Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 54 ค่าสถานะของผู้กล้า

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 54 ค่าสถานะของผู้กล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ตรงนี้อันนึง ตรงนี้ด้วยอีกอันนึง โอ้ มุมนี้ด้วยก็น่าจะดีแหะ…”

 

ผมวางกับดักประเภทต่างๆไว้ในปราสาทผ่านหน้าจอเมนู ผมกำลังปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้เป็นป้อมปราการที่ไม่มีใครเอาชนะมันได้อยู่ มีกับดักหลายอันที่มาจากดัวระบบของดันเจี้ยนเอง และก็บางส่วนที่เป็นการออกแบบของผมเองจากการใช้อุปกรณ์และทริกค์เล็กๆน้อยๆ

 

สมาธิที่ผมมีได้ซักพักนึงถูกรบกวนด้วยระบบแผนที่ ที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมา ความสนใจทั้งหมดของผมโดนดีงไปโดยสัญลักษณ์สีแดงที่กระพริบอยู่ขอบอาณาเขตผมพอดี

 

ตัวดันเจี้ยนนั้นได้ตรวจเจอผู้บุกรุกอีกครั้ง ผมจิ้มไปยังแผนที่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

 

***

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อ: เนลล์

เผ่า: มนุษย์

คลาส: ผู้กล้า

เลเวล: 42

HP: 2120/2120

MP: 6981/6981

Strength: 519

Stamina: 652

Agility: 817

Magic: 704

Dexterity: 987

Luck: 1245

 

ยูนีคสกิล

เวทบาเรีย

เร่งความเร็ว

 

สกิล

เวทศักดิ์สิทธิ์ V

ทักษะดาบ IV

ตรวจจับศัตรู II

ตรวจจับวิกฤต IV

 

ฉายา

ผู้ถือครองดาบศักดิ์สิทธิ์

ปฏิเสธคนไม่เป็นแบบเรื้อรัง

 

***

 

มนุษย์ได้เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่คราวนี้ส่งผู้บุกรุกมาเพียงคนเดียว ก็คือ ผู้กล้า

 

“หืม… ผู้กล้ามีตัวตนอยู่จริงๆด้วยสินะ”

 

ค่าสถานะของผู้กล้านั้นสูงกว่าคนปกติอย่างชัดเจน เธอนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์คนอื่นๆที่เคยเข้ามาในดันเจี้ยนซะอีก สกิลของเธอก็เช่นกัน เวทศักดิ์สิทธิ์ของเธอขึ้นสูงไประดับ 5 ใน  

ทางจอมมาร ที่น่าจะเป็นธาตุมืด ผมว่าถ้าโดนเข้าไปคงมีช่องคำพูดเด้งขึ้นมาว่า “super effective” ทันทีแน่นอน [TL:ใครเล่น pokemon ก็น่าจะรู้กันดีนะจิ]

 

เดี๋ยวก่อนนะ แล้วไอค่าโชค 1000 นั้นมันอะไรฟ๊ะนะ? แม้เจ้าโว้ย ยัยผู้กล้านี้ต้องหัดเจ้าคาสิโนกันบ้างแล้วละ

 

ผู้กล้าค่อยๆเข้ามาในเขตผมผมลึกเข้ามาเรื่อยๆอย่างช้าๆ ผมจึงใช้ตาปีศาจที่กระจายไปทั่วอาณาเขตเฝ้าจับตาดูเธอไว้ เธอคืบหน้ามาด้วยความระมัดระวัง และตัวเธอเองก็ดูจะเป็นคนใจเสาะหน่อยๆด้วย ผมตัดสั้นทรงบ็อบ ถ้ามองผ่านๆผมก็คิดว่าเธอเป็นผู้ชายด้วยซ้ำ แต่รูปร่างของเธอเป็นผู้หญิงอย่างชัดเจน

 

เห็นได้ชัดเลยว่าฝั่งมนุษย์เป็นคนส่งมา พวกนั้นเลือกจะใช้คุณภาพแทนปริมาณจากเหตุการณืก่อนหน้านี้

 

ให้ตายสิ ไอพวกมนุษยพวกนั้นมันปัญญาอ่อนันหรือยังไง? พวกนั้นไม่คิดจะส่งใครมาด้วยเลยหรือยังไง? ไอพวกเบื้องสูงพวกนั้นมันคิดอะไรกันอยู่เนี่ย?

