The Novel’s Extra 426

Now you are reading The Novel’s Extra Chapter 426 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 426 การเริ่มต้นใหม่ (4)

 

ผมออกจากเกาหลีและมาถึงอังกฤษ แน่นอนว่าผมไม่ได้มาที่นี่เพื่อ

พักผ่อน แต่มาเพื่อพบกับ อีเวนเดล

 

“…คำเชิญ?”

 

“ใช่. ทุกคนที่ไม่ใช่กษัตริย์ต้องมีคำเชิญเพื่อเข้าร่วม”

 

แต่เมื่อผมพยายามเข้าสู่พระราชวังบักกิ้งแฮม ‘อัศวิน’ ก็หยุดผมเอาไว้

อังกฤษเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศในโลกที่ยอมรับอาชีพที่เรียกว่า ‘อัศวิน’

อัศวินมีความคล้ายคลึงกับฮีโร่ แต่ต่างกันตรงที่พวกเขาจำเป็นต้องใช้ดาบและปฏิญาณว่าจะจงรักภักดีต่อ ‘ราชวงศ์’ แทนที่จะเป็นสมาคมหรือกิลด์

 

“ฉันไม่มีอะไรแบบนั้น ขอโทษที ขอเวลาหน่อยนะ”

 

ผมจำได้ว่าผมสามารถเข้าไปในวังได้โดยไม่จำกัดในอดีตตอนที่ผมทำงานเป็น เฟนรีล เมื่อไม่นานมานี้ผมไม่ได้มาที่นี่เพราะผมยุ่งอยู่กับการปีนหอคอย ไม่แปลกใจที่พวกเขาลืมผม

 

ผมหยิบบัตรประจำตัว 2 ใบออกมาจากกระเป๋าของผม หนึ่งยืนยันถึงตัวตนของผมในฐานะ เฟนรีล ของ Jeronimo Mercenary และอีก 1 เป็น ‘ที่ปรึกษาทางเทคนิคของ Essential Dynamics’

 

“ได้ไหม”

 

“…”

 

อัศวิน มองบัตรของผมอย่างเคร่งขรึม

 

[ที่ปรึกษาทางเทคนิคของ Essential Dynamics – คิมฮาจิน]

 

แต่ทันใดนั้นดวงตาของเขาก็เบิกกว้าง

 

“อ๊ะ ฉันติดต่อเรเชลเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว คุณสามารถถามเธอได้”

 

ผมได้ส่งข้อความถึง อีเวนเดล ซึ่งน่าจะบอกเรเชลแล้ว

 

อึก

 

อัศวินกลืนน้ำลายของเขาและถามผมอย่างระมัดระวัง

 

“ เรเชล คุณหมายถึง…?”

 

“คุณรู้จักใช่ไหมก็เจ้าหญิงไง”

 

อัศวิน โทรออกทันที

 

หลังจากการโทรซึ่งกินเวลานานที่สุดประมาณ 3 วินาทีอัศวินผู้นั้นก็ก้าวออกมา

 

“ขออภัยครับท่าน ข้าขอโทษจริงที่ไม่รู้จักท่าน!”

 

“ไม่เป็นไร การออกเสียงภาษาเกาหลีของคุณยอดเยี่ยมมาก คุณพูดภาษาเกาหลีมานานเท่าไหร่แล้ว”

 

“ผมเรียนภาษาเกาหลีที่โรงเรียนเกาหลีมาตั้งแต่อายุ 3 ขวบ”

 

“อ่า…มีอะไรแบบนั้นด้วยสินะ”

 

‘เกาหลีก็มีโรงเรียนภาษาอังกฤษด้วยนี้น่า’

 

ผมตบไหล่ของเขา 2-3 ครั้งแล้วเข้าพระราชวังบักกิ้งแฮม ผมสันนิษฐานว่าพระราชวังจะเต็มไปด้วยคนรับใช้และแม่บ้าน แต่ส่วนใหญ่มันว่างเปล่าทำให้ผมประหลาดใจ

 

แท่น แทนนดาดาด้า

ผมได้ยินเสียงของใครบางคนวิ่งเข้ามาหาผม พร้อมยิ้มกว้างผมหันไปทางด้านข้าง แน่นอนว่าเสียงจาก อีเวนเดล

 

“ฮาจินนนนนน~”

 

