กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ 355 การคาดเดาอันน่าสะพรึง

Now you are reading กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ Chapter 355 การคาดเดาอันน่าสะพรึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซ่งชูอียกยิ้มมุมปาก แสดงให้เห็นว่าตนเข้าใจ “อืม ข้าจะไปคัดคนเพื่อเตรียมฝึกกองทัพรูปแบบอี่ฟู่ก่อน”

“ไปเถิด” ซือหม่าชั่วกล่าว

เมื่อออกจากกระโจม ซ่งชูอีได้ละทิ้งปัญหากังวลใจของตนและเตรียมทหารเพื่อโจมตีนครอีกครั้ง

ตกกลางคืน

คบเพลิงที่ถูกจุดบนเชิงเทินของนครจงตูคดเคี้ยวเหมือนมังกร

แสงจันทร์มืดสลัว นายทหารเว่ยบนหอสังเกตการณ์จ้องไปที่บริเวณคูเมือง มีเงาคนเคลื่อนไหวท่ามกลางน้ำและหญ้า

“เอ๋ เจ้าเห็นว่าตรงนั้นมีคนหรือเปล่า?” นายทหารเว่ยชี้ไปที่ฝั่งคูเมืองและหันไปถามเพื่อนของเขา

อีกฝ่ายโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมมองดูทิศทางที่เขาชี้อย่างระมัดระวัง บริเวณริมฝั่งแม่น้ำมีหญ้าสูงและต้นอ้อ หากมีคนหนึ่งหรือสองคนซ่อนตัวอยู่พวกเขาจะมองไม่เห็นเลย แต่มีการเคลื่อนไหวอย่างยิ่งใหญ่ในหญ้า ทั้งยังสามารถมองเห็นผู้คนได้เป็นระยะๆ เห็นได้ชัดว่ามีจำนวนคนไม่น้อย!

คนนั้นเอ่ยด้วยความร้อนใจ “ทหารฉินซุ่มโจมตี รีบไปรายงานท่านแม่ทัพเร็ว!”

นายทหารคนหนึ่งลงจากหอคอยไปอย่างรวดเร็ว และพุ่งไปที่กระโจมอย่างบ้าคลั่ง หายใจหอบตลอดทาง “ราย…”

หมิ่นฉือกำลังตำหนิหลี่ว์จี้ที่จัดการหน่วยสอดแนมของทหารฉินผิดพลาด เมื่อได้ยินเสียงรายงานฉุกเฉินก็พูดขึ้นทันที “เข้ามา”

ทหารเว่ยก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในกระโจม “รายงานท่านแม่ทัพ มีเงาคนอยู่ใกล้คูเมืองที่ประตูด้านทิศเหนือ มองด้วยตาเปล่ามีอย่างน้อยหนึ่งพันคน สงสัยว่าจะเป็นทหารฉินซุ่มโจมตีขอรับ!”

หมิ่นฉือตื่นตกใจ “ไป ไปดูกัน”

เขาพูดจบก็ตามทหารเว่ยออกไป หลี่ว์จี้ส่งเสียงหึ แล้วกลับกระโจมของตัวเอง

ไม่กี่วันที่ผ่านมาหน่วยสอดแนมของฉินได้ยิงธนูเข้าไปในกระโจมของเขาด้วยหน้าไม้ มีผ้าไหมสีขาวพันรอบเพลาลูกศร ด้านบนเขียนไว้ว่าฝ่ายเก่าขององค์ชายซื่อถูกย้ายออกจากพื้นที่ศักดินาเป็นแผนของหมิ่นฉือที่จะกำจัดพวกเขาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแก่เว่ยเฮ่อ ทั้งยังมี “หลักฐาน” และสิ่งที่ทำให้หลี่ว์จี้หวาดกลัวก็คือ ด้านบนเขียนไว้ว่าหมิ่นฉือใช้แผนการยั่วยุให้พันธมิตรแตกคอกัน ก่อนหน้านี้ที่องค์ชายซื่อถูกจำคุก พวกเขากลับเชื่อฟังหมิ่นฉือและเข้าต่อสู้กับจงตู องค์ชายซื่อจะต้องมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ ส่วนสวีจ่างหนิงก็ภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเอง ถ้าฉวยโอกาสคนล้มแล้วข้ามกำจัดพวกเขาเสีย ในอนาคตเขาก็จะเป็นขุนนางเพียงคนเดียวที่องค์ชายซื่อไว้ใจที่สุด…