 

ผมแทบอยากจะถอนหายใจที่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มาตัวคนเดียว ไม่มีทั้งปาร์ตี้หรือคนสนับสนุนเลย

 

เอาจริงดิ บ้าอะไรวะเนี่ย? จะมาแนวศึกตัดสินสุดซึ้งของสองหัวหน้าทัพที่ทั้งสองจะมาประดาบจบศึกกันหรือยังไง? ไอคนที่ส่งเธอมามันมีเซลล์สมองอยู่กี่เซลล์กัน?[TL:84,000 เซลล์มั้ง]

 

ถึงผมจะมั่นใจว่ามันมีเหตุผลบางอย่างให้เธอตัดสินใจมาที่นี้ตัวคนเดียวก็เถอะ แต่มันก็ดูบ้าอยู่ดี ผมก็ไม่ค่อยชอบพวกแนวผู้กล้าอยู่แล้วด้วย ได้ยินแนวคิดของพวกนี้ทีไรนี้ปวดหัวทุกที

 

ผู้กล้า เป็นตัวตนที่แบบ กอบกู้โลก รับคำสั่งมาแล้วก็ออกไปสู้เพื่อสำเร็จภารกิจอันยิ่งใหญ่อะไรซักอย่าง ไปช่วยผู้คนไปทั่วราวกับถูกวางระบบไว้ให้เป็นแบบนั้น

 

พูดตรงๆนะ ไอการเป็นวีรบุรุษเนี่ย บ้าบอสุดๆอะ ผมไม่เห็นประโยชน์จากการต้องใช้ทั้งชีวิตในการช่วยเหลือผู้คนทั่วไปเลยซักนิด

 

ผมชอบการเป็นจอมมารมากว่าผู้กล้าอีก เพราะจอมมารนั้นเป็นอิสระ ไม่ต้องไปก้มหัวให้ใคร เกลียดใครก็เลือกที่จะต่อต้านได้ อยากจะแก้แค้นตอนไหนก็ทำได้ ขยายอาณาเขตอย่างที่ต้องการ และจะใช้ชีวิตในรูปแบบไหนก็ได้ เป็นคนเดียวที่หยุดตัวเองได้ เป็นคนเดียวที่หยุดตัวเองจากเส้นทางชีวิตที่ต้องเสียใจในภายหลัง ถึงการใช้ชีวิตแบบตามใจมันจะไปสร้างความไม่สบายใจให้คนอื่นบ้างก็เถอะ แต่ก็ไม่เป็นไร ผมขอเป็นคนสร้างปัญหาดีกว่ามานั่งคร่ำครวญการตัดสินใจของตัวเอง

 

ถึงจะฟังดูเป็นคนเห็นแก่ตัวเองจอมสร้างปัญหาก็เถอะ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงละนะ เพราะด้วยความเห็นแก่ตัวผมจึงสามารถละทิ้งความเป็นมนุษย์ได้อย่างไม่ลังเล เพราะถึงเผ่าผมจะเปลี่ยนไป แต่ผมก็ยังเป็นตัวผมอยู่ดี ผมไม่สนว่ารูปร่างตัวเองจะเปลี่ยนไปยังไงตราบใดที่จิตใจยังเป็นผมอยู่

 

เอ่อออ… ผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้ดีกว่า ผมคงจะลนลานน่าดูถ้าร่างกายตัวเองเปลี่ยนไปเป็นอะไรที่ไม่ใช่มนุษย์ อย่างน้อยๆผมก็อยากให้มีส่วนของมนุษย์อยู่บ้างละนะ

 

ช่างเรื่องนั้นไปเถอะ ถ้าผู้กล้ามาเพื่อสู้ เธอก็จะได้รับอย่างนั้น ถึงตัวปราสาทจะยังไม่เสร็จดี แต่ก็ยังมีกับดักอยู่ระดับหนึ่ง อันกวนๆน่าเกลียดๆก็มีด้วย ให้เธอเป็นหนูทดลองซักหน่อยก็ดูดี แต่ผมต้องไปบอกคนอื่นๆให้ไปซ่อนกันก่อนที่เธอจะมาถึงที่นี้

 

ผมกางปีกแล้วบินออกจารกปราสาท และล่อนลงไปยังลานหญ้า ที่ที่คนอื่นๆกำลังมีปาร์ตี้น้ำชาอยู่

 

“ทุกคน! ฟังทางนี้หน่อย!”

