ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 11 บทที่ 311 ภาพวาดสื่อรัก

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 11 บทที่ 311 ภาพวาดสื่อรัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา ก่อนจะพบว่ามันคือสมุดภาพวาด

หลินเมิ้งหยาพลิกดูทีละภาพ…ภาพตำหนักหลิวซิน

ทั้งเสี่ยวป๋าย เสือน้อย นางและสาวใช้ทั้งสี่ มีกระทั่งภาพท่านอาจารย์ซึ่งกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในห้องหิน

ทั้งที่นางเพิ่งจะจากมาเพียงไม่กี่วัน แต่นางกลับคิดถึงคนในจวนอวี้เหลือเกิน

ริมฝีปากเผยรอยยิ้มแทนความรู้สึกภายในใจ แม้แต่ป๋ายซูเองก็หันหน้ามามองด้วยความสงสัยว่าสมุดภาพเล่มนั้นคือภาพอะไร

“นี่…ตำหนักของพวกเรามิใช่หรือเจ้าคะ? คิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจะใส่ใจถึงเพียงนี้”

ดวงตาของหลินเมิ้งหยาเปล่งประกายเสมือนมองเห็นอัญมณีล้ำค่า ทั้งที่มันเป็นเพียงภาพวาดขาวดำเท่านั้น แต่ทว่ากลับมีความหมายมากกว่าคำพูดเยินยอมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า คำบางคำที่มิอาจพูดออกมาได้ แต่กลับสื่อความหมายอย่างลึกซึ้งผ่านปลายพู่กัน

“แค่เขียนจดหมายก็พอแล้วนี่นา เหตุใดท่านอ๋องจึงต้องเสียแรงโดยไร้ประโยชน์เช่นนี้?”

ป๋ายซูหยักยิ้มขณะมองภาพวาดพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“บางทีอาจเพราะท่านอ๋องรู้สึกว่าไม่อยากพูดเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้ออกมาตรงๆกระมัง”

หลังจากชื่นชมภาพวาดเสร็จ หลินเมิ้งหยาก็นำไปเก็บเอาไว้อย่างดี

นับวันนางยิ่งไม่เข้าใจหลงเทียนอวี้ เขามักทำเรื่องไม่คาดฝันเสมอ แต่ถึงกระนั้นเขาก็มักจะมีเหตุผลของตนเอง

เก็บของเอาไว้อย่างดี หลงเทียนอวี้ส่งของใช้มาให้บางส่วนและเงินจำนวนไม่น้อย ดูเหมือนเขาจะรู้ดีว่าวังหลวงแห่งนี้จำเป็นต้องใช้สิ่งใดบ้าง

“พวกเรากลับกันเร็วหน่อยเถิด วันนี้ข้าอารมณ์ดีเหลือเกิน”

หลินเมิ้งหยาปรายตามองเหล่าหมอหลวงซึ่งกำลังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ด้านนอก นางควรจะปล่อยให้พวกเขาได้หายใจหายคอคล่องอีกสักหน่อย

เพียงกลับมาถึงเรือนเล็ก เจินจูและหมาหน่าวรีบเข้ามาต้อนรับด้วยท่าทีว่านอนสอนง่าย

หลินเมิ้งหยาแสดงความมีน้ำใจโดยการมอบเงินให้แก่พวกนางเล็กน้อย ทั้งสองมองหน้ากันไปมา ตอนแรกพวกนางคิดว่าชีวิตของตนจะจบสิ้นแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับรางวัลเช่นนี้

หลินเมิ้งหยามองดูสีหน้าท่าทางตกตะลึงของพวกนางทั้งสอง นางไม่เข้าใจฮองเฮาเลยว่าเพราะเหตุใดจึงส่งพวกนางที่ไม่รู้จักกระทั่งการเก็บอารมณ์มาคอยสอดแนมตนเอง

ฮองเฮาประเมินนางต่ำเกินไปหรือคิดว่าพวกนางทั้งสองเป็นคนระดับเดียวกับตนเองกันแน่นะ

“ไม่ทราบว่าท่านคือชายาอวี้ใช่หรือไม่?”

ด้านนอก เสียงอ่อนหวานเสียงหนึ่งดังขึ้น

หลินเมิ้งหยาหมุนตัว ก่อนจะเห็นเป็นผู้หญิงในชุดสีเทา

แสดงสีหน้าสงสัย ป๋ายซูซึ่งยืนอยู่ด้านข้างรีบเข้าไปสอบถาม หลังจากสนทนากันสองสามประโยค ป๋ายซูจึงเข้ามารายงาน

“นายหญิง แม่นางหลิวเป็นคนของพระสนมเสียนเฟยและเป็นแม่นมขององค์ชายสิบ นางต้องการถามว่าท่านสะดวกจะให้ส่งองค์ชายสิบมาเมื่อใด”

ขณะกำลังรายงาน แม่นางหลิวรีบเข้ามาถวายคำนับ ใบหน้ากลมกลึงมีน้ำมีนวล เสื้อผ้าเรียบง่าย

อันที่จริงชีวิตของคนเป็นแม่นมล้วนขมขื่น หากมิใช่เพราะชีวิตอัตคัดลำบากยากแค้นแล้วล่ะก็ พวกนางคงไม่จากลูกน้อยของตนเองมาเพื่อเลี้ยงดูลูกของคนอื่นหรอก

“หนู่ปี้ขอถวายพระพรพระชายา ขอให้พระชายาอายุยืนหมื่นปี”

หลินเมิ้งหยาแย้มยิ้มก่อนจะสนทนากับนางสองสามประโยค

ส่วนใหญ่เป็นการถามไถ่เรื่องอาการขององค์ชายสิบ เจินจูและหมาหน่าวพยายามเงี่ยหูฟัง แต่กลับถูกป๋ายซูไล่ไปทำความสะอาดห้องเพื่อรอรับองค์ชายสิบ

เมื่อเห็นว่าไม่มีคนนอกแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงพาแม่นมเข้าไปในห้อง

“พระสนมเสียนเฟยมีสิ่งใดที่รับสั่งมาอีกหรือไม่?”

ภายในห้องค่อนข้างเงียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีป๋ายซูคอยดูแล ดังนั้นจึงปลอดภัยเป็นอย่างมาก

ในเมื่อเลือกที่จะร่วมมือกับพระสนมเสียนเฟยแล้ว เช่นนั้นหลินเมิ้งหยาจำเป็นต้องพยายามทำให้พระสนมเสียนเฟยพึงพอใจ

“เหนียงเหนียงรับสั่งว่าจะขอมอบองค์ชายสิบให้พระชายาเป็นผู้ดูแลเพคะ หากพระชายาสามารถทำให้พ้นวิกฤติในคราวนี้ไปได้ เช่นนั้นเหนียงเหนียงจะจดจำพระคุณคราวนี้ไปชั่วชีวิต”

แม่นมแสดงสีหน้าท่าทางจริงใจ แต่หลินเมิ้งหยากลับแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ

พระสนมเสียนเฟยเป็นคนฉลาดยิ่งนัก ช่างเถิด ใครสั่งให้นางเดินเข้าไปเสนอตัวถึงหน้าประตูกันเล่า แต่ในเมื่อนางกล้าส่งองค์ชายสิบมาให้ตนเองเลี้ยงดู เช่นนั้นก็มิต่างอันใดจากการประกาศให้คนทั้งวังหลวงรู้ว่าพระสนมเสียนเฟยและหลินเมิ้งหยาเลือกเดินบนเส้นทางเดียวกัน

ฉะนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธเรื่องนี้

“กล่าวเกินไปแล้ว พระคุณอะไรกัน ข้ากับองค์ชายสิบเพียงแต่มีโชคชะตาต้องกันเท่านั้น พวกเจ้ารีบไปพาเขามาเถิด จำเอาไว้ว่าให้ส่งเขามาขณะที่เขาหลับและอย่าลืมใส่เสื้อผ้าให้หนาหน่อยจะได้ไม่โดนอากาศเย็นระคายผิว”

อันที่จริงหลงอิงฮวาเป็นเด็กฉลาด ขอเพียงนางชี้แนะ เชื่อว่าเขาจะต้องหลอกสายตาคนทั้งวังหลวงได้อย่างแน่นอน

แม่นมรีบถอนตัวกลับไป หลินเมิ้งหยามองสวนหน้าเรือน ก่อนจะปรายตามองเจินจูและหมาหน่าวที่กำลังเดินเข้ามาในห้องของนางเงียบๆ ริมฝีปากแดงดั่งลูกเชอรี่หยักยิ้มมีเลศนัยน์

นางจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จาก หน่วยสอดแนม อย่างพวกนางเพื่อทำให้องค์ชายสิบหลอกลวงคนทั้งวังหลวงได้

ฝีมือของพระสนมเสียนเฟยร้ายกาจยิ่งนัก เมื่อนางระเบิดอารมณ์ออกมา แม้แต่ฮองเฮายังมิอาจรับมือได้ง่ายๆ

ได้ยินมาว่าตอนนี้นางไปร้องห่มร้องไห้ที่หน้าตำหนักของฮองเฮามากกว่าสามครั้งแล้ว

ส่งเสียงคร่ำครวญอย่างน่าสงสารให้ฮองเฮาตรวจสอบเรื่องนี้

วางแผนสังหารองค์ชายอย่างอุกอาจ หากจะพูดให้ร้ายแรงมากขึ้นแล้วล่ะก็ การกระทำเยี่ยงนี้มิต่างอันใดจากการก่อกบฏ หากองค์ชายสิบตายไปโดยไม่มีใครรู้เรื่องราว เช่นนั้นหลักฐานทุกอย่างก็จะถูกทำลายไปด้วย

เหตุเพราะการยื่นมือเข้าช่วยของนาง นางมิเพียงช่วยชีวิตองค์ชายเอาไว้ได้ แต่ยังทำให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าว คนทั้งในและนอกราชสำนักล้วนถูกผลกระทบจากเรื่องนี้ทั้งสิ้น

ฮองเฮาและไท่จื่อมิอาจรับมือกับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป ฉะนั้นช่วงนี้จึงไม่มีใครมาหาเรื่องนางสักระยะ

ทว่าหลินเมิ้งหยารู้ดีที่สุด หากฮองเฮาคิดจะลงมือแล้วล่ะก็ เช่นนั้นคนแรกที่จะถูกกำจัดก็คือตัวนางเอง ฉะนั้นนางจะปล่อยให้ฮองเฮาสบโอกาสไม่ได้ อย่างน้อยก็จนกว่านางจะได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้

เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเวลาพลบค่ำ นางในคนสนิทของพระสนมเสียนเฟยพาองค์ชายสิบและแม่นมหลิวมาด้วยตนเอง

ของใช้รวมถึงของกินถูกย้ายมายังเรือนเล็กของหลินเมิ้งหยาแล้ว แม้ห้องนอนขององค์ชายสิบจะไม่ใหญ่ แต่ถึงกระนั้นก็อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เลว ลมสามารถพัดผ่านได้สะดวก

“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าจะต้องระมัดระวังเรื่องอาหารการกินขององค์ชายสิบให้ดี หากเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ข้าจะลงโทษพวกเจ้าสถานหนัก”

หลินเมิ้งหยาตั้งใจพูดกับเจินจูและหมาหน่าว แต่ถึงกระนั้นส่วนใหญ่แม่นมของหลงอิงฮวาจะเป็นผู้ดูแลทุกเรื่องขององค์ชายอยู่แล้ว

เท่านี้เจินจูและหมาหน่าวก็จะถูกนางทิ้งเอาไว้ที่เรือนได้ ไม่ต้องมาเกะกะรกหูรกตาอีกต่อไป ถึงอย่างไรการดูแลรับใช้องค์ชายน้อยก็ย่อมมีเรื่องให้ต้องทำมิได้หยุดหย่อน

เหตุเพราะย้ายสิ่งของซึ่งเด็กน้อยคุ้นเคยเป็นอย่างดีมาด้วย เขาจึงมิได้รู้สึกตื่นตระหนกหรือตกอยู่ในอาการนอนไม่หลับ

หลินเมิ้งหยากำชับแม่นมเอาไว้แล้วว่านอกจากเรื่องขององค์ชายสิบ งานอื่นในเรือนมิจำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือ แม่นมหลิวเป็นคนเก่าแก่ของวังหลวง ดังนั้นนางย่อมรู้ดีว่าตนเองควรทำและไม่ควรทำอะไร

มองดูเด็กน้อยซึ่งกำลังหลับฝันหวานแล้ว หลินเมิ้งหยาก็พาป๋ายซูไปพักผ่อนในห้อง

ปิดประตู ป๋ายซูกลับได้เห็นนายหญิงซึ่งไม่เคยรู้สึกยินดียินร้ายกับงานฝีมือของผู้หญิงหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดลงบนชายเสื้อ

“นายหญิง นี่ท่าน…”

คิดจะเอ่ยถาม แต่นายหญิงกลับส่งสัญญาณให้เงียบลง

ไม่นาน หลินเมิ้งหยาก็หยิบห่อกระดาษเล็กๆ ออกมาจากชายเสื้อ ก่อนจะคลี่ออกและได้เห็นตัวอักษรที่เขียนอยู่ในนั้น

อ่านให้ละเอียดอีกรอบหนึ่ง โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากระบบเซินหนง หลินเมิ้งหยารีบเผากระดาษแผ่นนั้นแล้วเปิดหน้าต่าง

“ช่วงสองสามวันนี้เจินจูและหมาหน่าวจะต้องพยายามเข้ามาตรวจสอบสิ่งของที่ข้านำกลับมาอย่างแน่นอน เจ้าจงจำเอาไว้ พยายามอย่าทำให้พวกนางหาเจอได้ง่ายๆ แต่ก็อย่าซ่อนจนพวกนางหาไม่เจอ จงแสร้งทำเสมือนว่าถูกพวกนางพบเห็นเข้าโดยมิได้ตั้งใจ จากนั้นเมื่อเจ้ากลับมาพบว่าพวกนางค้นพบแล้ว เจ้าจงแสดงท่าทางกระวนกระวายใจ เข้าใจหรือไม่?”

แม้จะไม่เข้าใจนัก แต่ป๋ายซูเป็นคนเชื่อฟังคำสั่ง ดังนั้นจึงพยักหน้ารับคำ พรุ่งนี้นางจะทำตามคำสั่งของนายหญิงให้จงได้

“นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปจงบอกคนอื่นว่าข้าต้องดูแลองค์ชายสิบ ดังนั้นจึงไม่อาจไปสำนักหมอหลวงหรือพบปะผู้ใดได้”

หลินเมิ้งหยารู้สึกเสมอว่าป๋ายซูต้องทนลำบากมากในการเข้านอกออกในรับใช้นางแต่เพียงผู้เดียว แต่เพราะสาวใช้อีกสามคนไร้ซึ่งวิทยายุทธ์ในการป้องกันตัว ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องพึ่งป๋ายซูเพียงผู้เดียว

หลินเมิ้งหยารู้ดีว่าหลงเทียนอวี้เป็นคนที่ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหว

การมาของหลงเทียนอวี้ในวันนี้ทำให้คนของสำนักหมอหลวงถูกลดทอนอำนาจลง ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีคำขอร้องเล็กๆ น้อยๆ กับหลงเทียนอวี้ นางเชื่อมั่นว่าพวกหมอหลวงจะไม่มีโอกาสทำท่าหยิ่งผยองอีกต่อไปแล้ว

นอนกอดความหวังอันสวยงามก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด

เมื่อลืมตาอีกครั้ง หลินเมิ้งหยาได้เห็นดวงตากลมโตสีดำคู่หนึ่งจ้องมาทางตน

กะพริบตาปริบๆ อีกฝ่ายเองก็กะพริบตาตาม นางขยี้ตาเล็กน้อย มือเล็กๆ ของอีกฝ่ายก็ขยับตามนางเช่นเดียวกัน

“เด็กน้อย เจ้าตื่นแต่เช้าเพื่อมาเลียนแบบข้าอย่างนั้นหรือ?”

ยื่นมือเข้าไปหยิกแก้มนุ่มนิ่มอวบอิ่มของเด็กน้อย ทันทีที่ลืมตาก็ได้เจอหลงเทียนอวี้ฉบับย่อส่วน อารมณ์ของหลินเมิ้งหยาจึงดีขึ้นมาก

“ไม่ใช่เสียหน่อย! หมู่เฟยบอกว่าห้ามมิให้ข้าออกห่างจากพี่สะใภ้สามแม้เพียงก้าวเดียว ข้าก็เลยมาปกป้องท่าน”

เด็กน้อยขมุบขมิบปากบ่นงึมงำ

มองดูเจ้าวายร้ายที่ตั้งใจบิดเบือนคำพูดของหมู่เฟยตนเอง หลินเมิ้งหยานึกสนุกขึ้นมา ครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจสั่งสอนบางอย่างแก่เขา

“ดี ในเมื่อเจ้าต้องมาอยู่เคียงข้างข้า เช่นนั้นมาเล่นกับข้าสักหน่อยเถิด หากเจ้าชนะ ไม่ว่าข้าไปที่ใดก็จะพาเจ้าไปด้วย แต่ถ้าหากเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องอยู่แต่เพียงที่นี่ ห้ามออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 11 บทที่ 311 ภาพวาดสื่อรัก

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 11 บทที่ 311 ภาพวาดสื่อรัก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้นมา ก่อนจะพบว่ามันคือสมุดภาพวาด

หลินเมิ้งหยาพลิกดูทีละภาพ…ภาพตำหนักหลิวซิน

ทั้งเสี่ยวป๋าย เสือน้อย นางและสาวใช้ทั้งสี่ มีกระทั่งภาพท่านอาจารย์ซึ่งกำลังยุ่งวุ่นวายอยู่ในห้องหิน

ทั้งที่นางเพิ่งจะจากมาเพียงไม่กี่วัน แต่นางกลับคิดถึงคนในจวนอวี้เหลือเกิน

ริมฝีปากเผยรอยยิ้มแทนความรู้สึกภายในใจ แม้แต่ป๋ายซูเองก็หันหน้ามามองด้วยความสงสัยว่าสมุดภาพเล่มนั้นคือภาพอะไร

“นี่…ตำหนักของพวกเรามิใช่หรือเจ้าคะ? คิดไม่ถึงเลยว่าท่านอ๋องจะใส่ใจถึงเพียงนี้”

ดวงตาของหลินเมิ้งหยาเปล่งประกายเสมือนมองเห็นอัญมณีล้ำค่า ทั้งที่มันเป็นเพียงภาพวาดขาวดำเท่านั้น แต่ทว่ากลับมีความหมายมากกว่าคำพูดเยินยอมากกว่าร้อยเท่าพันเท่า คำบางคำที่มิอาจพูดออกมาได้ แต่กลับสื่อความหมายอย่างลึกซึ้งผ่านปลายพู่กัน

“แค่เขียนจดหมายก็พอแล้วนี่นา เหตุใดท่านอ๋องจึงต้องเสียแรงโดยไร้ประโยชน์เช่นนี้?”

ป๋ายซูหยักยิ้มขณะมองภาพวาดพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัย

“บางทีอาจเพราะท่านอ๋องรู้สึกว่าไม่อยากพูดเรื่องหยุมหยิมเหล่านี้ออกมาตรงๆกระมัง”

หลังจากชื่นชมภาพวาดเสร็จ หลินเมิ้งหยาก็นำไปเก็บเอาไว้อย่างดี

นับวันนางยิ่งไม่เข้าใจหลงเทียนอวี้ เขามักทำเรื่องไม่คาดฝันเสมอ แต่ถึงกระนั้นเขาก็มักจะมีเหตุผลของตนเอง

เก็บของเอาไว้อย่างดี หลงเทียนอวี้ส่งของใช้มาให้บางส่วนและเงินจำนวนไม่น้อย ดูเหมือนเขาจะรู้ดีว่าวังหลวงแห่งนี้จำเป็นต้องใช้สิ่งใดบ้าง

“พวกเรากลับกันเร็วหน่อยเถิด วันนี้ข้าอารมณ์ดีเหลือเกิน”

หลินเมิ้งหยาปรายตามองเหล่าหมอหลวงซึ่งกำลังยืนเก้ๆ กังๆ อยู่ด้านนอก นางควรจะปล่อยให้พวกเขาได้หายใจหายคอคล่องอีกสักหน่อย

เพียงกลับมาถึงเรือนเล็ก เจินจูและหมาหน่าวรีบเข้ามาต้อนรับด้วยท่าทีว่านอนสอนง่าย

หลินเมิ้งหยาแสดงความมีน้ำใจโดยการมอบเงินให้แก่พวกนางเล็กน้อย ทั้งสองมองหน้ากันไปมา ตอนแรกพวกนางคิดว่าชีวิตของตนจะจบสิ้นแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้รับรางวัลเช่นนี้

หลินเมิ้งหยามองดูสีหน้าท่าทางตกตะลึงของพวกนางทั้งสอง นางไม่เข้าใจฮองเฮาเลยว่าเพราะเหตุใดจึงส่งพวกนางที่ไม่รู้จักกระทั่งการเก็บอารมณ์มาคอยสอดแนมตนเอง

ฮองเฮาประเมินนางต่ำเกินไปหรือคิดว่าพวกนางทั้งสองเป็นคนระดับเดียวกับตนเองกันแน่นะ

“ไม่ทราบว่าท่านคือชายาอวี้ใช่หรือไม่?”

