Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 166

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 166 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉันเหนื่อยที่จะพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

“พูดอะไร”

“ที่บ่นนายเมื่อกี้นี้ไง ว่าอย่ารับยาจากคนแปลกหน้ามาสูบอีก”

“…ก็ฉันนึกว่ามันคือบุหรี่ จากนี้จะไม่ทำอีกแล้ว”

“นายตัดสินใจที่จะนั่งรออยู่ที่โซฟาแล้วทำไมถึงได้ลุกออกจากที่นั่งล่ะ ไม่บอกไม่กล่าวอีก”

จากคำพูดนั้นฮาจุนก็กระแทกปลายเท้าของตนเองเข้าหากันแล้วพลั้งปากออกไปอย่างห้วนๆ

“ก็ตรงนั้นมีผู้หญิงที่นายเคยคบอยู่นี่นา โคลเอ้ ครอว์ฟอร์ด เธอมางานนี้ด้วย นั่งอยู่ข้างๆ ฉันเลย”

“…”

พอมาคิดดูแล้วมันก็เป็นอย่างนั้น

มูคยอมกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกยกขึ้นเมื่อนึกถึงความจริงที่เขาได้ลืมไป ในขณะที่ถูกหลอมละลายด้วยเซ็กส์อันเร่าร้อน

“เธอถามฉันว่าฉันเป็นคู่นอนคนใหม่ของนายหรือเปล่า แล้วฉันควรจะนั่งอยู่ต่อเหรอ แถมยังหานายไม่เจออีก”

มูคยอมลนลานด้วยสีหน้าพะวักพะวน แล้วพรวดพราดเข้าไปกอดไหล่ฮาจุน

“ขอโทษ นายคงรู้สึกแย่มากเลยใช่ไหม”

“เธอสวยมาก อย่างกับเทพธิดาเลย”

ฮาจุนพูดโดยไม่ได้มีสีหน้าอารมณ์เสียอย่างที่มูคยอมคิดเอาไว้ มูคยอมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย คลายกำลังแขนที่โอบกอดแล้วเอ่ยถามออกไป

“…ครอว์ฟอร์ดพูดว่าอะไรเหรอ”

“บอกว่าฉันตรงสเปคเธอเลย”

“…”

“แล้วเธอก็…ใช้ปลายรองเท้ามาจิ้มที่ขาของฉันแบบนี้”

“เหอะ จริงๆ เลย!”

ฮาจุนเลียนแบบเธอโดยไขว้ขาและจิ้มหน้าแข้งของมูคยอมด้วยปลายนิ้วเท้า มูคยอมแผดเสียงดังขึ้น ถึงแม้ว่าจะใช้ฝ่ามือลูบใบหน้าและระเบิดความโกรธออกมา แต่จะโทษใครได้ เพราะมันคือความผิดพลาดจากในอดีตของตนเอง

มูคยอมกังวลว่าหล่อนจะทำร้ายความรู้สึกของฮาจุนด้วยการเล่าเรื่องในอดีตที่ไร้ประโยชน์ให้ฮาจุนฟัง หรือว่ามันจะเป็นแผน

“บ้าไปแล้วสินะ เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงต้องไม่ประมาทแม้แต่วินาทีเดียว มันไม่ใช่ความหวาดระแวงของฉันแน่นอน”

“เธอคงแค่ล้อเล่นใช่ไหม”

ในแวบแรก มูคยอมอมยิ้มด้วยความไม่พอใจ แล้วจึงตอบด้วยการปรายตามองฮาจุน ฮาจุนเบิกตากว้างขึ้นมาเล็กน้อย

“เป็นอะไรไป”

“ยังไงก็ได้แค่ชอบ… แล้วโค้ชไม่หึงเหรอครับ”

“อย่างไรซะ มันก็เป็นความสัมพันธ์ที่จบลงมาแล้วหลายปีนี่นา”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ”

ถ้าฮาจุนมีแฟนเก่าหรืออะไรทำนองนั้นมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาตอนนี้

มูคยอมจะเดือดร้อนใจขนาดไหนกันนะ แต่โชคดีที่เขารู้ว่าฮาจุนไม่มี แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝัน แต่มูคยอมก็เข้าใจความรู้สึกอย่างชัดเจน

แต่เขาไม่เคยแสดงอารมณ์แบบนั้นออกมาให้ฮาจุนเห็นเลย พอลองมาคิดดูแล้ว ก่อนที่จะชวนให้มาอยู่ลอนดอนด้วยกัน รวมถึงตอนที่ฮาจุนคิดไปเองว่าตนเองกับมูคยอมเป็นคนรักระยะไกล และก็เป็นตัวอีฮาจุนเองที่ร้องขออย่างไม่ตรงประเด็นว่าถ้ากลับไปแล้ว ถึงมูคยอมจะไปออกเดตกับคนอื่นก็ขอว่าอย่าทำจนถึงขั้นสุดท้าย

แม้ว่าอีกฝ่ายจะสารภาพออกมาก่อนอย่างกล้าหาญ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คบกันตั้งแต่แรก และสีหน้าที่รู้สึกดีใจเพียงเพราะมีความสัมพันธ์แบบคู่นอนกับเขาก็ไม่ได้เสแสร้งเลยแม้แต่น้อย

ไม่มีความโลภเลยหรืออย่างไร หรือเพราะว่าเชื่อในตัวเขามากหรือเปล่านะ มูคยอมรู้สึกขอบคุณที่เชื่อใจเขา แต่เขาหวังว่าจะมีอย่างน้อยสักครั้งที่อีฮาจุนนั้นพยายามที่จะครอบครองคิมมูคยอมให้มากกว่านี้หน่อยก็คงจะดี สำหรับอีฮาจุนที่มีความอยากเอาชนะอยู่พอควรนั้น คิมมูคยอมไม่ถือว่าเป็นถ้วยรางวัลของชัยชนะหรอกเหรอ

มูคยอมลูบผมของฮาจุนขณะที่ตกอยู่ในห้วงความคิดต่างๆ นานา ฮาจุนที่กำลังเพลิดเพลินกับสัมผัสที่อ่อนโยนราวกับเพลงกล่อมเด็กและความรู้สึกที่อ่อนเพลียคล้ายกับอาการง่วงนอนก็พึมพำขึ้นมาในทันใด

“แต่ฉันรู้สึกดีนะ”

“…เรื่องอะไร”

“ทั้งที่นายเจอแต่คนที่สวยงามอย่างนั้น แต่กลับมาคบกับคนธรรมดาๆ อย่างฉันนี่นา”

“…”

“เพราะงั้นนายคงชอบฉันมากแน่ๆ เลยสินะ…. ฉันก็เลยคิดแบบนั้นแหละ”

