Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 55 การจู่โจมของผู้กล้า

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 55 การจู่โจมของผู้กล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นั้นมัน… อะไรนะ?”

 

เนลล์เดินทางผ่านป่าจนมาถึงปากถ้ำขนาดใหญ่ ถึงแม้ตัวถ้ำจะอยู่ใต้เงาผา สำหรับเธอมันก็ยังเด่นอยู่ดี เพราะมันมืดกว่าจุดอื่นรอบๆตัวมันอีก ราวกับมันกลืนกินแสงทั้งหมดแล้วจมลงไปสู่เหวลึก

 

“เดี๋ยวนะ!” ผู้กล้าตาเบิกกว้างเมื่อรู้ตัวตนของถ้ำ “นี้มันดันเจี้ยนนิ!” เธอซักดาบดูแรนดอลที่เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์จากฝักดาบหนังที่ดูมีราคาออกมาจากเอวทันที มองแค่แว่บเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นของที่ถูกสร้างโดยช่างฝีมือมากฝีมือ—มันเป็นงานศิลปะที่สวยงามที่ถูกใช้เป็นฝักดาบได้ด้วย

 

ดูแรนดอลส่องแสงอันคุ้นเคยที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายออกมา มันลดความกังวลของเธอ ช่วยให้เธอใจเย็นลง

 

เนลล์รู้อยู่แล้วว่าเป้าหมายของเธอเป็นจอมมาร ที่เป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์ หนึ่งในทหารของโบสท์ให้ข้อมูลกับเธอมาระหว่างมอบภารกิจ เธอถูกบอกว่าปีศาจที่เธอต้องไปสังหารนั้นน่าเกรงขาม อาศัยอยู่ภายในป่าต้องห้าม 

ที่เขายังรอดชีวิตอยู่ได้เพราะมีความสามารถพอจะไล่พวกมอนเตอร์ทรงพลังที่อาศัยอยู่แถวนั้นได้ เขาน่าจะอาศัยอยู่ใกล้ๆกับเขตของมังกรชั้นสูง แต่ไม่อยู่ภายในเขตนั้น และย้ำว่าให้ถอยกลับทันทีถ้าพบกับศัตรูที่สู้ไม่ได้ เธอยังได้รับอุปกรณ์เวทนต์มาช่วยด้วย

 

แต่โชคไม่ดีหน่อบตรงที่ว่า ข้อมูลที่เนลล์ได้รับมันยังขาดไปอยู่ ทั้งไม่ตรงและผิดเพี้ยนไป เรย์โลว์ผู้ปกครองเอลฟิโร ได้เห็นตัวปีศาจก่อนและยืนยันว่าเป็นจอมมาร แต่เพราะว่าเขาต่อต้านการสำรวจ เขาจึงไม่ได้รายงานข้อมูลทั้งหมดที่มี รายงานทั้งหมดของเขาจึงไม่ถึงครึ่งของข้อมูลจริงทั้งหมด

 

ข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดที่เนลล์ได้รับมา ก็มาจากชายผู้ซึ่งถูกถอนยศไป อดีตผู้บัญชาการของกองอัศวินแห่งอัลลิเซียน เขายืนยันว่ากองกำลังสำรวจทั้งหมดถูกกวาดล้างด้วยปีศาจชายเพียงคนเดียว 

รายงานของอดีตผู้บัญชาการนั้นระเอียด แต่ในช่วงถอยทัพ เขาไม่ได้เห็นการสังหารโดยตรง ทำให้ไม่มีการยืนยันว่าปีศาจตนนั้นแข็งแกร่งดังที่เขาบอกหรือไม่ และที่มากกว่านั้น อดีตผู้บัญชาการไม่รู้ว่าจอมมารตนนั้นเกี่ยวข้องกับมังกรชั้นสูงเหมือนเรย์โลว์

 

ไม่เหมือนกับเจ้าชาย ผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สั่งการ ผู้รับใช้เขาส่วนมากรู้ว่ามังกรชั้นสูงนั้นไม่ใช่แค่เรื่องเล่า ผู้ทำงานในรมทหารส่วนใหญ่จะรู้ว่ามันตรงกับคำบอกเล่า มันจะโจมตีทุกอย่างที่รุกล้ำอาณาเขตของมัน 

พอรวมความรู้สองอย่างนี้เข้าด้วยกัน และการมีชีวิตอยู่ของปีศาจตนนั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ในอัลลิเซียนจะอนุมานว่าเขาน่าจะอาศัยอยู่แถบนอกสุดของเขต พวกเขาไม่เชื่อว่าเขาจะรอดหากไปพบกับมังกรตนนั้นเข้า ไม่ว่าเขาจะทรงพลังแค่ไหนก็ตาม

 

“อ-เอาละ คงเป็นที่นี้สินะ!” เนลล์กลืนน้ำลายอย่างกังวล

 

มีคลื่นอากาศอันเย็นพัดผ่านเธอไปทันทีที่เดินเข้าถ้ำ ทุกๆย่างเก้าที่เธอเดินสะท้อนเสียงที่ไม่รู้สึกดีก้องกลับมาเข้าที่หูเธอ

 

ภายในถ้ำเงียบมาก เงียบเกินไป ในดันเจี้ยนควรจะมีมอนเตอร์อยู่ แต่เนลล์ก็ยังไม่พบเลยซักตัวเดียว สภาพแวดล้อมรอบๆตัวช่างไร้ชีวิตชีวาจนเธอพบว่ามันน่าขนลุกและน่ากลัว ความรู้สึกกังวลอย่างหนักกำลังรุมเร้าเธอ

 

ถึงเธอจะรู้สึกไม่ดี เนลล์ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปจนพบกับประตูบานหนึ่ง สิ่งเดียวที่เธอสามารถอธิบายได้คือมันผิดธรรมชาติ มันดูโดดเด่นกว่าทุกสิ่งรอบข้างมัน ราวกับว่ามันเป็นของที่ถูกสร้างขึ้นมา

 

เนลล์เพิ่มความระวังตัวโดยทันที เธอสำรวจประตูเพราะกลัวว่าจะมีกับดักอยู่ แต่ก็ไม่พบกับอะไรเลย เธอจริงวางมือลงบนกลอนประตูอย่างเก้ๆกังๆและบิดมัน เธอค่อยๆผลักเข้าไปและมองเข้าไปข้างใน

 

“ว้าว…”

 

เธอเอ่ยปากออกมาโดยไม่รู้ตัว พลางมองไปที่พื้นหญ้าที่ปูราดยาวจากหลังประตูไป พร้อมกับท้องฟ้าที่ใหญ่สุดลูกหูลูกตา

 

ราวกับว่าประตูที่เธอเข้ามาเป็นประตูสู่อีกโลก สิ่งที่อยู่ข้างหลังนี้มันเกินกว่าที่เธอคาดคิดจนชวนปวดหัว สิ่งที่ชวนดูโดดเด่นที่สุดเลยก็คือ ปราสาทสีดำขนาดใหญ่ที่ตั้งสง่าอยู่ ณ ใจกลาง

 

ในช่วงเวลาที่เธอมองมัน ภาพปราสาทก็เป็นที่จดใจในสมองเธอไปเป็นที่เรียบร้อย เป็นสิ่งก่อสร้างสีดำขนาดใหญ่โตที่ดูใหญ่เป็นสองเท่าของปรสาทในอัลลิเซียนซะอีก เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่เธอรู้สึกรังเกียจและชื่นชมในเวลาเดียวกัน เธอรู้สึกเกรงต่อวัสดุสีดำของมัน แต่ประทับใจในความสวยงาม  

 

“สุดยอดไปเลย…”

 

เธอยังคงสำรวจปราศาทไปอีกซักพีกก่อนจะกลับมาในความเป็นจริง เธอสบัดหัวสองสามทีเพื่อไล่ความคิดที่ไม่จำเป็นออกจากหัว และเพ่งสมาธิกับงานที่ได้รับ

 

เนลล์เข้าใจแล้วว่าสมมติฐานของเธอนั้นถูกต้อง ตัวถ้ำเป็นทางเข้าของดันเจี้ยนจริงๆ เหตุผลที่เธอยังไม่โดนโจมตีเข้ามาเพราะมันเป้นแค่การโหมโรงเพียงเท่านั้น ทันทีที่เธอก้าวเท้าผ่านประตูไปนั้นแหละที่จะเป็นของจริง

 

เธอจับดาบแน่นขึ้นพร้อมหรี่บตาลง สำรวจสิ่งรอบข้าง แล้วก็เดินเข้าหาประตูปราสาทสีดำขนาดใหญ่

 

***

 

ผมมองผู้กล้าเดินเข้าปราสาทมาพลางอดยิ้มไม่ได้

 

“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงกันรึ?”

