Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 39 คำเตือน

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 39 คำเตือน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ เวลากลางดึกที่เงียบงัน กลุ่มทหารเอาเต้นออกมากางเพื่อหลับพักผ่อนกัน แต่ก็แน่นอน ไม่ใช่ทั้งหมด จะมีทหารจำนวนหนึ่งตื่นมาเฝ้าเวรเพื่อคอยสอดส่องรักษาความปลอดภัย บางส่วนก็เดินไปมาในพื้นที่ บ้างก็นั่งคดใกล้แคมป์ไฟเพื่อรอให้เวลาผ่านไป

 

น่าแปลกที่ทั้งๆก็มีเหยื่อที่อ่อนแอ่ขนาดนี้มาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่พวกมอนเตอร์ที่คอยออกมาโจมตีผมอยู่ตลอดกลับเฝ้ามองที่นี้อยู่แต่ห่างๆ คงเป็นผลจากอุปกรณ์เวทมนต์ที่เคยใช้กับริร์เมื่อตอนนั้นแน่ๆ

 

ผมเดินผ่านเหล่าทหารแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้น แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะรับรู้ถึงตัวตนผมได้ 
เป็นเพราะ ลอบเล้น หนึ่งในสกิลที่เลเวลสูงที่สุดของผม มันทำให้ผมหายตัวได้ ทำให้ผมไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ

 

แย่หน่อยที่การหายตัวของสกิลนี้มันไม่สมบูรณ์แบบ ผลของมันจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของศัตรู หรือก็คือ เจ้าพวกทหารยามที่ไม่อาจรับรู้ถึงตัวตนของผมได้ก็ไม่ต่างจากหนอนแมลง

 

ผมมาถึงหน้าเต้นที่ใหญ่ที่สุด หลังเดินสำรวจไปราวๆ 1-2 นาที

 

ดูแล้วน่าจะเป็นเต้นของผู้บังคับบัญชาที่นี้

 

ผมเดินเข้าไปแบบไม่ลังเลในทันที

 

“ใครนะ…!?”

 

มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาจากเตียงและหยิบดาบที่พิงเอาไว้ข้างๆทันทีที่ผมเดินเข้าไป 

 

“โอ้? ดูเหมือนว่าแกจะรับรู้ถึงตัวตนของชั้นได้สินะ”

 

ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมแข็.แกร่ง เลเวลของเขาเยอะกว่าพวกทหารข้างนอกไปเยอะแน่นอน แต่เขาก็ยังเป็นแค่มนุษย์ สเตตัสของเขาน้อยกว่ามอนเตอร์ที่อาศัยอยู่ในนี้ แค่นกหินก็จัดการเขาได้ง่ายๆแล้ว

 

สกิลของเขาก็เป็นการวางกลยุทธ์และการสั่งการ ก็เหมาะกับกับการเป็นผู้นำดี

 

ผมค่อยๆเปิดเผยตัวออกมาจากสกิลอย่างช้าๆ เพื่อที่จะไม่ให้เขาตกใจแล้วเขามาโจมตีผมซะก่อน

 

“แก—”

“เงียบซะ ไม่งั้นชั้นจะฆ่าแก”

 

ผมปล่อยจิตสังหารออกไปพร้อมพลังเวทเพื่อข่มขู่ เป็นเทคนิคที่ผมได้เรียรรู้จากการไปบุกช่วยอิลูน่า ที่ผมต้องทำก็แค่ตั้งสมาธิไปที่ความรู้สึกต้องการที่จะฆ่า รวบรวมพลังเวท ก่อนจะปล่อยมันออกไปรอบข้าง

 

แทบทุกสิ่งมีชีวิตในโลกนี้นั้นสามารถรับรู้ถึงพลังเวทได้หมด วิธีนี้จึงได้ผมเป็นอย่างมาก ถ้าศัตรูแข็งแกร่งกว่า มันก็จะไม่ได้ผลอะไรเลย แต่ถ้าระดับเท่ากัน ก็จะทำให้มันลังเลในการเข้าโจมตี และถ้าอ่อนแอกว่า ผมก็สามารถทำให้สลบไปเลยได้

 

ชายคนนี้สามารถคงสติเอาไว้ได้ แต่เหงื่อของเขาก็ไหลพราก และด้วยความกลัว เขาจึงตามคำสั่งของผมอย่างไม่ขัดขื่น

 

“แกเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของที่นี้หรือเปล่า?”

