กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ 287 โลกไร้ที่ว่างสำหรับสุภาพบุรุษ

Now you are reading กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ Chapter 287 โลกไร้ที่ว่างสำหรับสุภาพบุรุษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 สงครามนองเลือดที่ซวีเฉิงเพิ่งจะปิดฉากลง ภายในค่ายผู้บังคับบัญชาทหารเจ้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เหล่านายพลที่ยืนเรียงแถวอยู่สองข้างทางมือค้ำดาบ แม่ทัพซือหม่ายืนมือขนาบข้างลำตัวอยู่บนพื้นที่ว่างเปล่าตรงกลาง

เพี๊ยะ!

กงซุนกู่เหวี่ยงเอกสารไผ่ในมือลงไปบนโต๊ะ สีหน้าเปี่ยมด้วยความโมโห

สองปีนี้เขาแก่ลงไปมาก วัยชราทำให้ไรขมับทั้งสองข้างของเขาขาวเหมือนเกล็ดน้ำค้าง แต่ร่างกายสูงใหญ่แข็งแรง คิ้วดุจดาบดวงตาเป็นประกาย ยังคงเป็นผู้ชายที่มั่นคงและหล่อเหลา

“ท่านแม่ทัพ โมโหเรื่องใด?” นายพลคนสนิทคนหนึ่งที่อยู่ทางซ้ายหน้าสุดเอ่ยถามเสียงทุ้ม

“กลับไปพักผ่อนก่อน ให้ข้าได้สงบสติอารมณ์ หยวน เจ้าอยู่ต่อ” กงซุนกู่ข่มความโกรธในน้ำเสียงเอาไว้

“ขอรับ!”

หลังจากทหารทั้งหมดทำความเคารพแล้วก็ถอยออกไป

หน้าตาของกงซุนหยวนคล้ายกับกงซุนกู่สามถึงสี่ส่วน ทว่าโครงหน้าซูบตอบกว่าเล็กน้อย ใบหน้าปราณีตชวนมองกว่ากงซูนกู่ ทว่าดวงหน้าไม่แข็งแกร่งมั่นคงเช่นเขา

กงซุนกู่ส่งเอกสารส่วนนั้นให้กงซุนหยวน

กงซูนหยวนคลี่เอกสารออก อ่านอย่างละเอียดรอบหนึ่ง จึงเข้าใจสาเหตุที่กงซุนกู่โมโห…เนื้อหาภายในชวนให้อึดอัดใจจริงๆ

เริ่มจากการขายข้อพกพร่องของซวีเฉิงให้พวกเขา ทั้งยังเล่าถึงสถานการณ์ของรัฐเจ้าในระยะนี้ แม่ทัพใหญ่แห่งรัฐเจ้าแก่ชราแล้วและกำลังจะถอนตัว คนที่มีโอกาสจะได้เป็นแม่ทัพใหญ่ในอนาคตมีสองคน กงซุนกู่ก็คือหนึ่งในนั้น บวกกับครั้งนี้ส่งหลี่ว์ซู่มาตีซวีเฉิงได้พอดี ท้ายที่สุดก็เอ่ยยั่วยุอย่างไม่ซ่อนเร้นว่า “ข้า” จะหาวิธีทำให้ชาวอี้ฉวีฉุนเฉียว ทำให้หลี่ว์ซู่จากไปไม่คืนกลับมา นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะกำจัดคู่ต่อสู้รวมถึงสร้างผลงานให้แซ่จี่ของท่านฟื้นตัวได้อีกครั้ง ท่านมีความกล้าที่จะลองหรือไม่?

“ใครเป็นคนส่งสารนี้มา? เป็นคือความจริงหรือ?” กงซุนหยวนถาม

“ผู้ส่งสารเป็นคนบอกหัวหน้ากองซือหม่า นี่เป็นสารที่กั๋วเว่ยรัฐฉินแอบส่งมา” กงซุนกู่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “บุคคลนี้รู้ว่าหัวหน้ากองซือหม่าเป็นคนสนิทของข้า เกรงว่าจะมีสายสืบรัฐฉินอยู่ในกองทัพเจ้าของพวกเรา”

กงซูยหยวนกล่าวว่าครุ่นคิด “ได้ยินว่ารัฐฉินเชิญสำนักม่อมาฝึกซ้อมให้กับผู้อารักขาลับ หากเป็นเช่นนี้เกรงว่าจะเป็นความจริง! หากเป็นสารที่ซ่งหวยจินส่งมาจริง กลยุทธ์ยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัวก็ใช้ไม่ได้แล้ว”

“เจ้าว่าเป็นไปได้รึ?!” กงซุนกู่มองเขาด้วยความโมโห เอ่ยอย่างเย็นชา “สกุลหลี่ว์เป็นนายพลในรัฐเจ้ารุ่นแล้วรุ่นเล่า หลี่ว์ซู่เป็นขุนนางผู้ภักดีต่อรัฐเจ้า ข้าจะทำลายขุนนางผู้ซื่อสัตย์เพื่อประโยชน์ของตัวเองได้อย่างไร! อีกอย่างซ่งหวยจินผู้นี้เป็นคนต่ำต่อยน่ารังเกียจที่คำพูดไม่น่าเชื่อถือ วาจาของเขาเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใดเชียว!”

ครั้งแรกที่กงซุนกู่พบซ่งชูอีก็ถูกนางหลอกจนหัวหมุน ต่อมาในรัฐเจ้า เขาเสี่ยงอันตรายช่วยนางออกจากเมือง ผลปรากฏว่านางจากไปไม่กลับ ทั้งยังให้กองทัพกบฏโจมตีนครหลวง!

“พี่ใหญ่!” กงซุยหยวนกดเสียงต่ำ ดวงตาแดงก่ำ “ท่านลืมไปแล้วหรือว่าความรุ่งโรจน์และความเสื่อมโทรมของตระกูลพวกเราล้วนยังอยู่ในกำมือของท่านมหาเสนาบดี! ท่านได้แต่นั่งมองชีวิตของคนในตระกูลเหมือนมดตาปริบๆ หรือ? ท่านคิดถึงท่านแม่ คิดถึงน้องสาว คิดถึงท่านพ่อที่ต้องตายเพราะท่านสิ!”

ในสมัยชุนชิวมีรัฐเล็กๆ จำนวนมหาศาล หลังจากรัฐเล็กๆ มากมายถูกผนวกและพังพินาศแล้ว เพื่อเป็นการระลึกถึงศักด์ศรีแห่งตระกูลราชวงศ์จึงให้เรียกรุ่นหลังๆ ว่าสกุลกงซุน ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าตระกูลราชวงศ์แห่งรัฐเล็กๆ ใดก็เป็นสกุลกงซุนได้

สกุลมีไว้เพื่อแบ่งแยกความสูงศักดิ์และต่ำต้อย แซ่นั้นมีไว้แบ่งแยกตระกูล มหาเสนาบดีแห่งรัฐเจ้า กงซุนพีแซ่เจียง กงซุนกู่แซ่จี่ เป็นสองครอบครัวที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

คนรุ่นหลังแห่งราชวงศ์เช่นพวกเขาให้ความสำคัญต่อตระกูลมาก… บ้านเมืองจะล่มสลายได้ทว่าตระกูลจะล่มสลายไม่ได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากกงซุนกู่ถูกคนร้ายคิดวางแผน พ่ายแพ้ในสงครามเมื่อสามปีก่อน ทำให้ทั้งตระกูลต้องลำบาก กงซุนพีฉวยโอกาสนี้ควบคุมตระกูลแซ่จี่โดยตั้งใจว่าจะเก็บไว้ใช้งานเอง ดังนั้นเขาจึงยื่นมือเข้าช่วยกงซุนกู่ แต่กลับให้พ่อของเขาแบกรับความผิดทั้งหมด เชือดคอตัวเองฆ่าตัวตายเป็นการขอโทษในท้องพระโรง

บัดนี้วิธีเดียวที่จะรับความไว้วางใจจากเจ้าโหวได้เร็วขึ้นก็คือขึ้นเป็นตำแหน่งท่านแม่ทัพใหญ่เทียบเท่ากงซุนพี จึงจะสามารถปลดพันธนาการนี้ได้ มิฉะนั้นหากรออีกสองปี กงซุนพีควบคุมเส้นชีวิตของทั้งตระกูลไว้อย่างแน่นหนา ก็ยิ่งไม่มีโอกาสได้ฟื้นตัว ถึงตอนนั้นตระกูลแซ่จี่ก็จะเป็นขี้ข้าของตระกูลอื่น ท่านพ่อก็จะสละชีวิตโดยเปล่าประโยชน์…

“โอกาสครั้งนี้เป็นสิ่งที่พวกเราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มันมา ต่อไปจิ้งจอกเฒ่ากงซุนพีจะไม่ให้โอกาสนี้แก่พวกเราอีก!” กงซุนหยวนสำลักอยู่ในลำคอ

กงซุนกู่ไหล่ตก รู้สึกปวดใจ ในเวลานี้เขาเกลียดซ่งชูอีจริงๆ เกลียดที่นางมีเจตนาชั่วร้ายเช่นนี้ เกลียดที่นางเหยียบย่ำความภาคภูมิใจครั้งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในใจของตนอย่างโหดร้าย…

“พี่ใหญ่ หากว่ากันอย่างยุติธรรม ก่อนหน้านี้ซ่งหวยจินหลอกท่านสองครั้ง ครั้งแรกก็เพื่อปกป้องตัวเอง ครั้งที่สองเพราะสถานการณ์บีบบังคับ” กงซุนหยวนนำเอกสารม้วนไม่ไผ่ในมือเข้าใกล้ตะเกียง เผาตัวเองที่อยู่ด้านบนจนกลายเป็นวงสีดำไหม้เกรียม “ถ้าอย่างไรคืนนี้ส่งคนไปตรวจสอบว่าเส้นทางที่ระบุไว้ข้างต้นเป็นจริงหรือไม่ หากจริง พวกเราจะปล่อยโอกาสนี้ไปไม่ได้”

“เช่นนั้นหลี่ว์ซู่…” กงซุนกู่หลับตา แม้ว่าสกุลหลี่ว์จะเป็นคู่ต่อสู้กับตระกูลเขามาโดยตลอด ทว่าเนื่องจากทั้งสองตระกูลล้วนเป็นแม่ทัพรัฐเจ้า เป็นการแข่งขันระหว่างลูกผู้ชาย ต่อให้บัดนี้จะแย่งตำแหน่งท่านแม่ทัพเหมือนกันกับเขา พวกเขาก็ยังรักษามิตรภาพอันดีงามไว้ หรือแม้กระมั่งมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

“หยวน” น้ำเสียงกงซุนกู่แหบแห้ง

กงซุนหยวนเห็นเขาเช่นนี้ก็ทนไม่ไหว ทว่ากลับกล่าวคำปลอบใจไม่ออก “พี่ใหญ่…”

กงซุนกู่ลุกขึ้นยืน เดินออกไปจากกระโจมช้าๆ “ข้าไม่เหมือนเจ้า”

กงซุนหยวนเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง มองแผ่นหลังของพี่ชายที่ดูแก่ลงทันตาก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย เขาชื่นชมพี่ชายผู้มีคุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้าตั้งแต่เด็ก และยึดถือพี่ชายเป็นแบบอย่างมาโดยตลอด อย่างไรก็ดีอาจเป็นเพราะเรื่องของอารมณ์ เขามักจะกำจัดความเห็นไม่ตัวไม่ได้อยู่เสมอ เขามักดูเป็นคนต่ำต้อยน่ารังเกียจต่อหน้าคุณธรรมของพี่ชาย…

ในเวลานี้ พี่ชายที่เคารพรักคนนั้นกลับพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงว่า: หยวน ข้าไม่เหมือนเจ้า

ในโลกนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับสุภาพบุรุษใจกว้าง

ในใจของกงซุนหยวนสับสนเป็นอย่างยิ่ง

เขาจ้องมองประตูค่ายที่ว่างเปล่าพลางจมอยู่ในความคิด บัดนี้กองทัพอี้ฉวีมีกำลังเพียงห้าหมื่นนายโดยประมาณ อีกทั้งเป็นสงครามต่อเนื่อง ต่อให้พวกเขาจะไล่ต้อนไปจนถึงนครสือหลีมันก็มิได้มีผลใดๆ ต่อกองทัพฉินเลย! ครั้นเห็นการกระทำอันโหดเหี้ยมของซ่งหวยจินแล้ว หากคิดจะสังหารทหารอี้ฉวีไม่กี่หมื่นนายก็ไร้อุปสรรค…

ทว่าหากดำเนินการตามแผนของซ่งหวยจินจริงๆ แล้วฆ่าไม่กี่หมื่นคนได้อย่างง่ายดาย กองทัพเจ้ามีความดีความชอบ พวกเราก็จะได้สร้างผลงานครั้งใหญ่! หากสามารถฉวยโอกาสนี้ยืมมีดฆ่าคนได้…

“หัวหน้ากองซือหม่า!” กงซุนหยวนกล่าวเสียงดัง

“รายงานตัวขอรับ!”

กงซุนหยวนเห็นเขาเข้ามาก็ลุกขึ้นกวักมือเรียกเขา จนกระทั่งเข้าเข้ามาใกล้ก็โน้มตัวกระซิบข้างหูสองสามคำ

“ขอรับ!” หัวหน้ากองซือหม่าตอบรับเสียงต่ำ รีบออกไป

จากนั้นกงซุนหยวนก็เดินออกมาจากค่าย หลังจากหาอยู่ในกองทัพรอบหนึ่ง ในที่สุดก็เห็นเงาที่คุ้นเคยอยู่บนจุดเฝ้าระวัง

ชุดเกราะสีทองแดงหลอมละลายในยามค่ำคืน สีหน้ามืดมน ดูหดหู่อย่างมาก

“บัดนี้ข้าส่งคนออกไปสืบแล้ว พี่ใหญ่มีเวลาพิจารณาอีกหนึ่งคืน” เสียงทอดถอนใจต่ำของกงซุนหยวนดังก้องอยู่ในยามราตรี “ไม่ว่าพี่ใหญ่ตัดสินใจเช่นไร น้องชายก็จะไม่คัดค้าน”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ต่อหน้าข้า ข้าไม่ได้โง่” กงซุนกู่มองเขา มีแสงจันทร์สะท้อนอยู่ในแววตา ทว่าแสงสดใสนั้นกลับว่างเปล่า “หากเจ้าคิดเช่นนี้จริงๆ ก็คงไม่เอ่ยถึงท่านพ่อต่อหน้าข้า ทั้งที่เจ้าก็รู้ว่านั่นคือบาดแผลของข้าที่แตะต้องไม่ได้…”

กงซุนหยวนขมวดคิ้ว แต่มิได้อธิบายมาก เอ่ยเพียงว่า “ข้ายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ลูกผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ทว่าแต่ละคำพูดที่พูดกับพี่ใหญ่ล้วนมาจากก้นบึ้งของหัวใจ”

บังคับให้เขาโจมตีซวีเฉิงและวางแผนคร่าชีวิตหลี่ว์ซู่คือเรื่องจริง หวังว่าเขาจะเที่ยงธรรมและใจกว้างต่อไปก็คือเรื่องจริง…

ในใจของกงซุนหยวนสับสนยิ่ง หากวันนี้เขาต้องเป็นคนที่เผชิญกับทางเลือกเช่นนี้เสียเองก็คงไม่รู้สึกขัดแย้งเช่นนี้ เขาไม่เคยมีข้อผูกมัดของ “คุณธรรมลูกผู้ชาย” อยู่แล้ว

กงซุนกู่ลุกขึ้นตบๆ ไหล่ของเขา แววตาที่ว่างเปล่าค่อยๆ ถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกบางอย่าง เขาหัวเราะด้วยเสียงไม่ดังมากแต่เปิดกว้างยิ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ 287 โลกไร้ที่ว่างสำหรับสุภาพบุรุษ

Now you are reading กุนซือหญิงยอดอัจฉริยะ Chapter 287 โลกไร้ที่ว่างสำหรับสุภาพบุรุษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 สงครามนองเลือดที่ซวีเฉิงเพิ่งจะปิดฉากลง ภายในค่ายผู้บังคับบัญชาทหารเจ้าเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม เหล่านายพลที่ยืนเรียงแถวอยู่สองข้างทางมือค้ำดาบ แม่ทัพซือหม่ายืนมือขนาบข้างลำตัวอยู่บนพื้นที่ว่างเปล่าตรงกลาง

เพี๊ยะ!

กงซุนกู่เหวี่ยงเอกสารไผ่ในมือลงไปบนโต๊ะ สีหน้าเปี่ยมด้วยความโมโห

สองปีนี้เขาแก่ลงไปมาก วัยชราทำให้ไรขมับทั้งสองข้างของเขาขาวเหมือนเกล็ดน้ำค้าง แต่ร่างกายสูงใหญ่แข็งแรง คิ้วดุจดาบดวงตาเป็นประกาย ยังคงเป็นผู้ชายที่มั่นคงและหล่อเหลา

“ท่านแม่ทัพ โมโหเรื่องใด?” นายพลคนสนิทคนหนึ่งที่อยู่ทางซ้ายหน้าสุดเอ่ยถามเสียงทุ้ม

“กลับไปพักผ่อนก่อน ให้ข้าได้สงบสติอารมณ์ หยวน เจ้าอยู่ต่อ” กงซุนกู่ข่มความโกรธในน้ำเสียงเอาไว้

“ขอรับ!”

หลังจากทหารทั้งหมดทำความเคารพแล้วก็ถอยออกไป

หน้าตาของกงซุนหยวนคล้ายกับกงซุนกู่สามถึงสี่ส่วน ทว่าโครงหน้าซูบตอบกว่าเล็กน้อย ใบหน้าปราณีตชวนมองกว่ากงซูนกู่ ทว่าดวงหน้าไม่แข็งแกร่งมั่นคงเช่นเขา

กงซุนกู่ส่งเอกสารส่วนนั้นให้กงซุนหยวน

กงซูนหยวนคลี่เอกสารออก อ่านอย่างละเอียดรอบหนึ่ง จึงเข้าใจสาเหตุที่กงซุนกู่โมโห…เนื้อหาภายในชวนให้อึดอัดใจจริงๆ

เริ่มจากการขายข้อพกพร่องของซวีเฉิงให้พวกเขา ทั้งยังเล่าถึงสถานการณ์ของรัฐเจ้าในระยะนี้ แม่ทัพใหญ่แห่งรัฐเจ้าแก่ชราแล้วและกำลังจะถอนตัว คนที่มีโอกาสจะได้เป็นแม่ทัพใหญ่ในอนาคตมีสองคน กงซุนกู่ก็คือหนึ่งในนั้น บวกกับครั้งนี้ส่งหลี่ว์ซู่มาตีซวีเฉิงได้พอดี ท้ายที่สุดก็เอ่ยยั่วยุอย่างไม่ซ่อนเร้นว่า “ข้า” จะหาวิธีทำให้ชาวอี้ฉวีฉุนเฉียว ทำให้หลี่ว์ซู่จากไปไม่คืนกลับมา นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะกำจัดคู่ต่อสู้รวมถึงสร้างผลงานให้แซ่จี่ของท่านฟื้นตัวได้อีกครั้ง ท่านมีความกล้าที่จะลองหรือไม่?

“ใครเป็นคนส่งสารนี้มา? เป็นคือความจริงหรือ?” กงซุนหยวนถาม

“ผู้ส่งสารเป็นคนบอกหัวหน้ากองซือหม่า นี่เป็นสารที่กั๋วเว่ยรัฐฉินแอบส่งมา” กงซุนกู่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “บุคคลนี้รู้ว่าหัวหน้ากองซือหม่าเป็นคนสนิทของข้า เกรงว่าจะมีสายสืบรัฐฉินอยู่ในกองทัพเจ้าของพวกเรา”

กงซูยหยวนกล่าวว่าครุ่นคิด “ได้ยินว่ารัฐฉินเชิญสำนักม่อมาฝึกซ้อมให้กับผู้อารักขาลับ หากเป็นเช่นนี้เกรงว่าจะเป็นความจริง! หากเป็นสารที่ซ่งหวยจินส่งมาจริง กลยุทธ์ยิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัวก็ใช้ไม่ได้แล้ว”

“เจ้าว่าเป็นไปได้รึ?!” กงซุนกู่มองเขาด้วยความโมโห เอ่ยอย่างเย็นชา “สกุลหลี่ว์เป็นนายพลในรัฐเจ้ารุ่นแล้วรุ่นเล่า หลี่ว์ซู่เป็นขุนนางผู้ภักดีต่อรัฐเจ้า ข้าจะทำลายขุนนางผู้ซื่อสัตย์เพื่อประโยชน์ของตัวเองได้อย่างไร! อีกอย่างซ่งหวยจินผู้นี้เป็นคนต่ำต่อยน่ารังเกียจที่คำพูดไม่น่าเชื่อถือ วาจาของเขาเชื่อถือได้มากน้อยเพียงใดเชียว!”

ครั้งแรกที่กงซุนกู่พบซ่งชูอีก็ถูกนางหลอกจนหัวหมุน ต่อมาในรัฐเจ้า เขาเสี่ยงอันตรายช่วยนางออกจากเมือง ผลปรากฏว่านางจากไปไม่กลับ ทั้งยังให้กองทัพกบฏโจมตีนครหลวง!

“พี่ใหญ่!” กงซุยหยวนกดเสียงต่ำ ดวงตาแดงก่ำ “ท่านลืมไปแล้วหรือว่าความรุ่งโรจน์และความเสื่อมโทรมของตระกูลพวกเราล้วนยังอยู่ในกำมือของท่านมหาเสนาบดี! ท่านได้แต่นั่งมองชีวิตของคนในตระกูลเหมือนมดตาปริบๆ หรือ? ท่านคิดถึงท่านแม่ คิดถึงน้องสาว คิดถึงท่านพ่อที่ต้องตายเพราะท่านสิ!”

ในสมัยชุนชิวมีรัฐเล็กๆ จำนวนมหาศาล หลังจากรัฐเล็กๆ มากมายถูกผนวกและพังพินาศแล้ว เพื่อเป็นการระลึกถึงศักด์ศรีแห่งตระกูลราชวงศ์จึงให้เรียกรุ่นหลังๆ ว่าสกุลกงซุน ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าตระกูลราชวงศ์แห่งรัฐเล็กๆ ใดก็เป็นสกุลกงซุนได้

สกุลมีไว้เพื่อแบ่งแยกความสูงศักดิ์และต่ำต้อย แซ่นั้นมีไว้แบ่งแยกตระกูล มหาเสนาบดีแห่งรัฐเจ้า กงซุนพีแซ่เจียง กงซุนกู่แซ่จี่ เป็นสองครอบครัวที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง

คนรุ่นหลังแห่งราชวงศ์เช่นพวกเขาให้ความสำคัญต่อตระกูลมาก… บ้านเมืองจะล่มสลายได้ทว่าตระกูลจะล่มสลายไม่ได้ อย่างไรก็ตามเนื่องจากกงซุนกู่ถูกคนร้ายคิดวางแผน พ่ายแพ้ในสงครามเมื่อสามปีก่อน ทำให้ทั้งตระกูลต้องลำบาก กงซุนพีฉวยโอกาสนี้ควบคุมตระกูลแซ่จี่โดยตั้งใจว่าจะเก็บไว้ใช้งานเอง ดังนั้นเขาจึงยื่นมือเข้าช่วยกงซุนกู่ แต่กลับให้พ่อของเขาแบกรับความผิดทั้งหมด เชือดคอตัวเองฆ่าตัวตายเป็นการขอโทษในท้องพระโรง

บัดนี้วิธีเดียวที่จะรับความไว้วางใจจากเจ้าโหวได้เร็วขึ้นก็คือขึ้นเป็นตำแหน่งท่านแม่ทัพใหญ่เทียบเท่ากงซุนพี จึงจะสามารถปลดพันธนาการนี้ได้ มิฉะนั้นหากรออีกสองปี กงซุนพีควบคุมเส้นชีวิตของทั้งตระกูลไว้อย่างแน่นหนา ก็ยิ่งไม่มีโอกาสได้ฟื้นตัว ถึงตอนนั้นตระกูลแซ่จี่ก็จะเป็นขี้ข้าของตระกูลอื่น ท่านพ่อก็จะสละชีวิตโดยเปล่าประโยชน์…

“โอกาสครั้งนี้เป็นสิ่งที่พวกเราพยายามอย่างเต็มที่เพื่อให้ได้มันมา ต่อไปจิ้งจอกเฒ่ากงซุนพีจะไม่ให้โอกาสนี้แก่พวกเราอีก!” กงซุนหยวนสำลักอยู่ในลำคอ

กงซุนกู่ไหล่ตก รู้สึกปวดใจ ในเวลานี้เขาเกลียดซ่งชูอีจริงๆ เกลียดที่นางมีเจตนาชั่วร้ายเช่นนี้ เกลียดที่นางเหยียบย่ำความภาคภูมิใจครั้งสุดท้ายที่เหลืออยู่ในใจของตนอย่างโหดร้าย…

“พี่ใหญ่ หากว่ากันอย่างยุติธรรม ก่อนหน้านี้ซ่งหวยจินหลอกท่านสองครั้ง ครั้งแรกก็เพื่อปกป้องตัวเอง ครั้งที่สองเพราะสถานการณ์บีบบังคับ” กงซุนหยวนนำเอกสารม้วนไม่ไผ่ในมือเข้าใกล้ตะเกียง เผาตัวเองที่อยู่ด้านบนจนกลายเป็นวงสีดำไหม้เกรียม “ถ้าอย่างไรคืนนี้ส่งคนไปตรวจสอบว่าเส้นทางที่ระบุไว้ข้างต้นเป็นจริงหรือไม่ หากจริง พวกเราจะปล่อยโอกาสนี้ไปไม่ได้”

“เช่นนั้นหลี่ว์ซู่…” กงซุนกู่หลับตา แม้ว่าสกุลหลี่ว์จะเป็นคู่ต่อสู้กับตระกูลเขามาโดยตลอด ทว่าเนื่องจากทั้งสองตระกูลล้วนเป็นแม่ทัพรัฐเจ้า เป็นการแข่งขันระหว่างลูกผู้ชาย ต่อให้บัดนี้จะแย่งตำแหน่งท่านแม่ทัพเหมือนกันกับเขา พวกเขาก็ยังรักษามิตรภาพอันดีงามไว้ หรือแม้กระมั่งมีความรู้สึกเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน

“หยวน” น้ำเสียงกงซุนกู่แหบแห้ง

กงซุนหยวนเห็นเขาเช่นนี้ก็ทนไม่ไหว ทว่ากลับกล่าวคำปลอบใจไม่ออก “พี่ใหญ่…”

กงซุนกู่ลุกขึ้นยืน เดินออกไปจากกระโจมช้าๆ “ข้าไม่เหมือนเจ้า”

กงซุนหยวนเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง มองแผ่นหลังของพี่ชายที่ดูแก่ลงทันตาก็รู้สึกหวั่นไหวเล็กน้อย เขาชื่นชมพี่ชายผู้มีคุณธรรมสูงส่งเทียมฟ้าตั้งแต่เด็ก และยึดถือพี่ชายเป็นแบบอย่างมาโดยตลอด อย่างไรก็ดีอาจเป็นเพราะเรื่องของอารมณ์ เขามักจะกำจัดความเห็นไม่ตัวไม่ได้อยู่เสมอ เขามักดูเป็นคนต่ำต้อยน่ารังเกียจต่อหน้าคุณธรรมของพี่ชาย…

ในเวลานี้ พี่ชายที่เคารพรักคนนั้นกลับพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงไร้เรี่ยวแรงว่า: หยวน ข้าไม่เหมือนเจ้า

