กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ 284 ความฉลาดของอิ๋งซื่อ

Now you are reading กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ Chapter 284 ความฉลาดของอิ๋งซื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเจ้าอี่โหลวจากไปแล้ว ซ่งชูอีในชุดคลุมลำลองนั่งอยู่ในห้องนอนเป็นเวลานาน ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อย

“ท่านเจ้าคะ ผู้ส่งราชโองการมาแล้ว!” หนิงยาเดินเข้ามาบอก

ซ่งชูอีนิ่งไปครู่หนึ่ง รีบลุกขึ้นยืนจัดกระชับเสื้อผ้า ออกไปรับหน้า

“คำนับกั๋วเว่ย!” ผู้ส่งราชโองการกำหมัดคำนับ

“ท่านราชทูตไม่ต้องมากพิธี” ซ่งชูอีรีบกล่าว

ผู้ส่งราชโองการหยิบราชโองการออกมาแล้วยื่นให้ด้วยสองมือ “ราชโองการลับของฝ่าบาทขอรับ”

ซ่งชูอีสะบัดแขนเสื้อ ค้อมตัวรับราชโองการลับ

“ข้าน้อยขอลาก่อน!” ผู้ส่งราชโองการมีหน้าที่เพียงส่งราชโองการเท่านั้น จะไม่ทำเรื่องอื่นอีก

ซ่งชูอีมองเขาจนลับตา รีบกลับห้องหนังสือเพื่อเปิดกระบอกไผ่ออก

ข้างในมีหนังสือผ้าไหมบางๆ แผ่นหนึ่ง ลายมือของอิ๋งซื่อทั้งแข็งแรงและอ่อนนุ่ม มันแข็งกร้าวราวกับนิสัยของเขา อย่างไรก็ดีเนื้อหาภายในกลับทำให้ซ่งชูอีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

ซ่งชูอีนำหนังสือผ้าไหมนั้นเข้าใกล้ตะเกียงเพื่อจุดไฟเผา แสงไฟที่วูบไหวนั้นสะท้อนให้ดวงตาสดใสอย่างไร้ที่เปรียบ

“หนิงยา!” ซ่งชูอีเอ่ยเสียงสูง

“เจ้าค่ะ” หนิงยาเข้ามา

“เก็บเสื้อผ้า ข้าจะออกไปข้างนอก” ซ่งชูอีเอ่ย

“เจ้าค่ะ” หนิงยารู้ดีว่าจะต้องเป็นเนื้อหาในราชโองการของฝ่าบาทจึงมิได้ถามมาก ตอบรับแล้วกลับเข้าห้องนอนเพื่อเก็บของและเสื้อผ้า

ซ่งชูอีสั่งให้คนนัดหมายผู้อารักขาลับเพื่อไปพบกันที่ประตูเมืองฝั่งเหนือ

เสียนหยางตกอยู่ในยามราตรี รถม้าคันหนึ่งที่แล่นอยู่บนถนนสายหลักส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด มีเสียงหมาเห่าเป็นครั้งคราวในเมือง

รถม้าหยุดอยู่ที่หน้าประตูเมืองฝั่งเหนือสักพักก่อนที่จะแล่นออกไป ทหารชุดดำสี่สิบคนกำลังรออยู่บนหลังม้าบนที่ดินรกร้างสุดลูกหูลูกตานอกประตูฝั่งเหนือ

เมื่อรถม้าเข้าใกล้ ทุกคนต่างลงจากม้าโดยพร้อมเพรียงกัน กำหมัดขึ้นคำนับ “คารวะท่านกั๋วเว่ย!”

ซ่งชูอีเลิกม่านหน้าต่างขึ้น ยื่นแผ่นไผ่ม้วนหนึ่งออกมา “นำม้วนไผ่นี้มอบให้ถึงมือของแม่ทัพเจ้า ให้กองทัพชะลอการเดินทางและรอคำสั่งอยู่ที่เดิม”

“ขอรับ!”

ซ่งชูอีลดผ้าม่านลง หยิบเบาะขึ้นมารองหลังเอว “กู่หาน เข้ามา”

“ขอรับ!” กู่หานลงจากม้าอย่างรวดเร็ว แล้วขึ้นรถม้าไป “กั๋วเว่ย”

“นั่ง” ซ่งชูอีเอนหลัง “เล่าสถานการณ์สงครามมา”

กู่หานนั่งคุกเข่าลง เล่าสถานการณ์โดยรวมก่อน “แม่ทัพเจ้าซุ่มโจมตีพื้นที่ราบเหอตงของอี้ฉวีและยึดลิ่นเฉิงได้ ทว่าก็ได้รับการต่อต้านอันแข็งขันจากอี้ฉวี อี้ฉวีมีทหารแปดหมื่นนายหยิบยืมเส้นทางจากหลีสือ ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน บัดนี้ยังคงเข่นฆ่ากันอย่างต่อเนื่อง กองทัพเจ้าได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในแง่ของกำลังพล ผู้นำทัพอี้ฉวีได้ส่งคนไปยังหลีสือเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว ทหารอารักขาฝ่ายเรามิกล้าใช้กำลังโดยไม่ได้รับอนุญาต ข่าวเพิ่งจะถูกส่งกลับมาถึงเสียนหยาง จนถึงตอนนี้สงครามเป็นอย่างไรนั้นยังไม่รู้ขอรับ”

“ฝ่าบาทเห็นด้วยที่จะให้อี้ฉวีหยิบยืมเส้นทางจากหลีสือเช่นนั้นหรือ?” ซ่งชูอีชื่นชมความกล้าหาญของอิ๋งซื่ออยู่ในใจ ไม่กลัวว่าอี้ฉวีจะฉวยโอกาสโจมตีหลีสือหรืออย่างไรกัน! นางนึกถึงการกระทำของอี้ฉวี อดที่จะกล่าวไม่ได้ “อี้ฉวีกล้าส่งทหารแปดหมื่นนายข้ามแม่น้ำเพื่อปกป้องดินแดนผืนนั้น หากไม่ใช่เพราะมีแผนการลับก็โง่จริงๆ!”