ผมอุ้ม อีเวนเดล ขึ้นมาจากพื้นดิน ด้วยความที่เป็นเด็กตัวเธอเบาราวกับขนนกในอ้อมแขนของผม ผมก็ถูแก้มของเธอกับผม

 

“หนูคิดถึงคุณ ~”

 

“ขอโทษนะ ฉันมาช้าไปหน่อย”

 

ผมเดินไปที่ห้องรับรองพร้อม อีเวนเดล ในอ้อมแขนของผม น่าแปลกที่ห้องรับรองแขกแน่นไปด้วยแขก ไม่เพียงแต่ อาแฮอิน และ ฮายัง เท่านั้น แต่ แฮยอน และ ยุนซึงอา ก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ผมเข้ามาพวกเธอก็สับสนเล็กน้อย

 

“โอ้ ฮาจิน สวัสดี ~”

 

“สวัสดี.”

 

ยุนซึงอา และ อาแฮอิน ทักทายผมตามลำดับ ผมพยักหน้าและนั่งลงบนเก้าอี้ที่ว่างเปล่า

 

“อืม ฉันเข้าใจว่าทำไมอาจารย์อาแฮอินถึงมาที่นี่ แต่ทำไมเธอถึงมาที่นี่ละ ยุนซึงอา…?”

 

ผมเอียงศีรษะของผมอย่างสงสัยและถาม ยุนซึงอาเกาหลังคอของเธอด้วยความเขินอาย

 

“อ้อ เพราะฉันนอนไม่หลับ ซูโฮกำลังต่อสู้กับราชาปีศาจบนชั้น 30”

 

“อ้อ จริงสิ”

 

ทุกวันนี้ข่าวที่ว่า คิมซูโฮ กำลังพิชิต Tower of Wish โด่งดังไปทั่ว

การเดินทางของเขาใช้เวลาประมาณ 3 ปีหรือพูดเป๊ะๆคือ 2 ปีครึ่ง

สื่อต่างๆก็กำลังพูดถึง คิมซูโฮ และตอนนี้มีการวางเดิมพันว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการเอาชนะราชาปีศาจหรือไม่

 

ความตื่นเต้นในปัจจุบันของคิมซูโฮนั้นคล้ายคลึงกับฟุตบอลโลกจากโลกที่ผมจากมา กล่าวอีกนัยหนึ่ง คิมซูโฮเป็นศูนย์กลางของความสนใจทั่วโลกไปแล้วในขณะนี้

 

“ราคาหุ้นของเราพุ่งสูงขึ้นและการลงทุนก็ได้กลับมาอีกครั้ง ต้องขอบคุณเขา แต่สิ่งที่ฉันทำให้เขาได้ก็แค่การอธิษฐาน”

 

หยุนซึงอากล่าวพร้อมรอยยิ้มอันขมขื่น

 

“ฮาจิน ~ ฮาจิน ~ คุณกลิ่นหอมจัง~”

 

อีเวนเดล เริ่มดมกลิ่นผม ในขณะนั้นเองประตูเลื่อนก็เปิดออกมีผู้หญิงที่ผมไม่เคยเจอมานานปรากฏตัวขึ้น เรเชลเดินเข้ามาหาพวกเราพร้อมกับยิ้มบนใบหน้าของเธอ

 

“นายมาแล้วเหรอ?”

 

“ฉันมาได้สักพักหนึ่งแล้วละ.”

 

ผมยืนขึ้นและต้อนรับเรเชล เธอยิ้มอย่างมีความสุขและทักทายผมเช่นกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเราได้อยู่ด้วยกัน พวกเรามีความสุขกับน้ำชาในห้องรับรอง หัวข้อหลักของการสนทนาของพวกเราคือ อีเวนเดล อาแฮอิน พูดถึงความสำเร็จของ อีเวนเดล ในแง่ของปริมาณ อีเวนเดล นั้นเท่ากับ อาแฮอิน แล้วและในแง่ของคุณภาพ อีเวนเดล นั้นอยู่ใกล้กับระดับ 7 ดาวมากขึ้นเรื่อยๆ

 

น่าแปลกใจที่พวกเราต่างก็เอาแต่ชม อีเวนเดล กันอย่างเดียว

 

“ใช่แล้ว ฮาจิน นายรู้จัก จินซาฮยอค ไหม?

