ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 5 บทที่ 135 เพียงพอนถวายตัว

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 5 บทที่ 135 เพียงพอนถวายตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

    “องค์หญิงหมิงเยว่เปรียบเสมือนแขก แน่นอนว่าข้าต้องทำการต้อนรับอย่างดี ท่านอ๋อง พวกเราไปถวายคำนับหมู่เฟยกันก่อนเถิดเพคะ”

    หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะดึงแขนออกจากมือเจียงหรูฉิน

    ตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาของหลงเทียนอวี้มิเคยตกลงบนร่างของเจียงหรูฉิน

    เขาเพิกเฉยกับการมีตัวตนของนาง ดังนั้นเปลวไฟจึงลุกโชนขึ้นในหัวใจของเจียงหรูฉิน

    รอดูก่อนเถิด ต่อจากนี้ไป จวนอวี้จะไม่มีวันสงบสุขอีก!

    แต่ละคนกลับไปยังตำหนักของตนเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

    จิ่นเยว่รีบกลับไปยังตำหนักหยาเสวียนเพื่อทูลพระสนมเต๋อเฟย หลินเมิ้งหยาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจึงพาสาวใช้ทั้งสี่ไปยังตำหนักหยาเสวียน

    ทันทีที่ก้าวเข้ามา เสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวพลันดังเข้ามากระทบหู

    เลิกคิ้วขึ้นสูง ดูเหมือนองค์หญิงหมิงเยว่จะเป็นคนมือไวใจเร็วเสียเหลือเกิน

    “พระชายาเสด็จ…”

    สายตาของคนที่อยู่ภายในหันมามองพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

    ถวายคำนับพระสนมเต๋อเฟย ส่งยิ้มอ่อนโยน ราวกับมิใช่คนเดียวกันกับหญิงสาวที่วิ่งทำแผลให้ทหารในสิงกง

    “เมื่อครู่หม่อมฉันยังพูดอยู่เลยว่าพระชายาอวี้เป็นคนที่พบเจอได้ยากยิ่ง เพียงสบตากันครั้งเดียว หม่อมฉันยังรู้สึกได้เลยว่าพวกเรามีชะตาต่อกัน”

    หมิงเยว่นั่งอยู่ด้านล่างที่ประทับของพระสนมเต๋อเฟยซึ่งเป็นตำแหน่งที่นั่งของหลินเมิ้งหยา

    “ใช่แล้วเพคะ พี่สะใภ้ของข้ามิใช่คนธรรมดา การที่พี่ชายได้นางมาเป็นภรรยา อาจเป็นเพราะผลบุญที่ทำมาจากชาติปางก่อน”

    เจียงหรูฉินปรับเปลี่ยนทัศนคติและคำพูดจา นางเอ่ยชมหลินเมิ้งหยาไม่ขาดปาก

    “ชมเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงคนที่คอยช่วยเหลือท่านอ๋องเท่านั้น แต่เพราะท่านอ๋องไม่ชอบออกปาก ดังนั้นข้าจึงต้องออกหน้าแทน”

    หลินเมิ้งหยาแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้ทั้งสองรู้สึกเหมือนกำลังตีสำลีนุ่มๆ

    พระสนมเต๋อเฟยชำเลืองมองทางเด็กสาวทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ นัยน์ตาเปล่งประกาย

    “เอาล่ะ เจ้าอย่ายืนอยู่ตรงนั้นเลย มานั่งเถิด”

    เมื่อเทียบกับเจียงหรูฉินที่เป็นหลานสาวแล้ว พระสนมเต๋อเฟยไม่เคยใช้คำพูดสนิทสนมเช่นนี้กับใครมาก่อน

    แต่กับหลินเมิ้งหยา พระสนมเต๋อเฟยรู้สึกราวกับว่านางเป็นลูกสาวคนหนึ่งของตนเอง

    หลงเทียนอวี้ส่งคนมาส่งข่าวให้พระสนมเต๋อเฟยได้รับรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเขาหลิงจูหมดแล้ว

    เมิ้งหยาเป็นคนฉลาด นางจัดการทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยม นางรู้สึกพึงพอใจในตัวลูกสะใภ้คนนี้ยิ่งนัก

    “ท่านอ๋องเสด็จ…”

    หลินเมิ้งหยาเพิ่งจะนั่งลง ร่างของหลงเทียนอวี้พลันปรากฏขึ้นที่หน้าประตูตำหนักหยาเสวียน

    ถอดชุดเปรอะเปื้อนของตนเอง อาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาด ความหล่อเหลาสง่างามจึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง

    “ลูกขอถวายคำนับหมู่เฟย หลายวันมานี้ทำให้หมู่เฟยต้องเป็นห่วง ลูกอกตัญญูยิ่งนัก”

    เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระสนมเต๋อเฟย ใบหน้าเย็นชาของหลงเทียนอวี้พลันหายไป

    เขามิเหมือนชายหล่อเหลาผู้แสนเย็นชาอีกต่อไป แต่กลับเป็นชายที่มีชีวิตจิตใจคนหนึ่ง

    แม้พระสนมเต๋อเฟยจะเอ็นดูเขามาก แต่เพราะตอนนี้มีคนนอกอยู่อย่างมากมาย ดังนั้นจึงมิอาจพูดสิ่งใดออกมา

    ทว่าสีหน้าเป็นกังวลยังคงเผยให้เห็น

    “หลินขุยเล่าเรื่องของเจ้าหมดแล้ว ได้รับบาดเจ็บหรือไม่? ต้องรีบรักษาหรือไม่?”

    หลงเทียนอวี้ส่ายหน้า

    “เอ๋อร์จื่อมิเป็นไรพ่ะย่ะค่ะ พระชายาดูแลลูกเป็นอย่างดี”

    หมิงเยว่ชำเลืองมองทางหลงเทียนอวี้ หากเอ่ยว่าก่อนหน้านั้นนางเพียงแต่เป็นหญิงสาวที่รู้สึกเคารพนับถือหลงเทียนอวี้เท่านั้น

    เช่นนั้นหลังจากผ่านเรื่องราวบนเขาหลิงจูมาแล้ว ความเคารพที่เคยมีกลับแปรเปลี่ยนเป็นหลงใหล

    ผู้ชายกล้าหาญเสมือนวีรบุรุษผู้นี้เหมาะที่จะเป็นคู่ชีวิตของนาง

    แม้แต่ไท่จื่อแห่งต้าจิ้นยังเป็นพวกรักตัวกลัวตาย เขาเทียบหลงเทียนอวี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

    “ที่หม่อมฉันมาในวันนี้ก็เพราะได้รับการไหว้วานจากเสด็จพ่อ ท่านอ๋องอวี้กล้าหาญชาญชัยในสนามรบ อาสาออกรบเพื่อปกป้องดูแลพวกเรา ของขวัญเล็กๆ นี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แสดงความเคารพนับถือ หวังว่าท่านอ๋องจะรับไว้”

    ขณะที่พูด องค์หญิงหมิงเยว่สั่งให้คนของตนเองนำของที่ฮ่องเต้หมิงต้องการมอบให้ออกมา

    โสมพันปี เห็ดหลินจือพันปี สมุนไพรต่างๆ มากมายถูกกักเก็บอยู่ภายในกล่องไม้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ฟุ้งกระจายออกมา

    แม้แต่เจียงหรูฉินยังแอบอิจฉา คงมีเพียงฮ่องเต้หมิงผู้ร่ำรวยเท่านั้นจึงจะสามารถนำของล้ำค่าเช่นนี้มามอบให้ผู้อื่น

    ทว่า สีหน้าของหลงเทียนอวี้ยังคงเหมือนเดิม

    ยาสมุนไพรในจวนของเขามีมากมาย

    แม้จะไม่เคยเอ่ยถาม แต่หลินเมิ้งหยาที่ดูแลคลังเล็กของจวนรู้ดีว่าจวนของตนเองร่ำรวยมากขนาดไหน

    ดังนั้น เขาจึงไม่แม้แต่จะแลมองของพวกนี้

    สายตาตกลงบนใบหน้านวลของหลินเมิ้งหยา

    แต่ดวงตาของนางกลับเผยให้เห็นร่องรอยของความดีใจทันทีที่เห็นของในกล่องไม้

    คำพูดปฏิเสธจึงถูกกลืนลงท้อง

    “การช่วยคนเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่เมื่อฮ่องเต้หมิงต้องการแสดงน้ำใจ เช่นนั้นข้าจะรับไว้ เข้ามา เก็บของให้เรียบร้อย”

    รอยยิ้มขององค์หญิงหมิงเยว่ฉีกกว้างเสมือนดอกไม้บาน

    นางเคยได้ยินมาว่าหลงเทียนอวี้ไม่เคยรับของจากผู้ใด

    แต่วันนี้เขากลับรับของของตนเองไป เช่นนั้นแสดงว่าเขา…

    ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องและพระชายาก็มิได้มั่นคงดั่งที่ใครร่ำลือ

    “เช่นนั้นหม่อมฉันจะกลับไปทูลเสด็จพ่อก่อนนะเพคะ พระสนมเต๋อเฟย หมิงเยว่ทูลลา”

    หมิงเยว่หมุนตัวกลับมาถวายคำนับ

    พระสนมเต๋อเฟยพยักหน้าลง จิ่นเยว่นำทางหมิงเยว่ไปยังประตูทางออกตำหนักหยาเสวียน

    “องค์หญิงหมิงเยว่อ่อนโยน ชาญฉลาด ชาติตระกูลสูงสง่า เมิ้งหยา เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

    พระสนมเต๋อเฟยเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าดวงตากลับมีแสงเปล่งประกาย

    ตอนนี้ไท่จื่อทำตัวไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง

    คาดว่าหลังจากกลับเข้าวังในครั้งนี้จะต้องถูกฮองเฮาตำหนิติติงอย่างแน่นอน

    แต่ลูกชายของตนเองมีความโดดเด่น กล้าหาญสมชายชาตรี ดังนั้นนางจึงเตรียมการบางอย่างเอาไว้

    “องค์หญิงโดดเด่นมากเพคะ แต่น่าเสียดายที่เป็นคนของซีฟาน”

    เหตุใดหลินเมิ้งหยาจะไม่เข้าใจว่าพระสนมเต๋อเฟยกำลังคิดอะไร อยู่ๆ ความไม่สบายใจพลันก่อตัวขึ้น

    แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระสนมเต๋อเฟย นางไม่อาจเผยสิ่งใดออกมาได้

    “อืม เป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า ฉินเอ๋อร์ เจ้าลองไปดูหน่อยว่าอาหารกลางวันเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือยัง พี่ชายและพี่สะใภ้ของเจ้าเหนื่อยมาทั้งวัน จะต้องหิวมากอย่างแน่นอน”

    พระสนมเต๋อเฟยไม่เอ่ยสิ่งใดอีก แต่กลับสั่งให้เจียงหนู๋ฉินออกไป

    ภายในตำหนักจึงเหลือเพียงพวกเขาสามคน

    “ครั้งนี้พวกเจ้าทำได้ดีมาก แต่ยิ่งออกหน้า ก็จะยิ่งโดนอิจฉา”

    คำพูดของพระสนมเต๋อเฟยแสดงให้เห็นความกังวลของผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน

    นางอยู่ในพระราชวังมานานหลายสิบปี ดังนั้นจึงรู้จักอุปนิสัยใจคอของฮองเฮาดีที่สุด

    “เอ๋อร์จื่อรู้พ่ะย่ะค่ะ แต่หากไม่ออกหน้าแก้ไขสถานการณ์คับขันในเวลานั้น เกรงว่าทุกคนคงตกอยู่ในอันตราย”

    หลังจากถูกอบรมสั่งสอนมายี่สิบกว่าปี หลงเทียนอวี้รู้ดีว่าหากมิใช่เวลาคับขัน เขาไม่ควรเข้าไปยุ่งกับไท่จื่อ

    แต่เพราะคราวนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบีบบังคับให้เขาต้องทำเช่นนั้น

    “หมู่เฟยได้โปรดวางพระทัย ตอนนี้ไท่จื่อคงมิมีกะจิตกะใจมาหาเรื่องพวกเราอย่างแน่นอน เขาจะต้องคิดหาวิธีรั้งตำแหน่งของตนเองอย่างแน่นอนเพคะ”

    หลินเมิ้งหยาคำนวณเรื่องนี้เอาไว้แล้ว หลังจากกลับมาจากเขาหลิงจู “วีรกรรมอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร” ของไท่จื่อจะต้องถูกกล่าวขานไปทั่วทั้งเมืองหลวง

    เสียงซุบซิบนินทามักทรงพลังเสมอ

    “ไท่จื่อเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท เขาคงไม่มีวันยอมปล่อยให้ผู้อื่นดูแคลนง่ายๆ”

    คิ้วของพระสนมเต๋อเฟยขมวดแน่น ความกังวลยังคงเกาะกุมหัวใจ นางมิได้อยู่ในวังหลวง ดังนั้นจึงมิได้รับรู้ข่าวคราวของฮ่องเต้เลย

    “หากเสด็จพ่อยังแข็งแรงดังเดิม พวกเราสองแม่ลูกคงไม่ตกที่นั่งลำบากเช่นนี้”

    เงียบกริบ สีหน้าของหลงเทียนอวี้เผยให้เห็นความกังวลเมื่อเอ่ยถึงฮ่องเต้

    หลินเมิ้งหยามองดูสีหน้าของสองแม่ลูก สมองพลันประมวลผลเฟ้นหาข้อมูลเกี่ยวกับฮ่องเต้

    ดูเหมือนฮ่องเต้จะเจ็บป่วยตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน

    ตอนแรกพระองค์เพียงแค่จับไข้หนาวสั่น แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง

    แม้นางจะแต่งงานเข้าจวนอวี้มานานกว่าครึ่งปีแล้ว แต่ฮ่องเต้ยังคงไม่ฟื้น

    พระองค์ทรงรักษาตัวอยู่ในตำหนักทุกวัน

    ส่ายหน้า ดูเหมือนเรื่องในราชวงศ์จะลึกซึ้งเกินกว่าที่นางจะคาดเดา

    “หมู่เฟยพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดเข้าแล้ว เข้ามา จงนำอาหารเข้ามาที่นี่ พวกเจ้าทั้งสองคงยังมิได้กินอิ่มนอนอุ่น”

    เก็บความเสียใจ พระสนมเต๋อเฟยหยุดพูดเรื่องนี้

    น่าเสียดาย หลินเมิ้งหยายังอยากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับฮ่องเต้ให้มากขึ้น

    แม้อาหารกลางวันจะธรรมดา แต่กลับอุดมสมบูรณ์

    ทว่าทั้งสามมีเรื่องหนักหน่วงในใจ ดังนั้นจึงกินเข้าไปไม่มากนัก

    หลังจากกินอาหารกลางวันแล้ว หลงเทียนอวี้กลับไปยังห้องอ่านหนังสือของตนเองเพื่อจัดการงาน หลินเมิ้งหยากลับถูกพระสนมเต๋อเฟยรั้งตัวเอาไว้

    ภายในห้อง กลิ่นกำยานอ่อนๆ ลอยละล่อง

    แม่สามีและลูกสะใภ้พูดคุยกันเรื่องทั่วไป

    “ข้าได้ยินเรื่องของคุณหนูสกุลเยว่แล้ว แม้จะถูกนินทาว่าร้าย แต่การจะพาพวกนางกลับไปยังบ้านของตนเองก็มิใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดี”

    หัวใจสั่นไหว หลินเมิ้งหยาไม่เข้าใจ ตอนแรกคิดว่าพระสนมเต๋อเฟยจะสั่งห้าม แต่จากคำพูดของนาง ดูเหมือนนางจะอนุญาตให้พี่เยว่ถิงอยู่ที่นี่?

    “เจ้าสั่งให้คนเตรียมเรือนที่สงบเงียบให้คุณหนูสกุลเยว่เข้าไปอยู่เถิด เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวคนหนึ่งจะต้องเจอเรื่องเลวร้ายถึงเพียงนี้”

    ถอนหายใจอย่างเสียดาย พระสนมเต๋อเฟยเคยเจอเยว่ถิง

    แม้จะมิได้งดงามโดดเด่นเท่าไรนัก แต่นางมีอุปนิสัยอ่อนโยน อีกทั้งยังกิริยาวาจางดงาม

    แต่วันนี้ชื่อเสียงกลับถูกทำลายจนป่นปี้

    “ขอบพระทัยหมู่เฟยเพคะ พี่เยว่ถิงเป็นคนอ่อนโยนและจิตใจโอบอ้อมอารี นางจะต้องซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างแน่นอน”

    หลินเมิ้งหยาส่งเสียงอ่อนหวาน ทว่าความรู้สึกไม่สบายใจยิ่งก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    “จริงสิ เจ้ารู้จักองค์หญิงหมิงเยว่ก่อนหน้านั้นแล้วใช่หรือไม่ เจ้าคิดว่านางเป็นคนอย่างไร?”

    ในที่สุดก็เข้าประเด็นหลัก ดูท่าเรื่องนี้ต่างหากที่สำคัญที่สุด

    “องค์หญิงหมิงเยว่งดงามสูงสง่า แม้จะเป็นองค์หญิงแห่งซีฟาน แต่ก็เป็นสตรีที่พบเจอได้ยากยิ่ง”

    หลินเมิ้งหยาส่งเสียงชื่นชม แต่พระสนมเต๋อเฟยไม่รู้เลยว่านางกำลังเอ่ยตามมารยาทแต่เพียงเท่านั้น

    “ข้าคิดว่าเด็กคนนี้ไม่เลว เจ้าคิดว่าตนเองสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนางได้หรือไม่?”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 5 บทที่ 135 เพียงพอนถวายตัว

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 5 บทที่ 135 เพียงพอนถวายตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

    “องค์หญิงหมิงเยว่เปรียบเสมือนแขก แน่นอนว่าข้าต้องทำการต้อนรับอย่างดี ท่านอ๋อง พวกเราไปถวายคำนับหมู่เฟยกันก่อนเถิดเพคะ”

    หลินเมิ้งหยาหยักยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะดึงแขนออกจากมือเจียงหรูฉิน

    ตั้งแต่ต้นจนจบ สายตาของหลงเทียนอวี้มิเคยตกลงบนร่างของเจียงหรูฉิน

    เขาเพิกเฉยกับการมีตัวตนของนาง ดังนั้นเปลวไฟจึงลุกโชนขึ้นในหัวใจของเจียงหรูฉิน

    รอดูก่อนเถิด ต่อจากนี้ไป จวนอวี้จะไม่มีวันสงบสุขอีก!

