Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 45 ความทะเยอทะยานของยูกิ การสร้างแบบร่าง

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 45 ความทะเยอทะยานของยูกิ การสร้างแบบร่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายตาของเลล่านั้น เย็นยะเยือกจนทั้งผมและเลฟี่รู้สึกว่าถ้าถูกจ้องอย่างนี้ต่อไปคงโดนจ้องจนทะลุเป็นรูแน่ ด้วยความที่ทนต่อไม่ไหว พวกเราจึงแยกตัวออกมา ทางยัยมังกรก็บอกว่าเหนื่อย จึงไปงีบหลับต่อ ส่วนทางผมก็ลงไปข้างล่างทำเป็นว่าอยากจะฝึกเวทมนต์เพิ่ม

 

ผมสูดหายใจเข้าทันทีที่ถึง เอาอาการบริสุทธิ์เข้าปอด แล้วก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าจะทำยังไงให้มองหน้าเลฟี่ติด เรื่องตอนนี้มันค่อนข้างน่าอึดอัดนะ

 

ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเสียการควบคุมตัวเองไปจริง ก็ปีกของเธอมันน่าดึงดูดจนผมลืมคุมตัวเองไปเลย ที่หนักกว่านั้นคือการได้จับมันนี้เหมือนกับเสพติดยาเลย ของคุณภาพสูงที่สามารถดึงดูดผมคนให้เข้าไปหา และดึงด฿ดความสนใจได้นานเท่าที่มันจะทำได้ และปีกของเลฟี่ก็ไม่มีข้อยกเว้น ถึงแค่เป็นการเอามือลูบผ่าน ผมก็บินไปไกลแล้ว ความเนียนนุ่มของมันนี้จัดเป็นของเสพติดระดับอันตรายได้เลย

 

แต่มันก็เป็นความผิดของผมเองนั้นแหละที่เสียการควบคุมตัวไป

 

ผมว่าวิธีที่จะจัดการกับสถานการณ์หลังจากนี้ไปก็คือแกล้งทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันจะดีที่สุด ทุกอย่างจะไม่เป็นไรถ้าผมไม่แสดงท่าทีอะไรมาก ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ผมทำมาตลอดตั้งแต่ตอนที่อิลูน่ามาดูเลือดละนะ และมันก็ส่งผลลัพที่ดีมาตลอด และมันก็คงไม่มีอะไรดีกว่าทางนี้แล้วละ ก-ก็นะ เลฟี่ก็คงคิดแบบเดียวกันอยู่แล้วแหละ เพราะว่าบรรกาศมันคงจะน่าอึดอัดอย่างรวดเร็วถ้าเกิดเราทั้งสองยังคงนึกถึงเรื่องพวกนั้นอยู่ โดยเฉพาะที่เราอยู่ด้วยกันนี้อีก ใช่แล้วละ ไม่มือะไรเกิดขึ้น มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยซักนิด

 

***

 

มันก็ใช้เวลาพักหนึ่ง กว่าผมจะดึงสติตัวเองมายังเรื่องดันเจี้ยนได้ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าผมเห็นฟังก์ชั้นที่น่าใจอยู่ แต่ยังไม่มีโอกาศได้ลอง มันก็คือ การก่อสร้างเชิงสร้างสรรค์ มันทำให้ผมสร้าง ตกแต่ง ห้อง สิ่งของ ยังไงก็ได้ในแบบของผม ดังที่ผมคิดเอาไว้เป๊ะ ขีดจำกัดเดียวที่มันมีอยู่ก็คือผู้ใช้ ซึ่งก็คือผม

 

ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันใช้งานยังไง ที่ผมพูดได้เลยก็คือ เจ้านี้แหละที่เหมาะกับสกิลดันเจี้ยน

 

ถึงเจ้าสกิลนี้จะดูสะดวก ใช้งานง่าย แต่มันก็มีข้อแลกเปลี่ยนของมันอยู่เช่นกัน

 

อย่างแรกเลยก็คือ มันกินค่า DP เยอะมาก ใช้ที่หนึ่งไอที่ผมหามาได้ทั้งหมดเมื่อคืนก็จะหายไปในพริบตาเลยล่ะ แต่ราคามันก็ถูกกว่าตัวปราสาทที่สามารถหาซื้อได้ในแค็ตตาล็อกของตัวดันเจี้ยนเองประมาณ 1ใน 10 ละนะ และก็โชคดีอย่างที่ราคามันคงที่ จะสร้างปราสาทหรือสร้างบ้านหมาก็ราคาเท่ากันเด๊ะๆ

 

ส่วนไออย่างที่สองนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างเอาเรื่องเลย คือ ผมต้องจินตนาการสิ่งของที่จำทำให้ละเอียดที่สุด ถ้าผมคิดภาพมันไม่ชัดเจนพอ ตัวเวทมันก็จะล้มเหลวและไม่สามารถสร้างสิ่งที่ผมคิดได้ ผมสามารถทำปราสาทให้กลายเป็นกระต๊อบได้เลยถ้าเกิดพลาดขึ้นมา

 

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คือมันก็ต้องการพลังเวทด้วย จำนวนที่ต้องการก็ขึ้นอยู่กับผลลัพที่ได้ออกมา ถ้าสร้างบ้านหมาก็คงไม่มากหรอก แต่ถ้าเป็นปราสาทนี้ก็คนละเรื่องเลย ซึ่งผมก็ยังไม่เข้าใจระบบความต้องการของมันดีซักเท่าหร่

 

แม้การก่อสร้างเชิงสร้างสรรค์ จะมีข้อจำกัด และข้อกำหนดมากมาย แต่ผมก็ยังคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะใช้ อย่างน้อยมันก็ถูกกว่าไปสั่งซื้อตัวปราสาทจากตัวดันเจี้ยน ถึงแม้มันจะเป็นปราสาทที่ถูกที่สุดก็ตามทีเถอะ  

 

ถ้าจะเก็บ DP ไว้ซื้อของบางอย่าง ผมได้รอไปอีก 100 ปีแน่ มันก็ไม่ใช่ว่าผมจะอยู่ไม่ถึงหรอก เพราะช่วงอายุผมอยู่ได้ประมาณ 1000 ปีเลยละ แต่ผมขี้เกียจรอนะ และมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องมานั่งครุ่นคิดเรื่องซื้อของโดยไม่ลองการก่อสร้างเชิงสร้างสรรค์ดูก่อนด้วย

 

และที่สำคัญกว่านั้น ผมสามารถออกแบบให้เป็นแบบไหนก็ได้ โอกาศดีอย่างนี้ใครเขาจะไม่เอากันละ ถึงผมไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือซักเท่าไหร่ แต่ผมก็รู้สึกอยากสร้างเองมากกว่าไปซื้อเอาละนะ

 

โดยส่วนตัวแล้ว ผมขาดความสามารถในด้านการจำลองภาพแบบละเอียดในสมอง เป็นมือใหม่เรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ ก็โชคยังดีที่เจ้าการก่อสร้างเชิงสร้างสรรค์ ยืดหยุ่นพอที่จะให้ผม ออกแบบในครั้งแรก แล้วไปแก้จุดผิดพลาดทีหลังได้ แม้จะกินค่า DP เพิ่มอีกเป็นพิเศษก็ตามที  

 

ผมยังไม่มีแบบเป็นตัวเป็นตนในตอนนี้ ผมเลยลองออกแบบร่างไปเรื่อยด้วยเวทคิน และผมก็ไม่ได้วางแผนจะลงมือสร้างในทันที โดยขั้นแรกผมจะศึกษาโดยทดลองสร้างอะไรเล็กๆน้อยๆแบบใช้ DP หน่อยๆไปก่อน โดยเฉพาะรูปปราสาท 100 รูปที่ผมจำได้จากโลกเก่า

 

เป้าหมายของผมคืออะไรซักอย่างที่ดูฟุ่มเฟื่อย ผมเลยลองหาภาพแคปหน้าจอจากเกมดู แต่ก็หาไม่ได้เลย แต่สุดท้ายผมก็ลองลงมือทำอยู่ดี

 

***

 

“ดีค่ะ มาสเตอร์ ทำอะไรอยู่หรอ?”

 

ลูโผล่มาจากข้างหลังและมองไปที่ปราสาทดินที่อยู่ตรงเท้าของผมอย่างสงสัย เธอถือตะกร้าขนาดใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าที่เปียกไว้อยู่ ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะเอามันไปตาก

 

“โอ้ ว่าไง ลู”

“เดี๋ยวนะ! ไอทั้งหมดนี้ มาสเตอร์เป็นคนทำเองหมดเลยหรอ?”

 

“อืม” ผมตอบกลับพร้อมกับค่อยๆยกตัวขึ้นมาจากพื้นหญ้าที่นอนทับอยู่

“ว้าว! มาสเตอร์สร้างเหมือนมากเลยคะ!”

“ขอบคุณนะ…พอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย”

“ท-ทำไมหรอคะ? มาสเตอร์ดูไม่ค่อยร่าเริงเลย”

“ก็นะ…”  

 

ผมได้ทดลองหลายๆอย่างเพื่อสร้างปราสาทที่งดงามที่สุด ซึ่งมันก็มีอันที่ผมชอบอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีอันไหนที่ทำให้ผมพอใจได้เลย อย่างน้อยผมก็อยากจะสร้างให้ใกล้เคียงกับ An*r L*ndo. [TL:เป็นชื่อปราสาทใน Dark soul จิ] แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไปถึงระดับนั้นไม่ได้เลย การออกแบบของ Fr*m Software [TL:ชื่อค่ายที่ท่านรู้จักกันดี] เป็นอะไรที่เกินมือผมจริงๆ

 

เดี๋ยวนะ แล้วผมจะมายอมแพ้อะไรตอนนี้เล่า? นี้เพิ่งจะลงมือทำไปได้ 2 ชั่วโมงเองนะ!

 

และผมก็รู้สึกด้ว่าผมจะใช้เวลาอีกไม่นาน ไม่เหมือนพวกเขา ผมไม่จำเป็นต้องใช้เกมเอนจิ้นหรือตัวออกแบบ 3 มิติ ที่ผมต้องทำก็แค่เพ่งสมาธิจินตนาการต่อไป

 

และในฐานะจอมมารแห่งการสร้าง [TL:ใครลืมกลับไปอ่านตอน 20-21 เอานะจิ] ผมแน่ใจว่าตัวเองทำได้แน่ตราบใดที่พยายามต่อไป

 

“เอาละ! อีกรอบ!”

 

ผมปลุกใจตัวเองอีกรอบก่อนก่อนจะหลับตาและเพ่งสมาธิไปยังปราสาทที่อยากสร้างออกมา

 

จินตนาการเข้าไว้ ทีต้องทำก็แค่จินตนาการต่อไป

 

The citadel that manifested within my mind was dyed in black. It was covered from head to toe in the very same shade of black that filled the night around it. It was impenetrable. Its pitch black ramparts loomed over all that dared to challenge it, overpowering them with its imposing presence. Strong and sturdy was its gate. It was so thick that it could tank a dragon’s assault without budging the slightest bit. And it stood so tall that it could fit a giant with room to spare. Its walls were lined with towers adorned with sharp, pointed tips, and its residential area was made entirely out of jet-black mansions that extended as far as the eye could see.

 

The sheer size of the property was abnormal. And at its center lay the palace, solemn as a chapel and large enough to dwarf its surroundings. Dull lights shined out from within the structure’s windows, illuminating it just enough for its outline to be seen in the darkness of the night. It was so stunning to see that it could only be described as phantasmagorical. And though it was ominous, it still tugged at the hearts of all that looked upon it.

 

That was what I wanted to create: an intimidating fortress that inspired fear, dread, and passion in those that saw it. I wanted it to make its beholders feel not only tiny and insignificant, but also stupefied by its majesty.

 

An ideal that no true man could deny.

 

Once I solidified the image, I activated my primordial magic and forced the earth itself to move. The soil around me warped, obeying my commands.

 

Creating a miniaturized model of something was normally quite difficult. There was a complicated and detailed manufacturing process, involving many steps that I failed to understand. Primordial magic, however, allowed me to circumvent the more complicated steps and skip to materializing the result exactly as I wished for it, so long as I could picture it clearly in my head.

 

It didn’t take long for the fortress to finish coming together.

 

[TL:ขี้เกียจแปลนะจิ เอาง่ายๆพระเอกมันก็แค่จินตนาการออกแบบปราสาทจิ๋วของตัวเองอ่ะจิ อิอิ]

 

“โอ้ อันนี้ไม่เลวเลยแหะ”

 

ถึงจะเล็ก ปราสาทที่ผมสร้างขึ้นให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ มันสวยมาก ผมรู้สึกถึงความดึงดูดของมันได้เลย น่าเสียดายที่มันทำมาจากดินสีมันเลยออกมาเป็นน้ำตาลจากสีดำทึบที่ผมคิดเอาไว้ แต่ก็ยังดูน่าประทับใจเลยทีเดียว

 

“โอ้ มาสเตอร์! อันที่เพิ่งสร้างดูสุดยอดไปเลยคะ!”

“อา ถ้าจะให้พูดมันก็ดูดีเลยละ”

 

ผมพยักหน้าอย่างพอใจ มันก็ยังไม่ใช้สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด เพราะยังมีรายละเอียดบางจุดที่ดูแปลกๆไปอยู่บ้าง แต่แค่นี้ผมก็ไม่จำเป็นต้องคิดแบบร่างอื่นอีกแล้ว

 

ด้วยความรู้สึกที่มีกำลังใจที่จะทำต่อ ผมจึงอยากจะฝึกใช้การก่อสร้างเชิงสร้างสรรค์จนสามารถสำเร็จเจ้าผลงานตัวแรกนี้ให้ออกมาดีที่สุด

 

“เอาละ ลู ดูเอาไว้นะ! ชั้นจะทำให้มันดีกว่านี้อีก!”

“ด-ดีกว่านี้อีกหรอคะ!? นี้มันก็ดูดีแล้วนะ!?” ตาเธอเป็นประกาย “ว้าว! ชั้นอดใจรอไม่ไหวแล้ว!”

“หึ ชื่อจอมมารแห่งการสร้างนะไม่ได้มีไว้แค่ประดับหรอกนะ ดูให้ดี! เดี๋ยวชั้นจะแสดงให้ดูเอง!”

 

และ ลูก็อยู่ดูผมฝึกต่อไปจนลืมเอาผ้าไปตาก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 45 ความทะเยอทะยานของยูกิ การสร้างแบบร่าง

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 45 ความทะเยอทะยานของยูกิ การสร้างแบบร่าง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

สายตาของเลล่านั้น เย็นยะเยือกจนทั้งผมและเลฟี่รู้สึกว่าถ้าถูกจ้องอย่างนี้ต่อไปคงโดนจ้องจนทะลุเป็นรูแน่ ด้วยความที่ทนต่อไม่ไหว พวกเราจึงแยกตัวออกมา ทางยัยมังกรก็บอกว่าเหนื่อย จึงไปงีบหลับต่อ ส่วนทางผมก็ลงไปข้างล่างทำเป็นว่าอยากจะฝึกเวทมนต์เพิ่ม

 

ผมสูดหายใจเข้าทันทีที่ถึง เอาอาการบริสุทธิ์เข้าปอด แล้วก็ถอนหายใจออกมา ตอนนี้ผมไม่แน่ใจแล้วว่าจะทำยังไงให้มองหน้าเลฟี่ติด เรื่องตอนนี้มันค่อนข้างน่าอึดอัดนะ

 

ผมก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าเสียการควบคุมตัวเองไปจริง ก็ปีกของเธอมันน่าดึงดูดจนผมลืมคุมตัวเองไปเลย ที่หนักกว่านั้นคือการได้จับมันนี้เหมือนกับเสพติดยาเลย ของคุณภาพสูงที่สามารถดึงดูดผมคนให้เข้าไปหา และดึงด฿ดความสนใจได้นานเท่าที่มันจะทำได้ และปีกของเลฟี่ก็ไม่มีข้อยกเว้น ถึงแค่เป็นการเอามือลูบผ่าน ผมก็บินไปไกลแล้ว ความเนียนนุ่มของมันนี้จัดเป็นของเสพติดระดับอันตรายได้เลย

 

แต่มันก็เป็นความผิดของผมเองนั้นแหละที่เสียการควบคุมตัวไป

 

