Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 20

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 20 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ห้องอาบน้ำสาธารณะที่สนามกีฬามีนักกีฬาหลายชีวิตกำลังอาบน้ำอยู่ในสภาพเปลือยกาย มูคยอมตั้งใจมองพวกเขาแต่ละคนและได้ลองสัมผัสความรู้สึกดีๆ จากร่างกายผู้ชายในสภาพเช่นนั้น แต่แล้วเขากลับรู้สึกแย่ลงแทนที่จะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดี

“หันหน้ามาหาฉันสักแป๊บสิ”

“ครับ”

เพียงแค่นั้น เขาแตะไหล่ของคนที่ให้ความรู้สึกสวยงามและหล่อเหลาจากบรรดานักกีฬาในทีม แล้วหันกลับมามองฮาจุน เขามองไปหาชายหนุ่มที่มองมาด้วยสีหน้า ‘ทำไมล่ะ’ อยู่นิ่งๆ แล้วมูคยอมก็สะบัดมืออีกครั้ง

“พอแล้ว หันไปเถอะ”

“ครับ…”

มูคยอมเดินผ่านคนนั้นที่หันกลับไปอย่างเขินอายก่อนจะเข้าไปยืนใต้ฝักบัวที่ว่างอยู่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ชายคนไหนโดนใจเขาเลย ก็อย่างที่ว่าต่อให้มองผู้หญิง แต่ถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายมันก็เหมือนกันนั่นล่ะ

หลังจากชำระล้างเหงื่อก็นึกถึงเซ็กส์ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับฮาจุน ร่างกายก็ร้อนขึ้นราวกับการที่ไร้ความรู้สึกเมื่อก่อนหน้าเป็นเรื่องโกหก ขณะกำลังชะล้างฟองสบู่ที่เต็มเส้นผมออก มูคยอมก็ฮัมเพลงเบาๆ พอจะทำให้ฮาจุนได้ยินเพียงเท่านั้น เป็นฉากที่ใครมาเห็นคงจะคิดว่าตัวเอกที่ทำแฮตทริกได้กำลังอารมณ์ดี

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องล็อกเกอร์แล้ว เหล่านักกีฬาก็ขึ้นรถบัสทีละคนเพื่อเดินทางกลับโซล เหล่าทีมงานนั่งเคียงข้างกันเป็นคู่ไปก่อนแล้ว แต่ฮาจุนนั่งอยู่ริมหน้าต่างเพียงลำพัง ขณะที่นั่งดูการแข่งขันวันนี้ ฮาจุนจดบันทึกบางอย่างไม่หยุดเขาจึงนั่งทำงานยุ่งๆ ราวกับกำลังจัดการกับบันทึกนั้น โดยที่มีสมุดบันทึกและแท็บเล็ตพีซีวางไว้บนตักพร้อมกัน มูคยอมนั่งเคียงข้างเขาโดยไม่ลังเล

ฮาจุนตรวจเช็กคนที่มานั่งข้างๆ เขา เขามองด้วยสายตาระแวดระวัง แล้วหันกลับไปมองสมุดบันทึก โดยปราศจากคำพูดใดๆ มูคยอมเอาหน้าเข้าไปใกล้ใบหู ลดเสียงลง และถามคำถาม

“ตัดสินใจหรือยังล่ะ”

“อืม พรุ่งนี้เถอะ”

“วันนี้”

“…ก็ได้”

เป็นน้ำเสียงที่สงบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องงาน แต่ช่างเป็นคำพูดที่น่ายินดีที่ได้ฟัง มูคยอมยกริมฝีปากขึ้น ยิ้มเล็กน้อย แล้วนั่งลงอีกครั้งทันที แม้แต่ตอนที่ตอบคำถามฮาจุนก็ยังคงจ้องมองสมุดและแท็บเล็ตพลางจดจ่อกับการจัดระเบียบมัน

ไม่จริงใจเกินไปหน่อยเหรอ คิดเช่นนั้นแล้ว มูคยอมจึงเอนศีรษะพิงพนักเก้าอี้และหลับตาลง เหล่านักกีฬาที่ตื่นเต้นกับชัยชนะนั่งรถบัสท่ามกลางเสียงดังกระหึ่มและรถบัสก็ออกเดินทางไปพร้อมกับการสั่นสะเทือน

มูคยอมที่ผล็อยหลับไปชั่วครู่ จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา ทุกคนคงจะเหนื่อยกันมากในรถบัสที่เอะอะเสียงดังตอนออกรถ กลับเงียบสงัดราวกับป่าช้า เพราะมัวแต่นอนในท่านั่งเขาจึงหมุนคอที่มีอาการเคล็ดไปซ้ายทีขวาที จากนั้นมูคยอมก็มองไปข้างๆ ฮาจุนเองก็หลับไปในขณะที่วางสมุดบันทึกไว้บนตัก

มูคยอมเอื้อมมือหยิบสมุดบันทึกที่ฮาจุนโอบกอดอยู่ทุกวันขึ้นมาเปิดดู แม้ว่าตัวเขาเองจะเข้าร่วมทีมได้ไม่นาน แต่สมุดบันทึกเล่มนี้มีป้ายกำกับที่มีตัวอักษร ‘2’ ติดอยู่ด้านหลังราวกับเป็นเล่มที่สองแล้ว

มีเทปหลากสีแปะอยู่หลายหน้าและถูกจัดเรียงไว้ให้อ่านง่ายด้วยลายมือที่ค่อนข้างชุ่ยเมื่อเทียบกับใบหน้าที่แสนจะอ่อนน้อม ซึ่งบันทึกไว้ว่านักกีฬาแต่ละคนมีปัญหาส่วนไหน ต้องเสริมอีกตรงไหน และชี้ให้เห็นว่าต้องฝึกฝนในส่วนใดอีก

ใจความละเอียดเป็นอย่างมาก มีเขียนไว้ว่านักกีฬาบางคนสีหน้าไม่ค่อยดีควรลดปริมาณการฝึกฝน อีกทั้งมีเนื้อหาตรวจเช็กรายการอาหารและการนอนหลับด้วย มูคยอมนึกถึงฮาจุนที่บางครั้งก็ถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเขาเป็นครั้งคราว ยังบันทึกไว้โดยแบ่งประเภทผู้เล่นแต่ละคนว่ามีสมรรถภาพทนทานดีหรือไม่ ความเร็วต่อช่วงเวลาดีหรือไม่ ข้อดีคือพละกำลังใช่หรือไม่ และฟื้นคืนจากความเหนื่อยได้เร็วหรือช้าอีกด้วย

