Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 174

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 174 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อีฮาจุนเกิดมาพร้อมกับความยั่วยวนที่มีติดตัวจริงๆ ในขณะที่บอกว่าเซ็กส์กับเขาเป็นเซ็กส์ครั้งแรก อีฮาจุนก็ทำให้เขาเชื่อผิดๆ อย่างสนิทใจเลยว่านั่นเป็นครั้งที่สองที่ฮาจุนได้มีอะไรตรงช่องทางด้านหลัง ใครจะจินตนาการออกกันว่า นี่เป็นร่างกายที่มีอารมณ์คล้อยตามไปเมื่อได้รองรับแกนกายที่สอดใส่ในช่องทาง มูคยอมขบเคี้ยวริมฝีปากสีแดงก่ำของฮาจุน พลางพูดหยอกขึ้น

“ลองมาคิดดูก็น่าเสียดายแทนโค้ชของฉันเหมือนกันนะ”

“เสียดายอะไรเหรอ…”

“ทั้งๆ ที่มีของดีไม่น้อยหน้าใครติดตัวแท้ๆ แต่ยังไม่เคยได้ไปใช้เสียบใครเลยสักครั้ง นายไม่เคยอยากลองใช้มันบ้างเหรอ”

ทันทีที่มูคยอมถามเช่นนั้น ฮาจุนก็ยิ้มบางๆ ราวกับว่ากำลังขวยเขิน ก่อนจะลังเลแล้วเปิดปากพูดขึ้น

“เอาจริงๆ… ฉันก็เคยคิดอะไรแบบนั้นนะ”

“…เคยคิดด้วยเหรอ”

“ก็… ทุกครั้งที่เราทำกัน ฉันดูมีความสุขมากกว่านายเยอะเลย… อืม… แล้วก็เสร็จบ่อยกว่าด้วย ดูเหมือนว่าฉันจะกลั้นไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่… อืม น่าจะเพราะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนด้วย ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ… แต่คนที่เป็นฝ่ายรับน่าจะรู้สึกดีมากกว่าหรือเปล่า”

ระหว่างที่พูดวกไปวนมาฮาจุนก็กำลังถูกลูบไล้ไปตามเนื้อตัว จากนั้นฮาจุนก็หลับตาลงแล้วลืมขึ้นอีกครั้งราวกับว่าตัดสินใจครั้งใหญ่ได้ แววตาดำขลับที่แข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อยจ้องตรงไปยังมูคยอม

“คิมมูคยอม ถ้านายต้องการฉันก็จะพยายามลองทำดู ถึงจะไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดีเหมือนนายก็เถอะ…”

ไม่ทันได้เปิดเผยการตัดสินใจที่เคร่งเครียดได้จนจบ หัวไหล่และหน้าท้องของมูคยอมก็ขยับขึ้นลง เสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่พยายามกลั้นไว้ในทีแรกไม่สามารถกลั้นต่อไปได้ และสุดท้ายมูคยอมก็หัวเราะเสียงดังลั่นออกมา

มูคยอมกอดฮาจุนที่ทำหน้าตาเหรอหราเหมือนกับไม่รู้ถึงสาเหตุที่มูคยอมหัวเราะ เขาหัวเราะแบบนั้นอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเอนตัวไปด้านหลัง เมื่อเช็ดน้ำหูน้ำตาที่ไหลออกจนเกือบหมด มูคยอมก็สงบสติอารมณ์ลง

“ฉันรู้สึกขอบคุณมากนะ ฮ่าๆ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า”

“ที่ถามไม่ใช่เพราะว่านายอยากลองเหรอ”

“ไม่สิ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ถ้าฮาจุนต้องการฉันเองก็จะลองพยายามดูเหมือนกัน แต่ฉันจะโอเคกว่านะ ถ้านายไม่ต้องการมัน”

มูคยอมหยุดเสียงหัวเราะลงและกอดฮาจุนแน่น ความรู้สึกที่พุ่งสูงเป็นตัวจุดความเร็วให้กับมือที่กำลังลูบไล้ มูคยอมใช้สองมือบีบขย้ำเนื้อก้นของฮาจุน พลางคิดว่าหากเขาเสือกไสตัวตน กระทั้นเข้าไปยังช่องว่างระหว่างก้นที่ทั้งนุ่มเหมือนกับดินปั้นสีขาวและเด้งสูมือเหมือนกับยางเหนียวๆ ไข้น้อยๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่จะต้องหายเป็นปลิดทิ้งแน่

เมื่อใช้นิ้วเขี่ยไปยังช่องทางด้านหลังที่ไวต่ออารมณ์เพราะเพิ่งเสร็จสมไปไม่นาน เสียงครางหวานหูราวกับน้ำผึ้งก็ดังขึ้นให้ได้ยิน ในตอนนี้ความพึงพอใจของเราทั้งสองต่างก็ลงตัวดีมากแล้ว ดังนั้น ‘ความพยายาม’ ที่ไม่จำเป็นนั่นจึงไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการเลยสักนิด เพราะฮาจุนน่ะอ่อนไหวกับทุกร่องรูบนร่างกายเลยไงล่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซ็กส์หรือเรื่องการทำอาหาร คนเราต่างก็มีสิ่งที่ถนัดเป็นของตัวเอง ดังนั้นแค่ให้แต่ละคนรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ดีเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

“คิมมูคยอม ทำไมเหมือนนายกลับมาตัวร้อนกว่าเดิม…”

ต่างกับมูคยอมที่กำลังเพลิดเพลิน ฮาจุนที่ก่อนหน้านี้ถูกดึงให้ดื่มด่ำอยู่กับการจูบและเนื้อตัวที่แนบชิด กลับค่อยๆ เผยสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมา

เขารีบยืดตัวตรงขึ้นแล้วแตะมือลงบนหน้าผากของมูคยอม ใบหน้าที่ยังคงสีแดงระเรื่อจางๆ เพราะความต้องการทางกามารมณ์ยังคงไม่หมดไปนั้นบูดบึ้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ไม่สิ นี่ตัวร้อนกว่าเดิมอีก ดูสิ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำ”

“ที่อกฉันร้อนขึ้นมาแบบนี้ไม่ใช้เพราะพิษไข้ แต่เพราะความรักต่างหาก”

“อยากจะบ้าตาย ฉันนี่มันโง่จริงๆ ที่หลงกลนาย”

“ฉันอยากใส่เข้าไปในรูนายจัง”

“ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด ครั้งนี้ไม่ว่านายจะทำอะไร หรือพูดคำไหน ฉันก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”

มูคยอมถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย ทว่าคำที่บอกว่าตัวของเขาร้อนมากกว่าเดิมนั่นดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง เมื่อเขารู้สึกได้ถึงอาการวิงเวียนศีรษะแม้จะเอนตัวนอนอยู่บนเตียงก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถดันตัวลุกออกจากเตียงได้เหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่รู้เพราะฤทธิ์ของยาที่เริ่มทำงานหรือเปล่า สติของมูคยอมถึงได้ค่อยๆ ริบหรี่ลง

แม้ความต้องการที่อยากเล่นต่อจะเปี่ยมล้นสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะสติที่เริ่มเลือนรางได้ จนแรงของเขาค่อยๆ หายไปเหมือนกับเด็กที่ใกล้จะผล็อยหลับ ไม่ทันได้รู้ตัวฮาจุนก็ไปเอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตัวที่ชุ่มเหงื่อของมูคยอม คนป่วยจับมือขาวที่กำลังสวมชุดคลุมตัวใหม่ให้ และงอแงขึ้นมา