ผมว่าวิธีที่จะจัดการกับสถานการณ์หลังจากนี้ไปก็คือแกล้งทำว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมันจะดีที่สุด ทุกอย่างจะไม่เป็นไรถ้าผมไม่แสดงท่าทีอะไรมาก ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่ผมทำมาตลอดตั้งแต่ตอนที่อิลูน่ามาดูเลือดละนะ และมันก็ส่งผลลัพที่ดีมาตลอด และมันก็คงไม่มีอะไรดีกว่าทางนี้แล้วละ ก-ก็นะ เลฟี่ก็คงคิดแบบเดียวกันอยู่แล้วแหละ เพราะว่าบรรกาศมันคงจะน่าอึดอัดอย่างรวดเร็วถ้าเกิดเราทั้งสองยังคงนึกถึงเรื่องพวกนั้นอยู่ โดยเฉพาะที่เราอยู่ด้วยกันนี้อีก ใช่แล้วละ ไม่มือะไรเกิดขึ้น มันไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยซักนิด

 

***

 

มันก็ใช้เวลาพักหนึ่ง กว่าผมจะดึงสติตัวเองมายังเรื่องดันเจี้ยนได้ ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าผมเห็นฟังก์ชั้นที่น่าใจอยู่ แต่ยังไม่มีโอกาศได้ลอง มันก็คือ การก่อสร้างเชิงสร้างสรรค์ มันทำให้ผมสร้าง ตกแต่ง ห้อง สิ่งของ ยังไงก็ได้ในแบบของผม ดังที่ผมคิดเอาไว้เป๊ะ ขีดจำกัดเดียวที่มันมีอยู่ก็คือผู้ใช้ ซึ่งก็คือผม

 

ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันใช้งานยังไง ที่ผมพูดได้เลยก็คือ เจ้านี้แหละที่เหมาะกับสกิลดันเจี้ยน

 

ถึงเจ้าสกิลนี้จะดูสะดวก ใช้งานง่าย แต่มันก็มีข้อแลกเปลี่ยนของมันอยู่เช่นกัน

 

อย่างแรกเลยก็คือ มันกินค่า DP เยอะมาก ใช้ที่หนึ่งไอที่ผมหามาได้ทั้งหมดเมื่อคืนก็จะหายไปในพริบตาเลยล่ะ แต่ราคามันก็ถูกกว่าตัวปราสาทที่สามารถหาซื้อได้ในแค็ตตาล็อกของตัวดันเจี้ยนเองประมาณ 1ใน 10 ละนะ และก็โชคดีอย่างที่ราคามันคงที่ จะสร้างปราสาทหรือสร้างบ้านหมาก็ราคาเท่ากันเด๊ะๆ

 

ส่วนไออย่างที่สองนี้เป็นอะไรที่ค่อนข้างเอาเรื่องเลย คือ ผมต้องจินตนาการสิ่งของที่จำทำให้ละเอียดที่สุด ถ้าผมคิดภาพมันไม่ชัดเจนพอ ตัวเวทมันก็จะล้มเหลวและไม่สามารถสร้างสิ่งที่ผมคิดได้ ผมสามารถทำปราสาทให้กลายเป็นกระต๊อบได้เลยถ้าเกิดพลาดขึ้นมา

 

สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด คือมันก็ต้องการพลังเวทด้วย จำนวนที่ต้องการก็ขึ้นอยู่กับผลลัพที่ได้ออกมา ถ้าสร้างบ้านหมาก็คงไม่มากหรอก แต่ถ้าเป็นปราสาทนี้ก็คนละเรื่องเลย ซึ่งผมก็ยังไม่เข้าใจระบบความต้องการของมันดีซักเท่าหร่

 

แม้การก่อสร้างเชิงสร้างสรรค์ จะมีข้อจำกัด และข้อกำหนดมากมาย แต่ผมก็ยังคิดว่ามันคุ้มค่าที่จะใช้ อย่างน้อยมันก็ถูกกว่าไปสั่งซื้อตัวปราสาทจากตัวดันเจี้ยน ถึงแม้มันจะเป็นปราสาทที่ถูกที่สุดก็ตามทีเถอะ  

 

ถ้าจะเก็บ DP ไว้ซื้อของบางอย่าง ผมได้รอไปอีก 100 ปีแน่ มันก็ไม่ใช่ว่าผมจะอยู่ไม่ถึงหรอก เพราะช่วงอายุผมอยู่ได้ประมาณ 1000 ปีเลยละ แต่ผมขี้เกียจรอนะ และมันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องมานั่งครุ่นคิดเรื่องซื้อของโดยไม่ลองการก่อสร้างเชิงสร้างสรรค์ดูก่อนด้วย

 

และที่สำคัญกว่านั้น ผมสามารถออกแบบให้เป็นแบบไหนก็ได้ โอกาศดีอย่างนี้ใครเขาจะไม่เอากันละ ถึงผมไม่ค่อยมั่นใจในฝีมือซักเท่าไหร่ แต่ผมก็รู้สึกอยากสร้างเองมากกว่าไปซื้อเอาละนะ

 

โดยส่วนตัวแล้ว ผมขาดความสามารถในด้านการจำลองภาพแบบละเอียดในสมอง เป็นมือใหม่เรื่องพวกนี้ด้วยซ้ำ ก็โชคยังดีที่เจ้าการก่อสร้างเชิงสร้างสรรค์ ยืดหยุ่นพอที่จะให้ผม ออกแบบในครั้งแรก แล้วไปแก้จุดผิดพลาดทีหลังได้ แม้จะกินค่า DP เพิ่มอีกเป็นพิเศษก็ตามที  

 

ผมยังไม่มีแบบเป็นตัวเป็นตนในตอนนี้ ผมเลยลองออกแบบร่างไปเรื่อยด้วยเวทคิน และผมก็ไม่ได้วางแผนจะลงมือสร้างในทันที โดยขั้นแรกผมจะศึกษาโดยทดลองสร้างอะไรเล็กๆน้อยๆแบบใช้ DP หน่อยๆไปก่อน โดยเฉพาะรูปปราสาท 100 รูปที่ผมจำได้จากโลกเก่า

 

เป้าหมายของผมคืออะไรซักอย่างที่ดูฟุ่มเฟื่อย ผมเลยลองหาภาพแคปหน้าจอจากเกมดู แต่ก็หาไม่ได้เลย แต่สุดท้ายผมก็ลองลงมือทำอยู่ดี

 

***

 

“ดีค่ะ มาสเตอร์ ทำอะไรอยู่หรอ?”

 

ลูโผล่มาจากข้างหลังและมองไปที่ปราสาทดินที่อยู่ตรงเท้าของผมอย่างสงสัย เธอถือตะกร้าขนาดใหญ่ที่ใส่เสื้อผ้าที่เปียกไว้อยู่ ดูเหมือนว่าเธอกำลังจะเอามันไปตาก

 

“โอ้ ว่าไง ลู”

“เดี๋ยวนะ! ไอทั้งหมดนี้ มาสเตอร์เป็นคนทำเองหมดเลยหรอ?”

 

“อืม” ผมตอบกลับพร้อมกับค่อยๆยกตัวขึ้นมาจากพื้นหญ้าที่นอนทับอยู่

“ว้าว! มาสเตอร์สร้างเหมือนมากเลยคะ!”

“ขอบคุณนะ…พอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย”

“ท-ทำไมหรอคะ? มาสเตอร์ดูไม่ค่อยร่าเริงเลย”

“ก็นะ…”  

 

ผมได้ทดลองหลายๆอย่างเพื่อสร้างปราสาทที่งดงามที่สุด ซึ่งมันก็มีอันที่ผมชอบอยู่บ้าง แต่ก็ยังไม่มีอันไหนที่ทำให้ผมพอใจได้เลย อย่างน้อยผมก็อยากจะสร้างให้ใกล้เคียงกับ An*r L*ndo. [TL:เป็นชื่อปราสาทใน Dark soul จิ] แต่ไม่ว่าจะทำยังไงก็ไปถึงระดับนั้นไม่ได้เลย การออกแบบของ Fr*m Software [TL:ชื่อค่ายที่ท่านรู้จักกันดี] เป็นอะไรที่เกินมือผมจริงๆ

 

เดี๋ยวนะ แล้วผมจะมายอมแพ้อะไรตอนนี้เล่า? นี้เพิ่งจะลงมือทำไปได้ 2 ชั่วโมงเองนะ!

 

และผมก็รู้สึกด้ว่าผมจะใช้เวลาอีกไม่นาน ไม่เหมือนพวกเขา ผมไม่จำเป็นต้องใช้เกมเอนจิ้นหรือตัวออกแบบ 3 มิติ ที่ผมต้องทำก็แค่เพ่งสมาธิจินตนาการต่อไป

 

และในฐานะจอมมารแห่งการสร้าง [TL:ใครลืมกลับไปอ่านตอน 20-21 เอานะจิ] ผมแน่ใจว่าตัวเองทำได้แน่ตราบใดที่พยายามต่อไป

 

“เอาละ! อีกรอบ!”

 

ผมปลุกใจตัวเองอีกรอบก่อนก่อนจะหลับตาและเพ่งสมาธิไปยังปราสาทที่อยากสร้างออกมา

 

จินตนาการเข้าไว้ ทีต้องทำก็แค่จินตนาการต่อไป

 

The citadel that manifested within my mind was dyed in black. It was covered from head to toe in the very same shade of black that filled the night around it. It was impenetrable. Its pitch black ramparts loomed over all that dared to challenge it, overpowering them with its imposing presence. Strong and sturdy was its gate. It was so thick that it could tank a dragon’s assault without budging the slightest bit. And it stood so tall that it could fit a giant with room to spare. Its walls were lined with towers adorned with sharp, pointed tips, and its residential area was made entirely out of jet-black mansions that extended as far as the eye could see.

 

The sheer size of the property was abnormal. And at its center lay the palace, solemn as a chapel and large enough to dwarf its surroundings. Dull lights shined out from within the structure’s windows, illuminating it just enough for its outline to be seen in the darkness of the night. It was so stunning to see that it could only be described as phantasmagorical. And though it was ominous, it still tugged at the hearts of all that looked upon it.

 

That was what I wanted to create: an intimidating fortress that inspired fear, dread, and passion in those that saw it. I wanted it to make its beholders feel not only tiny and insignificant, but also stupefied by its majesty.

 

An ideal that no true man could deny.

 

Once I solidified the image, I activated my primordial magic and forced the earth itself to move. The soil around me warped, obeying my commands.

 

Creating a miniaturized model of something was normally quite difficult. There was a complicated and detailed manufacturing process, involving many steps that I failed to understand. Primordial magic, however, allowed me to circumvent the more complicated steps and skip to materializing the result exactly as I wished for it, so long as I could picture it clearly in my head.

 

It didn’t take long for the fortress to finish coming together.

 

[TL:ขี้เกียจแปลนะจิ เอาง่ายๆพระเอกมันก็แค่จินตนาการออกแบบปราสาทจิ๋วของตัวเองอ่ะจิ อิอิ]

 

“โอ้ อันนี้ไม่เลวเลยแหะ”

 

ถึงจะเล็ก ปราสาทที่ผมสร้างขึ้นให้ความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ มันสวยมาก ผมรู้สึกถึงความดึงดูดของมันได้เลย น่าเสียดายที่มันทำมาจากดินสีมันเลยออกมาเป็นน้ำตาลจากสีดำทึบที่ผมคิดเอาไว้ แต่ก็ยังดูน่าประทับใจเลยทีเดียว

 

“โอ้ มาสเตอร์! อันที่เพิ่งสร้างดูสุดยอดไปเลยคะ!”

“อา ถ้าจะให้พูดมันก็ดูดีเลยละ”

 

ผมพยักหน้าอย่างพอใจ มันก็ยังไม่ใช้สิ่งที่ผมต้องการมากที่สุด เพราะยังมีรายละเอียดบางจุดที่ดูแปลกๆไปอยู่บ้าง แต่แค่นี้ผมก็ไม่จำเป็นต้องคิดแบบร่างอื่นอีกแล้ว

 

ด้วยความรู้สึกที่มีกำลังใจที่จะทำต่อ ผมจึงอยากจะฝึกใช้การก่อสร้างเชิงสร้างสรรค์จนสามารถสำเร็จเจ้าผลงานตัวแรกนี้ให้ออกมาดีที่สุด

 

“เอาละ ลู ดูเอาไว้นะ! ชั้นจะทำให้มันดีกว่านี้อีก!”

“ด-ดีกว่านี้อีกหรอคะ!? นี้มันก็ดูดีแล้วนะ!?” ตาเธอเป็นประกาย “ว้าว! ชั้นอดใจรอไม่ไหวแล้ว!”

“หึ ชื่อจอมมารแห่งการสร้างนะไม่ได้มีไว้แค่ประดับหรอกนะ ดูให้ดี! เดี๋ยวชั้นจะแสดงให้ดูเอง!”

 

และ ลูก็อยู่ดูผมฝึกต่อไปจนลืมเอาผ้าไปตาก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+