Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 60 เข้าเมืองกันดีกว่า

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 60 เข้าเมืองกันดีกว่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผมแปลกใจมากที่ผู้กล้าไม่ทำตัวเป็นศัตรูกลับเลย เธอเป็นมิตรและเปิดใจพอที่จะเห็นอคติที่ผ่านมาจากการสนทนา จริงๆจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก เธอดูไร้เดียงสาเกินกว่าจะเห็นความตั้งใจจริงๆของผมมากกว่า

 

ถึงผมจะอยากถามเธอถึงเรื่องของมนุษย์ก็เถอะ แต่ความจริงคือผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เธอมาป้วนเปี้ยนในอาณาเขตผมนานขนาดนี้ ความลังเลอันมากมายเกิดขึ้นในหัวเมื่อผมพิจารณาถึงไอเดียนี้ดู มันดูเสี่ยงเกินไปและไม่น่าจะได้ผลประโยชน์อะไรกลับมา ผมจึงตั้งใจจะส่งเธอกลับไป แต่อิลูน่าก็เป็นคนมากล่อมผมอีกที

 

สิ่งแรกที่อิลูน่ามาบอกผมหลังจากอาบน้ำเสร็จคือผู้กล้าเป็นคนที่เชื่อใจได้ ซึ่งสัญชาติญาณของอิลูน่าก็เป็นอะไรที่เชื่อถือได้ เธอสามารถบอกสิ่งที่เป็นภัยและไม่เป็นได้เพียงแค่มอง เธอสามารถรับรู้ได้ถึงมอนเตอร์อันตรายและอยู่ห่างออกมาในตอนที่ไปเที่ยวเล่นในป่ากับผมโดยไม่ต้องพึ่งคำเตือนของผม ถ้าอิลูน่าจะยืนยันว่าผู้กล้านั้นไร้พิษภัย งั้นผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ ผมเชื่อในสัญชาติญาณของอิลูน่าจนแทบจะลดการป้องกันตัวจนหมดเลยละ 

ก็ต้องขอบคุณแวมไพร์น้อยของเรา ผมจึงได้ตัดสินใจให้ผู้กล้าค้างคืนและถามเกี่ยวกับมนุษย์ในวันต่อมา

 

ซึ่งคำตอบของเธอก็ให้ข้อมูลได้อย่างดีเลย

 

จากการตอบของเธอ ผมก็รู้ได้ทันทีว่าโบทส์มีอิทธิพลที่กว้างขวางมาก ถึงขนาดมีกองทหารส่วนตัวอย่างกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์นั้นนะ แต่ผู้บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ถึงขนาดทำให้  

โบสท์อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถหรือไม่อาจปฏิเสธคำขอได้ คงเป็นเรื่องผ่านการเงินหรือแรงกดดันทางการเมืองหรืออิทธิพลอื่นๆ ถึงโบสท์จะทรงพลัง แต่ผู้อยู่เบื้องหลังนั้นทรงพลังกว่า—โดยเฉพาะถึงขนาดขับเคลื่อนกำลังพลได้เลยเนี่ย

 

ผมอยากจะพูดว่าตัวเองกำลังต่อกรกับประเทศทั้งประเทศอยู่อะไรประมาณนั้น แต่มันก็ดูไม่เป็นอย่างนั้น มันมีบางอย่าง… แปลกๆ แรงพลังดันของทั้งกองกำลังก่อนหน้านี้และผู้กล้ามันดู… ขาดอะไรบางอย่างไป วิธีการของผู้บงการมันดูซับว้อนเกินความจำเป็นเหมือนกับว่าพยายามจะข้ามขั้นตอนอะไรซักอย่าง

 

กองกำลังที่มาเหยีบประตูบ้านผมก่อนหน้านี้มันดูเล็กเกินไปที่จะเป็นกองทัพ อาจเป็นเพราะเขาดูถูกพลังของผมเพราะขาดข้อมูล หรือไม่ก็เป็นแค่พวกปัญญาอ่อน แต่เขาก็ดูเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งก่อนนะ

 

การส่งผู้กล้ามารอบนี้ก็นับเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดเลย เธอก็แข็งแกร่งกว่ากองกำลังทั้งหมดก่อนหน้านี้แล้ว เธอมีโอกาศจะจัดการผมลงได้ด้วยซ้ำถ้าไม่กลายเป็นแมวขี้กลัวไปซะก่อน ถึงค่าสถานะผมจะสูงกว่า แต่ผมก็ไม่ได้ฝึกต่อสู้อะไรขนาดนั้น ผมไม่มีเทคนิคหรือประสบการณ์ต่อสู้อะไรมากมาย