 

เรเชลถามราวกับว่าคำถามนั้นจู่ๆก็ปรากฏขึ้นในใจของเธอ

 

“ จินซาฮยอค? ฉันรู้จักเธอ ทำไมเหรอ?”

 

“เอ่อ ไม่มีอะไรเลย เธอบอกว่าเธอเป็นแฟนคลับของนาย”

 

“ …แฟนคลับของฉัน”

 

นั่นเป็นสิ่งที่ไร้สาระที่สุดที่ผมเคยได้ยิน ในขณะที่ผมพูดไม่ออกเรเชลก็พูดต่อ

 

“มีบางสิ่งที่เธออยากให้ฉันถามนาย”

 

“เรื่องอะไร?”

 

“เธอถามว่านายรู้จัก ‘พูฮาเรน’ ไหม?”

 

แต่ทุกอย่างเริ่มทำให้ผมเข้าใจได้ทันทีที่ผมได้ยินคำถามนั้นผมพยักหน้าและพยายามที่จะระงับเสียงหัวเราะของผม จินซาฮยอค คิดอะไรมาใช้เรเชลถามผม

 

“แล้วนายรู้หรือไม่ว่าใครคือพูฮาเรน”

 

“ฮะ? อืม.”

 

ผมเริ่มคิด นี่คงเป็นการทดสอบอะไรสักอย่าง….

 

“ฉันไม่รู้ ฉันคิดว่าฉันเคยได้ยินชื่อนั้นในภาพยนตร์ เขาเป็นราชาที่ถูกจองจำถ้าฉันจำไม่ผิด”

 

ในฐานะนักเขียนผมรู้อย่างถ่องแท้เกี่ยวกับ เบื้องหลัง ของ จินซาฮยอค เธอเป็นเจ้าชายแบบไหนไม่ได้ สิ่งที่เธอทำเพื่อกลายเป็นราชินี และเธอพบจุดจบยังไง

 

พูฮาเรนเป็นหนึ่งในสมาชิกของราชวงศ์ที่ถูกจองจำโดยจินซาฮยอค

เจ้าชายองค์ที่ 5 – ไม่ใช่เจ้าหญิง อย่างไรก็ตามเนื่องจาก พูฮาเรน

แบกเมล็ดพันธุ์ปีศาจเอาไว้ เธอเลยกลายเป็นเหตุผลที่ จินซาฮยอค ตกหลุมรัก

 

แม้ว่าในความจริง พัลซาร์ ยังไงก็ต้องล้มลงแม้จะไม่มีพูฮาเรน

[พัลซาร์ ถูกกำหนดให้พังทลายในวันที่ จินซาฮยอค กลายเป็น

ผู้ปกครอง] หลังจากนั่นคือเนื้อเรื่องอย่างเป็นทางการของผม

อาณาจักรที่ปกครองโดยราชินีสาวผู้รับคำสั่งจากขุนนางของเธออย่างง่ายดาย เห็นได้ชัดว่าจุดจบของมันไม่ใช่เรื่องดี เรเชลเงยศีรษะของเธอแล้วถาม

 

“ราชาที่ถูกจองจำ?”

 

“ใช่ เธอควรบอกเธอคนนั้นแค่นี้ แต่มันก็ไม่สำคัญเท่าไร”

 

ผมเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว

 

“เธอไม่ได้บอกว่าเธออยากติดตั้ง Essence Barrier งั้นเหรอ”

 

ผมเปลี่ยนหัวข้อเป็น Essence Barrier นี่คือเหตุผลที่ต่างประเทศได้ส่งทูตนักการทูตไปยังประเทศเกาหลีเมื่อเร็วๆนี้

 

“ใช่…ไม่เพียงแค่นั้น แต่มีอุปกรณ์ป้องกันอื่นๆด้วย”

 

ใบหน้าของเรเชลดูน่ากลัว ดูเหมือนว่าอังกฤษจะมีโอกาสเพิ่มขึ้นแม้จะเล็กน้อยถ้ามีการรักษาความปลอดภัยจากอุปกรณ์ป้องกันพวกนั้น

 

“พวกเราพยายามอย่างดีที่สุด แต่การติดต่อของเราไม่ได้ไปไกลมากนัก จีนและสหรัฐอเมริกานั้นก้าวร้าวมาก จีน สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เยอรมนี….พวกเราน่าจะได้เป็นอันดับที่ 5 ด้วยซ้ำ”

 

“เป็นอย่างนั้นเหรอ?”

 

“ใช่. แต่ก็ไม่เป็นไร พวกเขามีความสนใจใน Tower of Wish ที่เราสามารถใช้ในการเจรจาได้….” เรเชลพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

 

ผมไม่แปลกใจเลยที่การลงทุนของ ราชวงค์อังกฤษใน Tower of Wish นั้นมีค่ามากกว่าบาเรียแต่เธอไม่สามารถเพิกเฉยต่อข้อร้องเรียนและความกังวลใจของประชาชนของเธอได้ จำนวนการโจมตีของมอนสเตอร์พุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆเธอมีทางเลือกน้อยมาก

 

“ไม่นะ เธอไม่จำเป็นต้องลงทุนขนาดนั้น”

 

ผมยิ้มอย่างมั่นใจ จริงๆแล้ว Essence of Strait มีสิ่งอำนวยความสะดวกเพียงพอในการผลิต Barrier จำนวนมาก ยูยอนฮา แค่ล้อเล่นอย่างหนักเพื่อดึงดูดผู้คนให้ทำตามเธอและขยายฐานอำนาจ

 

“ไม่ต้องห่วง”

 

แต่อังกฤษจำเป็นต้องมี Essence Barrier

 

“ฉันจะ …”

 

ผมคิมฮาจินจะใช้สิทธิ์ในฐานะ ‘ที่ปรึกษาด้านเทคนิคของ Essence of the Strait” ทันใดนั้นเมื่อของประตูห้องต้อนรับก็เปิดออก

 

ปัง

ผู้ชายหลายคนในชุดสูทเข้ามาราวกับน้ำป่า

 

“พะ-พ่อ?”

 

“อะไรนะ? พ่องั้นเหรอ?”

 

“ฉัน…..ฉันหมายถึงพ่อ….”

 

แม้แต่พ่อของเรเชลก็อยู่ที่นั่น ท่ามกลางความสับสนของพวกเราผู้ชายในชุดสูทก็เริ่มแนะนำตัวเองอย่างสุภาพและให้เกียรติ ทั้งกลุ่มที่เข้ามาประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างๆและรองรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ สมาชิกสภาขุนนาง ฯลฯ การแนะนำตัวของพวกเขาต่างก็ถูกส่งมาให้ผมและผมก็ตระหนักถึงความตั้งใจของ

พวกเขาในไม่ช้า

 

“ในฐานะตัวแทนของประเทศนี้พวกเรายินดีต้อนรับท่าน ‘ฮาจุนคิม’

ที่ปรึกษาด้านเทคนิคของ Essence of the Strait พวกเรามีความจริงใจที่อยากจะขอร้องท่าน ปัจจุบันพลเมืองของประเทศอังกฤษกำลังทุกข์ทรมานจากการโจมตีของมอนสเตอร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์

ในตอนนี้จำนวนของมอนสเตอร์ระดับต่ำเพิ่มขึ้นอย่างมากในเขตเมืองและ….”

 

ตามที่คาดไว้พวกเขาขอให้ผมช่วยให้พวกเขาเรื่อง Essence Barrier ให้ติดตั้งทั่วอังกฤษ (หมายเหตุด้าน ‘ฮาจุนคิม’ เป็นนามแฝงของฉันเอง)

 

“…ขอโทษนะ, ฮาจิน? เกิดอะไรขึ้น?”

 

‘ที่ปรึกษาด้านเทคนิคของ Essence of the Strait’ ไม่เพียง แต่เรเชลเท่านั้น แต่ยังรวมถึง อาแฮอิน และ ยุนซึงอา ที่ไม่รู้ตำแหน่งของผม

ทั้ง 3 คนมองมาที่ผมด้วยความงุนงงและผมได้แต่ยิ้มออกอย่าง

เขอะเขิน

 

*************************************************************************

[4 ชั่วโมงต่อมา โซล เกาหลีใต้ – คฤหาสน์ของ ยูยอนฮา]

 

…เหตุการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมาคลี่ในหัวของฉันอีกครั้ง

 

– ตาย? เธอหมายถึงอะไร

 

แชนายอน กรีดร้องด้วยความทุกข์ทรมาณและฉันไม่พูดอะไรเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่สิ้นหวังของเธอ

 

– ตะ-ตายแล้ว งั้นเหรอ? เขาตายไม่ได้ เขาตายไม่ได้! ไม่-เป็นไปไม่ได้! เขาแข็งแกร่งมากๆเลยนะ!