เหตุใดหลี่ว์จี้จะไม่รู้ว่านี่เป็นแผนการยั่วยุ! ตอนแรกเขาไม่เห็นด้วย แต่หลังจากนั้นเขากลับกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นแผนการของสวีจ่างหนิงคนเดียวทั้งหมดจริงหรือ? สุดท้ายแล้วตอนนั้นก็เป็นเขาที่สั่งห้ามไม่ให้พวกเขาเคลื่อนย้ายกองทัพ!

ชาวฉินถูกกวาดล้างและจงตูก็กลายเป็นนครโดดเดี่ยว ไม่สามารถส่งข่าวออกไปได้ หลี่ว์จี้ร้อนใจอย่างมาก

หลี่ว์จี้ติดตามองค์ชายซื่อมาหลายปี รู้นิสัยใจคอของเขาเป็นอย่างดี ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท หากเขาสงสัยพวกเขาจริงๆ ไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ศึกจงตูในครั้งนี้ล้วนมีแต่ความตาย!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่ว์จี้ก็นั่งไม่ติดและรู้สึกกระสับกระส่าย เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานก็ยังโดนหมิ่นฉือตำหนิ ในใจก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น บัดนี้การส่งสารไปยังต้าเหลียงเห็นทีจะไม่ทันการแล้ว ควรจะทำอย่างไรดี…

หลี่ว์จี้นั่งคิดอยู่ในกระโจม อีกด้านหนึ่งหมิ่นฉือก็ได้ขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์แล้ว คาดว่าจำนวนกองทัพฉินมีไม่เกินหนึ่งหมื่นนาย ทั้งยังรู้ด้วยว่าพวกเขาไม่ได้ซุ่มโจมตีแต่มีแผนการอื่น

“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยเฝ้าติดตามมาระยะหนึ่งแล้ว ชาวฉินดูเหมือนจะถางกองดินที่ทับซ้อนอยู่ทั้งสองข้างของคูเมือง” นายทหารบนหอสังเกตการณ์เอ่ย

หมิ่นฉือหรี่ตามองสักพักและก็ตระหนักว่ามันเป็นเช่นนั้น “สังเกตการณ์ต่อไป มารายงานได้ทุกเมื่อ”

ความกว้างของคูเมืองในจงตูมีข้อดีและข้อเสีย เนื่องจากร่องน้ำกว้างเกินไป จึงต้องอยู่ห่างจากกำแพงมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการจมลงลงของกำแพงดินเมื่อน้ำขึ้นและเขื่อนระเบิด

ส่งผลให้เกิดระยะทางกว่าสี่ร้อยก้าวระหว่างกำแพงเมืองและแม่น้ำ ประกอบกับความกว้างของแม่น้ำทำให้ลูกศรไปถึงอีกฝั่งของแม่น้ำได้ยาก ไม่ว่าทหารศัตรูจะมีความเคลื่อนไหวอะไรที่นั่น ทหารที่รักษาการณ์ในนครก็อยู่ไกลเกินเอื้อม

หมิ่นฉือกลับมาถึงกระโจม ยืนอยู่หน้าแผนที่ แผนผังของนครจงตูทั้งหมดปรากฏขึ้นสู่สายตา ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจเป้าหมายของกองทัพฉินในทันที “ทหาร!”

“ขอรับ!”

หมิ่นฉือเอ่ย “เชิญแม่ทัพซู่เข้ามา”

“ขอรับ!”

นายทหารถอยออกไปข้างนอก ไม่ช้าชายร่างกำยำสูงแปดฉื่อก็เดินเข้าไปมาในกระโจม “ท่านแม่ทัพ!”

หมิ่นฉือพยักหน้า “กองทัพฉินเคลื่อนตัวไปตามคูเมืองทางทิศเหนือ เชื่อว่าตอนนี้ท่านคงรู้แล้ว ท่านจงไปติดอาวุธป้องกันทันที เมื่อกองทัพฉินข้ามแม่น้ำให้ยิงและฆ่าได้เลย”

ซู่ถงเอ่ย “หากกองทัพฉินเฝ้าอยู่ที่คูเมืองและไม่เข้าใกล้ แม้ว่าสามารถยิงธนูไปถึง แต่ความแม่นยำและความแข็งแกร่งจะลดลงอย่างมาก เกรงว่าคงทำร้ายคนได้ไม่เท่าไร…ไม่ทราบว่าจะให้เปิดประตูฝ่าออกไปหรือไม่?”

หมิ่นฉือเงียบไปครู่หนึ่ง “รอข่าวจากหลายๆ ที่ก่อนค่อยหารืออีกที”

“ขอรับ! เช่นนั้นข้าน้อยออกไปเตรียมตัวก่อน” ซู่ถงรับคำสั่งแล้วจากไป

หมิ่นฉือนั่งลงหน้าแผนที่อย่างเหนื่อยล้า ในขณะนี้เขารู้สึกไร้พลังอย่างมาก นึกถึงครั้งแรกที่ตนได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจสำคัญ แต่เขากลับมาจากปาสู่พร้อมความล้มเหลว เป็นผลให้เขาไม่เคยได้รับความไว้วางใจจากเว่ยฮุ่ยอ๋องในเวลาต่อมา อย่างไรก็ดีเว่ยฮุ่ยอ๋องกลับไม่ได้ใช้งานเขาแต่ก็ไม่ได้ปล่อยเขา ขังเขาไว้ในต้าเหลียง หลังจากวางแผนมาหลายปีในที่สุดเขาก็สังหารเว่ยฮุ่ยอ๋องในบัดดล สนับสนุนกษัตริย์ที่มองเขาในแง่ดีให้ขึ้นสู่บัลลังก์ แล้วผลลัพธ์เล่า…

เหตุใดหมิ่นฉือจะไม่รู้ว่าครั้งตนได้กระทำการอย่างบุ่มบ่ามเกินไป ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในต้าเหลียงมาเจ็ดปีแล้ว ในชีวิตคนเราจะมีเจ็ดปีสักกี่ครั้ง? สกุลตู้เพิ่งจะประสบกับโทษของการถูกฆ่าล้างตระกูล คนอื่นไม่รู้ว่าพวกเขายังมีสายลับอีกคนที่ยังอยู่ อย่างไรก็ตามหมิ่นฉือรู้ดีว่าหากเขาไม่ใช้ประโยชน์จากความยุ่งเหยิงโดยเร็วที่สุด เขาจะเสียโอกาสที่ไม่อาจหวนกลับมาอีก! เขาถูกเว่ยอ๋องจับตามองและไม่มีโอกาสที่จะสะสมกำลังเลย ทันทีที่พลาดโอกาส ถึงเวลานั้นก็จะเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกครั้ง

อีกทั้งความยากลำบากที่เขาพบล้วนเกี่ยวข้องกับคนๆ เดียว

หมิ่นฉือมักจะคิดว่าถ้าชาตินี้เขาไม่เคยพบซ่งชูอี เขาก็จะมีชีวิตที่ราบรื่นกว่านี้ ความเกลียดชังที่ซ่งชูอีแสดงต่อเขาในตอนแรกนั้น เขาคิดไปคิดมาก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าขนลุก…สมมติว่าภาพที่เขาฝันถึงนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชาติก่อน เช่นนั้นก็เป็นไปได้มากที่ซ่งชูอีอาศัยอยู่ในชาตินี้พร้อมกับความทรงจำของชาติก่อน!

แน่นอนว่าก็มีความเป็นไปได้ที่ซ่งชูอีก็ฝันเห็นภาพเหมือนกับเขา เหตุผลที่หมิ่นฉือปฏิเสธการคาดเดานี้เพราะว่าเขาไม่ได้สัมผัสมันกับตัวเองและมันไม่สามารถอธิบายได้ถึงความเกลียดชังในดวงตาของนางที่มาก้นจากบึ้งหัวใจเมื่อพบกันเป็นครั้งแรก มันยากสำหรับเขาที่จะจินตนาการว่าคนที่มีเหตุผลและฉลาดอย่างซ่งชูอีจะเกลียดใครบางคนโดยอาศัยความฝันเพียงอย่างเดียว

“ราย…” เสียงรายงานของทหารข้างนอกดังเข้ามาใกล้

หมิ่นฉือลูบแก้มอย่างแรงเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ

หัวหน้ากองซือหม่าเข้ามาในกระโจม ประสานมือรายงาน “ท่านแม่ทัพ มีข่าวส่งมาจากแปดทิศว่าพบกองทัพฉินทางทิศใต้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไม่พบในทิศอื่นขอรับ”

หมิ่นฉือลุกขึ้นและมองไปที่แผนที่โดยเดาว่ากองทัพฉินจะเริ่มต้นจากที่ใด “ส่งหน่วยสอดแนมออกจากนครผ่านเส้นทางลับเพื่อดูว่ามีกองทัพฉินอยู่ตามแควคูเมืองหรือไม่”

เขาชี้ไปยังบางจุดบนแผนที่ “ให้ความสนใจกับสถานที่เหล่านี้!”

“ขอรับ!”

จงตูเคยเป็นนครหลวงของรัฐเล็กๆ ในยุคสมัยชุนชิว ในนครมีเส้นทางลับในนำไปสู่ภายนอก อย่างไรก็ตามเส้นทางลับนั้นต่ำคับแคบและมีสภาพทรุดโทรมมาเป็นเวลานาน ทำให้เดินทางลำบาก ไม่สามารถอนุญาตให้ผู้คนสัญจรไปมามากเกินไป หลังจากที่กองทัพเว่ยยึดครองได้พวกเขาก็ใช้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางลับ

ถนนลับนี้นำไปสู่นอกนครและไม่ได้ผ่านคูเมือง การข้ามแม่น้ำอย่างลับๆ แน่นอนว่าข้ามสะพานไม่ได้ ทำได้เพียงว่ายน้ำข้ามไปเท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ 355 การคาดเดาอันน่าสะพรึง

Now you are reading กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ Chapter 355 การคาดเดาอันน่าสะพรึง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ซ่งชูอียกยิ้มมุมปาก แสดงให้เห็นว่าตนเข้าใจ “อืม ข้าจะไปคัดคนเพื่อเตรียมฝึกกองทัพรูปแบบอี่ฟู่ก่อน”

“ไปเถิด” ซือหม่าชั่วกล่าว

เมื่อออกจากกระโจม ซ่งชูอีได้ละทิ้งปัญหากังวลใจของตนและเตรียมทหารเพื่อโจมตีนครอีกครั้ง

ตกกลางคืน

คบเพลิงที่ถูกจุดบนเชิงเทินของนครจงตูคดเคี้ยวเหมือนมังกร

แสงจันทร์มืดสลัว นายทหารเว่ยบนหอสังเกตการณ์จ้องไปที่บริเวณคูเมือง มีเงาคนเคลื่อนไหวท่ามกลางน้ำและหญ้า

“เอ๋ เจ้าเห็นว่าตรงนั้นมีคนหรือเปล่า?” นายทหารเว่ยชี้ไปที่ฝั่งคูเมืองและหันไปถามเพื่อนของเขา

อีกฝ่ายโน้มตัวไปข้างหน้าพร้อมมองดูทิศทางที่เขาชี้อย่างระมัดระวัง บริเวณริมฝั่งแม่น้ำมีหญ้าสูงและต้นอ้อ หากมีคนหนึ่งหรือสองคนซ่อนตัวอยู่พวกเขาจะมองไม่เห็นเลย แต่มีการเคลื่อนไหวอย่างยิ่งใหญ่ในหญ้า ทั้งยังสามารถมองเห็นผู้คนได้เป็นระยะๆ เห็นได้ชัดว่ามีจำนวนคนไม่น้อย!

คนนั้นเอ่ยด้วยความร้อนใจ “ทหารฉินซุ่มโจมตี รีบไปรายงานท่านแม่ทัพเร็ว!”

นายทหารคนหนึ่งลงจากหอคอยไปอย่างรวดเร็ว และพุ่งไปที่กระโจมอย่างบ้าคลั่ง หายใจหอบตลอดทาง “ราย…”

หมิ่นฉือกำลังตำหนิหลี่ว์จี้ที่จัดการหน่วยสอดแนมของทหารฉินผิดพลาด เมื่อได้ยินเสียงรายงานฉุกเฉินก็พูดขึ้นทันที “เข้ามา”

ทหารเว่ยก้าวเท้ายาวๆ เข้าไปในกระโจม “รายงานท่านแม่ทัพ มีเงาคนอยู่ใกล้คูเมืองที่ประตูด้านทิศเหนือ มองด้วยตาเปล่ามีอย่างน้อยหนึ่งพันคน สงสัยว่าจะเป็นทหารฉินซุ่มโจมตีขอรับ!”

หมิ่นฉือตื่นตกใจ “ไป ไปดูกัน”

เขาพูดจบก็ตามทหารเว่ยออกไป หลี่ว์จี้ส่งเสียงหึ แล้วกลับกระโจมของตัวเอง

ไม่กี่วันที่ผ่านมาหน่วยสอดแนมของฉินได้ยิงธนูเข้าไปในกระโจมของเขาด้วยหน้าไม้ มีผ้าไหมสีขาวพันรอบเพลาลูกศร ด้านบนเขียนไว้ว่าฝ่ายเก่าขององค์ชายซื่อถูกย้ายออกจากพื้นที่ศักดินาเป็นแผนของหมิ่นฉือที่จะกำจัดพวกเขาเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือแก่เว่ยเฮ่อ ทั้งยังมี “หลักฐาน” และสิ่งที่ทำให้หลี่ว์จี้หวาดกลัวก็คือ ด้านบนเขียนไว้ว่าหมิ่นฉือใช้แผนการยั่วยุให้พันธมิตรแตกคอกัน ก่อนหน้านี้ที่องค์ชายซื่อถูกจำคุก พวกเขากลับเชื่อฟังหมิ่นฉือและเข้าต่อสู้กับจงตู องค์ชายซื่อจะต้องมีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่ ส่วนสวีจ่างหนิงก็ภูมิใจกับความสำเร็จของตัวเอง ถ้าฉวยโอกาสคนล้มแล้วข้ามกำจัดพวกเขาเสีย ในอนาคตเขาก็จะเป็นขุนนางเพียงคนเดียวที่องค์ชายซื่อไว้ใจที่สุด…

เหตุใดหลี่ว์จี้จะไม่รู้ว่านี่เป็นแผนการยั่วยุ! ตอนแรกเขาไม่เห็นด้วย แต่หลังจากนั้นเขากลับกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ นี่เป็นแผนการของสวีจ่างหนิงคนเดียวทั้งหมดจริงหรือ? สุดท้ายแล้วตอนนั้นก็เป็นเขาที่สั่งห้ามไม่ให้พวกเขาเคลื่อนย้ายกองทัพ!

ชาวฉินถูกกวาดล้างและจงตูก็กลายเป็นนครโดดเดี่ยว ไม่สามารถส่งข่าวออกไปได้ หลี่ว์จี้ร้อนใจอย่างมาก

หลี่ว์จี้ติดตามองค์ชายซื่อมาหลายปี รู้นิสัยใจคอของเขาเป็นอย่างดี ดำรงตนอยู่ในความไม่ประมาท หากเขาสงสัยพวกเขาจริงๆ ไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ศึกจงตูในครั้งนี้ล้วนมีแต่ความตาย!

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่ว์จี้ก็นั่งไม่ติดและรู้สึกกระสับกระส่าย เวลาหน้าสิ่วหน้าขวานก็ยังโดนหมิ่นฉือตำหนิ ในใจก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น บัดนี้การส่งสารไปยังต้าเหลียงเห็นทีจะไม่ทันการแล้ว ควรจะทำอย่างไรดี…

หลี่ว์จี้นั่งคิดอยู่ในกระโจม อีกด้านหนึ่งหมิ่นฉือก็ได้ขึ้นไปบนหอสังเกตการณ์แล้ว คาดว่าจำนวนกองทัพฉินมีไม่เกินหนึ่งหมื่นนาย ทั้งยังรู้ด้วยว่าพวกเขาไม่ได้ซุ่มโจมตีแต่มีแผนการอื่น

“ท่านแม่ทัพ ข้าน้อยเฝ้าติดตามมาระยะหนึ่งแล้ว ชาวฉินดูเหมือนจะถางกองดินที่ทับซ้อนอยู่ทั้งสองข้างของคูเมือง” นายทหารบนหอสังเกตการณ์เอ่ย

หมิ่นฉือหรี่ตามองสักพักและก็ตระหนักว่ามันเป็นเช่นนั้น “สังเกตการณ์ต่อไป มารายงานได้ทุกเมื่อ”

ความกว้างของคูเมืองในจงตูมีข้อดีและข้อเสีย เนื่องจากร่องน้ำกว้างเกินไป จึงต้องอยู่ห่างจากกำแพงมากขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการจมลงลงของกำแพงดินเมื่อน้ำขึ้นและเขื่อนระเบิด

ส่งผลให้เกิดระยะทางกว่าสี่ร้อยก้าวระหว่างกำแพงเมืองและแม่น้ำ ประกอบกับความกว้างของแม่น้ำทำให้ลูกศรไปถึงอีกฝั่งของแม่น้ำได้ยาก ไม่ว่าทหารศัตรูจะมีความเคลื่อนไหวอะไรที่นั่น ทหารที่รักษาการณ์ในนครก็อยู่ไกลเกินเอื้อม

หมิ่นฉือกลับมาถึงกระโจม ยืนอยู่หน้าแผนที่ แผนผังของนครจงตูทั้งหมดปรากฏขึ้นสู่สายตา ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจเป้าหมายของกองทัพฉินในทันที “ทหาร!”

“ขอรับ!”

หมิ่นฉือเอ่ย “เชิญแม่ทัพซู่เข้ามา”

“ขอรับ!”

นายทหารถอยออกไปข้างนอก ไม่ช้าชายร่างกำยำสูงแปดฉื่อก็เดินเข้าไปมาในกระโจม “ท่านแม่ทัพ!”

หมิ่นฉือพยักหน้า “กองทัพฉินเคลื่อนตัวไปตามคูเมืองทางทิศเหนือ เชื่อว่าตอนนี้ท่านคงรู้แล้ว ท่านจงไปติดอาวุธป้องกันทันที เมื่อกองทัพฉินข้ามแม่น้ำให้ยิงและฆ่าได้เลย”

ซู่ถงเอ่ย “หากกองทัพฉินเฝ้าอยู่ที่คูเมืองและไม่เข้าใกล้ แม้ว่าสามารถยิงธนูไปถึง แต่ความแม่นยำและความแข็งแกร่งจะลดลงอย่างมาก เกรงว่าคงทำร้ายคนได้ไม่เท่าไร…ไม่ทราบว่าจะให้เปิดประตูฝ่าออกไปหรือไม่?”

หมิ่นฉือเงียบไปครู่หนึ่ง “รอข่าวจากหลายๆ ที่ก่อนค่อยหารืออีกที”

“ขอรับ! เช่นนั้นข้าน้อยออกไปเตรียมตัวก่อน” ซู่ถงรับคำสั่งแล้วจากไป

หมิ่นฉือนั่งลงหน้าแผนที่อย่างเหนื่อยล้า ในขณะนี้เขารู้สึกไร้พลังอย่างมาก นึกถึงครั้งแรกที่ตนได้รับมอบหมายให้ทำภารกิจสำคัญ แต่เขากลับมาจากปาสู่พร้อมความล้มเหลว เป็นผลให้เขาไม่เคยได้รับความไว้วางใจจากเว่ยฮุ่ยอ๋องในเวลาต่อมา อย่างไรก็ดีเว่ยฮุ่ยอ๋องกลับไม่ได้ใช้งานเขาแต่ก็ไม่ได้ปล่อยเขา ขังเขาไว้ในต้าเหลียง หลังจากวางแผนมาหลายปีในที่สุดเขาก็สังหารเว่ยฮุ่ยอ๋องในบัดดล สนับสนุนกษัตริย์ที่มองเขาในแง่ดีให้ขึ้นสู่บัลลังก์ แล้วผลลัพธ์เล่า…