 

การส่งผู้กล้ามาก็เป็นอะไรที่เสี่ยงใช้ได้ เพราะดูๆหมอนั้นก็เหมือนจะไม่อยากจะลงทุนกับกองทัพไปมากกว่านี้เพราะเพิ่งโดนผมกวาดล้างไป แต่อย่างน้อยก็น่าจะส่งคู่หูหรือพรรคพวกกำลังเสริมมาด้วยอีกซักหน่อยก็ดี ถ้าเสียผู้กล้าไปหมอนั้นนะจะซวยหนักเลยนะ

 

ทางออกที่ดีที่สุดคงเป็นการส่งผู้กล้ามาพร้อมกับกองทัพ ถ้าผู้อยู่เบื้องหลังระคำสั่งมาจากทางประเทศ มันก็ไม่เข้าท่าเลยที่จะส่งกองกำลังเดี่ยวๆมาเข้าป่าแบบนี้ ถ้าไม่คำนึงถึงจุดประสงค์มันก็คงจะดูจริงถ้าเขาทำงานให้พวก “ขุนนาง” เพื่อฟื้นฟูเกียรติของหมู่บ้านอะไรแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็ดูไม่เข้าท่าอยู่ดีที่จะส่งผู้กล้าแยกกับกองทัพมาแบบนี้

 

ถ้าเขามีความสามารถในการทำให้กองทัพยอมทำตามความประสงค์ของตัวเองแบบนี้ ใครก็ตามที่ออกเก็บผมอย่างน้อยก็ควรจะเป็นคนที่ยศสูงในรัฐระดับหนึ่งเลยนะ เขาต้องได้รับอิทธิพลอย่างมากถึงจะออกมาทำเช่นนี้ หรืออะไรประมาณนั้น ให้ตายสิ ผมต้องไปในที่ที่มีมนุษย์มากกว่านี้เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับผู้คนในโลกนี้ให้มากกว่านี้แล้วสิ

 

[TL: ณ จุดที่พระเอกคิดถึงแผนการของอีกฝั่งนี้ ใครงงก็ขออภัยด้วยนะจิ ผมอ่านเองยังงงเลยจิ พยายามเกาคำให้ได้มากที่สุดละ แต่อิงก็งงจริงจิ ม๊ายหว่ายจิ เจอบทอย่างนี้เข้าไปแต่ละทีก็มิเคยรอดเลยจิ]

 

โชคดีหน่อยที่มีคนจะช่วยผมในเรื่องนั้นได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว

 

“อ้อ จริงด้วยสิ เดี๋ยวชั้นฝากหน้าที่นำเที่ยวให้กับเธอนะ”

“ห๊ะ?” ผู้กล้ามองกลับมาอย่างงงๆก่อนจะรู้ว่าผมพูดอยู่กับเธอ “เอ่ออ… ชั้นไม่เข้าใจว่านายพูดถึงอะไรอยู่นะ”

“ก็ เธอกำลังจะกลับใช่ไหมละ?”

“อืม…?”

“ก็นั้นแหละ ชั้นจะติดไปดวยนะ”

“ห๊า?” ผู้กล้าจ้องผมราวกับกำลังประมาลคำพูดของผม

“ชั้นอยากจะเข้าหมู่บ้านมนุษย์มาได้ซักพักแล้ว และนี้ก็เป็นโอกาศอันดีเลย ดังนั้นก็ ขอบคุณล่วงหน้านะ”

“ห๊ะ!?”  

 

“อา จริงสิ ยูกิ เราจะไปด้วยนะ” คนต่อมาที่พูดคือเลฟี่ เธอและคนอื่นๆมารวมตัวกันอยู่หน้าปราสาท ผมบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วและพวกเขาจะมาส่งผม

“เธอจะไปด้วยหรอ?” เลฟี่ไม่ได้พูดอะไรเลยตอนที่ผมบอกว่าจะไป นี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยิน คนที่จะไปด้วยเป็นอิลูน่าด้วยซ้ำ ผมก็อยากจะพาเธอไปนะ แต่ผมทำไม่ได้ ผมมั่นใจว่าผมจะปกป้องตัวเองได้ถ้าตัวตนของผมถูกเปิดเผย แต่ผมไม่แน่ใจหากมีอิลูน่าติดมาด้วย การปล่อยให้อิลูน่าอยู่กับเลล่าและลูดูจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