 

ฉันให้เธอดูวิดีโอ คิมฮาจินอยู่ในนั้นแน่นอน ร่างของเขาถูกผ่าครึ่งโดยการเคลื่อนไหวด้วยความเร็วที่ตรวจจับไม่ได้ ดวงตาของเขาไร้ร่องรอยแห่งชีวิตและจางหายไปเป็นสีเทาสีเทา มันคือความตายอย่างไม่ต้องสงสัย

 

– ไม่จริงทำไม คิมฮาจินเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง….

 

ตอนนี้ แชนายอน สูญเสียสติของตัวเองไปแล้ว เธอฉีกผมของเธอเหมือนเด็กๆและทุบกำปั้นลงบนพื้นเธอรู้สึกเจ็บปวดกับความตายที่

ไร้ประโยชน์ของเขา

 

– ทำไม ทำไม ทำไม…. ทำไม…!

 

ในระหว่างที่เขาเสียชีวิต แชนายอน รู้สึกเสียใจกับทุกสิ่งที่เธอเคยทำ

 

“ฉันไม่ควรพูดกับเขาแบบนั้นตอนที่เจอกัน เรื่องนี้จะไม่เกิดขึ้น……….ถ้าฉันฉลาดกว่า ได้โปรด ได้โปรด ได้โปรด….” เธอร่ำไห้อย่างน่าสังเวช

 

เมื่อมองดู แชนายอน ด้วยความเจ็บปวด ฉัน…ฉันเองก็….

 

“เฮ้ ตื่นได้แล้ว.”

 

ผมพูดขึ้นมา ‘เฮ้ ตื่นขึ้นมา’

 

…ไม่นะ.

 

มันไม่ถูกต้อง

 

“สุดยอด….นอนหลับลึกมาก”

 

หน้านิ่วคิ้วขมวดแผ่กระจายไปทั่วใบหน้าของ ยูยอนฮา ท่ามกลางฝันร้าย ปลายจมูกของเธอและช่องว่างระหว่างคิ้วของเธอสั่นเล็กน้อยขณะที่เธอยังอยู่ในฝันร้าย

 

“…ตื่นได้แล้ว.”

 

อย่างไรก็ตามคิมฮาจินไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยให้เธอต้องทนทุกข์อีกต่อไป

เขาเคาะหน้าผากของ ยูยอนฮา เบาๆ ยูยอนฮา ส่ายหัวของเธออีกหนึ่งฝันร้ายที่ดูเหมือนจะครอบงำเธอ

 

คิมฮาจิน ไม่มีทางเลือกนอกจากผสมพลังเวทมนต์เข้าไปในหัวของ

ยูยอนฮา

 

“เฮ้อออออออออ… .”

 

เสียงครางแปลกๆไหลออกมาจากปากของ ยูยอนฮา รอยสักช่วย

ปลดปล่อยเธอจากฝันร้ายและในที่สุดเธอก็ลืมตาขึ้นมา แต่สายตาของเธอยังคงถูกตรึงอยู่ในความว่างเปล่า

 

“ในที่สุดเธอก็ตื่น”

 

คิมฮาจินพูดพร้อมรอยยิ้ม

 

“… ?”

 

ยูยอนฮา หันศีรษะของเธอไปด้านข้างและมองหน้าผู้ชายที่พูดกับเธอ

 

“…ฮะ?”

 

เธอโพล่งออกมาด้วยความตกใจเพียงคำเดียว คิมฮาจินอยู่ต่อหน้าเธอ คิมฮาจิน คนที่ตายไปแล้วยิ้มเหมือนแสงจากดวงอาทิตย์ ‘นี่เองก็คงเป็นความฝันด้วยเช่นกันสินะ’ เธอคิด

 

“ปกติ เธอไม่ชอบนอนกลางวันนี้น่า”

 

คิมฮาจินซึ่งดูเหมือนจริงเกินไปพึมพำ

 

…ยังอยู่อีกเหรอ ยูยอนฮา ไม่พูดอะไร

 

“เฮ้ออออ-”

 

ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็ม้วนกลับและเธอก็หมดสติลงไปอีกครั้ง

ตอนนี้เธอขาดพลังใจที่จะรับมือกับสถานการณ์แบบนี้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด