Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 56 ความน่ากลัวของดันเจี้ยน

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 56 ความน่ากลัวของดันเจี้ยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เนลล์ทอดสายตาไปรอบๆปราสาทระหว่างเดินอย่างกังวล [TL:ผมขี้เกียจแปลจุดบรรยยายจังจิ เอาเป็นว่านางเดินชม?ปราสาทพระเอกนั้นแหละจิ]

she found herself face to face with many a gloomy corridor. They were dim and somber, but she felt that they were majestic nonetheless. The light coming off the brilliant chandeliers refracted off the magnificent pillars lining the corridors to create a series of dark, intimidating shadows. Though she felt threatened by her surroundings, the hero thought them to be elegant, sophisticated, and refined. The ambiance couldn’t be described any other way.

 

สกิลตรวจจับศัตรูของเธอจับหาอะไรไม่ได้เลย แต่เนลล์ก็ยังคงระวังตัวเอาไว้อยู่ดี เธอรู้ว่าตัวเองไม่ควรประมาทในถิ่นศัตรู ไม่ว่าสกิลของเธอจะบอกอะไรก็ตาม แต่นั้นก็ถูกแค่ครึ่งเดียว การฝึกเป็นผู้กล้าของเธอเป็นเพียงเหตุผลครึ่งเดียวที่ดึงสติเธอเอาไว้อย่างนี้ ความเป็นจริงคือ ที่เนลล์ยังระวังตัวเอาไว้เพราะปราสาทมันทำเธอขนหัวลุก มันมีหุ่นสวมเกราะวางเรียงรายเต็มโถงทางเดินไปหมด 

ภาพศิลปะบนผนังก็สมจริงจนอดคิดไม่ได้ว่าจะมีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาใส่เธอ ถึงมันจะทำจากหิน แต่ด้วยความสมจริงของใบดาบ มันจึงไม่ได้ช่วยอะไรเลย

 

ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอก็อดกลัวของพวกนี้ไม่ได้อยู่ดี เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างในเกราะหมวกจ้องมองมาที่เธอ

 

เนลล์ไม่ได้อยากจะเดินหน้าไปต่อเลย เธอสั่นกลัว อยากจะหันหลังแล้วกลับบ้าน แต่เธอทำไม่ได้ ผู้กล้าได้เข้ามาในถิ่นศัตรูลึกเกินกว่าจะวิ่งหนีแล้ว เธอจึงต้องไปต่ออย่างไม่เต็มใจ แต่ก่อนที่จะได้ไป เธอได้หันไปสำรวจรอบๆตัวก่อน

 

“ห-หืออ…?” เธอกระพิบตาด้วยความตกใจ “เมื่อกี้มัน…?”

 

เนลล์รู้สึกแปลกใจอย่างกระทันหันทันทีที่รู้ตัวว่ามันมีรูปปั้นข้างหลังเธอ ที่ดูเหมือนจะมองมาที่เธอ ราวกับว่ามันหันหัวมามองเธอในจังหวะที่เธอละสายตาจากมัน

 

“ชั้นคงคิดไปเองนั้นแหละ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ” เธอกลืนน้ำลายพลางส้รางความมั่นใจให้ตัวเอง “มันไม่มีมอนเตอร์อยู่แถวนี้เลย มันไม่มีทางเป็นอย่างนี้อยู่ก่อนแล้ว ใช่ไหมนะ…?”

 

หลังจากที่ปลอบใจตัวเองอีกรอบเสร็จ เนลล์ก็หันหลังกับ—ไปเจอกับหุ่นชุดเกราะที่อยู่ข้างหลังเธอ

 

“กรี๊ดดดดดดดดดดด!?”

 

เธอเหวี่ยงดาบหร้อมกับกรีดร้อง สัญชาติญานที่ฝั่งลงไปในตัวเธอทำให้เธอลงดาบได้อย่างงดงาม ถึงแม้จะตกใจก็ตามที ใบดาบของเธอตัดผ่านช่วงตัวของรูปปั้นไปอย่างไร้แรงต้านทาน  

ส่วนรูปปั้นครึ่งบนหล่นลงมาข้างล่าง ทำให้เกิดเสียงของหนักกระทบพื้นดังไปทั่ว

 

“ถ-โถ่… มันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกันนะ…?”

 

เนลล์จ้องมองไปยังภายในเกราะอย่างกังวล เพื่อยืนยัน ก็พบว่า ข้างในมันว่างเปล่าจริงๆ ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต ขนเธอลุกชัน การไร้ซึ่งตัวการของเหตุก่อนหน้านี้ทำเธอสั่นกลัว

 

เหตุก่อนหน้านี้ทำเธออยากจะหนี เธอจึงเร่งตัวเองให้เดินออกจากโถงทางเดินให้เร็วที่สุด เธอเดินผ่านโถงทางเดินอันแสนยาว ผ่านรูปปั้นแล้วรูปปั้นเล่า จนในที่สุดก็มาถึงโค้งทางเดินที่ดูจะพาไปสู่ทางหนีซะที

 

“หืม…?”

 

ทันทีที่เธอเลี้ยว เธอก็สังเกตได้ถึงสิ่งแปลกๆในทันที ทางเดินใหม่ที่เธอเข้ามา มันเหมือนกับอันเก่า ซึ่งมันก็มีรูปปั้นผ่าครึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง และเธอก็รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นในที่สุด เธอหนีไม่ได้ เธอได้แต่เดินเป็นวงกลมไปมาเท่านั้น

 

“Aieee!” เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังออกมาจากคอของผู้กล้าในขณะที่เธอกำลังเต็มไปด้วยความกลัว

 

ราวกับว่าเสียงร้องของเธอนั้นเป็นตัวกระตุ้น ประตูให้โถงทางเดินเริ่มเปิดๆปิดๆอย่างรุนแรง และก็มีเสียงอันหน้าขนลุกดังมาจากภายใน

 

“AaaaAAaaaAAAaaahhHHhhh…”

“GugieAaagigiagiea….”

“GURUaruRUARUrururu…”

 

หัวใจเนลล์เต้นตึกตัก และหายใจติดขัดด้วยความกลัว เธอก้าวถอยหลังเพื่อหลบจากบางสิ่งบางอย่างที่จะพุ่งออกมาจากประตู แต่ก็ไร้ประโยชน์ การถอยหลังของเธอพาเธอไปพบกับบางสิ่งข้างหลังของตัวเธอเอง

 

ร่างกายของผู้กล้าแข็งทื่อไปทั้งตัว

 

ส่วนหนึ่งในใจเธอกรีดร้องว่าอย่างหันไปมอง แต่เธอเผิกเฉยต่อมันและหันไป สิ่งแรกที่เข้ามาในสายตาคือฟันขนาดใหญ่

 

มันใช้เวลาทั้งหมด 1 วิ กว่าเธอจะเข้าใจว่ากำลังมองอะไรอยู่ มันเป็นผู้หญิง จะให้พูดก็ ใบหน้าของผู้หญิงที่ใหญ่กว่าปกติลอยอยู่ข้างหลังเธอ ปากฉีกถึงใบหู แสดงให้เห็นถึงเนื้อเยื่อกรามขนาดใหญ่ ปากขนาดใหญ่ของ “ผู้หญิง” เปิดกว้าง ราวกับจะกลืนกินตัวผู้กล้าไปทั้งตัว

 

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!”

 

เสียงกรีดร้องปนร้องไห้ของเนลล์ดังกึงก้องไปทั่วปราสาท

 

***

 

“Ahahaha!” การดูวิดิโอของดันเจี้ยนทำผมหัวเราะพลางตบเขา “ให้ตายสิ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะเชื่อมันจริงๆ”

 

ในฐานะคนวางกับดักทั้งหมด ผมจึงมานั่งดูผลงานของตัวเองทั้งหมด ซึ่งมันก็ไม่ได้สูญเปล่าต่อหยาดเหงื่อที่ลงมือทำไปเลย

 

ผมเข้าใจเลยว่าทำไมเวลาจอมมารทักทายผู้กล้า ถึงดูอารมณ์ดีอยู่ตลอด ก็เพราะการได้เห็นกับดักที่วางมันใช้งานใส่ผู้บุกรุกมันดูมีความสุขจะตาย แต่ทางผมจะต่างออกไปซักหน่อย  

เพราะผมไม่ได้ใช้กับดักเลย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของมอนเตอร์ในดันเจี้ยน เป็นน้องหน้าใหม่ทั้งสามที่่เพิ่งเอาเข้ามา เหตุผลที่มันออกจะเป็นการแกล้งแบบผีโพลเตอร์ไกสท์แบบนี้ก็เพระาว่านั้นคือสิ่งที่พวกเขาเป็น

 

ทั้งสามตนที่ผมอัญเชิญออกมาเป็นผี หรือก็คือวิญญาณ เป็นมอนเตอร์ที่ไม่มีร่างกายทางกายภาพ โปร่งแสงจนมองทะลุได้ ผมตั้งชื่อทั้งสามตนที่ว่า เรย์, รุย, และโลว์ ด้วยเหตุผลบางอย่างทั้งสามเป็นผู้หญิงหมดเลย อายุราวๆ 3-4 ขวบ แต่อย่างเข้าใจผิดไปล่ะ ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้หรอกนะ ไม่อยากให้เป็นด้วย ผมกังวลว่าเลฟี่จะมาว่าผมเป็นพวกคลั่งเด็กอีกแล้วละสิ และผมก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นด้วย  

 

ช่างเรื่องรูปร่างไปก่อน วิญญาณทั้งสามตนเป็นในสิ่งที่ผมต้องการพอดีด้วย แต่ละตนมีสกิลที่เชี่ยวชาญต่างกันออกไป เรย์เก่งในด้านพลังจิต เธอรับผิดชอบในหน้าที่เปิดปิดประตูและขยับรูปปั้น

 

โลว์เก่งในด้านเวทจิตใจ เวทของเธอมีความเชี่ยวชาญในการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ความเป็นจริงของเป้าหมายโดยการจัดการควบคุมรู้สึกของพวกเขา ถึงจะดูทรงพลัง แต่มันก็มีข้อจำกัดอันใหญ่หลวงอยู่ มันจะไม่ค่อยได้ผลถ้าจิตใจของเป้าหมายมั่นคง ซึ่งมันก็โชคดีหน่อยที่ผู้กล้านั้นกลัวอยู่แล้ว เธอเลยเป็นเหยื่อกินง่าย และการที่ผู้กล้าเดินเป็นวงกลมก็เป็นฝีมือของโลว์เองด้วย

 

และก็รุย เวทลวงตาของเธอทำได้ทั้งเสียงประตูสุดหลอน และผู้หญิงปากใหญ่นั้น สิ่งที่สุดยอดที่สุดในเวทของรูย์คือมันมีสสาร คุณจะรู้สึกถึงผิวสัมผัสของสิ่งที่เธอสร้างได้เลยถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ตามที

 

วิญญาณถูกนับเป็นอันเดตมอนเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นตัวตนที่เกลียดสิ่งมีชีวิต แต่เรย์ รุย โลว์ ไม่มีอาการเหล่านั้นเลย  

ไม่เหมือนวิญญาณตนอื่น ทั้งสามไม่ได้เป็นวิญญาณจากการตายและเหลือความโกรธแค้นหรือเศร้าโศกทิ้งเอาไว้ ตัวตนของพวกเขาไม่ได้เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทอันบริสุทธิ์จากการตายและเหลือบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ พวกเขาเป็นตัวตนที่บริสุทธิ์กว่านั้น ที่พวกเขาต้องการมีเพียงการกลั่นแกล้งสิ่งมีชีวิตเท่านั้น

 

นั้นทำให้สกิลตรวจจับศัตรูของผู้กล้าไม่ทำงาน เพราะมันรับรู้แต่จิตที่ต้องการจะเข้าทำร้ายเท่านั้น ซึ่งทั้งสามไม่มีสิ่งเหล่านั้น ที่พวกเขาต้องการคืออยากจะเล่นกับเธอด้วย ทำให้สกิลไม่นับว่าพวกเธอเป็นศัตรู  

 

แต่วิญญาณทั้งสามก็กินค่า DP ใช้ได้เลย ผมนั้นทั้งประหยัดอดออมจากค่ารายได้ประจำวัน รวมทั้งการออกล่ากับริร์ ถึงจะเก็บพอมาซื้อได้ ซึ่งผลที่ได้นะหรอ? คุ้มค่ากับที่เสียไปเลยละ  

ผมจึงตั้งชื่อระบบกับดักแบบไร้ความรุนแรงนี้ว่า “โหมดบ้านผีสิง”  

ผมก็ได้ลองคิดถึงระบบป้องกันแบบอื่นแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังไม่ได้ออกรายละเอียดของ “โหมดฆ่าให้เรียบ” ซักเท่าไหร่

 

หึ นี้เริ่มที่จะสนุกแล้วสิ ชอบจังเลยไอเกมแนวกันฐานเนี่ย

[TL:พอพูดถึงเกมกันฐาน Dr.PzSlept#4367 แอดมาได้นะจิ อิอิ]

 

ผมเสยาะยิ้มพลางเฝ้าสังเกตผู้กล้าต่อไป แต่ดูเหมือนว่าเลฟี่ที่นั่งอยู่ข้างๆจะไม่คิดแบบเดียวกับผม เธอหันมาทางผมด้วยใบหน้าโกรธเคือง

 

“เจ้าช่างดูหมดหวังเสียจริง… ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ใช่เพียงพวกคลั่งเด็ก แต่เป็นพวกซาดิสท์ด้วยสินะ”

“โถ่ หยุดเถอะน่า เธอทำราวกับชั้นเป็นไอโรคจิต จิตวิปริตไปได้”

“ก็มันเป็นอย่างนั้นนิ”

 

ผมอยากจะปฏิเสธสิ่งที่เลฟี่พูดนะ แต่อิลูน่า ที่มานั่งคั่นกลาง มาร่วมวงสนทนาด้วยพูดตัดผมไปก่อน

 

“หนูรู้สึกแย่แทนเธอจังเลย พี่ใจร้ายจังที่ไปแกล้งเธอขนาดนั้นนะ…” สายตาของแวมไพร์ตัวน้อยมองว่าผมเป็นฝ่ายผิดอย่างชัดเจน

“ก-ก็นะ พี่ก็เข้าใจว่าเธอจะสื่ออะไรนะ แต่หล่อนเป็นศัตรูของเรานะ…?” ผมชี้นิ้วไปที่หน้าจอ ก็พบว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนจากตอนล่าสุดไปแล้ว วิญญาณทั้งสามตนได้ออกมาจากสาวน้อยที่น่าสงสารเป็นที่เรียบร้อย เธอหมดกำลังใจในการไปต่ออย่างชัดเจน เธอไปนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงมุมห้องด้วยซ้ำ

 

“เอ่อ…”  

“ยูกิ…” เลฟี่พูด

“หนูคิดว่าพี่ควรจะหยุดรังแกเธอได้แล้วนะคะ…” อิลูน่าพูดเสริม

 

ทั้งสองมองผมด้วยสายตาติเตียน ไม่มีใครคิดว่าผมเป็นฝั่งถูกเลย

 

“ก็ได้ ก็ได้ เข้าใจแล้ว หยุดมองชั้นอย่างนั้นได้แล้วน่า” ผมถอนหายใจ

 

ด้วยความทนสายตาของทั้งสองไม่ไหว ผมรีบหนีออกจากห้องบัลลังก์ไปยังที่ที่ผู้กล้าอยู่ เธอเสียกำลังใจในการต่อสู้ไปแล้ว ดังนั้นถึงไปเจอตัวต่อตัวเธอก็คงไม่โจมตีผมแล้ว

 

เฮ้อ แย่ชะมัด อย่างนี้แผนที่วางไว้ทั้งหมดก็สูญเปล่ากันพอดีสิ…

 

[TL:เรียงชื่อน้องผีทั้งสาม คนกลางคือ เรย์ ขวาคือ โลว์ ซ้ายคือ รุยจิ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 56 ความน่ากลัวของดันเจี้ยน

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 56 ความน่ากลัวของดันเจี้ยน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เนลล์ทอดสายตาไปรอบๆปราสาทระหว่างเดินอย่างกังวล [TL:ผมขี้เกียจแปลจุดบรรยยายจังจิ เอาเป็นว่านางเดินชม?ปราสาทพระเอกนั้นแหละจิ]

she found herself face to face with many a gloomy corridor. They were dim and somber, but she felt that they were majestic nonetheless. The light coming off the brilliant chandeliers refracted off the magnificent pillars lining the corridors to create a series of dark, intimidating shadows. Though she felt threatened by her surroundings, the hero thought them to be elegant, sophisticated, and refined. The ambiance couldn’t be described any other way.