 

“อะไรละ? เจ้ามีเหตุผลจะปฏิเสธรึ?” รอยยิ้มอันมั่นใจปรากฏขึ้นบนหน้าของเลฟี่ ราวกับจะท้าให้ผมปฏิเสธ

“ไม่ละ ไม่เลยซักนิด ชั้นดีใจด้วยซ้ำที่เธอจะมาด้วย ชั้นแค่ตกใจนะ เพราะไม่คิดว่าเธอจะสนใจ”

 

การที่มีเลฟี่มาด้วยก็เบาใจลงได้หน่อย ตัวตนของเธอนะทำให้สถานการณ์ที่แย่ที่สุดจบลงได้ง่ายๆเลย

 

“จ-เจ้าดีใจงั้นรึ?” เลฟี่แก้มแดงแบบอ่อนๆ แต่เธอก็แก้เขินด้วยการไอ 

“ที่เราเลือกไปกับเจ้าด้วยเพราะเรารู้ว่าเจ้านะใจอ่อนกับผู้หญิง มันจะรบกวนเราถ้าเจ้าใช้เวลากับพวกมนุษย์นานเกินไป เป้าหมายของเราจึงเป็นแค่การจับตาดูเจ้าเพียงเท่านั้น”

“ใช่ค่ะ ใช่! พยายามเข้านะคะ พี่เลฟี่! พยายามเข้า!” เดี๋ยวนะ นั้นอิลูน่าพูดหรอ? หรือที่จะมาด้วยแต่แรกก็เพราะเหตุผลเดียวกัน? [TL: Lol โดนเหล่าเมียหึงหวงละ]

“ได้เลย เราจะคอยเฝ้าไม่ให้ยูกิออกนอกลู่นอกทางเอง”

 

ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ นี้ไม่คิดจะเชื่อใจกันซักนิดเลยสินะ  

 

“ครับ ครับ เข้าใจแล้ว ยังไงก็ฝากดูบ้านในระหว่างที่ชั้นไม่อยู่ด้วยละ เข้าใจกันนะ?”

“ตามที่ต้องการค่ะ นายท่าน” เลล่าตอบ

“ได้เลยค่ะ! เดี๋ยวเราจะดูแลให้เรียบร้อยเอง มาสเตอร์!”

“ก็ไม่รู้สิ แต่พอได้ยินเธอพูดอย่างนั้นแล้วมันทำชั้นกังวลแปลกๆแหะ ลู”

“ห๊ะ!? ไหงงั้นอะ!?” ยัยมนุษย์สัตว์ได้แต่ตกใจจนอ้าปากค้าง

“แค่ล้อเล่นนา ก็รู้นิว่าชั้นเชื่อใจพวกเธอ ไม่งั้นชั้นไม่ฝากฝั่งพวกเธอหรอก ริร์ ชั้นฝากหน้าที่ปกป้องบ้านให้นายนะ จัดการศัตรูทุกตัวที่โผล่มาเลยนะ และชิอิก็ด้วยนะ ปกป้องทุกคนแทนชั้นด้วยละ โอเค?”

 

สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวของผมตอบกลับด้วยท่าทางของตนเอง ริร์พยักหน้า ชิอิกระโดดเด้งไปมา

 

“เอาละ งั้น เดี๋ยวเจอกันในอีกสัปดาห์นะ” ผมบอกลากับทุกคน พร้อมทั้งวิญญาณทั้งสามตนที่อยู่ตรงหน้าต่างของปราสาท

“เดี๋ยวเราจะกลับมา”

“โอเคคะ! เที่ยวกันใหสนุกนะคะ!” อิลูน่าพูด

“ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ” เลล่าพูด

“แล้วเจอกันน้า!” ตามด้วยลู

 

มีเพียงผู้กล้าเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ร่วมวง “อำลา” ด้วย ซึ่งเธอก็ได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างเพียงลำพัง

 

“เอ่อออ… แล้วความเห็นชั้นละ…?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 60 เข้าเมืองกันดีกว่า

