ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ เล่มที่ 10 บทที่ 298 เจินจู หมาหน่าว

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 10 บทที่ 298 เจินจู หมาหน่าว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้าไม่ไป มันอันตรายเกินไปที่จะปล่อยให้นายหญิงอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว แม้ป๋ายซูจะมีวิทยายุทธ แต่ถ้าหากไม่มีใครดูแลนายหญิงแล้วท่านเกิดป่วยขึ้นมาจะทำเช่นไร?”

คำพูดไม่เหมือนป๋ายจีที่เคยว่านอนสอนง่ายอย่างที่ผ่านมา

สาวใช้อีกสองคนรีบพยักหน้าเห็นด้วย เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ทำให้พวกนางตื่นตระหนกจริงๆ

เหล่านั้นคือมีดและดาบจริงๆ แต่พวกนางกลับต้องมาเห็นภาพคนเข่นฆ่ากัน หญิงสาวคนหนึ่งที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลินเมิ้งหยาถูกสังหารต่อหน้าต่อตาพวกนาง พื้นตำหนักอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนั้นยังเบิกตาโพลง

ฉะนั้นพวกนางจึงอยากอยู่เคียงข้างหลินเมิ้งหยา

หากวันหนึ่งนายหญิงต้องเจอเรื่องอันตรายขึ้นมา อย่างน้อยพวกนางก็สามารถใช้ชีวิตของตนตอบแทนบุญคุณของหลินเมิ้งหยาได้

“ข้าเป็นหมอนะ ไม่มีทางเป็นอะไรไปง่ายๆ อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต ข้ารู้ว่าเรื่องในวันนี้ทำให้พวกเจ้าเป็นกังวล แต่พวกเจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหากมีคนคิดร้ายกับพวกเจ้าและนำพวกเจ้ามาข่มขู่ข้า เช่นนั้นข้าจะไม่ยิ่งตกอยู่ในอันตรายหรอกหรือ? ฉะนั้นสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือไปหลบซ่อนตัวในร้านกลุ่มสามสหาย โชคดีที่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน พวกเจ้าจงไปรอข้าอยู่ที่นั่น เมื่อข้าออกจากวังหลวงแล้ว ข้าจะไปหาพวกเจ้าอย่างแน่นอน”

หลินเมิ้งหยาผินหน้าไปอีกทาง หยาดน้ำตาเอ่อล้นจากขอบตา

อย่าว่าแต่ป๋ายจื่อที่เติบโตมาพร้อมกันกับนางเลย นางรู้สึกมิอาจทำใจแยกจากสาวใช้อีกสองคนที่เหลือได้ง่ายๆ

แต่วังหลวงมีอันตรายอยู่รอบด้าน แม้แต่นางเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาตัวรอดได้ นางจึงต้องส่งคนที่นางเป็นห่วงที่สุดไปอยู่ในที่ปลอดภัย เท่านี้นางก็จะสบายใจ

บรรยากาศเงียบสงัดจนทำให้พวกนางรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน

ท้องฟ้าเริ่มสว่างไสว หลินเมิ้งหยาบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นจากที่นอน

ที่แห่งนี้มีอันตรายอยู่ทุกย่างก้าว ฉะนั้นนางต้องระมัดระวังให้ดี

โชคดีที่มีระบบเซินหนง หลินเมิ้งหยากดเปิดโหมดการนอน นางจึงได้หลับเต็มตื่น

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความเมื่อยล้าในร่างกายพลันหายไป

เพียงเลิกผ้าห่มออก นางก็ได้เห็นภาพเรือนหลังใหม่

“ป๋ายซู? ป๋ายซู?”

ห้องว่างเปล่า ไร้ซึ่งเงาของสาวใช้ทั้งสี่

หรือเพราะนางเปิดโหมดการนอนนานเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกตัวว่าสาวใช้ของตนเองถูกลักพาตัวไปแล้ว?

นางรู้สึกกระวนกระวาย แต่เมื่อได้เห็นร่างอันคุ้นเคย นางจึงกลับมาหายใจคล่องขึ้นอีกครั้ง

แม้ใบหน้าของป๋ายซูจะเย็นชา แต่กลับไม่กระวนกระวาย ดูเหมือนนางจะคิดมากไปเอง

“นายหญิงตื่นแล้วหรือ ข้าจะประคองท่านล้างหน้าเอง”

ส่งเสียงดังประหนึ่งต้องการให้ใครได้ยิน

หลินเมิ้งหยาผงกศีรษะลง ดูเหมือนระหว่างที่นางนอนหลับจะมีคนมายุ่งกับสาวใช้ของนางเข้าให้แล้ว

“พวกป๋ายจีถูกส่งออกไปนอกวังแล้วเจ้าค่ะ พ่อบ้านเติ้งเดินทางมารับด้วยตัวเอง ส่วนของเหล่านี้เป็นของที่คนพวกนั้นเอามาเปลี่ยนให้ตอนที่พวกข้าออกไป ข้าตรวจสอบดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติเจ้าค่ะ”

ป๋ายซูยกน้ำอุ่นเข้ามาล้างหน้าและมือให้กับนาง จากนั้นจึงจัดแต่งทรงผมและเสื้อผ้าให้

เพียงมองลอดประตูออกไปนางก็ได้เห็นบริเวณโดยรอบ

เสมือนว่าฮองเฮากำลังเตือนนาง ในวังหลวงแห่งนี้ นางสามารถตัดสินใจได้ว่าตนเองจะได้อยู่เรือนแบบไหนหรือมีชีวิตเช่นไร

เหตุการณ์พลิกผันเพียงเวลาชั่วข้ามคืน ฮองเฮาต้องการจะบอกนางว่าวังหลวงแห่งนี้ตกอยู่ในอำนาจของนาง

นางเป็นมารดาของอาณาจักร ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ทำไมต้องเล่นใหญ่เล่นโตขนาดนี้กันนะ?

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาหารเช้าของหลินเมิ้งหยาถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ

นางรู้สึกได้ถึงความเงียบสงบ ไม่นานก็ถึงช่วงเวลากลางวัน พ่อบ้านเติ้งมิเพียงมารับคน แต่เขายังนำของมาส่งให้

ตอนนี้ ไม่สิ อาจจะตลอดไป นางคงมิอาจกลับไปยังตำหนักหลิวซินได้อีกแล้ว แต่ภาพตำหนักที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามจะคงอยู่ในความทรงจำของนางตลอดไป นางจะไม่มีวันลืม

หลังจากกินอาหารแล้ว คนที่ฮองเฮาส่งมารับใช้นางมารอท่าอยู่ด้านนอก

นางในท่าทางฉลาดเฉลียวและมีความสามารถสองคนและน้าชิงหลานที่นำทางนางมาที่นี่เมื่อวานย่อตัวถวายคำนับ

“ถวายพระพรพระชายา ฮองเฮาได้ยินมาว่าพระองค์ส่งสาวใช้ของตนเองกลับไปยังจวนอวี้ พระนางจึงกังวลว่าพระองค์จะไม่ได้รับความสะดวกสบาย ดังนั้นจึงรับสั่งให้หนู่ปี้ส่งสาวใช้สองคนนี้มาคอยรับใช้ คนหนึ่งชื่อว่าเจินจู อีกคนชื่อว่าหมาหน่าว ล้วนเป็นสาวใช้ที่มีความสามารถของฝ่ายในเพคะ มาถวายพระพรพระชายาตรงนี้สิ ต่อจากนี้ไปพวกเจ้าต้องอยู่รับใช้พระชายา”

ไม่รอให้หลินเมิ้งหยาปฏิเสธ ชิงหลานตัดสินใจทั้งหมดในทันที

หลินเมิ้งหยาแค่นหัวเราะในใจ นี่เป็นเพียงข้ออ้างเสียมากกว่า แท้ที่จริงคงถูกส่งมาเพื่อจับตามองนาง

เรือนเล็กทรุดโทรมสกปรกโสมมถูกเก็บกวาดจนสะอาดสะอ้าน ดูเหมือนฮองเฮาจะไม่อยากถูกครหากระมัง

“ขอบใจท่านน้ามาก หมู่โฮ่วใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่เพียงมอบเรือนเล็กอันแสนสง่างาม แต่ยังส่งสาวใช้มากความสามารถมาให้อีกสองคนดูเหมือนข้าจะต้องไปขอบพระทัยฮองเฮาด้วยตนเอง”

หลินเมิ้งหยาแย้มยิ้มอ่อนโยน

ในเมื่อเขาโยนมาให้ นางเองก็ต้องรับ วังหลวงใหญ่โตขนาดนี้ นางทำสิ่งใดลงไป ทุกคนก็คงจะเห็นกันหมด

ในเมื่อไม่อาจต่อต้านได้ เช่นนั้นก้มหน้ายอมรับจะดีกว่า

“ถวายพระพรพระชายา ขอพระชายาอายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”

เจินจูและหมาหน่าวคุกเข่าถวายคำนับ ก่อนจะกล่าวอวยพรจนมิอาจทำใจรังเกียจพวกนางได้

แต่หลินเมิ้งหยารู้ดี ในวังหลวงแห่งนี้ นอกจากป๋ายซูแล้ว นางมิอาจไว้ใจใครได้

“ไม่จำเป็นต้องเข้าไปขอบพระทัยหรอกเพคะ เมื่อคืนเหนียงเหนียงตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก จึงอยากพักผ่อนในตำหนักสักสองสามวัน หนู่ปี้จะไปแจ้งข่าวให้เหนียงเหนียงทราบเอง พระชายายังมีงานให้ทำอีกมาก หนู่ปี้ทูลลา”

ชิงหลานถวายคำนับ ก่อนจะทิ้งพวกหลินเมิ้งหยาเอาไว้ทางด้านหลัง

มองดูเจินจูและหมาหน่าวอีกครั้ง หลินเมิ้งหยาก้มหน้าอ่านหนังสือในมือ ท่วงท่าสง่างาม ไร้ซึ่งความอ่อนโยนเหมือนตอนที่อยู่กับพวกสาวใช้ของตัวเอง

นางไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนกับพรรคพวกของศัตรู

แม้จะบอกว่าให้มาดูพระอาการประชวรของฮ่องเต้ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนถูกนำมาโยนทิ้งลงถังขยะเสียมากกว่า นอกจากสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติข้างกายตลอดเวลาแล้ว เรือนเล็กหลังนี้กลับมีบรรยากาศอันแสนเย็นยะเยือก

“ป๋ายซู พวกนางทั้งสองมีวิทยายุทธหรือไม่?”

นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง หลินเมิ้งหยาตั้งสมาธิมั่น

ป๋ายซูชำเลืองมอง ก่อนจะส่ายหน้า

หลินเมิ้งหยาแอบหัวเราะในใจ สาวใช้ที่มีวิทยายุทธหาใช่จะเจอได้ตามท้องถนนเสียเมื่อไหร่

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ไปที่สำนักหมอหลวงกันเถิด”

แม้จะถูกส่งมาอยู่ที่เรือนเล็ก แต่หลินเมิ้งหยาไม่ได้โง่ขนาดที่จะบุกไปยังตำหนักชิงกงของฮ่องเต้

ทั้งที่เรือนเล็กของนางอยู่ห่างจากตำหนักของฮ่องเต้เพียงแค่กำแพงกั้น แต่นางต้องใจเย็น อีกฝั่งหนึ่งของกำแพงหาใช่สถานที่ที่จะเข้าไปได้ง่ายๆ

แม้ฮองเฮาจะไม่ได้ส่งคนมาคุ้มกันนาง แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะออกไปจากที่นี่ได้

ดูเหมือนวังหลวงแห่งนี้จะไม่ต่างอันใดจากแผ่นเหล็ก ฮองเฮาคงมั่นใจแล้วว่านางคงไม่มีทางก่อเรื่องอันใดได้?

เพียงเดินมาถึงหน้าประตู เจินจูและหมาหน่าวรีบเข้ามาขวางหน้านาง

เพียงชิงหลานจากไป พวกนางก็เริ่มเผยธาตุแท้ที่แท้จริง

สายตามิได้แสดงออกถึงความเคารพหลินเมิ้งหยาเลยแม้แต่น้อย

“พวกเจ้าจะทำอะไร? บังอาจนัก ไฉนจึงกล้ามาขวางทางพระชายา”

ป๋ายซูโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก นางชี้หน้าตำหนิหญิงสาวทั้งสอง

เจินจูรูปร่างสูงกว่าป๋ายซูมาก แม้จะยังเด็ก ทว่าใบหน้ากลับแสดงออกถึงความกร้านโลกอย่างชัดเจน นางใช้สายตามองป๋ายซูขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะกล่าวเยาะเย้ย

“แม่นางคนนี้พูดผิดแล้ว พวกหนู่ปี้เป็นสาวใช้ที่ถูกส่งมารับใช้พระชายา วังหลวงแห่งนี้หาใช่จวนที่พวกเจ้าอยู่อาศัยไม่ ที่นี่กว้างขวาง มีกฎระเบียบมากมาย พวกหนู่ปี้เพียงแค่หวังดี หากพระชายาทำสิ่งใดผิดพลาดขึ้นมา เกรงว่าจะเสียหน้าจวนอวี้เอาได้”

ป๋ายซูคิดไม่ถึงเลยว่าเจินจูจะแสดงอากัปกิริยาเช่นนี้

แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยถูกดูถูกเช่นนี้มาก่อน

ป๋ายซูจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา ขณะที่คิดจะเข้าไปสั่งสอนพวกนาง มือของหลินเมิ้งหยาพลันเอื้อมเข้ามาวางบนบ่า

“หากพวกเจ้าต้องการเช่นนั้นก็ตามมา ถึงอย่างไรข้าก็ไม่รู้จักทางในวังหลวง มีคนนำทางก็ดี ข้าอยากไปที่สำนักหมอหลวง คงต้องรบกวนพวกเจ้านำทางแล้ว”

ป๋ายซูคิดไม่ถึงเลยว่านายหญิงจะแสดงท่าทางใจดีเช่นนี้

ทว่าอีกฝ่ายกลับกะพริบตาปริบๆ ป๋ายซูเข้าใจในทันที นายหญิงไม่มีทางปล่อยให้ใครรังแกได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน

ดูเหมือนจะมีคนโชคร้ายเข้าให้แล้ว

“พระชายาปราดเปรื่องยิ่งนัก สำนักหมอหลวงอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล เชิญพระชายาเสด็จเถิดเพคะ”

เจินจูกระหยิ่มยิ้มย่อง ก่อนจะเดินนำหน้าหลินเมิ้งหยาด้วยท่าทางหยิ่งผยอง

“วังหลวงไม่เหมือนบ้านของชาวบ้านทั่วไป ทุกแห่งทุกหนล้วนมีกฎระเบียบวางไว้อย่างชัดเจน พระชายาได้โปรดระวังฝีเท้าด้วยเพคะ ด้านหน้าคือตำหนักเจาหยางที่ฮ่องเต้ใช้ว่าราชการกับพวกขุนนาง ด้านหลังคือตำหนักชิงกงของฮ่องเต้ ที่นี่หาใช่สถานที่ที่พระชายาหรือองค์หญิงจะเสด็จมาได้ เหตุเพราะฮองเฮาให้เกียรติพระชายา ดังนั้นจึงให้พระองค์มาอยู่ที่นี่”

เจินจูกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพนับถือฮองเฮา ก่อนจะร่ายกฎระเบียบที่นางไม่เข้าใจ

หลินเมิ้งหยามิได้ใส่ใจกับน้ำเสียงเย้ยหยันเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้

ทว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามที่นางพูด เช่นนั้นนางยิ่งต้องระมัดระวังตัวเอง

“เพียงเดินตรงไปและผ่านไปอีกสองประตูก็จะถึงสำนักหมอหลวงแล้วเพคะ แต่พระชายาจะต้องจำเวลาให้ดี หากเกินเวลาเมื่อไร ประตูจะถูกลงกลอนและจะไม่มีใครมาเปิดให้ หากพระชายามาทำงานที่สำนักหมอหลวง เช่นนั้นอย่าได้ลืมเรื่องเวลาเป็นอันขาดเพคะ เพราะหากลืมคงจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นอย่างแน่นอน”

เวลา? หลินเมิ้งหยาท่องไว้ในใจ ที่นี่หาใช่จวนอวี้ ซ้ำนางยังไม่มีคนที่คอยพากระโดดปีนป่ายกำแพงอย่างชิงหูแล้วด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ เล่มที่ 10 บทที่ 298 เจินจู หมาหน่าว

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 10 บทที่ 298 เจินจู หมาหน่าว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ข้าไม่ไป มันอันตรายเกินไปที่จะปล่อยให้นายหญิงอยู่ที่นี่เพียงคนเดียว แม้ป๋ายซูจะมีวิทยายุทธ แต่ถ้าหากไม่มีใครดูแลนายหญิงแล้วท่านเกิดป่วยขึ้นมาจะทำเช่นไร?”

คำพูดไม่เหมือนป๋ายจีที่เคยว่านอนสอนง่ายอย่างที่ผ่านมา

สาวใช้อีกสองคนรีบพยักหน้าเห็นด้วย เห็นได้ชัดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้ทำให้พวกนางตื่นตระหนกจริงๆ

เหล่านั้นคือมีดและดาบจริงๆ แต่พวกนางกลับต้องมาเห็นภาพคนเข่นฆ่ากัน หญิงสาวคนหนึ่งที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหลินเมิ้งหยาถูกสังหารต่อหน้าต่อตาพวกนาง พื้นตำหนักอาบย้อมไปด้วยโลหิตสีแดงฉาน

เห็นได้ชัดว่าหญิงสาวคนนั้นยังเบิกตาโพลง

ฉะนั้นพวกนางจึงอยากอยู่เคียงข้างหลินเมิ้งหยา

หากวันหนึ่งนายหญิงต้องเจอเรื่องอันตรายขึ้นมา อย่างน้อยพวกนางก็สามารถใช้ชีวิตของตนตอบแทนบุญคุณของหลินเมิ้งหยาได้

“ข้าเป็นหมอนะ ไม่มีทางเป็นอะไรไปง่ายๆ อย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่ได้คิดจะอยู่ที่นี่ไปตลอดชีวิต ข้ารู้ว่าเรื่องในวันนี้ทำให้พวกเจ้าเป็นกังวล แต่พวกเจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าหากมีคนคิดร้ายกับพวกเจ้าและนำพวกเจ้ามาข่มขู่ข้า เช่นนั้นข้าจะไม่ยิ่งตกอยู่ในอันตรายหรอกหรือ? ฉะนั้นสิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือไปหลบซ่อนตัวในร้านกลุ่มสามสหาย โชคดีที่ไม่มีใครรู้เรื่องนี้มาก่อน พวกเจ้าจงไปรอข้าอยู่ที่นั่น เมื่อข้าออกจากวังหลวงแล้ว ข้าจะไปหาพวกเจ้าอย่างแน่นอน”

หลินเมิ้งหยาผินหน้าไปอีกทาง หยาดน้ำตาเอ่อล้นจากขอบตา

อย่าว่าแต่ป๋ายจื่อที่เติบโตมาพร้อมกันกับนางเลย นางรู้สึกมิอาจทำใจแยกจากสาวใช้อีกสองคนที่เหลือได้ง่ายๆ

แต่วังหลวงมีอันตรายอยู่รอบด้าน แม้แต่นางเองก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาตัวรอดได้ นางจึงต้องส่งคนที่นางเป็นห่วงที่สุดไปอยู่ในที่ปลอดภัย เท่านี้นางก็จะสบายใจ

บรรยากาศเงียบสงัดจนทำให้พวกนางรู้สึกว่าค่ำคืนนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน

ท้องฟ้าเริ่มสว่างไสว หลินเมิ้งหยาบังคับตัวเองให้ลุกขึ้นจากที่นอน

ที่แห่งนี้มีอันตรายอยู่ทุกย่างก้าว ฉะนั้นนางต้องระมัดระวังให้ดี

โชคดีที่มีระบบเซินหนง หลินเมิ้งหยากดเปิดโหมดการนอน นางจึงได้หลับเต็มตื่น

เมื่อตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ความเมื่อยล้าในร่างกายพลันหายไป

เพียงเลิกผ้าห่มออก นางก็ได้เห็นภาพเรือนหลังใหม่

“ป๋ายซู? ป๋ายซู?”

ห้องว่างเปล่า ไร้ซึ่งเงาของสาวใช้ทั้งสี่

หรือเพราะนางเปิดโหมดการนอนนานเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่รู้สึกตัวว่าสาวใช้ของตนเองถูกลักพาตัวไปแล้ว?

นางรู้สึกกระวนกระวาย แต่เมื่อได้เห็นร่างอันคุ้นเคย นางจึงกลับมาหายใจคล่องขึ้นอีกครั้ง

แม้ใบหน้าของป๋ายซูจะเย็นชา แต่กลับไม่กระวนกระวาย ดูเหมือนนางจะคิดมากไปเอง

“นายหญิงตื่นแล้วหรือ ข้าจะประคองท่านล้างหน้าเอง”

ส่งเสียงดังประหนึ่งต้องการให้ใครได้ยิน

หลินเมิ้งหยาผงกศีรษะลง ดูเหมือนระหว่างที่นางนอนหลับจะมีคนมายุ่งกับสาวใช้ของนางเข้าให้แล้ว

“พวกป๋ายจีถูกส่งออกไปนอกวังแล้วเจ้าค่ะ พ่อบ้านเติ้งเดินทางมารับด้วยตัวเอง ส่วนของเหล่านี้เป็นของที่คนพวกนั้นเอามาเปลี่ยนให้ตอนที่พวกข้าออกไป ข้าตรวจสอบดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติเจ้าค่ะ”

ป๋ายซูยกน้ำอุ่นเข้ามาล้างหน้าและมือให้กับนาง จากนั้นจึงจัดแต่งทรงผมและเสื้อผ้าให้

เพียงมองลอดประตูออกไปนางก็ได้เห็นบริเวณโดยรอบ

เสมือนว่าฮองเฮากำลังเตือนนาง ในวังหลวงแห่งนี้ นางสามารถตัดสินใจได้ว่าตนเองจะได้อยู่เรือนแบบไหนหรือมีชีวิตเช่นไร

เหตุการณ์พลิกผันเพียงเวลาชั่วข้ามคืน ฮองเฮาต้องการจะบอกนางว่าวังหลวงแห่งนี้ตกอยู่ในอำนาจของนาง

นางเป็นมารดาของอาณาจักร ทั้งที่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ทำไมต้องเล่นใหญ่เล่นโตขนาดนี้กันนะ?

หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาหารเช้าของหลินเมิ้งหยาถูกนำมาวางไว้บนโต๊ะ

นางรู้สึกได้ถึงความเงียบสงบ ไม่นานก็ถึงช่วงเวลากลางวัน พ่อบ้านเติ้งมิเพียงมารับคน แต่เขายังนำของมาส่งให้

ตอนนี้ ไม่สิ อาจจะตลอดไป นางคงมิอาจกลับไปยังตำหนักหลิวซินได้อีกแล้ว แต่ภาพตำหนักที่ถูกตกแต่งอย่างสวยงามจะคงอยู่ในความทรงจำของนางตลอดไป นางจะไม่มีวันลืม

หลังจากกินอาหารแล้ว คนที่ฮองเฮาส่งมารับใช้นางมารอท่าอยู่ด้านนอก

นางในท่าทางฉลาดเฉลียวและมีความสามารถสองคนและน้าชิงหลานที่นำทางนางมาที่นี่เมื่อวานย่อตัวถวายคำนับ

“ถวายพระพรพระชายา ฮองเฮาได้ยินมาว่าพระองค์ส่งสาวใช้ของตนเองกลับไปยังจวนอวี้ พระนางจึงกังวลว่าพระองค์จะไม่ได้รับความสะดวกสบาย ดังนั้นจึงรับสั่งให้หนู่ปี้ส่งสาวใช้สองคนนี้มาคอยรับใช้ คนหนึ่งชื่อว่าเจินจู อีกคนชื่อว่าหมาหน่าว ล้วนเป็นสาวใช้ที่มีความสามารถของฝ่ายในเพคะ มาถวายพระพรพระชายาตรงนี้สิ ต่อจากนี้ไปพวกเจ้าต้องอยู่รับใช้พระชายา”

ไม่รอให้หลินเมิ้งหยาปฏิเสธ ชิงหลานตัดสินใจทั้งหมดในทันที

หลินเมิ้งหยาแค่นหัวเราะในใจ นี่เป็นเพียงข้ออ้างเสียมากกว่า แท้ที่จริงคงถูกส่งมาเพื่อจับตามองนาง

เรือนเล็กทรุดโทรมสกปรกโสมมถูกเก็บกวาดจนสะอาดสะอ้าน ดูเหมือนฮองเฮาจะไม่อยากถูกครหากระมัง

“ขอบใจท่านน้ามาก หมู่โฮ่วใส่ใจในทุกรายละเอียด ไม่เพียงมอบเรือนเล็กอันแสนสง่างาม แต่ยังส่งสาวใช้มากความสามารถมาให้อีกสองคนดูเหมือนข้าจะต้องไปขอบพระทัยฮองเฮาด้วยตนเอง”

หลินเมิ้งหยาแย้มยิ้มอ่อนโยน

ในเมื่อเขาโยนมาให้ นางเองก็ต้องรับ วังหลวงใหญ่โตขนาดนี้ นางทำสิ่งใดลงไป ทุกคนก็คงจะเห็นกันหมด

ในเมื่อไม่อาจต่อต้านได้ เช่นนั้นก้มหน้ายอมรับจะดีกว่า

“ถวายพระพรพระชายา ขอพระชายาอายุยืนหมื่นปีหมื่นหมื่นปี”

เจินจูและหมาหน่าวคุกเข่าถวายคำนับ ก่อนจะกล่าวอวยพรจนมิอาจทำใจรังเกียจพวกนางได้

แต่หลินเมิ้งหยารู้ดี ในวังหลวงแห่งนี้ นอกจากป๋ายซูแล้ว นางมิอาจไว้ใจใครได้

“ไม่จำเป็นต้องเข้าไปขอบพระทัยหรอกเพคะ เมื่อคืนเหนียงเหนียงตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก จึงอยากพักผ่อนในตำหนักสักสองสามวัน หนู่ปี้จะไปแจ้งข่าวให้เหนียงเหนียงทราบเอง พระชายายังมีงานให้ทำอีกมาก หนู่ปี้ทูลลา”

ชิงหลานถวายคำนับ ก่อนจะทิ้งพวกหลินเมิ้งหยาเอาไว้ทางด้านหลัง

มองดูเจินจูและหมาหน่าวอีกครั้ง หลินเมิ้งหยาก้มหน้าอ่านหนังสือในมือ ท่วงท่าสง่างาม ไร้ซึ่งความอ่อนโยนเหมือนตอนที่อยู่กับพวกสาวใช้ของตัวเอง

นางไม่จำเป็นต้องอ่อนโยนกับพรรคพวกของศัตรู

แม้จะบอกว่าให้มาดูพระอาการประชวรของฮ่องเต้ แต่นางกลับรู้สึกเหมือนถูกนำมาโยนทิ้งลงถังขยะเสียมากกว่า นอกจากสาวใช้ที่คอยปรนนิบัติข้างกายตลอดเวลาแล้ว เรือนเล็กหลังนี้กลับมีบรรยากาศอันแสนเย็นยะเยือก

“ป๋ายซู พวกนางทั้งสองมีวิทยายุทธหรือไม่?”

นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้อง หลินเมิ้งหยาตั้งสมาธิมั่น

ป๋ายซูชำเลืองมอง ก่อนจะส่ายหน้า

หลินเมิ้งหยาแอบหัวเราะในใจ สาวใช้ที่มีวิทยายุทธหาใช่จะเจอได้ตามท้องถนนเสียเมื่อไหร่

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ไปที่สำนักหมอหลวงกันเถิด”

แม้จะถูกส่งมาอยู่ที่เรือนเล็ก แต่หลินเมิ้งหยาไม่ได้โง่ขนาดที่จะบุกไปยังตำหนักชิงกงของฮ่องเต้

ทั้งที่เรือนเล็กของนางอยู่ห่างจากตำหนักของฮ่องเต้เพียงแค่กำแพงกั้น แต่นางต้องใจเย็น อีกฝั่งหนึ่งของกำแพงหาใช่สถานที่ที่จะเข้าไปได้ง่ายๆ

แม้ฮองเฮาจะไม่ได้ส่งคนมาคุ้มกันนาง แต่ก็มิได้หมายความว่านางจะออกไปจากที่นี่ได้

ดูเหมือนวังหลวงแห่งนี้จะไม่ต่างอันใดจากแผ่นเหล็ก ฮองเฮาคงมั่นใจแล้วว่านางคงไม่มีทางก่อเรื่องอันใดได้?

เพียงเดินมาถึงหน้าประตู เจินจูและหมาหน่าวรีบเข้ามาขวางหน้านาง

เพียงชิงหลานจากไป พวกนางก็เริ่มเผยธาตุแท้ที่แท้จริง

สายตามิได้แสดงออกถึงความเคารพหลินเมิ้งหยาเลยแม้แต่น้อย

“พวกเจ้าจะทำอะไร? บังอาจนัก ไฉนจึงกล้ามาขวางทางพระชายา”

ป๋ายซูโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก นางชี้หน้าตำหนิหญิงสาวทั้งสอง

เจินจูรูปร่างสูงกว่าป๋ายซูมาก แม้จะยังเด็ก ทว่าใบหน้ากลับแสดงออกถึงความกร้านโลกอย่างชัดเจน นางใช้สายตามองป๋ายซูขึ้นๆ ลงๆ ก่อนจะกล่าวเยาะเย้ย

“แม่นางคนนี้พูดผิดแล้ว พวกหนู่ปี้เป็นสาวใช้ที่ถูกส่งมารับใช้พระชายา วังหลวงแห่งนี้หาใช่จวนที่พวกเจ้าอยู่อาศัยไม่ ที่นี่กว้างขวาง มีกฎระเบียบมากมาย พวกหนู่ปี้เพียงแค่หวังดี หากพระชายาทำสิ่งใดผิดพลาดขึ้นมา เกรงว่าจะเสียหน้าจวนอวี้เอาได้”

ป๋ายซูคิดไม่ถึงเลยว่าเจินจูจะแสดงอากัปกิริยาเช่นนี้

แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยถูกดูถูกเช่นนี้มาก่อน

ป๋ายซูจ้องมองด้วยสายตาเย็นชา ขณะที่คิดจะเข้าไปสั่งสอนพวกนาง มือของหลินเมิ้งหยาพลันเอื้อมเข้ามาวางบนบ่า

“หากพวกเจ้าต้องการเช่นนั้นก็ตามมา ถึงอย่างไรข้าก็ไม่รู้จักทางในวังหลวง มีคนนำทางก็ดี ข้าอยากไปที่สำนักหมอหลวง คงต้องรบกวนพวกเจ้านำทางแล้ว”

ป๋ายซูคิดไม่ถึงเลยว่านายหญิงจะแสดงท่าทางใจดีเช่นนี้

ทว่าอีกฝ่ายกลับกะพริบตาปริบๆ ป๋ายซูเข้าใจในทันที นายหญิงไม่มีทางปล่อยให้ใครรังแกได้ง่ายๆ อย่างแน่นอน

ดูเหมือนจะมีคนโชคร้ายเข้าให้แล้ว

“พระชายาปราดเปรื่องยิ่งนัก สำนักหมอหลวงอยู่ห่างจากที่นี่ไม่ไกล เชิญพระชายาเสด็จเถิดเพคะ”

เจินจูกระหยิ่มยิ้มย่อง ก่อนจะเดินนำหน้าหลินเมิ้งหยาด้วยท่าทางหยิ่งผยอง

“วังหลวงไม่เหมือนบ้านของชาวบ้านทั่วไป ทุกแห่งทุกหนล้วนมีกฎระเบียบวางไว้อย่างชัดเจน พระชายาได้โปรดระวังฝีเท้าด้วยเพคะ ด้านหน้าคือตำหนักเจาหยางที่ฮ่องเต้ใช้ว่าราชการกับพวกขุนนาง ด้านหลังคือตำหนักชิงกงของฮ่องเต้ ที่นี่หาใช่สถานที่ที่พระชายาหรือองค์หญิงจะเสด็จมาได้ เหตุเพราะฮองเฮาให้เกียรติพระชายา ดังนั้นจึงให้พระองค์มาอยู่ที่นี่”

เจินจูกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพนับถือฮองเฮา ก่อนจะร่ายกฎระเบียบที่นางไม่เข้าใจ

หลินเมิ้งหยามิได้ใส่ใจกับน้ำเสียงเย้ยหยันเล็กๆ น้อยๆ เช่นนี้

ทว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามที่นางพูด เช่นนั้นนางยิ่งต้องระมัดระวังตัวเอง

“เพียงเดินตรงไปและผ่านไปอีกสองประตูก็จะถึงสำนักหมอหลวงแล้วเพคะ แต่พระชายาจะต้องจำเวลาให้ดี หากเกินเวลาเมื่อไร ประตูจะถูกลงกลอนและจะไม่มีใครมาเปิดให้ หากพระชายามาทำงานที่สำนักหมอหลวง เช่นนั้นอย่าได้ลืมเรื่องเวลาเป็นอันขาดเพคะ เพราะหากลืมคงจะเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นอย่างแน่นอน”

เวลา? หลินเมิ้งหยาท่องไว้ในใจ ที่นี่หาใช่จวนอวี้ ซ้ำนางยังไม่มีคนที่คอยพากระโดดปีนป่ายกำแพงอย่างชิงหูแล้วด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+