 

ผมพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งไปด้วยเกียรติ เพื่อไม่ให้ศัตรูมาดูหมิ่นผมได้ ยังไงซะผมก็เป็นจอมมารนี้นา

 

“ม-ไม่ ข้าไม่ใช่” เขาพูดแบบตะกุกตะกัก

 

เอ๋?

 

“พูดจริงรึ?”

“ข้าสาบาน”

 

ถึงชายคนนี้จะระวังตัวอยู่ แต่ก็ดูไม่ได้โกหก

 

อะไรฟ๊ะ!? จริงดิ? หมอนี้ไม่ใช่หัวหน้าคุ้มที่นี้หรอ? ให้ตายสิ น่าอายชะมัด… อุตสาห์เดินเข้ามาอย่างมั่นใจว่าหมอนี้ต้องใช่แน่ๆ อึก… รู้สึกเหมือนตัวเองโง่ชะมัด มันก็มีความเป็นไปได้นี้หว่าที่คนที่แข็งแกร่งที่สุดอาจจะไม่ใช่ตัวหัวหน้าก็ได้ อยากเอาหน้ามุดดินชะมัด

 

โอเค ยูกิ ใจเย็นๆก่อน แกมีงานที่ต้องทำอยู่นะ

 

มาคิดดูแล้ว ผมก็ไม่ได้ผิดไปซะทีเดียว ด้วยความสามารถของเขา อย่างน้อยก็ต้องนำกลุ่มอะไรซักอย่างอยู่แน่

 

“โอ้? แต่แกเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนี้ไม่ใช่หรือไง?’”

“…พวกเขาเอาคนอื่นมาทำหน้าที่แทนนะ” เขาพูดพลางบ่น

 

เขาดูอารมณ์ไม่ดีอย่างชัดเจน ให้เดาก็คงจะประมาณพวกขุนนางที่มีพลังอำนาจเหนือมามาแย่งเอาหน้า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่ดี

 

“งั้นก็จงนำข้อความนี้ไปบอกหัวหน้าแกซะ คำต่อคำล่ะ”

“…เข้าใจแล้ว”

 

เขาพยักหน้าอย่างลังเลนิดๆ เขาเป็นทหารที่ดีเลย ถึงจะไม่มีสกิลประเมินแต่ก็รู้ได้ว่าตัวเองอ่อนแอกว่า เขาจึงเลือกที่จะเชื่อฟังมากกว่าการทำอะไรโง่ๆ แถมเขายังมองไปรอบๆเพื่อหาคอยหาโอกาศผลิกสถานการณ์อยู่ด้วย

 

“งั้นก็ฟังให้ดี แกได้ย่างเท้าเข้ามาในอาณาเขตของเราแล้ว ถ้ายังกล้าเข้าไปลึกกว่านี้ ชั้นจะฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว ชั้นไม่สนว่าพวกแกมีเป้าหมายอะไร แต่ถ้ายังห่วงชีวิต ก็กลับไปซะ”

 

สายตาของเขาหยุดกวาดไปรอบๆและมองมาที่ผม เหมือนต้องการจะถามอะไรซักอย่าง แต่กลัวว่าจะทำให้ผมโกรธเข้า

 

“พูดได้”

 

เขากลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ยเสียง

 

“ข้าอยากจะถามคำถามซัก 1 คำถาม”

“ว่ามา”

“ทำไมคนที่แข็งแกร่งอย่างท่านต้องออกมาเตือนพวกเราด้วย? ทำไมไม่กำจัดพวกเราทิ้งไปเลยกันล่ะ?”

 

ผมแสยะยิ้มแบบตัวร้ายก่อนจะตอบ

 

“ก็เพราะการต้องมาไล่ฆ่าพวกแกมันน่ารำคาญยังไงล่ะ”

“น่า… รำคาญ…?”

“ชั้นไม่สนใจอะไรในตัวพวกแกเลยซักนิด แต่ชั้นก็อนุญาติให้แกรอดไปได้ถ้าพวกแกทำตามที่ชั้นพูด แต่ถ้าไม่ แกก็คงเข้าใจในสิ่งที่ชั้นจะสื่อดีใช่ไหม?”

 

เขาพยักหน้า ผมจึงพูดต่อ

 

“แกไม่คิดว่ามันน่ารำคาญบ้างหรอที่ต้องมานั่งไล่บี้มดทีละตัว? ถึงจะจัดการง่าย แต่มันก็ต้องใช้เวลาอยู่ดี นั้นแหละคือสิ่งที่ชั้นรู้สึก ฆ่าพวกแกนะมันง่าย แค่ชั้นไม่ต้องการจะเสียเวลาก็แค่นั้น”

“จ-จะบอกว่ามนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับเหล่ามดงั้นรึ!?”

“ก็นั้นแหละ ความต่างชั้นของเผ่าพันธุ์มันทำให้ชั้นนับตัวเองให้เท่ากับพวกแกไม่ได้เลยนะ”

 

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่มดนั้นน่ากลัวกว่ามนุษย์เยอะ ยกตัวอย่างก็เจ้าพวกมดที่อยู่ในป่าต้องห้ามนี้แหละ เจอไปทีเอาซะไม่อยากจะสู้ด้วยอีกเลย

 

“ก็มีเท่านี้แหละ ชั้นจะให้เวลาพวกแกคิดกันซักเล็กน้อย จะอยู่หรือตาย พวกแกก็เลือกเอาเอง”

 

ผมเปิดใช้ง่านลอบเล้นและเดินออกไป แต่สำหรับเขา มันคงเหมือนว่าผมได้หายไปในความมืดไปแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 39 คำเตือน

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 39 คำเตือน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ เวลากลางดึกที่เงียบงัน กลุ่มทหารเอาเต้นออกมากางเพื่อหลับพักผ่อนกัน แต่ก็แน่นอน ไม่ใช่ทั้งหมด จะมีทหารจำนวนหนึ่งตื่นมาเฝ้าเวรเพื่อคอยสอดส่องรักษาความปลอดภัย บางส่วนก็เดินไปมาในพื้นที่ บ้างก็นั่งคดใกล้แคมป์ไฟเพื่อรอให้เวลาผ่านไป

 

น่าแปลกที่ทั้งๆก็มีเหยื่อที่อ่อนแอ่ขนาดนี้มาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่พวกมอนเตอร์ที่คอยออกมาโจมตีผมอยู่ตลอดกลับเฝ้ามองที่นี้อยู่แต่ห่างๆ คงเป็นผลจากอุปกรณ์เวทมนต์ที่เคยใช้กับริร์เมื่อตอนนั้นแน่ๆ

 

ผมเดินผ่านเหล่าทหารแบบไม่สนอะไรทั้งสิ้น แต่พวกเขาก็ไม่อาจจะรับรู้ถึงตัวตนผมได้ 
เป็นเพราะ ลอบเล้น หนึ่งในสกิลที่เลเวลสูงที่สุดของผม มันทำให้ผมหายตัวได้ ทำให้ผมไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ

 

แย่หน่อยที่การหายตัวของสกิลนี้มันไม่สมบูรณ์แบบ ผลของมันจะขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของศัตรู หรือก็คือ เจ้าพวกทหารยามที่ไม่อาจรับรู้ถึงตัวตนของผมได้ก็ไม่ต่างจากหนอนแมลง

 

ผมมาถึงหน้าเต้นที่ใหญ่ที่สุด หลังเดินสำรวจไปราวๆ 1-2 นาที

 

ดูแล้วน่าจะเป็นเต้นของผู้บังคับบัญชาที่นี้

 

ผมเดินเข้าไปแบบไม่ลังเลในทันที

 

“ใครนะ…!?”

 

มีชายคนหนึ่งลุกขึ้นมาจากเตียงและหยิบดาบที่พิงเอาไว้ข้างๆทันทีที่ผมเดินเข้าไป 

 

“โอ้? ดูเหมือนว่าแกจะรับรู้ถึงตัวตนของชั้นได้สินะ”

 

ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าผมแข็.แกร่ง เลเวลของเขาเยอะกว่าพวกทหารข้างนอกไปเยอะแน่นอน แต่เขาก็ยังเป็นแค่มนุษย์ สเตตัสของเขาน้อยกว่ามอนเตอร์ที่อาศัยอยู่ในนี้ แค่นกหินก็จัดการเขาได้ง่ายๆแล้ว

 

สกิลของเขาก็เป็นการวางกลยุทธ์และการสั่งการ ก็เหมาะกับกับการเป็นผู้นำดี

 

ผมค่อยๆเปิดเผยตัวออกมาจากสกิลอย่างช้าๆ เพื่อที่จะไม่ให้เขาตกใจแล้วเขามาโจมตีผมซะก่อน

 

“แก—”

“เงียบซะ ไม่งั้นชั้นจะฆ่าแก”

 

ผมปล่อยจิตสังหารออกไปพร้อมพลังเวทเพื่อข่มขู่ เป็นเทคนิคที่ผมได้เรียรรู้จากการไปบุกช่วยอิลูน่า ที่ผมต้องทำก็แค่ตั้งสมาธิไปที่ความรู้สึกต้องการที่จะฆ่า รวบรวมพลังเวท ก่อนจะปล่อยมันออกไปรอบข้าง

 

แทบทุกสิ่งมีชีวิตในโลกนี้นั้นสามารถรับรู้ถึงพลังเวทได้หมด วิธีนี้จึงได้ผมเป็นอย่างมาก ถ้าศัตรูแข็งแกร่งกว่า มันก็จะไม่ได้ผลอะไรเลย แต่ถ้าระดับเท่ากัน ก็จะทำให้มันลังเลในการเข้าโจมตี และถ้าอ่อนแอกว่า ผมก็สามารถทำให้สลบไปเลยได้

 

ชายคนนี้สามารถคงสติเอาไว้ได้ แต่เหงื่อของเขาก็ไหลพราก และด้วยความกลัว เขาจึงตามคำสั่งของผมอย่างไม่ขัดขื่น

 

“แกเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของที่นี้หรือเปล่า?”

 

ผมพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งไปด้วยเกียรติ เพื่อไม่ให้ศัตรูมาดูหมิ่นผมได้ ยังไงซะผมก็เป็นจอมมารนี้นา

 

“ม-ไม่ ข้าไม่ใช่” เขาพูดแบบตะกุกตะกัก

 

เอ๋?

 

“พูดจริงรึ?”

“ข้าสาบาน”

 

ถึงชายคนนี้จะระวังตัวอยู่ แต่ก็ดูไม่ได้โกหก

 

อะไรฟ๊ะ!? จริงดิ? หมอนี้ไม่ใช่หัวหน้าคุ้มที่นี้หรอ? ให้ตายสิ น่าอายชะมัด… อุตสาห์เดินเข้ามาอย่างมั่นใจว่าหมอนี้ต้องใช่แน่ๆ อึก… รู้สึกเหมือนตัวเองโง่ชะมัด มันก็มีความเป็นไปได้นี้หว่าที่คนที่แข็งแกร่งที่สุดอาจจะไม่ใช่ตัวหัวหน้าก็ได้ อยากเอาหน้ามุดดินชะมัด

 

โอเค ยูกิ ใจเย็นๆก่อน แกมีงานที่ต้องทำอยู่นะ

 

มาคิดดูแล้ว ผมก็ไม่ได้ผิดไปซะทีเดียว ด้วยความสามารถของเขา อย่างน้อยก็ต้องนำกลุ่มอะไรซักอย่างอยู่แน่

 

“โอ้? แต่แกเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในนี้ไม่ใช่หรือไง?’”

“…พวกเขาเอาคนอื่นมาทำหน้าที่แทนนะ” เขาพูดพลางบ่น

 

เขาดูอารมณ์ไม่ดีอย่างชัดเจน ให้เดาก็คงจะประมาณพวกขุนนางที่มีพลังอำนาจเหนือมามาแย่งเอาหน้า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องของผมอยู่ดี

 

“งั้นก็จงนำข้อความนี้ไปบอกหัวหน้าแกซะ คำต่อคำล่ะ”

“…เข้าใจแล้ว”

 

เขาพยักหน้าอย่างลังเลนิดๆ เขาเป็นทหารที่ดีเลย ถึงจะไม่มีสกิลประเมินแต่ก็รู้ได้ว่าตัวเองอ่อนแอกว่า เขาจึงเลือกที่จะเชื่อฟังมากกว่าการทำอะไรโง่ๆ แถมเขายังมองไปรอบๆเพื่อหาคอยหาโอกาศผลิกสถานการณ์อยู่ด้วย

 

“งั้นก็ฟังให้ดี แกได้ย่างเท้าเข้ามาในอาณาเขตของเราแล้ว ถ้ายังกล้าเข้าไปลึกกว่านี้ ชั้นจะฆ่าไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว ชั้นไม่สนว่าพวกแกมีเป้าหมายอะไร แต่ถ้ายังห่วงชีวิต ก็กลับไปซะ”

 

สายตาของเขาหยุดกวาดไปรอบๆและมองมาที่ผม เหมือนต้องการจะถามอะไรซักอย่าง แต่กลัวว่าจะทำให้ผมโกรธเข้า

 

“พูดได้”

 

เขากลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ยเสียง

 

“ข้าอยากจะถามคำถามซัก 1 คำถาม”

“ว่ามา”

“ทำไมคนที่แข็งแกร่งอย่างท่านต้องออกมาเตือนพวกเราด้วย? ทำไมไม่กำจัดพวกเราทิ้งไปเลยกันล่ะ?”

 

ผมแสยะยิ้มแบบตัวร้ายก่อนจะตอบ

 

“ก็เพราะการต้องมาไล่ฆ่าพวกแกมันน่ารำคาญยังไงล่ะ”

“น่า… รำคาญ…?”

“ชั้นไม่สนใจอะไรในตัวพวกแกเลยซักนิด แต่ชั้นก็อนุญาติให้แกรอดไปได้ถ้าพวกแกทำตามที่ชั้นพูด แต่ถ้าไม่ แกก็คงเข้าใจในสิ่งที่ชั้นจะสื่อดีใช่ไหม?”

 

เขาพยักหน้า ผมจึงพูดต่อ

 

“แกไม่คิดว่ามันน่ารำคาญบ้างหรอที่ต้องมานั่งไล่บี้มดทีละตัว? ถึงจะจัดการง่าย แต่มันก็ต้องใช้เวลาอยู่ดี นั้นแหละคือสิ่งที่ชั้นรู้สึก ฆ่าพวกแกนะมันง่าย แค่ชั้นไม่ต้องการจะเสียเวลาก็แค่นั้น”

“จ-จะบอกว่ามนุษย์ก็ไม่ต่างอะไรกับเหล่ามดงั้นรึ!?”

“ก็นั้นแหละ ความต่างชั้นของเผ่าพันธุ์มันทำให้ชั้นนับตัวเองให้เท่ากับพวกแกไม่ได้เลยนะ”

 

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่มดนั้นน่ากลัวกว่ามนุษย์เยอะ ยกตัวอย่างก็เจ้าพวกมดที่อยู่ในป่าต้องห้ามนี้แหละ เจอไปทีเอาซะไม่อยากจะสู้ด้วยอีกเลย

 

“ก็มีเท่านี้แหละ ชั้นจะให้เวลาพวกแกคิดกันซักเล็กน้อย จะอยู่หรือตาย พวกแกก็เลือกเอาเอง”

 

ผมเปิดใช้ง่านลอบเล้นและเดินออกไป แต่สำหรับเขา มันคงเหมือนว่าผมได้หายไปในความมืดไปแล้ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+