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 60 เข้าเมืองกันดีกว่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ผมแปลกใจมากที่ผู้กล้าไม่ทำตัวเป็นศัตรูกลับเลย เธอเป็นมิตรและเปิดใจพอที่จะเห็นอคติที่ผ่านมาจากการสนทนา จริงๆจะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก เธอดูไร้เดียงสาเกินกว่าจะเห็นความตั้งใจจริงๆของผมมากกว่า

 

ถึงผมจะอยากถามเธอถึงเรื่องของมนุษย์ก็เถอะ แต่ความจริงคือผมไม่ได้ตั้งใจจะให้เธอมาป้วนเปี้ยนในอาณาเขตผมนานขนาดนี้ ความลังเลอันมากมายเกิดขึ้นในหัวเมื่อผมพิจารณาถึงไอเดียนี้ดู มันดูเสี่ยงเกินไปและไม่น่าจะได้ผลประโยชน์อะไรกลับมา ผมจึงตั้งใจจะส่งเธอกลับไป แต่อิลูน่าก็เป็นคนมากล่อมผมอีกที

 

สิ่งแรกที่อิลูน่ามาบอกผมหลังจากอาบน้ำเสร็จคือผู้กล้าเป็นคนที่เชื่อใจได้ ซึ่งสัญชาติญาณของอิลูน่าก็เป็นอะไรที่เชื่อถือได้ เธอสามารถบอกสิ่งที่เป็นภัยและไม่เป็นได้เพียงแค่มอง เธอสามารถรับรู้ได้ถึงมอนเตอร์อันตรายและอยู่ห่างออกมาในตอนที่ไปเที่ยวเล่นในป่ากับผมโดยไม่ต้องพึ่งคำเตือนของผม ถ้าอิลูน่าจะยืนยันว่าผู้กล้านั้นไร้พิษภัย งั้นผมก็ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เชื่อ ผมเชื่อในสัญชาติญาณของอิลูน่าจนแทบจะลดการป้องกันตัวจนหมดเลยละ 

ก็ต้องขอบคุณแวมไพร์น้อยของเรา ผมจึงได้ตัดสินใจให้ผู้กล้าค้างคืนและถามเกี่ยวกับมนุษย์ในวันต่อมา

 

ซึ่งคำตอบของเธอก็ให้ข้อมูลได้อย่างดีเลย

 

จากการตอบของเธอ ผมก็รู้ได้ทันทีว่าโบทส์มีอิทธิพลที่กว้างขวางมาก ถึงขนาดมีกองทหารส่วนตัวอย่างกองอัศวินศักดิ์สิทธิ์นั้นนะ แต่ผู้บงการอยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ ถึงขนาดทำให้  

โบสท์อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถหรือไม่อาจปฏิเสธคำขอได้ คงเป็นเรื่องผ่านการเงินหรือแรงกดดันทางการเมืองหรืออิทธิพลอื่นๆ ถึงโบสท์จะทรงพลัง แต่ผู้อยู่เบื้องหลังนั้นทรงพลังกว่า—โดยเฉพาะถึงขนาดขับเคลื่อนกำลังพลได้เลยเนี่ย

 

ผมอยากจะพูดว่าตัวเองกำลังต่อกรกับประเทศทั้งประเทศอยู่อะไรประมาณนั้น แต่มันก็ดูไม่เป็นอย่างนั้น มันมีบางอย่าง… แปลกๆ แรงพลังดันของทั้งกองกำลังก่อนหน้านี้และผู้กล้ามันดู… ขาดอะไรบางอย่างไป วิธีการของผู้บงการมันดูซับว้อนเกินความจำเป็นเหมือนกับว่าพยายามจะข้ามขั้นตอนอะไรซักอย่าง

 

กองกำลังที่มาเหยีบประตูบ้านผมก่อนหน้านี้มันดูเล็กเกินไปที่จะเป็นกองทัพ อาจเป็นเพราะเขาดูถูกพลังของผมเพราะขาดข้อมูล หรือไม่ก็เป็นแค่พวกปัญญาอ่อน แต่เขาก็ดูเรียนรู้จากความผิดพลาดครั้งก่อนนะ

 

การส่งผู้กล้ามารอบนี้ก็นับเป็นการพัฒนาที่ก้าวกระโดดเลย เธอก็แข็งแกร่งกว่ากองกำลังทั้งหมดก่อนหน้านี้แล้ว เธอมีโอกาศจะจัดการผมลงได้ด้วยซ้ำถ้าไม่กลายเป็นแมวขี้กลัวไปซะก่อน ถึงค่าสถานะผมจะสูงกว่า แต่ผมก็ไม่ได้ฝึกต่อสู้อะไรขนาดนั้น ผมไม่มีเทคนิคหรือประสบการณ์ต่อสู้อะไรมากมาย