 

สกิลตรวจจับศัตรูของเธอจับหาอะไรไม่ได้เลย แต่เนลล์ก็ยังคงระวังตัวเอาไว้อยู่ดี เธอรู้ว่าตัวเองไม่ควรประมาทในถิ่นศัตรู ไม่ว่าสกิลของเธอจะบอกอะไรก็ตาม แต่นั้นก็ถูกแค่ครึ่งเดียว การฝึกเป็นผู้กล้าของเธอเป็นเพียงเหตุผลครึ่งเดียวที่ดึงสติเธอเอาไว้อย่างนี้ ความเป็นจริงคือ ที่เนลล์ยังระวังตัวเอาไว้เพราะปราสาทมันทำเธอขนหัวลุก มันมีหุ่นสวมเกราะวางเรียงรายเต็มโถงทางเดินไปหมด 

ภาพศิลปะบนผนังก็สมจริงจนอดคิดไม่ได้ว่าจะมีอะไรบางอย่างพุ่งออกมาใส่เธอ ถึงมันจะทำจากหิน แต่ด้วยความสมจริงของใบดาบ มันจึงไม่ได้ช่วยอะไรเลย

 

ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน เธอก็อดกลัวของพวกนี้ไม่ได้อยู่ดี เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างในเกราะหมวกจ้องมองมาที่เธอ

 

เนลล์ไม่ได้อยากจะเดินหน้าไปต่อเลย เธอสั่นกลัว อยากจะหันหลังแล้วกลับบ้าน แต่เธอทำไม่ได้ ผู้กล้าได้เข้ามาในถิ่นศัตรูลึกเกินกว่าจะวิ่งหนีแล้ว เธอจึงต้องไปต่ออย่างไม่เต็มใจ แต่ก่อนที่จะได้ไป เธอได้หันไปสำรวจรอบๆตัวก่อน

 

“ห-หืออ…?” เธอกระพิบตาด้วยความตกใจ “เมื่อกี้มัน…?”

 

เนลล์รู้สึกแปลกใจอย่างกระทันหันทันทีที่รู้ตัวว่ามันมีรูปปั้นข้างหลังเธอ ที่ดูเหมือนจะมองมาที่เธอ ราวกับว่ามันหันหัวมามองเธอในจังหวะที่เธอละสายตาจากมัน

 

“ชั้นคงคิดไปเองนั้นแหละ ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ” เธอกลืนน้ำลายพลางส้รางความมั่นใจให้ตัวเอง “มันไม่มีมอนเตอร์อยู่แถวนี้เลย มันไม่มีทางเป็นอย่างนี้อยู่ก่อนแล้ว ใช่ไหมนะ…?”

 

หลังจากที่ปลอบใจตัวเองอีกรอบเสร็จ เนลล์ก็หันหลังกับ—ไปเจอกับหุ่นชุดเกราะที่อยู่ข้างหลังเธอ

 

“กรี๊ดดดดดดดดดดด!?”

 

เธอเหวี่ยงดาบหร้อมกับกรีดร้อง สัญชาติญานที่ฝั่งลงไปในตัวเธอทำให้เธอลงดาบได้อย่างงดงาม ถึงแม้จะตกใจก็ตามที ใบดาบของเธอตัดผ่านช่วงตัวของรูปปั้นไปอย่างไร้แรงต้านทาน  

ส่วนรูปปั้นครึ่งบนหล่นลงมาข้างล่าง ทำให้เกิดเสียงของหนักกระทบพื้นดังไปทั่ว

 

“ถ-โถ่… มันมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไงกันนะ…?”

 

เนลล์จ้องมองไปยังภายในเกราะอย่างกังวล เพื่อยืนยัน ก็พบว่า ข้างในมันว่างเปล่าจริงๆ ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิต ขนเธอลุกชัน การไร้ซึ่งตัวการของเหตุก่อนหน้านี้ทำเธอสั่นกลัว

 

เหตุก่อนหน้านี้ทำเธออยากจะหนี เธอจึงเร่งตัวเองให้เดินออกจากโถงทางเดินให้เร็วที่สุด เธอเดินผ่านโถงทางเดินอันแสนยาว ผ่านรูปปั้นแล้วรูปปั้นเล่า จนในที่สุดก็มาถึงโค้งทางเดินที่ดูจะพาไปสู่ทางหนีซะที

 

“หืม…?”

 

ทันทีที่เธอเลี้ยว เธอก็สังเกตได้ถึงสิ่งแปลกๆในทันที ทางเดินใหม่ที่เธอเข้ามา มันเหมือนกับอันเก่า ซึ่งมันก็มีรูปปั้นผ่าครึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง และเธอก็รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้นในที่สุด เธอหนีไม่ได้ เธอได้แต่เดินเป็นวงกลมไปมาเท่านั้น

 

“Aieee!” เสียงกรีดร้องแหลมสูงดังออกมาจากคอของผู้กล้าในขณะที่เธอกำลังเต็มไปด้วยความกลัว

 

ราวกับว่าเสียงร้องของเธอนั้นเป็นตัวกระตุ้น ประตูให้โถงทางเดินเริ่มเปิดๆปิดๆอย่างรุนแรง และก็มีเสียงอันหน้าขนลุกดังมาจากภายใน

 

“AaaaAAaaaAAAaaahhHHhhh…”

“GugieAaagigiagiea….”

“GURUaruRUARUrururu…”

 

หัวใจเนลล์เต้นตึกตัก และหายใจติดขัดด้วยความกลัว เธอก้าวถอยหลังเพื่อหลบจากบางสิ่งบางอย่างที่จะพุ่งออกมาจากประตู แต่ก็ไร้ประโยชน์ การถอยหลังของเธอพาเธอไปพบกับบางสิ่งข้างหลังของตัวเธอเอง

 

ร่างกายของผู้กล้าแข็งทื่อไปทั้งตัว

 

ส่วนหนึ่งในใจเธอกรีดร้องว่าอย่างหันไปมอง แต่เธอเผิกเฉยต่อมันและหันไป สิ่งแรกที่เข้ามาในสายตาคือฟันขนาดใหญ่

 

มันใช้เวลาทั้งหมด 1 วิ กว่าเธอจะเข้าใจว่ากำลังมองอะไรอยู่ มันเป็นผู้หญิง จะให้พูดก็ ใบหน้าของผู้หญิงที่ใหญ่กว่าปกติลอยอยู่ข้างหลังเธอ ปากฉีกถึงใบหู แสดงให้เห็นถึงเนื้อเยื่อกรามขนาดใหญ่ ปากขนาดใหญ่ของ “ผู้หญิง” เปิดกว้าง ราวกับจะกลืนกินตัวผู้กล้าไปทั้งตัว

 

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด!”

 

เสียงกรีดร้องปนร้องไห้ของเนลล์ดังกึงก้องไปทั่วปราสาท

 

***

 

“Ahahaha!” การดูวิดิโอของดันเจี้ยนทำผมหัวเราะพลางตบเขา “ให้ตายสิ ไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะเชื่อมันจริงๆ”

 

ในฐานะคนวางกับดักทั้งหมด ผมจึงมานั่งดูผลงานของตัวเองทั้งหมด ซึ่งมันก็ไม่ได้สูญเปล่าต่อหยาดเหงื่อที่ลงมือทำไปเลย

 

ผมเข้าใจเลยว่าทำไมเวลาจอมมารทักทายผู้กล้า ถึงดูอารมณ์ดีอยู่ตลอด ก็เพราะการได้เห็นกับดักที่วางมันใช้งานใส่ผู้บุกรุกมันดูมีความสุขจะตาย แต่ทางผมจะต่างออกไปซักหน่อย  

