ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 12 บทที่ 353 รับฟังด้วยหัวใจ

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 12 บทที่ 353 รับฟังด้วยหัวใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไปไหนหรือเพคะ? ท่านอ๋องจะเสด็จไปที่ใด?”

หลินเมิ้งหยาถามตามมารยาทแต่เพียงเท่านั้น ทว่าคิ้วของหลงเทียนอวี้กลับขมวดเข้าหากัน ท่าทางเสมือนคนกำลังลำบากใจ

“แม้ตอนนี้จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ แต่มีหลายพื้นที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ฉะนั้นไท่จื่อจึงรับสั่งให้ข้านำกำลังเข้าตรวจสอบพื้นที่เพาะปลูกที่ได้รับความเสียหาย”

หลินเมิ้งหยาพยักหน้าลงโดยไม่เอ่ยอะไร การเพาะปลูกในสมัยโบราณเปรียบเสมือนหัวใจในการหล่อเลี้ยงบ้านเมือง

หากเกิดข้อผิดพลาดขึ้น เกรงว่าจะกระทบถึงชีวิตของราษฎรได้ ฉะนั้นจะปล่อยให้เกิดข้อผิดพลาดไม่ได้แม้แต่เพียงนิดเดียว

“ท่านอ๋องรับสั่งถูกแล้วเพคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ขอให้พระองค์ระมัดระวังตัวด้วย หากไท่จื่อและฮองเฮาคิดจะทำร้ายพระองค์ระหว่างทาง เกรงว่าจะเกิดเรื่องยุ่งยากเอาได้”

นางเชื่อว่าไม่มีใครกล้าลงมือทำอะไรหลงเทียนอวี้ในเมืองหลวงอย่างแน่นอน

แต่ถ้าหากพ้นประตูเมืองไปแล้วก็คงมิอาจแน่ใจได้ว่าจะเกิดสิ่งใดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นพื้นที่ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุเพลิงไหม้ในปีที่แล้วมีจำนวนค่อนข้างมาก หากจัดการไม่ดี เกรงว่าหลงเทียนอวี้อาจได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน

เรื่องนี้หาใช่เรื่องง่าย แม้แต่นางยังรู้สึกว่าค่อนข้างยุ่งยาก

“ข้ารู้ เพียงแต่…หากข้าไม่อยู่จวน เจ้าจะต้องระมัดระวังตัวให้มาก”

หลงเทียนอวี้รู้สึกได้ว่าไท่จื่อกำลังประสงค์ร้ายต่อหลินเมิ้งหยา ฉะนั้นจึงส่งเขาออกจากเมืองไปในเวลานี้

แต่ถึงกระนั้นคำกล่าวอ้างของไท่จื่อก็มีเหตุผลที่ไม่อาจปฏิเสธได้

ปีก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้มากมาย หากพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหายและเกิดการขาดแคลนเสบียงอาหาร เกรงว่าเรื่องนี้จะส่งผลกระทบร้ายแรงต่อบ้านเมือง

“หม่อมฉันเข้าใจแล้วเพคะ ท่านอ๋องจะเสด็จยามใด? หม่อมฉันจะสั่งให้พ่อบ้านเติ้งตระเตรียมสิ่งของเอาไว้ให้เพคะ”

เก็บซ่อนความกังวลเอาไว้ในใจ หลินเมิ้งหยาแย้มยิ้มอ่อนโยน

นางจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าการจากไปของหลงเทียนอวี้หมายถึงชีวิตของนางกำลังจะถูกคุกคาม

ท่านพ่อและพี่ชายนำทัพกลับไปยังเขตชายแดนแล้ว หากวันนี้แม้แต่หลงเทียนอวี้เองก็จากไป เช่นนั้นนางก็จะไร้ที่พึ่ง

คนที่คิดอยากจะเอาชีวิตของนางคงเป็นคนคู่นั้นสินะ?

ทว่าตอนนี้นางกำลังเป็นที่จับตาของคนในราชสำนัก หากนางสามารถปรุงยาออกมาและรักษาอาการประชวรของฮ่องเต้ได้ คาดว่าพวกใต้เท้าเหล่านั้นคงไม่มีวันปล่อยให้นางตายอย่างแน่นอน

“อย่ากังวลไปเลย อีกสองสามวันข้าจึงจะเดินทาง เหตุเพราะต้องฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัย ฉะนั้นข้าเองก็ต้องเตรียมการหลายอย่างเช่นกัน”

อยู่ๆ หลงเทียนอวี้ก็ก้าวเข้ามาจ้องหน้าหลินเมิ้งหยาด้วยสายตาอ่อนโยน

หากเป็นไปได้ เขาอยากให้นางอยู่อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลสิ่งใดอีก