 

การส่งผู้กล้ามาก็เป็นอะไรที่เสี่ยงใช้ได้ เพราะดูๆหมอนั้นก็เหมือนจะไม่อยากจะลงทุนกับกองทัพไปมากกว่านี้เพราะเพิ่งโดนผมกวาดล้างไป แต่อย่างน้อยก็น่าจะส่งคู่หูหรือพรรคพวกกำลังเสริมมาด้วยอีกซักหน่อยก็ดี ถ้าเสียผู้กล้าไปหมอนั้นนะจะซวยหนักเลยนะ

 

ทางออกที่ดีที่สุดคงเป็นการส่งผู้กล้ามาพร้อมกับกองทัพ ถ้าผู้อยู่เบื้องหลังระคำสั่งมาจากทางประเทศ มันก็ไม่เข้าท่าเลยที่จะส่งกองกำลังเดี่ยวๆมาเข้าป่าแบบนี้ ถ้าไม่คำนึงถึงจุดประสงค์มันก็คงจะดูจริงถ้าเขาทำงานให้พวก “ขุนนาง” เพื่อฟื้นฟูเกียรติของหมู่บ้านอะไรแบบนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็ดูไม่เข้าท่าอยู่ดีที่จะส่งผู้กล้าแยกกับกองทัพมาแบบนี้

 

ถ้าเขามีความสามารถในการทำให้กองทัพยอมทำตามความประสงค์ของตัวเองแบบนี้ ใครก็ตามที่ออกเก็บผมอย่างน้อยก็ควรจะเป็นคนที่ยศสูงในรัฐระดับหนึ่งเลยนะ เขาต้องได้รับอิทธิพลอย่างมากถึงจะออกมาทำเช่นนี้ หรืออะไรประมาณนั้น ให้ตายสิ ผมต้องไปในที่ที่มีมนุษย์มากกว่านี้เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับผู้คนในโลกนี้ให้มากกว่านี้แล้วสิ

 

[TL: ณ จุดที่พระเอกคิดถึงแผนการของอีกฝั่งนี้ ใครงงก็ขออภัยด้วยนะจิ ผมอ่านเองยังงงเลยจิ พยายามเกาคำให้ได้มากที่สุดละ แต่อิงก็งงจริงจิ ม๊ายหว่ายจิ เจอบทอย่างนี้เข้าไปแต่ละทีก็มิเคยรอดเลยจิ]

 

โชคดีหน่อยที่มีคนจะช่วยผมในเรื่องนั้นได้ยืนอยู่ตรงนี้แล้ว

 

“อ้อ จริงด้วยสิ เดี๋ยวชั้นฝากหน้าที่นำเที่ยวให้กับเธอนะ”

“ห๊ะ?” ผู้กล้ามองกลับมาอย่างงงๆก่อนจะรู้ว่าผมพูดอยู่กับเธอ “เอ่ออ… ชั้นไม่เข้าใจว่านายพูดถึงอะไรอยู่นะ”

“ก็ เธอกำลังจะกลับใช่ไหมละ?”

“อืม…?”

“ก็นั้นแหละ ชั้นจะติดไปดวยนะ”

“ห๊า?” ผู้กล้าจ้องผมราวกับกำลังประมาลคำพูดของผม

“ชั้นอยากจะเข้าหมู่บ้านมนุษย์มาได้ซักพักแล้ว และนี้ก็เป็นโอกาศอันดีเลย ดังนั้นก็ ขอบคุณล่วงหน้านะ”

“ห๊ะ!?”  

 

“อา จริงสิ ยูกิ เราจะไปด้วยนะ” คนต่อมาที่พูดคือเลฟี่ เธอและคนอื่นๆมารวมตัวกันอยู่หน้าปราสาท ผมบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วและพวกเขาจะมาส่งผม

“เธอจะไปด้วยหรอ?” เลฟี่ไม่ได้พูดอะไรเลยตอนที่ผมบอกว่าจะไป นี้เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้ยิน คนที่จะไปด้วยเป็นอิลูน่าด้วยซ้ำ ผมก็อยากจะพาเธอไปนะ แต่ผมทำไม่ได้ ผมมั่นใจว่าผมจะปกป้องตัวเองได้ถ้าตัวตนของผมถูกเปิดเผย แต่ผมไม่แน่ใจหากมีอิลูน่าติดมาด้วย การปล่อยให้อิลูน่าอยู่กับเลล่าและลูดูจะเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

 

“อะไรละ? เจ้ามีเหตุผลจะปฏิเสธรึ?” รอยยิ้มอันมั่นใจปรากฏขึ้นบนหน้าของเลฟี่ ราวกับจะท้าให้ผมปฏิเสธ

“ไม่ละ ไม่เลยซักนิด ชั้นดีใจด้วยซ้ำที่เธอจะมาด้วย ชั้นแค่ตกใจนะ เพราะไม่คิดว่าเธอจะสนใจ”

 

การที่มีเลฟี่มาด้วยก็เบาใจลงได้หน่อย ตัวตนของเธอนะทำให้สถานการณ์ที่แย่ที่สุดจบลงได้ง่ายๆเลย

 

“จ-เจ้าดีใจงั้นรึ?” เลฟี่แก้มแดงแบบอ่อนๆ แต่เธอก็แก้เขินด้วยการไอ 

“ที่เราเลือกไปกับเจ้าด้วยเพราะเรารู้ว่าเจ้านะใจอ่อนกับผู้หญิง มันจะรบกวนเราถ้าเจ้าใช้เวลากับพวกมนุษย์นานเกินไป เป้าหมายของเราจึงเป็นแค่การจับตาดูเจ้าเพียงเท่านั้น”

“ใช่ค่ะ ใช่! พยายามเข้านะคะ พี่เลฟี่! พยายามเข้า!” เดี๋ยวนะ นั้นอิลูน่าพูดหรอ? หรือที่จะมาด้วยแต่แรกก็เพราะเหตุผลเดียวกัน? [TL: Lol โดนเหล่าเมียหึงหวงละ]

“ได้เลย เราจะคอยเฝ้าไม่ให้ยูกิออกนอกลู่นอกทางเอง”

 

ผมได้แต่ยิ้มแหยๆ นี้ไม่คิดจะเชื่อใจกันซักนิดเลยสินะ  

 

“ครับ ครับ เข้าใจแล้ว ยังไงก็ฝากดูบ้านในระหว่างที่ชั้นไม่อยู่ด้วยละ เข้าใจกันนะ?”

“ตามที่ต้องการค่ะ นายท่าน” เลล่าตอบ

“ได้เลยค่ะ! เดี๋ยวเราจะดูแลให้เรียบร้อยเอง มาสเตอร์!”

“ก็ไม่รู้สิ แต่พอได้ยินเธอพูดอย่างนั้นแล้วมันทำชั้นกังวลแปลกๆแหะ ลู”

“ห๊ะ!? ไหงงั้นอะ!?” ยัยมนุษย์สัตว์ได้แต่ตกใจจนอ้าปากค้าง

“แค่ล้อเล่นนา ก็รู้นิว่าชั้นเชื่อใจพวกเธอ ไม่งั้นชั้นไม่ฝากฝั่งพวกเธอหรอก ริร์ ชั้นฝากหน้าที่ปกป้องบ้านให้นายนะ จัดการศัตรูทุกตัวที่โผล่มาเลยนะ และชิอิก็ด้วยนะ ปกป้องทุกคนแทนชั้นด้วยละ โอเค?”

 

สัตว์เลี้ยงทั้งสองตัวของผมตอบกลับด้วยท่าทางของตนเอง ริร์พยักหน้า ชิอิกระโดดเด้งไปมา

 

“เอาละ งั้น เดี๋ยวเจอกันในอีกสัปดาห์นะ” ผมบอกลากับทุกคน พร้อมทั้งวิญญาณทั้งสามตนที่อยู่ตรงหน้าต่างของปราสาท

“เดี๋ยวเราจะกลับมา”

“โอเคคะ! เที่ยวกันใหสนุกนะคะ!” อิลูน่าพูด

“ขอให้เดินทางปลอดภัยนะคะ” เลล่าพูด

“แล้วเจอกันน้า!” ตามด้วยลู

 

มีเพียงผู้กล้าเพียงคนเดียวที่ไม่ได้ร่วมวง “อำลา” ด้วย ซึ่งเธอก็ได้แต่บ่นกับตัวเองอย่างเพียงลำพัง

 

“เอ่อออ… แล้วความเห็นชั้นละ…?”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+