มูคยอมกะพริบตา

ใบหน้ามุ่ยที่เกรียมแดดจากแดดหน้าร้อนและมีประกายความโกรธอยู่ในนั้นค่อยๆ กลายเป็นสีแดง ฮาจุนเบิกตามองท่าทางของมูคยอมที่ลนลานซึ่งไม่ค่อยมีใครเห็นได้ง่ายๆ และพวกเขาทั้งคู่ก็สบตากัน

“แน่นอนอยู่แล้ว ชอบมากๆ สิ! นายจะพูดอะไรที่มันแน่นอนอยู่แล้วทำไมเนี่ย”

“อื้อ ขอบใจนะ”

“แล้วก็นะอีฮาจุน นายเป็นคนธรรมดาๆ ที่ไหนกัน นายเป็นคนที่พิเศษจนฉันตามไม่ทันแม้แต่กระทั่งปลายเท้าเลยด้วยซ้ำ”

“เวลาคุยเรื่องอะไรแบบนี้ ช่วยคิดให้มันเป็นรูปธรรมหน่อยเถอะ ยอมรับได้แล้วว่ามันแค่ในสายตาของนายเท่านั้น”

“ถ้ามันแค่ในสายตาของฉันเท่านั้นก็นับว่าโชคดีมากเลย แต่วันนี้มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าคนอื่นเห็นแบบนั้นเหมือนกัน”

“โอเค… ฉันเป็นคนพิเศษมากเลยสินะ ที่คิดว่าสารเสพติดเป็นบุหรี่เลยสูบมันเข้าไป”

ฮาจุนลุกขึ้น คลุมผ้าห่มแล้วเดินไปใกล้ๆ โต๊ะ

บนโต๊ะมีเสื้อผ้าที่ฮาจุนถอดออกวางพับไว้อยู่ หลังจากที่ฮาจุนกางชุดดูแล้วจึงถอนหายใจออกมา มันเป็นเสื้อที่เพิ่งซื้อใหม่เพื่อมางานปาร์ตี้นี้โดยเฉพาะ

แต่หลังจากที่ใส่ได้แค่ครั้งเดียวก็ยับยู่ยี่

“เละเทะมาก”

“ซื้อใหม่ก็ได้นี่นา”

แทนที่จะตอบ ฮาจุนกลับวางผ้าห่มไว้บนโต๊ะ ผิวขาวนวลราวกับเครื่องเคลือบดินเผา ร่างเปลือยที่ผอมเพรียวแต่ถูกถักทอขึ้นมาอย่างแข็งแรงด้วยสัดส่วนที่ดีเผยออกมาในทันทีและถูกห่อหุ้มด้วยสีมืดสนิทของท้องฟ้ายามค่ำคืน

เป็นท่าทางที่ถ้ามองแว่บๆ ก็น่าที่จะเชื่อได้ ถ้าหากบอกว่าเป็นประติมากรรมตกแต่งในเรือนกระจก มูคยอมนั่งลงบนโซฟาแล้วจ้องมองคนรักอย่างเงียบๆ

ฮาจุนมองไปรอบๆ ประมาณหนึ่งหรือสองครั้งเหมือนกับว่ากังวลเรื่องผนังกระจก เหมือนกับว่ากำลังติดสินใจที่จะทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วแล้วจึงรีบแต่งตัวเพื่อออกไป

บางครั้งมูคยอมก็รู้สึกประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันแบบนี้ของฮาจุน การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างรวดเร็วและไม่มีอะไรจุกจิกราวกับจะแสดงให้เห็นถึงความลำเค็ญในอดีต อีกฝ่ายที่หลับเยอะในยามเช้านั้นไม่มีเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะอืดอาดอยู่ในผ้าห่ม และมันดูเป็นท่าทางที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่อย่างรวดเร็ว

มันเป็นเพียงแค่นิสัยสบายๆ ของฮาจุนที่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ใช้ได้จริงอย่างเรียบง่าย นี่อาจจะเป็นภาพหลอนของเขา แต่ทุกครั้งที่มูคยอมพบร่องรอยเล็กๆ เช่นนี้ เขาก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมาบ้างและรู้สึกหวงแหนชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้มากขึ้นไปอีก

ฮาจุนที่แต่งตัวเรียบร้อยมองไปรอบๆ ตัวของตนเองพร้อมกับถือเนคไทไว้ในมือ

“พอใส่แล้วก็เลยดูไม่ค่อยยับเท่าไร”

“อย่างไรก็จะไปโรงแรมอยู่แล้ว แค่ใส่ปิดร่างกายได้ก็พอแล้ว”

มูคยอมเดินไปหาอีกฝ่ายแล้วตบที่บั้นท้ายหนึ่งครั้ง

“ไม่ได้ใส่กางเกงในใช่ไหม ยั่วมาก”

“…ก็มันเปียกหมดแล้วคงใส่ไม่ได้หรอก…”

มูคยอมเปิดประตูเรือนกระจกพร้อมคล้องแขนไว้บนไหล่ของฮาจุนที่พูดอ้อแอ้ ภายในเรือนกระจกนั้นค่อนข้างสดชื่น แต่เมื่อออกมา อากาศยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวาของสวนฤดูร้อนก็ปกคลุมคนทั้งคู่ ฮาจุนสูดหายใจลึก

ในระหว่างที่ฮาจุนกำลังจ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืนและสูดลมหายใจ มูคยอมที่ได้กลิ่นหญ้าด้วยก็เอ่ยถามขึ้นมา

“จำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยเหรอ”

“อืม…”

ฮาจุนหรี่ตาลง นึกถึงเสียงประทัดที่ดังปังที่หูอย่างรางๆ ขึ้นมาได้ ราวกับว่ามีสีสันลวดลายหลากสีและประกายระยิบระยับอย่างเลือนรางอยู่ตรงหน้า ถ้าพยายามอีกหน่อยคงจะคิดออก… ขณะที่ขุดลึกลงไปในความทรงจำ ฉากที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็แวบเข้ามาในหัวราวกับชิ้นส่วนจิ๊กซอว์

ฮาจุนกดชัตเตอร์ในหัวของตนเอง ท่ามกลางความสุขที่แทรกเข้ามาอย่างฉับพลัน หนึ่งในนั้นเป็นตอนที่มูคยอมจับมือฮาจุนไว้ตอนที่กำลังร้องไห้

…ถ้าเป็นเรื่องที่จบแบบไม่มีปัญหาอะไร มีความจำเป็นอะไรที่ต้องจำให้ได้ไหม

“เออนี่ ฉันกังวลว่าข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ของนายกับฉันจะแพร่ออกไปแปลกๆ ในสถานที่จัดงานปาร์ตี้ ไม่ต้องไปแก้ข่าวเหรอ” ฮาจุนเปลี่ยนเรื่อง

“ปกติแล้วในที่แบบนี้ก็มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริงแหละ มันเป็นแหล่งซุบซิบนายไม่ต้องไปสนใจหรอก”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ”