มูคยอมที่อ่านบันทึกนั้นไปสักพักจึงรีบพลิกไปยังหน้าที่เป็นชื่อตัวเอง หากส่วนหน้าเป็นแผ่นที่บันทึกในแต่ละวัน ส่วนหลังก็จะจัดเรียงตามลำดับหมายเลขหลังเสื้อเหล่านักกีฬา ฉะนั้นตัวอักษรสามตัวในชื่อมูคยอมก็จะอยู่ประมาณหน้ากลางตอนต้น เมื่อข้ามบันทึกโปรแกรมการฝึกซ้อมที่เขาคุ้นเคยดี เพราะกำลังอยู่ในช่วงปฏิบัติการฝึกด้วยตัวเองจึงสังเกตเห็นบันทึกส่วนที่ทำเครื่องหมายดอกจันไว้ข้างล่าง ฮาจุนเขียนเตือนข้อควรระวังสำหรับตัวเอง

[พิจารณาความไม่สมดุลของข้อเท้าอยู่เสมอ หากไม่ปรับพฤติกรรมอย่างชัดเจน อาจจะสาหัสไปจนถึงเข่า

☆ ลดการเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวพร้อมกับกล้ามเนื้อท่อนบนสักนิดจะดีไหมนะ สังเกตและแนะนำต่อไป

☆ เช็กการพักผ่อนชั่วคราว ให้พักผ่อนในเวลาเวลาพักอย่างเต็มที่ เช็กเวลานอนหลับทุกครั้งที่มีโอกาสด้วย

ทำไมเป็นอย่างนั้นนะ]

หึ มูคยอมเกือบจะหลุดหัวเราะเพราะเสียงหัวใจที่กระเด้งออกมาจากสิ่งที่เขียนด้วยลายมืออย่างกะทันหันท่ามกลางบันทึกที่เกี่ยวกับการฝึกฝน แต่เขาก็ปิดปากกลั้นขำไว้ได้

“อืม…”

ฮาจุนนอนละเมอพลางขยับศีรษะ มูคยอมรีบปิดสมุดบันทึกอย่างว่องไวแล้ววางไว้บนตักของฮาจุนอีกครั้ง จากนั้นจึงกอดอกแล้วนั่งลงทันที โชคดีที่ฮาจุนไม่ได้ตื่นและเอนศีรษะไปทางหน้าต่างเล็กน้อย เขายังคงปิดตาและหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

มูคยอมยกแขนกอดอกและเอียงตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อทอดสายตามองใบหน้านั้น จากนั้นจึงยิ้มเงียบๆ แล้วนั่งลง อย่างไรก็ดีเขาเป็นคนที่ตลกอยู่พอควรเลย

รถบัสที่แล่นมาประมาณสองชั่วโมงในที่สุดก็ถึงสนามฝึก เหล่านักกีฬาที่ลงมาจากรถทีละคนต่างก็ยืดเส้นยืดสายง่ายๆ ทิ้งท้ายตามคำแนะนำของฮาจุนเพื่อบรรเทาร่างกายที่อ่อนล้าจากการนั่งรถเป็นเวลานาน เขาปรบมือและกล่าวลา

“วันนี้ทำได้ดีกันมากจริงๆ ครับ พักผ่อนให้เต็มที่ เจอกันพรุ่งนี้ตอนบ่ายครับ พรุ่งนี้เราจะเดินหน้าฝึกแค่โปรแกรมฟื้นฟูความเหนื่อยล้า ไม่ต้องฝึกตามปกติครับ”

“ทำได้ดีมากครับ!”

เหล่านักกีฬาที่กล่าวอำลาเสร็จสิ้นมุ่งไปยังลานจอดรถอย่างวุ่นวาย ฮาจุนลังเลไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ คราวที่แล้วไม่มีสายตาผู้คนจับจ้องแต่วันนี้คนเยอะเหลือเกิน การนั่งรถของมูคยอมตั้งแต่ที่นี่จะเป็นที่สะดุดตาผู้คนได้ ตอนนั้นเองก็มีข้อความเข้าทางมือถือ

[มาที่ป้ายรถเมล์]

ฮาจุนจ้องมองข้อความนั้นอยู่พักใหญ่ ความจริงการที่มีข้อความส่งมาจากคิมมูคยอมมาในมือถือของเขามันแปลกประหลาดเกินบรรยาย

ฮาจุนในฐานะโค้ชจำเป็นต้องบันทึกเบอร์ติดต่อฉุกเฉินของนักกีฬาทุกคนในสังกัดซิตี้โซลไว้ แต่การที่มูคยอมรู้เบอร์โทรศัพท์ของเขามันช่างแปลกประหลาดเสียจริง ข้อมูลการติดต่อของนักกีฬากับเหล่าโค้ชทั้งหมดจะถูกแบ่งปันบนอินทราเน็ตสำหรับการใช้ภายใน แน่นอนว่าเขาต้องรู้อยู่แล้ว

ฮาจุนมุ่งไปยังป้ายรถเมล์และพบว่านี่เป็นรถยนต์มาเซราตีสีเทาเงิน ไม่ใช่รถยนต์ลัมโบร์กีนีสีส้มกำลังจอดอยู่ในตำแหน่งเดียวกับครั้งที่แล้ว ฮาจุนที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่งเพราะแม้ว่าจะพูดคุยกันจบไปแล้วแต่ไม่รู้ทำไมถึงยังพะวงอยู่ เขาหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งรอบแล้วสืบเท้าไวๆ ไปเปิดประตูด้านที่นั่งข้างคนขับจากนั้นจึงทรุดนั่งโดยไม่ทักทายสักคำ

“เหมือนกำลังวางกลยุทธ์สอดแนมอะไรสักอย่างเลย”

มูคยอมแกล้งเล่น แต่ฮาจุนไม่มีอารมณ์จะตอบ ไม่ใช่เพราะอารมณ์เสียหรือเสียใจ เขาเพียงแต่ประหม่าเท่านั้น มูคยอมมองเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของฮาจุนก็ทำได้เพียงยักไหล่และสตาร์ทรถโดยที่ไม่พูดอะไรอีก

บรรยากาศภายในรถที่หายไปในความมืดเงียบงันเสียจนคิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นรถที่คนสองคนนั่งไปเพื่อที่จะมีเซ็กส์ด้วยกัน

สถานที่ที่มาถึงในครั้งนี้คือบ้านของมูคยอมเช่นเดิม มูคยอมเข้ามาถึงห้องรับแขกจึงถอดเสื้อออกและถามคำถาม

“อาบน้ำไหม”

“อืม”

ฮาจุนเข้าห้องอาบน้ำอย่างครั้งก่อน ครั้งนี้แช่ฟองสบู่ชำระร่างกายทุกซอกทุกมุมอย่างพิถีพิถันต่างจากคราวก่อนที่ป่วยเลยนั่งในอ่างอาบน้ำเปล่าโดยปล่อยตัวเองเปียกน้ำเพียงอย่างเดียวอยู่พักใหญ่ อย่างไรก็ตามระดับความกังวลระหว่างก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์นั้นแตกต่างกัน

ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่ที่ที่มูคยอมใช้เป็นประจำเลย ห้องอาบน้ำกว้างขวางพร้อมอ่างอาบน้ำช่างสะอาดเอี่ยม กระเบื้องไร้ฝุ่นผง ทั้งอ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า และแม้แต่กระจกที่แขวนผนังก็ใหญ่เกินขนาดห้องน้ำที่ใช้ในครอบครัวที่ฮาจุนคิดไว้อย่างมาก กระทั่งของใช้ในห้องน้ำไม่กี่อย่างที่จัดวางไว้บนชั้นวางอย่างเรียบร้อยก็ไม่รู้สึกถึงการผ่านการใช้งานจริงทำให้เขาไม่สบายใจที่ทำน้ำกระเด็นใส่

อาบน้ำเสร็จแล้วควรจะสวมเสื้อผ้าออกไปหรือถอดออกไปดี ไหนๆก็ต้องถอดอยู่แล้ว ยังต้องสวมเสื้อผ้าอีกหรือเปล่า หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฮาจุนก็สวมเสื้อผ้ากลับเช่นเดิม

พอเปิดประตูออกไป แน่นอนว่ามูคยอมก็เพิ่งออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดผมของตัวเองด้วยผ้าขนหนู เทียบกับฮาจุนที่สวมเสื้อผ้าหมดทั้งตัวแล้ว ตัวมูคยอมสวมเพียงเสื้อคลุมแค่ผืนเดียวด้วยสภาพร่างกายที่ห่อหุ้มไปด้วยเสื้อคลุมสีเทาเข้มที่ดูหรูหราให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคย ในขณะเดียวกันยังเผยให้เห็นเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฮาจุนจึงเฝ้ามองเขาโดยไม่คิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งมูคยอมมองมาและยิ้มเล็กน้อย

“สวมซะมิดชิดเชียว ไหนๆ ก็จะถอดเสื้อผ้าออกอยู่แล้ว”

“…ฉันไม่ค่อยชินกับการถอดเสื้อเดินไปมา”

“จะว่าไปแล้ว นายเคยบอกว่ายังอยู่กับครอบครัวใช่ไหม”

มูคยอมโยนผ้าขนหนูที่ใช้แล้วเก็บไว้และเข้ามาใกล้ฮาจุน

“ฉันไม่สนหรอก ถอดเสื้อผ้านี่งานสนุกฉันเลย”

จุ๊บ พูดไม่ทันจบ ฮาจุนก็เริ่มวิงเวียนในความรู้สึกของจูบที่สันกรามด้านล่างติ่งหูเสียแล้ว

“วันนั้นฉันรีบไปหน่อย เลยทำกันที่โซฟา”

ริมฝีปากสัมผัสลงต่ำเล็กน้อยอีกครั้ง ฮาจุนเพิ่งรู้ครั้งแรกว่าผิวของเขาไวต่อการสัมผัสของผู้อื่นขนาดไหนจากมูคยอม ทุกครั้งที่มือไถลลงมาและประกบริมฝีปากเหมือนแหย่เล่น ขาเขาแทบจะหมดแรงเลยทีเดียว ไม่นานนักแขนของมูคยอมก็โอบรอบแผ่นหลังของฮาจุนโดยไม่รู้ตัว

“อ๊ะ อื้อ…”

“รู้แล้วๆ โค้ชอีของเราเองก็ดูรีบร้อนอยู่นะครับ”

มูคยอมเงยหน้าขึ้นมาจากต้นคอที่เขาซุกแล้วมองลงมาที่ฮาจุน เพราะในสายตาเขาดูจะซุกซนมากกว่ากามารมณ์ ฮาจุนที่ทำตัวไม่ถูกอยู่คนเดียวตอนนี้เริ่มรู้สึกไม่ยุติธรรมเสียแล้ว

“ยังไงก็เถอะ วันนี้มาทำไปช้าๆ บนเตียงกันนะ”

ฮาจุนขยับฝีเท้าตามที่ถูกดึงไปโดยมูคยอมซึ่งกำลังเคลื่อนที่อยู่ เขาเปิดประตูทางด้านหลัง และจู่ๆ เขาก็ทำให้ฮาจุนนอนลงบนเตียง

ฮาจุนที่นอนอยู่บนเตียงแสนกว้างใหญ่จึงรีบกวาดตามองไปทั่วห้อง เป็นห้องที่กว้างขวางและเรียบง่าย ใกล้กับเตียงมีโต๊ะข้างเตียงเล็กๆ กระจก และตู้เสื้อผ้าประมาณสัดส่วนช่องเดียวอยู่หนึ่งตู้ บนผนังมีหน้าต่างบานใหญ่อยู่ไม่น้อย ส่วนด้านนอกก็มีต้นไม้ส่องสะท้อนเข้ามา น่าจะเป็นชั้นสามของตึกที่มีระหว่างชั้นค่อนข้างสูงอย่างแน่นอน แต่ช่างวิเศษที่มองเห็นใบไม้หนาทึบนอกหน้าต่าง ฮาจุนมองไปทางนั้นสักพักแล้วเบนสายตากลับมา เขาคิดว่ามันครบครันแล้วกับห้องสำหรับผู้ชายเพียงคนเดียว ทั้งยังแอบคิดว่ามันเรียบง่าย และธรรมดาเกินคาดอีกด้วย ไม่รู้เพราะอะไรถึงไม่รู้สึกเหมือนเป็นห้องที่มนุษย์อาศัยเลย แม้ว่าตัวห้องยังไม่ได้หนาวเย็น แต่บรรยากาศกลับมีความเย็นสบายอบอวลเบาๆ

แม้ขณะที่ริมฝีปากของมูคยอมประทับตรงจุดนั่นนี่ทั่วร่างกาย ฮาจุนก็ยังตั้งใจกลอกตาไปมาจนมูคยอมหน้านิ่วคิ้วขมวด และผละออกมา

“มัวแต่ชะเง้อมองอะไรทำไมถึงไม่สนใจกันน่ะ”

“เปล่าสักหน่อย ก็แค่”