ด้านนอก เสียงอ่อนหวานเสียงหนึ่งดังขึ้น

หลินเมิ้งหยาหมุนตัว ก่อนจะเห็นเป็นผู้หญิงในชุดสีเทา

แสดงสีหน้าสงสัย ป๋ายซูซึ่งยืนอยู่ด้านข้างรีบเข้าไปสอบถาม หลังจากสนทนากันสองสามประโยค ป๋ายซูจึงเข้ามารายงาน

“นายหญิง แม่นางหลิวเป็นคนของพระสนมเสียนเฟยและเป็นแม่นมขององค์ชายสิบ นางต้องการถามว่าท่านสะดวกจะให้ส่งองค์ชายสิบมาเมื่อใด”

ขณะกำลังรายงาน แม่นางหลิวรีบเข้ามาถวายคำนับ ใบหน้ากลมกลึงมีน้ำมีนวล เสื้อผ้าเรียบง่าย

อันที่จริงชีวิตของคนเป็นแม่นมล้วนขมขื่น หากมิใช่เพราะชีวิตอัตคัดลำบากยากแค้นแล้วล่ะก็ พวกนางคงไม่จากลูกน้อยของตนเองมาเพื่อเลี้ยงดูลูกของคนอื่นหรอก

“หนู่ปี้ขอถวายพระพรพระชายา ขอให้พระชายาอายุยืนหมื่นปี”

หลินเมิ้งหยาแย้มยิ้มก่อนจะสนทนากับนางสองสามประโยค

ส่วนใหญ่เป็นการถามไถ่เรื่องอาการขององค์ชายสิบ เจินจูและหมาหน่าวพยายามเงี่ยหูฟัง แต่กลับถูกป๋ายซูไล่ไปทำความสะอาดห้องเพื่อรอรับองค์ชายสิบ

เมื่อเห็นว่าไม่มีคนนอกแล้ว หลินเมิ้งหยาจึงพาแม่นมเข้าไปในห้อง

“พระสนมเสียนเฟยมีสิ่งใดที่รับสั่งมาอีกหรือไม่?”

ภายในห้องค่อนข้างเงียบ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีป๋ายซูคอยดูแล ดังนั้นจึงปลอดภัยเป็นอย่างมาก

ในเมื่อเลือกที่จะร่วมมือกับพระสนมเสียนเฟยแล้ว เช่นนั้นหลินเมิ้งหยาจำเป็นต้องพยายามทำให้พระสนมเสียนเฟยพึงพอใจ

“เหนียงเหนียงรับสั่งว่าจะขอมอบองค์ชายสิบให้พระชายาเป็นผู้ดูแลเพคะ หากพระชายาสามารถทำให้พ้นวิกฤติในคราวนี้ไปได้ เช่นนั้นเหนียงเหนียงจะจดจำพระคุณคราวนี้ไปชั่วชีวิต”

แม่นมแสดงสีหน้าท่าทางจริงใจ แต่หลินเมิ้งหยากลับแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ

พระสนมเสียนเฟยเป็นคนฉลาดยิ่งนัก ช่างเถิด ใครสั่งให้นางเดินเข้าไปเสนอตัวถึงหน้าประตูกันเล่า แต่ในเมื่อนางกล้าส่งองค์ชายสิบมาให้ตนเองเลี้ยงดู เช่นนั้นก็มิต่างอันใดจากการประกาศให้คนทั้งวังหลวงรู้ว่าพระสนมเสียนเฟยและหลินเมิ้งหยาเลือกเดินบนเส้นทางเดียวกัน

ฉะนั้นนางจึงไม่จำเป็นต้องปฏิเสธเรื่องนี้

“กล่าวเกินไปแล้ว พระคุณอะไรกัน ข้ากับองค์ชายสิบเพียงแต่มีโชคชะตาต้องกันเท่านั้น พวกเจ้ารีบไปพาเขามาเถิด จำเอาไว้ว่าให้ส่งเขามาขณะที่เขาหลับและอย่าลืมใส่เสื้อผ้าให้หนาหน่อยจะได้ไม่โดนอากาศเย็นระคายผิว”

อันที่จริงหลงอิงฮวาเป็นเด็กฉลาด ขอเพียงนางชี้แนะ เชื่อว่าเขาจะต้องหลอกสายตาคนทั้งวังหลวงได้อย่างแน่นอน

แม่นมรีบถอนตัวกลับไป หลินเมิ้งหยามองสวนหน้าเรือน ก่อนจะปรายตามองเจินจูและหมาหน่าวที่กำลังเดินเข้ามาในห้องของนางเงียบๆ ริมฝีปากแดงดั่งลูกเชอรี่หยักยิ้มมีเลศนัยน์

นางจำเป็นต้องใช้ประโยชน์จาก หน่วยสอดแนม อย่างพวกนางเพื่อทำให้องค์ชายสิบหลอกลวงคนทั้งวังหลวงได้

ฝีมือของพระสนมเสียนเฟยร้ายกาจยิ่งนัก เมื่อนางระเบิดอารมณ์ออกมา แม้แต่ฮองเฮายังมิอาจรับมือได้ง่ายๆ

ได้ยินมาว่าตอนนี้นางไปร้องห่มร้องไห้ที่หน้าตำหนักของฮองเฮามากกว่าสามครั้งแล้ว

ส่งเสียงคร่ำครวญอย่างน่าสงสารให้ฮองเฮาตรวจสอบเรื่องนี้

วางแผนสังหารองค์ชายอย่างอุกอาจ หากจะพูดให้ร้ายแรงมากขึ้นแล้วล่ะก็ การกระทำเยี่ยงนี้มิต่างอันใดจากการก่อกบฏ หากองค์ชายสิบตายไปโดยไม่มีใครรู้เรื่องราว เช่นนั้นหลักฐานทุกอย่างก็จะถูกทำลายไปด้วย

เหตุเพราะการยื่นมือเข้าช่วยของนาง นางมิเพียงช่วยชีวิตองค์ชายเอาไว้ได้ แต่ยังทำให้เกิดสถานการณ์ดังกล่าว คนทั้งในและนอกราชสำนักล้วนถูกผลกระทบจากเรื่องนี้ทั้งสิ้น

ฮองเฮาและไท่จื่อมิอาจรับมือกับเรื่องนี้ได้อีกต่อไป ฉะนั้นช่วงนี้จึงไม่มีใครมาหาเรื่องนางสักระยะ

ทว่าหลินเมิ้งหยารู้ดีที่สุด หากฮองเฮาคิดจะลงมือแล้วล่ะก็ เช่นนั้นคนแรกที่จะถูกกำจัดก็คือตัวนางเอง ฉะนั้นนางจะปล่อยให้ฮองเฮาสบโอกาสไม่ได้ อย่างน้อยก็จนกว่านางจะได้เข้าเฝ้าฮ่องเต้

เพียงพริบตาเดียวก็ถึงเวลาพลบค่ำ นางในคนสนิทของพระสนมเสียนเฟยพาองค์ชายสิบและแม่นมหลิวมาด้วยตนเอง

ของใช้รวมถึงของกินถูกย้ายมายังเรือนเล็กของหลินเมิ้งหยาแล้ว แม้ห้องนอนขององค์ชายสิบจะไม่ใหญ่ แต่ถึงกระนั้นก็อยู่ในตำแหน่งที่ไม่เลว ลมสามารถพัดผ่านได้สะดวก

“นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าจะต้องระมัดระวังเรื่องอาหารการกินขององค์ชายสิบให้ดี หากเกิดข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ข้าจะลงโทษพวกเจ้าสถานหนัก”

หลินเมิ้งหยาตั้งใจพูดกับเจินจูและหมาหน่าว แต่ถึงกระนั้นส่วนใหญ่แม่นมของหลงอิงฮวาจะเป็นผู้ดูแลทุกเรื่องขององค์ชายอยู่แล้ว

เท่านี้เจินจูและหมาหน่าวก็จะถูกนางทิ้งเอาไว้ที่เรือนได้ ไม่ต้องมาเกะกะรกหูรกตาอีกต่อไป ถึงอย่างไรการดูแลรับใช้องค์ชายน้อยก็ย่อมมีเรื่องให้ต้องทำมิได้หยุดหย่อน

เหตุเพราะย้ายสิ่งของซึ่งเด็กน้อยคุ้นเคยเป็นอย่างดีมาด้วย เขาจึงมิได้รู้สึกตื่นตระหนกหรือตกอยู่ในอาการนอนไม่หลับ

หลินเมิ้งหยากำชับแม่นมเอาไว้แล้วว่านอกจากเรื่องขององค์ชายสิบ งานอื่นในเรือนมิจำเป็นต้องเข้าไปช่วยเหลือ แม่นมหลิวเป็นคนเก่าแก่ของวังหลวง ดังนั้นนางย่อมรู้ดีว่าตนเองควรทำและไม่ควรทำอะไร

มองดูเด็กน้อยซึ่งกำลังหลับฝันหวานแล้ว หลินเมิ้งหยาก็พาป๋ายซูไปพักผ่อนในห้อง

ปิดประตู ป๋ายซูกลับได้เห็นนายหญิงซึ่งไม่เคยรู้สึกยินดียินร้ายกับงานฝีมือของผู้หญิงหยิบกรรไกรขึ้นมาตัดลงบนชายเสื้อ

“นายหญิง นี่ท่าน…”

คิดจะเอ่ยถาม แต่นายหญิงกลับส่งสัญญาณให้เงียบลง

ไม่นาน หลินเมิ้งหยาก็หยิบห่อกระดาษเล็กๆ ออกมาจากชายเสื้อ ก่อนจะคลี่ออกและได้เห็นตัวอักษรที่เขียนอยู่ในนั้น