“งั้นก็ต้องไปแก้ข่าวสิ อีฮาจุนไม่ใช่คู่นอนของคิมมูคยอม แต่เป็นแฟนต่างหาก”

ฮาจุนมองมูคยอมอย่างกังวล

“ไม่ได้พูดจริงใช่ไหม มันต่างจากตอนที่บอกกับครอบครัวเลยนะ”

“ถึงจะไม่ใช่ตอนนี้ แต่สักวันมันก็ต้องถูกเปิดเผยไม่ใช่เหรอ”

จากนั้นมูคยอมก็หัวเราะเบาๆ

“เริ่มจากข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่แย่นะ”

อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องของอนาคต มันไม่ใช่ปัญหาที่พวกเขาต้องมาถกเถียงกันที่นี่ ทั้งสองเดินไปตามทางเดินในสวนอันเงียบสงบรับสายลมยามค่ำคืน เมื่อเข้าใกล้คฤหาสน์มากขึ้น เสียงหัวเราะของผู้คนและเสียงเพลงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ

แทนที่ทั้งคู่จะกลับไปยังคฤหาสน์สุดหรูที่จัดปาร์ตี้กัน พวกเขากลับตรงไปที่ลานจอดรถทันที ฮาจุนรู้สึกกังวลขึ้นมาในขณะที่ขึ้นรถที่พวกเขาฝากทิ้งไว้

“เป็นเพราะฉันนายเลยไม่ได้คุยกับคนที่นายต้องมาพบเหรอ”

“แค่ไปให้เห็นหน้าก็พอแล้ว ไว้ค่อยคุยรายละเอียดยิบย่อยทีหลังก็ได้

นายไม่เสียดายเหรอ ถ้าอยากกลับไปอีก ตอนนี้ก็กลับไปได้นะ”

“ไม่หรอก… ชุดก็เละเทะ และตอนนี้ฉันอยากกลับไปพักผ่อนกับนาย”

คฤหาสน์ที่สว่างไสวด้วยแสงสีทองในความมืดนั้นเหมือนกับปราสาทในสวนสนุกที่เปิดในเวลากลางคืน มูคยอมใช้สายตาไล่มองตามคฤหาสน์ที่สะท้อนอยู่ในกระจกข้างเหลือบมองดูภาพลักษณ์ด้านข้างของฮาจุนพลางกัดริมฝีปากด้านในแล้วกลั้นหัวเราะไว้

บอกว่าจำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ มูคยอมทั้งรู้สึกโล่งอกและเสียดายไปในเวลาเดียวกัน ท่าทางที่คุยกันระหว่างมีเซ็กส์ซึ่งต่างไปจากตอนปกติน่ารักมากจริงๆ ผนังกระจกของเรือนกระจกเปียกก็เป็นภาพงดงามเช่นกัน ถ้าหากจำได้คงต้องโดนล้อเป็นร้อยรอบแน่ๆ แล้วมูคยอมก็คงอาจจะต้องโดนตีหลังเป็นร้อยรอบด้วยก็เป็นได้

มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะอธิบายว่าทำอะไรลงไปบ้าง ถ้าอ่านมันออกมาเหมือนนิยายโป๊ ฮาจุนก็คงจะเขินอายและใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อสินะ

มันต้องน่ารักมากพอๆ กับที่เขาตั้งใจจะพูดมันออกมา แต่ในครั้งนี้มูคยอมตัดสินใจที่จะอดทนเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่ามันดีเพราะอีฮาจุนเสพยา

มันคงจะเกินไปหน่อยหากไปล้ออีกฝ่ายในเรื่องแบบนั้น

เมื่อไรก็ไม่รู้ที่เขาคลายมุมปากที่กลั้นไว้แล้วหัวเราะคิกคักออกมา

“นายหัวเราะทำไม” ฮาจุนหันหน้ามาถาม

“เพราะว่าเจ้าลูกวัวน้อยน่ารักมากน่ะสิ”

“ปุบปับเลยเนี่ยนะ”

เขามองด้านข้างของคนรักที่หัวเราะด้วยกันราวกับว่ามันไร้สาระ และมูคยอมก็หักพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล แต่ถึงอย่างนั้นความโล่งอกที่ไม่มีปัญหาใหญ่ๆ อะไรเกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการพักร้อนครั้งแรกนั้นก็โถมเข้ามาอย่างช้าๆ

เมื่อกลับมาที่ลอนดอน เขาต้องยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลหน้าแล้ว การหนีออกจากชีวิตประจำวันอย่างสั้นๆ นั้นก็ได้สิ้นสุดลงตรงนี้เอง

เด็กเลี้ยงแกะ

แม้ว่าความเหนื่อยล้าที่ฟุตบอลโลกทิ้งไว้ให้กับนักเตะจะยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลใหม่ของกรีนฟอร์ดก็ได้ดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นักเตะที่กลับมาจากการพักร้อนกำลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยและถามถึงสารทุกข์สุกดิบในระหว่างเวลาที่ผ่านมา และได้แสดงความยินดีกับการย้ายเข้ามาทีมใหม่และกล่าวคำอำลากับผู้ที่ย้ายไปทีมอื่น ในบรรดาคนที่ย้ายไปทีมอื่นนั้นมี

นักเตะที่สนิทสนมกับมูคยอม และมูคยอมก็เศร้าอยู่สองสามวันเลยทีเดียว

ชีวิตของฮาจุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ฮาจุนออกจากสถาบันภาษาที่เขาไปเรียนภาษาอังกฤษที่นั่น และลงทะเบียนในสถาบันการศึกษาเพื่อฝึกอบรมความเป็นผู้นำอย่างมืออาชีพแทน เนื่องจากเป็นสถาบันที่มีความสัมพันธ์กับทีม ดังนั้นการลงทะเบียนจึงเป็นไปได้ไม่ยาก เพราะฮาจุนได้รับการยอมรับจากประสบการณ์การทำงานในช่วงนั้น มันอาจจะยุ่งนิดหน่อยเมื่อต้องเรียนเพิ่มขึ้น แต่มันก็เป็นขั้นตอนที่เขาจำเป็นต้องผ่านอยู่ดี

“จุน ได้ยินว่าจบฤดูกาลนี้แล้ว นายจะได้เป็นโค้ชอย่างเป็นทางการเหรอ”

“ไม่รู้สิ คงต้องรอดูก่อน”

“แน่นอนว่าต้องได้เป็นสิ ตอนนี้ถ้าไม่มีนายเนี่ยไม่ได้เลยนะ แรงตกเลย”

นักเตะที่ยืดเส้นยืดสายกับฮาจุนส่งกำลังใจและยื่นหมัดออกมาให้ ฮาจุนเองก็หัวเราะและเหวี่ยงหมัดเข้าไปเบาๆ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของกรีนฟอร์ดหรือเป็นเรื่องปกติในลีกอังกฤษ หรือไม่ก็เป็นความสนิทสนมของเอสกับ ‘ผู้สนับสนุน’ แต่อย่างไรก็นับว่าทีมได้ให้โอกาสอันยิ่งใหญ่กับโค้ชฝึกหัด ไม่เพียงแค่ระหว่างการฝึกซ้อมสอนเท่านั้น แต่ทั้งก่อนการประชุมและหลังการประชุม ฮาจุนก็ได้เข้าร่วมและแสดงความคิดเห็นเสมอ แฮร์รี่และสต๊าฟโค้ชคนอื่นๆ ก็ไม่ได้พยายามที่จะมองข้ามความคิดเห็นของเขาด้วย

เหตุผลที่นักเตะคนที่เพิ่งยืดกล้ามเนื้อกับฮาจุนถึงได้เป็นมิตรมากนั้น ก็เป็นเพราะข้อเสนอของฮาจุนที่ให้เปลี่ยนโปรแกรมการฝึกซ้อม อีกฝ่ายเป็นนักเตะที่ฝึกยกน้ำหนักเป็นหลัก เพราะต้องเสริมกำลังด้านการเตะ แต่ในมุมมองของฮาจุน

อีกฝ่ายเป็นนักเตะที่มีมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงเพียงพอแล้ว

แต่เมื่อถึงเวลาที่สำคัญๆ กลับไม่สามารถแสดงพลังที่มีออกมาจนหมดได้ เพราะว่ายังขาดการฝึกฝนความสมดุล หลังจากที่ได้พูดคุยและส่งวิดีโอไปให้แชฮุนแล้ว เขาก็ได้ออกความคิดเห็นในการแก้ไขโปรแกรมในที่ประชุม ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ได้เห็นผลช้าเกินไป เพราะอย่างนั้น จำนวนนักเตะที่ชื่นชอบฮาจุนจึงเพิ่มขึ้นมาอีกคน

ทุกอย่างราบรื่นราวกับแล่นเรือใบในสายลมอ่อนๆ หลังจากที่เริ่มฤดูกาล

กรีนฟอร์ดก็เริ่มต้นได้ดีด้วยคะแนน 1 ต่อ 0 ในการแข่งขันนัดแรก พวกเขาเสมอกันในนัดที่สองและชนะการแข่งขันนัดที่สามด้วยคะแนน 2-0 ในสามเกมนั้นมูคยอมทำคะแนนได้สองประตูและเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลว

มีตัวแปรเกิดขึ้นในนัดที่สี่ ใบแดงใบแรกออกมาค่อนข้างเร็วจากกรีนฟอร์ด

มันไม่ใช่การสะสมการเตือน แต่มันคือการไล่ออกทันทีเมื่อผู้ตัดสินดึงใบแดงออกมา

“วิ่งต่อไป! เลี้ยงบอลไปจนสุด อย่าส่งบอลต่อ!”

เสียงตะโกนของผู้จัดการทีมพร้อมกับ บรรดานักเตะก็วิ่งบนสนามอย่างวุ่นวาย ด้วยความปรารถนาที่จะเก็บสถิติที่ไม่เคยแพ้ให้กับทีมใด กรีนฟอร์ดจึงสร้างบรรยากาศที่ดุเดือดตั้งแต่ช่วงแรกของการแข่งขัน

ครึ่งแรกผ่านไปแล้ว 40 นาที คะแนนยังคงอยู่ที่ 0-0 เพื่อที่จะได้ชัยชนะต่อไปนั้น มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องบุกทำประตูให้ได้เพื่อขึ้นนำก่อน ความตึงเครียดไม่ได้คลี่คลายลงง่ายๆ จนกระทั่งจบครึ่งแรก ทั้งสองทีมไม่สามารถรักษาระดับเอาไว้ได้ เพราะพวกเขารีบร้อนและไม่ได้อบอุ่นร่างกายอย่างเหมาะสม และการส่งบอลก็ถูกชิงไปอยู่เรื่อย นักเตะไม่สามารถวิ่งได้อย่างดีๆ เลย พวกเขาต้องวิ่งอย่างฉวัดเฉวียนไปมา

‘ถ้าเป็นแบบนี้อีกสักหน่อย คงจะหมดแรง’

ฮาจุนที่นั่งอยู่บนม้านั่งนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยและจดจ่ออยู่กับการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาหนึ่งในการแข่งขันที่ดูเหมือนจะแน่นขนัด เกิดการส่งบอลพลาดข้ามไปยังกรีนฟอร์ด และกองกลางทางด้านซ้ายก็วิ่งไล่ตามลูกบอลจนเข้าใกล้เส้นข้างสนามฟุตบอล ขณะที่วิ่งไปพลางกันนักเตะของทีมตรงข้ามที่วิ่งไล่ตามติดอย่างยากลำบากนั้น นักเตะคนนั้นก็เตะลูกบอลไปตรงกลางเมื่อมันยากที่จะต้านทานไหว

นักเตะที่วิ่งตามอีกฝ่ายเข้าไปรับลูกบอลทันที คนนั้นก็คือคิมมูคยอมนั่นเอง บรรดาผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามที่ยังไม่ทันได้สกัดการส่งบอลเข้าไปขวางทางด้านหน้ามูคยอมทันทีราวกับฟ้าแลบ

เสียงเชียร์ของผู้ชมปกคลุมทั่วทั้งสนามแข่งขัน มูคยอมเลี้ยงบอลและแสร้งทำเป็นวิ่งต่อไป เมื่อแนวรับหวั่นไหว อีกฝ่ายก็ส่งบอลลอดผ่านคนตั้งรับสองคนที่ยืนขวางอยู่ข้างหน้า เมื่อเห็นชายหนุ่มที่สูงกว่า 190 เซนติเมตรแหวกแนวป้องกันอย่างพริ้วไหวราวกับสายน้ำ นั่นจึงทำให้ทุกคนในสนามแข่งขันรู้สึกตื่นเต้น

มันเป็นโอกาสทำประตู ถึงแม้ระยะห่างจะค่อยข้างไกลนิดหน่อย แต่ก็สามารถที่จะทำประตูได้ ฮาจุนที่มีสมาธิจดจ่อมากกำหมัดแน่นและไม่กะพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนั้นมันเป็นตอนที่เขารอประตูที่กำลังจะระเบิดในไม่ช้า

โห่ๆๆๆ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 166

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 166 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ฉันเหนื่อยที่จะพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่า”

“พูดอะไร”

“ที่บ่นนายเมื่อกี้นี้ไง ว่าอย่ารับยาจากคนแปลกหน้ามาสูบอีก”

“…ก็ฉันนึกว่ามันคือบุหรี่ จากนี้จะไม่ทำอีกแล้ว”

“นายตัดสินใจที่จะนั่งรออยู่ที่โซฟาแล้วทำไมถึงได้ลุกออกจากที่นั่งล่ะ ไม่บอกไม่กล่าวอีก”