ระหว่างที่มัวแต่กลอกตามองห้องกางเกงก็ถูกถอดออกเสียแล้ว มือของมูคยอมจับชายเสื้อยืด แล้วถกขึ้นสูงระดับเอว ฮาจุนยกแขนเพื่อช่วยเขาถอดเสื้อของตัวเอง

ครั้งแรกที่ร่วมเพศกันพวกเขาไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด เมื่อเปลือยกายหมดจดฮาจุนก็วิตกกับรอยแผลเป็น พอฮาจุนเอามือปิดรอยแผล มูคยอมก็ปัดออกราวกับไม่ต้องการให้อะไรมาบดบัง ฮาจุนรู้สึกเขินอายจึนหันหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย เพราะผ้าคลุมและผ้าห่มที่ปูเตียงเป็นสีกรมท่าโทนเข้ม ทำให้ผิวขาวของฮาจุนยิ่งโดดเด่นขึ้นมากกว่าเดิม มูคยอมยิ้มมุมปากพึงพอใจพลางทอดสายตามองสภาพนั้นราวกับนักล่าที่มองสัตว์ล้ำค่า หากบอกเจ้าตัวไปคงจะขุ่นเคืองเอาได้ หากแต่รอยแผลนั้นเป็นเหมือนลวดลายที่ทำให้ผิวที่ผ่องใสเด่นชัดขึ้น

เมื่อเชยชมร่างเปลือยที่คุ้นเคยดีของฮาจุนที่นอนอยู่ เขาจึงรู้สึกได้ถึงความสมดุลที่เหมาะสม ไม่ขาดไม่เกินของกล้ามเนื้อแสนงดงาม ไม่ว่าจะเป็นทรงไหล่ที่อยู่ในองศาพอดีจากลำคอ โครงร่างแข็งแรงจากปลายไหล่จนถึงแขน หน้าอกเป็นปึกแผ่นที่มียอดอกขนาดเล็กยื่นขึ้นมา กระทั่งกล้ามเนื้อแน่นพอใช้ได้ที่ลากเส้นตรงจรดเบื้องล่างนั่น

แม้จะเป็นร่างผู้ชายที่ไม่ได้บางลีบ ไม่มีส่วนที่พอจะเรียกว่าส่วนโค้งได้ แต่ภาพรวมให้อารมณ์เหมือนปั้นขึ้นมาอย่างประณีตโดยกำเนิด หากเรือนร่างของมูคยอมเป็นภาพสีน้ำมันที่วาดขึ้นมาหยาบๆ ร่างของฮาจุนก็เป็นภาพวาดลายเส้นที่บรรจบกันด้วยปากกาเท่านั้น

กล้ามเนื้อลักษณะเส้นทแยงต่อมาจนถึงไหปลาร้าจากสันกรามข้างล่างนั่น เขาจึงลองเอานิ้วชี้ลูบไปจนถึงไหปลาร้า ที่ตั้งตรงเหมือนเลขหนึ่ง ทุกครั้งที่ทำเช่นนั้นฮาจุนสะดุ้งและกัดริมฝีปากแน่น เคยบอกว่าถ้าจะส่งเสียงออกมาก็ไม่ต้องกลั้นไว้ แต่ดูเหมือนเขาจะกลั้นไว้อีกแล้ว

ถ้าอย่างนั้นทำให้เขาทนไม่ไหวดีไหมนะ มูคยอมโน้มตัวลงอย่างไวแล้วใช้ฟันไซร้ไปใกล้ๆ ซอกคอ เขาขบเคี้ยวราวกับเขี่ยเบาๆ ไม่ออกแรงใดๆ พลางใช้นิ้วบดขยี้ยอดอก แน่นอนว่าความพยายามของฮาจุนสลายไปทันที

“อ๊ะ ฮืม”

ขณะที่กวาดตามองในห้องอาบน้ำและห้องล็อกเกอร์วันนี้ก็รู้สึกได้ถึงความแปลกใหม่ ขนาดหนุ่มๆ ในสังกัดก็ยากที่จะมีผิวดีได้ขนาดนี้ ผิวของฮาจุนไม่เพียงแต่จะขาวนวลเท่านั้น ยังละเอียดลออ เกลี้ยงเกลา และนุ่มนิ่มอีกด้วย

เช่นนี้เพียงแค่สัมผัสก็ทำให้เสียวซ่านแล้ว มูคยอมรู้สึกสำราญอีกครั้งจึงค่อยๆ ลดริมฝีปากที่ซุกไว้ตรงซอกคอ และใช้มือเปลี่ยนไปลูบคลำยอดอกด้านตรงข้าม จุ๊บ เมื่อดูดกระชากยอดอกที่ค้างไว้เหมือนหยดน้ำด้วยริมฝีปากหนึ่งครั้ง เอวเขาก็ขยับขึ้นมาเล็กน้อย มูคยอมกัดยอดอกตามความต้องการด้วยความสั่นไหวนั้น

“อ๊ะ เจ็บ! ”

เสียงของฮาจุนดังขึ้นแทบจะทันที เขาหน้านิ่วหน้ามองมูคยอมราวกับไม่พอใจ มูคยอมแหงนหน้าขึ้น สบสายตากับฮาจุนในตอนนั้นพลางแลบลิ้นและลามเลียยอดอกที่เพิ่งกัดไปเมื่อครู่ราวกับปลอบโยน มูคยอมตวัดลิ้นไปมาบนยอดอกอย่างยาวนานจนลื่นไหล เขาหลับตาพริ้มราวกับยอมแพ้ที่จะเถียงด้วย

มูคยอมเริ่มจะรู้สึกเพลิดเพลินหลังจากที่เห็นยอดอกแดงก่ำและพองโตขึ้นเล็กน้อยจากครั้งแรก ครั้งนี้เขาไล่ลูบซี่โครงกลางแผงอกด้วยลิ้นนั้น เมื่อปลายลิ้นสัมผัสลิ้นปี่ เขาจึงบีบคลำมือเปล่าไว้ใกล้กับเชิงกราน ฮาจุนผงะและระเบิดเสียงครวญครางออกมา โดยที่ไม่แน่ใจว่ารู้สึกตรงจุดไหน

“อื้อ อือ ฮึก อ๊ะ”

สนุกจัง

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 20

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 20 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ห้องอาบน้ำสาธารณะที่สนามกีฬามีนักกีฬาหลายชีวิตกำลังอาบน้ำอยู่ในสภาพเปลือยกาย มูคยอมตั้งใจมองพวกเขาแต่ละคนและได้ลองสัมผัสความรู้สึกดีๆ จากร่างกายผู้ชายในสภาพเช่นนั้น แต่แล้วเขากลับรู้สึกแย่ลงแทนที่จะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่ดี

“หันหน้ามาหาฉันสักแป๊บสิ”

“ครับ”

เพียงแค่นั้น เขาแตะไหล่ของคนที่ให้ความรู้สึกสวยงามและหล่อเหลาจากบรรดานักกีฬาในทีม แล้วหันกลับมามองฮาจุน เขามองไปหาชายหนุ่มที่มองมาด้วยสีหน้า ‘ทำไมล่ะ’ อยู่นิ่งๆ แล้วมูคยอมก็สะบัดมืออีกครั้ง

“พอแล้ว หันไปเถอะ”

“ครับ…”

มูคยอมเดินผ่านคนนั้นที่หันกลับไปอย่างเขินอายก่อนจะเข้าไปยืนใต้ฝักบัวที่ว่างอยู่ ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ชายคนไหนโดนใจเขาเลย ก็อย่างที่ว่าต่อให้มองผู้หญิง แต่ถึงอีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายมันก็เหมือนกันนั่นล่ะ

หลังจากชำระล้างเหงื่อก็นึกถึงเซ็กส์ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับฮาจุน ร่างกายก็ร้อนขึ้นราวกับการที่ไร้ความรู้สึกเมื่อก่อนหน้าเป็นเรื่องโกหก ขณะกำลังชะล้างฟองสบู่ที่เต็มเส้นผมออก มูคยอมก็ฮัมเพลงเบาๆ พอจะทำให้ฮาจุนได้ยินเพียงเท่านั้น เป็นฉากที่ใครมาเห็นคงจะคิดว่าตัวเอกที่ทำแฮตทริกได้กำลังอารมณ์ดี

หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้องล็อกเกอร์แล้ว เหล่านักกีฬาก็ขึ้นรถบัสทีละคนเพื่อเดินทางกลับโซล เหล่าทีมงานนั่งเคียงข้างกันเป็นคู่ไปก่อนแล้ว แต่ฮาจุนนั่งอยู่ริมหน้าต่างเพียงลำพัง ขณะที่นั่งดูการแข่งขันวันนี้ ฮาจุนจดบันทึกบางอย่างไม่หยุดเขาจึงนั่งทำงานยุ่งๆ ราวกับกำลังจัดการกับบันทึกนั้น โดยที่มีสมุดบันทึกและแท็บเล็ตพีซีวางไว้บนตักพร้อมกัน มูคยอมนั่งเคียงข้างเขาโดยไม่ลังเล

ฮาจุนตรวจเช็กคนที่มานั่งข้างๆ เขา เขามองด้วยสายตาระแวดระวัง แล้วหันกลับไปมองสมุดบันทึก โดยปราศจากคำพูดใดๆ มูคยอมเอาหน้าเข้าไปใกล้ใบหู ลดเสียงลง และถามคำถาม

“ตัดสินใจหรือยังล่ะ”

“อืม พรุ่งนี้เถอะ”

“วันนี้”

“…ก็ได้”

เป็นน้ำเสียงที่สงบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องงาน แต่ช่างเป็นคำพูดที่น่ายินดีที่ได้ฟัง มูคยอมยกริมฝีปากขึ้น ยิ้มเล็กน้อย แล้วนั่งลงอีกครั้งทันที แม้แต่ตอนที่ตอบคำถามฮาจุนก็ยังคงจ้องมองสมุดและแท็บเล็ตพลางจดจ่อกับการจัดระเบียบมัน

ไม่จริงใจเกินไปหน่อยเหรอ คิดเช่นนั้นแล้ว มูคยอมจึงเอนศีรษะพิงพนักเก้าอี้และหลับตาลง เหล่านักกีฬาที่ตื่นเต้นกับชัยชนะนั่งรถบัสท่ามกลางเสียงดังกระหึ่มและรถบัสก็ออกเดินทางไปพร้อมกับการสั่นสะเทือน

มูคยอมที่ผล็อยหลับไปชั่วครู่ จู่ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา ทุกคนคงจะเหนื่อยกันมากในรถบัสที่เอะอะเสียงดังตอนออกรถ กลับเงียบสงัดราวกับป่าช้า เพราะมัวแต่นอนในท่านั่งเขาจึงหมุนคอที่มีอาการเคล็ดไปซ้ายทีขวาที จากนั้นมูคยอมก็มองไปข้างๆ ฮาจุนเองก็หลับไปในขณะที่วางสมุดบันทึกไว้บนตัก

มูคยอมเอื้อมมือหยิบสมุดบันทึกที่ฮาจุนโอบกอดอยู่ทุกวันขึ้นมาเปิดดู แม้ว่าตัวเขาเองจะเข้าร่วมทีมได้ไม่นาน แต่สมุดบันทึกเล่มนี้มีป้ายกำกับที่มีตัวอักษร ‘2’ ติดอยู่ด้านหลังราวกับเป็นเล่มที่สองแล้ว

มีเทปหลากสีแปะอยู่หลายหน้าและถูกจัดเรียงไว้ให้อ่านง่ายด้วยลายมือที่ค่อนข้างชุ่ยเมื่อเทียบกับใบหน้าที่แสนจะอ่อนน้อม ซึ่งบันทึกไว้ว่านักกีฬาแต่ละคนมีปัญหาส่วนไหน ต้องเสริมอีกตรงไหน และชี้ให้เห็นว่าต้องฝึกฝนในส่วนใดอีก

ใจความละเอียดเป็นอย่างมาก มีเขียนไว้ว่านักกีฬาบางคนสีหน้าไม่ค่อยดีควรลดปริมาณการฝึกฝน อีกทั้งมีเนื้อหาตรวจเช็กรายการอาหารและการนอนหลับด้วย มูคยอมนึกถึงฮาจุนที่บางครั้งก็ถามเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของเขาเป็นครั้งคราว ยังบันทึกไว้โดยแบ่งประเภทผู้เล่นแต่ละคนว่ามีสมรรถภาพทนทานดีหรือไม่ ความเร็วต่อช่วงเวลาดีหรือไม่ ข้อดีคือพละกำลังใช่หรือไม่ และฟื้นคืนจากความเหนื่อยได้เร็วหรือช้าอีกด้วย