“เข้าใจแล้ว วันนี้ฉันจะอดทน แต่คราวหน้านายต้องฟังคำขอจากฉันหนึ่งข้อนะ”

“สติ๊กเกอร์สักดวงก็ยังไม่ได้… แล้วจะให้ฉันฟังคำขอเพราะอดทนไม่มีเซ็กส์ครึ่งเดียวเนี่ยนะ”

“ก็ฉันป่วย ถือเป็นค่าปลอบขวัญไง”

ฮาจุนเปิดปากออกราวกับว่าต้องการจะพูดบางอย่าง ก่อนจะปิดปากฉับลงไปอีกครั้งราวกับตัดสินใจที่จะไม่พูดออกมา จากนั้นฮาจุนก็วาดยิ้มที่แสนอ่อนโยนและใจดีขึ้นเหมือนเมื่อตอนก่อนที่จะทำซุปมันฝรั่ง และถามขึ้น

“คำขอเหรอ นายจะขออะไรล่ะ”

“ฉันจะเริ่มคิดตอนนี้แหละ”

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็หยุดคิดเรื่องอื่นซะ แล้วก็นอนลงไป เป็นเด็กดีหน่อย”

“ห้ามไปไหนนะ นายต้องนอนกับฉัน”

“รู้แล้ว ฉันขอไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวมา”

ฮาจุนที่ยังไม่ได้จัดการเช็ดช่วงล่างของตัวเองให้ดีเพราะมัวแต่เช็ดร่างกายของมูคยอมที่กลับมาร้อนขึ้นอีกครั้ง ขยับรอยแยกหน้าเสื้อคลุมใต้ลิ้นปี่ให้ปิดเรียบร้อยดี เมื่อเห็นฮาจุนหันหลังและเดินห่างออกไปมูคยอมก็พยายามที่จะกระพริบตา เพราะกลัวว่าตัวเองจะผล็อยหลับไปก่อนที่ฮาจุนจะกลับมาถึงเตียง และพยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นนั่ง

10 นาทีให้หลังฮาจุนก็กลับมา พร้อมเส้นผมที่ยังคงเปียกชื้น ฮาจุนก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ คนบนเตียงโดยไม่สนใจผมที่เพิ่งแห้งไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มูคยอมฝังจมูกลงบนกลุ่มผมดำของฮาจุน หลังจากที่ไปอาบน้ำมาตอนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าของฮาจุนมีกลิ่นของสบู่และยาสระผมแบบเดียวกับเขา ช่างเป็นอะไรที่น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ

ทั้งสองนอนก่ายเกี่ยวกันเป็นก้อนกลม มูคยอมยกมือขึ้นลูบหัวของฮาจุนช้าๆ ฮาจุนเองก็ตบหลังของมูคยอมอย่างอ่อนโยนโดยไม่พูดอะไรราวกับว่าตั้งใจจะกล่อมให้นอน แต่จู่ๆ ฮาจุนก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ว่าแต่ที่นายพูดก่อนหน้านี้ว่าฉันเป็นผลงานที่หลายคนสร้างขึ้นมา… มันหมายความว่ายังไงเหรอ”

“ก็อย่างที่พูดไป ทั้งคุณแม่ มินคยอง ฮาคยอง ยุนแชฮุน อิมจองคยู คนที่ชอบนายมีเยอะแยะเลย ขนาดนับเอาแค่คนที่ฉันรู้จักนะ คนที่นายทำดีด้วยก็เยอะเหมือนกัน นายคิดว่าการสร้างอีฮาจุนในตอนนี้ขึ้นมาได้ จะใช้คนแค่คนสองคนหรือไง บอกเลยว่าใช้เยอะจนนับไม่ถ้วนเลย่ะ เยอะถึงขนาดที่ว่าเอามาทำเป็นบัญชีรายชื่อผู้สร้างได้เลยนะ”

“นายก็เหมือนกันนั่นแหละ มีทั้งผู้จัดการทีมพัค ทั้งจองคยูที่สนิทด้วย ไหนจะคนในกรีนฟอร์ดอีก”

“ที่นายพูดก็ถูก แต่ไม่รู้สิ… การจะพูดว่าคิมมูคยอมเป็นคนเดียวที่สร้างนายขึ้นมาหลังจากที่ได้มาเจอนาย ก็น่าจะเป็นอะไรที่ฟังดูไม่โอเคเท่าไหร่ไหม เพราะก่อนหน้านี้คนอื่นๆ ต่างก็ช่วยมัดรวมโครงร่างของตัวนายเข้าด้วยกันไว้ให้แล้ว”

มูคยอมหยุดคิดสักพัก แล้วพยักหน้าออกมา

“ตอนที่ได้มาเจอฉันในตอนนั้นอีฮาจุนสมบูรณ์แบบแล้ว แต่คิมมูคยอมน่ะ ได้อีฮาจุนช่วยขัดเกลาเยอะเลย ลองคิดดูสิ นายเป็นคนที่ช่วยชีวิตฉัน แล้วก็สร้างฉันขึ้นมาด้วย”

“…”

“หากเราเป็นต้นไม้ที่ต้องให้คนมารดน้ำให้ถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ สำหรับคิมมูคยอมแค่ได้อีฮาจุนคนเดียวมารดน้ำให้ ฉันก็สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว แต่สำหรับนายมันไม่ใช่ ทั้งคุณแม่ น้องๆ และเพื่อนๆ ต่างก็ต้องรดน้ำให้นาย เพราะนายใช้ชีวิตแบบนั้นมาตลอด มาจนถึงตอนนี้นายไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้หรอก ที่ฉันคิดก็ประมาณนี้แหละ”

ฮาจุนที่ฟังอยู่นิ่งๆ ออกแรงกระชับวงแขนที่พาดวางอยู่บนหลังมูคยอม แม้จะเป็นแรงที่บางเบา แต่มูคยอมก็รู้สึกถึงแรงกอดรัดจากฮาจุนได้ในทันที และกอดกลับไปด้วยแรงที่มากกว่า เขาประทับริมฝีปากลงบนกลุ่มผมนุ่มและหน้าผากที่อยู่ติดกัน ฮาจุนที่เงียบอยู่ในตอนแรกค่อยๆ เปิดปากขึ้น

“ก็ถูกนะ… ที่นายบอกว่าคนอื่นๆ สร้างฉันขึ้นมา”

“อื้อ”

“แต่ในนั้นก็มีนายอยู่ด้วย ท่ามกลางคนที่สร้างอีฮาจุนในตอนนี้มีคิมมูคยอมรวมอยู่ด้วยนะ”

“…”

“นายเป็นคนที่สำคัญสำหรับฉันก่อนที่นายจะรู้จักฉันอีก… ถ้าไม่มีคิมมูคยอมก็คงไม่มีฉันในตอนนี้หรอก”