จากคำพูดนั้นฮาจุนก็กระแทกปลายเท้าของตนเองเข้าหากันแล้วพลั้งปากออกไปอย่างห้วนๆ

“ก็ตรงนั้นมีผู้หญิงที่นายเคยคบอยู่นี่นา โคลเอ้ ครอว์ฟอร์ด เธอมางานนี้ด้วย นั่งอยู่ข้างๆ ฉันเลย”

“…”

พอมาคิดดูแล้วมันก็เป็นอย่างนั้น

มูคยอมกลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกยกขึ้นเมื่อนึกถึงความจริงที่เขาได้ลืมไป ในขณะที่ถูกหลอมละลายด้วยเซ็กส์อันเร่าร้อน

“เธอถามฉันว่าฉันเป็นคู่นอนคนใหม่ของนายหรือเปล่า แล้วฉันควรจะนั่งอยู่ต่อเหรอ แถมยังหานายไม่เจออีก”

มูคยอมลนลานด้วยสีหน้าพะวักพะวน แล้วพรวดพราดเข้าไปกอดไหล่ฮาจุน

“ขอโทษ นายคงรู้สึกแย่มากเลยใช่ไหม”

“เธอสวยมาก อย่างกับเทพธิดาเลย”

ฮาจุนพูดโดยไม่ได้มีสีหน้าอารมณ์เสียอย่างที่มูคยอมคิดเอาไว้ มูคยอมรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย คลายกำลังแขนที่โอบกอดแล้วเอ่ยถามออกไป

“…ครอว์ฟอร์ดพูดว่าอะไรเหรอ”

“บอกว่าฉันตรงสเปคเธอเลย”

“…”

“แล้วเธอก็…ใช้ปลายรองเท้ามาจิ้มที่ขาของฉันแบบนี้”

“เหอะ จริงๆ เลย!”

ฮาจุนเลียนแบบเธอโดยไขว้ขาและจิ้มหน้าแข้งของมูคยอมด้วยปลายนิ้วเท้า มูคยอมแผดเสียงดังขึ้น ถึงแม้ว่าจะใช้ฝ่ามือลูบใบหน้าและระเบิดความโกรธออกมา แต่จะโทษใครได้ เพราะมันคือความผิดพลาดจากในอดีตของตนเอง

มูคยอมกังวลว่าหล่อนจะทำร้ายความรู้สึกของฮาจุนด้วยการเล่าเรื่องในอดีตที่ไร้ประโยชน์ให้ฮาจุนฟัง หรือว่ามันจะเป็นแผน

“บ้าไปแล้วสินะ เพราะอย่างนี้ไง ฉันถึงต้องไม่ประมาทแม้แต่วินาทีเดียว มันไม่ใช่ความหวาดระแวงของฉันแน่นอน”

“เธอคงแค่ล้อเล่นใช่ไหม”

ในแวบแรก มูคยอมอมยิ้มด้วยความไม่พอใจ แล้วจึงตอบด้วยการปรายตามองฮาจุน ฮาจุนเบิกตากว้างขึ้นมาเล็กน้อย

“เป็นอะไรไป”

“ยังไงก็ได้แค่ชอบ… แล้วโค้ชไม่หึงเหรอครับ”

“อย่างไรซะ มันก็เป็นความสัมพันธ์ที่จบลงมาแล้วหลายปีนี่นา”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ”

ถ้าฮาจุนมีแฟนเก่าหรืออะไรทำนองนั้นมาปรากฏตัวต่อหน้าเขาตอนนี้

มูคยอมจะเดือดร้อนใจขนาดไหนกันนะ แต่โชคดีที่เขารู้ว่าฮาจุนไม่มี แม้ว่ามันจะเป็นเพียงแค่ความเพ้อฝัน แต่มูคยอมก็เข้าใจความรู้สึกอย่างชัดเจน

แต่เขาไม่เคยแสดงอารมณ์แบบนั้นออกมาให้ฮาจุนเห็นเลย พอลองมาคิดดูแล้ว ก่อนที่จะชวนให้มาอยู่ลอนดอนด้วยกัน รวมถึงตอนที่ฮาจุนคิดไปเองว่าตนเองกับมูคยอมเป็นคนรักระยะไกล และก็เป็นตัวอีฮาจุนเองที่ร้องขออย่างไม่ตรงประเด็นว่าถ้ากลับไปแล้ว ถึงมูคยอมจะไปออกเดตกับคนอื่นก็ขอว่าอย่าทำจนถึงขั้นสุดท้าย

แม้ว่าอีกฝ่ายจะสารภาพออกมาก่อนอย่างกล้าหาญ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่ได้คาดหวังว่าจะได้คบกันตั้งแต่แรก และสีหน้าที่รู้สึกดีใจเพียงเพราะมีความสัมพันธ์แบบคู่นอนกับเขาก็ไม่ได้เสแสร้งเลยแม้แต่น้อย

ไม่มีความโลภเลยหรืออย่างไร หรือเพราะว่าเชื่อในตัวเขามากหรือเปล่านะ มูคยอมรู้สึกขอบคุณที่เชื่อใจเขา แต่เขาหวังว่าจะมีอย่างน้อยสักครั้งที่อีฮาจุนนั้นพยายามที่จะครอบครองคิมมูคยอมให้มากกว่านี้หน่อยก็คงจะดี สำหรับอีฮาจุนที่มีความอยากเอาชนะอยู่พอควรนั้น คิมมูคยอมไม่ถือว่าเป็นถ้วยรางวัลของชัยชนะหรอกเหรอ

มูคยอมลูบผมของฮาจุนขณะที่ตกอยู่ในห้วงความคิดต่างๆ นานา ฮาจุนที่กำลังเพลิดเพลินกับสัมผัสที่อ่อนโยนราวกับเพลงกล่อมเด็กและความรู้สึกที่อ่อนเพลียคล้ายกับอาการง่วงนอนก็พึมพำขึ้นมาในทันใด

“แต่ฉันรู้สึกดีนะ”

“…เรื่องอะไร”

“ทั้งที่นายเจอแต่คนที่สวยงามอย่างนั้น แต่กลับมาคบกับคนธรรมดาๆ อย่างฉันนี่นา”

“…”

“เพราะงั้นนายคงชอบฉันมากแน่ๆ เลยสินะ…. ฉันก็เลยคิดแบบนั้นแหละ”

มูคยอมกะพริบตา

ใบหน้ามุ่ยที่เกรียมแดดจากแดดหน้าร้อนและมีประกายความโกรธอยู่ในนั้นค่อยๆ กลายเป็นสีแดง ฮาจุนเบิกตามองท่าทางของมูคยอมที่ลนลานซึ่งไม่ค่อยมีใครเห็นได้ง่ายๆ และพวกเขาทั้งคู่ก็สบตากัน

“แน่นอนอยู่แล้ว ชอบมากๆ สิ! นายจะพูดอะไรที่มันแน่นอนอยู่แล้วทำไมเนี่ย”