มูคยอมที่อ่านบันทึกนั้นไปสักพักจึงรีบพลิกไปยังหน้าที่เป็นชื่อตัวเอง หากส่วนหน้าเป็นแผ่นที่บันทึกในแต่ละวัน ส่วนหลังก็จะจัดเรียงตามลำดับหมายเลขหลังเสื้อเหล่านักกีฬา ฉะนั้นตัวอักษรสามตัวในชื่อมูคยอมก็จะอยู่ประมาณหน้ากลางตอนต้น เมื่อข้ามบันทึกโปรแกรมการฝึกซ้อมที่เขาคุ้นเคยดี เพราะกำลังอยู่ในช่วงปฏิบัติการฝึกด้วยตัวเองจึงสังเกตเห็นบันทึกส่วนที่ทำเครื่องหมายดอกจันไว้ข้างล่าง ฮาจุนเขียนเตือนข้อควรระวังสำหรับตัวเอง

[พิจารณาความไม่สมดุลของข้อเท้าอยู่เสมอ หากไม่ปรับพฤติกรรมอย่างชัดเจน อาจจะสาหัสไปจนถึงเข่า

☆ ลดการเสริมสร้างกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัวพร้อมกับกล้ามเนื้อท่อนบนสักนิดจะดีไหมนะ สังเกตและแนะนำต่อไป

☆ เช็กการพักผ่อนชั่วคราว ให้พักผ่อนในเวลาเวลาพักอย่างเต็มที่ เช็กเวลานอนหลับทุกครั้งที่มีโอกาสด้วย

ทำไมเป็นอย่างนั้นนะ]

หึ มูคยอมเกือบจะหลุดหัวเราะเพราะเสียงหัวใจที่กระเด้งออกมาจากสิ่งที่เขียนด้วยลายมืออย่างกะทันหันท่ามกลางบันทึกที่เกี่ยวกับการฝึกฝน แต่เขาก็ปิดปากกลั้นขำไว้ได้

“อืม…”

ฮาจุนนอนละเมอพลางขยับศีรษะ มูคยอมรีบปิดสมุดบันทึกอย่างว่องไวแล้ววางไว้บนตักของฮาจุนอีกครั้ง จากนั้นจึงกอดอกแล้วนั่งลงทันที โชคดีที่ฮาจุนไม่ได้ตื่นและเอนศีรษะไปทางหน้าต่างเล็กน้อย เขายังคงปิดตาและหายใจเข้าออกอย่างสม่ำเสมอ

มูคยอมยกแขนกอดอกและเอียงตัวไปด้านข้างเล็กน้อยเพื่อทอดสายตามองใบหน้านั้น จากนั้นจึงยิ้มเงียบๆ แล้วนั่งลง อย่างไรก็ดีเขาเป็นคนที่ตลกอยู่พอควรเลย

รถบัสที่แล่นมาประมาณสองชั่วโมงในที่สุดก็ถึงสนามฝึก เหล่านักกีฬาที่ลงมาจากรถทีละคนต่างก็ยืดเส้นยืดสายง่ายๆ ทิ้งท้ายตามคำแนะนำของฮาจุนเพื่อบรรเทาร่างกายที่อ่อนล้าจากการนั่งรถเป็นเวลานาน เขาปรบมือและกล่าวลา

“วันนี้ทำได้ดีกันมากจริงๆ ครับ พักผ่อนให้เต็มที่ เจอกันพรุ่งนี้ตอนบ่ายครับ พรุ่งนี้เราจะเดินหน้าฝึกแค่โปรแกรมฟื้นฟูความเหนื่อยล้า ไม่ต้องฝึกตามปกติครับ”

“ทำได้ดีมากครับ!”

เหล่านักกีฬาที่กล่าวอำลาเสร็จสิ้นมุ่งไปยังลานจอดรถอย่างวุ่นวาย ฮาจุนลังเลไม่รู้จะทำอย่างไรดีจึงยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ คราวที่แล้วไม่มีสายตาผู้คนจับจ้องแต่วันนี้คนเยอะเหลือเกิน การนั่งรถของมูคยอมตั้งแต่ที่นี่จะเป็นที่สะดุดตาผู้คนได้ ตอนนั้นเองก็มีข้อความเข้าทางมือถือ

[มาที่ป้ายรถเมล์]

ฮาจุนจ้องมองข้อความนั้นอยู่พักใหญ่ ความจริงการที่มีข้อความส่งมาจากคิมมูคยอมมาในมือถือของเขามันแปลกประหลาดเกินบรรยาย

ฮาจุนในฐานะโค้ชจำเป็นต้องบันทึกเบอร์ติดต่อฉุกเฉินของนักกีฬาทุกคนในสังกัดซิตี้โซลไว้ แต่การที่มูคยอมรู้เบอร์โทรศัพท์ของเขามันช่างแปลกประหลาดเสียจริง ข้อมูลการติดต่อของนักกีฬากับเหล่าโค้ชทั้งหมดจะถูกแบ่งปันบนอินทราเน็ตสำหรับการใช้ภายใน แน่นอนว่าเขาต้องรู้อยู่แล้ว

ฮาจุนมุ่งไปยังป้ายรถเมล์และพบว่านี่เป็นรถยนต์มาเซราตีสีเทาเงิน ไม่ใช่รถยนต์ลัมโบร์กีนีสีส้มกำลังจอดอยู่ในตำแหน่งเดียวกับครั้งที่แล้ว ฮาจุนที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมครู่หนึ่งเพราะแม้ว่าจะพูดคุยกันจบไปแล้วแต่ไม่รู้ทำไมถึงยังพะวงอยู่ เขาหายใจเข้าลึกๆ หนึ่งรอบแล้วสืบเท้าไวๆ ไปเปิดประตูด้านที่นั่งข้างคนขับจากนั้นจึงทรุดนั่งโดยไม่ทักทายสักคำ

“เหมือนกำลังวางกลยุทธ์สอดแนมอะไรสักอย่างเลย”

มูคยอมแกล้งเล่น แต่ฮาจุนไม่มีอารมณ์จะตอบ ไม่ใช่เพราะอารมณ์เสียหรือเสียใจ เขาเพียงแต่ประหม่าเท่านั้น มูคยอมมองเห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดของฮาจุนก็ทำได้เพียงยักไหล่และสตาร์ทรถโดยที่ไม่พูดอะไรอีก

บรรยากาศภายในรถที่หายไปในความมืดเงียบงันเสียจนคิดไม่ถึงว่านี่จะเป็นรถที่คนสองคนนั่งไปเพื่อที่จะมีเซ็กส์ด้วยกัน

สถานที่ที่มาถึงในครั้งนี้คือบ้านของมูคยอมเช่นเดิม มูคยอมเข้ามาถึงห้องรับแขกจึงถอดเสื้อออกและถามคำถาม

“อาบน้ำไหม”

“อืม”

