Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 39

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 39 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“…พี่ได้เป็นของขวัญมาเหรอ”

หลังเห็นพี่ชายตัวเองอ้ำอึ้งตอบคำถามไม่ได้ มินคยองที่พอจะเดาสถานการณ์ออกจึงถามขึ้นมา คำถามนี้ก็เช่นกัน ฮาจุนไม่สามารถตอบได้ในทันที มินคยองก้าวเท้าเข้าไปหาแล้วยื่นตุ๊กตาคืนให้ก่อนจะบ่นออกมา

“ฉันว่าใช่แน่ๆ เฮ้อ พี่ก็บอกมาสิ มัวแต่ทำหน้าเศร้าอย่างนั้นทำไม กลัวฉันจะเอาไปหรือไง”

“ไม่ใช่นะ มินคยอง พี่ตั้งใจจะให้มินคยองจริงๆ เอาไปสิ”

ในตอนนั้นเองฮาจุนถึงเริ่มดึงสติกลับมาได้ เขาตั้งตัวตรง แล้วยื่นตุ๊กตาให้น้องสาว แต่มินคยองกลับส่งใบหน้าหงิกงอกลับมาในทันที

“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากเป็นคนไม่รู้เรื่องรู้ราว ไปเอาของขวัญที่พี่ได้จากคนอื่นมาหรอกนะ”

“ก็บอกว่าไม่ใช่ไง อันนี้พี่เตรียมเป็นของขวัญให้มินคยองจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า อยากได้เมื่อไหร่ เดี๋ยวฉันมายืมที่ห้องพี่เอง โอเคไหมแบบนี้”

มินคยองพูดด้วยเสียงร่าเริง และเตรียมเดินดิ่งออกจากห้อง แต่เธอกลับพูดขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับเพิ่งนึกได้ถึงสิ่งที่ลืมว่าจะต้องบอก

“ออกมากินข้าวกลางวันด้วย!”

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ ห่างออกไปทางห้องนั่งเล่น ฮาจุนถอนหายใจ แล้วก้มลงมองเจ้าตุ๊กตาแมวคล้ายหมอนใบยาวในมือ ตาทรงสามเหลี่ยมเรียวแหลมหางตาชี้ขึ้น ไหนจะหน้าตาดื้อรั้นของเจ้าตุ๊กตาที่เหมือนกับคนให้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

ทำตัวอย่างกับเด็ก อายุก็มากแล้วแท้ๆ ยังยอมเสียสละของแบบนี้ให้น้องตัวเองไม่ได้…

‘ฉันมาหาเพราะมีของจะให้น่ะ’

พอนึกถึงใบหน้าของมูคยอมช่วงเช้ามืดของเมื่อวาน ตอนที่หมอนั่นมาเรียกเขาที่หลับอยู่ให้ออกไปหา แล้วยื่นกล่องให้ เขาก็เก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่

…แค่สักครั้ง ถ้าเขาจะอยากได้อะไรที่ไม่สมกับอายุ คงจะไม่เป็นไรใช่ไหม

คิมมูคยอมจะตื่นหรือยังนะ หรือจะยังเมาค้างอยู่ไหม แต่ดูแล้วก็น่าจะไหวอยู่…

เขาจะจำเรื่องเมื่อวานได้หรือเปล่า แล้วถ้าเกิดเขาลืมทุกอย่างหมดล่ะ

ฮาจุนลังเลอยู่ครู่หนึ่งขณะถือโทรศัพท์ไว้ในมือ ปกติแล้วเราสองคนไม่เคยติดต่อกันนอกเหนือจากตอนที่จะนัดเวลาทำเรื่องอย่างว่า กลับกันกับนักเตะคนอื่นๆ ฮาจุนได้พูดคุยกับพวกเขาแบบส่วนตัว ทั้งยังมีตอนที่ต้องส่งข้อความไปเพื่อตรวจสภาพร่างกายอีก หรืออาจเป็นเพราะตอนนี้เขามีสติครบถ้วนดีเลยยากที่จะให้ติดต่อมูคยอมไปแบบสบายๆ

เป็นความจริงที่ว่ามูคยอมดูแลตัวเองได้ดีมาก เขาจึงไม่จำเป็นต้องทักไปตรวจสภาพร่างกายของเจ้าตัวในทุกๆ วัน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่หมอนี่เข้าทีมมาครั้งแรก ตอนที่เขาโดนโมโหใส่และถามว่าทำไมถึงไม่ยอมแตะตัวกัน เรื่องนี้ก็เป็นความจริงเช่นกัน

ฮาจุนไม่ใช่คนที่ทำได้แย่เมื่อต้องใกล้ชิดกับผู้คน เขาชินด้วยซ้ำกับการแตะเนื้อตัวพวกนักเตะโดยไม่คิดอะไร ตอนนั้นก็เช่นกัน ถึงเขาจะมีสติรับรู้ดีว่าตรงหน้าคือมูคยอม แต่เขาก็ไม่ได้เลี่ยงที่จะแตะตัวหมอนั่นเป็นพิเศษ กับนักเตะคนอื่นๆ เขาสัมผัสตัวพวกนั้นแม้ในเวลาที่ไม่จำเป็น แต่กับมูคยอมเขาสัมผัสแค่ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีเพียงจุดนี้ที่แตกต่างกัน

หลังค่ำคืนราวเวทมนตร์ผ่านพ้นไป แสงอาทิตย์ก็สาดส่องมาเมื่อถึงเวลากลางวัน แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่ตั้งใจว่าจะไม่คิดถึงก็แล่นเข้ามากลางหัว

ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นล่ะ เมื่อตอนเช้ามืดอีก ทำไมกันนะ

เพราะมันเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวเหรอ หรือเพราะอยู่ทีมเดียวกัน น่าจะแค่นั้นใช่ไหม

’เหมือนเมื่อวานนายจะดื่มเข้าไปเยอะนะ รู้สึกดีขึ้นหรือยัง’

ฮาจุนจ้องไปยังช่องแชทที่มีข้อความเช่นนั้นปรากฏอยู่ แต่ไม่กล้ากดส่ง สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ ดึงตุ๊กตามากอด แล้วเอนตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ในตอนนั้นเอง “พี่ มากินข้าวเร็ว!” คล้อยหลังเสียงเร่งของมินคยอง เขาก็รีบลุกไปยังห้องนั่งเล่น มินคยองมองพี่ชายด้วยสายตาเป็นห่วงก่อนพูดขึ้น

“พี่คงเหนื่อยมากแน่ๆ วันนี้ถึงกับลุกไม่ขึ้นเลยสิเนี่ย”

“ขอโทษที่ต้องให้มาเรียกหลายรอบ แล้วฮาคยองไปไหนล่ะ”

“ออกไปก่อนแล้ว เห็นบอกว่าจะไปเล่นบาส เดี๋ยวก็กลิ่นเหงื่อฟุ้งเข้าห้องเรียนอีก”

มินคยองบ่นออดแอด พลางกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ บนจอภาพปรากฏรายการให้คำปรึกษาปัญหารักที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้ เหล่าคนดังในรายการเผยสีหน้าจริงจังขณะรับฟังเรื่องราวที่ถูกส่งมาในช่วงให้คำปรึกษา

‘ในเวลาปกติเขาก็ปฏิบัติกับฉันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เขาไม่ได้ใจดีเป็นพิเศษ หรือมีท่าทีเหมือนคนจีบกัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เหล้าเข้าปาก เขาจะชอบทำเหมือนมีใจให้กัน ครั้งหนึ่งเราเคยดื่มด้วยกันตอนไปค่าย และจูบกันตอนที่ทุกคนหลับอยู่ พอเกิดเรื่องแบบนี้ตอนแรกฉันก็แอบมีความหวัง แต่หลังจากสร่างเมาในวันรุ่งขึ้น เขาก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมา ฉันไม่รู้เลยว่าเขาจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่ หรือจริงๆ แล้วเขาก็ชอบฉัน แต่แค่ไม่บอกออกมาหรือเปล่าคะ’

มินคยองพูดขึ้น ขณะใช้ตะเกียบคีบผักเคียงขึ้นมา

“จะไปคิดจริงจังไม่ได้สิ เขาทำตอนเมานะ บ้าแล้ว”

เพราะรู้สึกเหมือนอยู่ๆ ตัวเองก็โดนด่า ฮาจุนจึงเลือกที่จะนั่งกินข้าวเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นมา

“พูดเหมือนตัวเองเคยดื่มเหล้าอย่างนั้นแหละ”

“ถึงฉันไม่ดื่ม ก็รู้จักคนที่ดื่มน่า มีถมเถไปพวกที่ดื่มจนเมาแล้วอยู่ๆ ก็ทำตัวเหมือนกำลังถ่ายหนัง มีเพื่อนในห้องที่แอบครูดื่มในโรงเรียนด้วย เจ้านั่นซัดโซจูไปขวด แล้วก็ไปร้องไห้คร่ำครวญอยู่ตรงทางเดิน”

“ร้องไห้? ทำไมอะ”

“ก็ดันไปเรียกเด็กจากห้องนั้นห้องนี้มา แล้วบอกว่าถ้าไม่มาตายแน่ พอสร่างเมาคงจะอายก็เลยตีมึนไป ตลกสุดๆ เลยอะ”

“…เธอไม่ได้ดื่มจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”

“แหงสิ เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว…”

ในตอนนั้นเองแม่ของพวกเขาก็มานั่งที่โต๊ะอาหาร และถามออกมา

“ดื่มอะไรกัน”

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกแม่”

มินคยองทิ้งท้ายไว้อย่างคลุมเครือแล้วกลับมาจดจ่อกับการกิน ฮาจุนมองไปยังน้องสาวครู่หนึ่งก่อนลอบถอนหายใจ พลางหยิบตะเกียบขึ้นมาจัดการอาหารตรงหน้าต่อ

***

กองหน้าชั้นยอดของกรีนฟอร์ดกับซิตี้โซล พ่วงตำแหน่งดาวเด่นแห่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษและวงการฟุตบอลเอเชีย เวิลด์สตาร์คิมมูคยอม วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เช้า แค่การดื่มเหล้าในปริมาณที่มากเกินก็ทำให้มูคยอมไม่สบอารมณ์มากพอแล้ว นี่ยังมีเรื่องที่เขาทำลงไปโดยไม่ตั้งใจตอนเมาอีก ครั้งสุดท้ายที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็น่าจะตอนที่เขาอายุราวๆ 21 ปี

ช่วงเวลาที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ได้ไม่นาน เป็นช่วงที่เขาติดหนึบกับความสนุกที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานปาร์ตี้และงานสังสรรค์ต่างๆ เมื่อดื่มมากเกินไป เรื่องเล็กน้อยก็ทำให้มีปากเสียงขึ้นมาได้ และไปลงเอยที่การต่อยตีกัน เรื่องราวถูกนำไปออกข่าว เป็นเหตุให้เขาได้รับสายข้ามประเทศจากจุนซอง และโดนดุเข้าให้ แต่ถึงแม้จะไม่ถูกจุนซองต่อว่า เขาก็มาถึงประเทศอังกฤษ และไม่อยากจะตกต่ำลงเพราะปัญหาแบบนั้น ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงพยายามที่จะไม่ดื่มเหล้าจนตัวเองเมาอีก

แต่เมื่อวาน

มูคยอมกระดกน้ำเย็นหนึ่งแก้วลงคอ แล้วก่นด่าออกมาด้วยความดังที่พอจะไม่มีใครได้ยิน

“แม่งเอ๊ย…”

ปัญหาเริ่มขึ้นตั้งแต่ที่การแข่งปาเป้ายืดเยื้อกว่าที่คิดไว้ ในทีแรกมูคยอมคิดว่าตัวเองจะสามารถครองที่หนึ่งไปได้ง่ายๆ จนกระทั่งคู่แข่งที่ฝีมือดีสูสีกับเขาปรากฏตัวขึ้นมา

ถึงอย่างนั้นรางวัลที่เขาเล็งไว้คือตุ๊กตามาตั้งแต่แรก จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคว้าที่หนึ่งมาด้วยซ้ำ แต่ด้วยความอยากเอาชนะของอีกฝั่งที่พลอยทำเรื่องเลยเถิดขึ้นมา ผู้คนที่มารวมกันต่างรู้กันหมดว่าคิมมูคยอมได้ก้าวเท้าเข้าร่วมสงครามเป็นที่เรียบร้อย ถึงจะบอกว่าเป็นแค่เกมเล่นฆ่าเวลาในงานปาร์ตี้ แต่ไม่สิ เพราะแบบนี้เขาจึงจินตนาการไม่ออกว่าตัวเองจะไม่เป็นที่หนึ่งได้ยังไง

ทั้งสองคนทำคะแนนตีเสมอกันมาเรื่อยๆ เหล่าผู้ชมรอบข้างต่างก็เริ่มกังวล เกมปาเป้าที่ถูกเตรียมมาเพื่อเพิ่มสีสันให้กับงานปาร์ตี้ แปรเปลี่ยนเป็นการแข่งขันสุดดุเดือด แม้เกมจะสามารถจบลงง่ายๆ ด้วยการเป่ายิ้งฉุบ แต่บรรยากาศกลับตึงเครียดขึ้น อีกทั้งพิธีกรที่ไม่ยอมตัดจบสักที และเอาแต่กลืนน้ำลายมองไปยังสงครามอันร้อนแรงของทั้งสอง การตัดสินแพ้ชนะที่เป็นไปอย่างยากลำบากพาลทำให้มูคยอมหัวร้อนขึ้นมา ระหว่างรอให้ถึงรอบของตัวเอง เขาจึงซัดเหล้าเกลี้ยงไปแก้วสองแก้ว

ดูเหมือนว่าเขาจะปาลูกดอกบ้านี่ไปสิบสองรอบเห็นจะได้ ท้ายที่สุดไม่รู้ว่าเพราะเจ้านั่นมือลื่นจนเกิดปาพลาดขึ้นมาหรือเปล่า ในตอนนั้นเองลูกดอกจึงลอยเข้าไปปักบนจุดที่ผิดไป…!

หากที่ตรงนั้นเป็นสนามกีฬา มูคยอมคงจะทำท่าโปรยจูบไปให้ผู้ชมแล้ววิ่งฉลองที่ทำประตูได้สักรอบ ผู้คนต่างโห่ร้องร่วมยินดี จนมูคยอมถูกมอมเมาไปด้วยแอลกอฮอล์และชัยชนะ เขาเวียนชนวิสกี้กับทุกคนในบาร์แก้วต่อแก้ว และได้รับการตอบรับสุดร้อนแรงจากผู้คนในตอนนั้น

จากนั้นเขาจึงตามหาผู้ชนะอันดับที่สี่ของเกม แล้วเอาของรางวัลมูลค่าสิบล้านวอนไปแลกกับตุ๊กตา เมื่อลุล่วงเป้าหมายทั้งหมดก็ได้เวลากลับมาเติมเหล้าเข้าร่างกายด้วยความสำราญ

เมื่อนึกถึงการแข่งขันสุดท้ายในช่วงครึ่งแรกของปีที่จบลงไปอย่างประสบความสำเร็จและวันหยุดที่จะมาถึง ที่แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายไปได้เปลาะหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องที่เขาไปเมามา และทำบางอย่างลงไป

“อ่า บ้าเอ๊ย! แย่ชะมัด!”

ปัง! มูคยอมวางแก้วลงบนโต๊ะ เสียงดังราวกับจะแตก

มูคยอมจำเรื่องเมื่อคืนได้ แม้จะแอบหวังให้ตัวเองจำอะไรไม่ได้ก็ตาม ถึงจะจำได้ไม่ครบทุกอย่างแต่ภาพในหัวก็ฉายชัดว่าเขาไปที่หน้าบ้านของฮาจุน แล้วเรียกให้หมอนั่นออกมา

ในทีแรกมูคยอมคิดไว้ว่าหลังจากที่ได้ตุ๊กตามา วันนี้เขาจะเอามันไว้ที่บ้านก่อน พอพรุ่งนี้ไปทำงานก็ค่อยเอาไปให้ฮาจุน แล้วค่อยบอกว่าได้มาจากคนรู้จัก ทำเหมือนกับว่าไม่ใช่อะไรที่พิเศษ แต่การไปหาหมอนั่นตั้งแต่เช้ามืดแล้วเรียกให้ออกมาเอาของ ทำตัวเหมือนคู่รักที่เลิกรากันไป ความคิดแบบนั้นไม่มีอยู่ในหัวของเขาสักนิด

นึกไปถึงฮาจุนที่มองกันด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ไหนจะการกระทำเหมือนคนบ้าที่รีบไปหาเขาถึงบ้านในเวลานั้น แอบยิ้มชอบใจตอนเอาของไปให้เขาเหมือนไอทึ่ม คะยั้นคะยอให้เจ้าตัวเปิดของดูตรงนั้นเหมือนกับว่าของที่ให้ดีเลิศซะเต็มประดา ทั้งยังบ่นกระปอดกระแปดถามเขาว่าไม่ถูกใจของหรือเปล่า

ฉันได้มองหมอนั่นแล้วบอกว่าเขาน่ารักด้วยไหม ฉันเนี่ยนะ ดูเหมือนว่าความทรงจำตั้งแต่ช่วงนั้นจะค่อนข้างเลือนราง

แน่นอนว่าอีฮาจุนก็มีเสี้ยวส่วนที่น่ารักในตัว แต่ในสถานการณ์ ณ ตอนนั้น บวกกับการกระทำแบบนั้น นั่นเป็นคำพูดที่ไม่ควรจะถูกเอ่ยออกไป มันเป็นอะไรที่น่าขายหน้าสุดๆ

ทำไมนายถึงทำแบบนั้นเนี่ย คิมมูคยอม

เรื่องน่าขายหน้านั่นก็ทำเอาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนอยู่แล้ว ถ้าเกิดหมอนั่นเข้าใจผิดอีกล่ะ จะทำยังไง

ถ้าเกิดฮาจุนคิดว่าสิ่งที่เขาทำให้มันพิเศษ หรือคิดเลยเถิดล่ะ จะทำยังไง

มูคยอมพอใจมากกับความสัมพันธ์แบบคู่นอนกับฮาจุนในตอนนี้ ความสัมพันธ์ที่น่าตื่นเต้นและมีระยะห่างให้กันแต่พอดี แต่ตอนนี้เขาได้ทำมันพังลงด้วยมือของตัวเอง

เขาหย่อนตัวนั่งบนโซฟา อาการมึนเมาหายหมดไปแล้ว แต่ยังมีเรื่องอื่นที่ทำให้ปวดหัว มูคยอมที่นอนขดตัวเอามือกุมหัวอยู่ยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์ราวกับนึกอะไรดีๆ ออก

ระหว่างเสียงสัญญาณรอสายดัง มูคยอมก็นั่งเคี้ยวริมฝีปากตัวเองรอการตอบรับจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ การรอคอยที่ยาวนานพาลทำอารมณ์ขุ่นมัว และก่อนที่เขาจะได้เขวี้ยงเครื่องมือสื่อสารออกจากมือเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้น

‘ว่าไง มูคยอม เมื่อวานกลับไปถึงอย่างปลอดภัยหรือเปล่า’

“พี่ ผมมีเรื่องจะขอให้ช่วยหน่อย”

‘ช่วยเหรอ อะไรล่ะ ว่ามาสิ ว่าแต่เมื่อวานขอบใจมากนะที่มางานปาร์ตี้’

มูคยอมสบายใจขึ้นเปลาะหนึ่ง ก่อนเอนตัวนอนบนโซฟา และสานต่อบทสนทนา

“ตุ๊กตาตัวเมื่อวาน ของรางวัลเกมปาเป้าน่ะ”

‘อ๋อ ว่าไง ได้ยินว่านายเอารางวัลที่หนึ่งไปแลกกับตุ๊กตาตัวนั้นมานี่? ไม่สิ พอแลกเสร็จจู่ๆ นายก็กระวีกระวาดวิ่งออกไปเลยใช่ไหม’

“ตุ๊กตายังเหลืออีกไหม พี่หาให้ผมอีกสักตัวได้ไหม”

‘ไม่มีแล้วนะ’

“ต้องมีสิ ผมต้องใช้มันนะ ถ้าไม่มีก็ทำให้มีแล้วเอามาให้ผมหน่อยได้ไหม”