“พูดเรื่องอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง”

 

สายตาของเลฟี่ดึงผมกลับมามีสติเหมือนเดิม ผมจึงรีบพูดปัดคำถามไปทันที แล้วยัยมังกรนี้ก็เพิ่งจะตั่งชื่อปราสาทว่า ปราสาท ลูแอน ฟิโอเนลล์ (Luan Fionell)  ฟังจากเธอ มันมีความหมายว่า “ผู้ครองจุดสูงสุด” ในภาษามังกร

 

เป็นชื่อที่ดีเลยนะ มันทำให้ปราสาทดูน่าเกรงขามกว่าที่เป็นอยู่แล้วซะอีก

 

“ยูกิ…” ถึงผมจะปฏิเสธไป เธอก็ยังจ้องผมด้วยสายตาอันแหลมคมอยู่ดี “ดูเหมือนว่าเจ้าไม่มีความคิดจะจบชีวิตผู้หญิงคนนั้นนะ”

“เอ่ออ… ทำไมถึงคิดงั้นละ?”

“แค่มองก็รู้แล้วว่าเจ้าขาดแรงจูงใจ เราเคยเห็นเจ้ากระหายเลือดมาก่อน และมันต่างจากตอนนี้อย่างเห็นได้ชัด”

“ก็นะ ถ้าจะให้พูดก็…เหมือนเธอไง”

“ว่าอะไรนะ? เราไม่เห็นเข้าใจ”

“เธอเป็นผู้หญิงนะ”

 

ถึงผมจะเคยประกาศไปแล้วว่าจะฆ่าศัตรูทุกคน แต่ผมไม่รู้สึกอยากจะฆ่าผู้กล้าเลย การฆ่าผู้หญิงเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผม 

ผมสามารถฆ่าผู้ชายได้อย่างเลือดเย็น แต่ผมไม่สามารถดึงตัวเองมาทำแบบเดียวกันกับเด็กผู้หญิงได้ นั้นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกกับมนุษย์ตั้งแต่มาที่โลกนี้ แน่นอนว่าความรู้สึกนี้มีผลต่อผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วย ผมจะรู้สึกอย่างนี้กับทุกคนที่ผมไม่มีความรู้สึกรุนแรงอะไรด้วย

 

ผมตัดสินใจมาตั้งนานแล้วว่าจะฆ่าคนที่อยากฆ่า และหลีกเลี่ยงการฆ่าคนที่ไม่อยากฆ่า ซึ่งผู้กล้าก็มาตกอยู่ในช่วงชอยช์หลัง ผมตัดสินใจที่จะหลีกเลี่ยงการใช้กับดักถึงตาย ผมเลือกที่จะใช้กับดักที่ไม่รุนแรงแต่บั่นทอนจิตใจในการสู้ของเธอแทน

 

“เจ้าบ้าโรคจิต…” เลฟี่พูดพลางหยิกแขนผม

“โอ๊ย! ม-มันไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย! ก-ก็แบบว่า เขาดูแก่กว่าเธอนิดเดียวเอง มันก็เป็นธรรมดาไม่ใช่หรอที่จะลังเลฆ่าเด็กผู้หญิงที่เด็กขนาดนี้นะ?”

 

ผมรีบพูดคำแก้ตัวออกมา

 

“หืมมม…” เลฟี่ทำหน้ามุ่ย “ก็ได้ ทำดังที่เจ้าต้องการเถอะ แต่จำไว้ด้วยละว่าเราไม่ให้อภัยเจ้าแน่ถ้าเจ้ามาเดือดร้อนเพราะสิ่งที่เจ้าเลือกนะ”

“ม-ไม่เป็นไรหรอกน่า ชั้นค่อยข้างมั่นใจในกับดักที่วางเลยนะ แค่นั่งพักสบายๆไปเถอะ เดี๋ยวก็ได้เห็นเอง”

 

ผมพยายามเอาใจเลฟี่ด้วยวิดีโอ แต่ก็สูญเปล่า เธอกลับมาจ้องผมมากกว่าเดิมอีก

 

 

[TL:วางแปลผิดจุด ได้ภาพหลุดๆมาซะงั้น ถ้าพี่ google เขาจะอวยขนาดนี้ ผมก็คงโยนไม้พายทิ้งได้แล้วสินะจิ -.-]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 55 การจู่โจมของผู้กล้า

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 55 การจู่โจมของผู้กล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นั้นมัน… อะไรนะ?”

 

เนลล์เดินทางผ่านป่าจนมาถึงปากถ้ำขนาดใหญ่ ถึงแม้ตัวถ้ำจะอยู่ใต้เงาผา สำหรับเธอมันก็ยังเด่นอยู่ดี เพราะมันมืดกว่าจุดอื่นรอบๆตัวมันอีก ราวกับมันกลืนกินแสงทั้งหมดแล้วจมลงไปสู่เหวลึก

 

“เดี๋ยวนะ!” ผู้กล้าตาเบิกกว้างเมื่อรู้ตัวตนของถ้ำ “นี้มันดันเจี้ยนนิ!” เธอซักดาบดูแรนดอลที่เป็นดาบศักดิ์สิทธิ์จากฝักดาบหนังที่ดูมีราคาออกมาจากเอวทันที มองแค่แว่บเดียวก็รู้ได้ว่าเป็นของที่ถูกสร้างโดยช่างฝีมือมากฝีมือ—มันเป็นงานศิลปะที่สวยงามที่ถูกใช้เป็นฝักดาบได้ด้วย

 

ดูแรนดอลส่องแสงอันคุ้นเคยที่ให้ความรู้สึกผ่อนคลายออกมา มันลดความกังวลของเธอ ช่วยให้เธอใจเย็นลง

 

เนลล์รู้อยู่แล้วว่าเป้าหมายของเธอเป็นจอมมาร ที่เป็นดันเจี้ยนมาสเตอร์ หนึ่งในทหารของโบสท์ให้ข้อมูลกับเธอมาระหว่างมอบภารกิจ เธอถูกบอกว่าปีศาจที่เธอต้องไปสังหารนั้นน่าเกรงขาม อาศัยอยู่ภายในป่าต้องห้าม 

ที่เขายังรอดชีวิตอยู่ได้เพราะมีความสามารถพอจะไล่พวกมอนเตอร์ทรงพลังที่อาศัยอยู่แถวนั้นได้ เขาน่าจะอาศัยอยู่ใกล้ๆกับเขตของมังกรชั้นสูง แต่ไม่อยู่ภายในเขตนั้น และย้ำว่าให้ถอยกลับทันทีถ้าพบกับศัตรูที่สู้ไม่ได้ เธอยังได้รับอุปกรณ์เวทนต์มาช่วยด้วย

 

แต่โชคไม่ดีหน่อบตรงที่ว่า ข้อมูลที่เนลล์ได้รับมันยังขาดไปอยู่ ทั้งไม่ตรงและผิดเพี้ยนไป เรย์โลว์ผู้ปกครองเอลฟิโร ได้เห็นตัวปีศาจก่อนและยืนยันว่าเป็นจอมมาร แต่เพราะว่าเขาต่อต้านการสำรวจ เขาจึงไม่ได้รายงานข้อมูลทั้งหมดที่มี รายงานทั้งหมดของเขาจึงไม่ถึงครึ่งของข้อมูลจริงทั้งหมด

 

ข้อมูลที่น่าเชื่อถือที่สุดที่เนลล์ได้รับมา ก็มาจากชายผู้ซึ่งถูกถอนยศไป อดีตผู้บัญชาการของกองอัศวินแห่งอัลลิเซียน เขายืนยันว่ากองกำลังสำรวจทั้งหมดถูกกวาดล้างด้วยปีศาจชายเพียงคนเดียว 

รายงานของอดีตผู้บัญชาการนั้นระเอียด แต่ในช่วงถอยทัพ เขาไม่ได้เห็นการสังหารโดยตรง ทำให้ไม่มีการยืนยันว่าปีศาจตนนั้นแข็งแกร่งดังที่เขาบอกหรือไม่ และที่มากกว่านั้น อดีตผู้บัญชาการไม่รู้ว่าจอมมารตนนั้นเกี่ยวข้องกับมังกรชั้นสูงเหมือนเรย์โลว์

 

ไม่เหมือนกับเจ้าชาย ผู้ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สั่งการ ผู้รับใช้เขาส่วนมากรู้ว่ามังกรชั้นสูงนั้นไม่ใช่แค่เรื่องเล่า ผู้ทำงานในรมทหารส่วนใหญ่จะรู้ว่ามันตรงกับคำบอกเล่า มันจะโจมตีทุกอย่างที่รุกล้ำอาณาเขตของมัน 

พอรวมความรู้สองอย่างนี้เข้าด้วยกัน และการมีชีวิตอยู่ของปีศาจตนนั้น ทำให้เจ้าหน้าที่ในอัลลิเซียนจะอนุมานว่าเขาน่าจะอาศัยอยู่แถบนอกสุดของเขต พวกเขาไม่เชื่อว่าเขาจะรอดหากไปพบกับมังกรตนนั้นเข้า ไม่ว่าเขาจะทรงพลังแค่ไหนก็ตาม

 

“อ-เอาละ คงเป็นที่นี้สินะ!” เนลล์กลืนน้ำลายอย่างกังวล

 

มีคลื่นอากาศอันเย็นพัดผ่านเธอไปทันทีที่เดินเข้าถ้ำ ทุกๆย่างเก้าที่เธอเดินสะท้อนเสียงที่ไม่รู้สึกดีก้องกลับมาเข้าที่หูเธอ

 

ภายในถ้ำเงียบมาก เงียบเกินไป ในดันเจี้ยนควรจะมีมอนเตอร์อยู่ แต่เนลล์ก็ยังไม่พบเลยซักตัวเดียว สภาพแวดล้อมรอบๆตัวช่างไร้ชีวิตชีวาจนเธอพบว่ามันน่าขนลุกและน่ากลัว ความรู้สึกกังวลอย่างหนักกำลังรุมเร้าเธอ

 

ถึงเธอจะรู้สึกไม่ดี เนลล์ก็ยังคงเดินหน้าต่อไปจนพบกับประตูบานหนึ่ง สิ่งเดียวที่เธอสามารถอธิบายได้คือมันผิดธรรมชาติ มันดูโดดเด่นกว่าทุกสิ่งรอบข้างมัน ราวกับว่ามันเป็นของที่ถูกสร้างขึ้นมา

 

เนลล์เพิ่มความระวังตัวโดยทันที เธอสำรวจประตูเพราะกลัวว่าจะมีกับดักอยู่ แต่ก็ไม่พบกับอะไรเลย เธอจริงวางมือลงบนกลอนประตูอย่างเก้ๆกังๆและบิดมัน เธอค่อยๆผลักเข้าไปและมองเข้าไปข้างใน

 

“ว้าว…”

 

เธอเอ่ยปากออกมาโดยไม่รู้ตัว พลางมองไปที่พื้นหญ้าที่ปูราดยาวจากหลังประตูไป พร้อมกับท้องฟ้าที่ใหญ่สุดลูกหูลูกตา

 

ราวกับว่าประตูที่เธอเข้ามาเป็นประตูสู่อีกโลก สิ่งที่อยู่ข้างหลังนี้มันเกินกว่าที่เธอคาดคิดจนชวนปวดหัว สิ่งที่ชวนดูโดดเด่นที่สุดเลยก็คือ ปราสาทสีดำขนาดใหญ่ที่ตั้งสง่าอยู่ ณ ใจกลาง

 

ในช่วงเวลาที่เธอมองมัน ภาพปราสาทก็เป็นที่จดใจในสมองเธอไปเป็นที่เรียบร้อย เป็นสิ่งก่อสร้างสีดำขนาดใหญ่โตที่ดูใหญ่เป็นสองเท่าของปรสาทในอัลลิเซียนซะอีก เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่เธอรู้สึกรังเกียจและชื่นชมในเวลาเดียวกัน เธอรู้สึกเกรงต่อวัสดุสีดำของมัน แต่ประทับใจในความสวยงาม  

 

“สุดยอดไปเลย…”

 

เธอยังคงสำรวจปราศาทไปอีกซักพีกก่อนจะกลับมาในความเป็นจริง เธอสบัดหัวสองสามทีเพื่อไล่ความคิดที่ไม่จำเป็นออกจากหัว และเพ่งสมาธิกับงานที่ได้รับ

 

เนลล์เข้าใจแล้วว่าสมมติฐานของเธอนั้นถูกต้อง ตัวถ้ำเป็นทางเข้าของดันเจี้ยนจริงๆ เหตุผลที่เธอยังไม่โดนโจมตีเข้ามาเพราะมันเป้นแค่การโหมโรงเพียงเท่านั้น ทันทีที่เธอก้าวเท้าผ่านประตูไปนั้นแหละที่จะเป็นของจริง

 

เธอจับดาบแน่นขึ้นพร้อมหรี่บตาลง สำรวจสิ่งรอบข้าง แล้วก็เดินเข้าหาประตูปราสาทสีดำขนาดใหญ่

 

***

 

ผมมองผู้กล้าเดินเข้าปราสาทมาพลางอดยิ้มไม่ได้

 

“ทำหน้าแบบนั้นหมายความว่ายังไงกันรึ?”

