Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 38 ผู้บุกรุก

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 38 ผู้บุกรุก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ เวลากลางดึก

 

อิลูน่าเข้านอนไปแล้ว สองเมดก็กลับห้องตัวเองไปแล้ว เพราะผมเบื่อ ผมเลยมาเล่นเกมกระดานกับเลฟี่ แต่ในช่วงนั้น หน้าจอแผนที่ก็มีการแจ้งเตือนบางอย่าง

 

“….หืม?”

 

“เป็นอะไรไปรึ ยูกิ?”

 

“….ผู้บุกรุกนะ”

 

พูดจบ ผมก็กวาดตาไปบนแผนที่

 

มันมีอยู่ 2 สถานการณ์ที่แผนที่มันจะขึ้นแจ้งเตือนขึ้นมาขอมันเอง

 

หนึ่ง ผู้บุกรุกเข้าใกล้ดันเจี้ยนคอร์ หรือก็คือหัวใจของดันเจี้ยน อย่างที่สอง คือ มีผู้บุกรุกที่มีค่า DP ระดับหนึ่งเข้ามาในพื้นที่อาณาเขตของดันเจี้ยน

 

ยิ่งค่า DP สูงก็แปลว่ายิ่งแข็งแกร่ง

 

เจ้าเหตุที่สองที่จะแจ้งขึ้นมาเมื่อมีผู้บุกรุกที่มี DP ระดับหนึ่งเข้ามา ไม่ได้ทำงานได้แค่เฉพาะกับศัตรูเพียงตัวเดียว แต่ถ้าศัตรูมากันเป็นกลุ่มจนค่า DP สูงเกินกว่าที่ผมกำหนดเอาไว้มันก็จะแจ้งเตือนขึ้นมา

 

และครั้งนี้… มันก็เป็นอย่างที่สอง

 

แล้วผมก็เพิ่งเพิ่มฟังก์ชั่นให้สามารถดูรายละเอียดของผู้บุกรุกผ่านแผนที่ได้ด้วย และพอได้ดู ก็พบว่าเป็นมนุษย์ทั้งหมด มีประมาณ 4-5 ร้อยได้เลย

 

ดูจากอุปกรณ์สวมใส่แล้ว คงเป็นกองทัพจากประเทศไหนซักประเทศ และประเทศนั้นก็คงเป็น… ช่างเถอะ ผมคงไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอก ก็คงจะมาแก้แค้นที่เราไปบุกรุกเมืองก่อนหน้านี้นั้นแหละ

 

“….หรือก็คือ เจ้าพวกนั้นไม่ได้รับบทเรียนจากครั้งก่อนกันเลยสินะ?”

 

“คงเป็นอย่างงั้นแหละ”

 

พอผมพยักหน้า ก็มีรอยยิ้มที่ไม่สมกับมนุษย์ผลุ่บขึ้นบนหน้าเลฟี่

 

มันคงเป็นเหมือนการท้าทายตัวตนมังกรชั้นสูงสำหรับเธอ เป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้

 

“….ให้เราไปกระทืบมันให้ราบเลยไหม?”

 

ผมส่ายหัวตอบ

 

“ไม่ล่ะ… แค่ชั้นก็พอ แล้วชั้นก็มีอะไรอยากจะลองพอดีด้วย”

 

“Oho?”

 

พูดตรงๆ ผมก็คาดคะเนว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอยู่แล้ว

 

ผมก็เคยให้คำเตือนกับเจ้าเมืองไปแล้วว่าอย่ามายุ่งกับเรา แต่ถ้ามองเป็นปัญหาด้านประเทศ เราก็ไปบุกรุกพื้นที่เขาข้างเดียว

 

พวกประเทศก็จะสนเรื่องชื่อเสียงของประเทศอยู่แล้ว ถ้าจะให้ยกตัวอย่างล่ะก็ มันก็เหมือนกับว่ามีประเทศใดประเทศหนึ่งบุกเข้ามาในดินแดนของญี่ปุ่นและเข้าครอบครองเป็นเวลาชั่วคราว
 

เมื่อเกิดสถานการณ์แบบนั้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโลกไหน พวกเขาก็ต้องการมาตราการตอบโต้บ้าง

 

มันจะไม่สำคํยเลยว่าพื้นที่นั้นจะเป็นป่าต้องห้ามหรืออะไร ตราบใดที่คำสั่งมันถูกสั่งมาจากพวกเบื้องบน

 

ถึงแม้จะมีมังกรชั้นสูงอยู่ที่นี้ แต่ถ้าเวลาผ่านไป พวกเขาก็จะลืมถึงตัวตนของเธอและก็กลับมาทำแบบเดิมอีก นี้แหละมนุษย์

 

และเมื่อผมรู้อย่างนั้นอยู่แล้ว การคาดคะเนสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย

 

แล้วผมก็เตรียมการเอาไว้แล้วด้วย

 

ผมได้ทำการขนาดอาณาเขตไปเรื่อยๆ จนป่าแทบจะทั้งหมดเป็นพื้นที่ของดันเจี้ยนไปแล้ว และเมื่อมันกลายเป็นพื้นที่ของดันเจี้ยน ผมก็สามารถใช้ระบบต่างๆที่ผมยังไม่เคยลองได้ เช่น กับดัก กับ ปรับแต่งพื้นที่ 

 

แล้วผมก็จะเอาเจ้าพวกนี้มาเป็นหนูทดลองนี้แหละ

 

ระหว่างที่คิดอย่างนั้น ผมก็มองไปที่เลฟี่ที่อยู่ตรงหน้า และกวาดสายตาไปยังอิลูน่าที่กำลังนอนอยู่อย่างสงบสุข

 

…ผมได้มีชีวิตที่ผมต้องการตั้งแต่ได้มาที่โลกนี้

 

พูดตรงๆ ผมชอบวิถีชีวิตแบบนี้มาก โวยวาย เล่นสนุก หยอกล้อกันไปเรื่อย ทุกวันๆ

ผมไม่เคยคิดที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบมนุษย์หรือกลับเข้าสังคมมนุษย์เลย แม้แต่ความคิดจะกลับโลกเก่าก็ยังไม่มี

 

แต่ถ้าผมไม่ได้เจอเลฟี่และอิลูน่าก็คงจะมีโอกาศคิดแบบนี้อยู่เหมือนกัน

 

และผมก็จะไม่แสดงความเมตตาต่อผู้ที่มาปั่นป่วนวิถีชีวิตแบบนี้ของผมแน่นอน

 

ถ้าตั้งตัวเป็นปรปักษ์ ผมก็จะทุบพวกมันให้จมดิน

 

โดยไม่ให้เหลือรอด

 

“…แต่อย่างน้อย ชั้นก็จะไปเตือนพวกนั้นอีกซักครั้งก็แล้วกัน”

 

ในฐานะอดีตมนุษย์ ถ้าพวกนั้นยอมที่จะไปแต่โดยดี ผมก็จะปล่อยไป แต่ถ้าไม่…

 

“…เลฟี่ เดี๋ยวกลับมานะ”

 

ผมยืนขึ้นและเรียกปีกออกมา

 

“อืม เราจะรอก็แล้วกัน รีบๆกลับมาล่ะ มันเป็นตาเดินของเจ้าแล้วด้วย ถ้าไม่รีบมา เดี๋ยวเราจะเดินหมากของเจ้าซะเองนะ”

 

เธอพูดเหมือนว่าไม่สนอะไร

 

ให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

 

… เป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆเลย

 

“ถ้างั้นก็แย่เลยสิ จะรีบกลับมาก็แล้วกันนะ”

 

ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะบินออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 38 ผู้บุกรุก

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 38 ผู้บุกรุก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ เวลากลางดึก

 

อิลูน่าเข้านอนไปแล้ว สองเมดก็กลับห้องตัวเองไปแล้ว เพราะผมเบื่อ ผมเลยมาเล่นเกมกระดานกับเลฟี่ แต่ในช่วงนั้น หน้าจอแผนที่ก็มีการแจ้งเตือนบางอย่าง

 

“….หืม?”

 

“เป็นอะไรไปรึ ยูกิ?”

 

“….ผู้บุกรุกนะ”

 

พูดจบ ผมก็กวาดตาไปบนแผนที่

 

มันมีอยู่ 2 สถานการณ์ที่แผนที่มันจะขึ้นแจ้งเตือนขึ้นมาขอมันเอง

 

หนึ่ง ผู้บุกรุกเข้าใกล้ดันเจี้ยนคอร์ หรือก็คือหัวใจของดันเจี้ยน อย่างที่สอง คือ มีผู้บุกรุกที่มีค่า DP ระดับหนึ่งเข้ามาในพื้นที่อาณาเขตของดันเจี้ยน

 

ยิ่งค่า DP สูงก็แปลว่ายิ่งแข็งแกร่ง

 

เจ้าเหตุที่สองที่จะแจ้งขึ้นมาเมื่อมีผู้บุกรุกที่มี DP ระดับหนึ่งเข้ามา ไม่ได้ทำงานได้แค่เฉพาะกับศัตรูเพียงตัวเดียว แต่ถ้าศัตรูมากันเป็นกลุ่มจนค่า DP สูงเกินกว่าที่ผมกำหนดเอาไว้มันก็จะแจ้งเตือนขึ้นมา

 

และครั้งนี้… มันก็เป็นอย่างที่สอง

 

แล้วผมก็เพิ่งเพิ่มฟังก์ชั่นให้สามารถดูรายละเอียดของผู้บุกรุกผ่านแผนที่ได้ด้วย และพอได้ดู ก็พบว่าเป็นมนุษย์ทั้งหมด มีประมาณ 4-5 ร้อยได้เลย

 

ดูจากอุปกรณ์สวมใส่แล้ว คงเป็นกองทัพจากประเทศไหนซักประเทศ และประเทศนั้นก็คงเป็น… ช่างเถอะ ผมคงไม่ต้องไปคิดอะไรมากหรอก ก็คงจะมาแก้แค้นที่เราไปบุกรุกเมืองก่อนหน้านี้นั้นแหละ

 

“….หรือก็คือ เจ้าพวกนั้นไม่ได้รับบทเรียนจากครั้งก่อนกันเลยสินะ?”

 

“คงเป็นอย่างงั้นแหละ”

 

พอผมพยักหน้า ก็มีรอยยิ้มที่ไม่สมกับมนุษย์ผลุ่บขึ้นบนหน้าเลฟี่

 

มันคงเป็นเหมือนการท้าทายตัวตนมังกรชั้นสูงสำหรับเธอ เป็นเรื่องที่ไม่อาจมองข้ามได้

 

“….ให้เราไปกระทืบมันให้ราบเลยไหม?”

 

ผมส่ายหัวตอบ

 

“ไม่ล่ะ… แค่ชั้นก็พอ แล้วชั้นก็มีอะไรอยากจะลองพอดีด้วย”

 

“Oho?”

 

พูดตรงๆ ผมก็คาดคะเนว่าจะเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอยู่แล้ว

 

ผมก็เคยให้คำเตือนกับเจ้าเมืองไปแล้วว่าอย่ามายุ่งกับเรา แต่ถ้ามองเป็นปัญหาด้านประเทศ เราก็ไปบุกรุกพื้นที่เขาข้างเดียว

 

พวกประเทศก็จะสนเรื่องชื่อเสียงของประเทศอยู่แล้ว ถ้าจะให้ยกตัวอย่างล่ะก็ มันก็เหมือนกับว่ามีประเทศใดประเทศหนึ่งบุกเข้ามาในดินแดนของญี่ปุ่นและเข้าครอบครองเป็นเวลาชั่วคราว
 

เมื่อเกิดสถานการณ์แบบนั้นขึ้น ไม่ว่าจะเป็นโลกไหน พวกเขาก็ต้องการมาตราการตอบโต้บ้าง

 

มันจะไม่สำคํยเลยว่าพื้นที่นั้นจะเป็นป่าต้องห้ามหรืออะไร ตราบใดที่คำสั่งมันถูกสั่งมาจากพวกเบื้องบน

 

ถึงแม้จะมีมังกรชั้นสูงอยู่ที่นี้ แต่ถ้าเวลาผ่านไป พวกเขาก็จะลืมถึงตัวตนของเธอและก็กลับมาทำแบบเดิมอีก นี้แหละมนุษย์

 

และเมื่อผมรู้อย่างนั้นอยู่แล้ว การคาดคะเนสถานการณ์แบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยากเลย

 

แล้วผมก็เตรียมการเอาไว้แล้วด้วย

 

ผมได้ทำการขนาดอาณาเขตไปเรื่อยๆ จนป่าแทบจะทั้งหมดเป็นพื้นที่ของดันเจี้ยนไปแล้ว และเมื่อมันกลายเป็นพื้นที่ของดันเจี้ยน ผมก็สามารถใช้ระบบต่างๆที่ผมยังไม่เคยลองได้ เช่น กับดัก กับ ปรับแต่งพื้นที่ 

 

แล้วผมก็จะเอาเจ้าพวกนี้มาเป็นหนูทดลองนี้แหละ

 

ระหว่างที่คิดอย่างนั้น ผมก็มองไปที่เลฟี่ที่อยู่ตรงหน้า และกวาดสายตาไปยังอิลูน่าที่กำลังนอนอยู่อย่างสงบสุข

 

…ผมได้มีชีวิตที่ผมต้องการตั้งแต่ได้มาที่โลกนี้

 

พูดตรงๆ ผมชอบวิถีชีวิตแบบนี้มาก โวยวาย เล่นสนุก หยอกล้อกันไปเรื่อย ทุกวันๆ

ผมไม่เคยคิดที่จะกลับไปใช้ชีวิตแบบมนุษย์หรือกลับเข้าสังคมมนุษย์เลย แม้แต่ความคิดจะกลับโลกเก่าก็ยังไม่มี

 

แต่ถ้าผมไม่ได้เจอเลฟี่และอิลูน่าก็คงจะมีโอกาศคิดแบบนี้อยู่เหมือนกัน

 

และผมก็จะไม่แสดงความเมตตาต่อผู้ที่มาปั่นป่วนวิถีชีวิตแบบนี้ของผมแน่นอน

 

ถ้าตั้งตัวเป็นปรปักษ์ ผมก็จะทุบพวกมันให้จมดิน

 

โดยไม่ให้เหลือรอด

 

“…แต่อย่างน้อย ชั้นก็จะไปเตือนพวกนั้นอีกซักครั้งก็แล้วกัน”

 

ในฐานะอดีตมนุษย์ ถ้าพวกนั้นยอมที่จะไปแต่โดยดี ผมก็จะปล่อยไป แต่ถ้าไม่…

 

“…เลฟี่ เดี๋ยวกลับมานะ”

 

ผมยืนขึ้นและเรียกปีกออกมา

 

“อืม เราจะรอก็แล้วกัน รีบๆกลับมาล่ะ มันเป็นตาเดินของเจ้าแล้วด้วย ถ้าไม่รีบมา เดี๋ยวเราจะเดินหมากของเจ้าซะเองนะ”

 

เธอพูดเหมือนว่าไม่สนอะไร

 

ให้เป็นปกติที่สุดเท่าที่เป็นไปได้

 

… เป็นผู้หญิงที่ดีจริงๆเลย

 

“ถ้างั้นก็แย่เลยสิ จะรีบกลับมาก็แล้วกันนะ”

 

ผมหัวเราะเบาๆก่อนจะบินออกมา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+