ในโลกนี้ ไม่มีที่ว่างสำหรับสุภาพบุรุษใจกว้าง

ในใจของกงซุนหยวนสับสนเป็นอย่างยิ่ง

เขาจ้องมองประตูค่ายที่ว่างเปล่าพลางจมอยู่ในความคิด บัดนี้กองทัพอี้ฉวีมีกำลังเพียงห้าหมื่นนายโดยประมาณ อีกทั้งเป็นสงครามต่อเนื่อง ต่อให้พวกเขาจะไล่ต้อนไปจนถึงนครสือหลีมันก็มิได้มีผลใดๆ ต่อกองทัพฉินเลย! ครั้นเห็นการกระทำอันโหดเหี้ยมของซ่งหวยจินแล้ว หากคิดจะสังหารทหารอี้ฉวีไม่กี่หมื่นนายก็ไร้อุปสรรค…

ทว่าหากดำเนินการตามแผนของซ่งหวยจินจริงๆ แล้วฆ่าไม่กี่หมื่นคนได้อย่างง่ายดาย กองทัพเจ้ามีความดีความชอบ พวกเราก็จะได้สร้างผลงานครั้งใหญ่! หากสามารถฉวยโอกาสนี้ยืมมีดฆ่าคนได้…

“หัวหน้ากองซือหม่า!” กงซุนหยวนกล่าวเสียงดัง

“รายงานตัวขอรับ!”

กงซุนหยวนเห็นเขาเข้ามาก็ลุกขึ้นกวักมือเรียกเขา จนกระทั่งเข้าเข้ามาใกล้ก็โน้มตัวกระซิบข้างหูสองสามคำ

“ขอรับ!” หัวหน้ากองซือหม่าตอบรับเสียงต่ำ รีบออกไป

จากนั้นกงซุนหยวนก็เดินออกมาจากค่าย หลังจากหาอยู่ในกองทัพรอบหนึ่ง ในที่สุดก็เห็นเงาที่คุ้นเคยอยู่บนจุดเฝ้าระวัง

ชุดเกราะสีทองแดงหลอมละลายในยามค่ำคืน สีหน้ามืดมน ดูหดหู่อย่างมาก

“บัดนี้ข้าส่งคนออกไปสืบแล้ว พี่ใหญ่มีเวลาพิจารณาอีกหนึ่งคืน” เสียงทอดถอนใจต่ำของกงซุนหยวนดังก้องอยู่ในยามราตรี “ไม่ว่าพี่ใหญ่ตัดสินใจเช่นไร น้องชายก็จะไม่คัดค้าน”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ต่อหน้าข้า ข้าไม่ได้โง่” กงซุนกู่มองเขา มีแสงจันทร์สะท้อนอยู่ในแววตา ทว่าแสงสดใสนั้นกลับว่างเปล่า “หากเจ้าคิดเช่นนี้จริงๆ ก็คงไม่เอ่ยถึงท่านพ่อต่อหน้าข้า ทั้งที่เจ้าก็รู้ว่านั่นคือบาดแผลของข้าที่แตะต้องไม่ได้…”

กงซุนหยวนขมวดคิ้ว แต่มิได้อธิบายมาก เอ่ยเพียงว่า “ข้ายอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ลูกผู้ชายที่ตรงไปตรงมา ทว่าแต่ละคำพูดที่พูดกับพี่ใหญ่ล้วนมาจากก้นบึ้งของหัวใจ”

บังคับให้เขาโจมตีซวีเฉิงและวางแผนคร่าชีวิตหลี่ว์ซู่คือเรื่องจริง หวังว่าเขาจะเที่ยงธรรมและใจกว้างต่อไปก็คือเรื่องจริง…

ในใจของกงซุนหยวนสับสนยิ่ง หากวันนี้เขาต้องเป็นคนที่เผชิญกับทางเลือกเช่นนี้เสียเองก็คงไม่รู้สึกขัดแย้งเช่นนี้ เขาไม่เคยมีข้อผูกมัดของ “คุณธรรมลูกผู้ชาย” อยู่แล้ว

กงซุนกู่ลุกขึ้นตบๆ ไหล่ของเขา แววตาที่ว่างเปล่าค่อยๆ ถูกเติมเต็มด้วยความรู้สึกบางอย่าง เขาหัวเราะด้วยเสียงไม่ดังมากแต่เปิดกว้างยิ่ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+