 

ผมตะโกนเพื่อดึงความสนใจจากทุกคนพลางลงจอด เจ้าปีกคู่ที่สองนี้ช่วยในเรื่องการควบคุมได้เยอะเลย ผมสามรถบินอย่างนิ่งๆ คุมตำแหน่งท่าทาง หรือลงจอดแบบนิ่มๆได้แล้ว ผมไม่จำเป็นต้องดิ่งลงดินเพื่อหยุดอีกต่อไปแล้ว

 

แต่ผมก็จะเผลอทำแบบนั้นไปบ้างเวลาออกล่ากับริร์ การโจมตีจากด้านบนของผมมันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่ แต่มันก็สนุกที่ได้ใช้ดี ผมจึงใช้มันอยู่เรื่อยๆถึงจะไม่จำเป็นเท่าไหร่ก็ตามที

 

“อะไรงั้นรึ ยูกิ?”

“ก่อนอื่นเลยก็ให้เธอหยุดมาจับปีกชั้นทุกครั้งที่ได้เห็นมันจะได้ไหม…”

 

ผมได้แต่ยิ้มแหย่ๆทันทีที่เลฟี่พุ่งเข้ามานวยปีกผม หยุดเธอไปก็ไม่มีความหมาย และเธอคงจะไม่ฟังที่ผมพูดด้วย ผมจึงเริ่มพูดโดยปล่อยให้เธอทำตามใจอยากไป

 

“มีผู้กล้าเข้ามาในดันเจี้ยนนะ พวกเธอควรกลับเข้าห้องบัลลังก์จริงแล้วก็รอในนั้นในระหว่างที่ชั้นจัดการเรื่องข้างนอกนะ”

“เมื้อกี้มาสเตอร์เพิ่งพูดว่าผู้กล้าหรอคะ!?” คนแรกที่ออกอาการเลยคือลู ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจในทันที

“เธอคงจะรู้อยู่แล้วว่าผู้กล้าคืออะไรสินะ?”

“แน่นอนค่ะ!” ลูพูด “พวกนั้นนะเป็นฆาตกรเลือดเย็นที่แข็งแกร่งสุดๆ! ส่วนใหญ่ได้รับการฝึกตั้งแต่เด็กๆ พวกนั้นเลยคิดว่าการฆ่าพวกอมนุษย์อย่างเราทันทีที่พบเป็นเรื่องที่ถูกต้อง”

“งั้นหรอ…”  

 

สิ่งที่ลูพูดก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ฝั่งต่อต้านมนุษย์จะคิดว่าผู้กล้าเป็นเสมือนฝันร้ายนะ

 

ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าผู้กล้าของฝั่งหนึ่ง ก็คือฆาตกรสังหารหมู่ของอีกฝั่งเช่นกัน  

 

“ใช่แล้วละ ไอเจ้า เอ่อ ‘ฆาตกรเลือดเย็น’ กำลังมุ่งหน้ามาหาเรา ชั้นคงจะจัดการได้โดยไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ชั้นว่าพวกเธอก็ออกไปจากที่นี้กันก่อนเถอะนะ”

“โอเคค่ะ!” อิลูน่าตอบ

“ผู้กล้างั้นหรอคะ? ค่าสงสัยจังนะคะ ฉันอยากจะขออนุณาติอยู่เฝ้าดูได้ไหมคะ?” เลล่าถาม

“ช-ชั้นว่านั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นะเลล่า เธอไม่รู้หรอว่าความขี้สงสัยมันฆ่าตัวแมวเองได้นะ”

 

อิลูน่าและเหล่าเมดเข้าประตูที่ลับที่ซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งของลานและกลับไปที่ห้องบัลลังก์ที่แท้จริง แต่แน่นอน ผมไม่วางประตูที่จะนำพาความอันตรายมาสู่ผมและคนอื่นๆในนี้หรอก ประตูตรงสนามนะเป็นหนึ่งในประตูไปไ*นก็ได้ ที่วางไว้ทั่วปราสาท  

 

เมื่อก่อนผมจะเป็นคนเดียวที่เลือกจุดหมายของประตูได้ แต่ด้วยการที่ตัวดันเจี้ยนเลเวลอัพ คนอิ่นๆจึงสามารถใช้ประตูได้ตราบใดที่ผมอณุญาต

 

หรือก็คือ ประตูนี้สามารถไปที่ไหนก็ได้ในอาณาเขตดันเจี้ยน สะดวกสุดๆอะ

 

“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา?” เลฟี่พูด เธอยังคงอยู่ข้างหลังผมไม่ได้ไปเหมือนคนอื่น

“ไม่เป็นไรหรอกชั้นว่าจะใช้โอกาศนี้ทดสอบระบบป้องกันของตัวปราสาทดูด้วย เธอนั่งกินขนมชิวๆรอชั้นจัดการให้เสร็จไปเถอะ”

“ก็ได้… แต่อย่าลืมละว่าเรายินดีที่จะให้ความช่วยเหลือตราบใดที่เจ้าต้องการ”

“อ่า รู้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าชั้นต้องการจริงๆเดี๋ยวชั้นขอ แต่ชั้นว่าคงไม่เป็นไรหรอก เพราะชั้นจะทำแค่ใช้กับดักอยู่ในห้องบัลลังก์นะ” ผมพูดพลางยิ้ม

 

และผมกับเลฟี่ก็กลับเข้าห้องบังลังก์เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับผู้กล้า

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru 54 ค่าสถานะของผู้กล้า

Now you are reading Maou ni Nattanode, Dungeon Tsukutte Jingai Musume to Honobono Suru Chapter 54 ค่าสถานะของผู้กล้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ตรงนี้อันนึง ตรงนี้ด้วยอีกอันนึง โอ้ มุมนี้ด้วยก็น่าจะดีแหะ…”

 

ผมวางกับดักประเภทต่างๆไว้ในปราสาทผ่านหน้าจอเมนู ผมกำลังปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงให้เป็นป้อมปราการที่ไม่มีใครเอาชนะมันได้อยู่ มีกับดักหลายอันที่มาจากดัวระบบของดันเจี้ยนเอง และก็บางส่วนที่เป็นการออกแบบของผมเองจากการใช้อุปกรณ์และทริกค์เล็กๆน้อยๆ

 

สมาธิที่ผมมีได้ซักพักนึงถูกรบกวนด้วยระบบแผนที่ ที่จู่ๆก็โผล่ขึ้นมา ความสนใจทั้งหมดของผมโดนดีงไปโดยสัญลักษณ์สีแดงที่กระพริบอยู่ขอบอาณาเขตผมพอดี

 

ตัวดันเจี้ยนนั้นได้ตรวจเจอผู้บุกรุกอีกครั้ง ผมจิ้มไปยังแผนที่เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

 

***

ข้อมูลทั่วไป

ชื่อ: เนลล์

เผ่า: มนุษย์

คลาส: ผู้กล้า

เลเวล: 42

HP: 2120/2120

MP: 6981/6981

Strength: 519

Stamina: 652

Agility: 817

Magic: 704

Dexterity: 987

Luck: 1245

 

ยูนีคสกิล

เวทบาเรีย

เร่งความเร็ว

 

สกิล

เวทศักดิ์สิทธิ์ V

ทักษะดาบ IV

ตรวจจับศัตรู II

ตรวจจับวิกฤต IV

 

ฉายา

ผู้ถือครองดาบศักดิ์สิทธิ์

ปฏิเสธคนไม่เป็นแบบเรื้อรัง

 

***

 

มนุษย์ได้เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง แต่คราวนี้ส่งผู้บุกรุกมาเพียงคนเดียว ก็คือ ผู้กล้า

 

“หืม… ผู้กล้ามีตัวตนอยู่จริงๆด้วยสินะ”

 

ค่าสถานะของผู้กล้านั้นสูงกว่าคนปกติอย่างชัดเจน เธอนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์คนอื่นๆที่เคยเข้ามาในดันเจี้ยนซะอีก สกิลของเธอก็เช่นกัน เวทศักดิ์สิทธิ์ของเธอขึ้นสูงไประดับ 5 ใน  

ทางจอมมาร ที่น่าจะเป็นธาตุมืด ผมว่าถ้าโดนเข้าไปคงมีช่องคำพูดเด้งขึ้นมาว่า “super effective” ทันทีแน่นอน [TL:ใครเล่น pokemon ก็น่าจะรู้กันดีนะจิ]

 

เดี๋ยวก่อนนะ แล้วไอค่าโชค 1000 นั้นมันอะไรฟ๊ะนะ? แม้เจ้าโว้ย ยัยผู้กล้านี้ต้องหัดเจ้าคาสิโนกันบ้างแล้วละ

 

ผู้กล้าค่อยๆเข้ามาในเขตผมผมลึกเข้ามาเรื่อยๆอย่างช้าๆ ผมจึงใช้ตาปีศาจที่กระจายไปทั่วอาณาเขตเฝ้าจับตาดูเธอไว้ เธอคืบหน้ามาด้วยความระมัดระวัง และตัวเธอเองก็ดูจะเป็นคนใจเสาะหน่อยๆด้วย ผมตัดสั้นทรงบ็อบ ถ้ามองผ่านๆผมก็คิดว่าเธอเป็นผู้ชายด้วยซ้ำ แต่รูปร่างของเธอเป็นผู้หญิงอย่างชัดเจน

 

เห็นได้ชัดเลยว่าฝั่งมนุษย์เป็นคนส่งมา พวกนั้นเลือกจะใช้คุณภาพแทนปริมาณจากเหตุการณืก่อนหน้านี้

 

ให้ตายสิ ไอพวกมนุษยพวกนั้นมันปัญญาอ่อนันหรือยังไง? พวกนั้นไม่คิดจะส่งใครมาด้วยเลยหรือยังไง? ไอพวกเบื้องสูงพวกนั้นมันคิดอะไรกันอยู่เนี่ย?

 

ผมแทบอยากจะถอนหายใจที่รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้มาตัวคนเดียว ไม่มีทั้งปาร์ตี้หรือคนสนับสนุนเลย

 

เอาจริงดิ บ้าอะไรวะเนี่ย? จะมาแนวศึกตัดสินสุดซึ้งของสองหัวหน้าทัพที่ทั้งสองจะมาประดาบจบศึกกันหรือยังไง? ไอคนที่ส่งเธอมามันมีเซลล์สมองอยู่กี่เซลล์กัน?[TL:84,000 เซลล์มั้ง]

 

ถึงผมจะมั่นใจว่ามันมีเหตุผลบางอย่างให้เธอตัดสินใจมาที่นี้ตัวคนเดียวก็เถอะ แต่มันก็ดูบ้าอยู่ดี ผมก็ไม่ค่อยชอบพวกแนวผู้กล้าอยู่แล้วด้วย ได้ยินแนวคิดของพวกนี้ทีไรนี้ปวดหัวทุกที

 

ผู้กล้า เป็นตัวตนที่แบบ กอบกู้โลก รับคำสั่งมาแล้วก็ออกไปสู้เพื่อสำเร็จภารกิจอันยิ่งใหญ่อะไรซักอย่าง ไปช่วยผู้คนไปทั่วราวกับถูกวางระบบไว้ให้เป็นแบบนั้น

 

พูดตรงๆนะ ไอการเป็นวีรบุรุษเนี่ย บ้าบอสุดๆอะ ผมไม่เห็นประโยชน์จากการต้องใช้ทั้งชีวิตในการช่วยเหลือผู้คนทั่วไปเลยซักนิด

 

ผมชอบการเป็นจอมมารมากว่าผู้กล้าอีก เพราะจอมมารนั้นเป็นอิสระ ไม่ต้องไปก้มหัวให้ใคร เกลียดใครก็เลือกที่จะต่อต้านได้ อยากจะแก้แค้นตอนไหนก็ทำได้ ขยายอาณาเขตอย่างที่ต้องการ และจะใช้ชีวิตในรูปแบบไหนก็ได้ เป็นคนเดียวที่หยุดตัวเองได้ เป็นคนเดียวที่หยุดตัวเองจากเส้นทางชีวิตที่ต้องเสียใจในภายหลัง ถึงการใช้ชีวิตแบบตามใจมันจะไปสร้างความไม่สบายใจให้คนอื่นบ้างก็เถอะ แต่ก็ไม่เป็นไร ผมขอเป็นคนสร้างปัญหาดีกว่ามานั่งคร่ำครวญการตัดสินใจของตัวเอง

 

ถึงจะฟังดูเป็นคนเห็นแก่ตัวเองจอมสร้างปัญหาก็เถอะ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงละนะ เพราะด้วยความเห็นแก่ตัวผมจึงสามารถละทิ้งความเป็นมนุษย์ได้อย่างไม่ลังเล เพราะถึงเผ่าผมจะเปลี่ยนไป แต่ผมก็ยังเป็นตัวผมอยู่ดี ผมไม่สนว่ารูปร่างตัวเองจะเปลี่ยนไปยังไงตราบใดที่จิตใจยังเป็นผมอยู่

 

เอ่อออ… ผมขอถอนคำพูดเมื่อกี้ดีกว่า ผมคงจะลนลานน่าดูถ้าร่างกายตัวเองเปลี่ยนไปเป็นอะไรที่ไม่ใช่มนุษย์ อย่างน้อยๆผมก็อยากให้มีส่วนของมนุษย์อยู่บ้างละนะ

 

ช่างเรื่องนั้นไปเถอะ ถ้าผู้กล้ามาเพื่อสู้ เธอก็จะได้รับอย่างนั้น ถึงตัวปราสาทจะยังไม่เสร็จดี แต่ก็ยังมีกับดักอยู่ระดับหนึ่ง อันกวนๆน่าเกลียดๆก็มีด้วย ให้เธอเป็นหนูทดลองซักหน่อยก็ดูดี แต่ผมต้องไปบอกคนอื่นๆให้ไปซ่อนกันก่อนที่เธอจะมาถึงที่นี้

 

ผมกางปีกแล้วบินออกจารกปราสาท และล่อนลงไปยังลานหญ้า ที่ที่คนอื่นๆกำลังมีปาร์ตี้น้ำชาอยู่

 

“ทุกคน! ฟังทางนี้หน่อย!”

 

ผมตะโกนเพื่อดึงความสนใจจากทุกคนพลางลงจอด เจ้าปีกคู่ที่สองนี้ช่วยในเรื่องการควบคุมได้เยอะเลย ผมสามรถบินอย่างนิ่งๆ คุมตำแหน่งท่าทาง หรือลงจอดแบบนิ่มๆได้แล้ว ผมไม่จำเป็นต้องดิ่งลงดินเพื่อหยุดอีกต่อไปแล้ว

 

แต่ผมก็จะเผลอทำแบบนั้นไปบ้างเวลาออกล่ากับริร์ การโจมตีจากด้านบนของผมมันไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าไหร่ แต่มันก็สนุกที่ได้ใช้ดี ผมจึงใช้มันอยู่เรื่อยๆถึงจะไม่จำเป็นเท่าไหร่ก็ตามที

 

“อะไรงั้นรึ ยูกิ?”

“ก่อนอื่นเลยก็ให้เธอหยุดมาจับปีกชั้นทุกครั้งที่ได้เห็นมันจะได้ไหม…”

 

ผมได้แต่ยิ้มแหย่ๆทันทีที่เลฟี่พุ่งเข้ามานวยปีกผม หยุดเธอไปก็ไม่มีความหมาย และเธอคงจะไม่ฟังที่ผมพูดด้วย ผมจึงเริ่มพูดโดยปล่อยให้เธอทำตามใจอยากไป

 

“มีผู้กล้าเข้ามาในดันเจี้ยนนะ พวกเธอควรกลับเข้าห้องบัลลังก์จริงแล้วก็รอในนั้นในระหว่างที่ชั้นจัดการเรื่องข้างนอกนะ”

“เมื้อกี้มาสเตอร์เพิ่งพูดว่าผู้กล้าหรอคะ!?” คนแรกที่ออกอาการเลยคือลู ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความไม่พอใจในทันที

“เธอคงจะรู้อยู่แล้วว่าผู้กล้าคืออะไรสินะ?”

“แน่นอนค่ะ!” ลูพูด “พวกนั้นนะเป็นฆาตกรเลือดเย็นที่แข็งแกร่งสุดๆ! ส่วนใหญ่ได้รับการฝึกตั้งแต่เด็กๆ พวกนั้นเลยคิดว่าการฆ่าพวกอมนุษย์อย่างเราทันทีที่พบเป็นเรื่องที่ถูกต้อง”

“งั้นหรอ…”  

 

สิ่งที่ลูพูดก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ มันก็เป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้วที่ฝั่งต่อต้านมนุษย์จะคิดว่าผู้กล้าเป็นเสมือนฝันร้ายนะ

 

ผมก็เคยได้ยินมาเหมือนกันว่าผู้กล้าของฝั่งหนึ่ง ก็คือฆาตกรสังหารหมู่ของอีกฝั่งเช่นกัน  

 

“ใช่แล้วละ ไอเจ้า เอ่อ ‘ฆาตกรเลือดเย็น’ กำลังมุ่งหน้ามาหาเรา ชั้นคงจะจัดการได้โดยไม่มีปัญหาอะไรมาก แต่ชั้นว่าพวกเธอก็ออกไปจากที่นี้กันก่อนเถอะนะ”

“โอเคค่ะ!” อิลูน่าตอบ

“ผู้กล้างั้นหรอคะ? ค่าสงสัยจังนะคะ ฉันอยากจะขออนุณาติอยู่เฝ้าดูได้ไหมคะ?” เลล่าถาม

“ช-ชั้นว่านั้นไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่นะเลล่า เธอไม่รู้หรอว่าความขี้สงสัยมันฆ่าตัวแมวเองได้นะ”

 

อิลูน่าและเหล่าเมดเข้าประตูที่ลับที่ซ่อนอยู่ในมุมหนึ่งของลานและกลับไปที่ห้องบัลลังก์ที่แท้จริง แต่แน่นอน ผมไม่วางประตูที่จะนำพาความอันตรายมาสู่ผมและคนอื่นๆในนี้หรอก ประตูตรงสนามนะเป็นหนึ่งในประตูไปไ*นก็ได้ ที่วางไว้ทั่วปราสาท  

 

เมื่อก่อนผมจะเป็นคนเดียวที่เลือกจุดหมายของประตูได้ แต่ด้วยการที่ตัวดันเจี้ยนเลเวลอัพ คนอิ่นๆจึงสามารถใช้ประตูได้ตราบใดที่ผมอณุญาต

 

หรือก็คือ ประตูนี้สามารถไปที่ไหนก็ได้ในอาณาเขตดันเจี้ยน สะดวกสุดๆอะ

 

“เจ้าแน่ใจนะว่าไม่ต้องการความช่วยเหลือจากเรา?” เลฟี่พูด เธอยังคงอยู่ข้างหลังผมไม่ได้ไปเหมือนคนอื่น

“ไม่เป็นไรหรอกชั้นว่าจะใช้โอกาศนี้ทดสอบระบบป้องกันของตัวปราสาทดูด้วย เธอนั่งกินขนมชิวๆรอชั้นจัดการให้เสร็จไปเถอะ”

“ก็ได้… แต่อย่าลืมละว่าเรายินดีที่จะให้ความช่วยเหลือตราบใดที่เจ้าต้องการ”

“อ่า รู้แล้ว ไม่ต้องห่วงหรอก ถ้าชั้นต้องการจริงๆเดี๋ยวชั้นขอ แต่ชั้นว่าคงไม่เป็นไรหรอก เพราะชั้นจะทำแค่ใช้กับดักอยู่ในห้องบัลลังก์นะ” ผมพูดพลางยิ้ม

 

และผมกับเลฟี่ก็กลับเข้าห้องบังลังก์เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับผู้กล้า

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+