว้าง

ฮาจุนนั่งเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักจึงรีบหยิบมันขึ้นมาพลางตามหาถังขยะเพื่อทิ้งมัน รู้สึกเหมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ในการทำลายหลักฐานกระทำความผิดเลย

ตุบๆ หลังจากที่ตรวจสอบสภาพของรองเท้าด้วยการเคาะปลายเท้าและส้นเท้ากับพื้นเบาๆ ฮาจุนจึงกลับไปยังที่ที่ผู้คนรวมตัวกันอีกครั้ง ผู้คนต่างก็ยุ่งวุ่นวายราวกับไม่ทันสังเกตว่าฮาจุนแอบไปซ่อนตัวอยู่สักพัก โชคดีที่กลับมาถึงทันเวลาพอดี ฮาจุนจึงสามารถเข้าร่วมกลุ่มก่อนเรียกรวมตัวได้

รายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกออกมาแล้ว ฮาจุนตรวจสอบลิสต์รายชื่อระหว่างเหล่านักกีฬาที่ติดโผอยู่แล้วอีกครั้ง ฮาจุนเป็นตัวสำรองและแน่นอน มูคยอมเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก

อวดดีอย่างที่เห็นและได้ยินมาเลย ขอยอมรับเรื่องความจองหองที่คงเส้นคงวาเพราะสัมผัสมาแล้วชั่วขณะหนึ่ง ฮาจุนจึงนั่งลงบนม้านั่งและเริ่มชมการแข่งขัน หมอนั่นเก่งขนาดไหนกัน ความอยากรู้อยากเห็นก็พุ่งทะยาน

ถึงแม้ตอนนั้นฮาจุนจะโลดแล่นในฐานะนักฟุตบอลเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบและสนุกนานกับการดูการแข่งขันของคนอื่น เมื่อพูดถึงนักฟุตบอลผู้คนมักคิดว่าคงจะชอบดูการแข่งขันอย่างอัตโนมัติ แต่แน่นอนว่ามีคนที่ชอบอะไรตรงกันข้ามเช่นเดียวกับผู้คนที่ชื่นชอบที่จะดูแต่ไม่สนุกกับการวิ่งเล่นเองด้วย

การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว ทีมคู่แข่งเป็นทีมชาติเยาวชนเยอรมัน ฟุตบอลของเหล่าเด็กผู้ชายจะหยาบกระด้างและเป็นธรรมชาติกว่าเกมของผู้ใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นความต่างของระดับก็ชัดเจน เหล่าเด็กผู้ชายที่มาจากยุโรปเล่นฟุตบอลได้สมบูรณ์แบบกว่าทีมเกาหลีมาก

ก่อนอื่นเลยพลังกายก็แตกต่างกันแล้ว เหล่าเด็กผู้ชายที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์การแข่งขันระดับนานาชาติก็หวั่นกลัวเด็กๆ ที่มาจากประเทศมหาอำนาจด้านฟุตบอลไปตามระเบียบ และจะรู้สึกถึงความกลัวได้ทันทีตอนที่ร่างกายและร่างกายกระทบกันในสนามแข่งขัน

บรรยากาศโน้มเอียงไปทางชัยชนะตั้งแต่แรก แต่โชคดีที่อาจเป็นเพราะพวกเขายังขาดประสบการณ์ หรือไม่ก็ตื่นเต้นเกินเหตุทำให้พวกเขารีบเร่งทำประตู พวกเขาคงจะซ้อมมาหนักทำเอาฝ่ายตั้งรับทีมเกาหลีในสนามแข่งไปทางโน้นทีไปทางนี้ที แม้จะรับส่งลูกบอลวนไปมาได้ แต่เมื่อใกล้ทำประตูก็มักจะรีบยิงเข้าประตูจนเกินไป หรือไม่ก็ไม่สามารถทำแต้มได้แม้แต่นัดเดียวในช่วงเวลาสำคัญ

ถึงจะอยู่ในทีมที่ลุกลี้ลุกลน แต่มูคยอมก็กำลังวิ่งไปหาที่ที่เขาได้เปรียบอย่างปราดเปรียว แม้เขาจะเป็นนักกีฬาที่อายุน้อยที่สุด แต่เขาก็วิ่งได้อย่างชำนาญและไล่ตามลูกบอลเหมือนนักล่า เพราะส่วนสูงและร่างใหญ่ ถึงจะอยู่ท่ามกลางทีมเยอรมันที่ร่างกายสูงใหญ่ก็ไม่ได้รู้สึกถูกเบียดเบียนทางร่างกายเลยสักนิดเดียว

การวิ่งนั้นดุเดือดแต่ความสามารถในการควบคุมลูกบอลค่อนข้างชำนาญและคล่องแคล่วอย่างน่าทึ่ง เมื่อเขาได้ลูกบอลมาก็ดูเหมือนเขาจะสงบนิ่งขึ้น และถึงแม้เขาจะไล่ตามลูกบอลไปติดๆ เขาก็แกล้งทำรุกหน้าหลอกกองกลาง จากนั้นก็ส่งบอลต่อกะทันหันจนทำให้ทีมตรงข้ามสับสนอีกด้วย

ปัญหาคือไม่มีนักกีฬาคนไหนที่จะสามารถรับลูกบอลที่ส่งมาจากเขาได้อย่างเหมาะสม ในทางกลับกันถึงเขาจะไปรอในตำแหน่งที่เหมาะสมที่พอจะรับบอลที่ส่งจากคนอื่น ลูกเตะนั้นก็โดนตัดไปส่งไม่ถึงมูคยอมเสียด้วยซ้ำ

ตรงทางม้านั่งเองผู้คนต่างถอนหายใจเสียดายกันหลายครั้ง ฮาจุนที่กระสับกระส่ายไม่น้อยไปกว่าใครแม้ไม่ได้ลงไปเตะเองยังไม่กล้าแม้แต่จะถอนหายใจจึงนั่งดูการแข่งขันอย่างใจจดใจจ่อและไหล่ตึงเต็มที่ หลังจากถูกสกัดกั้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง ท้ายที่สุดมูคยอมก็ยกแขนขึ้นด้วยความโกรธและเหวี่ยงแขนออกไป

‘โว้ย บ้าเอ๊ย!’

คำสบถหยาบคายที่ออกมาจากปากของมูคยอมได้ยินดังไปจนถึงม้านั่ง ฮาจุนเองยังรู้สึกได้ถึงความโกรธของเขาที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น

ในนาทีที่สิบสามของครึ่งแรกเป็นโอกาสที่จะเตะจากมุมของทีมเยอรมัน แม้ว่าความแตกต่างของพละกำลังจะชัดเจนแต่ก็ทำประตูไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่คิด บรรยากาศวางท่าหมิ่นประมาทภายในทีมเยอรมันเองก็หายไป ความเร่งรีบหายไปและความตึงเครียดลดลงมาบ้าง ทีมเกาหลีก็ได้สร้างบรรยากาศเสียเปรียบกว่าเมื่อกี้ด้วย

ลูกเตะจากมุมที่เหยียดยาวถูกโหม่งป้องกันโดยทีมเกาหลีจนกระเด็นออกจากประตูไปไกล เป็นโอกาสในการจู่โจมกลับ แต่ลูกเตะนั้นไม่ใช่ลูกเตะของทีมเกาหลี อีกครั้งที่บอลโดนแย่งในสนามถูกส่งไปยังกองหลังฝั่งขวาทีมเยอรมัน และในที่สุดลูกยิงของเยอรมันก็เกิดขวัญหนีดีฝ่อใกล้ๆ กับประตูทีมเกาหลี

อย่างไรก็ตามลูกบอลก็รอดอย่างหวุดหวิดด้วยการโดนเสาแล้วกระเด็นออกไป ลูกบอลซึ่งถูกยิงด้วยความเร็วสูง ปะทะกับแนวกีดขวางแล้วพุ่งไปยังองศาที่ไม่คาดคิด บอลกลิ้งไปรอบๆ สนามโดยไร้ฝ่ายใดไล่ตามอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนั้นเองที่มูคยอมได้วิ่งเข้าไปครอบครองลูกบอลอย่างว่องไว

ท้ายที่สุดราวกับว่าเขาตัดสินใจที่จะแก้เกมด้วยตัวเอง ตั้งแต่ตอนนั้นมูคยอมจึงวิ่งฉลุยสุดแรงไปยังประตูของฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์ที่ทุกคนไปรวมตัวกันอยู่หน้าประตูทีมเกาหลี ยกเว้นผู้รักษาประตูแล้ว สนามฝั่งเยอรมันก็แทบจะว่างเปล่า เหล่ากองหลังเริ่มออกวิ่งเพื่อกลับไปยังตำแหน่งเดิมของตน แต่มูคยอมที่อยู่ข้างหลังกว่าพวกเขาจึงก้าวไปข้างหน้าได้ไวกว่า

เหล่านักกีฬาทีมเยอรมันไล่ตามมูคยอมที่วิ่งพลางเลี้ยงลูกโดยที่ไม่ส่งลูกบอลให้ใคร เขาไวมาก เหล่านักกีฬาที่ไล่ตามมาจากข้างหลังต่างก็ดิ้นรนสุดชีวิต แต่ระยะห่างระหว่างมูคยอมที่นำหน้าอยู่กับนักกีฬาที่ไล่ตามนั้น ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ตัวต่อตัวของมูคยอมและผู้รักษาประตูแคบลงเลย

ในสถานการณ์ที่ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องกติกาการล้ำหน้า มูคยอมเตะบอลอย่างเฉียบขาด โดยที่ไม่มีเบรกสั้นๆ เลยสักครั้ง

นั่นเป็นประตูแรก บรรยากาศในสนามเปลี่ยนไปทันทีเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าทีมเกาหลีจะทำประตูแรกได้

‘บอกแล้วใช่ไหมว่าเจ้าเด็กนั่นมันอัจฉริยะ’

ได้ยินเสียงใครบางคนที่นั่งอยู่บนม้านั่งบ่นพึมพำปนชื่นชม มูคยอมวิ่งไปรอบๆ สนามกีฬาพลางคำรามเหมือนสัตว์ร้าย เด็กๆ วิ่งไล่หลังตามมาเกาะมูคยอม ต่อมาก็กอดกันและกันเพื่อฉลองที่ทำประตูได้ ทีมงานฝ่ายตรงข้าม และเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาจากต่างประเทศที่มาชมการแข่งขันต่างก็ชื่นชม ทั้งยังแสดงให้เห็นท่าทางที่พูดคุยบางอย่างกันอีกด้วย

เหลือเวลาอีกสามสิบนาทีกว่า

ใช้เวลาเพียงไม่นานที่จิตวิญญาณของฮาจุนที่นั่งอยู่บนม้านั่งและจับจ้องแต่มูคยอมจะถูกเขาดึงดูดไป

ด้านข้างที่เพิกเฉยเมื่อเสียบหูฟังตอนฟังเพลง ใบหน้าที่ยิ้มทะเล้นขณะที่พูดคุยกับใครบางคน ท่าทางที่คำรามเป็นสัตว์ป่าวัยเยาว์ตรงหน้า

แววตาหยิ่งยโสปนยิ้มเยาะที่มองลงมาราวกับถากถาง ควันขาวพลิ้วไหวที่ออกมาระหว่างริมฝีปาก น้ำหนักของมือที่ตบบ่าเบาๆ หลังจากที่จู่ๆ ก็ที่นั่งคุกเข่าผูกเชือกรองเท้าให้ฮาจุน

ทุกอย่างนั้นวนเวียนไปมาและดูดจิตวิญญาณของฮาจุนไปในที่ลึกราวกับกระแสน้ำวน สิบปีหลังจากวันนั้น จิตวิญญาณซึ่งเคยถูกยึดไปก็ไม่เคยคิดกลับมาหาเจ้าของร่างอีกเลย

***

‘คิมมูคยอม คิมมูคยอม คิมมูคยอม!’

สนามกีฬาเต็มไปด้วยเสียงเชียร์เรียกชื่อบุคคลหนึ่งและปกคลุมด้วยเพลงเชียร์ของทีม ฮาจุนฟังเสียงเชียร์จากม้านั่ง และตั้งใจดูการแข่งขันที่กำลังเข้าสู่ครึ่งหลังที่ใกล้จบอย่างไม่วางตา เกิดการฟาล์วในสถานการณ์ที่มีเวลาเหลืออีกประมาณหนึ่งนาทีก่อนจบลงจึงได้โอกาสฟรีคิก หากมีการเตะฟรีคิกการแข่งขันก็จะจบลงไปเช่นนั้น

และคนที่เตะฟรีคิกก็คือมูคยอมนั่นเอง หลังจากวางลูกบอลลงบนจุดที่ทำเครื่องหมายไว้ มูคยอมก็ถอยหลังออกไปสองสามก้าว เสียงเชียร์ให้กำลังใจจากอัฒจันทร์ที่เฝ้าดูการเตะฟรีคิกของเขาด้วยตาเปล่าจากที่เคยดูแต่ในวิดีโอซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงแค่ในต่างประเทศแดนไกลอยู่เสมอกลับเบาลง เงียบอย่างน่าประหลาดใจเลยด้วยซ้ำ

แม้ว่าจะแสดงออกถึงสัญญาณเหนือมนุษย์ แต่ฮาจุนก็รู้ว่ามูคยอมมีกลไกในการเตะฟรีคิกเป็นของตัวเอง ยืนเท้าสะเอว ประเมินระยะทางและมุม หลังจากเดินวัดระยะสองสามก้าวระหว่างบอล เขาก็เตะบอลในจุดที่เขาต้องการอย่างแม่นยำ

ลูกเตะทะยานขึ้นสูงข้ามฝ่ายตั้งรับและพุ่งโค้งต่ำอย่างรวดเร็ว ผู้รักษาประตูก็วิ่งไปในทิศทางที่คาดคิดไว้ อย่างแม่นยำ แต่สายเกินไปที่จะสกัดกั้นลูกเตะที่ลอยไปอย่างทรงพลัง

‘ว้าว!’

เสียงเชียร์ของผู้คนดังยิ่งขึ้น เพราะทำประตูฟรีคิกเมื่อครู่ได้ ทำให้วันนี้มูคยอมประสบความสำเร็จในการทำแฮตทริกสู่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ วันนี้ที่นั่งผู้ชมก็เต็มเช่นเคย และเพราะที่ว่างของจุนซอง ทำให้บรรยากาศของทีมที่หมองหม่นก็ค่อยๆ ดีขึ้นอีกด้วย เสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้นและฮาจุนก็ปิดสมุดบันทึก

“ทำได้ดีมากครับ!”

“ทำได้ดีมากครับ!”

ใบหน้าเหล่านักกีฬาที่คว้าชัยชนะอย่างน่าพอใจนั้นแจ่มใสและเสียงที่ทักทายกันและกันก็สดใสเช่นกัน ซิตี้ โซลเดินหน้าไม่พ่ายแพ้ให้ใครจนถึงช่วงต้นฤดูกาล ครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะคว้าแชมป์ลีกเท่านั้น อย่างที่ใครๆ พูดกันก่อนหน้านี้ว่า ทีมพอจะเล็งผลลัพธ์ที่ดีในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกได้เช่นกัน

“ยินดีด้วยนะ คิมมูคยอม!”

“ยินดีด้วยนะครับพี่”

มูคยอมทำแค่เพียงยิ้มมุมปากให้คำยินดีที่หลั่งไหลแด่ตัวเอกในการทำแฮตทริกราวกับว่ามันไม่ได้พิเศษอะไร

“เออ เจ้าบ้า สำหรับนายแล้ว แฮตทริกก็ไม่ได้วิเศษอะไรเลยสินะ”

แม้ว่ามูคยอมจะแสร้งทำเป็นเมินเฉยกับคำยินดีของผู้คนและคำก่นด่าของจองคยู แต่เขาก็เก็บลูกบอลที่แฮตทริกได้ครั้งแรกในลีกที่นี่ไว้อย่างประณีต

หากเป็นคิมมูคยอมแล้วดูเหมือนว่าเขาจะจะยิงประตูได้สามหรือสี่ประตูได้ทุกๆ ครั้งในเคลีกแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้น ฟุตบอลไม่ใช่กีฬาที่จะเป็นไปตามการตัดสินใจของผู้เล่นเพียงคนเดียว หากสามารถเอาชนะได้ทุกทีมไม่เลือกหน้า เพียงเพราะมีนักกีฬาฝีมือโดดเด่นแค่คนเดียว อย่างฟุตบอลเวิลด์คัพก็ไม่น่าแปลกใจเลย และมูคยอมก็เป็นนักกีฬาที่รู้สึกปลาบปลื้มเช่นเดียวกันหลังจากที่ชนะการแข่งขันหรือลีกใดๆ ก็ตาม

วันนี้เป็น ‘การแข่งขันเกมเยือนในครั้งนี้’ ที่ฮาจุนกล่าวไว้ ทันทีหลังจบการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทันทีหลังจากชนะ ความตื่นเต้นผสมกับความสำเร็จและความใคร่ทำให้ร่างกายเดือดพล่าน ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ มูคยอมก็ต้องการเซ็กส์ หลังจากจบการแข่งขันมากกว่าก่อนแข่งขัน วันนี้ก็จำเป็นต้องตรวจเช็กความคิดเห็นของโค้ชหน้าใหม่อีกสักครั้ง

“โค้ชอี”

ฮาจุนและทีมแพทย์กำลังตรวจร่างกายของนักกีฬาคนหนึ่งที่กลิ้งไปหนึ่งรอบจากการถูกสกัดในการแข่งขันวันนี้ เมื่อมูคยอมเข้าไปใกล้ๆ เขาหันกลับมามองด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“วันนี้ผมอยากหารือเกี่ยวกับเรื่องที่เคยคุยกันเมื่อครั้งที่แล้วหน่อยน่ะครับ”

“อืม อีกเดี๋ยวค่อยตัดสินใจกันดีกว่านะ”

หลังจากที่เห็นใบหน้าไร้อารมณ์ตอนตอบเขาขณะที่ทำงาน มูคยอมลอบยิ้มเบาๆ อย่างไม่ให้มองเห็น และตรงไปยังห้องอาบน้ำทั้งอย่างนั้น

……………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 19

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 19 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฮาจุนเฝ้ามองฉากนั้นจากที่ไกลๆ เป็นครั้งคราวเพราะสงสัยว่าเขาจะทำอย่างไร แต่เด็กคนนั้นไม่เคยมีสีหน้าหมดกำลังใจในยามที่โดนดุเลยสักครั้งทั้งๆ ที่ถูกบ่นไปขนาดนั้นแล้วยังไม่เคยโดนไล่ออกจากตำแหน่งการคัดเลือกทีมชาติจนถึงที่สุดเลยพอจะเข้าใจความถึกทนนั้น แม้ว่าเขาจะไม่เข้าร่วมการฝึกซ้อมแต่พอเข้าฝึกซ้อมการแข่งขันหรือการฝึกซ้อมอย่างเป็นทางการจริงๆ เขาจะแสดงความสามารถที่ไร้ที่ติ จนทำให้คนที่ดุเขาต้องกระดากอายไปเลย

หลังจากที่ถอนตัวไปอย่างนั้นแล้ว เขาก็กลับไปหาโค้ชพัคจุนซองที่เดิมทีเขาเคยเรียนฟุตบอลด้วย ฮาจุนไปรู้มาภายหลังว่าเขาโดนดุไปพักใหญ่และได้กลับมายังที่ที่พักร่วมกันหลังจากฝึกฝนขั้นพื้นฐานได้ครบถ้วนแล้ว

เขาไม่รู้จักฮาจุนหรอก แต่ฮาจุนรู้จักเด็กคนนั้นตั้งแต่ก่อนถูกเรียกตัวแล้ว คิมมูคยอมมีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในนักกีฬาระดับมัธยมต้นและมัธยมปลายในประเทศ เหล่าแฟนบอลถึงกับรอคอยให้มูคยอมเป็นนักกีฬาที่มีอายุมากขึ้นอีกหน่อย พร้อมเติบโตในหลายๆ ด้านกันเลยทีเดียว

แม้ว่าจะติดทีมชาติด้วยกันทั้งคู่ ฮาจุนและมูคยอมก็ถูกแบ่งออกเป็นทีมที่หนึ่งกับทีมที่สอง ไม่ต่างกับความเป็นจริงที่ทั้งคู่ไม่เคยพูดคุยกันหรือฝึกซ้อมในโปรแกรมเดียวกันเลยสักครั้ง นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นใกล้ๆ ซึ่งต่างจากการใช้ห้องร่วมกันอย่างแน่นอน

ได้เห็นต่อหน้าต่อตาแล้ว ถึงจะเป็นนักเรียนมัธยมต้นเหมือนกันแต่สัมผัสได้เลยว่าร่างกายของเขาโตกว่ามาก ดูไม่น่าจะต้องเกรงกลัวใดๆ แม้จะอยู่ต่อหน้าพี่ๆ มัธยมปลายก็ตาม เขาแตกต่างกับฮาจุนตั้งแต่ใบหน้าแล้ว สายตาและรูปปากที่เผยให้เห็นถึงความหยิ่งยโส เต็มไปด้วยความสบายๆ แทนที่จะประหม่า

ในระหว่างที่ไม่สามารถตอบอะไรออกไปและทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นมอง มูคยอมก็หยิบบางอย่างออกมาจากเสื้อที่พาดไว้เข้าปาก ดวงตาของฮาจุนเบิกโพลง ลำคอที่อัดอั้นอยู่จึงปลอดโปร่งจนส่งเสียงออกมา

‘อย่าสูบนะ’

‘…ทำไมล่ะ’

‘ทำไมอะไรกัน อีกเดี๋ยวก็เริ่มแข่งแล้ว ไม่สิ ถึงจะไม่มีการแข่งกัน แต่เดิมทีคนออกกำลังกายก็สูบบุหรี่ไม่ได้นี่นา’

มูคยอมยกมุมปากขึ้นข้างหนึ่งราวกับเป็นเรื่องไร้สาระ เขายิ้มเยาะพร้อมตวัดสายตาลงไปมองฮาจุน

‘โยฮัน ไกรฟฟ์, ซีเนดีน ซีดาน, เวย์น รูนีย์, แอชลีย์ โคล, โอลิเวอร์ คาห์น’

‘…….’

‘ทุกคนสูบบุหรี่หมด’

มูคยอมหยิบกระทั่งไฟแช็กออกมาจุดไฟ สุดท้ายก็สูบไปเฮือกหนึ่งและพ่นควันออกมา ควันสีขาวลอยอย่างพลิ้วไหว ขึ้นไปบนฟ้า ส่วนฮาจุนก็ยิ่งกระวนกระวาย ถ้าใครมาเห็นเขาจะว่าอย่างไรล่ะ เขาทำตัวไม่ถูกอยู่สักพักจึงพูดเสริมว่า

‘เพราะอย่างนั้นไง โยฮัน ไกรฟฟ์ถึงตายเพราะมะเร็งปอดน่ะ’

‘…….’