“อื้อ ขอบใจนะ”

“แล้วก็นะอีฮาจุน นายเป็นคนธรรมดาๆ ที่ไหนกัน นายเป็นคนที่พิเศษจนฉันตามไม่ทันแม้แต่กระทั่งปลายเท้าเลยด้วยซ้ำ”

“เวลาคุยเรื่องอะไรแบบนี้ ช่วยคิดให้มันเป็นรูปธรรมหน่อยเถอะ ยอมรับได้แล้วว่ามันแค่ในสายตาของนายเท่านั้น”

“ถ้ามันแค่ในสายตาของฉันเท่านั้นก็นับว่าโชคดีมากเลย แต่วันนี้มันได้รับการพิสูจน์แล้วว่าคนอื่นเห็นแบบนั้นเหมือนกัน”

“โอเค… ฉันเป็นคนพิเศษมากเลยสินะ ที่คิดว่าสารเสพติดเป็นบุหรี่เลยสูบมันเข้าไป”

ฮาจุนลุกขึ้น คลุมผ้าห่มแล้วเดินไปใกล้ๆ โต๊ะ

บนโต๊ะมีเสื้อผ้าที่ฮาจุนถอดออกวางพับไว้อยู่ หลังจากที่ฮาจุนกางชุดดูแล้วจึงถอนหายใจออกมา มันเป็นเสื้อที่เพิ่งซื้อใหม่เพื่อมางานปาร์ตี้นี้โดยเฉพาะ

แต่หลังจากที่ใส่ได้แค่ครั้งเดียวก็ยับยู่ยี่

“เละเทะมาก”

“ซื้อใหม่ก็ได้นี่นา”

แทนที่จะตอบ ฮาจุนกลับวางผ้าห่มไว้บนโต๊ะ ผิวขาวนวลราวกับเครื่องเคลือบดินเผา ร่างเปลือยที่ผอมเพรียวแต่ถูกถักทอขึ้นมาอย่างแข็งแรงด้วยสัดส่วนที่ดีเผยออกมาในทันทีและถูกห่อหุ้มด้วยสีมืดสนิทของท้องฟ้ายามค่ำคืน

เป็นท่าทางที่ถ้ามองแว่บๆ ก็น่าที่จะเชื่อได้ ถ้าหากบอกว่าเป็นประติมากรรมตกแต่งในเรือนกระจก มูคยอมนั่งลงบนโซฟาแล้วจ้องมองคนรักอย่างเงียบๆ

ฮาจุนมองไปรอบๆ ประมาณหนึ่งหรือสองครั้งเหมือนกับว่ากังวลเรื่องผนังกระจก เหมือนกับว่ากำลังติดสินใจที่จะทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วแล้วจึงรีบแต่งตัวเพื่อออกไป

บางครั้งมูคยอมก็รู้สึกประหลาดใจกับการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันแบบนี้ของฮาจุน การเคลื่อนไหวเป็นไปอย่างรวดเร็วและไม่มีอะไรจุกจิกราวกับจะแสดงให้เห็นถึงความลำเค็ญในอดีต อีกฝ่ายที่หลับเยอะในยามเช้านั้นไม่มีเลยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะอืดอาดอยู่ในผ้าห่ม และมันดูเป็นท่าทางที่ตื่นมาตั้งแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวันใหม่อย่างรวดเร็ว

มันเป็นเพียงแค่นิสัยสบายๆ ของฮาจุนที่ให้ความสำคัญกับสิ่งที่ใช้ได้จริงอย่างเรียบง่าย นี่อาจจะเป็นภาพหลอนของเขา แต่ทุกครั้งที่มูคยอมพบร่องรอยเล็กๆ เช่นนี้ เขาก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมาบ้างและรู้สึกหวงแหนชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้มากขึ้นไปอีก

ฮาจุนที่แต่งตัวเรียบร้อยมองไปรอบๆ ตัวของตนเองพร้อมกับถือเนคไทไว้ในมือ

“พอใส่แล้วก็เลยดูไม่ค่อยยับเท่าไร”

“อย่างไรก็จะไปโรงแรมอยู่แล้ว แค่ใส่ปิดร่างกายได้ก็พอแล้ว”

มูคยอมเดินไปหาอีกฝ่ายแล้วตบที่บั้นท้ายหนึ่งครั้ง

“ไม่ได้ใส่กางเกงในใช่ไหม ยั่วมาก”

“…ก็มันเปียกหมดแล้วคงใส่ไม่ได้หรอก…”

มูคยอมเปิดประตูเรือนกระจกพร้อมคล้องแขนไว้บนไหล่ของฮาจุนที่พูดอ้อแอ้ ภายในเรือนกระจกนั้นค่อนข้างสดชื่น แต่เมื่อออกมา อากาศยามค่ำคืนที่มีชีวิตชีวาของสวนฤดูร้อนก็ปกคลุมคนทั้งคู่ ฮาจุนสูดหายใจลึก

ในระหว่างที่ฮาจุนกำลังจ้องมองท้องฟ้ายามค่ำคืนและสูดลมหายใจ มูคยอมที่ได้กลิ่นหญ้าด้วยก็เอ่ยถามขึ้นมา

“จำอะไรไม่ได้สักอย่างเลยเหรอ”

“อืม…”

ฮาจุนหรี่ตาลง นึกถึงเสียงประทัดที่ดังปังที่หูอย่างรางๆ ขึ้นมาได้ ราวกับว่ามีสีสันลวดลายหลากสีและประกายระยิบระยับอย่างเลือนรางอยู่ตรงหน้า ถ้าพยายามอีกหน่อยคงจะคิดออก… ขณะที่ขุดลึกลงไปในความทรงจำ ฉากที่แตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก็แวบเข้ามาในหัวราวกับชิ้นส่วนจิ๊กซอว์

ฮาจุนกดชัตเตอร์ในหัวของตนเอง ท่ามกลางความสุขที่แทรกเข้ามาอย่างฉับพลัน หนึ่งในนั้นเป็นตอนที่มูคยอมจับมือฮาจุนไว้ตอนที่กำลังร้องไห้

…ถ้าเป็นเรื่องที่จบแบบไม่มีปัญหาอะไร มีความจำเป็นอะไรที่ต้องจำให้ได้ไหม

“เออนี่ ฉันกังวลว่าข่าวลือเรื่องความสัมพันธ์ของนายกับฉันจะแพร่ออกไปแปลกๆ ในสถานที่จัดงานปาร์ตี้ ไม่ต้องไปแก้ข่าวเหรอ” ฮาจุนเปลี่ยนเรื่อง

“ปกติแล้วในที่แบบนี้ก็มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริงแหละ มันเป็นแหล่งซุบซิบนายไม่ต้องไปสนใจหรอก”

“ถึงอย่างนั้นก็เถอะ”