หลีสือตั้งอยู่ที่เหอตง เป็นจุดกลางระหว่างชายแดนรัฐฉิน เจ้า และเว่ย มีแม่น้ำใหญ่ (ฮวงโห) กั้นกลางระหว่างหลีสือและมณฑลเหอซี มันมีความสำคัญมาก อีกทั้งเนื่องจากมีสะพานขนาดยักษ์พาดผ่านทางตะวันออกและตะวันตกของเมือง กองทัพใหญ่สามารถผ่านได้อย่างง่ายดายและเปิดเส้นทางตันเดิมที่มีความเสี่ยงจากธรรมชาติ! เป็นเส้นทางเดียวจากตะวันออกไปตะวันตก

สะพานแห่งนี้มีประวัติยาวนาน ทั้งยังถูกสร้างขึ้นในสมัยที่รัฐจิ้นยังไม่ล่มสลาย

บัดนั้นองค์จวินแห่งรัฐจิ้นอภิเษกกับพระธิดาแห่งฉินกง สองสามีภรรยารักกันลึกซึ้ง ทั้งสองรัฐได้ทำข้อตกลงที่จะไม่ละเมิดซึ่งกันและกัน จะปรองดองกันตลอดไป

ในสมัยชุนชิวให้ความสำคัญกับคำสัญญายิ่ง ในอดีตฉินและจิ้นไร้สงครามหลายปี ผู้คนต่างเรียกการอภิเษกที่ประสบความสำเร็จนี้ว่า “ความดีแห่งฉินจิ้น” และสะพานขนาดใหญ่นี้ก็ถูกสร้างขึ้นในตอนนั้น ต่อมารัฐจิ้นเกิดความวุ่นวายภายใน สามตระกูลใหญ่ล้มล้างราชวงศ์รัฐจิ้น แบ่งปันดินแดนเป็นหาน เจ้า และเว่ย อย่างทุกวันนี้

ราชวงศ์ในอดีตพังทลาย สัญญาเป็นโมฆะ สะพานที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างสามรัฐนี้ก็กลายเป็นดินแดนแห่งกองทัพ

กู่หานรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน “อี้ฉวีทำใจที่จะปล่อยดินแดนเหอตงผืนนั้นไปไม่ได้เช่นนี้ เกรงใจว่าในใจคงหมายตาหลีสือไว้”

ซ่งชูอีเห็นว่าเขาเป็นกังวลขึ้นมาจริงก็หลุดขำเอ่ยว่า “อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เกรงว่าฝ่าบาทคงรอวันนี้อยู่แล้ว!”

ทันใดนั้นกู่หานก็ตระหนักถึงข้อนี้ได้

ในตอนนั้นอิ๋งซื่อเป็นคนมอบที่ดินเหอตงผืนนั้นให้กับเจ้ารัฐอี้ฉวีเอง ที่แห่งนั้นเป็นที่ดินอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตอาหารในแต่ละปีเพียงพอที่จะทำให้เจ้ารัฐอี้ฉวีอิจฉาตาร้อนได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรับไว้ด้วยความยินดียิ่ง เจ้ารัฐอี้ฉวีก็เป็นคนที่มีความทะเยอะทะยาน ทว่าภูมิศาสตร์ของรัฐอี้ฉวีนั้นน่าอึดอัดเหลือเกิน มันตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำใหญ่ (ฮวงโห) ทิศใต้ติดกับรัฐฉิน ติดอยู่ในตรอกทางตันตลอดทั้งวัน จะไม่ให้รู้สึกหงุดหงิดได้อย่างไร!

อิ๋งซื่อโยนเหยื่อเข้าไป ส่วนเจ้ารัฐอี้ฉวีก็เสียสติตามคาด แอบคิดว่าอิ๋งซื่อเป็นเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ไร้ประสบการณ์! เขาส่งทหารม้าเจ็ดถึงแปดหมื่นนายไปรักษาการณ์ทันที โดยตั้งใจว่าจะฉวยโอกาสตีทั้งนอกและในขนาบประสานกันเพื่อยึดครองหลีสือ ในเวลานั้นต้าอี้ฉวีของเขาสามารถโจมตีรัฐเจ้าจากทางทิศตะวันออก โจมตีรัฐฉินจากทิศใต้ และโจมตีรัฐเว่ยจากทิศตะวันตกเฉียงใต้! การรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียวอยู่ใกล้แค่เอื้อม!

ในขณะที่เจ้ารัฐอี้ฉวีกำลังภาคภูมิใจอยู่นั้น คิดไม่ถึงว่าท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายของรัฐฉิน อิ๋งซื่อจะกล้าสะสมกำลังทหารอยู่ในเหอซีมากถึงสามเท่า ตัดการสื่อสารระหว่างสองฝั่ง อี้ฉวีอยู่ภายใต้ความกดดันอยู่แล้ว ในเวลานี้กองทหารก็แตกแยกอย่างกะทันหันอีก ยิ่งก้าวไปไหนไม่ได้เลย! แม้เจ้ารัฐอี้ฉวีจะกัดฟันจนแตกละเอียดทั้งปาก ก็ทำได้เพียงยอมศิโรราบเท่านั้น

ด้านหลังไม่มีอี้ฉวีคอยปั่นป่วนแล้ว อิ๋งซื่อจึงจะกล้าดำเนินการกว้างล้างกิจการภายในอย่างเต็มกำลัง

วันที่เขาปล่อยกองทหารออกมาจากป้อมปราการหลีสือก็นึกถึงผลลัพธ์เช่นวันนี้แล้ว อี้ฉวีกลับสู่รัฐฉิน รัฐเจ้ายังไม่คลี่คลายความโกลาหลภายใน แล้วยังมาเห็นรัฐฉินสะสมกองกำลังในเหอซีมากมายเพียงนี้ ไม่กล้าที่จะเริ่มสงครามอย่างผลีผลาม บัดนี้ห้ารัฐร่วมมือกัน สถานการณ์กลับตาลปัตร มีหรือที่รัฐเจ้าจะพลาดโอกาสอันดีนี้ไปได้?

กลยุทธ์ “ยืมมีดฆ่าคน” ของอิ๋งซื่อนี้กว้างไกลและลึกซึ้งเป็นอย่างมาก มีดเยี่ยงรัฐเจ้าห้อยต่องแต่งอยู่ตลอดเวลา รอที่จะตัดกองหลังแปดหมื่นนายของอี้ฉวีอย่างเช่นวันนี้

ความเฉลียวฉลาดที่ล้ำลึกของอิ๋งซื่อนี้ ทำให้ซ่งชูอีอดที่จะชื่นชมไม่ได้ ไตร่ตรองในใจว่าหากอิ๋งซื่อคิดที่จะคิดบัญชีกับนาง นางจะสามารถล่าถอยไปอย่างปลอดภัยหรือไม่…

“ครั้งนี้เป็นเจ้าและเว่ยร่วมมือกับกำจัดฉินนะ!” ซ่งชูอีเอ่ยอุทาน

กู่หานไม่เข้าใจ “กั่วเว่ยเห็นว่าอย่างไร?”

ซ่งชูอีก็ต้องจัดลำดับความคิดอยู่พอดี จึงเอ่ยว่า “รัฐเจ้าเพิ่งจะพ่ายแพ้ในสงครามฉีและเว่ย ป้อมปราการหลีสือป้องกันง่ายโจมตียาก รัฐเจ้ารู้เป็นอย่างดีว่ารัฐฉินสะสมกองกำลังอยู่ในเหอซี หากสงครามครั้งนี้เกิดขึ้นจริง…เจ้าว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร?”

“หากรัฐเจ้าโจมตีไม่สำเร็จ ก็ต้องเผชิญหน้ากับความตาย” กู่หานกล่าว

“ถูกต้อง” ซ่งชูอีพยักหน้า “การสูญเสียดินแดนหกร้อยลี้แม้จะทำให้รัฐเจ้าตกอยู่ในความเสี่ยงแต่ก็ไม่ถึงกับล่มสลาย ใครจะมั่นใจได้ว่าหมดหวังเล่า! เจ้าโหวผู้นี้ มีนิสัยวางแผนอย่างรอบคอบก่อนที่จะลงมือทำ ไม่ใช่คนที่ยอมเสี่ยงอันตรายอย่างแน่นอน!”

“กั๋วเว่ยหมายความว่า เจ้า เว่ยรวมพลังกันโจมตีฉิน รัฐเจ้าเป็นเพียงตัวล่อที่ทำให้ศัตรูสับสน?” สีหน้าของกู่หานขึงขังเล็กน้อย

ฉีและเว่ยสองรัฐร่วมมือกันโจมตีดินแดนอุดมสมบูรณ์หกร้อยลี้ของรัฐเจ้า หากรัฐเว่ยยินดีที่จะคืนดินแดนให้เต็มจำนวนหรือแม้แต่เพิ่มให้อีกหลายสิบลี้เพื่อยึดครองป้อมปราการหลีสือแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่รัฐเจ้าจะปฏิเสธ ระหว่างฉินและเว่ยนั้นมีป้อมปราการสองจุด ที่หนึ่งคือด่านหานกู่ อีกที่หนึ่งก็คือหลีสือ บัดนี้รัฐฉินล้วนสามารถควบคุมสองจุดนี้ได้ทั้งหมด ส่วนรัฐเว่ยเป็นพื้นที่ราบที่ขยายตัวออกไปทุกทิศทาง เว่ยอ๋องกินไม่ได้นอนไม่หลับ หากมีโอกาสจะต้องยึดครองสองจุดนี้อย่างแน่นอน

ภูมิศาสตร์ของด่านหานกู่สูงชัน รัฐฉินต้องใช้เวลาหลายสิบปีจึงจะสามารถยึดครองมาได้ ด่านหานกู่อยู่ใกล้กับนครหลวงเสียนหยางมาก มีถนนใหญ่ตัดผ่าน ด้วยเหตุนี้รัฐฉินจึงสะสมกองกำลังอยู่ที่นี่ บัดนี้ความแข็งแกร่งของรัฐเว่ยไม่เหมือนแต่ก่อน หากคิดจะยึดครองด่านหานกู่กลับไปก็เป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หาโอกาสโจมตีป้อมปราการหลีสือยังจะมีโอกาสมากกว่า

ซ่งชูอีพยักหน้า “เกรงว่าจะเป็นเช่นนี้แหละ! หากรัฐเว่ยเอาดินแดนหลายร้อยลี้เป็นข้อแลกเปลี่ยน รัฐเจ้าจะร่วมมืออย่างสุดกำลังก็ไม่เสียแรงเปล่า”

สำหรับรัฐเจ้าแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่เสียเปรียบเลย อย่างน้อยก็สามารถเก็บดินแดนอี้ฉวีผืนนั้นใส่กระเป๋าได้ แม้ว่าพื้นที่ไม่ใหญ่ทว่าต่อให้ขายุงเล็กเพียงใดก็เป็นเนื้อเหมือนกัน!

“หากเป็นเช่นนี้จริง เจ้าจวินจะต้องทนได้อย่างแน่นอน” ความประทับใจของกู่หานที่มีต่อจักรพรรดิเจ้าโหวนั้นว่างเปล่าเสมอ เขาอยู่ในอำนาจหลายปี รัฐเจ้ามีปัญหาทั้งภายในและภายนอก ไม่ได้สร้างผลงานอะไรเลย

ซ่งชูอีหัวเราะเอ่ย “ครั้งนี้เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว ความสามารถในการอดทนของเจ้าโหวองค์ปัจจุบันมาถึงจุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในแง่ความสัมพันธ์ทางการทูต ไม่มีศัตรูถาวรและยิ่งไม่มีมิตรแท้ตลอดไป มีเพียงผลประโยชน์ชั่วนิจนิรันดร์”

“ความอดทน” ของเจ้าโหวมิใช่การยอมอ่อนข้อเพียงผิวเผิน เขาก็เหมือนกับอสรพิษตัวหนึ่งที่ยึดครองพื้นที่ในพงหญ้าโดยพลการ ไม่ว่าการขยับตัวหรือว่าการล่าถอย ก็ล้วนเพื่อการจู่โจมในวินาทีสุดท้าย

การเผชิญหน้ากับสองรัฐที่ผนึกกำลัง สถานการณ์ก็เข้าสู่ขั้นวิกฤต!

นิ้วของซ่งชูอีเคาะอยู่บนขอบฟูกเบาๆ ลอบถอนหายใจในใจ หากเรื่องนี้ไม่ยุ่งยากมากนัก เกรงว่าอิ๋งซื่อก็คงไม่เปลี่ยนใจให้นางมา “ครานี้ทั้งฝูงหมาป่าและเสือต่างจับจ้องหลีสือเนื้อชิ้นนี้อยู่!”

“ให้คนส่งม้าเร็วไปหาเจ้ารัฐอี้ฉวี บอกว่าแม่ทัพรัฐฉินจะมาถึงเหอซีในอีกไม่ช้า แล้วส่งสารให้ทหารที่รักษาการณ์หลีสือว่าให้เพิ่มขั้นตอนการป้องกันการซุ่มโจมตีจากรัฐเว่ย” ซ่งชูอีเอ่ย

“ขอรับ!” กู่หานนิ่งไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “กั๋วเว่ย ในเมื่อฝ่าบาทมีความประสงค์ที่จะฉวยโอกาสกำจัดกองทหารอี้ฉวี หากอี้ฉวีต้องการจะหยิบยืมเส้นทางอีกจะรับปากหรือไม่?”

หยิบยืมเส้นทางอีก? บัดนี้เจ้ารัฐอี้ฉวีรู้แผนการของรัฐฉินแล้ว หากหยิบยืมเส้นทางอีกเกรงว่าเพราะต้องการยึดครองหลีสือแล้ว!

ซ่งชูอีเปลี่ยนท่า เอี้ยวตัวอยู่บนตั่งนั้น เอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ไว้ว่ากันเถิด”

ด้วยท่าทางเช่นนี้ หากกู่หานไม่เข้าใจนางก็คงจะกังวลว่าสงครามครั้งนี้ไม่มีทางย้อนกลับแล้วจริงๆ

เมื่อกู่หานถอยออกไป ซ่งชูอีก็รีบพลิกตัวนอนลงบนตั่ง กัดฟันจิ๊ปาก บาดแผลที่กำลังจะหายเดิมทีก็มีอาการคันและอึดอัดอยู่แล้ว วันนี้ก็ขยับตัวมากเกินไปอีก มันจึงอาจได้รับความเสียหายอีกเล็กน้อย ความรู้สึกในตอนนี้มันช่างทรมานเหลือทน!

เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ นางทำได้เพียงทุ่มเทในการคิดเรื่องสงคราม

ครั้งนี้เจ้าเปิดสงครามกับอี้ฉวี ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งส่งความช่วยเหลือออกไป ชาวอี้ฉวีกล้าหาญและเก่งกาจด้านสงคราม แม้กำลังทหารไม่มากทว่าไม่อ่อนแอเลย รัฐเจ้าไม่เคยลิ้มรสในความพ่ายแพ้กับการเผชิญหน้าในอดีต ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะรัฐเจ้าเข้าทำสงครามครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ ตอบสนองไม่ได้ไปครู่หนึ่งเท่านั้นเอง

หากรัฐฉินเข้าช่วยเหลือเร็วเกินไป ทำให้กองทหารของตนเสียหายแต่รักษาความแข็งแกร่งของอี้ฉวีไว้ ไม่นับว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดเลย

ในเมื่ออี้ฉวียังคงต้านทานไว้ได้ ก็ให้พวกเขาต้านทานไว้ก่อน! แต่จะไม่ช่วยอี้ฉวีก็ไม่ได้ มิฉะนั้นหากพวกเขาหันกลับมาสู้เหมือนหมาจนตรอกจะไม่เป็นการดี แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือทั้งหมดได้ เพราะยิ่งไม่อาจเสียป้อมปราการหลีสือไป…

ต้องวางแผนอย่างรอบคอบจึงจะดี!

ซ่งชูอีคิดไปคิดมา ก็เพิกเฉยต่อความรู้สึกร่างกายตนเองแล้ว เริ่มคิดกลยุทธ์รับมืออย่างรอบคอบอยู่ในใจ

รถม้าของซ่งชูอีออกเดินทางก่อน โดยออกจากถนนหลวงมุ่งตรงไปยังลี่หยาง

ซ่งชูอีรู้ดีว่ามันยากที่จะเอาชนะศึกครั้งนี้ ตราบใดที่ป้อมปราการหลีสือแคล้วคลาดปลอดภัยก็เป็นพรอันประเสริฐแล้ว สงครามที่อันตรายเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าอิ๋งซื่อจะกล้าส่งเด็กหนุ่มอย่างเจ้าอี่โหลวมารับมือ! นางอดที่จะชื่นชมความกล้าหาญของเขาไม่ได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ 284 ความฉลาดของอิ๋งซื่อ

Now you are reading กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ Chapter 284 ความฉลาดของอิ๋งซื่อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเจ้าอี่โหลวจากไปแล้ว ซ่งชูอีในชุดคลุมลำลองนั่งอยู่ในห้องนอนเป็นเวลานาน ไม่มีความง่วงเลยแม้แต่น้อย