    แต่ละคนกลับไปยังตำหนักของตนเองเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า

    จิ่นเยว่รีบกลับไปยังตำหนักหยาเสวียนเพื่อทูลพระสนมเต๋อเฟย หลินเมิ้งหยาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วจึงพาสาวใช้ทั้งสี่ไปยังตำหนักหยาเสวียน

    ทันทีที่ก้าวเข้ามา เสียงหัวเราะคิกคักของหญิงสาวพลันดังเข้ามากระทบหู

    เลิกคิ้วขึ้นสูง ดูเหมือนองค์หญิงหมิงเยว่จะเป็นคนมือไวใจเร็วเสียเหลือเกิน

    “พระชายาเสด็จ…”

    สายตาของคนที่อยู่ภายในหันมามองพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย

    ถวายคำนับพระสนมเต๋อเฟย ส่งยิ้มอ่อนโยน ราวกับมิใช่คนเดียวกันกับหญิงสาวที่วิ่งทำแผลให้ทหารในสิงกง

    “เมื่อครู่หม่อมฉันยังพูดอยู่เลยว่าพระชายาอวี้เป็นคนที่พบเจอได้ยากยิ่ง เพียงสบตากันครั้งเดียว หม่อมฉันยังรู้สึกได้เลยว่าพวกเรามีชะตาต่อกัน”

    หมิงเยว่นั่งอยู่ด้านล่างที่ประทับของพระสนมเต๋อเฟยซึ่งเป็นตำแหน่งที่นั่งของหลินเมิ้งหยา

    “ใช่แล้วเพคะ พี่สะใภ้ของข้ามิใช่คนธรรมดา การที่พี่ชายได้นางมาเป็นภรรยา อาจเป็นเพราะผลบุญที่ทำมาจากชาติปางก่อน”

    เจียงหรูฉินปรับเปลี่ยนทัศนคติและคำพูดจา นางเอ่ยชมหลินเมิ้งหยาไม่ขาดปาก

    “ชมเกินไปแล้ว ข้าเป็นเพียงคนที่คอยช่วยเหลือท่านอ๋องเท่านั้น แต่เพราะท่านอ๋องไม่ชอบออกปาก ดังนั้นข้าจึงต้องออกหน้าแทน”

    หลินเมิ้งหยาแสดงท่าทีอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้ทั้งสองรู้สึกเหมือนกำลังตีสำลีนุ่มๆ

    พระสนมเต๋อเฟยชำเลืองมองทางเด็กสาวทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ นัยน์ตาเปล่งประกาย

    “เอาล่ะ เจ้าอย่ายืนอยู่ตรงนั้นเลย มานั่งเถิด”

    เมื่อเทียบกับเจียงหรูฉินที่เป็นหลานสาวแล้ว พระสนมเต๋อเฟยไม่เคยใช้คำพูดสนิทสนมเช่นนี้กับใครมาก่อน

    แต่กับหลินเมิ้งหยา พระสนมเต๋อเฟยรู้สึกราวกับว่านางเป็นลูกสาวคนหนึ่งของตนเอง

    หลงเทียนอวี้ส่งคนมาส่งข่าวให้พระสนมเต๋อเฟยได้รับรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบนเขาหลิงจูหมดแล้ว

    เมิ้งหยาเป็นคนฉลาด นางจัดการทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยม นางรู้สึกพึงพอใจในตัวลูกสะใภ้คนนี้ยิ่งนัก

    “ท่านอ๋องเสด็จ…”

    หลินเมิ้งหยาเพิ่งจะนั่งลง ร่างของหลงเทียนอวี้พลันปรากฏขึ้นที่หน้าประตูตำหนักหยาเสวียน

    ถอดชุดเปรอะเปื้อนของตนเอง อาบน้ำชำระร่างกายจนสะอาด ความหล่อเหลาสง่างามจึงปรากฏขึ้นอีกครั้ง

    “ลูกขอถวายคำนับหมู่เฟย หลายวันมานี้ทำให้หมู่เฟยต้องเป็นห่วง ลูกอกตัญญูยิ่งนัก”

    เมื่ออยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระสนมเต๋อเฟย ใบหน้าเย็นชาของหลงเทียนอวี้พลันหายไป

    เขามิเหมือนชายหล่อเหลาผู้แสนเย็นชาอีกต่อไป แต่กลับเป็นชายที่มีชีวิตจิตใจคนหนึ่ง

    แม้พระสนมเต๋อเฟยจะเอ็นดูเขามาก แต่เพราะตอนนี้มีคนนอกอยู่อย่างมากมาย ดังนั้นจึงมิอาจพูดสิ่งใดออกมา

    ทว่าสีหน้าเป็นกังวลยังคงเผยให้เห็น

    “หลินขุยเล่าเรื่องของเจ้าหมดแล้ว ได้รับบาดเจ็บหรือไม่? ต้องรีบรักษาหรือไม่?”

    หลงเทียนอวี้ส่ายหน้า

    “เอ๋อร์จื่อมิเป็นไรพ่ะย่ะค่ะ พระชายาดูแลลูกเป็นอย่างดี”

    หมิงเยว่ชำเลืองมองทางหลงเทียนอวี้ หากเอ่ยว่าก่อนหน้านั้นนางเพียงแต่เป็นหญิงสาวที่รู้สึกเคารพนับถือหลงเทียนอวี้เท่านั้น

    เช่นนั้นหลังจากผ่านเรื่องราวบนเขาหลิงจูมาแล้ว ความเคารพที่เคยมีกลับแปรเปลี่ยนเป็นหลงใหล

    ผู้ชายกล้าหาญเสมือนวีรบุรุษผู้นี้เหมาะที่จะเป็นคู่ชีวิตของนาง

    แม้แต่ไท่จื่อแห่งต้าจิ้นยังเป็นพวกรักตัวกลัวตาย เขาเทียบหลงเทียนอวี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

    “ที่หม่อมฉันมาในวันนี้ก็เพราะได้รับการไหว้วานจากเสด็จพ่อ ท่านอ๋องอวี้กล้าหาญชาญชัยในสนามรบ อาสาออกรบเพื่อปกป้องดูแลพวกเรา ของขวัญเล็กๆ นี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์แสดงความเคารพนับถือ หวังว่าท่านอ๋องจะรับไว้”

    ขณะที่พูด องค์หญิงหมิงเยว่สั่งให้คนของตนเองนำของที่ฮ่องเต้หมิงต้องการมอบให้ออกมา

    โสมพันปี เห็ดหลินจือพันปี สมุนไพรต่างๆ มากมายถูกกักเก็บอยู่ภายในกล่องไม้ กลิ่นหอมอ่อนๆ ฟุ้งกระจายออกมา

    แม้แต่เจียงหรูฉินยังแอบอิจฉา คงมีเพียงฮ่องเต้หมิงผู้ร่ำรวยเท่านั้นจึงจะสามารถนำของล้ำค่าเช่นนี้มามอบให้ผู้อื่น

    ทว่า สีหน้าของหลงเทียนอวี้ยังคงเหมือนเดิม

    ยาสมุนไพรในจวนของเขามีมากมาย

    แม้จะไม่เคยเอ่ยถาม แต่หลินเมิ้งหยาที่ดูแลคลังเล็กของจวนรู้ดีว่าจวนของตนเองร่ำรวยมากขนาดไหน

    ดังนั้น เขาจึงไม่แม้แต่จะแลมองของพวกนี้

    สายตาตกลงบนใบหน้านวลของหลินเมิ้งหยา

    แต่ดวงตาของนางกลับเผยให้เห็นร่องรอยของความดีใจทันทีที่เห็นของในกล่องไม้

    คำพูดปฏิเสธจึงถูกกลืนลงท้อง

    “การช่วยคนเป็นเรื่องที่ต้องทำอยู่แล้ว แต่เมื่อฮ่องเต้หมิงต้องการแสดงน้ำใจ เช่นนั้นข้าจะรับไว้ เข้ามา เก็บของให้เรียบร้อย”

    รอยยิ้มขององค์หญิงหมิงเยว่ฉีกกว้างเสมือนดอกไม้บาน

    นางเคยได้ยินมาว่าหลงเทียนอวี้ไม่เคยรับของจากผู้ใด

    แต่วันนี้เขากลับรับของของตนเองไป เช่นนั้นแสดงว่าเขา…

    ดูเหมือนความสัมพันธ์ระหว่างท่านอ๋องและพระชายาก็มิได้มั่นคงดั่งที่ใครร่ำลือ

    “เช่นนั้นหม่อมฉันจะกลับไปทูลเสด็จพ่อก่อนนะเพคะ พระสนมเต๋อเฟย หมิงเยว่ทูลลา”

    หมิงเยว่หมุนตัวกลับมาถวายคำนับ

    พระสนมเต๋อเฟยพยักหน้าลง จิ่นเยว่นำทางหมิงเยว่ไปยังประตูทางออกตำหนักหยาเสวียน

    “องค์หญิงหมิงเยว่อ่อนโยน ชาญฉลาด ชาติตระกูลสูงสง่า เมิ้งหยา เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”

    พระสนมเต๋อเฟยเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ ทว่าดวงตากลับมีแสงเปล่งประกาย

    ตอนนี้ไท่จื่อทำตัวไม่เหมาะสมกับตำแหน่ง

    คาดว่าหลังจากกลับเข้าวังในครั้งนี้จะต้องถูกฮองเฮาตำหนิติติงอย่างแน่นอน

    แต่ลูกชายของตนเองมีความโดดเด่น กล้าหาญสมชายชาตรี ดังนั้นนางจึงเตรียมการบางอย่างเอาไว้

    “องค์หญิงโดดเด่นมากเพคะ แต่น่าเสียดายที่เป็นคนของซีฟาน”

    เหตุใดหลินเมิ้งหยาจะไม่เข้าใจว่าพระสนมเต๋อเฟยกำลังคิดอะไร อยู่ๆ ความไม่สบายใจพลันก่อตัวขึ้น

    แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าพระสนมเต๋อเฟย นางไม่อาจเผยสิ่งใดออกมาได้

    “อืม เป็นจริงอย่างที่เจ้าว่า ฉินเอ๋อร์ เจ้าลองไปดูหน่อยว่าอาหารกลางวันเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือยัง พี่ชายและพี่สะใภ้ของเจ้าเหนื่อยมาทั้งวัน จะต้องหิวมากอย่างแน่นอน”

    พระสนมเต๋อเฟยไม่เอ่ยสิ่งใดอีก แต่กลับสั่งให้เจียงหนู๋ฉินออกไป

    ภายในตำหนักจึงเหลือเพียงพวกเขาสามคน

    “ครั้งนี้พวกเจ้าทำได้ดีมาก แต่ยิ่งออกหน้า ก็จะยิ่งโดนอิจฉา”

    คำพูดของพระสนมเต๋อเฟยแสดงให้เห็นความกังวลของผู้ที่อาบน้ำร้อนมาก่อน

    นางอยู่ในพระราชวังมานานหลายสิบปี ดังนั้นจึงรู้จักอุปนิสัยใจคอของฮองเฮาดีที่สุด

    “เอ๋อร์จื่อรู้พ่ะย่ะค่ะ แต่หากไม่ออกหน้าแก้ไขสถานการณ์คับขันในเวลานั้น เกรงว่าทุกคนคงตกอยู่ในอันตราย”

    หลังจากถูกอบรมสั่งสอนมายี่สิบกว่าปี หลงเทียนอวี้รู้ดีว่าหากมิใช่เวลาคับขัน เขาไม่ควรเข้าไปยุ่งกับไท่จื่อ

    แต่เพราะคราวนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบีบบังคับให้เขาต้องทำเช่นนั้น

    “หมู่เฟยได้โปรดวางพระทัย ตอนนี้ไท่จื่อคงมิมีกะจิตกะใจมาหาเรื่องพวกเราอย่างแน่นอน เขาจะต้องคิดหาวิธีรั้งตำแหน่งของตนเองอย่างแน่นอนเพคะ”

    หลินเมิ้งหยาคำนวณเรื่องนี้เอาไว้แล้ว หลังจากกลับมาจากเขาหลิงจู “วีรกรรมอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร” ของไท่จื่อจะต้องถูกกล่าวขานไปทั่วทั้งเมืองหลวง

    เสียงซุบซิบนินทามักทรงพลังเสมอ

    “ไท่จื่อเป็นถึงองค์ชายรัชทายาท เขาคงไม่มีวันยอมปล่อยให้ผู้อื่นดูแคลนง่ายๆ”

    คิ้วของพระสนมเต๋อเฟยขมวดแน่น ความกังวลยังคงเกาะกุมหัวใจ นางมิได้อยู่ในวังหลวง ดังนั้นจึงมิได้รับรู้ข่าวคราวของฮ่องเต้เลย

    “หากเสด็จพ่อยังแข็งแรงดังเดิม พวกเราสองแม่ลูกคงไม่ตกที่นั่งลำบากเช่นนี้”

    เงียบกริบ สีหน้าของหลงเทียนอวี้เผยให้เห็นความกังวลเมื่อเอ่ยถึงฮ่องเต้

    หลินเมิ้งหยามองดูสีหน้าของสองแม่ลูก สมองพลันประมวลผลเฟ้นหาข้อมูลเกี่ยวกับฮ่องเต้

    ดูเหมือนฮ่องเต้จะเจ็บป่วยตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน

    ตอนแรกพระองค์เพียงแค่จับไข้หนาวสั่น แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจึงกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง

    แม้นางจะแต่งงานเข้าจวนอวี้มานานกว่าครึ่งปีแล้ว แต่ฮ่องเต้ยังคงไม่ฟื้น

    พระองค์ทรงรักษาตัวอยู่ในตำหนักทุกวัน

    ส่ายหน้า ดูเหมือนเรื่องในราชวงศ์จะลึกซึ้งเกินกว่าที่นางจะคาดเดา

    “หมู่เฟยพูดในสิ่งที่ไม่สมควรพูดเข้าแล้ว เข้ามา จงนำอาหารเข้ามาที่นี่ พวกเจ้าทั้งสองคงยังมิได้กินอิ่มนอนอุ่น”

    เก็บความเสียใจ พระสนมเต๋อเฟยหยุดพูดเรื่องนี้

    น่าเสียดาย หลินเมิ้งหยายังอยากได้ยินเรื่องเกี่ยวกับฮ่องเต้ให้มากขึ้น

    แม้อาหารกลางวันจะธรรมดา แต่กลับอุดมสมบูรณ์

    ทว่าทั้งสามมีเรื่องหนักหน่วงในใจ ดังนั้นจึงกินเข้าไปไม่มากนัก

    หลังจากกินอาหารกลางวันแล้ว หลงเทียนอวี้กลับไปยังห้องอ่านหนังสือของตนเองเพื่อจัดการงาน หลินเมิ้งหยากลับถูกพระสนมเต๋อเฟยรั้งตัวเอาไว้

    ภายในห้อง กลิ่นกำยานอ่อนๆ ลอยละล่อง

    แม่สามีและลูกสะใภ้พูดคุยกันเรื่องทั่วไป

    “ข้าได้ยินเรื่องของคุณหนูสกุลเยว่แล้ว แม้จะถูกนินทาว่าร้าย แต่การจะพาพวกนางกลับไปยังบ้านของตนเองก็มิใช่วิธีการแก้ปัญหาที่ดี”

    หัวใจสั่นไหว หลินเมิ้งหยาไม่เข้าใจ ตอนแรกคิดว่าพระสนมเต๋อเฟยจะสั่งห้าม แต่จากคำพูดของนาง ดูเหมือนนางจะอนุญาตให้พี่เยว่ถิงอยู่ที่นี่?

    “เจ้าสั่งให้คนเตรียมเรือนที่สงบเงียบให้คุณหนูสกุลเยว่เข้าไปอยู่เถิด เฮ้อ คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กสาวคนหนึ่งจะต้องเจอเรื่องเลวร้ายถึงเพียงนี้”

    ถอนหายใจอย่างเสียดาย พระสนมเต๋อเฟยเคยเจอเยว่ถิง

    แม้จะมิได้งดงามโดดเด่นเท่าไรนัก แต่นางมีอุปนิสัยอ่อนโยน อีกทั้งยังกิริยาวาจางดงาม

    แต่วันนี้ชื่อเสียงกลับถูกทำลายจนป่นปี้

    “ขอบพระทัยหมู่เฟยเพคะ พี่เยว่ถิงเป็นคนอ่อนโยนและจิตใจโอบอ้อมอารี นางจะต้องซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณอย่างแน่นอน”

    หลินเมิ้งหยาส่งเสียงอ่อนหวาน ทว่าความรู้สึกไม่สบายใจยิ่งก่อตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

    “จริงสิ เจ้ารู้จักองค์หญิงหมิงเยว่ก่อนหน้านั้นแล้วใช่หรือไม่ เจ้าคิดว่านางเป็นคนอย่างไร?”

    ในที่สุดก็เข้าประเด็นหลัก ดูท่าเรื่องนี้ต่างหากที่สำคัญที่สุด

    “องค์หญิงหมิงเยว่งดงามสูงสง่า แม้จะเป็นองค์หญิงแห่งซีฟาน แต่ก็เป็นสตรีที่พบเจอได้ยากยิ่ง”

    หลินเมิ้งหยาส่งเสียงชื่นชม แต่พระสนมเต๋อเฟยไม่รู้เลยว่านางกำลังเอ่ยตามมารยาทแต่เพียงเท่านั้น

    “ข้าคิดว่าเด็กคนนี้ไม่เลว เจ้าคิดว่าตนเองสามารถสร้างความสัมพันธ์อันดีกับนางได้หรือไม่?”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+