“งั้นก็ต้องไปแก้ข่าวสิ อีฮาจุนไม่ใช่คู่นอนของคิมมูคยอม แต่เป็นแฟนต่างหาก”

ฮาจุนมองมูคยอมอย่างกังวล

“ไม่ได้พูดจริงใช่ไหม มันต่างจากตอนที่บอกกับครอบครัวเลยนะ”

“ถึงจะไม่ใช่ตอนนี้ แต่สักวันมันก็ต้องถูกเปิดเผยไม่ใช่เหรอ”

จากนั้นมูคยอมก็หัวเราะเบาๆ

“เริ่มจากข่าวลือเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่แย่นะ”

อย่างไรก็ตาม มันก็เป็นเรื่องของอนาคต มันไม่ใช่ปัญหาที่พวกเขาต้องมาถกเถียงกันที่นี่ ทั้งสองเดินไปตามทางเดินในสวนอันเงียบสงบรับสายลมยามค่ำคืน เมื่อเข้าใกล้คฤหาสน์มากขึ้น เสียงหัวเราะของผู้คนและเสียงเพลงก็ดังขึ้นเรื่อยๆ

แทนที่ทั้งคู่จะกลับไปยังคฤหาสน์สุดหรูที่จัดปาร์ตี้กัน พวกเขากลับตรงไปที่ลานจอดรถทันที ฮาจุนรู้สึกกังวลขึ้นมาในขณะที่ขึ้นรถที่พวกเขาฝากทิ้งไว้

“เป็นเพราะฉันนายเลยไม่ได้คุยกับคนที่นายต้องมาพบเหรอ”

“แค่ไปให้เห็นหน้าก็พอแล้ว ไว้ค่อยคุยรายละเอียดยิบย่อยทีหลังก็ได้

นายไม่เสียดายเหรอ ถ้าอยากกลับไปอีก ตอนนี้ก็กลับไปได้นะ”

“ไม่หรอก… ชุดก็เละเทะ และตอนนี้ฉันอยากกลับไปพักผ่อนกับนาย”

คฤหาสน์ที่สว่างไสวด้วยแสงสีทองในความมืดนั้นเหมือนกับปราสาทในสวนสนุกที่เปิดในเวลากลางคืน มูคยอมใช้สายตาไล่มองตามคฤหาสน์ที่สะท้อนอยู่ในกระจกข้างเหลือบมองดูภาพลักษณ์ด้านข้างของฮาจุนพลางกัดริมฝีปากด้านในแล้วกลั้นหัวเราะไว้

บอกว่าจำไม่ได้อย่างนั้นเหรอ มูคยอมทั้งรู้สึกโล่งอกและเสียดายไปในเวลาเดียวกัน ท่าทางที่คุยกันระหว่างมีเซ็กส์ซึ่งต่างไปจากตอนปกติน่ารักมากจริงๆ ผนังกระจกของเรือนกระจกเปียกก็เป็นภาพงดงามเช่นกัน ถ้าหากจำได้คงต้องโดนล้อเป็นร้อยรอบแน่ๆ แล้วมูคยอมก็คงอาจจะต้องโดนตีหลังเป็นร้อยรอบด้วยก็เป็นได้

มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะอธิบายว่าทำอะไรลงไปบ้าง ถ้าอ่านมันออกมาเหมือนนิยายโป๊ ฮาจุนก็คงจะเขินอายและใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อสินะ

มันต้องน่ารักมากพอๆ กับที่เขาตั้งใจจะพูดมันออกมา แต่ในครั้งนี้มูคยอมตัดสินใจที่จะอดทนเอาไว้ อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่ามันดีเพราะอีฮาจุนเสพยา

มันคงจะเกินไปหน่อยหากไปล้ออีกฝ่ายในเรื่องแบบนั้น

เมื่อไรก็ไม่รู้ที่เขาคลายมุมปากที่กลั้นไว้แล้วหัวเราะคิกคักออกมา

“นายหัวเราะทำไม” ฮาจุนหันหน้ามาถาม

“เพราะว่าเจ้าลูกวัวน้อยน่ารักมากน่ะสิ”

“ปุบปับเลยเนี่ยนะ”

เขามองด้านข้างของคนรักที่หัวเราะด้วยกันราวกับว่ามันไร้สาระ และมูคยอมก็หักพวงมาลัยอย่างนุ่มนวล แต่ถึงอย่างนั้นความโล่งอกที่ไม่มีปัญหาใหญ่ๆ อะไรเกิดขึ้นเมื่อสิ้นสุดการพักร้อนครั้งแรกนั้นก็โถมเข้ามาอย่างช้าๆ

เมื่อกลับมาที่ลอนดอน เขาต้องยุ่งวุ่นวายอยู่กับการเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลหน้าแล้ว การหนีออกจากชีวิตประจำวันอย่างสั้นๆ นั้นก็ได้สิ้นสุดลงตรงนี้เอง

เด็กเลี้ยงแกะ

แม้ว่าความเหนื่อยล้าที่ฟุตบอลโลกทิ้งไว้ให้กับนักเตะจะยังคงอยู่ อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวสำหรับฤดูกาลใหม่ของกรีนฟอร์ดก็ได้ดำเนินการอย่างค่อยเป็นค่อยไป

นักเตะที่กลับมาจากการพักร้อนกำลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยและถามถึงสารทุกข์สุกดิบในระหว่างเวลาที่ผ่านมา และได้แสดงความยินดีกับการย้ายเข้ามาทีมใหม่และกล่าวคำอำลากับผู้ที่ย้ายไปทีมอื่น ในบรรดาคนที่ย้ายไปทีมอื่นนั้นมี

นักเตะที่สนิทสนมกับมูคยอม และมูคยอมก็เศร้าอยู่สองสามวันเลยทีเดียว

ชีวิตของฮาจุนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ฮาจุนออกจากสถาบันภาษาที่เขาไปเรียนภาษาอังกฤษที่นั่น และลงทะเบียนในสถาบันการศึกษาเพื่อฝึกอบรมความเป็นผู้นำอย่างมืออาชีพแทน เนื่องจากเป็นสถาบันที่มีความสัมพันธ์กับทีม ดังนั้นการลงทะเบียนจึงเป็นไปได้ไม่ยาก เพราะฮาจุนได้รับการยอมรับจากประสบการณ์การทำงานในช่วงนั้น มันอาจจะยุ่งนิดหน่อยเมื่อต้องเรียนเพิ่มขึ้น แต่มันก็เป็นขั้นตอนที่เขาจำเป็นต้องผ่านอยู่ดี

“จุน ได้ยินว่าจบฤดูกาลนี้แล้ว นายจะได้เป็นโค้ชอย่างเป็นทางการเหรอ”

“ไม่รู้สิ คงต้องรอดูก่อน”

“แน่นอนว่าต้องได้เป็นสิ ตอนนี้ถ้าไม่มีนายเนี่ยไม่ได้เลยนะ แรงตกเลย”

