Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 61

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 61 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แน่นอนว่ามันไม่ถูกเปิดออกมาอย่างง่ายดาย ทำให้เกิดความรู้สึกคับแคบและอารมณ์ทางเพศที่เพิ่มขึ้น ความรู้สึกเสียวจากการถูกดูดรัดจึงอยู่ในระดับที่ต่างออกไป พวกคนที่ไม่ดูสถานการณ์พวกนั้นพูดจาไร้สาระออกมา เพราะจะทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย แต่มันช่างไร้สาระจริงๆ นั่นแหละ ท่าทางที่ตะโกนร้องออกมาจากปากของตนเองว่าไม่สามารถมีเซ็กส์ได้ ถ้าถามเขาแล้วละก็การมีอะไรกันกับฮาจุนตอนนี้ดีกว่าครั้งแรกเสียอีก ตอนแรกมูคยอมว่าจะสอดใส่เข้าไปเฉยๆ โดยไม่ได้เล้าโลมอะไรเลย แต่พอสอดใส่เข้าไปอีกฝ่ายก็บีบรัดแกนกายของเขาจนหนังแทบจะลอกออกมา

มูคยอมรีบกระแทกเข้าไปราวกับว่าตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวนั้น แกนกายที่ชนต่อมลูกหมากถูกเลื่อนเข้าไปตรงๆ อย่างเคยและสอดแทรกเข้าไปจนลึกถึงด้านในอย่างรุนแรง

“อะอื้อ อ๊าๆๆ…!”

เสียงครางเบาๆ จากริมฝีปากที่แยกจากกันนั้นพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสายราวกับกล่องดนตรีที่พังแล้ว กล้ามหน้าท้องที่หดตัวของฮาจุนสั่นสะท้าน อีกฝ่ายอดทนอดกลั้นต่อความสุขที่โถมกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่หยุดไม่หย่อนพอๆ กับความใจร้ายต่อใจกลางของจุดหนึ่งจุดนั้น ในท้ายที่สุดแล้วมูคยอมสงสัยว่านัยน์ตาสีดำของอีกฝ่ายจะบวมขึ้นหรือเปล่า เพราะน้ำตาได้ไหลจากหางตาลงไปสู่ขมับแล้วก็ตกลงมา

“ฮ้าๆ อ๊า”

“ฮู่”

มูคยอมพ่นลมหายใจออกยาวๆ ขณะที่เขารู้สึกว่าตัวตนของเขาที่ฝังลึกอยู่ช่องทางด้านในนั้นดีเดือดขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ประจวบเหมาะกับที่เขานึกตัวอย่างดีๆ ขึ้นมาได้เลยอยากจะบอกให้ฮาจุนได้รับรู้

ที่เขาบอกว่ามีอารมณ์ตอนที่ฮาจุนร้องไห้นั้น ไม่ได้หมายความว่าร้องไห้เพราะว่าเสียใจ แต่มันเหมือนกับตอนนี้ที่แกนกายของเขาสอดใส่อยู่ เพราะว่าอีกฝ่ายรู้สึกมากเกินไปจนร้องไห้อย่างไรละ นั่นคือสิ่งที่เขาหมายถึงเมื่อบอกว่ามีอารมณ์ต่างหาก อย่างไรก็ตาม มูคยอมผู้ที่ร่างกายเร่าร้อนจนถึงขีดสุดตอนนี้ ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกไปได้อย่างง่ายดาย เขาทำได้แค่หอบหายใจเพียงเท่านั้น

“อ๊ะ ตรง อ้า ตรงนั้น ฮื่อ แฮ่ก พอก่อน…ฮ้าา….”

ฮาจุนสะอึกสะอื้นราวกับว่ากำลังขอให้เขากระแทกเอวเข้าไป แม้ว่าตอนนี้มูคยอมจะกดทับเยื่อเมือกอย่างรุนแรงในบริเวณที่ลึกที่สุดและแคบที่สุดเท่านั้น ไม่รู้ว่าเพราะเสียวจนเกินไปหรือเพราะอยู่ในรถกันแน่ อีกฝ่ายถึงไม่สามารถพูดด้วยเสียงดังจนจบได้เลย อีกทั้งยังใช้ปลายนิ้วขาวนวลมาขูดที่ต้นขาของเขา ทำให้ท้องน้อยถูกดึงรั้งจนรู้สึกวูบวาบ ความต้องการที่จะปลดปล่อยนั้นพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรีบเร่ง

“อ๊า”

ในขณะที่ส่งเสียงครางออกมาอย่างสั้นๆ มูคยอมก็กระแทกเอวอย่างรวดเร็ว

“อื้ออ๊าา!”

เพราะว่าจู่ๆ มูคยอมก็ชักแท่งเสาที่เคยเติมเต็มช่องทางด้านในด้วยการบุกทะลวงท้องนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ฮาจุนร้องออกมาด้วยเสียงสูงราวกับตกใจ มูคยอมที่เหยียดหลังให้ตรงและโน้มร่างกายท่อนบนนั้น เอาแกนกายของตนเองที่ชักออกไปไว้ด้านล่างของใบหน้าที่วางไว้อยู่บนเบาะโดยทันที น้ำอสุจิถูกฉีดลงบนใบหน้าสีขาวที่มีเลือดฝาดสีแดงระเรื่อ

ของเหลวที่พุ่งออกมาจากปลายอวัยวะเพศฉีดพ่นบนใบหน้าหลายๆ ครั้งนั้นค่อยๆ เบาลง แล้วก็หยดจากปลายคางจนกระทั่งถึงคอ ใบหน้าของคนที่จ้องมองมูคยอมแล้วยิ้มอย่างเงียบๆ เมื่อวานนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาอย่างบุ่มบ่าม มูคยอมเหลือบมองที่ท่าทางนั้นนิ่งๆ แล้วเช็ดน้ำอสุจิออกจากริมฝีปากด้วยปลายนิ้วโป้ง

“ฮ๊าๆ อ๊ะ”

ฮาจุนหอบหายใจจนทำให้หน้าอกกระเพื่อมขึ้นๆ ลงๆ อย่างรุนแรง หน้าท้องผอมบางที่บิดไปบิดมาเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวที่มูคยอมปลดปล่อย แม้ว่าสิ่งที่สอดเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายจะถูกดึงออกมาแล้ว แต่ขาที่แบะออกกว้างของฮาจุนก็สั่นระริกโดยที่ไม่ได้ผ่อนคลายเลย มูคยอมเอามือใหญ่นวดต้นขาที่สั่นเทา

เดิมทีมูคยอมชอบปล่อยด้านใน ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เขาถึงอยากจะปล่อยมันลงบนร่างกายนี้

หลังจากการหลั่งออกมาถึงสามครั้ง ทั้งบนหน้าท้อง บนหน้าอก และตอนนี้ก็บนใบหน้า ภายในรถก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาว และฮาจุนที่เปียกโชกด้วยน้ำกามนั้นก็ดูเหมือนกับนักแสดงหนังโป๊เลย

มูคยอมรักรถซูเปอร์คาร์ของเขามาก ถึงแม้ว่าเขาจะเคยมีเซ็กส์บนรถมาบ้างบางครั้งบางครา แต่เขาก็ไม่เคยทำให้รถมันรกถึงขนาดนี้มาก่อน ฮาจุนเป็นคนแรกที่เขามีอะไรด้วยโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยเลยตั้งแต่เริ่มแรก มันเริ่มจากว่าพวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งท้องตามประสาผู้ชาย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้นอย่างเดียวแล้ว

อย่างที่พูดว่าถ้าอยู่ในที่ที่อาจจะเตะตาคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าออกหมด แล้วก็ไม่จำเป็นต้องปลดปล่อยน้ำกามตามร่างกายด้วย แต่ว่ามูคยอมอยากจะทำมันในวันนี้

“โค้ช พอทำแบบนี้แล้วนายดูเหมือนดาราหนังโป๊เลย”

เหตุผลที่มูคยอมไม่ปิดกั้นความคิดไร้มารยาทที่ผุดขึ้นมาในหัวแล้วเอ่ยออกไปนั้น ก็เพื่อที่จะแกล้งฮาจุน แต่พอฮาจุนได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้ว ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับประดับไปด้วยรอยยิ้ม แทนที่จะอายหรือขุ่นเคือง แต่กลับยิ้มราวกับพึงพอใจในคำพูดของมูคยอม

ในขณะที่ต้นขาและเอวยังคงสั่นระริกเนื่องจากอารมณ์ที่เหลือจากความรู้สึกเสียวของจุดสูงสุดที่เขามอบให้อีกฝ่ายไปหลายต่อหลายรอบ น้ำตาและน้ำกามที่ผสมปนเปกันบนใบหน้านั้นเกะกะทัศนียภาพรอยยิ้มที่แพร่กระจายอยู่ตรงหน้า มันช่างไม่เหมาะสมราวกับชิ้นส่วนที่ไม่เข้ากัน

เขาเหลือบมองใบหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ยังเคลือบแคลงใจ และฮาจุนก็เอ่ยถามขึ้นมา เสียงที่เอ่ยออกมาปนกับลมหายใจที่ติดขัดนั้นดูไม่มั่นคง

“ฮู่…ชอบไหม”

“…ก็แปลกใหม่ดีนะ”

“ถ้าอยากทำอีกก็ทำได้เลยนะ ทำได้เท่าที่นายต้องการ เมื่อวานนายก็ทำไม่เสร็จนี่”

เคยรู้สึกอึดอัดใจกับคำพูดที่บอกว่าให้ทำตามใจตัวเองไหม ช่วงระหว่างคิ้วของมูคยอมค่อยๆ ย่นและไม่นานนักมันก็คลายออก แน่นอนว่าเขาสามารถทำได้อีก แต่จากคำพูดนั้นของฮาจุนมันกลับทำให้ความปรารถนาที่เหลืออยู่นั้นพลันลดลงทันที

เขาคิดว่าตรงนี้แหละที่ความสัมพันธ์ที่มีข้อตกลงร่วมกันนั้นมีความสำคัญ เกิดบังเอิญว่าเขามีรสนิยมที่ซ่อนอยู่ในตัวโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว

เขามีรสนิยมทางเซ็กส์แบบใหม่ คือทำให้ฮาจุนร้องไห้พร้อมเขินอายบอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่ทำแล้ว มูคยอมเปิดกระเป๋าออกมาขณะรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของตัวเองตอนที่สายเกินไปแล้ว

เขาหยิบทิชชู่เปียกสำหรับเล่นกีฬาออกมาแล้วดึงออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเช็ดของเหลวขุ่นในร่างกายที่เขาได้ปลดปล่อยออกไป คราบเมือกที่ติดอยู่บนร่างกายนั้นหายไป เผยให้เห็นผิวอันขาวกระจ่างใสของฮาจุน ของเหลวในร่างกายที่ปลดปล่อยออกมาอย่างไม่เลือกนั้นได้ตกลงบนรอยแผลด้วยเหมือนกัน แน่นอนว่ามูคยอมได้เช็ดทำความสะอาดตรงนั้นอย่างพิถีพิถัน

จากนั้นเขาก็เอาเสื้อที่ถอดทิ้งไว้นั้นมาคลุมไว้บนตัวของฮาจุน แม้ว่าอากาศที่ร้อนจัดในช่วงที่ร้อนที่สุดในฤดูร้อนได้มาเยือนแล้ว แต่ภายในรถที่เปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อที่จะได้มีอะไรกันอย่างเต็มที่นั้นก็ยังคงเย็นสบาย และโดยเฉพาะเบาะนั่งที่รับลมหนาวก็เย็นเป็นพิเศษ ในช่วงขณะหนึ่งนั้นเขาไม่รู้เลยว่าอากาศจะเย็นขนาดนี้ แต่ความร้อนและเหงื่อจากร่างกายมันก็ได้เย็นขึ้นอย่างรวดเร็ว มูคยอมจึงเพิ่มอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศด้วยรีโมต

ฮาจุนรู้สึกหนาวขึ้นมาจริงๆ สินะถึงได้ขดตัวอยู่ภายในเสื้อที่คลุมไว้เล็กน้อย มูคยอมแนะนำให้อีกฝ่ายทิ้งทิชชู่เปียกที่ใช้แล้วลงในถังขยะที่อยู่ในรถ

“ไปอาบน้ำที่บ้านฉันก่อนสิ จะทำอย่างนั้นไปทำไมในเมื่อเช็ดออกแล้วมันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”

“ไม่สิ ถ้ากลับไปแล้วอาบน้ำทันทีมันก็ได้อยู่หรอก พวกน้องๆ จะกลับบ้านดึกหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“…ยังงั้นก็เถอะ”

“นายไม่ต้องสนใจหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเองได้”

หลังจากมีอะไรกับฮาจุนแล้วก็ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้นนะ แต่ไม่รู้ทำไมใจของเขาถึงได้ชอกช้ำ มันเป็นเซ็กส์บนรถที่เขาอยากทำสักครั้งมานานแล้ว และเขารู้สึกได้ว่าฮาจุนจะหายใจไม่ทันตลอดเวลาที่เขากำลังทำ ดูเหมือนแค่นี้เราก็มีความสุขกันมากพอแล้ว แต่เหตุผลคืออะไรล่ะ เขาก็แค่ปลดปล่อยทิ้งไว้ด้านใน ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับบ้านตนเองเพื่อไปอาบน้ำ

ฮาจุนที่นอนอยู่บนเบาะค่อยๆ ลุกขึ้น สีหน้าและคำพูดของอีกฝ่ายสดใส แต่ร่างกายที่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติที่ดูหนักและเชื่องช้านั้นลุกขึ้นมาราวกับว่าไม่มีอะไรแตกต่างไปจากตอนปกติ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปวดท้องที่ถูกสอดใส่อย่างหยาบกระด้างอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หรือเป็นเพราะว่ายังมีความกำหนัดอยู่กันแน่ ฮาจุนถอนหายใจออกมายาวๆ โดยไม่ได้ตั้งใจแล้วกุมท้องน้อยของตนเองแล้วนั่งลงทันทีด้วยท่าทางราวกับอยากร้องโอดโอย

มูคยอมมองเสี้ยวด้านข้างนิ่งๆ แล้วยื่นมือออกไป

“มานี่สิ”

“หะ”

“นายหนาวนี่ มาอยู่ใกล้ๆ กันสิ”

“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉัน…เลอะ”

มูคยอมขมวดคิ้ว

“แล้วทำไมล่ะ ยังไงมันก็เป็นของฉันอยู่แล้วนี่นา”

ถึงแม้จะบอกว่าร่างกายของอีกฝ่ายนั้นสกปรกเลอะเทอะ แต่ถึงอย่างไรส่วนใหญ่มันก็คือน้ำกามที่มูคยอมปลดปล่อยออกไป หลังจากที่รบเร้าอีกสองสามครั้ง ฮาจุนก็หันไปข้างๆ แล้วเลื่อนไหล่ไปติดกันไว้ เมื่อมูคยอมใช้แขนโอบเอาไว้นั้น เขารู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายที่เย็นเฉียบในมือของเขา มูคยอมจึงลูบที่เสื้อผ้าฮาจุนอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็ได้เกิดคำถามขึ้นมาในสมองของเขา

‘…นี่ฉันกำลังสงสารอีฮาจุนอยู่หรือเปล่านะ’

หลังจากที่สารภาพรักไปแล้ว เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของพวกเรามันเข้ากันมากขึ้นหรือเปล่านะ แม้ว่ามูคยอมจะหาคำตอบแล้วแต่เขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้เลย

เดี๋ยวนี้เขาเป็นมนุษย์ที่ชื่นชอบการมีเซ็กส์แบบไร้หัวใจเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดว่าสองสิ่งนี้จะควบคู่ไปด้วยกันได้ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่เจาะจงว่าเขารู้สึกสงสารคนที่แค่มีความสัมพันธ์กันทางร่างกายหรือเปล่า มันก็แล้วแต่คน มีคนหลายประเภทที่ชอบแค่ร่างกายเพียงเท่านั้น

มูคยอมไม่เคยรู้สึกอะไรนอกจากความใคร่กับคู่นอนของตนเอง แต่เขากลับรู้สึกไม่สบายใจเพราะความอึดอัดจากธาตุแท้ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เขารู้สึกอยากจะสูบบุหรี่สักมวน ทั้งๆ ที่เขาสูบบุหรี่ไม่เป็น

อย่างไรก็ตามมูคยอมเคยลองคาบบุหรี่ในปากเพียงครั้งเดียวในชีวิต และมันไม่เหมือนกับวันที่เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติเยาวชนเป็นครั้งแรก เรื่องทั้งหมดนั้นเกิดจากความประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงขโมยบุหรี่ของจุนซองมาและคาบเอาไว้

หลังจากที่ดูดไปเพียงแค่ครั้งสองครั้ง ตาของเขาก็รู้สึกแสบร้อนขึ้นมาและรู้สึกเหมือนว่าจะไอออกมาเท่านั้น แล้วเขาก็เกิดความคิดว่าของพวกนี้มันดีตรงไหนกันถึงได้สูบกัน แต่ดันมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาก่อนตรงที่ที่เขาซ่อนตัวเพื่อสูบบุหรี่ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลั้นอาการไอเอาไว้เพราะต้องการที่จะโอ้อวด

เขาทิ้งบุหรี่ที่ยังไม่ทันได้สูบนานๆ ไว้อย่างนั้น ทำตัวเกินเหตุแสร้งว่าไม่ได้เป็นอะไร พูดงึมงำเป็นต่อยหอยกับเด็กคนนั้นทำเป็นว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรขณะที่เดินออกไปอย่างไร้สติ นั่นเป็นประสบการณ์การสูบบุหรี่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของมูคยอม

“อีฮาจุน”

“หืม”

ทันทีที่เรียกชื่อ ใบหน้าด้านข้างที่ก้มหน้ามองอย่างเหม่อลอยนิดๆ และเอนพิงมูคยอมอยู่ก็หันกลับมาทางนี้ พอมาลองคิดดูแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มูคยอมต่อความสัมพันธ์กับคนที่เผยคำพูดออกจากปากของตนเองว่า “ชอบ” หรือว่า “รัก” เขา ปกติแล้วความสัมพันธ์จะจบลงทันทีที่เอ่ยเรื่องพรรค์นั้นออกมา

เพราะฉะนั้นเขาเลยรู้สึกแปลกๆ อย่างนี้หรอกเหรอ เพราะว่าไม่ชินเหรอ

“มีอะไร”

ฮาจุนย้อนถามกลับไปเมื่ออีกฝ่ายเรียกแล้วไม่พูดอะไรต่อ แต่ทว่าอันที่จริงแล้วมูคยอมไม่มีอะไรจะพูดเป็นพิเศษเลย เขาเอ่ยออกไปก่อนที่จะสามารถจัดระเบียบความคิดในหัวได้ว่าจะพูดเรื่องอะไรดี

บทสนทนาแบบนี้มันไม่เป็นที่พึงประสงค์ ถ้าหากว่าไม่ตัดขาดกัน เขาก็ต้องมีความรอบคอบเมื่อต้องเผชิญกับคนที่เริ่มมีความสัมพันธ์ด้านอารมณ์และร่างกายกัน แต่ถึงอย่างนั้นมูคยอมก็ทนไม่ไหวต่อความต้องการของตนเองที่จะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“นายน่ะ”

โชคเข้าข้างมูคยอมที่เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

“มีอะไรที่อยากรู้เกี่ยวกับฉันไหม”

“…อะไรที่อยากรู้เหรอ”

“ก็ดูเหมือนว่านายจะรู้อะไรต่างๆ นานาหมดแล้วไง”

หลังจากที่เขาพูด สีหน้าที่กระดากอายของโค้ชอีฮาจุนที่เคยบอกว่าเหตุผลที่อีกฝ่ายทำเรื่องอื้อฉาวที่ไม่ค่อยสำคัญแต่ก็รู้กันไปทั่วนั้น ก็เพื่อที่จะทราบข้อมูลเกี่ยวกับนักเตะก็ผุดขึ้นมา ฮาจุนกะพริบตาสองสามครั้งและยิ้มจางๆ ในระหว่างที่มูคยอมตระหนักได้ถึงทักษะการโกหกของอีกฝ่าย

“มีเยอะเลยแหละ ให้เขียนใส่กระดาษเลยไหม”

“ถามมาสิ ฉันจะตอบให้นายเอง”

มูคยอมโอบไหล่ของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย และฮาจุนก็มุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาราวกับว่ากำลังแอบเอาอกเอาใจอยู่ จากการเคลื่อนไหวนั้นเกือบจะทำให้มูคยอมหัวเราะออกมาเสียแล้ว

เฮ้อ จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย… หลังจากที่อีกฝ่ายระเบิดสิ่งที่อัดอั้นเอาไว้ ก็ออเซาะเก่งขึ้นมานิดหน่อยนะ คราวนี้มูคยอมยกมุมปากขึ้นนิดหน่อยโดยไม่คิดจะแกล้ง เขาปล่อยให้เสียงหัวเราะถูกจับได้ แล้วจับหลังของฮาจุนพิงเขาเอาไว้แล้วเขาก็กอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง

ฮาจุนเงียบไปครู่หนึ่งราวกับว่ากำลังเลือกคำถาม แล้วจู่ๆ ก็ถามขึ้นมา

“อืม…จนถึงตอนนี้ใครคือคู่นอนที่นายถูกใจมากที่สุด”

“ถามอะไรของนายเนี่ย”

ตอนแรกเขาสงสัยว่าอีกฝ่ายจะถามอะไรที่อยู่ในใจก่อนไหมนะ แต่อีกฝ่ายกลับถามคำถามที่มันน่าเหลือเชื่อจนมูคยอมหัวเราะออกมาอย่างหมดแรงแล้วเอ่ยจึงออกมา

“นี่เป็นการสัมภาษณ์ที่สร้างสถานการณ์ไว้แล้วหรือไง ล็อกคำตอบไว้แล้วก็ถามเนี่ย”

“ก็นายบอกให้ลองถามนี่ ก็ตอบมาสิ”

“ถ้าผมตอบว่าโค้ชอีฮาจุน คุณจะรู้สึกพอใจไหมครับ”

“อื้อ พอใจ”

ฮาจุนแย้มรอยยิ้มและสงบลงราวกับว่ากำลังเลือกคำถามอีกครั้ง คราวนี้อีกฝ่ายเอ่ยถามด้วยการลงท้ายปลายประโยคอย่างระมัดระวังเล็กน้อย

“ฉันถามเรื่องครอบครัวได้ไหม”

“ครอบครัวเหรอ”

“ครั้งที่แล้วที่นายพูดถึงเรื่องคุณแม่ ฉันเลยสงสัยนิดหน่อย เพราะตอนที่นายให้สัมภาษณ์ก็ไม่ค่อยเอ่ยถึงเรื่องครอบครัว… ถ้ามันเป็นคำถามที่น่าอึดอัดใจนายไม่ต้องตอบก็ได้นะ”

ตอนที่เขาให้สัมภาษณ์นั้นเขาเคยเอ่ยถึงผู้จัดการทีมอย่างพัคจุนซองอย่างน้อยหนึ่งครั้ง แต่แทบจะไม่เอ่ยถึงพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเขาเลย เพราะพวกเขาจากไปไปตั้งแต่ที่เขายังเป็นเด็ก จึงทำให้ไม่มีเรื่องราวให้เล่ามากนัก และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเท่าไร

ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าเอามาพูดต่อหน้าคนอื่น แต่มันก็ตลกที่อีกฝ่ายถามเขาไปแล้วค่อยชักเท้าออกจากคำถามที่สองทันที มูคยอมไม่เคยตั้งใจที่จะปกปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นพิเศษ เขาเพียงแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เขาไม่จำเป็นต้องบอก

“ก่อนที่ฉันจะถูกทิ้งไว้ให้อยู่ตามลำพัง พวกเราเป็นครอบครัวทั่วไปที่มีกันอยู่สามคนเหมือนกับในภาพวาดเลย”

“อย่างนั้นสินะ…”

“ถ้านายดูในละครหรือข่าว นายจะเห็นว่ามีไอ้บ้าที่พยายามจะจับทั้งเมียและลูกเอาไว้ ฉันเคยใช้ชีวิตอยู่กับคนแบบนั้นแหละ เพราะไอ้ชาติหมาอยู่บ้านที่เหมือนกับออกมาจากภาพวาดนั้น แล้วแม่กับฉันจะทำอะไรได้เหรอ ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบภาพวาดสิ”

เมื่อเขาตอบเสร็จความเงียบก็เข้ามาครอบคลุม และหลังจากนั้นไม่นานฮาจุนก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย

“ขอโทษนะ ฉันไม่น่าถามเลย”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก เขาตายไปนานแล้วนี่นา ตอนนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้วละ แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องเอาไปพูดข้างนอกด้วย”

หลังจากนั้นฮาจุนก็ปิดปากเงียบไปสักพัก คงเพราะคิดว่าตนเองถามผิดคำถาม ถึงแม้ว่ามูคยอมจะรอแต่ก็ไม่มีคำถามต่อไป เขาเลยขยี้เส้นผมที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายจนกระเซอะกระเซิง

“มีอีกไหม”

“หะ”

“หมดแล้วเหรอ”

“พอแล้วละ ถ้าเกิดถามอะไรแปลกๆ ที่ไม่ควรถามอีกจะทำไงล่ะ”

เฮ้อ ไม่มีความโลภเอาเสียเลย เวลาจะสารภาพว่าชอบมันต้องมีอะไรที่คาดหวัง หรือมีอะไรที่อยากรู้ไม่ใช่หรอกเหรอ แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นเป็นคนรัก แต่เมื่อเทียบกับตอนก่อนสารภาพรักแล้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคาดหวังอะไรบางอย่างจากเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นเลย

จูบและกอดเหมือนดังเมื่อวาน นั่นคือทั้งหมดที่นายต้องการใช่ไหม อีฮาจุน

เขาตัดสินใจแล้วว่าจะดูแลอีกฝ่ายจนกว่าจะจบฤดูกาล ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฮาจุนจะพูดเพื่อที่จะสลัดอิมจองคยูออกไป แต่ถ้าหากว่าต้องการเงินจริงๆ เขาก็สามารถให้ได้เท่าที่อีกฝ่ายต้องการ ทุกอย่างที่ฮาจุนต้องการ ยกเว้นเรื่องขอให้เขาชอบกลับ และเรื่องคบเป็นคนรัก

แต่ทำไมฮาจุนถึงไม่เอ่ยปากขอเลยล่ะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 61

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 61 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แน่นอนว่ามันไม่ถูกเปิดออกมาอย่างง่ายดาย ทำให้เกิดความรู้สึกคับแคบและอารมณ์ทางเพศที่เพิ่มขึ้น ความรู้สึกเสียวจากการถูกดูดรัดจึงอยู่ในระดับที่ต่างออกไป พวกคนที่ไม่ดูสถานการณ์พวกนั้นพูดจาไร้สาระออกมา เพราะจะทำให้บรรยากาศดูผ่อนคลาย แต่มันช่างไร้สาระจริงๆ นั่นแหละ ท่าทางที่ตะโกนร้องออกมาจากปากของตนเองว่าไม่สามารถมีเซ็กส์ได้ ถ้าถามเขาแล้วละก็การมีอะไรกันกับฮาจุนตอนนี้ดีกว่าครั้งแรกเสียอีก ตอนแรกมูคยอมว่าจะสอดใส่เข้าไปเฉยๆ โดยไม่ได้เล้าโลมอะไรเลย แต่พอสอดใส่เข้าไปอีกฝ่ายก็บีบรัดแกนกายของเขาจนหนังแทบจะลอกออกมา

มูคยอมรีบกระแทกเข้าไปราวกับว่าตอบสนองต่อการเคลื่อนไหวนั้น แกนกายที่ชนต่อมลูกหมากถูกเลื่อนเข้าไปตรงๆ อย่างเคยและสอดแทรกเข้าไปจนลึกถึงด้านในอย่างรุนแรง

“อะอื้อ อ๊าๆๆ…!”

เสียงครางเบาๆ จากริมฝีปากที่แยกจากกันนั้นพรั่งพรูออกมาอย่างไม่ขาดสายราวกับกล่องดนตรีที่พังแล้ว กล้ามหน้าท้องที่หดตัวของฮาจุนสั่นสะท้าน อีกฝ่ายอดทนอดกลั้นต่อความสุขที่โถมกระหน่ำเข้ามาอย่างไม่หยุดไม่หย่อนพอๆ กับความใจร้ายต่อใจกลางของจุดหนึ่งจุดนั้น ในท้ายที่สุดแล้วมูคยอมสงสัยว่านัยน์ตาสีดำของอีกฝ่ายจะบวมขึ้นหรือเปล่า เพราะน้ำตาได้ไหลจากหางตาลงไปสู่ขมับแล้วก็ตกลงมา

“ฮ้าๆ อ๊า”

“ฮู่”

มูคยอมพ่นลมหายใจออกยาวๆ ขณะที่เขารู้สึกว่าตัวตนของเขาที่ฝังลึกอยู่ช่องทางด้านในนั้นดีเดือดขึ้นมาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ประจวบเหมาะกับที่เขานึกตัวอย่างดีๆ ขึ้นมาได้เลยอยากจะบอกให้ฮาจุนได้รับรู้

ที่เขาบอกว่ามีอารมณ์ตอนที่ฮาจุนร้องไห้นั้น ไม่ได้หมายความว่าร้องไห้เพราะว่าเสียใจ แต่มันเหมือนกับตอนนี้ที่แกนกายของเขาสอดใส่อยู่ เพราะว่าอีกฝ่ายรู้สึกมากเกินไปจนร้องไห้อย่างไรละ นั่นคือสิ่งที่เขาหมายถึงเมื่อบอกว่ามีอารมณ์ต่างหาก อย่างไรก็ตาม มูคยอมผู้ที่ร่างกายเร่าร้อนจนถึงขีดสุดตอนนี้ ไม่สามารถเอ่ยอะไรออกไปได้อย่างง่ายดาย เขาทำได้แค่หอบหายใจเพียงเท่านั้น

“อ๊ะ ตรง อ้า ตรงนั้น ฮื่อ แฮ่ก พอก่อน…ฮ้าา….”

ฮาจุนสะอึกสะอื้นราวกับว่ากำลังขอให้เขากระแทกเอวเข้าไป แม้ว่าตอนนี้มูคยอมจะกดทับเยื่อเมือกอย่างรุนแรงในบริเวณที่ลึกที่สุดและแคบที่สุดเท่านั้น ไม่รู้ว่าเพราะเสียวจนเกินไปหรือเพราะอยู่ในรถกันแน่ อีกฝ่ายถึงไม่สามารถพูดด้วยเสียงดังจนจบได้เลย อีกทั้งยังใช้ปลายนิ้วขาวนวลมาขูดที่ต้นขาของเขา ทำให้ท้องน้อยถูกดึงรั้งจนรู้สึกวูบวาบ ความต้องการที่จะปลดปล่อยนั้นพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างรีบเร่ง

“อ๊า”

ในขณะที่ส่งเสียงครางออกมาอย่างสั้นๆ มูคยอมก็กระแทกเอวอย่างรวดเร็ว

“อื้ออ๊าา!”

เพราะว่าจู่ๆ มูคยอมก็ชักแท่งเสาที่เคยเติมเต็มช่องทางด้านในด้วยการบุกทะลวงท้องนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว จึงทำให้ฮาจุนร้องออกมาด้วยเสียงสูงราวกับตกใจ มูคยอมที่เหยียดหลังให้ตรงและโน้มร่างกายท่อนบนนั้น เอาแกนกายของตนเองที่ชักออกไปไว้ด้านล่างของใบหน้าที่วางไว้อยู่บนเบาะโดยทันที น้ำอสุจิถูกฉีดลงบนใบหน้าสีขาวที่มีเลือดฝาดสีแดงระเรื่อ

ของเหลวที่พุ่งออกมาจากปลายอวัยวะเพศฉีดพ่นบนใบหน้าหลายๆ ครั้งนั้นค่อยๆ เบาลง แล้วก็หยดจากปลายคางจนกระทั่งถึงคอ ใบหน้าของคนที่จ้องมองมูคยอมแล้วยิ้มอย่างเงียบๆ เมื่อวานนี้เปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างกายของเขาอย่างบุ่มบ่าม มูคยอมเหลือบมองที่ท่าทางนั้นนิ่งๆ แล้วเช็ดน้ำอสุจิออกจากริมฝีปากด้วยปลายนิ้วโป้ง

“ฮ๊าๆ อ๊ะ”

ฮาจุนหอบหายใจจนทำให้หน้าอกกระเพื่อมขึ้นๆ ลงๆ อย่างรุนแรง หน้าท้องผอมบางที่บิดไปบิดมาเปียกชุ่มไปด้วยของเหลวที่มูคยอมปลดปล่อย แม้ว่าสิ่งที่สอดเข้าไปในร่างกายของอีกฝ่ายจะถูกดึงออกมาแล้ว แต่ขาที่แบะออกกว้างของฮาจุนก็สั่นระริกโดยที่ไม่ได้ผ่อนคลายเลย มูคยอมเอามือใหญ่นวดต้นขาที่สั่นเทา

เดิมทีมูคยอมชอบปล่อยด้านใน ไม่รู้ว่าทำไมวันนี้เขาถึงอยากจะปล่อยมันลงบนร่างกายนี้

หลังจากการหลั่งออกมาถึงสามครั้ง ทั้งบนหน้าท้อง บนหน้าอก และตอนนี้ก็บนใบหน้า ภายในรถก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นคาว และฮาจุนที่เปียกโชกด้วยน้ำกามนั้นก็ดูเหมือนกับนักแสดงหนังโป๊เลย

มูคยอมรักรถซูเปอร์คาร์ของเขามาก ถึงแม้ว่าเขาจะเคยมีเซ็กส์บนรถมาบ้างบางครั้งบางครา แต่เขาก็ไม่เคยทำให้รถมันรกถึงขนาดนี้มาก่อน ฮาจุนเป็นคนแรกที่เขามีอะไรด้วยโดยไม่ใส่ถุงยางอนามัยเลยตั้งแต่เริ่มแรก มันเริ่มจากว่าพวกเขาไม่ต้องกังวลเรื่องตั้งท้องตามประสาผู้ชาย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่เพราะเหตุผลนั้นอย่างเดียวแล้ว

อย่างที่พูดว่าถ้าอยู่ในที่ที่อาจจะเตะตาคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าออกหมด แล้วก็ไม่จำเป็นต้องปลดปล่อยน้ำกามตามร่างกายด้วย แต่ว่ามูคยอมอยากจะทำมันในวันนี้

“โค้ช พอทำแบบนี้แล้วนายดูเหมือนดาราหนังโป๊เลย”

เหตุผลที่มูคยอมไม่ปิดกั้นความคิดไร้มารยาทที่ผุดขึ้นมาในหัวแล้วเอ่ยออกไปนั้น ก็เพื่อที่จะแกล้งฮาจุน แต่พอฮาจุนได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้ว ใบหน้าของอีกฝ่ายกลับประดับไปด้วยรอยยิ้ม แทนที่จะอายหรือขุ่นเคือง แต่กลับยิ้มราวกับพึงพอใจในคำพูดของมูคยอม

ในขณะที่ต้นขาและเอวยังคงสั่นระริกเนื่องจากอารมณ์ที่เหลือจากความรู้สึกเสียวของจุดสูงสุดที่เขามอบให้อีกฝ่ายไปหลายต่อหลายรอบ น้ำตาและน้ำกามที่ผสมปนเปกันบนใบหน้านั้นเกะกะทัศนียภาพรอยยิ้มที่แพร่กระจายอยู่ตรงหน้า มันช่างไม่เหมาะสมราวกับชิ้นส่วนที่ไม่เข้ากัน

เขาเหลือบมองใบหน้าอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกที่ยังเคลือบแคลงใจ และฮาจุนก็เอ่ยถามขึ้นมา เสียงที่เอ่ยออกมาปนกับลมหายใจที่ติดขัดนั้นดูไม่มั่นคง

“ฮู่…ชอบไหม”

“…ก็แปลกใหม่ดีนะ”

“ถ้าอยากทำอีกก็ทำได้เลยนะ ทำได้เท่าที่นายต้องการ เมื่อวานนายก็ทำไม่เสร็จนี่”

เคยรู้สึกอึดอัดใจกับคำพูดที่บอกว่าให้ทำตามใจตัวเองไหม ช่วงระหว่างคิ้วของมูคยอมค่อยๆ ย่นและไม่นานนักมันก็คลายออก แน่นอนว่าเขาสามารถทำได้อีก แต่จากคำพูดนั้นของฮาจุนมันกลับทำให้ความปรารถนาที่เหลืออยู่นั้นพลันลดลงทันที

เขาคิดว่าตรงนี้แหละที่ความสัมพันธ์ที่มีข้อตกลงร่วมกันนั้นมีความสำคัญ เกิดบังเอิญว่าเขามีรสนิยมที่ซ่อนอยู่ในตัวโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว

เขามีรสนิยมทางเซ็กส์แบบใหม่ คือทำให้ฮาจุนร้องไห้พร้อมเขินอายบอกว่าไม่เอาแล้ว ไม่ทำแล้ว มูคยอมเปิดกระเป๋าออกมาขณะรู้สึกสงสัยเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศของตัวเองตอนที่สายเกินไปแล้ว

เขาหยิบทิชชู่เปียกสำหรับเล่นกีฬาออกมาแล้วดึงออกมาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเช็ดของเหลวขุ่นในร่างกายที่เขาได้ปลดปล่อยออกไป คราบเมือกที่ติดอยู่บนร่างกายนั้นหายไป เผยให้เห็นผิวอันขาวกระจ่างใสของฮาจุน ของเหลวในร่างกายที่ปลดปล่อยออกมาอย่างไม่เลือกนั้นได้ตกลงบนรอยแผลด้วยเหมือนกัน แน่นอนว่ามูคยอมได้เช็ดทำความสะอาดตรงนั้นอย่างพิถีพิถัน

จากนั้นเขาก็เอาเสื้อที่ถอดทิ้งไว้นั้นมาคลุมไว้บนตัวของฮาจุน แม้ว่าอากาศที่ร้อนจัดในช่วงที่ร้อนที่สุดในฤดูร้อนได้มาเยือนแล้ว แต่ภายในรถที่เปิดเครื่องปรับอากาศเพื่อที่จะได้มีอะไรกันอย่างเต็มที่นั้นก็ยังคงเย็นสบาย และโดยเฉพาะเบาะนั่งที่รับลมหนาวก็เย็นเป็นพิเศษ ในช่วงขณะหนึ่งนั้นเขาไม่รู้เลยว่าอากาศจะเย็นขนาดนี้ แต่ความร้อนและเหงื่อจากร่างกายมันก็ได้เย็นขึ้นอย่างรวดเร็ว มูคยอมจึงเพิ่มอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศด้วยรีโมต

ฮาจุนรู้สึกหนาวขึ้นมาจริงๆ สินะถึงได้ขดตัวอยู่ภายในเสื้อที่คลุมไว้เล็กน้อย มูคยอมแนะนำให้อีกฝ่ายทิ้งทิชชู่เปียกที่ใช้แล้วลงในถังขยะที่อยู่ในรถ

“ไปอาบน้ำที่บ้านฉันก่อนสิ จะทำอย่างนั้นไปทำไมในเมื่อเช็ดออกแล้วมันก็กลับไปเป็นเหมือนเดิมอยู่ดีไม่ใช่เหรอ”

“ไม่สิ ถ้ากลับไปแล้วอาบน้ำทันทีมันก็ได้อยู่หรอก พวกน้องๆ จะกลับบ้านดึกหรือเปล่าก็ไม่รู้”

“…ยังงั้นก็เถอะ”

“นายไม่ต้องสนใจหรอก เดี๋ยวฉันจัดการเองได้”

หลังจากมีอะไรกับฮาจุนแล้วก็ไม่เคยรู้สึกอะไรแบบนั้นนะ แต่ไม่รู้ทำไมใจของเขาถึงได้ชอกช้ำ มันเป็นเซ็กส์บนรถที่เขาอยากทำสักครั้งมานานแล้ว และเขารู้สึกได้ว่าฮาจุนจะหายใจไม่ทันตลอดเวลาที่เขากำลังทำ ดูเหมือนแค่นี้เราก็มีความสุขกันมากพอแล้ว แต่เหตุผลคืออะไรล่ะ เขาก็แค่ปลดปล่อยทิ้งไว้ด้านใน ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากกลับบ้านตนเองเพื่อไปอาบน้ำ

ฮาจุนที่นอนอยู่บนเบาะค่อยๆ ลุกขึ้น สีหน้าและคำพูดของอีกฝ่ายสดใส แต่ร่างกายที่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติที่ดูหนักและเชื่องช้านั้นลุกขึ้นมาราวกับว่าไม่มีอะไรแตกต่างไปจากตอนปกติ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะปวดท้องที่ถูกสอดใส่อย่างหยาบกระด้างอยู่ชั่วขณะหนึ่ง หรือเป็นเพราะว่ายังมีความกำหนัดอยู่กันแน่ ฮาจุนถอนหายใจออกมายาวๆ โดยไม่ได้ตั้งใจแล้วกุมท้องน้อยของตนเองแล้วนั่งลงทันทีด้วยท่าทางราวกับอยากร้องโอดโอย

มูคยอมมองเสี้ยวด้านข้างนิ่งๆ แล้วยื่นมือออกไป

“มานี่สิ”

“หะ”

“นายหนาวนี่ มาอยู่ใกล้ๆ กันสิ”

“ไม่เป็นไร ตอนนี้ฉัน…เลอะ”

มูคยอมขมวดคิ้ว

“แล้วทำไมล่ะ ยังไงมันก็เป็นของฉันอยู่แล้วนี่นา”

ถึงแม้จะบอกว่าร่างกายของอีกฝ่ายนั้นสกปรกเลอะเทอะ แต่ถึงอย่างไรส่วนใหญ่มันก็คือน้ำกามที่มูคยอมปลดปล่อยออกไป หลังจากที่รบเร้าอีกสองสามครั้ง ฮาจุนก็หันไปข้างๆ แล้วเลื่อนไหล่ไปติดกันไว้ เมื่อมูคยอมใช้แขนโอบเอาไว้นั้น เขารู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของร่างกายที่เย็นเฉียบในมือของเขา มูคยอมจึงลูบที่เสื้อผ้าฮาจุนอยู่หลายครั้ง จากนั้นก็ได้เกิดคำถามขึ้นมาในสมองของเขา

‘…นี่ฉันกำลังสงสารอีฮาจุนอยู่หรือเปล่านะ’

หลังจากที่สารภาพรักไปแล้ว เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของพวกเรามันเข้ากันมากขึ้นหรือเปล่านะ แม้ว่ามูคยอมจะหาคำตอบแล้วแต่เขาก็ไม่สามารถเข้าใจได้เลย

เดี๋ยวนี้เขาเป็นมนุษย์ที่ชื่นชอบการมีเซ็กส์แบบไร้หัวใจเป็นอย่างมาก เขาไม่คิดว่าสองสิ่งนี้จะควบคู่ไปด้วยกันได้ แต่ก็ไม่มีเหตุผลที่เจาะจงว่าเขารู้สึกสงสารคนที่แค่มีความสัมพันธ์กันทางร่างกายหรือเปล่า มันก็แล้วแต่คน มีคนหลายประเภทที่ชอบแค่ร่างกายเพียงเท่านั้น

มูคยอมไม่เคยรู้สึกอะไรนอกจากความใคร่กับคู่นอนของตนเอง แต่เขากลับรู้สึกไม่สบายใจเพราะความอึดอัดจากธาตุแท้ที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน เขารู้สึกอยากจะสูบบุหรี่สักมวน ทั้งๆ ที่เขาสูบบุหรี่ไม่เป็น

อย่างไรก็ตามมูคยอมเคยลองคาบบุหรี่ในปากเพียงครั้งเดียวในชีวิต และมันไม่เหมือนกับวันที่เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติเยาวชนเป็นครั้งแรก เรื่องทั้งหมดนั้นเกิดจากความประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย เขาจึงขโมยบุหรี่ของจุนซองมาและคาบเอาไว้

หลังจากที่ดูดไปเพียงแค่ครั้งสองครั้ง ตาของเขาก็รู้สึกแสบร้อนขึ้นมาและรู้สึกเหมือนว่าจะไอออกมาเท่านั้น แล้วเขาก็เกิดความคิดว่าของพวกนี้มันดีตรงไหนกันถึงได้สูบกัน แต่ดันมีผู้ชายคนหนึ่งเข้ามาก่อนตรงที่ที่เขาซ่อนตัวเพื่อสูบบุหรี่ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องกลั้นอาการไอเอาไว้เพราะต้องการที่จะโอ้อวด

เขาทิ้งบุหรี่ที่ยังไม่ทันได้สูบนานๆ ไว้อย่างนั้น ทำตัวเกินเหตุแสร้งว่าไม่ได้เป็นอะไร พูดงึมงำเป็นต่อยหอยกับเด็กคนนั้นทำเป็นว่ามันไม่ได้สำคัญอะไรขณะที่เดินออกไปอย่างไร้สติ นั่นเป็นประสบการณ์การสูบบุหรี่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของมูคยอม

“อีฮาจุน”

“หืม”

ทันทีที่เรียกชื่อ ใบหน้าด้านข้างที่ก้มหน้ามองอย่างเหม่อลอยนิดๆ และเอนพิงมูคยอมอยู่ก็หันกลับมาทางนี้ พอมาลองคิดดูแล้ว นี่เป็นครั้งแรกเลยที่มูคยอมต่อความสัมพันธ์กับคนที่เผยคำพูดออกจากปากของตนเองว่า “ชอบ” หรือว่า “รัก” เขา ปกติแล้วความสัมพันธ์จะจบลงทันทีที่เอ่ยเรื่องพรรค์นั้นออกมา

เพราะฉะนั้นเขาเลยรู้สึกแปลกๆ อย่างนี้หรอกเหรอ เพราะว่าไม่ชินเหรอ

“มีอะไร”

ฮาจุนย้อนถามกลับไปเมื่ออีกฝ่ายเรียกแล้วไม่พูดอะไรต่อ แต่ทว่าอันที่จริงแล้วมูคยอมไม่มีอะไรจะพูดเป็นพิเศษเลย เขาเอ่ยออกไปก่อนที่จะสามารถจัดระเบียบความคิดในหัวได้ว่าจะพูดเรื่องอะไรดี

บทสนทนาแบบนี้มันไม่เป็นที่พึงประสงค์ ถ้าหากว่าไม่ตัดขาดกัน เขาก็ต้องมีความรอบคอบเมื่อต้องเผชิญกับคนที่เริ่มมีความสัมพันธ์ด้านอารมณ์และร่างกายกัน แต่ถึงอย่างนั้นมูคยอมก็ทนไม่ไหวต่อความต้องการของตนเองที่จะพูดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“นายน่ะ”

โชคเข้าข้างมูคยอมที่เอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

“มีอะไรที่อยากรู้เกี่ยวกับฉันไหม”

“…อะไรที่อยากรู้เหรอ”

“ก็ดูเหมือนว่านายจะรู้อะไรต่างๆ นานาหมดแล้วไง”

หลังจากที่เขาพูด สีหน้าที่กระดากอายของโค้ชอีฮาจุนที่เคยบอกว่าเหตุผลที่อีกฝ่ายทำเรื่องอื้อฉาวที่ไม่ค่อยสำคัญแต่ก็รู้กันไปทั่วนั้น ก็เพื่อที่จะทราบข้อมูลเกี่ยวกับนักเตะก็ผุดขึ้นมา ฮาจุนกะพริบตาสองสามครั้งและยิ้มจางๆ ในระหว่างที่มูคยอมตระหนักได้ถึงทักษะการโกหกของอีกฝ่าย

“มีเยอะเลยแหละ ให้เขียนใส่กระดาษเลยไหม”

“ถามมาสิ ฉันจะตอบให้นายเอง”

มูคยอมโอบไหล่ของอีกฝ่ายให้แน่นขึ้นอีกเล็กน้อย และฮาจุนก็มุดเข้าไปในอ้อมแขนของเขาราวกับว่ากำลังแอบเอาอกเอาใจอยู่ จากการเคลื่อนไหวนั้นเกือบจะทำให้มูคยอมหัวเราะออกมาเสียแล้ว

เฮ้อ จนถึงตอนนี้เขาก็ไม่เคยทำอะไรแบบนี้มาก่อนเลย… หลังจากที่อีกฝ่ายระเบิดสิ่งที่อัดอั้นเอาไว้ ก็ออเซาะเก่งขึ้นมานิดหน่อยนะ คราวนี้มูคยอมยกมุมปากขึ้นนิดหน่อยโดยไม่คิดจะแกล้ง เขาปล่อยให้เสียงหัวเราะถูกจับได้ แล้วจับหลังของฮาจุนพิงเขาเอาไว้แล้วเขาก็กอดอีกฝ่ายจากด้านหลัง

ฮาจุนเงียบไปครู่หนึ่งราวกับว่ากำลังเลือกคำถาม แล้วจู่ๆ ก็ถามขึ้นมา

“อืม…จนถึงตอนนี้ใครคือคู่นอนที่นายถูกใจมากที่สุด”

“ถามอะไรของนายเนี่ย”

ตอนแรกเขาสงสัยว่าอีกฝ่ายจะถามอะไรที่อยู่ในใจก่อนไหมนะ แต่อีกฝ่ายกลับถามคำถามที่มันน่าเหลือเชื่อจนมูคยอมหัวเราะออกมาอย่างหมดแรงแล้วเอ่ยจึงออกมา

“นี่เป็นการสัมภาษณ์ที่สร้างสถานการณ์ไว้แล้วหรือไง ล็อกคำตอบไว้แล้วก็ถามเนี่ย”

“ก็นายบอกให้ลองถามนี่ ก็ตอบมาสิ”

“ถ้าผมตอบว่าโค้ชอีฮาจุน คุณจะรู้สึกพอใจไหมครับ”

“อื้อ พอใจ”

ฮาจุนแย้มรอยยิ้มและสงบลงราวกับว่ากำลังเลือกคำถามอีกครั้ง คราวนี้อีกฝ่ายเอ่ยถามด้วยการลงท้ายปลายประโยคอย่างระมัดระวังเล็กน้อย

“ฉันถามเรื่องครอบครัวได้ไหม”

“ครอบครัวเหรอ”

“ครั้งที่แล้วที่นายพูดถึงเรื่องคุณแม่ ฉันเลยสงสัยนิดหน่อย เพราะตอนที่นายให้สัมภาษณ์ก็ไม่ค่อยเอ่ยถึงเรื่องครอบครัว… ถ้ามันเป็นคำถามที่น่าอึดอัดใจนายไม่ต้องตอบก็ได้นะ”

ตอนที่เขาให้สัมภาษณ์นั้นเขาเคยเอ่ยถึงผู้จัดการทีมอย่างพัคจุนซองอย่างน้อยหนึ่งครั้ง แต่แทบจะไม่เอ่ยถึงพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเขาเลย เพราะพวกเขาจากไปไปตั้งแต่ที่เขายังเป็นเด็ก จึงทำให้ไม่มีเรื่องราวให้เล่ามากนัก และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเท่าไร

ถึงแม้จะไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าเอามาพูดต่อหน้าคนอื่น แต่มันก็ตลกที่อีกฝ่ายถามเขาไปแล้วค่อยชักเท้าออกจากคำถามที่สองทันที มูคยอมไม่เคยตั้งใจที่จะปกปิดเรื่องนี้เอาไว้เป็นพิเศษ เขาเพียงแค่คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เขาไม่จำเป็นต้องบอก

“ก่อนที่ฉันจะถูกทิ้งไว้ให้อยู่ตามลำพัง พวกเราเป็นครอบครัวทั่วไปที่มีกันอยู่สามคนเหมือนกับในภาพวาดเลย”

“อย่างนั้นสินะ…”

“ถ้านายดูในละครหรือข่าว นายจะเห็นว่ามีไอ้บ้าที่พยายามจะจับทั้งเมียและลูกเอาไว้ ฉันเคยใช้ชีวิตอยู่กับคนแบบนั้นแหละ เพราะไอ้ชาติหมาอยู่บ้านที่เหมือนกับออกมาจากภาพวาดนั้น แล้วแม่กับฉันจะทำอะไรได้เหรอ ก็ต้องใช้ชีวิตอยู่แบบภาพวาดสิ”

เมื่อเขาตอบเสร็จความเงียบก็เข้ามาครอบคลุม และหลังจากนั้นไม่นานฮาจุนก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย

“ขอโทษนะ ฉันไม่น่าถามเลย”

“ไม่ต้องขอโทษหรอก เขาตายไปนานแล้วนี่นา ตอนนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันแล้วละ แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะต้องเอาไปพูดข้างนอกด้วย”

หลังจากนั้นฮาจุนก็ปิดปากเงียบไปสักพัก คงเพราะคิดว่าตนเองถามผิดคำถาม ถึงแม้ว่ามูคยอมจะรอแต่ก็ไม่มีคำถามต่อไป เขาเลยขยี้เส้นผมที่ท้ายทอยของอีกฝ่ายจนกระเซอะกระเซิง

“มีอีกไหม”

“หะ”

“หมดแล้วเหรอ”

“พอแล้วละ ถ้าเกิดถามอะไรแปลกๆ ที่ไม่ควรถามอีกจะทำไงล่ะ”

เฮ้อ ไม่มีความโลภเอาเสียเลย เวลาจะสารภาพว่าชอบมันต้องมีอะไรที่คาดหวัง หรือมีอะไรที่อยากรู้ไม่ใช่หรอกเหรอ แม้ว่าจะไม่ถึงขั้นเป็นคนรัก แต่เมื่อเทียบกับตอนก่อนสารภาพรักแล้วดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคาดหวังอะไรบางอย่างจากเขา ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่เข้าใจความรู้สึกนั้นเลย

จูบและกอดเหมือนดังเมื่อวาน นั่นคือทั้งหมดที่นายต้องการใช่ไหม อีฮาจุน

เขาตัดสินใจแล้วว่าจะดูแลอีกฝ่ายจนกว่าจะจบฤดูกาล ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้ฮาจุนจะพูดเพื่อที่จะสลัดอิมจองคยูออกไป แต่ถ้าหากว่าต้องการเงินจริงๆ เขาก็สามารถให้ได้เท่าที่อีกฝ่ายต้องการ ทุกอย่างที่ฮาจุนต้องการ ยกเว้นเรื่องขอให้เขาชอบกลับ และเรื่องคบเป็นคนรัก

แต่ทำไมฮาจุนถึงไม่เอ่ยปากขอเลยล่ะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+