เพราะผมไม่ได้ใช้กับดักเลย ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของมอนเตอร์ในดันเจี้ยน เป็นน้องหน้าใหม่ทั้งสามที่่เพิ่งเอาเข้ามา เหตุผลที่มันออกจะเป็นการแกล้งแบบผีโพลเตอร์ไกสท์แบบนี้ก็เพระาว่านั้นคือสิ่งที่พวกเขาเป็น

 

ทั้งสามตนที่ผมอัญเชิญออกมาเป็นผี หรือก็คือวิญญาณ เป็นมอนเตอร์ที่ไม่มีร่างกายทางกายภาพ โปร่งแสงจนมองทะลุได้ ผมตั้งชื่อทั้งสามตนที่ว่า เรย์, รุย, และโลว์ ด้วยเหตุผลบางอย่างทั้งสามเป็นผู้หญิงหมดเลย อายุราวๆ 3-4 ขวบ แต่อย่างเข้าใจผิดไปล่ะ ผมไม่ได้ตั้งใจให้เป็นอย่างนี้หรอกนะ ไม่อยากให้เป็นด้วย ผมกังวลว่าเลฟี่จะมาว่าผมเป็นพวกคลั่งเด็กอีกแล้วละสิ และผมก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นด้วย  

 

ช่างเรื่องรูปร่างไปก่อน วิญญาณทั้งสามตนเป็นในสิ่งที่ผมต้องการพอดีด้วย แต่ละตนมีสกิลที่เชี่ยวชาญต่างกันออกไป เรย์เก่งในด้านพลังจิต เธอรับผิดชอบในหน้าที่เปิดปิดประตูและขยับรูปปั้น

 

โลว์เก่งในด้านเวทจิตใจ เวทของเธอมีความเชี่ยวชาญในการเปลี่ยนแปลงการรับรู้ความเป็นจริงของเป้าหมายโดยการจัดการควบคุมรู้สึกของพวกเขา ถึงจะดูทรงพลัง แต่มันก็มีข้อจำกัดอันใหญ่หลวงอยู่ มันจะไม่ค่อยได้ผลถ้าจิตใจของเป้าหมายมั่นคง ซึ่งมันก็โชคดีหน่อยที่ผู้กล้านั้นกลัวอยู่แล้ว เธอเลยเป็นเหยื่อกินง่าย และการที่ผู้กล้าเดินเป็นวงกลมก็เป็นฝีมือของโลว์เองด้วย

 

และก็รุย เวทลวงตาของเธอทำได้ทั้งเสียงประตูสุดหลอน และผู้หญิงปากใหญ่นั้น สิ่งที่สุดยอดที่สุดในเวทของรูย์คือมันมีสสาร คุณจะรู้สึกถึงผิวสัมผัสของสิ่งที่เธอสร้างได้เลยถึงแม้มันจะไม่ใช่เรื่องจริงก็ตามที

 

วิญญาณถูกนับเป็นอันเดตมอนเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นตัวตนที่เกลียดสิ่งมีชีวิต แต่เรย์ รุย โลว์ ไม่มีอาการเหล่านั้นเลย  

ไม่เหมือนวิญญาณตนอื่น ทั้งสามไม่ได้เป็นวิญญาณจากการตายและเหลือความโกรธแค้นหรือเศร้าโศกทิ้งเอาไว้ ตัวตนของพวกเขาไม่ได้เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทอันบริสุทธิ์จากการตายและเหลือบางสิ่งบางอย่างเอาไว้ พวกเขาเป็นตัวตนที่บริสุทธิ์กว่านั้น ที่พวกเขาต้องการมีเพียงการกลั่นแกล้งสิ่งมีชีวิตเท่านั้น

 

นั้นทำให้สกิลตรวจจับศัตรูของผู้กล้าไม่ทำงาน เพราะมันรับรู้แต่จิตที่ต้องการจะเข้าทำร้ายเท่านั้น ซึ่งทั้งสามไม่มีสิ่งเหล่านั้น ที่พวกเขาต้องการคืออยากจะเล่นกับเธอด้วย ทำให้สกิลไม่นับว่าพวกเธอเป็นศัตรู  

 

แต่วิญญาณทั้งสามก็กินค่า DP ใช้ได้เลย ผมนั้นทั้งประหยัดอดออมจากค่ารายได้ประจำวัน รวมทั้งการออกล่ากับริร์ ถึงจะเก็บพอมาซื้อได้ ซึ่งผลที่ได้นะหรอ? คุ้มค่ากับที่เสียไปเลยละ  

ผมจึงตั้งชื่อระบบกับดักแบบไร้ความรุนแรงนี้ว่า “โหมดบ้านผีสิง”  

ผมก็ได้ลองคิดถึงระบบป้องกันแบบอื่นแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังไม่ได้ออกรายละเอียดของ “โหมดฆ่าให้เรียบ” ซักเท่าไหร่

 

หึ นี้เริ่มที่จะสนุกแล้วสิ ชอบจังเลยไอเกมแนวกันฐานเนี่ย

[TL:พอพูดถึงเกมกันฐาน Dr.PzSlept#4367 แอดมาได้นะจิ อิอิ]

 

ผมเสยาะยิ้มพลางเฝ้าสังเกตผู้กล้าต่อไป แต่ดูเหมือนว่าเลฟี่ที่นั่งอยู่ข้างๆจะไม่คิดแบบเดียวกับผม เธอหันมาทางผมด้วยใบหน้าโกรธเคือง

 

“เจ้าช่างดูหมดหวังเสียจริง… ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่ใช่เพียงพวกคลั่งเด็ก แต่เป็นพวกซาดิสท์ด้วยสินะ”

“โถ่ หยุดเถอะน่า เธอทำราวกับชั้นเป็นไอโรคจิต จิตวิปริตไปได้”

“ก็มันเป็นอย่างนั้นนิ”

 

ผมอยากจะปฏิเสธสิ่งที่เลฟี่พูดนะ แต่อิลูน่า ที่มานั่งคั่นกลาง มาร่วมวงสนทนาด้วยพูดตัดผมไปก่อน

 

“หนูรู้สึกแย่แทนเธอจังเลย พี่ใจร้ายจังที่ไปแกล้งเธอขนาดนั้นนะ…” สายตาของแวมไพร์ตัวน้อยมองว่าผมเป็นฝ่ายผิดอย่างชัดเจน

“ก-ก็นะ พี่ก็เข้าใจว่าเธอจะสื่ออะไรนะ แต่หล่อนเป็นศัตรูของเรานะ…?” ผมชี้นิ้วไปที่หน้าจอ ก็พบว่าสถานการณ์ได้เปลี่ยนจากตอนล่าสุดไปแล้ว วิญญาณทั้งสามตนได้ออกมาจากสาวน้อยที่น่าสงสารเป็นที่เรียบร้อย เธอหมดกำลังใจในการไปต่ออย่างชัดเจน เธอไปนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงมุมห้องด้วยซ้ำ

 

“เอ่อ…”  

“ยูกิ…” เลฟี่พูด

“หนูคิดว่าพี่ควรจะหยุดรังแกเธอได้แล้วนะคะ…” อิลูน่าพูดเสริม

 

ทั้งสองมองผมด้วยสายตาติเตียน ไม่มีใครคิดว่าผมเป็นฝั่งถูกเลย

 

“ก็ได้ ก็ได้ เข้าใจแล้ว หยุดมองชั้นอย่างนั้นได้แล้วน่า” ผมถอนหายใจ

 

ด้วยความทนสายตาของทั้งสองไม่ไหว ผมรีบหนีออกจากห้องบัลลังก์ไปยังที่ที่ผู้กล้าอยู่ เธอเสียกำลังใจในการต่อสู้ไปแล้ว ดังนั้นถึงไปเจอตัวต่อตัวเธอก็คงไม่โจมตีผมแล้ว

 

เฮ้อ แย่ชะมัด อย่างนี้แผนที่วางไว้ทั้งหมดก็สูญเปล่ากันพอดีสิ…

 

[TL:เรียงชื่อน้องผีทั้งสาม คนกลางคือ เรย์ ขวาคือ โลว์ ซ้ายคือ รุยจิ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+