อ่านให้ละเอียดอีกรอบหนึ่ง โชคดีที่ได้รับความช่วยเหลือจากระบบเซินหนง หลินเมิ้งหยารีบเผากระดาษแผ่นนั้นแล้วเปิดหน้าต่าง

“ช่วงสองสามวันนี้เจินจูและหมาหน่าวจะต้องพยายามเข้ามาตรวจสอบสิ่งของที่ข้านำกลับมาอย่างแน่นอน เจ้าจงจำเอาไว้ พยายามอย่าทำให้พวกนางหาเจอได้ง่ายๆ แต่ก็อย่าซ่อนจนพวกนางหาไม่เจอ จงแสร้งทำเสมือนว่าถูกพวกนางพบเห็นเข้าโดยมิได้ตั้งใจ จากนั้นเมื่อเจ้ากลับมาพบว่าพวกนางค้นพบแล้ว เจ้าจงแสดงท่าทางกระวนกระวายใจ เข้าใจหรือไม่?”

แม้จะไม่เข้าใจนัก แต่ป๋ายซูเป็นคนเชื่อฟังคำสั่ง ดังนั้นจึงพยักหน้ารับคำ พรุ่งนี้นางจะทำตามคำสั่งของนายหญิงให้จงได้

“นับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปจงบอกคนอื่นว่าข้าต้องดูแลองค์ชายสิบ ดังนั้นจึงไม่อาจไปสำนักหมอหลวงหรือพบปะผู้ใดได้”

หลินเมิ้งหยารู้สึกเสมอว่าป๋ายซูต้องทนลำบากมากในการเข้านอกออกในรับใช้นางแต่เพียงผู้เดียว แต่เพราะสาวใช้อีกสามคนไร้ซึ่งวิทยายุทธ์ในการป้องกันตัว ดังนั้นนางจึงจำเป็นต้องพึ่งป๋ายซูเพียงผู้เดียว

หลินเมิ้งหยารู้ดีว่าหลงเทียนอวี้เป็นคนที่ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหว

การมาของหลงเทียนอวี้ในวันนี้ทำให้คนของสำนักหมอหลวงถูกลดทอนอำนาจลง ยิ่งไปกว่านั้น นางยังมีคำขอร้องเล็กๆ น้อยๆ กับหลงเทียนอวี้ นางเชื่อมั่นว่าพวกหมอหลวงจะไม่มีโอกาสทำท่าหยิ่งผยองอีกต่อไปแล้ว

นอนกอดความหวังอันสวยงามก่อนจะผล็อยหลับไปในที่สุด

เมื่อลืมตาอีกครั้ง หลินเมิ้งหยาได้เห็นดวงตากลมโตสีดำคู่หนึ่งจ้องมาทางตน

กะพริบตาปริบๆ อีกฝ่ายเองก็กะพริบตาตาม นางขยี้ตาเล็กน้อย มือเล็กๆ ของอีกฝ่ายก็ขยับตามนางเช่นเดียวกัน

“เด็กน้อย เจ้าตื่นแต่เช้าเพื่อมาเลียนแบบข้าอย่างนั้นหรือ?”

ยื่นมือเข้าไปหยิกแก้มนุ่มนิ่มอวบอิ่มของเด็กน้อย ทันทีที่ลืมตาก็ได้เจอหลงเทียนอวี้ฉบับย่อส่วน อารมณ์ของหลินเมิ้งหยาจึงดีขึ้นมาก

“ไม่ใช่เสียหน่อย! หมู่เฟยบอกว่าห้ามมิให้ข้าออกห่างจากพี่สะใภ้สามแม้เพียงก้าวเดียว ข้าก็เลยมาปกป้องท่าน”

เด็กน้อยขมุบขมิบปากบ่นงึมงำ

มองดูเจ้าวายร้ายที่ตั้งใจบิดเบือนคำพูดของหมู่เฟยตนเอง หลินเมิ้งหยานึกสนุกขึ้นมา ครุ่นคิด ก่อนจะตัดสินใจสั่งสอนบางอย่างแก่เขา

“ดี ในเมื่อเจ้าต้องมาอยู่เคียงข้างข้า เช่นนั้นมาเล่นกับข้าสักหน่อยเถิด หากเจ้าชนะ ไม่ว่าข้าไปที่ใดก็จะพาเจ้าไปด้วย แต่ถ้าหากเจ้าแพ้ เจ้าจะต้องอยู่แต่เพียงที่นี่ ห้ามออกไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+