“เพคะ หม่อมฉันเข้าใจแล้ว”

หลินเมิ้งหยาสบตาเขาด้วยสายตาอ่อนโยนไม่แพ้กัน อันที่จริงการจากไปของหลงเทียนอวี้ก็ทำให้นางจัดการงานในกลุ่มสามสหายได้สะดวกยิ่งขึ้น

ได้ยินว่าชื่อเสียงของกลุ่มสามสหายโด่งดังเลื่องลือไปทั่วทั้งเมืองหลวง

หากนางคิดอยากทำการใหญ่ เช่นนั้นนางต้องลงทุนลงแรงมากหน่อย

ช่วงเวลาพลบค่ำ

หลินเมิ้งหยาซึ่งกำลังอ่านหนังสืออยู่ในตำหนักหลิวซินสดับรับฟังเสียงเจื้อยแจ้วของเหล่าสาวใช้

บทสนทนาของพวกนางล้วนเกี่ยวข้องกับจวนและข่าวซุบซิบนินทาของพระสนมเต๋อเฟย

แม้ตั้งแต่กลับมาหลินเมิ้งหยาจะรู้สึกว่าพระสนมเต๋อเฟยค่อนข้างสงบเสงี่ยม ไม่สร้างปัญหาหรือส่งคนมาจับตามอง แต่นางมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าผู้หญิงที่อยู่ในตำหนักหยาเสวียนหาใช่พระสนมเต๋อเฟย

หลงเทียนอวี้เองก็น่าจะรู้เรื่องนี้แล้ว คนฉลาดเช่นเขาจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่านั่นไม่ใช่แม่ของตนเอง

หากมิใช่เพราะต้องเก็บนางไว้เพื่อเป็นไม้กันหมาอย่างฮองเฮาและสืบหาเบาะแสของพระสนมเต๋อเฟยตัวจริงแล้วล่ะก็ เช่นนั้นหลงเทียนอวี้คงจับกุมตัวแล้วพานางไปไต่สวนนานแล้ว

“ได้ยินมาว่าบรรยากาศในตำหนักหยาเสวียนเย็นยะเยือกไม่น่าเข้าใกล้ แม้แต่หยุนลั่วเองก็ไม่ปรากฏตัวนานแล้ว ทั้งที่ก่อนหน้านั้นนางเป็นสาวใช้ที่ได้รับความรักความเมตตาจากพระสนมเต๋อเฟยเป็นอย่างมากแท้ๆ อีกอย่าง ช่วงนี้พระวรกายของพระสนมเต๋อเฟยก็ไม่ค่อยแข็งแรงนัก แต่หยุนลั่วกลับไม่อยู่รับใช้”

เมื่อมีป๋ายจื่ออยู่ ข่าวซุบซิบนินทาในจวนไม่มีทางพ้นหูของนาง

บนโต๊ะล้วนเป็นผลไม้และขนมที่นำกลับมายังจวน ใบหน้ายามกัดกินอาหารของนางน่ารักเหมือนหนูแฮมสเตอร์

สาวใช้ที่เหลืออีกสองคนเคยชินกับอากัปกิริยาของนางแล้ว

“ข้าคิดว่าหยุนลั่วหาใช่คนสงบเสงี่ยมเจียมตัวไม่ เมื่อก่อนข้าได้ยินพวกแม่ครัวในโรงครัวเล่าว่าหยุนลั่วโอ้อวดว่าตนเองเป็นคนโปรดของพระสนมเต๋อเฟย ฉะนั้นจึงต้องกินโจ๊กรังนกทุกวันเพื่อบำรุงร่างกาย แถมรังนกเหล่านั้นยังเป็นรังนกเลือดอีกด้วย ข้ายังได้ยินมาอีกว่าคนที่จะได้กินรังนกเลือดในจวนมีเพียงนายหญิงและพระสนมเต๋อเฟยเท่านั้น นางจึงอ้างว่าเป็นคำสั่งของพระสนมเต๋อเฟย ดูเหมือนว่าพระสนมเต๋อเฟยจะรักและเอ็นดูนางยิ่งกว่าท่านอ๋องเสียอีก!”

ป๋ายซ่าวกล่าวเสียงดูแคลน ทั้งที่เป็นเพียงคำนินทา แต่เมื่อหลินเมิ้งหยาได้ฟัง นางกลับฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้

หากมิใช่เพราะคำพูดของป๋ายซ่าว เกรงว่านางคงจะลืมไปแล้ว

ก่อนนั้นหยุนลั่วกลายเป็นสาวใช้อันดับหนึ่งของจวนเพราะได้รับใช้พระสนมเต๋อเฟย

ตอนแรกนางคิดว่าแม่นางหยุนลั่วเป็นนางในคนสนิทจากวังหลวงของพระสนมเต๋อเฟย แต่ดูจากปฏิกิริยาของหลงเทียนอวี้แล้ว เขามองหยุนลั่วเสมือนเป็นคนแปลกหน้าคนหนึ่ง

เหตุใดสาวใช้ที่เพิ่งจะได้ถวายงานรับใช้จึงกลายเป็นคนโปรดของพระสนมเต๋อเฟยได้เล่า?

“รังนกเลือดยังไม่กระไร แต่ข้าได้ยินคนงานซักล้างเล่าว่าหยุนลั่วคนนี้ได้สวมใส่เสื้อผ้าซึ่งทอจากผ้าละเอียดชั้นดี ขนาดนายหญิงของพวกเรายังมีชุดที่ทำจากผ้าชนิดนั้นเพียงสองสามชุด”

ป๋ายจื่อย่นจมูก เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกเกลียดชังหยุนลั่วเป็นอย่างมาก

คนของตำหนักหลิวซิน ไม่ว่านายหรือบ่าวล้วนเกลียดชังคนตำหนักหยาเสวียนทั้งสิ้น

“ผ้าเนื้อละเอียด? ของเหล่านั้นล้วนเป็นเครื่องราชบรรณาการมิใช่หรือ ก่อนนั้นนายหญิงของพวกเราได้ผ้าเนื้อละเอียดเนื่องในวันปีใหม่มาเพียงสามชุดเท่านั้น ส่วนพระสนมเต๋อเฟยได้มาห้าชุด ดูเหมือนเหนียงเหนียงจะเอ็นดูนางมากจริงๆ”

ทั้งสามสุมหัวพูดคุยส่งเสียงเจื้อยแจ้ว แต่กลับมิได้รู้สึกอิจฉาแต่อย่างใด

แม้หยุนลั่วจะได้กินของอร่อย ใส่ของดี แต่สำหรับพวกนางแล้ว นายหญิงของพวกนางสำคัญที่สุด

เพียงแค่กำไรของร้านขายยาที่ได้รับทุกเดือนก็มากเพียงพอจะทำให้พวกนางกลายเป็นเศรษฐีได้แล้ว

ชุดเพียงไม่กี่ชุดจะเทียบเท่าสิ่งที่หลินเมิ้งหยาให้พวกนางได้อย่างไร

“ป๋ายจี เจ้าจงไปนำผ้าเนื้อละเอียดที่ข้าได้รับมาหน่อยเถิด ข้าอยากดูสักหน่อย”

หลินเมิ้งหยาเอ่ยพลางปิดหนังสือลง

หลินเมิ้งหยารู้สึกสงสัยมาตลอด หากฮองเฮาจับตัวพระสนมเต๋อเฟยเอาไว้ เช่นนั้นนางจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพระสนมเต๋อเฟยตัวปลอมจะไม่เผยพิรุธ

ฮองเฮาและพระสนมเต๋อเฟยเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันมานานหลายปี

บางทีฮองเฮาอาจรู้จักพระสนมเต๋อเฟยดีเสียยิ่งกว่าหลงเทียนอวี้ผู้เป็นลูกชายอีกด้วยซ้ำ

หากไม่ทันระวังแล้วถูกหลงเทียนอวี้จับได้ เช่นนั้นความพยายามที่ทำมาทั้งหมดจะไม่สูญเปล่าหรอกหรือ

หากมองอีกมุมหนึ่ง ถ้าหลินเมิ้งหยายืนอยู่ฝ่ายเดียวกับฮองเฮา เช่นนั้นเพื่อไม่ทำให้ผู้อื่นจับพิรุธได้ นางจะต้องหาคนที่รู้จักมักคุ้นกับพระสนมเต๋อเฟยเป็นอย่างดีมาเป็นตัวแทน อีกทั้งยังต้องนำคนสนิทของฮองเฮามาคอยรับใช้เพื่อจับตามอง

หากไตร่ตรองดูแล้ว หยุนลั่วคงเป็นคนคนนั้น

อากัปกิริยาของหยุนลั่วไม่เหมือนสาวใช้ธรรมดา บางครั้งนางมีความอ่อนน้อมถ่อมตน แต่บางครั้งนางก็แสดงท่าทางหยิ่งยโสโอหังผิดปกติ

นางทำให้คนอื่นรู้สึกเคารพและดูแคลน

รอยยิ้มของนางสามารถทำให้ผู้อื่นหวาดกลัวจนตัวสั่น

มิรู้ว่าเมื่อคนคนนี้อยู่ต่อหน้าฮองเฮา นางจะมีท่าทีเช่นไร

“นายหญิง ทั้งหมดมีสามชุดเจ้าค่ะ ข้านำมาให้ท่านแล้ว”

ระหว่างที่กำลังครุ่นคิด ป๋ายจีนำชุดที่ได้รับมาให้หลินเมิ้งหยา

ชุดเหมาะสมกับช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิ เสื้อคอปกลายดอกกุหลาบสีม่วงประดับอัญมณีล้ำค่าและกระโปรงสีแดงทับทิมอีกสองตัว

เนื้อผ้าเนียนละเอียด แม้จะอยู่ท่ามกลางความมืด แต่กลับพร่างพราวงดงาม

หลินเมิ้งหยายื่นมือเข้าไปลูบไล้สัมผัสเนื้อผ้า

แม้จะเป็นผ้าไหมแต่ก็ถูกเลือกสรรมาอย่างดี เพียงสัมผัสก็รับรู้ได้ถึงความนุ่มนิ่ม ไร้ซึ่งความหยาบกระด้าง ผิวสัมผัสเรียบรื่นไม่ระคายผิว

เพราะเหตุนี้คนในราชวงศ์จึงชอบเนื้อผ้าเช่นนี้

แต่ถ้าหากหยุนลั่วสวมใส่ชุดที่พระสนมเต๋อเฟยประทานให้จริง เช่นนั้นช่างตัดเย็บในจวนจะต้องจำได้อย่างแน่นอน

“ป๋ายซ่าว เจ้าจงไปถามช่างตัดเย็บว่าชุดที่หยุนลั่วสวมใส่เป็นของที่ได้รับพระราชทานจากพระสนมเต๋อเฟยจริงหรือไม่ ป๋ายจี เจ้าจงไปสอบถามสาวใช้ในตำหนักหยาเสวียนว่าพวกนางเคยเห็นเสื้อผ้าชุดนั้นของเหนียงเหนียงหรือไม่ ชุดเหล่านั้นถูกหยิบออกมาใช้งานหรือเปล่า”

หลินเมิ้งหยารู้สึกสังหรณ์ใจว่าหยุนลั่วคนนี้จะต้องไม่ใช่คนธรรมดา

หากเป็นคนของฮองเฮา เช่นนั้นหน้าที่ของนางจะต้องไม่ธรรมดา

หากคืนนั้นฮองเฮาสร้างเรื่องสลับตัวพระสนมเต๋อเฟย เช่นนั้นการหายตัวไปของหยุนลั่วอาจมีสาเหตุสองอย่าง

หนึ่งคือหยุนลั่วเป็นคนของฮองเฮา ในเมื่อฮองเฮารู้แล้วว่าหลินเมิ้งหยารู้ความจริงทั้งหมด ฉะนั้นหลงเทียนอวี้เองก็จะรู้เรื่องนี้ด้วยเช่นเดียวกัน ฉะนั้นหยุนลั่วจะต้องกลับไปอยู่กับฮองเฮาอย่างแน่นอน

หรือไม่ก็ถูกกำจัดไปแล้ว แน่นอนว่านี่เป็นจุดจบที่ดีที่สุด

สาเหตุข้อที่สองคือสิ่งที่ทำให้หลินเมิ้งหยารู้สึกกังวล

นั่นก็คือเหตุที่ฮองเฮาสร้างเรื่องสลับตัวพระสนมเต๋อเฟยขึ้นมามิใช่เพื่อควบคุมหลงเทียนอวี้ แต่นางมีจุดมุ่งหมายอื่น

อย่างเช่น….นางอาจอยากได้อะไรบางอย่าง

เช่นนั้นการที่หยุนลั่วหายตัวไปมิเท่ากับว่าฮองเฮาได้เริ่มเดินหมากแล้วหรือ?

เมื่อคิดได้ดังนี้ หลินเมิ้งหยาเริ่มนั่งไม่ติด

ทว่านางกลับทำใจให้สงบลงได้อย่างรวดเร็ว

หลงเทียนอวี้ไม่ใช่คนโง่ หากหยุนลั่วโจมตีเขา เขาจะต้องรู้สึกตัวอย่างแน่นอน

พระสนมเต๋อเฟยอาศัยอยู่ในวังหลวงมานานแล้ว นางไม่มีทางมีความลับปกปิด

บางที…นางอาจคิดมากจนเกินไป!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด