Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 50 ความทะเยอทะยานของยูกิ ปิดจ๊อบ

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 50 ความทะเยอทะยานของยูกิ ปิดจ๊อบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปราสาทที่ผมสร้างนั้น มีพื้นที่เกินกว่าที่ทุกคนจะใช้หมด ก็แน่นอนละนะ เพราะขนาดของมันใหญ่มาก ซึ่งความผิดพลาดนี้เป็นสิ่งที่ผมเผลอมองข้ามไป

 

ทางเดินที่ยาวเกินไป กว่าจะเดินถึงอีกฝั่งก็อย่างไกล การต้องมาอาศัยอยู่ในปราสาทสร้างใหม่ก็จะมีความรู้สึกไม่ดีที่ไม่สะดวกสะบายตามมาด้วย ตอนสร้างเสร็จมันก็ยังมีช่วงเวลาที่ดีอยู่บ้างแหละ แต่ก็ไม่มีห้องไหนเลยที่ถูกใช้เป็นการส่วนตัว พวกผู้ใหญ่อย่างเราตัดสินใจหยุดเดินสำรวจด้วยกันด้วยซ้ำ อิลูน่าจะเข้าไปเล่นกับชิอิและฟลับฟิร์เพื่อเล่นและออกสำรวจอยู่ทุกวัน แต่ก็นั้นแหละ อันนั้นดูเป็นผลประโยชน์อย่างเดียวจากในสิ่งที่ผมทำมาทั้งหมด

 

ผู้อยู่อาศัยเดิมทั่งหมดก็ยังคงพักอยู่ในส่วนของห้องบัลลังก์ และก็ไม่ใช่ห้องใหม่แต่อย่างใด การมีห้องสองห้องที่เหมือนกันมันก็ออกจะเรียกยากไปหน่อยแหะ ผมเลยตัดสินใจจะเรียกห้องบัลลังก์ของตัวปราสาทว่า “ห้องบัลลังก์” และห้องบัลลังก็เดิมของตัวดันเจี้ยนว่า“ห้องบัลลังก์ที่แท้ทรู”

 

ก็โชคดีหน่อยที่ทุกอย่างที่ผมทำไม่สูญเปล่าไปซะหมด ใครก็ตามที่กล้าเข้ามาภายในถ้ำ ในส่วนในดันเจี้ยนของผม ก็จะพบกับปราสาทขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา และผมก็มั่นใจว่าอย่างน้อยก็ทำพวกนั้นใจตกไปอยู่ตาตุ่มซัก 2-3 ขั้นละนะ ในตอนสุดท้าย ผมก็ตกแต่งปราสาทไปนิดหน่อย ผมเรียงชุดเกราะสไตล์ตะวันตกไว้ตามห้องโถง และใช้เวทดินทำสวนอันสวยงามออกมา

 

พอคิดกลับไปแล้ว ผมก็ควรจะรู้ว่าปราสาทตัวนี้จะไม่ได้ใช้การอะไรมาก พวกจอมมารในเกม JRPGs ก็ไม่ได้บ่นเรื่องพื้นที่ดินแดน หรือไปใช้ห้องอย่างอื่นเลยซักนิด ที่ทำกันก็แค่นั่งอยู่ในห้องบัลลังก์แล้วก็รอผู้มาท้าทาย ก็แค่นั้น มันก็คงไม่แปลที่จอมมารกับสหายคนสนิทจะพักอยู่ในห้องบัลลังก์ไปเลย

 

ถึงการสร้างปราสาทจะกลายเป็นการตัดสินใจที่งี่เง่าก็เถอะ แต่ผมก็พอใจกับมัน ผมยอมรับและเข้าใจความจริงที่ว่า ที่มันเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น เพราะผมอยากจะสร้างอะไรที่มันแฟนตาซี

ความแฟนตาซีเป็นตัวตนที่ทำให้ใจของผู้คนรู้สึกตื่นเต้น เหมือน D*sney Land [TL:สวนสนุกดิสนี่ย์อะจิ] และอีกหลายๆที่ที่ส่งมอบความแฟนตาซีให้ ปราสาทของผมก็สร้างเพื่อความบันเทิง ไม่มีใครเขาพักอยู่ใน ดิสน*ย์ แลนด์กันหรอก ก็แค่ว่าปราสาทผมมันใช้พักได้ด้วยเองก็เท่านั้น  

 

โอเค ช่างหัว ดิส*ย์ แลนด์ ไปเถอะ ผมก็แค่จะปลอบใจตัวเองว่าไอที่ทำมามันไม่ได้สูญเปล่า ก็แค่นั้น [TL:แล้วทำไมผมต้องมาแปลการบ่นของเอ็งด้วยฟ่ะจิ รุ้งี้สรุปข้ามๆไปก็ดีจิ]

 

ผมถอนหายใจอย่างแรงแล้วก็นั่งลงบนบัลลังก์

 

“เจ้าไม่ต้องหดหู่ขนาดนั้นก็ได้ ยูกิ เราขอยืนยันเลยนะว่าปราสาทของเจ้านะงดงามที่สุดตั่งแต่ที่เราเคยเห็นมาเลยละ” เลฟี่พูด

“ไม่ต้องมาโกหกกันก็ได้นะ? ชั้นรู้ว่าเธออยากจะถามว่าทำไมต้องสร้างให้มันใหญ่เกินพอดีไปขนาดนี้”

 

พอเลฟี่ได้ยินท่าทางการตอบของผม เธอก็หัวเราะเบาๆ

 

“อะไรละ?” ผมพูด

“นี้เป็นครั้งแรกเลยนะที่ราเห็นเจ้าในสภาพนี้นะ ต้องยอมรับเลยนะว่ามันน่าสนุกที่ได้มองดี”

 

ผมเห็นมุมปากเธอชี้ขึ้นเป็ยรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันหลัง แล้วก็ขึ้นมานั่งบนตักผม ก่อนจะเอาหลังของเธอมาพิงอกผมอย่างผ่อนคลาย

 

ทั้งสัมผัสจากผิวกายและกลิ่นที่คุ้นเคย เติมเต็มผมด้วยความอบอุ่น  

 

“อ-อะไรของเธอเนี่ย?”

“เจ้าไม่ชอบรึ?”

“เ-เอ่อ ก็… เปล่า”

 

เธอฟังดูใจเย็นมาก ส่วนหนึ่งของผมบอกว่าถ้าทำตัวลุกลี้ลุกรนไปได้เกิดเรื่องอะไรซักอย่างแน่ ผมจึงพยายามทำตัวตามปกติแบบถึงที่สุด

 

เราทั้งสองต่างไม่พูดคำใดๆออกมา

 

พวกเราต่างคนต่างเงียบ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด

 

มันรู้สึกสบายอกสบายใจด้วยซ้ำ

 

“อุ่นจังนะ” จู่ๆเลฟี่ก็พูด

“ก็นะ ชั้นยังมีชีวิตอยู่นี้นะ…”

 

คำตอบแบบเก้ๆกังๆของผมทำเลฟี่หลุดขำ

 

“ก็จริงของเจ้านะ”

 

ผมไม่รู้เลยว่าเธอจะพาคุยเรื่องอะไร ผมจึงลดสายตาลงไปที่ใบหน้าของเธอ ซึ่งเธอก็รุ้ตัวแล้วหันหน้าครึ่งหนึ่งมามองผมกลับ

 

“เจ้ารู้อะไรไหม ยูกิ?”

“ว่า?”

“ช่วงเวลาที่ได้ใช้กับเจ้านะมันสนุกมาก เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจ และเจ้าก็ไม่เคยทำให้เราเบื่อเลย”

“อะไรของเธอละเนี่ย? จะให้กำลังใจหรือไง?”

“ก็คงอย่างนั้น เจ้าทำหน้าบูดมาได้สองสามวันแล้ว เราจึงเชื่อว่า ผู้ใหญ่กว่าอย่างเรา ควรจะให้กำลังใจเจ้าซักหน่อย”

 

เธอยักไหล่ราวกับว่าเรื่องที่พูดเป็นของปกติ

 

“ก็นะ เราไม่คิดว่าเจ้าจะยอมรับมันหรอก”

 

รอยยิ้ทกว้างผลุ่บขึ้นมาบนหน้าผม

 

“ถึงเจ้ามักจะทำตัวหัวสูง แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าก็มีด้านบ้าๆอยู่เหมือนกัน เราจึงจะเฝ้ามองการกระทำของเจ้าต่อไปในฐานะผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบยังไงละ”

“หมายถึงคนที่งอแงทุกครั้งที่เล่นเกมแพ้นะหรอ”

“น-นั้นไม่เกี่ยวกันซักหน่อย!” เลฟี่ตะโกน “การเล่นเกมอย่างจริงจังเป็นส่วนหนึ่งของความสนุกต่างหากละ!”

 

เธอทำปากจู๋แบบไม่พอใจ ผมจึงเอามือวางบนหัวเธอกลับ

 

“นี้ เลฟี่”

“อะไรรึ?”

“ขอบคุณนะ”

 

เธอยิ้ม และหันหน้ามามากกว่าเดิมพร้อมกับเอาแก้มมาแนบอกผม

 

“ไม่แฟร์เลยค่ะ! หนูก็อยากจะนั่งบนตักพี่ยูกิเหมือนกันนะ!”

 

หลังจากกลับมาจากการสำรวจ อิลูน่าก็มาขัดด้วยเสียงตะโกน

 

“ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนิ อิลูน่า เราว่ามันมี่ที่พอสำหรับสองคนนะ”

“เย้! งั้นหนูขอกอดด้วยนะ!”

 

อิลูน่าวิ่งเตาะแตะมาจากโถงทางเดิน แล้วก็กระโดดพุ่งเข้ามาหาผมด้วยแรงโมเมนตัมทั้งหมดที่มี

 

“หว่อ!?”

 

ผมกระพริบตาด้วยความตกใจ ซึ่งตอนนี้ผมก็กำลังรับน้ำหนักของคนสองคนเป็นที่เรียบร้อย

 

“ก-ก็ไม่รู้ว่าชั้นจะรับน้ำหนักของทั้งสองไหวไหมหรอกนะ เพราะมันก็เริ่มจะหนักๆแล้วด้วยสิ”

“เจ้าเป็นผู้ชายนะยูกิ ทำตัวให้เหมือนหน่อย”

“ใช่ไหมละคะ! พี่ไม่ควรจะเรียกผู้หญิงว่าตัวหนักนะคะ!”

“ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่เจ้าเก้าอี้นี้มันแข็งนา และโดนกดทับไปอีกมันก็เจ็บๆอยู่นะ” ผมโอดครวน

“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่ยูกิ! เดี๋ยวหนูจัดการเอง!” อิลูน่าเอาแขนมากอดเอวผม “ความเจ็บปวดจงหายไป!”

“โอ้ มันได้ผลจริงๆด้วยอิลูน่า! ตอนนี้พี่ดีขึ้นแล้วละ” ผมพูดพลางฝืนยิ้ม

“โลลิค่อน” เลฟี่พูด

“ชั้นว่าไอนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดอัดหน้าใครเขาตรงๆหรอกนะ…”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 50 ความทะเยอทะยานของยูกิ ปิดจ๊อบ

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 50 ความทะเยอทะยานของยูกิ ปิดจ๊อบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ปราสาทที่ผมสร้างนั้น มีพื้นที่เกินกว่าที่ทุกคนจะใช้หมด ก็แน่นอนละนะ เพราะขนาดของมันใหญ่มาก ซึ่งความผิดพลาดนี้เป็นสิ่งที่ผมเผลอมองข้ามไป

 

ทางเดินที่ยาวเกินไป กว่าจะเดินถึงอีกฝั่งก็อย่างไกล การต้องมาอาศัยอยู่ในปราสาทสร้างใหม่ก็จะมีความรู้สึกไม่ดีที่ไม่สะดวกสะบายตามมาด้วย ตอนสร้างเสร็จมันก็ยังมีช่วงเวลาที่ดีอยู่บ้างแหละ แต่ก็ไม่มีห้องไหนเลยที่ถูกใช้เป็นการส่วนตัว พวกผู้ใหญ่อย่างเราตัดสินใจหยุดเดินสำรวจด้วยกันด้วยซ้ำ อิลูน่าจะเข้าไปเล่นกับชิอิและฟลับฟิร์เพื่อเล่นและออกสำรวจอยู่ทุกวัน แต่ก็นั้นแหละ อันนั้นดูเป็นผลประโยชน์อย่างเดียวจากในสิ่งที่ผมทำมาทั้งหมด

 

ผู้อยู่อาศัยเดิมทั่งหมดก็ยังคงพักอยู่ในส่วนของห้องบัลลังก์ และก็ไม่ใช่ห้องใหม่แต่อย่างใด การมีห้องสองห้องที่เหมือนกันมันก็ออกจะเรียกยากไปหน่อยแหะ ผมเลยตัดสินใจจะเรียกห้องบัลลังก์ของตัวปราสาทว่า “ห้องบัลลังก์” และห้องบัลลังก็เดิมของตัวดันเจี้ยนว่า“ห้องบัลลังก์ที่แท้ทรู”

 

ก็โชคดีหน่อยที่ทุกอย่างที่ผมทำไม่สูญเปล่าไปซะหมด ใครก็ตามที่กล้าเข้ามาภายในถ้ำ ในส่วนในดันเจี้ยนของผม ก็จะพบกับปราสาทขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา และผมก็มั่นใจว่าอย่างน้อยก็ทำพวกนั้นใจตกไปอยู่ตาตุ่มซัก 2-3 ขั้นละนะ ในตอนสุดท้าย ผมก็ตกแต่งปราสาทไปนิดหน่อย ผมเรียงชุดเกราะสไตล์ตะวันตกไว้ตามห้องโถง และใช้เวทดินทำสวนอันสวยงามออกมา

 

พอคิดกลับไปแล้ว ผมก็ควรจะรู้ว่าปราสาทตัวนี้จะไม่ได้ใช้การอะไรมาก พวกจอมมารในเกม JRPGs ก็ไม่ได้บ่นเรื่องพื้นที่ดินแดน หรือไปใช้ห้องอย่างอื่นเลยซักนิด ที่ทำกันก็แค่นั่งอยู่ในห้องบัลลังก์แล้วก็รอผู้มาท้าทาย ก็แค่นั้น มันก็คงไม่แปลที่จอมมารกับสหายคนสนิทจะพักอยู่ในห้องบัลลังก์ไปเลย

 

ถึงการสร้างปราสาทจะกลายเป็นการตัดสินใจที่งี่เง่าก็เถอะ แต่ผมก็พอใจกับมัน ผมยอมรับและเข้าใจความจริงที่ว่า ที่มันเกิดเหตุแบบนี้ขึ้น เพราะผมอยากจะสร้างอะไรที่มันแฟนตาซี

ความแฟนตาซีเป็นตัวตนที่ทำให้ใจของผู้คนรู้สึกตื่นเต้น เหมือน D*sney Land [TL:สวนสนุกดิสนี่ย์อะจิ] และอีกหลายๆที่ที่ส่งมอบความแฟนตาซีให้ ปราสาทของผมก็สร้างเพื่อความบันเทิง ไม่มีใครเขาพักอยู่ใน ดิสน*ย์ แลนด์กันหรอก ก็แค่ว่าปราสาทผมมันใช้พักได้ด้วยเองก็เท่านั้น  

 

โอเค ช่างหัว ดิส*ย์ แลนด์ ไปเถอะ ผมก็แค่จะปลอบใจตัวเองว่าไอที่ทำมามันไม่ได้สูญเปล่า ก็แค่นั้น [TL:แล้วทำไมผมต้องมาแปลการบ่นของเอ็งด้วยฟ่ะจิ รุ้งี้สรุปข้ามๆไปก็ดีจิ]

 

ผมถอนหายใจอย่างแรงแล้วก็นั่งลงบนบัลลังก์

 

“เจ้าไม่ต้องหดหู่ขนาดนั้นก็ได้ ยูกิ เราขอยืนยันเลยนะว่าปราสาทของเจ้านะงดงามที่สุดตั่งแต่ที่เราเคยเห็นมาเลยละ” เลฟี่พูด

“ไม่ต้องมาโกหกกันก็ได้นะ? ชั้นรู้ว่าเธออยากจะถามว่าทำไมต้องสร้างให้มันใหญ่เกินพอดีไปขนาดนี้”

 

พอเลฟี่ได้ยินท่าทางการตอบของผม เธอก็หัวเราะเบาๆ

 

“อะไรละ?” ผมพูด

“นี้เป็นครั้งแรกเลยนะที่ราเห็นเจ้าในสภาพนี้นะ ต้องยอมรับเลยนะว่ามันน่าสนุกที่ได้มองดี”

 

ผมเห็นมุมปากเธอชี้ขึ้นเป็ยรอยยิ้ม ก่อนที่จะหันหลัง แล้วก็ขึ้นมานั่งบนตักผม ก่อนจะเอาหลังของเธอมาพิงอกผมอย่างผ่อนคลาย

 

ทั้งสัมผัสจากผิวกายและกลิ่นที่คุ้นเคย เติมเต็มผมด้วยความอบอุ่น  

 

“อ-อะไรของเธอเนี่ย?”

“เจ้าไม่ชอบรึ?”

“เ-เอ่อ ก็… เปล่า”

 

เธอฟังดูใจเย็นมาก ส่วนหนึ่งของผมบอกว่าถ้าทำตัวลุกลี้ลุกรนไปได้เกิดเรื่องอะไรซักอย่างแน่ ผมจึงพยายามทำตัวตามปกติแบบถึงที่สุด

 

เราทั้งสองต่างไม่พูดคำใดๆออกมา

 

พวกเราต่างคนต่างเงียบ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกอึดอัด

 

มันรู้สึกสบายอกสบายใจด้วยซ้ำ

 

“อุ่นจังนะ” จู่ๆเลฟี่ก็พูด

“ก็นะ ชั้นยังมีชีวิตอยู่นี้นะ…”

 

คำตอบแบบเก้ๆกังๆของผมทำเลฟี่หลุดขำ

 

“ก็จริงของเจ้านะ”

 

ผมไม่รู้เลยว่าเธอจะพาคุยเรื่องอะไร ผมจึงลดสายตาลงไปที่ใบหน้าของเธอ ซึ่งเธอก็รุ้ตัวแล้วหันหน้าครึ่งหนึ่งมามองผมกลับ

 

“เจ้ารู้อะไรไหม ยูกิ?”

“ว่า?”

“ช่วงเวลาที่ได้ใช้กับเจ้านะมันสนุกมาก เจ้าเป็นคนที่น่าสนใจ และเจ้าก็ไม่เคยทำให้เราเบื่อเลย”

“อะไรของเธอละเนี่ย? จะให้กำลังใจหรือไง?”

“ก็คงอย่างนั้น เจ้าทำหน้าบูดมาได้สองสามวันแล้ว เราจึงเชื่อว่า ผู้ใหญ่กว่าอย่างเรา ควรจะให้กำลังใจเจ้าซักหน่อย”

 

เธอยักไหล่ราวกับว่าเรื่องที่พูดเป็นของปกติ

 

“ก็นะ เราไม่คิดว่าเจ้าจะยอมรับมันหรอก”

 

รอยยิ้ทกว้างผลุ่บขึ้นมาบนหน้าผม

 

“ถึงเจ้ามักจะทำตัวหัวสูง แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเจ้าก็มีด้านบ้าๆอยู่เหมือนกัน เราจึงจะเฝ้ามองการกระทำของเจ้าต่อไปในฐานะผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบยังไงละ”

“หมายถึงคนที่งอแงทุกครั้งที่เล่นเกมแพ้นะหรอ”

“น-นั้นไม่เกี่ยวกันซักหน่อย!” เลฟี่ตะโกน “การเล่นเกมอย่างจริงจังเป็นส่วนหนึ่งของความสนุกต่างหากละ!”

 

เธอทำปากจู๋แบบไม่พอใจ ผมจึงเอามือวางบนหัวเธอกลับ

 

“นี้ เลฟี่”

“อะไรรึ?”

“ขอบคุณนะ”

 

เธอยิ้ม และหันหน้ามามากกว่าเดิมพร้อมกับเอาแก้มมาแนบอกผม

 

“ไม่แฟร์เลยค่ะ! หนูก็อยากจะนั่งบนตักพี่ยูกิเหมือนกันนะ!”

 

หลังจากกลับมาจากการสำรวจ อิลูน่าก็มาขัดด้วยเสียงตะโกน

 

“ก็ไม่เห็นจะเป็นไรนิ อิลูน่า เราว่ามันมี่ที่พอสำหรับสองคนนะ”

“เย้! งั้นหนูขอกอดด้วยนะ!”

 

อิลูน่าวิ่งเตาะแตะมาจากโถงทางเดิน แล้วก็กระโดดพุ่งเข้ามาหาผมด้วยแรงโมเมนตัมทั้งหมดที่มี

 

“หว่อ!?”

 

ผมกระพริบตาด้วยความตกใจ ซึ่งตอนนี้ผมก็กำลังรับน้ำหนักของคนสองคนเป็นที่เรียบร้อย

 

“ก-ก็ไม่รู้ว่าชั้นจะรับน้ำหนักของทั้งสองไหวไหมหรอกนะ เพราะมันก็เริ่มจะหนักๆแล้วด้วยสิ”

“เจ้าเป็นผู้ชายนะยูกิ ทำตัวให้เหมือนหน่อย”

“ใช่ไหมละคะ! พี่ไม่ควรจะเรียกผู้หญิงว่าตัวหนักนะคะ!”

“ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่เจ้าเก้าอี้นี้มันแข็งนา และโดนกดทับไปอีกมันก็เจ็บๆอยู่นะ” ผมโอดครวน

“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่ยูกิ! เดี๋ยวหนูจัดการเอง!” อิลูน่าเอาแขนมากอดเอวผม “ความเจ็บปวดจงหายไป!”

“โอ้ มันได้ผลจริงๆด้วยอิลูน่า! ตอนนี้พี่ดีขึ้นแล้วละ” ผมพูดพลางฝืนยิ้ม

“โลลิค่อน” เลฟี่พูด

“ชั้นว่าไอนั้นไม่ใช่สิ่งที่ควรพูดอัดหน้าใครเขาตรงๆหรอกนะ…”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+