“ท่านเจ้าคะ ผู้ส่งราชโองการมาแล้ว!” หนิงยาเดินเข้ามาบอก

ซ่งชูอีนิ่งไปครู่หนึ่ง รีบลุกขึ้นยืนจัดกระชับเสื้อผ้า ออกไปรับหน้า

“คำนับกั๋วเว่ย!” ผู้ส่งราชโองการกำหมัดคำนับ

“ท่านราชทูตไม่ต้องมากพิธี” ซ่งชูอีรีบกล่าว

ผู้ส่งราชโองการหยิบราชโองการออกมาแล้วยื่นให้ด้วยสองมือ “ราชโองการลับของฝ่าบาทขอรับ”

ซ่งชูอีสะบัดแขนเสื้อ ค้อมตัวรับราชโองการลับ

“ข้าน้อยขอลาก่อน!” ผู้ส่งราชโองการมีหน้าที่เพียงส่งราชโองการเท่านั้น จะไม่ทำเรื่องอื่นอีก

ซ่งชูอีมองเขาจนลับตา รีบกลับห้องหนังสือเพื่อเปิดกระบอกไผ่ออก

ข้างในมีหนังสือผ้าไหมบางๆ แผ่นหนึ่ง ลายมือของอิ๋งซื่อทั้งแข็งแรงและอ่อนนุ่ม มันแข็งกร้าวราวกับนิสัยของเขา อย่างไรก็ดีเนื้อหาภายในกลับทำให้ซ่งชูอีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่ง

ซ่งชูอีนำหนังสือผ้าไหมนั้นเข้าใกล้ตะเกียงเพื่อจุดไฟเผา แสงไฟที่วูบไหวนั้นสะท้อนให้ดวงตาสดใสอย่างไร้ที่เปรียบ

“หนิงยา!” ซ่งชูอีเอ่ยเสียงสูง

“เจ้าค่ะ” หนิงยาเข้ามา

“เก็บเสื้อผ้า ข้าจะออกไปข้างนอก” ซ่งชูอีเอ่ย

“เจ้าค่ะ” หนิงยารู้ดีว่าจะต้องเป็นเนื้อหาในราชโองการของฝ่าบาทจึงมิได้ถามมาก ตอบรับแล้วกลับเข้าห้องนอนเพื่อเก็บของและเสื้อผ้า

ซ่งชูอีสั่งให้คนนัดหมายผู้อารักขาลับเพื่อไปพบกันที่ประตูเมืองฝั่งเหนือ

เสียนหยางตกอยู่ในยามราตรี รถม้าคันหนึ่งที่แล่นอยู่บนถนนสายหลักส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าด มีเสียงหมาเห่าเป็นครั้งคราวในเมือง

รถม้าหยุดอยู่ที่หน้าประตูเมืองฝั่งเหนือสักพักก่อนที่จะแล่นออกไป ทหารชุดดำสี่สิบคนกำลังรออยู่บนหลังม้าบนที่ดินรกร้างสุดลูกหูลูกตานอกประตูฝั่งเหนือ

เมื่อรถม้าเข้าใกล้ ทุกคนต่างลงจากม้าโดยพร้อมเพรียงกัน กำหมัดขึ้นคำนับ “คารวะท่านกั๋วเว่ย!”

ซ่งชูอีเลิกม่านหน้าต่างขึ้น ยื่นแผ่นไผ่ม้วนหนึ่งออกมา “นำม้วนไผ่นี้มอบให้ถึงมือของแม่ทัพเจ้า ให้กองทัพชะลอการเดินทางและรอคำสั่งอยู่ที่เดิม”

“ขอรับ!”

ซ่งชูอีลดผ้าม่านลง หยิบเบาะขึ้นมารองหลังเอว “กู่หาน เข้ามา”

“ขอรับ!” กู่หานลงจากม้าอย่างรวดเร็ว แล้วขึ้นรถม้าไป “กั๋วเว่ย”

“นั่ง” ซ่งชูอีเอนหลัง “เล่าสถานการณ์สงครามมา”

กู่หานนั่งคุกเข่าลง เล่าสถานการณ์โดยรวมก่อน “แม่ทัพเจ้าซุ่มโจมตีพื้นที่ราบเหอตงของอี้ฉวีและยึดลิ่นเฉิงได้ ทว่าก็ได้รับการต่อต้านอันแข็งขันจากอี้ฉวี อี้ฉวีมีทหารแปดหมื่นนายหยิบยืมเส้นทางจากหลีสือ ทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากันเป็นเวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน บัดนี้ยังคงเข่นฆ่ากันอย่างต่อเนื่อง กองทัพเจ้าได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในแง่ของกำลังพล ผู้นำทัพอี้ฉวีได้ส่งคนไปยังหลีสือเพื่อขอความช่วยเหลือแล้ว ทหารอารักขาฝ่ายเรามิกล้าใช้กำลังโดยไม่ได้รับอนุญาต ข่าวเพิ่งจะถูกส่งกลับมาถึงเสียนหยาง จนถึงตอนนี้สงครามเป็นอย่างไรนั้นยังไม่รู้ขอรับ”

“ฝ่าบาทเห็นด้วยที่จะให้อี้ฉวีหยิบยืมเส้นทางจากหลีสือเช่นนั้นหรือ?” ซ่งชูอีชื่นชมความกล้าหาญของอิ๋งซื่ออยู่ในใจ ไม่กลัวว่าอี้ฉวีจะฉวยโอกาสโจมตีหลีสือหรืออย่างไรกัน! นางนึกถึงการกระทำของอี้ฉวี อดที่จะกล่าวไม่ได้ “อี้ฉวีกล้าส่งทหารแปดหมื่นนายข้ามแม่น้ำเพื่อปกป้องดินแดนผืนนั้น หากไม่ใช่เพราะมีแผนการลับก็โง่จริงๆ!”

หลีสือตั้งอยู่ที่เหอตง เป็นจุดกลางระหว่างชายแดนรัฐฉิน เจ้า และเว่ย มีแม่น้ำใหญ่ (ฮวงโห) กั้นกลางระหว่างหลีสือและมณฑลเหอซี มันมีความสำคัญมาก อีกทั้งเนื่องจากมีสะพานขนาดยักษ์พาดผ่านทางตะวันออกและตะวันตกของเมือง กองทัพใหญ่สามารถผ่านได้อย่างง่ายดายและเปิดเส้นทางตันเดิมที่มีความเสี่ยงจากธรรมชาติ! เป็นเส้นทางเดียวจากตะวันออกไปตะวันตก

สะพานแห่งนี้มีประวัติยาวนาน ทั้งยังถูกสร้างขึ้นในสมัยที่รัฐจิ้นยังไม่ล่มสลาย

บัดนั้นองค์จวินแห่งรัฐจิ้นอภิเษกกับพระธิดาแห่งฉินกง สองสามีภรรยารักกันลึกซึ้ง ทั้งสองรัฐได้ทำข้อตกลงที่จะไม่ละเมิดซึ่งกันและกัน จะปรองดองกันตลอดไป

ในสมัยชุนชิวให้ความสำคัญกับคำสัญญายิ่ง ในอดีตฉินและจิ้นไร้สงครามหลายปี ผู้คนต่างเรียกการอภิเษกที่ประสบความสำเร็จนี้ว่า “ความดีแห่งฉินจิ้น” และสะพานขนาดใหญ่นี้ก็ถูกสร้างขึ้นในตอนนั้น ต่อมารัฐจิ้นเกิดความวุ่นวายภายใน สามตระกูลใหญ่ล้มล้างราชวงศ์รัฐจิ้น แบ่งปันดินแดนเป็นหาน เจ้า และเว่ย อย่างทุกวันนี้

ราชวงศ์ในอดีตพังทลาย สัญญาเป็นโมฆะ สะพานที่ถูกสร้างขึ้นระหว่างสามรัฐนี้ก็กลายเป็นดินแดนแห่งกองทัพ

กู่หานรู้สึกอกสั่นขวัญแขวน “อี้ฉวีทำใจที่จะปล่อยดินแดนเหอตงผืนนั้นไปไม่ได้เช่นนี้ เกรงใจว่าในใจคงหมายตาหลีสือไว้”

ซ่งชูอีเห็นว่าเขาเป็นกังวลขึ้นมาจริงก็หลุดขำเอ่ยว่า “อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ เกรงว่าฝ่าบาทคงรอวันนี้อยู่แล้ว!”

ทันใดนั้นกู่หานก็ตระหนักถึงข้อนี้ได้

ในตอนนั้นอิ๋งซื่อเป็นคนมอบที่ดินเหอตงผืนนั้นให้กับเจ้ารัฐอี้ฉวีเอง ที่แห่งนั้นเป็นที่ดินอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตอาหารในแต่ละปีเพียงพอที่จะทำให้เจ้ารัฐอี้ฉวีอิจฉาตาร้อนได้ ด้วยเหตุนี้เขาจึงรับไว้ด้วยความยินดียิ่ง เจ้ารัฐอี้ฉวีก็เป็นคนที่มีความทะเยอะทะยาน ทว่าภูมิศาสตร์ของรัฐอี้ฉวีนั้นน่าอึดอัดเหลือเกิน มันตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำใหญ่ (ฮวงโห) ทิศใต้ติดกับรัฐฉิน ติดอยู่ในตรอกทางตันตลอดทั้งวัน จะไม่ให้รู้สึกหงุดหงิดได้อย่างไร!

อิ๋งซื่อโยนเหยื่อเข้าไป ส่วนเจ้ารัฐอี้ฉวีก็เสียสติตามคาด แอบคิดว่าอิ๋งซื่อเป็นเด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมที่ไร้ประสบการณ์! เขาส่งทหารม้าเจ็ดถึงแปดหมื่นนายไปรักษาการณ์ทันที โดยตั้งใจว่าจะฉวยโอกาสตีทั้งนอกและในขนาบประสานกันเพื่อยึดครองหลีสือ ในเวลานั้นต้าอี้ฉวีของเขาสามารถโจมตีรัฐเจ้าจากทางทิศตะวันออก โจมตีรัฐฉินจากทิศใต้ และโจมตีรัฐเว่ยจากทิศตะวันตกเฉียงใต้! การรวมใต้หล้าเป็นหนึ่งเดียวอยู่ใกล้แค่เอื้อม!

ในขณะที่เจ้ารัฐอี้ฉวีกำลังภาคภูมิใจอยู่นั้น คิดไม่ถึงว่าท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายของรัฐฉิน อิ๋งซื่อจะกล้าสะสมกำลังทหารอยู่ในเหอซีมากถึงสามเท่า ตัดการสื่อสารระหว่างสองฝั่ง อี้ฉวีอยู่ภายใต้ความกดดันอยู่แล้ว ในเวลานี้กองทหารก็แตกแยกอย่างกะทันหันอีก ยิ่งก้าวไปไหนไม่ได้เลย! แม้เจ้ารัฐอี้ฉวีจะกัดฟันจนแตกละเอียดทั้งปาก ก็ทำได้เพียงยอมศิโรราบเท่านั้น

ด้านหลังไม่มีอี้ฉวีคอยปั่นป่วนแล้ว อิ๋งซื่อจึงจะกล้าดำเนินการกว้างล้างกิจการภายในอย่างเต็มกำลัง

วันที่เขาปล่อยกองทหารออกมาจากป้อมปราการหลีสือก็นึกถึงผลลัพธ์เช่นวันนี้แล้ว อี้ฉวีกลับสู่รัฐฉิน รัฐเจ้ายังไม่คลี่คลายความโกลาหลภายใน แล้วยังมาเห็นรัฐฉินสะสมกองกำลังในเหอซีมากมายเพียงนี้ ไม่กล้าที่จะเริ่มสงครามอย่างผลีผลาม บัดนี้ห้ารัฐร่วมมือกัน สถานการณ์กลับตาลปัตร มีหรือที่รัฐเจ้าจะพลาดโอกาสอันดีนี้ไปได้?

กลยุทธ์ “ยืมมีดฆ่าคน” ของอิ๋งซื่อนี้กว้างไกลและลึกซึ้งเป็นอย่างมาก มีดเยี่ยงรัฐเจ้าห้อยต่องแต่งอยู่ตลอดเวลา รอที่จะตัดกองหลังแปดหมื่นนายของอี้ฉวีอย่างเช่นวันนี้

ความเฉลียวฉลาดที่ล้ำลึกของอิ๋งซื่อนี้ ทำให้ซ่งชูอีอดที่จะชื่นชมไม่ได้ ไตร่ตรองในใจว่าหากอิ๋งซื่อคิดที่จะคิดบัญชีกับนาง นางจะสามารถล่าถอยไปอย่างปลอดภัยหรือไม่…

“ครั้งนี้เป็นเจ้าและเว่ยร่วมมือกับกำจัดฉินนะ!” ซ่งชูอีเอ่ยอุทาน

กู่หานไม่เข้าใจ “กั่วเว่ยเห็นว่าอย่างไร?”

ซ่งชูอีก็ต้องจัดลำดับความคิดอยู่พอดี จึงเอ่ยว่า “รัฐเจ้าเพิ่งจะพ่ายแพ้ในสงครามฉีและเว่ย ป้อมปราการหลีสือป้องกันง่ายโจมตียาก รัฐเจ้ารู้เป็นอย่างดีว่ารัฐฉินสะสมกองกำลังอยู่ในเหอซี หากสงครามครั้งนี้เกิดขึ้นจริง…เจ้าว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร?”

“หากรัฐเจ้าโจมตีไม่สำเร็จ ก็ต้องเผชิญหน้ากับความตาย” กู่หานกล่าว

“ถูกต้อง” ซ่งชูอีพยักหน้า “การสูญเสียดินแดนหกร้อยลี้แม้จะทำให้รัฐเจ้าตกอยู่ในความเสี่ยงแต่ก็ไม่ถึงกับล่มสลาย ใครจะมั่นใจได้ว่าหมดหวังเล่า! เจ้าโหวผู้นี้ มีนิสัยวางแผนอย่างรอบคอบก่อนที่จะลงมือทำ ไม่ใช่คนที่ยอมเสี่ยงอันตรายอย่างแน่นอน!”

“กั๋วเว่ยหมายความว่า เจ้า เว่ยรวมพลังกันโจมตีฉิน รัฐเจ้าเป็นเพียงตัวล่อที่ทำให้ศัตรูสับสน?” สีหน้าของกู่หานขึงขังเล็กน้อย

ฉีและเว่ยสองรัฐร่วมมือกันโจมตีดินแดนอุดมสมบูรณ์หกร้อยลี้ของรัฐเจ้า หากรัฐเว่ยยินดีที่จะคืนดินแดนให้เต็มจำนวนหรือแม้แต่เพิ่มให้อีกหลายสิบลี้เพื่อยึดครองป้อมปราการหลีสือแล้ว ก็ไม่มีเหตุผลใดที่รัฐเจ้าจะปฏิเสธ ระหว่างฉินและเว่ยนั้นมีป้อมปราการสองจุด ที่หนึ่งคือด่านหานกู่ อีกที่หนึ่งก็คือหลีสือ บัดนี้รัฐฉินล้วนสามารถควบคุมสองจุดนี้ได้ทั้งหมด ส่วนรัฐเว่ยเป็นพื้นที่ราบที่ขยายตัวออกไปทุกทิศทาง เว่ยอ๋องกินไม่ได้นอนไม่หลับ หากมีโอกาสจะต้องยึดครองสองจุดนี้อย่างแน่นอน

ภูมิศาสตร์ของด่านหานกู่สูงชัน รัฐฉินต้องใช้เวลาหลายสิบปีจึงจะสามารถยึดครองมาได้ ด่านหานกู่อยู่ใกล้กับนครหลวงเสียนหยางมาก มีถนนใหญ่ตัดผ่าน ด้วยเหตุนี้รัฐฉินจึงสะสมกองกำลังอยู่ที่นี่ บัดนี้ความแข็งแกร่งของรัฐเว่ยไม่เหมือนแต่ก่อน หากคิดจะยึดครองด่านหานกู่กลับไปก็เป็นเพียงฝันลมๆ แล้งๆ เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หาโอกาสโจมตีป้อมปราการหลีสือยังจะมีโอกาสมากกว่า

ซ่งชูอีพยักหน้า “เกรงว่าจะเป็นเช่นนี้แหละ! หากรัฐเว่ยเอาดินแดนหลายร้อยลี้เป็นข้อแลกเปลี่ยน รัฐเจ้าจะร่วมมืออย่างสุดกำลังก็ไม่เสียแรงเปล่า”

สำหรับรัฐเจ้าแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนี่ก็เป็นการแลกเปลี่ยนที่ไม่เสียเปรียบเลย อย่างน้อยก็สามารถเก็บดินแดนอี้ฉวีผืนนั้นใส่กระเป๋าได้ แม้ว่าพื้นที่ไม่ใหญ่ทว่าต่อให้ขายุงเล็กเพียงใดก็เป็นเนื้อเหมือนกัน!