เหตุใดหมิ่นฉือจะไม่รู้ว่าครั้งตนได้กระทำการอย่างบุ่มบ่ามเกินไป ทว่าบัดนี้เขาอยู่ในต้าเหลียงมาเจ็ดปีแล้ว ในชีวิตคนเราจะมีเจ็ดปีสักกี่ครั้ง? สกุลตู้เพิ่งจะประสบกับโทษของการถูกฆ่าล้างตระกูล คนอื่นไม่รู้ว่าพวกเขายังมีสายลับอีกคนที่ยังอยู่ อย่างไรก็ตามหมิ่นฉือรู้ดีว่าหากเขาไม่ใช้ประโยชน์จากความยุ่งเหยิงโดยเร็วที่สุด เขาจะเสียโอกาสที่ไม่อาจหวนกลับมาอีก! เขาถูกเว่ยอ๋องจับตามองและไม่มีโอกาสที่จะสะสมกำลังเลย ทันทีที่พลาดโอกาส ถึงเวลานั้นก็จะเป็นฝ่ายถูกกระทำอีกครั้ง

อีกทั้งความยากลำบากที่เขาพบล้วนเกี่ยวข้องกับคนๆ เดียว

หมิ่นฉือมักจะคิดว่าถ้าชาตินี้เขาไม่เคยพบซ่งชูอี เขาก็จะมีชีวิตที่ราบรื่นกว่านี้ ความเกลียดชังที่ซ่งชูอีแสดงต่อเขาในตอนแรกนั้น เขาคิดไปคิดมาก็ได้ผลลัพธ์ที่น่าขนลุก…สมมติว่าภาพที่เขาฝันถึงนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในชาติก่อน เช่นนั้นก็เป็นไปได้มากที่ซ่งชูอีอาศัยอยู่ในชาตินี้พร้อมกับความทรงจำของชาติก่อน!

แน่นอนว่าก็มีความเป็นไปได้ที่ซ่งชูอีก็ฝันเห็นภาพเหมือนกับเขา เหตุผลที่หมิ่นฉือปฏิเสธการคาดเดานี้เพราะว่าเขาไม่ได้สัมผัสมันกับตัวเองและมันไม่สามารถอธิบายได้ถึงความเกลียดชังในดวงตาของนางที่มาก้นจากบึ้งหัวใจเมื่อพบกันเป็นครั้งแรก มันยากสำหรับเขาที่จะจินตนาการว่าคนที่มีเหตุผลและฉลาดอย่างซ่งชูอีจะเกลียดใครบางคนโดยอาศัยความฝันเพียงอย่างเดียว

“ราย…” เสียงรายงานของทหารข้างนอกดังเข้ามาใกล้

หมิ่นฉือลูบแก้มอย่างแรงเพื่อเสริมสร้างกำลังใจ

หัวหน้ากองซือหม่าเข้ามาในกระโจม ประสานมือรายงาน “ท่านแม่ทัพ มีข่าวส่งมาจากแปดทิศว่าพบกองทัพฉินทางทิศใต้ ทิศตะวันออกเฉียงใต้และทิศตะวันตกเฉียงใต้ ไม่พบในทิศอื่นขอรับ”

หมิ่นฉือลุกขึ้นและมองไปที่แผนที่โดยเดาว่ากองทัพฉินจะเริ่มต้นจากที่ใด “ส่งหน่วยสอดแนมออกจากนครผ่านเส้นทางลับเพื่อดูว่ามีกองทัพฉินอยู่ตามแควคูเมืองหรือไม่”

เขาชี้ไปยังบางจุดบนแผนที่ “ให้ความสนใจกับสถานที่เหล่านี้!”

“ขอรับ!”

จงตูเคยเป็นนครหลวงของรัฐเล็กๆ ในยุคสมัยชุนชิว ในนครมีเส้นทางลับในนำไปสู่ภายนอก อย่างไรก็ตามเส้นทางลับนั้นต่ำคับแคบและมีสภาพทรุดโทรมมาเป็นเวลานาน ทำให้เดินทางลำบาก ไม่สามารถอนุญาตให้ผู้คนสัญจรไปมามากเกินไป หลังจากที่กองทัพเว่ยยึดครองได้พวกเขาก็ใช้เส้นทางนี้เป็นเส้นทางลับ

ถนนลับนี้นำไปสู่นอกนครและไม่ได้ผ่านคูเมือง การข้ามแม่น้ำอย่างลับๆ แน่นอนว่าข้ามสะพานไม่ได้ ทำได้เพียงว่ายน้ำข้ามไปเท่านั้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+