ฮาจุนมั่นใจว่าไม่ใช่แค่เขา แต่ผู้คนที่เขาไม่รู้จักอีกมากมายก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ ตัวน้อยที่ตอนนี้กำลังวิ่งอยู่บนสนามหญ้าและใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักฟุตบอล ผู้คนที่จดจ่ออยู่หน้าจอรอดูการแข่งขันซึ่งจัดในประเทศอันไกลโพ้นทุกค่ำคืน แม้วันรุ่งขึ้นจะต้องตื่นเช้าเพื่อไปใช้ชีวิตในวันอันแสนเหน็ดเหนื่อย หรือแม้กระทั่งเหล่าผู้ชมจำนวนนับไม่ถ้วนที่มาส่งเสียงเชียร์ในการแข่งขันเวิลด์คัพครั้งที่ผ่านมา

ผู้คนที่เหนื่อยเกินทนกับชีวิตในแต่ละวัน จนรู้สึกว่าการจดจำแสงสีแห่งความฝันหรือความหวังเป็นเรื่องยาก ผู้คนที่รักและปรารถนาถึงความสำเร็จและเกียรติยศของผู้อื่น แม้ในความเป็นจริงจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ เกี่ยวข้องกันเลยก็ตาม ผู้คนที่ช่วยเติมแต่งแสงดวงน้อยในวันนี้ด้วยพลังนั้น

อีฮาจุนโชคดีกว่าใครอื่นที่คล้ายๆ กัน เขาสามารถลงเล่นในสนามเดียวกับคนที่ฝันถึง ทั้งยังได้เฝ้ามองคนคนนั้นกับตาตัวเองเลยด้วย หากการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะกลายเป็นผลลัพธ์มากมายอะไรได้กลายเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่ให้กับใครสักคน แน่นอนว่าคิมมูคยอมก็เป็นผู้มีพระคุณของอีฮาจุน มูคยอมคือคนที่เขาอยากจะมอบคำขอบคุณให้อย่างไม่สิ้นสุด

เพียงแค่คำว่าหน้าที่หรือความรับผิดชอบไม่สามารถทำให้เราอดทนใช้ชีวิตที่ยากลำบากได้ หากในวันวานที่แสนเหนื่อยล้านั้นเขาไม่สามารถที่จะรักคิมมูคยอมได้ ฮาจุนคงไม่สามารถตอบได้อย่างมั่นใจ หากถูกถามว่ามีอะไรเป็นแรงผลักดันให้มาถึงจุดนี้

“บางครั้งฉันก็สงสัยอยู่นะ… ว่าฉันคู่ควรที่จะครอบครองนายไว้เพียงคนเดียวไหม”

“…ทำไมล่ะ”

“ถ้าคนอื่นๆ เป็นบัวรดน้ำ นายก็คือหยาดฝน บนโลกใบนี้มีคนมากมายที่ต้องการนาย ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าคิมมูคยอมควรจะเป็นของทุกคน”

วันที่มูคยอมย้ายเข้ามาสังกัดในกรีนฟอร์ดเป็นครั้งแรก และสามารถทำประตูได้ในชั่วพริบตานั้น มีนักข่าวชาวอังกฤษคนหนึ่งได้อธิบายเอาไว้ว่ามูคยอม ‘เหมือนกับฝนห่าใหญ่’ คำบรรยายนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในหัวของฮาจุนมาจนถึงทุกวันนี้

มูคยอมไม่พูดอะไร และมือที่ลูบผมมของฮาจุนอยู่ก็หยุดชะงักลง ฮาจุนเหลือบตาขึ้นมองมูคยอม พลางคิดว่าอีกคนหลับไปแล้วหรือเปล่า

แต่มูคยอมไม่ได้หลับตาอยู่ และทำเพียงแค่จ้องมองฮาจุนที่นอนอยู่ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์แต่ก็ดูจริงจังอยู่เล็กน้อย เมื่อสบสายตากัน รอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมูคยอม เป็นรอยยิ้มที่เปรียบเหมือนกับเม็ดทรายที่ปลิวว่อนไปโดยไร้ความชื้น

“แปลกจัง ฉันคิดกลับกันเลยนะ”

“คิดกลับกันเหรอ”

“ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นของอีฮาจุนเพียงคนเดียว แต่อีฮาจุนน่ะ ไม่สามารถที่จะเป็นของฉันเพียงคนเดียวได้”

คำพูดนั้นทำเอาฮาจุนที่นอนอยู่ถึงกับยันตัวขึ้นมาครึ่งหนึ่ง กล้ามเนื้อระหว่างคิ้วเกร็งตัวขึ้นอัตโนมัติ ตามมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเด็ดขาด

“ไม่ใช่สิ”

“ไม่เหรอ”

“แน่นอนว่าคนที่ฉันชอบมีหลายคน คนพวกนั้นเองก็น่าจะชอบฉันด้วยเหมือนกัน… แต่ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อน เพียงคนเดียวที่จะสามารถพูดออกมาได้ว่าฉันเป็นของตัวเองคือคิมมูคยอมเท่านั้น ถ้าไม่ใช่นาย แล้วเกิดเป็นใครคนอื่นที่มาพูดว่าเป็นเจ้าของฉัน ถึงจะพูดเล่น แต่บอกเลยว่าฉันไม่อยู่เฉยแน่ ก็บอกไปแล้วไงว่าฉันเป็นของนาย”

“จริงเหรอ”

มูคยอมดึงฮาจุนที่เอนตัวขึ้นให้นอนลงไปเหมือนเดิม เขากักตัวฮาจุนเอาไว้ในอ้อมกอดที่แน่นขนัดและร้อนรุ่มเหมือนกับท่อนเหล็กลนไฟ เนื่องจากอาการไข้ที่ย้อนคืน

“ฉันเองก็เหมือนกัน คนที่ชอบฉันมีเยอะก็จริง แต่ฉันก็ไม่ใช่สมบัติของพวกเขาใช่ไหมล่ะ คนที่เป็นที่ต้องการและเป็นที่รักของผู้คนทั่วไปคือนักเตะคิมมูคยอม แต่คนที่มอบความรักให้กับมนุษย์ที่โง่เขลาที่ชื่อคิมมูคยอม มีแค่อีฮาจุนคนเดียว”

เพราะแบบนี้ไง ฉันเลยรู้จักนายดีที่สุดแล้ว

ฮาจุนคิดเช่นนั้น ก่อนจะหน้าแดงอยู่คนเดียว อัจฉริยะตั้งแต่เกิด นักกีฬาผู้เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ ผู้ที่เปรียบดั่งฝนห่าใหญ่ ผู้ที่เป็นดวงดาวของทุกคน

เขาคือคนที่ได้รู้ใบหน้าที่แท้จริงของคิมมูคยอมมากที่สุด แม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้ตามข่าวหรือเรื่องราวของมูคยอมแล้วเอามาตัดเก็บไว้เหมือนเมื่อก่อน

แต่ฮาจุนคิดว่าเขาได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของมูคยอมมากกว่าตอนนั้นเสียอีก

“ใช่… ฉันชอบนายที่สุดเลย”

ตอนนี้เขาสามารถพูดออกมาได้อย่างมั่นใจ คิมมูคยอมที่อีฮาจุนรักในตอนนี้ไม่ใช่ภาพลวงตาหรือคนในจินตนาการที่เขาเคยสร้างขึ้นเพื่อปลอบโยนตัวเองอีกต่อไป เขาอยู่ในฐานะคนรักที่ได้รับรู้ทุกสิ่งอย่าง ทั้งข้อดีข้อเสีย จุดแข็งจุดอ่อน ความลับที่ปิดบังเอาไว้ ความดำมือที่สุดที่มี ไปจนถึงความทุกข์ยากในชีวิต ทั้งยังร่วมประสบ และได้เฝ้ามองมา

รอคำตอบอยู่ครู่หนึ่ง มูคยอมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา คงเพราะไม่มีอะไรจะพูดอีก ฮาจุนจึงได้ยินเสียงสูดน้ำมูกเบาๆ ดังขึ้นเหนือหัว

วันนี้ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน หากไม่นับอาการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดของมูคยอม เราก็ไม่ได้ทะเลาะกัน และบรรยากาศก็ยังดีอีกด้วย บทสนทนาที่ได้แลกเปลี่ยนกันก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เรื่องราวน่าเศร้าเลยสักนิด แต่ที่ดวงตาของฮาจุนกลับคลอไปด้วยหยาดน้ำตา

ชัดเจนว่าฮาจุนทั้งได้รักและเป็นฝ่ายถูกรัก และความจริงนั้นสร้างความสุขให้เขาทุกนาทีทุกวินาทีแบบที่ไม่ต้องการอะไรเพิ่มอีก ทำไมพอได้รู้จักกันมากขึ้น น้ำตาของเขาถึงได้พาลไหลออกมาอยู่เรื่อยนะ

การคบกันแบบคนรักเป็นสิ่งน่าแปลกจริงๆ

* * *

นี่คือโชคชะตาของการเป็นคนดังที่จะต้องถูกเปิดเผยทุกความเคลื่อนไหวให้คนมากมายได้รู้กันทั่ว ข้อมูลข่าวเกินจริงที่บอกว่าคิมมูคยอมป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่หนัก จนต้องขาดซ้อมเป็นเวลา 2 วันถูกรายงานออกไปอย่างรวดเร็ว แบบไม่เปิดโอกาสให้ได้แก้ไข้ความจริงเลยด้วยซ้ำ

ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาแล้วประมาณหนึ่งสัปดาห์ มาจนถึงวันนี้วันที่มีการเปิดการแข่งขันใหม่ขึ้น ทุกครั้งที่มูคยอมได้ลูกฝั่งที่นั่งผู้ชมในสนามก็จะมีเสียงอึกทึกดังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพลงที่ใช้ร้องเพื่อข่มขวัญทีมฝั่งตรงข้ามที่เหมือนกับเพลงเชียร์ใหม่ที่ถูกแต่งขึ้นมาแบบปุบปับถูกร้องขึ้น

‘คิม คิม โรงพยาบาลไม่เหมาะกับนายหรอก อย่าป่วยนะ ห้ามป่วยนะ พวกเรารักนายมากกว่าที่นายคิดอีกนะ’

‘คิม คิม ครั้งนี้ไปสอยใครมาจนป่วยเลยใช่ไหม เปลี่ยนงานเป็นอีตัวดูไหม

ดูเหมือนนายจะใช้จู๋เก่งกว่าใช้เท้าอีกนะ’

ราวกับว่ากำลังตอบรับเพลงเชียร์ในท่อนที่ร้องว่าไม่เหมาะกับโรงพยาบาล สภาพร่างกายของมูคยอมในวันนี้ก็ดีแบบสุดๆ แม้เพลงที่ร้องขึ้นมาจะมีความหมายไปทางคุกคามทางเพศจะดังขึ้นจากเสียงร้องของแฟนคลับทีมฝั่งตรงข้าม ดวงตาของมูคยอมก็ไม่ได้กระพริบเลยสักครั้ง

มีเพียงฮาจุนที่มีรอยยับย่นขึ้นที่ระหว่างคิ้ว แม้จะเป็นเพลงที่ร้องขึ้นมาเพื่อข่มขวัญทีมฝั่งตรงข้าม แล้วถ้าเกิดเด็กๆ ที่มาดูการแข่งขันในสนามได้ยินเข้าล่ะ

แม้จะรู้อยู่แล้ว แต่ความคลั่งในการเชียร์ของแฟนบอลในอังกฤษก็มีให้เห็นทั้งในแฟนบอลของทีมเราและทีมฝั่งตรงข้าม ทั้งยังมีช่วงที่การเชียร์นั้นเกิดขึ้นอย่างรุนแรงด้วย

ทั้งผู้จัดการทีมและสตาฟต่างก็มองท่าทางที่มีชีวิตชีวาของมูคยอมกันอย่างพึงพอใจ และแฮร์รี่ก็หันมาโค้งหัวให้ฮาจุน

‘หลังได้พักไป 2 วัน ก็ดูเหมือนร่างกายจะแข็งแรงดีกว่าเดิมอีกนะ ฉันว่าต้องเป็นผลมาจากการที่มีโค้ชส่วนตัวแน่ๆ บอกเคล็ดลับกันหน่อยสิ’

‘ไม่มีเคล็ดลับอะไรหรอกครับ ผมแค่ให้เขาพักผ่อนเยอะๆ แค่นั้นเอง’

ฮาจุนโน้มตัวลงไปนั่งท้าวคาง เรียวนิ้วขาวที่วางทาบอยู่บนใบหน้าเคาะเบาๆ ลงบนแก้มตัวเอง แฮร์รี่มองฮาจุนที่อยู่ในท่าทางเช่นนั้นอย่างสนอกสนใจ ก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆ

‘แต่วันนี้ร่างกายนายดูไม่โอเคเลย ไม่ใช่ว่าติดไข้มากจากคิมนะ”

‘อะไรนะครับ… ไม่ใช่หรอกครับ เขาแค่เป็นไข้ธรรมดา แล้วหมอก็บอกด้วยว่าไม่ใช่โรคติดต่อ น่าจะเป็นเพราะว่าผมจดจ่อมากไปน่ะครับ’

‘ค่อยๆ ดูสิ อย่าให้โดนหิ้วออกไปนอกสนามอีกละ’

เมื่อแฮร์รี่แหย่ขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก ฮาจุนก็รีบลดมือที่ท้าวคางอยู่ลง หลังที่โค้งไปข้างหน้าเล็กน้อยในตอนแรก เปลี่ยนเป็นเอนพิงไปกับพนักม้านั่ง

ทั้งสองแลกเปลี่ยนบทสนทากันได้ไม่นาน การแข่งขันอันแสนดุเดือดก็ดำเนินขึ้นบนสนาม ลูกเตะมุมที่ถูกเตะจนลอยของจากฝั่งแซนเดอร์สเตดทีมคู่ต่อสู้ในวันนี้ ไม่ได้ตกเป็นของใคร และลอยข้ามไปมาจากการถูกโหม่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 174

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 174 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

อีฮาจุนเกิดมาพร้อมกับความยั่วยวนที่มีติดตัวจริงๆ ในขณะที่บอกว่าเซ็กส์กับเขาเป็นเซ็กส์ครั้งแรก อีฮาจุนก็ทำให้เขาเชื่อผิดๆ อย่างสนิทใจเลยว่านั่นเป็นครั้งที่สองที่ฮาจุนได้มีอะไรตรงช่องทางด้านหลัง ใครจะจินตนาการออกกันว่า นี่เป็นร่างกายที่มีอารมณ์คล้อยตามไปเมื่อได้รองรับแกนกายที่สอดใส่ในช่องทาง มูคยอมขบเคี้ยวริมฝีปากสีแดงก่ำของฮาจุน พลางพูดหยอกขึ้น

“ลองมาคิดดูก็น่าเสียดายแทนโค้ชของฉันเหมือนกันนะ”

“เสียดายอะไรเหรอ…”

“ทั้งๆ ที่มีของดีไม่น้อยหน้าใครติดตัวแท้ๆ แต่ยังไม่เคยได้ไปใช้เสียบใครเลยสักครั้ง นายไม่เคยอยากลองใช้มันบ้างเหรอ”

ทันทีที่มูคยอมถามเช่นนั้น ฮาจุนก็ยิ้มบางๆ ราวกับว่ากำลังขวยเขิน ก่อนจะลังเลแล้วเปิดปากพูดขึ้น

“เอาจริงๆ… ฉันก็เคยคิดอะไรแบบนั้นนะ”

“…เคยคิดด้วยเหรอ”

“ก็… ทุกครั้งที่เราทำกัน ฉันดูมีความสุขมากกว่านายเยอะเลย… อืม… แล้วก็เสร็จบ่อยกว่าด้วย ดูเหมือนว่าฉันจะกลั้นไม่ค่อยเก่งเท่าไหร่… อืม น่าจะเพราะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนด้วย ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ… แต่คนที่เป็นฝ่ายรับน่าจะรู้สึกดีมากกว่าหรือเปล่า”

ระหว่างที่พูดวกไปวนมาฮาจุนก็กำลังถูกลูบไล้ไปตามเนื้อตัว จากนั้นฮาจุนก็หลับตาลงแล้วลืมขึ้นอีกครั้งราวกับว่าตัดสินใจครั้งใหญ่ได้ แววตาดำขลับที่แข็งกร้าวขึ้นเล็กน้อยจ้องตรงไปยังมูคยอม

“คิมมูคยอม ถ้านายต้องการฉันก็จะพยายามลองทำดู ถึงจะไม่มั่นใจว่าจะทำได้ดีเหมือนนายก็เถอะ…”

ไม่ทันได้เปิดเผยการตัดสินใจที่เคร่งเครียดได้จนจบ หัวไหล่และหน้าท้องของมูคยอมก็ขยับขึ้นลง เสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่พยายามกลั้นไว้ในทีแรกไม่สามารถกลั้นต่อไปได้ และสุดท้ายมูคยอมก็หัวเราะเสียงดังลั่นออกมา

มูคยอมกอดฮาจุนที่ทำหน้าตาเหรอหราเหมือนกับไม่รู้ถึงสาเหตุที่มูคยอมหัวเราะ เขาหัวเราะแบบนั้นอยู่พักหนึ่งแล้วจึงเอนตัวไปด้านหลัง เมื่อเช็ดน้ำหูน้ำตาที่ไหลออกจนเกือบหมด มูคยอมก็สงบสติอารมณ์ลง

“ฉันรู้สึกขอบคุณมากนะ ฮ่าๆ แต่ไม่เป็นไรดีกว่า”

“ที่ถามไม่ใช่เพราะว่านายอยากลองเหรอ”

“ไม่สิ ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อย ถ้าฮาจุนต้องการฉันเองก็จะลองพยายามดูเหมือนกัน แต่ฉันจะโอเคกว่านะ ถ้านายไม่ต้องการมัน”

มูคยอมหยุดเสียงหัวเราะลงและกอดฮาจุนแน่น ความรู้สึกที่พุ่งสูงเป็นตัวจุดความเร็วให้กับมือที่กำลังลูบไล้ มูคยอมใช้สองมือบีบขย้ำเนื้อก้นของฮาจุน พลางคิดว่าหากเขาเสือกไสตัวตน กระทั้นเข้าไปยังช่องว่างระหว่างก้นที่ทั้งนุ่มเหมือนกับดินปั้นสีขาวและเด้งสูมือเหมือนกับยางเหนียวๆ ไข้น้อยๆ ที่ยังคงหลงเหลืออยู่จะต้องหายเป็นปลิดทิ้งแน่

เมื่อใช้นิ้วเขี่ยไปยังช่องทางด้านหลังที่ไวต่ออารมณ์เพราะเพิ่งเสร็จสมไปไม่นาน เสียงครางหวานหูราวกับน้ำผึ้งก็ดังขึ้นให้ได้ยิน ในตอนนี้ความพึงพอใจของเราทั้งสองต่างก็ลงตัวดีมากแล้ว ดังนั้น ‘ความพยายาม’ ที่ไม่จำเป็นนั่นจึงไม่ใช่สิ่งที่เราต้องการเลยสักนิด เพราะฮาจุนน่ะอ่อนไหวกับทุกร่องรูบนร่างกายเลยไงล่ะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซ็กส์หรือเรื่องการทำอาหาร คนเราต่างก็มีสิ่งที่ถนัดเป็นของตัวเอง ดังนั้นแค่ให้แต่ละคนรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองสามารถทำได้ดีเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว

“คิมมูคยอม ทำไมเหมือนนายกลับมาตัวร้อนกว่าเดิม…”

ต่างกับมูคยอมที่กำลังเพลิดเพลิน ฮาจุนที่ก่อนหน้านี้ถูกดึงให้ดื่มด่ำอยู่กับการจูบและเนื้อตัวที่แนบชิด กลับค่อยๆ เผยสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้นมา

เขารีบยืดตัวตรงขึ้นแล้วแตะมือลงบนหน้าผากของมูคยอม ใบหน้าที่ยังคงสีแดงระเรื่อจางๆ เพราะความต้องการทางกามารมณ์ยังคงไม่หมดไปนั้นบูดบึ้งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

“ไม่สิ นี่ตัวร้อนกว่าเดิมอีก ดูสิ ฉันบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทำ”

“ที่อกฉันร้อนขึ้นมาแบบนี้ไม่ใช้เพราะพิษไข้ แต่เพราะความรักต่างหาก”

“อยากจะบ้าตาย ฉันนี่มันโง่จริงๆ ที่หลงกลนาย”

“ฉันอยากใส่เข้าไปในรูนายจัง”

“ไม่ได้! ไม่ได้เด็ดขาด ครั้งนี้ไม่ว่านายจะทำอะไร หรือพูดคำไหน ฉันก็จะไม่ยอมเด็ดขาด”

มูคยอมถอนหายใจออกมาด้วยความเสียดาย ทว่าคำที่บอกว่าตัวของเขาร้อนมากกว่าเดิมนั่นดูเหมือนว่าจะเป็นความจริง เมื่อเขารู้สึกได้ถึงอาการวิงเวียนศีรษะแม้จะเอนตัวนอนอยู่บนเตียงก็ตาม ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถดันตัวลุกออกจากเตียงได้เหมือนเมื่อก่อนหน้านี้ ไม่รู้เพราะฤทธิ์ของยาที่เริ่มทำงานหรือเปล่า สติของมูคยอมถึงได้ค่อยๆ ริบหรี่ลง

แม้ความต้องการที่อยากเล่นต่อจะเปี่ยมล้นสักแค่ไหน ก็ไม่สามารถเอาชนะสติที่เริ่มเลือนรางได้ จนแรงของเขาค่อยๆ หายไปเหมือนกับเด็กที่ใกล้จะผล็อยหลับ ไม่ทันได้รู้ตัวฮาจุนก็ไปเอาผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดตัวที่ชุ่มเหงื่อของมูคยอม คนป่วยจับมือขาวที่กำลังสวมชุดคลุมตัวใหม่ให้ และงอแงขึ้นมา

“เข้าใจแล้ว วันนี้ฉันจะอดทน แต่คราวหน้านายต้องฟังคำขอจากฉันหนึ่งข้อนะ”

“สติ๊กเกอร์สักดวงก็ยังไม่ได้… แล้วจะให้ฉันฟังคำขอเพราะอดทนไม่มีเซ็กส์ครึ่งเดียวเนี่ยนะ”

“ก็ฉันป่วย ถือเป็นค่าปลอบขวัญไง”

ฮาจุนเปิดปากออกราวกับว่าต้องการจะพูดบางอย่าง ก่อนจะปิดปากฉับลงไปอีกครั้งราวกับตัดสินใจที่จะไม่พูดออกมา จากนั้นฮาจุนก็วาดยิ้มที่แสนอ่อนโยนและใจดีขึ้นเหมือนเมื่อตอนก่อนที่จะทำซุปมันฝรั่ง และถามขึ้น

“คำขอเหรอ นายจะขออะไรล่ะ”

“ฉันจะเริ่มคิดตอนนี้แหละ”

“ถ้าอย่างนั้นตอนนี้ก็หยุดคิดเรื่องอื่นซะ แล้วก็นอนลงไป เป็นเด็กดีหน่อย”

“ห้ามไปไหนนะ นายต้องนอนกับฉัน”

“รู้แล้ว ฉันขอไปอาบน้ำก่อน เดี๋ยวมา”

ฮาจุนที่ยังไม่ได้จัดการเช็ดช่วงล่างของตัวเองให้ดีเพราะมัวแต่เช็ดร่างกายของมูคยอมที่กลับมาร้อนขึ้นอีกครั้ง ขยับรอยแยกหน้าเสื้อคลุมใต้ลิ้นปี่ให้ปิดเรียบร้อยดี เมื่อเห็นฮาจุนหันหลังและเดินห่างออกไปมูคยอมก็พยายามที่จะกระพริบตา เพราะกลัวว่าตัวเองจะผล็อยหลับไปก่อนที่ฮาจุนจะกลับมาถึงเตียง และพยายามฝืนตัวเองลุกขึ้นนั่ง

10 นาทีให้หลังฮาจุนก็กลับมา พร้อมเส้นผมที่ยังคงเปียกชื้น ฮาจุนก็ล้มตัวลงนอนข้างๆ คนบนเตียงโดยไม่สนใจผมที่เพิ่งแห้งไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มูคยอมฝังจมูกลงบนกลุ่มผมดำของฮาจุน หลังจากที่ไปอาบน้ำมาตอนนี้ตั้งแต่หัวจรดเท้าของฮาจุนมีกลิ่นของสบู่และยาสระผมแบบเดียวกับเขา ช่างเป็นอะไรที่น่ารักน่าเอ็นดูจริงๆ

ทั้งสองนอนก่ายเกี่ยวกันเป็นก้อนกลม มูคยอมยกมือขึ้นลูบหัวของฮาจุนช้าๆ ฮาจุนเองก็ตบหลังของมูคยอมอย่างอ่อนโยนโดยไม่พูดอะไรราวกับว่าตั้งใจจะกล่อมให้นอน แต่จู่ๆ ฮาจุนก็เอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“ว่าแต่ที่นายพูดก่อนหน้านี้ว่าฉันเป็นผลงานที่หลายคนสร้างขึ้นมา… มันหมายความว่ายังไงเหรอ”

“ก็อย่างที่พูดไป ทั้งคุณแม่ มินคยอง ฮาคยอง ยุนแชฮุน อิมจองคยู คนที่ชอบนายมีเยอะแยะเลย ขนาดนับเอาแค่คนที่ฉันรู้จักนะ คนที่นายทำดีด้วยก็เยอะเหมือนกัน นายคิดว่าการสร้างอีฮาจุนในตอนนี้ขึ้นมาได้ จะใช้คนแค่คนสองคนหรือไง บอกเลยว่าใช้เยอะจนนับไม่ถ้วนเลย่ะ เยอะถึงขนาดที่ว่าเอามาทำเป็นบัญชีรายชื่อผู้สร้างได้เลยนะ”

“นายก็เหมือนกันนั่นแหละ มีทั้งผู้จัดการทีมพัค ทั้งจองคยูที่สนิทด้วย ไหนจะคนในกรีนฟอร์ดอีก”

“ที่นายพูดก็ถูก แต่ไม่รู้สิ… การจะพูดว่าคิมมูคยอมเป็นคนเดียวที่สร้างนายขึ้นมาหลังจากที่ได้มาเจอนาย ก็น่าจะเป็นอะไรที่ฟังดูไม่โอเคเท่าไหร่ไหม เพราะก่อนหน้านี้คนอื่นๆ ต่างก็ช่วยมัดรวมโครงร่างของตัวนายเข้าด้วยกันไว้ให้แล้ว”

มูคยอมหยุดคิดสักพัก แล้วพยักหน้าออกมา

“ตอนที่ได้มาเจอฉันในตอนนั้นอีฮาจุนสมบูรณ์แบบแล้ว แต่คิมมูคยอมน่ะ ได้อีฮาจุนช่วยขัดเกลาเยอะเลย ลองคิดดูสิ นายเป็นคนที่ช่วยชีวิตฉัน แล้วก็สร้างฉันขึ้นมาด้วย”

“…”

“หากเราเป็นต้นไม้ที่ต้องให้คนมารดน้ำให้ถึงจะมีชีวิตอยู่ได้ สำหรับคิมมูคยอมแค่ได้อีฮาจุนคนเดียวมารดน้ำให้ ฉันก็สามารถที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว แต่สำหรับนายมันไม่ใช่ ทั้งคุณแม่ น้องๆ และเพื่อนๆ ต่างก็ต้องรดน้ำให้นาย เพราะนายใช้ชีวิตแบบนั้นมาตลอด มาจนถึงตอนนี้นายไม่สามารถที่จะเปลี่ยนแปลงมันได้หรอก ที่ฉันคิดก็ประมาณนี้แหละ”

ฮาจุนที่ฟังอยู่นิ่งๆ ออกแรงกระชับวงแขนที่พาดวางอยู่บนหลังมูคยอม แม้จะเป็นแรงที่บางเบา แต่มูคยอมก็รู้สึกถึงแรงกอดรัดจากฮาจุนได้ในทันที และกอดกลับไปด้วยแรงที่มากกว่า เขาประทับริมฝีปากลงบนกลุ่มผมนุ่มและหน้าผากที่อยู่ติดกัน ฮาจุนที่เงียบอยู่ในตอนแรกค่อยๆ เปิดปากขึ้น

“ก็ถูกนะ… ที่นายบอกว่าคนอื่นๆ สร้างฉันขึ้นมา”

“อื้อ”

“แต่ในนั้นก็มีนายอยู่ด้วย ท่ามกลางคนที่สร้างอีฮาจุนในตอนนี้มีคิมมูคยอมรวมอยู่ด้วยนะ”

“…”

“นายเป็นคนที่สำคัญสำหรับฉันก่อนที่นายจะรู้จักฉันอีก… ถ้าไม่มีคิมมูคยอมก็คงไม่มีฉันในตอนนี้หรอก”

ฮาจุนมั่นใจว่าไม่ใช่แค่เขา แต่ผู้คนที่เขาไม่รู้จักอีกมากมายก็อาจจะคิดเช่นเดียวกัน

ไม่ว่าจะเป็นเด็กๆ ตัวน้อยที่ตอนนี้กำลังวิ่งอยู่บนสนามหญ้าและใฝ่ฝันว่าจะเป็นนักฟุตบอล ผู้คนที่จดจ่ออยู่หน้าจอรอดูการแข่งขันซึ่งจัดในประเทศอันไกลโพ้นทุกค่ำคืน แม้วันรุ่งขึ้นจะต้องตื่นเช้าเพื่อไปใช้ชีวิตในวันอันแสนเหน็ดเหนื่อย หรือแม้กระทั่งเหล่าผู้ชมจำนวนนับไม่ถ้วนที่มาส่งเสียงเชียร์ในการแข่งขันเวิลด์คัพครั้งที่ผ่านมา

ผู้คนที่เหนื่อยเกินทนกับชีวิตในแต่ละวัน จนรู้สึกว่าการจดจำแสงสีแห่งความฝันหรือความหวังเป็นเรื่องยาก ผู้คนที่รักและปรารถนาถึงความสำเร็จและเกียรติยศของผู้อื่น แม้ในความเป็นจริงจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ เกี่ยวข้องกันเลยก็ตาม ผู้คนที่ช่วยเติมแต่งแสงดวงน้อยในวันนี้ด้วยพลังนั้น

อีฮาจุนโชคดีกว่าใครอื่นที่คล้ายๆ กัน เขาสามารถลงเล่นในสนามเดียวกับคนที่ฝันถึง ทั้งยังได้เฝ้ามองคนคนนั้นกับตาตัวเองเลยด้วย หากการกระทำที่ไม่ได้ตั้งใจว่าจะกลายเป็นผลลัพธ์มากมายอะไรได้กลายเป็นบุญคุณอันยิ่งใหญ่ให้กับใครสักคน แน่นอนว่าคิมมูคยอมก็เป็นผู้มีพระคุณของอีฮาจุน มูคยอมคือคนที่เขาอยากจะมอบคำขอบคุณให้อย่างไม่สิ้นสุด

เพียงแค่คำว่าหน้าที่หรือความรับผิดชอบไม่สามารถทำให้เราอดทนใช้ชีวิตที่ยากลำบากได้ หากในวันวานที่แสนเหนื่อยล้านั้นเขาไม่สามารถที่จะรักคิมมูคยอมได้ ฮาจุนคงไม่สามารถตอบได้อย่างมั่นใจ หากถูกถามว่ามีอะไรเป็นแรงผลักดันให้มาถึงจุดนี้

“บางครั้งฉันก็สงสัยอยู่นะ… ว่าฉันคู่ควรที่จะครอบครองนายไว้เพียงคนเดียวไหม”

“…ทำไมล่ะ”

“ถ้าคนอื่นๆ เป็นบัวรดน้ำ นายก็คือหยาดฝน บนโลกใบนี้มีคนมากมายที่ต้องการนาย ไม่รู้ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่าคิมมูคยอมควรจะเป็นของทุกคน”

วันที่มูคยอมย้ายเข้ามาสังกัดในกรีนฟอร์ดเป็นครั้งแรก และสามารถทำประตูได้ในชั่วพริบตานั้น มีนักข่าวชาวอังกฤษคนหนึ่งได้อธิบายเอาไว้ว่ามูคยอม ‘เหมือนกับฝนห่าใหญ่’ คำบรรยายนั้นยังคงฝังลึกอยู่ในหัวของฮาจุนมาจนถึงทุกวันนี้

มูคยอมไม่พูดอะไร และมือที่ลูบผมมของฮาจุนอยู่ก็หยุดชะงักลง ฮาจุนเหลือบตาขึ้นมองมูคยอม พลางคิดว่าอีกคนหลับไปแล้วหรือเปล่า

แต่มูคยอมไม่ได้หลับตาอยู่ และทำเพียงแค่จ้องมองฮาจุนที่นอนอยู่ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์แต่ก็ดูจริงจังอยู่เล็กน้อย เมื่อสบสายตากัน รอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมูคยอม เป็นรอยยิ้มที่เปรียบเหมือนกับเม็ดทรายที่ปลิวว่อนไปโดยไร้ความชื้น

“แปลกจัง ฉันคิดกลับกันเลยนะ”

“คิดกลับกันเหรอ”

“ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นของอีฮาจุนเพียงคนเดียว แต่อีฮาจุนน่ะ ไม่สามารถที่จะเป็นของฉันเพียงคนเดียวได้”

คำพูดนั้นทำเอาฮาจุนที่นอนอยู่ถึงกับยันตัวขึ้นมาครึ่งหนึ่ง กล้ามเนื้อระหว่างคิ้วเกร็งตัวขึ้นอัตโนมัติ ตามมาด้วยน้ำเสียงที่ดูเด็ดขาด

“ไม่ใช่สิ”

“ไม่เหรอ”

“แน่นอนว่าคนที่ฉันชอบมีหลายคน คนพวกนั้นเองก็น่าจะชอบฉันด้วยเหมือนกัน… แต่ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อน เพียงคนเดียวที่จะสามารถพูดออกมาได้ว่าฉันเป็นของตัวเองคือคิมมูคยอมเท่านั้น ถ้าไม่ใช่นาย แล้วเกิดเป็นใครคนอื่นที่มาพูดว่าเป็นเจ้าของฉัน ถึงจะพูดเล่น แต่บอกเลยว่าฉันไม่อยู่เฉยแน่ ก็บอกไปแล้วไงว่าฉันเป็นของนาย”

“จริงเหรอ”

มูคยอมดึงฮาจุนที่เอนตัวขึ้นให้นอนลงไปเหมือนเดิม เขากักตัวฮาจุนเอาไว้ในอ้อมกอดที่แน่นขนัดและร้อนรุ่มเหมือนกับท่อนเหล็กลนไฟ เนื่องจากอาการไข้ที่ย้อนคืน

“ฉันเองก็เหมือนกัน คนที่ชอบฉันมีเยอะก็จริง แต่ฉันก็ไม่ใช่สมบัติของพวกเขาใช่ไหมล่ะ คนที่เป็นที่ต้องการและเป็นที่รักของผู้คนทั่วไปคือนักเตะคิมมูคยอม แต่คนที่มอบความรักให้กับมนุษย์ที่โง่เขลาที่ชื่อคิมมูคยอม มีแค่อีฮาจุนคนเดียว”

เพราะแบบนี้ไง ฉันเลยรู้จักนายดีที่สุดแล้ว

ฮาจุนคิดเช่นนั้น ก่อนจะหน้าแดงอยู่คนเดียว อัจฉริยะตั้งแต่เกิด นักกีฬาผู้เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ ผู้ที่เปรียบดั่งฝนห่าใหญ่ ผู้ที่เป็นดวงดาวของทุกคน

เขาคือคนที่ได้รู้ใบหน้าที่แท้จริงของคิมมูคยอมมากที่สุด แม้ตอนนี้เขาจะไม่ได้ตามข่าวหรือเรื่องราวของมูคยอมแล้วเอามาตัดเก็บไว้เหมือนเมื่อก่อน

แต่ฮาจุนคิดว่าเขาได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของมูคยอมมากกว่าตอนนั้นเสียอีก

“ใช่… ฉันชอบนายที่สุดเลย”

ตอนนี้เขาสามารถพูดออกมาได้อย่างมั่นใจ คิมมูคยอมที่อีฮาจุนรักในตอนนี้ไม่ใช่ภาพลวงตาหรือคนในจินตนาการที่เขาเคยสร้างขึ้นเพื่อปลอบโยนตัวเองอีกต่อไป เขาอยู่ในฐานะคนรักที่ได้รับรู้ทุกสิ่งอย่าง ทั้งข้อดีข้อเสีย จุดแข็งจุดอ่อน ความลับที่ปิดบังเอาไว้ ความดำมือที่สุดที่มี ไปจนถึงความทุกข์ยากในชีวิต ทั้งยังร่วมประสบ และได้เฝ้ามองมา

รอคำตอบอยู่ครู่หนึ่ง มูคยอมก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมา คงเพราะไม่มีอะไรจะพูดอีก ฮาจุนจึงได้ยินเสียงสูดน้ำมูกเบาๆ ดังขึ้นเหนือหัว

วันนี้ไม่มีอะไรพิเศษเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคน หากไม่นับอาการป่วยที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดของมูคยอม เราก็ไม่ได้ทะเลาะกัน และบรรยากาศก็ยังดีอีกด้วย บทสนทนาที่ได้แลกเปลี่ยนกันก่อนหน้านี้ ไม่ใช่เรื่องราวน่าเศร้าเลยสักนิด แต่ที่ดวงตาของฮาจุนกลับคลอไปด้วยหยาดน้ำตา

ชัดเจนว่าฮาจุนทั้งได้รักและเป็นฝ่ายถูกรัก และความจริงนั้นสร้างความสุขให้เขาทุกนาทีทุกวินาทีแบบที่ไม่ต้องการอะไรเพิ่มอีก ทำไมพอได้รู้จักกันมากขึ้น น้ำตาของเขาถึงได้พาลไหลออกมาอยู่เรื่อยนะ

การคบกันแบบคนรักเป็นสิ่งน่าแปลกจริงๆ

* * *

นี่คือโชคชะตาของการเป็นคนดังที่จะต้องถูกเปิดเผยทุกความเคลื่อนไหวให้คนมากมายได้รู้กันทั่ว ข้อมูลข่าวเกินจริงที่บอกว่าคิมมูคยอมป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่หนัก จนต้องขาดซ้อมเป็นเวลา 2 วันถูกรายงานออกไปอย่างรวดเร็ว แบบไม่เปิดโอกาสให้ได้แก้ไข้ความจริงเลยด้วยซ้ำ

ตั้งแต่วันนั้นก็ผ่านมาแล้วประมาณหนึ่งสัปดาห์ มาจนถึงวันนี้วันที่มีการเปิดการแข่งขันใหม่ขึ้น ทุกครั้งที่มูคยอมได้ลูกฝั่งที่นั่งผู้ชมในสนามก็จะมีเสียงอึกทึกดังขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพลงที่ใช้ร้องเพื่อข่มขวัญทีมฝั่งตรงข้ามที่เหมือนกับเพลงเชียร์ใหม่ที่ถูกแต่งขึ้นมาแบบปุบปับถูกร้องขึ้น

‘คิม คิม โรงพยาบาลไม่เหมาะกับนายหรอก อย่าป่วยนะ ห้ามป่วยนะ พวกเรารักนายมากกว่าที่นายคิดอีกนะ’

‘คิม คิม ครั้งนี้ไปสอยใครมาจนป่วยเลยใช่ไหม เปลี่ยนงานเป็นอีตัวดูไหม

ดูเหมือนนายจะใช้จู๋เก่งกว่าใช้เท้าอีกนะ’

ราวกับว่ากำลังตอบรับเพลงเชียร์ในท่อนที่ร้องว่าไม่เหมาะกับโรงพยาบาล สภาพร่างกายของมูคยอมในวันนี้ก็ดีแบบสุดๆ แม้เพลงที่ร้องขึ้นมาจะมีความหมายไปทางคุกคามทางเพศจะดังขึ้นจากเสียงร้องของแฟนคลับทีมฝั่งตรงข้าม ดวงตาของมูคยอมก็ไม่ได้กระพริบเลยสักครั้ง

มีเพียงฮาจุนที่มีรอยยับย่นขึ้นที่ระหว่างคิ้ว แม้จะเป็นเพลงที่ร้องขึ้นมาเพื่อข่มขวัญทีมฝั่งตรงข้าม แล้วถ้าเกิดเด็กๆ ที่มาดูการแข่งขันในสนามได้ยินเข้าล่ะ

แม้จะรู้อยู่แล้ว แต่ความคลั่งในการเชียร์ของแฟนบอลในอังกฤษก็มีให้เห็นทั้งในแฟนบอลของทีมเราและทีมฝั่งตรงข้าม ทั้งยังมีช่วงที่การเชียร์นั้นเกิดขึ้นอย่างรุนแรงด้วย

ทั้งผู้จัดการทีมและสตาฟต่างก็มองท่าทางที่มีชีวิตชีวาของมูคยอมกันอย่างพึงพอใจ และแฮร์รี่ก็หันมาโค้งหัวให้ฮาจุน

‘หลังได้พักไป 2 วัน ก็ดูเหมือนร่างกายจะแข็งแรงดีกว่าเดิมอีกนะ ฉันว่าต้องเป็นผลมาจากการที่มีโค้ชส่วนตัวแน่ๆ บอกเคล็ดลับกันหน่อยสิ’

‘ไม่มีเคล็ดลับอะไรหรอกครับ ผมแค่ให้เขาพักผ่อนเยอะๆ แค่นั้นเอง’

ฮาจุนโน้มตัวลงไปนั่งท้าวคาง เรียวนิ้วขาวที่วางทาบอยู่บนใบหน้าเคาะเบาๆ ลงบนแก้มตัวเอง แฮร์รี่มองฮาจุนที่อยู่ในท่าทางเช่นนั้นอย่างสนอกสนใจ ก่อนจะขมวดคิ้วน้อยๆ

‘แต่วันนี้ร่างกายนายดูไม่โอเคเลย ไม่ใช่ว่าติดไข้มากจากคิมนะ”

‘อะไรนะครับ… ไม่ใช่หรอกครับ เขาแค่เป็นไข้ธรรมดา แล้วหมอก็บอกด้วยว่าไม่ใช่โรคติดต่อ น่าจะเป็นเพราะว่าผมจดจ่อมากไปน่ะครับ’

‘ค่อยๆ ดูสิ อย่าให้โดนหิ้วออกไปนอกสนามอีกละ’

เมื่อแฮร์รี่แหย่ขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะคิกคัก ฮาจุนก็รีบลดมือที่ท้าวคางอยู่ลง หลังที่โค้งไปข้างหน้าเล็กน้อยในตอนแรก เปลี่ยนเป็นเอนพิงไปกับพนักม้านั่ง

ทั้งสองแลกเปลี่ยนบทสนทากันได้ไม่นาน การแข่งขันอันแสนดุเดือดก็ดำเนินขึ้นบนสนาม ลูกเตะมุมที่ถูกเตะจนลอยของจากฝั่งแซนเดอร์สเตดทีมคู่ต่อสู้ในวันนี้ ไม่ได้ตกเป็นของใคร และลอยข้ามไปมาจากการถูกโหม่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+