ฮาจุนเข้าห้องอาบน้ำอย่างครั้งก่อน ครั้งนี้แช่ฟองสบู่ชำระร่างกายทุกซอกทุกมุมอย่างพิถีพิถันต่างจากคราวก่อนที่ป่วยเลยนั่งในอ่างอาบน้ำเปล่าโดยปล่อยตัวเองเปียกน้ำเพียงอย่างเดียวอยู่พักใหญ่ อย่างไรก็ตามระดับความกังวลระหว่างก่อนและหลังการมีเพศสัมพันธ์นั้นแตกต่างกัน

ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่ที่ที่มูคยอมใช้เป็นประจำเลย ห้องอาบน้ำกว้างขวางพร้อมอ่างอาบน้ำช่างสะอาดเอี่ยม กระเบื้องไร้ฝุ่นผง ทั้งอ่างอาบน้ำ อ่างล้างหน้า และแม้แต่กระจกที่แขวนผนังก็ใหญ่เกินขนาดห้องน้ำที่ใช้ในครอบครัวที่ฮาจุนคิดไว้อย่างมาก กระทั่งของใช้ในห้องน้ำไม่กี่อย่างที่จัดวางไว้บนชั้นวางอย่างเรียบร้อยก็ไม่รู้สึกถึงการผ่านการใช้งานจริงทำให้เขาไม่สบายใจที่ทำน้ำกระเด็นใส่

อาบน้ำเสร็จแล้วควรจะสวมเสื้อผ้าออกไปหรือถอดออกไปดี ไหนๆก็ต้องถอดอยู่แล้ว ยังต้องสวมเสื้อผ้าอีกหรือเปล่า หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฮาจุนก็สวมเสื้อผ้ากลับเช่นเดิม

พอเปิดประตูออกไป แน่นอนว่ามูคยอมก็เพิ่งออกมาจากห้องน้ำพลางเช็ดผมของตัวเองด้วยผ้าขนหนู เทียบกับฮาจุนที่สวมเสื้อผ้าหมดทั้งตัวแล้ว ตัวมูคยอมสวมเพียงเสื้อคลุมแค่ผืนเดียวด้วยสภาพร่างกายที่ห่อหุ้มไปด้วยเสื้อคลุมสีเทาเข้มที่ดูหรูหราให้ความรู้สึกไม่คุ้นเคย ในขณะเดียวกันยังเผยให้เห็นเสน่ห์ในแบบผู้ใหญ่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ฮาจุนจึงเฝ้ามองเขาโดยไม่คิดอะไรอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งมูคยอมมองมาและยิ้มเล็กน้อย

“สวมซะมิดชิดเชียว ไหนๆ ก็จะถอดเสื้อผ้าออกอยู่แล้ว”

“…ฉันไม่ค่อยชินกับการถอดเสื้อเดินไปมา”

“จะว่าไปแล้ว นายเคยบอกว่ายังอยู่กับครอบครัวใช่ไหม”

มูคยอมโยนผ้าขนหนูที่ใช้แล้วเก็บไว้และเข้ามาใกล้ฮาจุน

“ฉันไม่สนหรอก ถอดเสื้อผ้านี่งานสนุกฉันเลย”

จุ๊บ พูดไม่ทันจบ ฮาจุนก็เริ่มวิงเวียนในความรู้สึกของจูบที่สันกรามด้านล่างติ่งหูเสียแล้ว

“วันนั้นฉันรีบไปหน่อย เลยทำกันที่โซฟา”

ริมฝีปากสัมผัสลงต่ำเล็กน้อยอีกครั้ง ฮาจุนเพิ่งรู้ครั้งแรกว่าผิวของเขาไวต่อการสัมผัสของผู้อื่นขนาดไหนจากมูคยอม ทุกครั้งที่มือไถลลงมาและประกบริมฝีปากเหมือนแหย่เล่น ขาเขาแทบจะหมดแรงเลยทีเดียว ไม่นานนักแขนของมูคยอมก็โอบรอบแผ่นหลังของฮาจุนโดยไม่รู้ตัว

“อ๊ะ อื้อ…”

“รู้แล้วๆ โค้ชอีของเราเองก็ดูรีบร้อนอยู่นะครับ”

มูคยอมเงยหน้าขึ้นมาจากต้นคอที่เขาซุกแล้วมองลงมาที่ฮาจุน เพราะในสายตาเขาดูจะซุกซนมากกว่ากามารมณ์ ฮาจุนที่ทำตัวไม่ถูกอยู่คนเดียวตอนนี้เริ่มรู้สึกไม่ยุติธรรมเสียแล้ว

“ยังไงก็เถอะ วันนี้มาทำไปช้าๆ บนเตียงกันนะ”

ฮาจุนขยับฝีเท้าตามที่ถูกดึงไปโดยมูคยอมซึ่งกำลังเคลื่อนที่อยู่ เขาเปิดประตูทางด้านหลัง และจู่ๆ เขาก็ทำให้ฮาจุนนอนลงบนเตียง

ฮาจุนที่นอนอยู่บนเตียงแสนกว้างใหญ่จึงรีบกวาดตามองไปทั่วห้อง เป็นห้องที่กว้างขวางและเรียบง่าย ใกล้กับเตียงมีโต๊ะข้างเตียงเล็กๆ กระจก และตู้เสื้อผ้าประมาณสัดส่วนช่องเดียวอยู่หนึ่งตู้ บนผนังมีหน้าต่างบานใหญ่อยู่ไม่น้อย ส่วนด้านนอกก็มีต้นไม้ส่องสะท้อนเข้ามา น่าจะเป็นชั้นสามของตึกที่มีระหว่างชั้นค่อนข้างสูงอย่างแน่นอน แต่ช่างวิเศษที่มองเห็นใบไม้หนาทึบนอกหน้าต่าง ฮาจุนมองไปทางนั้นสักพักแล้วเบนสายตากลับมา เขาคิดว่ามันครบครันแล้วกับห้องสำหรับผู้ชายเพียงคนเดียว ทั้งยังแอบคิดว่ามันเรียบง่าย และธรรมดาเกินคาดอีกด้วย ไม่รู้เพราะอะไรถึงไม่รู้สึกเหมือนเป็นห้องที่มนุษย์อาศัยเลย แม้ว่าตัวห้องยังไม่ได้หนาวเย็น แต่บรรยากาศกลับมีความเย็นสบายอบอวลเบาๆ

แม้ขณะที่ริมฝีปากของมูคยอมประทับตรงจุดนั่นนี่ทั่วร่างกาย ฮาจุนก็ยังตั้งใจกลอกตาไปมาจนมูคยอมหน้านิ่วคิ้วขมวด และผละออกมา