“พูดเรื่องอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง”

 

สายตาของเลฟี่ดึงผมกลับมามีสติเหมือนเดิม ผมจึงรีบพูดปัดคำถามไปทันที แล้วยัยมังกรนี้ก็เพิ่งจะตั่งชื่อปราสาทว่า ปราสาท ลูแอน ฟิโอเนลล์ (Luan Fionell)  ฟังจากเธอ มันมีความหมายว่า “ผู้ครองจุดสูงสุด” ในภาษามังกร

 

เป็นชื่อที่ดีเลยนะ มันทำให้ปราสาทดูน่าเกรงขามกว่าที่เป็นอยู่แล้วซะอีก

 

“ยูกิ…” ถึงผมจะปฏิเสธไป เธอก็ยังจ้องผมด้วยสายตาอันแหลมคมอยู่ดี “ดูเหมือนว่าเจ้าไม่มีความคิดจะจบชีวิตผู้หญิงคนนั้นนะ”

“เอ่ออ… ทำไมถึงคิดงั้นละ?”

“แค่มองก็รู้แล้วว่าเจ้าขาดแรงจูงใจ เราเคยเห็นเจ้ากระหายเลือดมาก่อน และมันต่างจากตอนนี้อย่างเห็นได้ชัด”

“ก็นะ ถ้าจะให้พูดก็…เหมือนเธอไง”

“ว่าอะไรนะ? เราไม่เห็นเข้าใจ”

“เธอเป็นผู้หญิงนะ”

 

ถึงผมจะเคยประกาศไปแล้วว่าจะฆ่าศัตรูทุกคน แต่ผมไม่รู้สึกอยากจะฆ่าผู้กล้าเลย การฆ่าผู้หญิงเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของผม 

ผมสามารถฆ่าผู้ชายได้อย่างเลือดเย็น แต่ผมไม่สามารถดึงตัวเองมาทำแบบเดียวกันกับเด็กผู้หญิงได้ นั้นเป็นสิ่งที่ผมรู้สึกกับมนุษย์ตั้งแต่มาที่โลกนี้ แน่นอนว่าความรู้สึกนี้มีผลต่อผู้ที่ไม่ใช่มนุษย์ด้วย ผมจะรู้สึกอย่างนี้กับทุกคนที่ผมไม่มีความรู้สึกรุนแรงอะไรด้วย

 

ผมตัดสินใจมาตั้งนานแล้วว่าจะฆ่าคนที่อยากฆ่า และหลีกเลี่ยงการฆ่าคนที่ไม่อยากฆ่า ซึ่งผู้กล้าก็มาตกอยู่ในช่วงชอยช์หลัง ผมตัดสินใจที่จะหลีกเลี่ยงการใช้กับดักถึงตาย ผมเลือกที่จะใช้กับดักที่ไม่รุนแรงแต่บั่นทอนจิตใจในการสู้ของเธอแทน

 

“เจ้าบ้าโรคจิต…” เลฟี่พูดพลางหยิกแขนผม

“โอ๊ย! ม-มันไม่ใช่แบบนั้นซักหน่อย! ก-ก็แบบว่า เขาดูแก่กว่าเธอนิดเดียวเอง มันก็เป็นธรรมดาไม่ใช่หรอที่จะลังเลฆ่าเด็กผู้หญิงที่เด็กขนาดนี้นะ?”

 

ผมรีบพูดคำแก้ตัวออกมา

 

“หืมมม…” เลฟี่ทำหน้ามุ่ย “ก็ได้ ทำดังที่เจ้าต้องการเถอะ แต่จำไว้ด้วยละว่าเราไม่ให้อภัยเจ้าแน่ถ้าเจ้ามาเดือดร้อนเพราะสิ่งที่เจ้าเลือกนะ”

“ม-ไม่เป็นไรหรอกน่า ชั้นค่อยข้างมั่นใจในกับดักที่วางเลยนะ แค่นั่งพักสบายๆไปเถอะ เดี๋ยวก็ได้เห็นเอง”

 

ผมพยายามเอาใจเลฟี่ด้วยวิดีโอ แต่ก็สูญเปล่า เธอกลับมาจ้องผมมากกว่าเดิมอีก

 

 

[TL:วางแปลผิดจุด ได้ภาพหลุดๆมาซะงั้น ถ้าพี่ google เขาจะอวยขนาดนี้ ผมก็คงโยนไม้พายทิ้งได้แล้วสินะจิ -.-]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+