นักเตะที่ยืดเส้นยืดสายกับฮาจุนส่งกำลังใจและยื่นหมัดออกมาให้ ฮาจุนเองก็หัวเราะและเหวี่ยงหมัดเข้าไปเบาๆ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์ของกรีนฟอร์ดหรือเป็นเรื่องปกติในลีกอังกฤษ หรือไม่ก็เป็นความสนิทสนมของเอสกับ ‘ผู้สนับสนุน’ แต่อย่างไรก็นับว่าทีมได้ให้โอกาสอันยิ่งใหญ่กับโค้ชฝึกหัด ไม่เพียงแค่ระหว่างการฝึกซ้อมสอนเท่านั้น แต่ทั้งก่อนการประชุมและหลังการประชุม ฮาจุนก็ได้เข้าร่วมและแสดงความคิดเห็นเสมอ แฮร์รี่และสต๊าฟโค้ชคนอื่นๆ ก็ไม่ได้พยายามที่จะมองข้ามความคิดเห็นของเขาด้วย

เหตุผลที่นักเตะคนที่เพิ่งยืดกล้ามเนื้อกับฮาจุนถึงได้เป็นมิตรมากนั้น ก็เป็นเพราะข้อเสนอของฮาจุนที่ให้เปลี่ยนโปรแกรมการฝึกซ้อม อีกฝ่ายเป็นนักเตะที่ฝึกยกน้ำหนักเป็นหลัก เพราะต้องเสริมกำลังด้านการเตะ แต่ในมุมมองของฮาจุน

อีกฝ่ายเป็นนักเตะที่มีมวลกล้ามเนื้อและความแข็งแรงเพียงพอแล้ว

แต่เมื่อถึงเวลาที่สำคัญๆ กลับไม่สามารถแสดงพลังที่มีออกมาจนหมดได้ เพราะว่ายังขาดการฝึกฝนความสมดุล หลังจากที่ได้พูดคุยและส่งวิดีโอไปให้แชฮุนแล้ว เขาก็ได้ออกความคิดเห็นในการแก้ไขโปรแกรมในที่ประชุม ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ได้เห็นผลช้าเกินไป เพราะอย่างนั้น จำนวนนักเตะที่ชื่นชอบฮาจุนจึงเพิ่มขึ้นมาอีกคน

ทุกอย่างราบรื่นราวกับแล่นเรือใบในสายลมอ่อนๆ หลังจากที่เริ่มฤดูกาล

กรีนฟอร์ดก็เริ่มต้นได้ดีด้วยคะแนน 1 ต่อ 0 ในการแข่งขันนัดแรก พวกเขาเสมอกันในนัดที่สองและชนะการแข่งขันนัดที่สามด้วยคะแนน 2-0 ในสามเกมนั้นมูคยอมทำคะแนนได้สองประตูและเป็นการเริ่มต้นที่ไม่เลว

มีตัวแปรเกิดขึ้นในนัดที่สี่ ใบแดงใบแรกออกมาค่อนข้างเร็วจากกรีนฟอร์ด

มันไม่ใช่การสะสมการเตือน แต่มันคือการไล่ออกทันทีเมื่อผู้ตัดสินดึงใบแดงออกมา

“วิ่งต่อไป! เลี้ยงบอลไปจนสุด อย่าส่งบอลต่อ!”

เสียงตะโกนของผู้จัดการทีมพร้อมกับ บรรดานักเตะก็วิ่งบนสนามอย่างวุ่นวาย ด้วยความปรารถนาที่จะเก็บสถิติที่ไม่เคยแพ้ให้กับทีมใด กรีนฟอร์ดจึงสร้างบรรยากาศที่ดุเดือดตั้งแต่ช่วงแรกของการแข่งขัน

ครึ่งแรกผ่านไปแล้ว 40 นาที คะแนนยังคงอยู่ที่ 0-0 เพื่อที่จะได้ชัยชนะต่อไปนั้น มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องบุกทำประตูให้ได้เพื่อขึ้นนำก่อน ความตึงเครียดไม่ได้คลี่คลายลงง่ายๆ จนกระทั่งจบครึ่งแรก ทั้งสองทีมไม่สามารถรักษาระดับเอาไว้ได้ เพราะพวกเขารีบร้อนและไม่ได้อบอุ่นร่างกายอย่างเหมาะสม และการส่งบอลก็ถูกชิงไปอยู่เรื่อย นักเตะไม่สามารถวิ่งได้อย่างดีๆ เลย พวกเขาต้องวิ่งอย่างฉวัดเฉวียนไปมา

‘ถ้าเป็นแบบนี้อีกสักหน่อย คงจะหมดแรง’

ฮาจุนที่นั่งอยู่บนม้านั่งนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อยและจดจ่ออยู่กับการแข่งขัน

อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาหนึ่งในการแข่งขันที่ดูเหมือนจะแน่นขนัด เกิดการส่งบอลพลาดข้ามไปยังกรีนฟอร์ด และกองกลางทางด้านซ้ายก็วิ่งไล่ตามลูกบอลจนเข้าใกล้เส้นข้างสนามฟุตบอล ขณะที่วิ่งไปพลางกันนักเตะของทีมตรงข้ามที่วิ่งไล่ตามติดอย่างยากลำบากนั้น นักเตะคนนั้นก็เตะลูกบอลไปตรงกลางเมื่อมันยากที่จะต้านทานไหว

นักเตะที่วิ่งตามอีกฝ่ายเข้าไปรับลูกบอลทันที คนนั้นก็คือคิมมูคยอมนั่นเอง บรรดาผู้เล่นฝ่ายตรงข้ามที่ยังไม่ทันได้สกัดการส่งบอลเข้าไปขวางทางด้านหน้ามูคยอมทันทีราวกับฟ้าแลบ

เสียงเชียร์ของผู้ชมปกคลุมทั่วทั้งสนามแข่งขัน มูคยอมเลี้ยงบอลและแสร้งทำเป็นวิ่งต่อไป เมื่อแนวรับหวั่นไหว อีกฝ่ายก็ส่งบอลลอดผ่านคนตั้งรับสองคนที่ยืนขวางอยู่ข้างหน้า เมื่อเห็นชายหนุ่มที่สูงกว่า 190 เซนติเมตรแหวกแนวป้องกันอย่างพริ้วไหวราวกับสายน้ำ นั่นจึงทำให้ทุกคนในสนามแข่งขันรู้สึกตื่นเต้น

มันเป็นโอกาสทำประตู ถึงแม้ระยะห่างจะค่อยข้างไกลนิดหน่อย แต่ก็สามารถที่จะทำประตูได้ ฮาจุนที่มีสมาธิจดจ่อมากกำหมัดแน่นและไม่กะพริบตาเลยแม้แต่ครั้งเดียว ตอนนั้นมันเป็นตอนที่เขารอประตูที่กำลังจะระเบิดในไม่ช้า

โห่ๆๆๆ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+