‘โยฮัน ไกรฟฟ์เขาพูดว่าไงนะ เขาเคยพูดอย่างนั้นด้วยนี่ ฟุตบอลมอบทุกสิ่งให้กับผม ส่วนบุหรี่พรากทุกอย่างไปจากผม’

ประโยคนั้นทำให้เขาเหลือบหางตามองฮาจุนแล้วยิ้มคิกคัก

‘ไม่เห็นรู้เรื่องนั้นเลย’

‘รีบดับสิ นักกีฬาที่นายพูดถึงเขาเป็นผู้ใหญ่กันทั้งนั้น พวกเราเพิ่งมัธยมต้นเอง ถ้าถูกจับได้ขึ้นมา นายอาจจะต้องเก็บของกลับบ้านตอนนี้ทันทีเลยก็ได้’

‘ก็เอาซะสิ ถ้าจะส่งกลับไปก็เชิญตามสบาย’

เด็กผู้ชายตอบโต้อย่างสบายๆ แต่ไม่รู้ในใจแอบวิตกหรือไม่ก็เกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา เขาสูบอีกแค่ประมาณ 1-2 เฮือกแล้วดับไฟด้วยสภาพไม่ต่างจากบุหรี่มวนใหม่ จากนั้นเขาก็ก้มมองฮาจุน

‘ว่าแต่นายเถอะ เหมือนไม่ได้มีธุระอะไรด้วยซ้ำ ทำไมมานั่งอยู่ตรงนี้ล่ะ’

จะพูดว่ามือสั่นจนผูกเชือกรองเท้าไม่ได้เสียด้วย ฮาจุนหลบสายตาเขาและได้แต่ก้มหัวลงเบาๆ ทว่าเด็กชายได้พินิจพิจารณาสภาพของฮาจุนแล้วก็เหมือนจะเข้าใจเหตุผล

ในตอนนั้นเองที่เด็กชายก้าวเข้าไปใกล้ๆ เล็กน้อย ทันใดนั้นก็นั่งชันเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้าฮาจุน ก่อนที่ฮาจุนจะถามหาเหตุผลว่าทำไม เขาก็เอื้อมมือไปผูกเชือกรองเท้าที่คลายออกของฮาจุนอย่างว่องไว เชือกผูกรองเท้าที่คลายออกยุ่งเหยิง ถูกผูกอย่างแน่นหนา ทำให้รองเท้าที่กางอยู่ได้ห่อหุ้มเท้าอย่างกระชับพอดี

ฮาจุนพูดอะไรไม่ออกกับเหตุการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัวนี้ ทำได้แต่มองหัวของเด็กชายที่ก้มตัวลงต่อหน้า และดูมือของเขาที่เคลื่อนไหวอย่างเชี่ยวชาญและว่องไวบนหลังเท้า

‘มือไม่มีแรงเหรอ คงกังวลมากเลยสิท่า’

รู้สึกอับอายเหมือนโดนนักกีฬาวัยเดียวกันดูแคลน ทั้งยังร้อนรนเพราะสถานการณ์เกินคาดที่คนดังในอนาคตมานั่งคุกเข่าผูกเชือกรองเท้าให้ ระหว่างที่งุนงงจนพูดอะไรไม่ออกมูคยอมก็ลุกขึ้นอีกครั้ง และใช้มือตบไหล่เขาเบาๆ

‘จะไปกลัวทำไม มันก็เหมือนกันหมดแหละ มันคือสนามหญ้านี่แหละ ไม่ได้เคลือบทองคำเปลวสักหน่อย’

หลังจากที่พูดเช่นนั้น เขาก็เดินล่วงหน้าไปก่อน เหลือเพียงก้นบุหรี่ที่เคยสูบไว้บนพื้นอย่างอ้างว้าง

ฮาจุนนั่งเหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักจึงรีบหยิบมันขึ้นมาพลางตามหาถังขยะเพื่อทิ้งมัน รู้สึกเหมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ในการทำลายหลักฐานกระทำความผิดเลย

ตุบๆ หลังจากที่ตรวจสอบสภาพของรองเท้าด้วยการเคาะปลายเท้าและส้นเท้ากับพื้นเบาๆ ฮาจุนจึงกลับไปยังที่ที่ผู้คนรวมตัวกันอีกครั้ง ผู้คนต่างก็ยุ่งวุ่นวายราวกับไม่ทันสังเกตว่าฮาจุนแอบไปซ่อนตัวอยู่สักพัก โชคดีที่กลับมาถึงทันเวลาพอดี ฮาจุนจึงสามารถเข้าร่วมกลุ่มก่อนเรียกรวมตัวได้

รายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกออกมาแล้ว ฮาจุนตรวจสอบลิสต์รายชื่อระหว่างเหล่านักกีฬาที่ติดโผอยู่แล้วอีกครั้ง ฮาจุนเป็นตัวสำรองและแน่นอน มูคยอมเป็นผู้ได้รับการคัดเลือก

อวดดีอย่างที่เห็นและได้ยินมาเลย ขอยอมรับเรื่องความจองหองที่คงเส้นคงวาเพราะสัมผัสมาแล้วชั่วขณะหนึ่ง ฮาจุนจึงนั่งลงบนม้านั่งและเริ่มชมการแข่งขัน หมอนั่นเก่งขนาดไหนกัน ความอยากรู้อยากเห็นก็พุ่งทะยาน

ถึงแม้ตอนนั้นฮาจุนจะโลดแล่นในฐานะนักฟุตบอลเช่นกัน แต่ก็ไม่ได้ชื่นชอบและสนุกนานกับการดูการแข่งขันของคนอื่น เมื่อพูดถึงนักฟุตบอลผู้คนมักคิดว่าคงจะชอบดูการแข่งขันอย่างอัตโนมัติ แต่แน่นอนว่ามีคนที่ชอบอะไรตรงกันข้ามเช่นเดียวกับผู้คนที่ชื่นชอบที่จะดูแต่ไม่สนุกกับการวิ่งเล่นเองด้วย

การแข่งขันเริ่มขึ้นแล้ว ทีมคู่แข่งเป็นทีมชาติเยาวชนเยอรมัน ฟุตบอลของเหล่าเด็กผู้ชายจะหยาบกระด้างและเป็นธรรมชาติกว่าเกมของผู้ใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นความต่างของระดับก็ชัดเจน เหล่าเด็กผู้ชายที่มาจากยุโรปเล่นฟุตบอลได้สมบูรณ์แบบกว่าทีมเกาหลีมาก

ก่อนอื่นเลยพลังกายก็แตกต่างกันแล้ว เหล่าเด็กผู้ชายที่ไม่ค่อยมีประสบการณ์การแข่งขันระดับนานาชาติก็หวั่นกลัวเด็กๆ ที่มาจากประเทศมหาอำนาจด้านฟุตบอลไปตามระเบียบ และจะรู้สึกถึงความกลัวได้ทันทีตอนที่ร่างกายและร่างกายกระทบกันในสนามแข่งขัน

บรรยากาศโน้มเอียงไปทางชัยชนะตั้งแต่แรก แต่โชคดีที่อาจเป็นเพราะพวกเขายังขาดประสบการณ์ หรือไม่ก็ตื่นเต้นเกินเหตุทำให้พวกเขารีบเร่งทำประตู พวกเขาคงจะซ้อมมาหนักทำเอาฝ่ายตั้งรับทีมเกาหลีในสนามแข่งไปทางโน้นทีไปทางนี้ที แม้จะรับส่งลูกบอลวนไปมาได้ แต่เมื่อใกล้ทำประตูก็มักจะรีบยิงเข้าประตูจนเกินไป หรือไม่ก็ไม่สามารถทำแต้มได้แม้แต่นัดเดียวในช่วงเวลาสำคัญ

ถึงจะอยู่ในทีมที่ลุกลี้ลุกลน แต่มูคยอมก็กำลังวิ่งไปหาที่ที่เขาได้เปรียบอย่างปราดเปรียว แม้เขาจะเป็นนักกีฬาที่อายุน้อยที่สุด แต่เขาก็วิ่งได้อย่างชำนาญและไล่ตามลูกบอลเหมือนนักล่า เพราะส่วนสูงและร่างใหญ่ ถึงจะอยู่ท่ามกลางทีมเยอรมันที่ร่างกายสูงใหญ่ก็ไม่ได้รู้สึกถูกเบียดเบียนทางร่างกายเลยสักนิดเดียว

การวิ่งนั้นดุเดือดแต่ความสามารถในการควบคุมลูกบอลค่อนข้างชำนาญและคล่องแคล่วอย่างน่าทึ่ง เมื่อเขาได้ลูกบอลมาก็ดูเหมือนเขาจะสงบนิ่งขึ้น และถึงแม้เขาจะไล่ตามลูกบอลไปติดๆ เขาก็แกล้งทำรุกหน้าหลอกกองกลาง จากนั้นก็ส่งบอลต่อกะทันหันจนทำให้ทีมตรงข้ามสับสนอีกด้วย

ปัญหาคือไม่มีนักกีฬาคนไหนที่จะสามารถรับลูกบอลที่ส่งมาจากเขาได้อย่างเหมาะสม ในทางกลับกันถึงเขาจะไปรอในตำแหน่งที่เหมาะสมที่พอจะรับบอลที่ส่งจากคนอื่น ลูกเตะนั้นก็โดนตัดไปส่งไม่ถึงมูคยอมเสียด้วยซ้ำ

ตรงทางม้านั่งเองผู้คนต่างถอนหายใจเสียดายกันหลายครั้ง ฮาจุนที่กระสับกระส่ายไม่น้อยไปกว่าใครแม้ไม่ได้ลงไปเตะเองยังไม่กล้าแม้แต่จะถอนหายใจจึงนั่งดูการแข่งขันอย่างใจจดใจจ่อและไหล่ตึงเต็มที่ หลังจากถูกสกัดกั้นอยู่หลายต่อหลายครั้ง ท้ายที่สุดมูคยอมก็ยกแขนขึ้นด้วยความโกรธและเหวี่ยงแขนออกไป

‘โว้ย บ้าเอ๊ย!’

คำสบถหยาบคายที่ออกมาจากปากของมูคยอมได้ยินดังไปจนถึงม้านั่ง ฮาจุนเองยังรู้สึกได้ถึงความโกรธของเขาที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น

ในนาทีที่สิบสามของครึ่งแรกเป็นโอกาสที่จะเตะจากมุมของทีมเยอรมัน แม้ว่าความแตกต่างของพละกำลังจะชัดเจนแต่ก็ทำประตูไม่ได้ง่ายๆ อย่างที่คิด บรรยากาศวางท่าหมิ่นประมาทภายในทีมเยอรมันเองก็หายไป ความเร่งรีบหายไปและความตึงเครียดลดลงมาบ้าง ทีมเกาหลีก็ได้สร้างบรรยากาศเสียเปรียบกว่าเมื่อกี้ด้วย

ลูกเตะจากมุมที่เหยียดยาวถูกโหม่งป้องกันโดยทีมเกาหลีจนกระเด็นออกจากประตูไปไกล เป็นโอกาสในการจู่โจมกลับ แต่ลูกเตะนั้นไม่ใช่ลูกเตะของทีมเกาหลี อีกครั้งที่บอลโดนแย่งในสนามถูกส่งไปยังกองหลังฝั่งขวาทีมเยอรมัน และในที่สุดลูกยิงของเยอรมันก็เกิดขวัญหนีดีฝ่อใกล้ๆ กับประตูทีมเกาหลี

อย่างไรก็ตามลูกบอลก็รอดอย่างหวุดหวิดด้วยการโดนเสาแล้วกระเด็นออกไป ลูกบอลซึ่งถูกยิงด้วยความเร็วสูง ปะทะกับแนวกีดขวางแล้วพุ่งไปยังองศาที่ไม่คาดคิด บอลกลิ้งไปรอบๆ สนามโดยไร้ฝ่ายใดไล่ตามอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนั้นเองที่มูคยอมได้วิ่งเข้าไปครอบครองลูกบอลอย่างว่องไว

ท้ายที่สุดราวกับว่าเขาตัดสินใจที่จะแก้เกมด้วยตัวเอง ตั้งแต่ตอนนั้นมูคยอมจึงวิ่งฉลุยสุดแรงไปยังประตูของฝ่ายตรงข้าม เนื่องจากอยู่ในสถานการณ์ที่ทุกคนไปรวมตัวกันอยู่หน้าประตูทีมเกาหลี ยกเว้นผู้รักษาประตูแล้ว สนามฝั่งเยอรมันก็แทบจะว่างเปล่า เหล่ากองหลังเริ่มออกวิ่งเพื่อกลับไปยังตำแหน่งเดิมของตน แต่มูคยอมที่อยู่ข้างหลังกว่าพวกเขาจึงก้าวไปข้างหน้าได้ไวกว่า

เหล่านักกีฬาทีมเยอรมันไล่ตามมูคยอมที่วิ่งพลางเลี้ยงลูกโดยที่ไม่ส่งลูกบอลให้ใคร เขาไวมาก เหล่านักกีฬาที่ไล่ตามมาจากข้างหลังต่างก็ดิ้นรนสุดชีวิต แต่ระยะห่างระหว่างมูคยอมที่นำหน้าอยู่กับนักกีฬาที่ไล่ตามนั้น ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ตัวต่อตัวของมูคยอมและผู้รักษาประตูแคบลงเลย

ในสถานการณ์ที่ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องกติกาการล้ำหน้า มูคยอมเตะบอลอย่างเฉียบขาด โดยที่ไม่มีเบรกสั้นๆ เลยสักครั้ง

นั่นเป็นประตูแรก บรรยากาศในสนามเปลี่ยนไปทันทีเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าทีมเกาหลีจะทำประตูแรกได้

‘บอกแล้วใช่ไหมว่าเจ้าเด็กนั่นมันอัจฉริยะ’

ได้ยินเสียงใครบางคนที่นั่งอยู่บนม้านั่งบ่นพึมพำปนชื่นชม มูคยอมวิ่งไปรอบๆ สนามกีฬาพลางคำรามเหมือนสัตว์ร้าย เด็กๆ วิ่งไล่หลังตามมาเกาะมูคยอม ต่อมาก็กอดกันและกันเพื่อฉลองที่ทำประตูได้ ทีมงานฝ่ายตรงข้าม และเหล่าผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาจากต่างประเทศที่มาชมการแข่งขันต่างก็ชื่นชม ทั้งยังแสดงให้เห็นท่าทางที่พูดคุยบางอย่างกันอีกด้วย

เหลือเวลาอีกสามสิบนาทีกว่า

ใช้เวลาเพียงไม่นานที่จิตวิญญาณของฮาจุนที่นั่งอยู่บนม้านั่งและจับจ้องแต่มูคยอมจะถูกเขาดึงดูดไป

ด้านข้างที่เพิกเฉยเมื่อเสียบหูฟังตอนฟังเพลง ใบหน้าที่ยิ้มทะเล้นขณะที่พูดคุยกับใครบางคน ท่าทางที่คำรามเป็นสัตว์ป่าวัยเยาว์ตรงหน้า

แววตาหยิ่งยโสปนยิ้มเยาะที่มองลงมาราวกับถากถาง ควันขาวพลิ้วไหวที่ออกมาระหว่างริมฝีปาก น้ำหนักของมือที่ตบบ่าเบาๆ หลังจากที่จู่ๆ ก็ที่นั่งคุกเข่าผูกเชือกรองเท้าให้ฮาจุน

ทุกอย่างนั้นวนเวียนไปมาและดูดจิตวิญญาณของฮาจุนไปในที่ลึกราวกับกระแสน้ำวน สิบปีหลังจากวันนั้น จิตวิญญาณซึ่งเคยถูกยึดไปก็ไม่เคยคิดกลับมาหาเจ้าของร่างอีกเลย

***

‘คิมมูคยอม คิมมูคยอม คิมมูคยอม!’

สนามกีฬาเต็มไปด้วยเสียงเชียร์เรียกชื่อบุคคลหนึ่งและปกคลุมด้วยเพลงเชียร์ของทีม ฮาจุนฟังเสียงเชียร์จากม้านั่ง และตั้งใจดูการแข่งขันที่กำลังเข้าสู่ครึ่งหลังที่ใกล้จบอย่างไม่วางตา เกิดการฟาล์วในสถานการณ์ที่มีเวลาเหลืออีกประมาณหนึ่งนาทีก่อนจบลงจึงได้โอกาสฟรีคิก หากมีการเตะฟรีคิกการแข่งขันก็จะจบลงไปเช่นนั้น

และคนที่เตะฟรีคิกก็คือมูคยอมนั่นเอง หลังจากวางลูกบอลลงบนจุดที่ทำเครื่องหมายไว้ มูคยอมก็ถอยหลังออกไปสองสามก้าว เสียงเชียร์ให้กำลังใจจากอัฒจันทร์ที่เฝ้าดูการเตะฟรีคิกของเขาด้วยตาเปล่าจากที่เคยดูแต่ในวิดีโอซึ่งจะเกิดขึ้นเพียงแค่ในต่างประเทศแดนไกลอยู่เสมอกลับเบาลง เงียบอย่างน่าประหลาดใจเลยด้วยซ้ำ

แม้ว่าจะแสดงออกถึงสัญญาณเหนือมนุษย์ แต่ฮาจุนก็รู้ว่ามูคยอมมีกลไกในการเตะฟรีคิกเป็นของตัวเอง ยืนเท้าสะเอว ประเมินระยะทางและมุม หลังจากเดินวัดระยะสองสามก้าวระหว่างบอล เขาก็เตะบอลในจุดที่เขาต้องการอย่างแม่นยำ

ลูกเตะทะยานขึ้นสูงข้ามฝ่ายตั้งรับและพุ่งโค้งต่ำอย่างรวดเร็ว ผู้รักษาประตูก็วิ่งไปในทิศทางที่คาดคิดไว้ อย่างแม่นยำ แต่สายเกินไปที่จะสกัดกั้นลูกเตะที่ลอยไปอย่างทรงพลัง

‘ว้าว!’

เสียงเชียร์ของผู้คนดังยิ่งขึ้น เพราะทำประตูฟรีคิกเมื่อครู่ได้ ทำให้วันนี้มูคยอมประสบความสำเร็จในการทำแฮตทริกสู่ชัยชนะอันยิ่งใหญ่ วันนี้ที่นั่งผู้ชมก็เต็มเช่นเคย และเพราะที่ว่างของจุนซอง ทำให้บรรยากาศของทีมที่หมองหม่นก็ค่อยๆ ดีขึ้นอีกด้วย เสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้นและฮาจุนก็ปิดสมุดบันทึก

“ทำได้ดีมากครับ!”

“ทำได้ดีมากครับ!”

ใบหน้าเหล่านักกีฬาที่คว้าชัยชนะอย่างน่าพอใจนั้นแจ่มใสและเสียงที่ทักทายกันและกันก็สดใสเช่นกัน ซิตี้ โซลเดินหน้าไม่พ่ายแพ้ให้ใครจนถึงช่วงต้นฤดูกาล ครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะคว้าแชมป์ลีกเท่านั้น อย่างที่ใครๆ พูดกันก่อนหน้านี้ว่า ทีมพอจะเล็งผลลัพธ์ที่ดีในฟุตบอลชิงแชมป์สโมสรโลกได้เช่นกัน

“ยินดีด้วยนะ คิมมูคยอม!”

“ยินดีด้วยนะครับพี่”

มูคยอมทำแค่เพียงยิ้มมุมปากให้คำยินดีที่หลั่งไหลแด่ตัวเอกในการทำแฮตทริกราวกับว่ามันไม่ได้พิเศษอะไร

“เออ เจ้าบ้า สำหรับนายแล้ว แฮตทริกก็ไม่ได้วิเศษอะไรเลยสินะ”

แม้ว่ามูคยอมจะแสร้งทำเป็นเมินเฉยกับคำยินดีของผู้คนและคำก่นด่าของจองคยู แต่เขาก็เก็บลูกบอลที่แฮตทริกได้ครั้งแรกในลีกที่นี่ไว้อย่างประณีต

หากเป็นคิมมูคยอมแล้วดูเหมือนว่าเขาจะจะยิงประตูได้สามหรือสี่ประตูได้ทุกๆ ครั้งในเคลีกแต่จริงๆ แล้วไม่ใช่แบบนั้น ฟุตบอลไม่ใช่กีฬาที่จะเป็นไปตามการตัดสินใจของผู้เล่นเพียงคนเดียว หากสามารถเอาชนะได้ทุกทีมไม่เลือกหน้า เพียงเพราะมีนักกีฬาฝีมือโดดเด่นแค่คนเดียว อย่างฟุตบอลเวิลด์คัพก็ไม่น่าแปลกใจเลย และมูคยอมก็เป็นนักกีฬาที่รู้สึกปลาบปลื้มเช่นเดียวกันหลังจากที่ชนะการแข่งขันหรือลีกใดๆ ก็ตาม

วันนี้เป็น ‘การแข่งขันเกมเยือนในครั้งนี้’ ที่ฮาจุนกล่าวไว้ ทันทีหลังจบการแข่งขัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งทันทีหลังจากชนะ ความตื่นเต้นผสมกับความสำเร็จและความใคร่ทำให้ร่างกายเดือดพล่าน ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ มูคยอมก็ต้องการเซ็กส์ หลังจากจบการแข่งขันมากกว่าก่อนแข่งขัน วันนี้ก็จำเป็นต้องตรวจเช็กความคิดเห็นของโค้ชหน้าใหม่อีกสักครั้ง

“โค้ชอี”

ฮาจุนและทีมแพทย์กำลังตรวจร่างกายของนักกีฬาคนหนึ่งที่กลิ้งไปหนึ่งรอบจากการถูกสกัดในการแข่งขันวันนี้ เมื่อมูคยอมเข้าไปใกล้ๆ เขาหันกลับมามองด้วยใบหน้าเรียบเฉย

“วันนี้ผมอยากหารือเกี่ยวกับเรื่องที่เคยคุยกันเมื่อครั้งที่แล้วหน่อยน่ะครับ”

“อืม อีกเดี๋ยวค่อยตัดสินใจกันดีกว่านะ”

หลังจากที่เห็นใบหน้าไร้อารมณ์ตอนตอบเขาขณะที่ทำงาน มูคยอมลอบยิ้มเบาๆ อย่างไม่ให้มองเห็น และตรงไปยังห้องอาบน้ำทั้งอย่างนั้น

……………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+