“มัวแต่ชะเง้อมองอะไรทำไมถึงไม่สนใจกันน่ะ”

“เปล่าสักหน่อย ก็แค่”

ระหว่างที่มัวแต่กลอกตามองห้องกางเกงก็ถูกถอดออกเสียแล้ว มือของมูคยอมจับชายเสื้อยืด แล้วถกขึ้นสูงระดับเอว ฮาจุนยกแขนเพื่อช่วยเขาถอดเสื้อของตัวเอง

ครั้งแรกที่ร่วมเพศกันพวกเขาไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออกจนหมด เมื่อเปลือยกายหมดจดฮาจุนก็วิตกกับรอยแผลเป็น พอฮาจุนเอามือปิดรอยแผล มูคยอมก็ปัดออกราวกับไม่ต้องการให้อะไรมาบดบัง ฮาจุนรู้สึกเขินอายจึนหันหน้าไปด้านข้างเล็กน้อย เพราะผ้าคลุมและผ้าห่มที่ปูเตียงเป็นสีกรมท่าโทนเข้ม ทำให้ผิวขาวของฮาจุนยิ่งโดดเด่นขึ้นมากกว่าเดิม มูคยอมยิ้มมุมปากพึงพอใจพลางทอดสายตามองสภาพนั้นราวกับนักล่าที่มองสัตว์ล้ำค่า หากบอกเจ้าตัวไปคงจะขุ่นเคืองเอาได้ หากแต่รอยแผลนั้นเป็นเหมือนลวดลายที่ทำให้ผิวที่ผ่องใสเด่นชัดขึ้น

เมื่อเชยชมร่างเปลือยที่คุ้นเคยดีของฮาจุนที่นอนอยู่ เขาจึงรู้สึกได้ถึงความสมดุลที่เหมาะสม ไม่ขาดไม่เกินของกล้ามเนื้อแสนงดงาม ไม่ว่าจะเป็นทรงไหล่ที่อยู่ในองศาพอดีจากลำคอ โครงร่างแข็งแรงจากปลายไหล่จนถึงแขน หน้าอกเป็นปึกแผ่นที่มียอดอกขนาดเล็กยื่นขึ้นมา กระทั่งกล้ามเนื้อแน่นพอใช้ได้ที่ลากเส้นตรงจรดเบื้องล่างนั่น

แม้จะเป็นร่างผู้ชายที่ไม่ได้บางลีบ ไม่มีส่วนที่พอจะเรียกว่าส่วนโค้งได้ แต่ภาพรวมให้อารมณ์เหมือนปั้นขึ้นมาอย่างประณีตโดยกำเนิด หากเรือนร่างของมูคยอมเป็นภาพสีน้ำมันที่วาดขึ้นมาหยาบๆ ร่างของฮาจุนก็เป็นภาพวาดลายเส้นที่บรรจบกันด้วยปากกาเท่านั้น

กล้ามเนื้อลักษณะเส้นทแยงต่อมาจนถึงไหปลาร้าจากสันกรามข้างล่างนั่น เขาจึงลองเอานิ้วชี้ลูบไปจนถึงไหปลาร้า ที่ตั้งตรงเหมือนเลขหนึ่ง ทุกครั้งที่ทำเช่นนั้นฮาจุนสะดุ้งและกัดริมฝีปากแน่น เคยบอกว่าถ้าจะส่งเสียงออกมาก็ไม่ต้องกลั้นไว้ แต่ดูเหมือนเขาจะกลั้นไว้อีกแล้ว

ถ้าอย่างนั้นทำให้เขาทนไม่ไหวดีไหมนะ มูคยอมโน้มตัวลงอย่างไวแล้วใช้ฟันไซร้ไปใกล้ๆ ซอกคอ เขาขบเคี้ยวราวกับเขี่ยเบาๆ ไม่ออกแรงใดๆ พลางใช้นิ้วบดขยี้ยอดอก แน่นอนว่าความพยายามของฮาจุนสลายไปทันที

“อ๊ะ ฮืม”

ขณะที่กวาดตามองในห้องอาบน้ำและห้องล็อกเกอร์วันนี้ก็รู้สึกได้ถึงความแปลกใหม่ ขนาดหนุ่มๆ ในสังกัดก็ยากที่จะมีผิวดีได้ขนาดนี้ ผิวของฮาจุนไม่เพียงแต่จะขาวนวลเท่านั้น ยังละเอียดลออ เกลี้ยงเกลา และนุ่มนิ่มอีกด้วย

เช่นนี้เพียงแค่สัมผัสก็ทำให้เสียวซ่านแล้ว มูคยอมรู้สึกสำราญอีกครั้งจึงค่อยๆ ลดริมฝีปากที่ซุกไว้ตรงซอกคอ และใช้มือเปลี่ยนไปลูบคลำยอดอกด้านตรงข้าม จุ๊บ เมื่อดูดกระชากยอดอกที่ค้างไว้เหมือนหยดน้ำด้วยริมฝีปากหนึ่งครั้ง เอวเขาก็ขยับขึ้นมาเล็กน้อย มูคยอมกัดยอดอกตามความต้องการด้วยความสั่นไหวนั้น

“อ๊ะ เจ็บ! ”

เสียงของฮาจุนดังขึ้นแทบจะทันที เขาหน้านิ่วหน้ามองมูคยอมราวกับไม่พอใจ มูคยอมแหงนหน้าขึ้น สบสายตากับฮาจุนในตอนนั้นพลางแลบลิ้นและลามเลียยอดอกที่เพิ่งกัดไปเมื่อครู่ราวกับปลอบโยน มูคยอมตวัดลิ้นไปมาบนยอดอกอย่างยาวนานจนลื่นไหล เขาหลับตาพริ้มราวกับยอมแพ้ที่จะเถียงด้วย

มูคยอมเริ่มจะรู้สึกเพลิดเพลินหลังจากที่เห็นยอดอกแดงก่ำและพองโตขึ้นเล็กน้อยจากครั้งแรก ครั้งนี้เขาไล่ลูบซี่โครงกลางแผงอกด้วยลิ้นนั้น เมื่อปลายลิ้นสัมผัสลิ้นปี่ เขาจึงบีบคลำมือเปล่าไว้ใกล้กับเชิงกราน ฮาจุนผงะและระเบิดเสียงครวญครางออกมา โดยที่ไม่แน่ใจว่ารู้สึกตรงจุดไหน

“อื้อ อือ ฮึก อ๊ะ”

สนุกจัง

……………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+