“หากเป็นเช่นนี้จริง เจ้าจวินจะต้องทนได้อย่างแน่นอน” ความประทับใจของกู่หานที่มีต่อจักรพรรดิเจ้าโหวนั้นว่างเปล่าเสมอ เขาอยู่ในอำนาจหลายปี รัฐเจ้ามีปัญหาทั้งภายในและภายนอก ไม่ได้สร้างผลงานอะไรเลย

ซ่งชูอีหัวเราะเอ่ย “ครั้งนี้เจ้ากล่าวถูกต้องแล้ว ความสามารถในการอดทนของเจ้าโหวองค์ปัจจุบันมาถึงจุดที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ในแง่ความสัมพันธ์ทางการทูต ไม่มีศัตรูถาวรและยิ่งไม่มีมิตรแท้ตลอดไป มีเพียงผลประโยชน์ชั่วนิจนิรันดร์”

“ความอดทน” ของเจ้าโหวมิใช่การยอมอ่อนข้อเพียงผิวเผิน เขาก็เหมือนกับอสรพิษตัวหนึ่งที่ยึดครองพื้นที่ในพงหญ้าโดยพลการ ไม่ว่าการขยับตัวหรือว่าการล่าถอย ก็ล้วนเพื่อการจู่โจมในวินาทีสุดท้าย

การเผชิญหน้ากับสองรัฐที่ผนึกกำลัง สถานการณ์ก็เข้าสู่ขั้นวิกฤต!

นิ้วของซ่งชูอีเคาะอยู่บนขอบฟูกเบาๆ ลอบถอนหายใจในใจ หากเรื่องนี้ไม่ยุ่งยากมากนัก เกรงว่าอิ๋งซื่อก็คงไม่เปลี่ยนใจให้นางมา “ครานี้ทั้งฝูงหมาป่าและเสือต่างจับจ้องหลีสือเนื้อชิ้นนี้อยู่!”

“ให้คนส่งม้าเร็วไปหาเจ้ารัฐอี้ฉวี บอกว่าแม่ทัพรัฐฉินจะมาถึงเหอซีในอีกไม่ช้า แล้วส่งสารให้ทหารที่รักษาการณ์หลีสือว่าให้เพิ่มขั้นตอนการป้องกันการซุ่มโจมตีจากรัฐเว่ย” ซ่งชูอีเอ่ย

“ขอรับ!” กู่หานนิ่งไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามว่า “กั๋วเว่ย ในเมื่อฝ่าบาทมีความประสงค์ที่จะฉวยโอกาสกำจัดกองทหารอี้ฉวี หากอี้ฉวีต้องการจะหยิบยืมเส้นทางอีกจะรับปากหรือไม่?”

หยิบยืมเส้นทางอีก? บัดนี้เจ้ารัฐอี้ฉวีรู้แผนการของรัฐฉินแล้ว หากหยิบยืมเส้นทางอีกเกรงว่าเพราะต้องการยึดครองหลีสือแล้ว!

ซ่งชูอีเปลี่ยนท่า เอี้ยวตัวอยู่บนตั่งนั้น เอ่ยอย่างเกียจคร้าน “ไว้ว่ากันเถิด”

ด้วยท่าทางเช่นนี้ หากกู่หานไม่เข้าใจนางก็คงจะกังวลว่าสงครามครั้งนี้ไม่มีทางย้อนกลับแล้วจริงๆ

เมื่อกู่หานถอยออกไป ซ่งชูอีก็รีบพลิกตัวนอนลงบนตั่ง กัดฟันจิ๊ปาก บาดแผลที่กำลังจะหายเดิมทีก็มีอาการคันและอึดอัดอยู่แล้ว วันนี้ก็ขยับตัวมากเกินไปอีก มันจึงอาจได้รับความเสียหายอีกเล็กน้อย ความรู้สึกในตอนนี้มันช่างทรมานเหลือทน!

เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ นางทำได้เพียงทุ่มเทในการคิดเรื่องสงคราม

ครั้งนี้เจ้าเปิดสงครามกับอี้ฉวี ไม่มีความจำเป็นต้องเร่งส่งความช่วยเหลือออกไป ชาวอี้ฉวีกล้าหาญและเก่งกาจด้านสงคราม แม้กำลังทหารไม่มากทว่าไม่อ่อนแอเลย รัฐเจ้าไม่เคยลิ้มรสในความพ่ายแพ้กับการเผชิญหน้าในอดีต ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นเพราะรัฐเจ้าเข้าทำสงครามครั้งใหญ่เป็นครั้งแรกในรอบหลายทศวรรษ ตอบสนองไม่ได้ไปครู่หนึ่งเท่านั้นเอง

หากรัฐฉินเข้าช่วยเหลือเร็วเกินไป ทำให้กองทหารของตนเสียหายแต่รักษาความแข็งแกร่งของอี้ฉวีไว้ ไม่นับว่าเป็นการเคลื่อนไหวที่ชาญฉลาดเลย

ในเมื่ออี้ฉวียังคงต้านทานไว้ได้ ก็ให้พวกเขาต้านทานไว้ก่อน! แต่จะไม่ช่วยอี้ฉวีก็ไม่ได้ มิฉะนั้นหากพวกเขาหันกลับมาสู้เหมือนหมาจนตรอกจะไม่เป็นการดี แต่ก็ไม่สามารถช่วยเหลือทั้งหมดได้ เพราะยิ่งไม่อาจเสียป้อมปราการหลีสือไป…

ต้องวางแผนอย่างรอบคอบจึงจะดี!

ซ่งชูอีคิดไปคิดมา ก็เพิกเฉยต่อความรู้สึกร่างกายตนเองแล้ว เริ่มคิดกลยุทธ์รับมืออย่างรอบคอบอยู่ในใจ

รถม้าของซ่งชูอีออกเดินทางก่อน โดยออกจากถนนหลวงมุ่งตรงไปยังลี่หยาง

ซ่งชูอีรู้ดีว่ามันยากที่จะเอาชนะศึกครั้งนี้ ตราบใดที่ป้อมปราการหลีสือแคล้วคลาดปลอดภัยก็เป็นพรอันประเสริฐแล้ว สงครามที่อันตรายเช่นนี้ คิดไม่ถึงว่าอิ๋งซื่อจะกล้าส่งเด็กหนุ่มอย่างเจ้าอี่โหลวมารับมือ! นางอดที่จะชื่นชมความกล้าหาญของเขาไม่ได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+