‘เอาจริงๆ ฉันก็มีอยู่ตัวหนึ่งที่เก็บเอาไว้ให้ลูก แต่ตัวนี้ให้ไม่ได้’

“ไว้เดี๋ยวมีงานอะไร ผมไปให้ฟรีๆ แบบไม่คิดค่าตัวเลย ให้ผมเถอะนะ”

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง แค่ตุ๊กตาตัวเดียวเขาให้ได้อยู่แล้ว ทำไมเจ้าคนกระเป๋าหนานี่ถึงได้มองทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองและขี้เหนียวขนาดนี้นะ

‘นายจะเอาไปทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องรีบขนาดนี้’

“ไม่มีอะไรหรอกน่า พี่ไม่ต้องเอาอะไรมาให้ผมนะ เดี๋ยวผมส่งที่อยู่ไปให้ พี่ช่วยห่อใส่กล่อง ใช้ชื่อผมเป็นผู้ส่งแล้วส่งเป็นของขวัญให้หน่อย ส่งแบบด่วนเลยนะ พี่จะช่วยผมใช่ไหม”

‘ …ต้องสัญญานะ เรื่องที่จะมางานให้ฟรีๆ’

“พี่เคยเห็นผมไม่รักษาสัญญาหรือไง คิมมูคยอมน่ะ ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว”

สายถูกวางลงหลังอีกฝั่งรับรู้ และขอให้ส่งที่อยู่มาเร็วๆ มูคยอมรีบต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับคนในสโมสร และพิมพ์ที่อยู่ที่หาเจอส่งไปให้ทางข้อความ

วันต่อมา เมื่อมาถึงสนามฝึกมูคยอมพยายามควบคุมสีหน้าของตัวเองก่อนเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ปกติแล้วเขามักจะไม่เข้าฝึกสาย แต่วันนี้เขาตั้งใจมาให้ช้ากว่าเดิมเล็กน้อย ดังนั้นในตอนที่มาถึงนักเตะคนอื่นๆ จึงออกไปจากห้องนี้กันหมดแล้ว

มูคยอมรีบเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัวที่เงียบเหงา ก่อนมุ่งออกไปตามทางเดิน ระหว่างนั้นก็ชำเลืองมองนอกหน้าต่างเพื่อสังเกตสถานการณ์บริเวณสนามหญ้า ตอนนี้ทั้งฮาจุนและนักเตะคนอื่นต่างก็ประจำที่ และกำลังขยับร่างกายกันอยู่ มูคยอมกระแอมไอในลำคอหนึ่งครั้ง แล้วเปิดประตูเดินออกไปหาคนอื่นๆ ทำทีว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คิมมูคยอม!”

อย่างที่คาดไว้ว่าอิมจองคยูจะต้องเป็นคนแรกที่เข้ามาทักเขา มูคยอมเดินเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ

“นายบ้าไปแล้วเหรอ”

มูคยอมผูกคิ้วเป็นปมเมื่ออยู่ๆ ก็โดนว่าร้ายขึ้นมา เขาใช้มือดันใบหน้าของจองคยูที่ยื่นมาใกล้ให้ห่างออก

“นี่คือคำทักทายของนายหรือไง”

“ไม่มีทางที่นายจะทำอะไรแบบนี้เป็นอันขาด นอกเสียจากว่านายจะบ้าไปแล้ว คนที่ไม่แม้แต่จะเหลียวมองรูปฮีมังลูกสาวฉันมาทำอะไรแบบนี้เนี่ยนะ เมื่อวานฉันคิดหนักมากเลยนะก่อนเปิดดูของ ถึงกับคิดว่าใช่พัสดุจากพวกก่อการร้ายหรือเปล่า”

มูคยอมจงใจไม่ตอบ แล้วเดินไปตรงหน้าฮาจุน ประกบด้วยจองคยูยังคงเดินบ่นตามมา

“นายรู้ได้ยังไงว่าคุณยอนซูอยากได้ตุ๊กตานั่น นายไม่เหมือนคนที่จะมาสนใจของเล่นเด็กอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ นายรู้ได้ยังไง ฉันประทับใจจริงๆ นะ นายใช่คิมมูคยอมที่ฉันรู้จักจริงๆ ไหมเนี่ย”

“ฉันได้ยินที่นายกับโค้ชอีคุยกันเมื่อไม่นานนี้”

“หือ? งั้นนายก็ด้วยเหรอฮาจุน”

คำพูดก่อนหน้าของจองคยู ทำฮาจุนตาเบิกกว้างมองสองคนตรงหน้า เขานิ่งไปครู่หนึ่งราวกับกำลังพยายามเข้าใจบทสนทนาก่อนพยักหน้าแล้วรีบยิ้มออกมา

“อ่า ใช่”

“คิมมูคยอม ฉันเคยได้ยินมาว่าคนเรามักจะเปลี่ยนไปเมื่อใกล้ตาย นี่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับนายใช่ไหม”

มูคยอมอุตส่าห์รีบส่งของขวัญไปให้จะได้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ยินคำพูดดีๆ สักคำ หมดคำจะพูดเลยจริงๆ ขอสัญญาเลยว่าเขาจะไม่แสดงน้ำใจแม้แต่ปลายเล็บให้จองคยูอีกเป็นครั้งที่สอง

“แค่บอกขอบคุณ จะตายหรือไง?”

“ไม่สิ ฉันก็แค่ดีใจ ขอบพระคุณครับ พระเจ้ามูคยอม”

“ฉันไปงานปาร์ตี้ของคนรู้จักมา ตุ๊กตานั่นเป็นของรางวัลจากเกมในงาน แล้วฉันก็ได้มันมา ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก แค่ฉันนึกถึงเรื่องที่พวกนายสองคนคุยกันเมื่อไม่กี่วันก่อนพอดี”

ไม่ได้ใช้เงินซื้อ ไม่ได้หามาอย่างยากลำบาก แล้วก็ไม่ได้มีไว้สำหรับนายคนเดียวด้วย อีฮาจุน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก 39

Now you are reading Half Line ข้ามเส้นนี้ไป ระวังตกหลุมรัก Chapter 39 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“…พี่ได้เป็นของขวัญมาเหรอ”

หลังเห็นพี่ชายตัวเองอ้ำอึ้งตอบคำถามไม่ได้ มินคยองที่พอจะเดาสถานการณ์ออกจึงถามขึ้นมา คำถามนี้ก็เช่นกัน ฮาจุนไม่สามารถตอบได้ในทันที มินคยองก้าวเท้าเข้าไปหาแล้วยื่นตุ๊กตาคืนให้ก่อนจะบ่นออกมา

“ฉันว่าใช่แน่ๆ เฮ้อ พี่ก็บอกมาสิ มัวแต่ทำหน้าเศร้าอย่างนั้นทำไม กลัวฉันจะเอาไปหรือไง”

“ไม่ใช่นะ มินคยอง พี่ตั้งใจจะให้มินคยองจริงๆ เอาไปสิ”

ในตอนนั้นเองฮาจุนถึงเริ่มดึงสติกลับมาได้ เขาตั้งตัวตรง แล้วยื่นตุ๊กตาให้น้องสาว แต่มินคยองกลับส่งใบหน้าหงิกงอกลับมาในทันที

“ช่างเถอะ ฉันไม่อยากเป็นคนไม่รู้เรื่องรู้ราว ไปเอาของขวัญที่พี่ได้จากคนอื่นมาหรอกนะ”

“ก็บอกว่าไม่ใช่ไง อันนี้พี่เตรียมเป็นของขวัญให้มินคยองจริงๆ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า อยากได้เมื่อไหร่ เดี๋ยวฉันมายืมที่ห้องพี่เอง โอเคไหมแบบนี้”

มินคยองพูดด้วยเสียงร่าเริง และเตรียมเดินดิ่งออกจากห้อง แต่เธอกลับพูดขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับเพิ่งนึกได้ถึงสิ่งที่ลืมว่าจะต้องบอก

“ออกมากินข้าวกลางวันด้วย!”

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าค่อยๆ ห่างออกไปทางห้องนั่งเล่น ฮาจุนถอนหายใจ แล้วก้มลงมองเจ้าตุ๊กตาแมวคล้ายหมอนใบยาวในมือ ตาทรงสามเหลี่ยมเรียวแหลมหางตาชี้ขึ้น ไหนจะหน้าตาดื้อรั้นของเจ้าตุ๊กตาที่เหมือนกับคนให้อย่างไม่ผิดเพี้ยน

ทำตัวอย่างกับเด็ก อายุก็มากแล้วแท้ๆ ยังยอมเสียสละของแบบนี้ให้น้องตัวเองไม่ได้…

‘ฉันมาหาเพราะมีของจะให้น่ะ’

พอนึกถึงใบหน้าของมูคยอมช่วงเช้ามืดของเมื่อวาน ตอนที่หมอนั่นมาเรียกเขาที่หลับอยู่ให้ออกไปหา แล้วยื่นกล่องให้ เขาก็เก็บสีหน้าเอาไว้ไม่อยู่

…แค่สักครั้ง ถ้าเขาจะอยากได้อะไรที่ไม่สมกับอายุ คงจะไม่เป็นไรใช่ไหม

คิมมูคยอมจะตื่นหรือยังนะ หรือจะยังเมาค้างอยู่ไหม แต่ดูแล้วก็น่าจะไหวอยู่…

เขาจะจำเรื่องเมื่อวานได้หรือเปล่า แล้วถ้าเกิดเขาลืมทุกอย่างหมดล่ะ

ฮาจุนลังเลอยู่ครู่หนึ่งขณะถือโทรศัพท์ไว้ในมือ ปกติแล้วเราสองคนไม่เคยติดต่อกันนอกเหนือจากตอนที่จะนัดเวลาทำเรื่องอย่างว่า กลับกันกับนักเตะคนอื่นๆ ฮาจุนได้พูดคุยกับพวกเขาแบบส่วนตัว ทั้งยังมีตอนที่ต้องส่งข้อความไปเพื่อตรวจสภาพร่างกายอีก หรืออาจเป็นเพราะตอนนี้เขามีสติครบถ้วนดีเลยยากที่จะให้ติดต่อมูคยอมไปแบบสบายๆ

เป็นความจริงที่ว่ามูคยอมดูแลตัวเองได้ดีมาก เขาจึงไม่จำเป็นต้องทักไปตรวจสภาพร่างกายของเจ้าตัวในทุกๆ วัน แต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่หมอนี่เข้าทีมมาครั้งแรก ตอนที่เขาโดนโมโหใส่และถามว่าทำไมถึงไม่ยอมแตะตัวกัน เรื่องนี้ก็เป็นความจริงเช่นกัน

ฮาจุนไม่ใช่คนที่ทำได้แย่เมื่อต้องใกล้ชิดกับผู้คน เขาชินด้วยซ้ำกับการแตะเนื้อตัวพวกนักเตะโดยไม่คิดอะไร ตอนนั้นก็เช่นกัน ถึงเขาจะมีสติรับรู้ดีว่าตรงหน้าคือมูคยอม แต่เขาก็ไม่ได้เลี่ยงที่จะแตะตัวหมอนั่นเป็นพิเศษ กับนักเตะคนอื่นๆ เขาสัมผัสตัวพวกนั้นแม้ในเวลาที่ไม่จำเป็น แต่กับมูคยอมเขาสัมผัสแค่ที่จำเป็นเท่านั้น ดูเหมือนว่าจะมีเพียงจุดนี้ที่แตกต่างกัน

หลังค่ำคืนราวเวทมนตร์ผ่านพ้นไป แสงอาทิตย์ก็สาดส่องมาเมื่อถึงเวลากลางวัน แต่ท้ายที่สุดสิ่งที่ตั้งใจว่าจะไม่คิดถึงก็แล่นเข้ามากลางหัว

ทำไมเขาถึงทำแบบนั้นล่ะ เมื่อตอนเช้ามืดอีก ทำไมกันนะ

เพราะมันเป็นความสัมพันธ์ระยะยาวเหรอ หรือเพราะอยู่ทีมเดียวกัน น่าจะแค่นั้นใช่ไหม

’เหมือนเมื่อวานนายจะดื่มเข้าไปเยอะนะ รู้สึกดีขึ้นหรือยัง’

ฮาจุนจ้องไปยังช่องแชทที่มีข้อความเช่นนั้นปรากฏอยู่ แต่ไม่กล้ากดส่ง สุดท้ายเขาก็ยอมแพ้ ดึงตุ๊กตามากอด แล้วเอนตัวนอนลงบนเตียงอีกครั้ง ในตอนนั้นเอง “พี่ มากินข้าวเร็ว!” คล้อยหลังเสียงเร่งของมินคยอง เขาก็รีบลุกไปยังห้องนั่งเล่น มินคยองมองพี่ชายด้วยสายตาเป็นห่วงก่อนพูดขึ้น

“พี่คงเหนื่อยมากแน่ๆ วันนี้ถึงกับลุกไม่ขึ้นเลยสิเนี่ย”

“ขอโทษที่ต้องให้มาเรียกหลายรอบ แล้วฮาคยองไปไหนล่ะ”

“ออกไปก่อนแล้ว เห็นบอกว่าจะไปเล่นบาส เดี๋ยวก็กลิ่นเหงื่อฟุ้งเข้าห้องเรียนอีก”

มินคยองบ่นออดแอด พลางกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ บนจอภาพปรากฏรายการให้คำปรึกษาปัญหารักที่กำลังเป็นกระแสในช่วงนี้ เหล่าคนดังในรายการเผยสีหน้าจริงจังขณะรับฟังเรื่องราวที่ถูกส่งมาในช่วงให้คำปรึกษา

‘ในเวลาปกติเขาก็ปฏิบัติกับฉันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆ เขาไม่ได้ใจดีเป็นพิเศษ หรือมีท่าทีเหมือนคนจีบกัน แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เหล้าเข้าปาก เขาจะชอบทำเหมือนมีใจให้กัน ครั้งหนึ่งเราเคยดื่มด้วยกันตอนไปค่าย และจูบกันตอนที่ทุกคนหลับอยู่ พอเกิดเรื่องแบบนี้ตอนแรกฉันก็แอบมีความหวัง แต่หลังจากสร่างเมาในวันรุ่งขึ้น เขาก็ไม่ปริปากพูดอะไรออกมา ฉันไม่รู้เลยว่าเขาจำสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ หรือแกล้งทำเป็นไม่รู้กันแน่ หรือจริงๆ แล้วเขาก็ชอบฉัน แต่แค่ไม่บอกออกมาหรือเปล่าคะ’

มินคยองพูดขึ้น ขณะใช้ตะเกียบคีบผักเคียงขึ้นมา

“จะไปคิดจริงจังไม่ได้สิ เขาทำตอนเมานะ บ้าแล้ว”

เพราะรู้สึกเหมือนอยู่ๆ ตัวเองก็โดนด่า ฮาจุนจึงเลือกที่จะนั่งกินข้าวเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดขึ้นมา

“พูดเหมือนตัวเองเคยดื่มเหล้าอย่างนั้นแหละ”

“ถึงฉันไม่ดื่ม ก็รู้จักคนที่ดื่มน่า มีถมเถไปพวกที่ดื่มจนเมาแล้วอยู่ๆ ก็ทำตัวเหมือนกำลังถ่ายหนัง มีเพื่อนในห้องที่แอบครูดื่มในโรงเรียนด้วย เจ้านั่นซัดโซจูไปขวด แล้วก็ไปร้องไห้คร่ำครวญอยู่ตรงทางเดิน”

“ร้องไห้? ทำไมอะ”

“ก็ดันไปเรียกเด็กจากห้องนั้นห้องนี้มา แล้วบอกว่าถ้าไม่มาตายแน่ พอสร่างเมาคงจะอายก็เลยตีมึนไป ตลกสุดๆ เลยอะ”

“…เธอไม่ได้ดื่มจริงๆ ใช่ไหมเนี่ย”

“แหงสิ เรื่องนั้นมันแน่อยู่แล้ว…”

ในตอนนั้นเองแม่ของพวกเขาก็มานั่งที่โต๊ะอาหาร และถามออกมา

“ดื่มอะไรกัน”

“อ๋อ ไม่มีอะไรหรอกแม่”

มินคยองทิ้งท้ายไว้อย่างคลุมเครือแล้วกลับมาจดจ่อกับการกิน ฮาจุนมองไปยังน้องสาวครู่หนึ่งก่อนลอบถอนหายใจ พลางหยิบตะเกียบขึ้นมาจัดการอาหารตรงหน้าต่อ

***

กองหน้าชั้นยอดของกรีนฟอร์ดกับซิตี้โซล พ่วงตำแหน่งดาวเด่นแห่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษและวงการฟุตบอลเอเชีย เวิลด์สตาร์คิมมูคยอม วันนี้เขาอารมณ์ไม่ดีตั้งแต่เช้า แค่การดื่มเหล้าในปริมาณที่มากเกินก็ทำให้มูคยอมไม่สบอารมณ์มากพอแล้ว นี่ยังมีเรื่องที่เขาทำลงไปโดยไม่ตั้งใจตอนเมาอีก ครั้งสุดท้ายที่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็น่าจะตอนที่เขาอายุราวๆ 21 ปี

ช่วงเวลาที่เพิ่งก้าวเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ได้ไม่นาน เป็นช่วงที่เขาติดหนึบกับความสนุกที่ได้รับเชิญให้ไปร่วมงานปาร์ตี้และงานสังสรรค์ต่างๆ เมื่อดื่มมากเกินไป เรื่องเล็กน้อยก็ทำให้มีปากเสียงขึ้นมาได้ และไปลงเอยที่การต่อยตีกัน เรื่องราวถูกนำไปออกข่าว เป็นเหตุให้เขาได้รับสายข้ามประเทศจากจุนซอง และโดนดุเข้าให้ แต่ถึงแม้จะไม่ถูกจุนซองต่อว่า เขาก็มาถึงประเทศอังกฤษ และไม่อยากจะตกต่ำลงเพราะปัญหาแบบนั้น ตั้งแต่นั้นมาเขาจึงพยายามที่จะไม่ดื่มเหล้าจนตัวเองเมาอีก

แต่เมื่อวาน

มูคยอมกระดกน้ำเย็นหนึ่งแก้วลงคอ แล้วก่นด่าออกมาด้วยความดังที่พอจะไม่มีใครได้ยิน

“แม่งเอ๊ย…”

ปัญหาเริ่มขึ้นตั้งแต่ที่การแข่งปาเป้ายืดเยื้อกว่าที่คิดไว้ ในทีแรกมูคยอมคิดว่าตัวเองจะสามารถครองที่หนึ่งไปได้ง่ายๆ จนกระทั่งคู่แข่งที่ฝีมือดีสูสีกับเขาปรากฏตัวขึ้นมา

ถึงอย่างนั้นรางวัลที่เขาเล็งไว้คือตุ๊กตามาตั้งแต่แรก จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องคว้าที่หนึ่งมาด้วยซ้ำ แต่ด้วยความอยากเอาชนะของอีกฝั่งที่พลอยทำเรื่องเลยเถิดขึ้นมา ผู้คนที่มารวมกันต่างรู้กันหมดว่าคิมมูคยอมได้ก้าวเท้าเข้าร่วมสงครามเป็นที่เรียบร้อย ถึงจะบอกว่าเป็นแค่เกมเล่นฆ่าเวลาในงานปาร์ตี้ แต่ไม่สิ เพราะแบบนี้เขาจึงจินตนาการไม่ออกว่าตัวเองจะไม่เป็นที่หนึ่งได้ยังไง

ทั้งสองคนทำคะแนนตีเสมอกันมาเรื่อยๆ เหล่าผู้ชมรอบข้างต่างก็เริ่มกังวล เกมปาเป้าที่ถูกเตรียมมาเพื่อเพิ่มสีสันให้กับงานปาร์ตี้ แปรเปลี่ยนเป็นการแข่งขันสุดดุเดือด แม้เกมจะสามารถจบลงง่ายๆ ด้วยการเป่ายิ้งฉุบ แต่บรรยากาศกลับตึงเครียดขึ้น อีกทั้งพิธีกรที่ไม่ยอมตัดจบสักที และเอาแต่กลืนน้ำลายมองไปยังสงครามอันร้อนแรงของทั้งสอง การตัดสินแพ้ชนะที่เป็นไปอย่างยากลำบากพาลทำให้มูคยอมหัวร้อนขึ้นมา ระหว่างรอให้ถึงรอบของตัวเอง เขาจึงซัดเหล้าเกลี้ยงไปแก้วสองแก้ว

ดูเหมือนว่าเขาจะปาลูกดอกบ้านี่ไปสิบสองรอบเห็นจะได้ ท้ายที่สุดไม่รู้ว่าเพราะเจ้านั่นมือลื่นจนเกิดปาพลาดขึ้นมาหรือเปล่า ในตอนนั้นเองลูกดอกจึงลอยเข้าไปปักบนจุดที่ผิดไป…!

หากที่ตรงนั้นเป็นสนามกีฬา มูคยอมคงจะทำท่าโปรยจูบไปให้ผู้ชมแล้ววิ่งฉลองที่ทำประตูได้สักรอบ ผู้คนต่างโห่ร้องร่วมยินดี จนมูคยอมถูกมอมเมาไปด้วยแอลกอฮอล์และชัยชนะ เขาเวียนชนวิสกี้กับทุกคนในบาร์แก้วต่อแก้ว และได้รับการตอบรับสุดร้อนแรงจากผู้คนในตอนนั้น

จากนั้นเขาจึงตามหาผู้ชนะอันดับที่สี่ของเกม แล้วเอาของรางวัลมูลค่าสิบล้านวอนไปแลกกับตุ๊กตา เมื่อลุล่วงเป้าหมายทั้งหมดก็ได้เวลากลับมาเติมเหล้าเข้าร่างกายด้วยความสำราญ

เมื่อนึกถึงการแข่งขันสุดท้ายในช่วงครึ่งแรกของปีที่จบลงไปอย่างประสบความสำเร็จและวันหยุดที่จะมาถึง ที่แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ก็ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายไปได้เปลาะหนึ่ง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีเรื่องที่เขาไปเมามา และทำบางอย่างลงไป

“อ่า บ้าเอ๊ย! แย่ชะมัด!”

ปัง! มูคยอมวางแก้วลงบนโต๊ะ เสียงดังราวกับจะแตก

มูคยอมจำเรื่องเมื่อคืนได้ แม้จะแอบหวังให้ตัวเองจำอะไรไม่ได้ก็ตาม ถึงจะจำได้ไม่ครบทุกอย่างแต่ภาพในหัวก็ฉายชัดว่าเขาไปที่หน้าบ้านของฮาจุน แล้วเรียกให้หมอนั่นออกมา

ในทีแรกมูคยอมคิดไว้ว่าหลังจากที่ได้ตุ๊กตามา วันนี้เขาจะเอามันไว้ที่บ้านก่อน พอพรุ่งนี้ไปทำงานก็ค่อยเอาไปให้ฮาจุน แล้วค่อยบอกว่าได้มาจากคนรู้จัก ทำเหมือนกับว่าไม่ใช่อะไรที่พิเศษ แต่การไปหาหมอนั่นตั้งแต่เช้ามืดแล้วเรียกให้ออกมาเอาของ ทำตัวเหมือนคู่รักที่เลิกรากันไป ความคิดแบบนั้นไม่มีอยู่ในหัวของเขาสักนิด

นึกไปถึงฮาจุนที่มองกันด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ ไหนจะการกระทำเหมือนคนบ้าที่รีบไปหาเขาถึงบ้านในเวลานั้น แอบยิ้มชอบใจตอนเอาของไปให้เขาเหมือนไอทึ่ม คะยั้นคะยอให้เจ้าตัวเปิดของดูตรงนั้นเหมือนกับว่าของที่ให้ดีเลิศซะเต็มประดา ทั้งยังบ่นกระปอดกระแปดถามเขาว่าไม่ถูกใจของหรือเปล่า

ฉันได้มองหมอนั่นแล้วบอกว่าเขาน่ารักด้วยไหม ฉันเนี่ยนะ ดูเหมือนว่าความทรงจำตั้งแต่ช่วงนั้นจะค่อนข้างเลือนราง

แน่นอนว่าอีฮาจุนก็มีเสี้ยวส่วนที่น่ารักในตัว แต่ในสถานการณ์ ณ ตอนนั้น บวกกับการกระทำแบบนั้น นั่นเป็นคำพูดที่ไม่ควรจะถูกเอ่ยออกไป มันเป็นอะไรที่น่าขายหน้าสุดๆ

ทำไมนายถึงทำแบบนั้นเนี่ย คิมมูคยอม

เรื่องน่าขายหน้านั่นก็ทำเอาไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนอยู่แล้ว ถ้าเกิดหมอนั่นเข้าใจผิดอีกล่ะ จะทำยังไง

ถ้าเกิดฮาจุนคิดว่าสิ่งที่เขาทำให้มันพิเศษ หรือคิดเลยเถิดล่ะ จะทำยังไง

มูคยอมพอใจมากกับความสัมพันธ์แบบคู่นอนกับฮาจุนในตอนนี้ ความสัมพันธ์ที่น่าตื่นเต้นและมีระยะห่างให้กันแต่พอดี แต่ตอนนี้เขาได้ทำมันพังลงด้วยมือของตัวเอง

เขาหย่อนตัวนั่งบนโซฟา อาการมึนเมาหายหมดไปแล้ว แต่ยังมีเรื่องอื่นที่ทำให้ปวดหัว มูคยอมที่นอนขดตัวเอามือกุมหัวอยู่ยื่นมือออกไปหยิบโทรศัพท์ราวกับนึกอะไรดีๆ ออก

ระหว่างเสียงสัญญาณรอสายดัง มูคยอมก็นั่งเคี้ยวริมฝีปากตัวเองรอการตอบรับจากอีกฝั่งของโทรศัพท์ การรอคอยที่ยาวนานพาลทำอารมณ์ขุ่นมัว และก่อนที่เขาจะได้เขวี้ยงเครื่องมือสื่อสารออกจากมือเสียงจากปลายสายก็ดังขึ้น

‘ว่าไง มูคยอม เมื่อวานกลับไปถึงอย่างปลอดภัยหรือเปล่า’

“พี่ ผมมีเรื่องจะขอให้ช่วยหน่อย”

‘ช่วยเหรอ อะไรล่ะ ว่ามาสิ ว่าแต่เมื่อวานขอบใจมากนะที่มางานปาร์ตี้’

มูคยอมสบายใจขึ้นเปลาะหนึ่ง ก่อนเอนตัวนอนบนโซฟา และสานต่อบทสนทนา

“ตุ๊กตาตัวเมื่อวาน ของรางวัลเกมปาเป้าน่ะ”

‘อ๋อ ว่าไง ได้ยินว่านายเอารางวัลที่หนึ่งไปแลกกับตุ๊กตาตัวนั้นมานี่? ไม่สิ พอแลกเสร็จจู่ๆ นายก็กระวีกระวาดวิ่งออกไปเลยใช่ไหม’

“ตุ๊กตายังเหลืออีกไหม พี่หาให้ผมอีกสักตัวได้ไหม”

‘ไม่มีแล้วนะ’

“ต้องมีสิ ผมต้องใช้มันนะ ถ้าไม่มีก็ทำให้มีแล้วเอามาให้ผมหน่อยได้ไหม”

‘เอาจริงๆ ฉันก็มีอยู่ตัวหนึ่งที่เก็บเอาไว้ให้ลูก แต่ตัวนี้ให้ไม่ได้’

“ไว้เดี๋ยวมีงานอะไร ผมไปให้ฟรีๆ แบบไม่คิดค่าตัวเลย ให้ผมเถอะนะ”

ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่ง แค่ตุ๊กตาตัวเดียวเขาให้ได้อยู่แล้ว ทำไมเจ้าคนกระเป๋าหนานี่ถึงได้มองทุกอย่างเป็นเงินเป็นทองและขี้เหนียวขนาดนี้นะ

‘นายจะเอาไปทำอะไรกันแน่ ทำไมถึงต้องรีบขนาดนี้’

“ไม่มีอะไรหรอกน่า พี่ไม่ต้องเอาอะไรมาให้ผมนะ เดี๋ยวผมส่งที่อยู่ไปให้ พี่ช่วยห่อใส่กล่อง ใช้ชื่อผมเป็นผู้ส่งแล้วส่งเป็นของขวัญให้หน่อย ส่งแบบด่วนเลยนะ พี่จะช่วยผมใช่ไหม”

‘ …ต้องสัญญานะ เรื่องที่จะมางานให้ฟรีๆ’

“พี่เคยเห็นผมไม่รักษาสัญญาหรือไง คิมมูคยอมน่ะ ถ้าไม่มีความซื่อสัตย์ก็ไม่เหลืออะไรแล้ว”

สายถูกวางลงหลังอีกฝั่งรับรู้ และขอให้ส่งที่อยู่มาเร็วๆ มูคยอมรีบต่ออินเทอร์เน็ตสำหรับคนในสโมสร และพิมพ์ที่อยู่ที่หาเจอส่งไปให้ทางข้อความ

วันต่อมา เมื่อมาถึงสนามฝึกมูคยอมพยายามควบคุมสีหน้าของตัวเองก่อนเดินเข้าไปในห้องแต่งตัว ปกติแล้วเขามักจะไม่เข้าฝึกสาย แต่วันนี้เขาตั้งใจมาให้ช้ากว่าเดิมเล็กน้อย ดังนั้นในตอนที่มาถึงนักเตะคนอื่นๆ จึงออกไปจากห้องนี้กันหมดแล้ว

มูคยอมรีบเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัวที่เงียบเหงา ก่อนมุ่งออกไปตามทางเดิน ระหว่างนั้นก็ชำเลืองมองนอกหน้าต่างเพื่อสังเกตสถานการณ์บริเวณสนามหญ้า ตอนนี้ทั้งฮาจุนและนักเตะคนอื่นต่างก็ประจำที่ และกำลังขยับร่างกายกันอยู่ มูคยอมกระแอมไอในลำคอหนึ่งครั้ง แล้วเปิดประตูเดินออกไปหาคนอื่นๆ ทำทีว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“คิมมูคยอม!”

อย่างที่คาดไว้ว่าอิมจองคยูจะต้องเป็นคนแรกที่เข้ามาทักเขา มูคยอมเดินเข้าไปอย่างไม่เร่งรีบ

“นายบ้าไปแล้วเหรอ”

มูคยอมผูกคิ้วเป็นปมเมื่ออยู่ๆ ก็โดนว่าร้ายขึ้นมา เขาใช้มือดันใบหน้าของจองคยูที่ยื่นมาใกล้ให้ห่างออก

“นี่คือคำทักทายของนายหรือไง”

“ไม่มีทางที่นายจะทำอะไรแบบนี้เป็นอันขาด นอกเสียจากว่านายจะบ้าไปแล้ว คนที่ไม่แม้แต่จะเหลียวมองรูปฮีมังลูกสาวฉันมาทำอะไรแบบนี้เนี่ยนะ เมื่อวานฉันคิดหนักมากเลยนะก่อนเปิดดูของ ถึงกับคิดว่าใช่พัสดุจากพวกก่อการร้ายหรือเปล่า”

มูคยอมจงใจไม่ตอบ แล้วเดินไปตรงหน้าฮาจุน ประกบด้วยจองคยูยังคงเดินบ่นตามมา

“นายรู้ได้ยังไงว่าคุณยอนซูอยากได้ตุ๊กตานั่น นายไม่เหมือนคนที่จะมาสนใจของเล่นเด็กอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ นายรู้ได้ยังไง ฉันประทับใจจริงๆ นะ นายใช่คิมมูคยอมที่ฉันรู้จักจริงๆ ไหมเนี่ย”

“ฉันได้ยินที่นายกับโค้ชอีคุยกันเมื่อไม่นานนี้”

“หือ? งั้นนายก็ด้วยเหรอฮาจุน”

คำพูดก่อนหน้าของจองคยู ทำฮาจุนตาเบิกกว้างมองสองคนตรงหน้า เขานิ่งไปครู่หนึ่งราวกับกำลังพยายามเข้าใจบทสนทนาก่อนพยักหน้าแล้วรีบยิ้มออกมา

“อ่า ใช่”

“คิมมูคยอม ฉันเคยได้ยินมาว่าคนเรามักจะเปลี่ยนไปเมื่อใกล้ตาย นี่ไม่ได้เกิดอะไรขึ้นกับนายใช่ไหม”

มูคยอมอุตส่าห์รีบส่งของขวัญไปให้จะได้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ได้ยินคำพูดดีๆ สักคำ หมดคำจะพูดเลยจริงๆ ขอสัญญาเลยว่าเขาจะไม่แสดงน้ำใจแม้แต่ปลายเล็บให้จองคยูอีกเป็นครั้งที่สอง

“แค่บอกขอบคุณ จะตายหรือไง?”

“ไม่สิ ฉันก็แค่ดีใจ ขอบพระคุณครับ พระเจ้ามูคยอม”

“ฉันไปงานปาร์ตี้ของคนรู้จักมา ตุ๊กตานั่นเป็นของรางวัลจากเกมในงาน แล้วฉันก็ได้มันมา ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรอก แค่ฉันนึกถึงเรื่องที่พวกนายสองคนคุยกันเมื่อไม่กี่วันก่อนพอดี”

ไม่ได้ใช้เงินซื้อ ไม่ได้หามาอย่างยากลำบาก แล้วก็ไม่ได้มีไว้สำหรับนายคนเดียวด้วย อีฮาจุน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+