ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 2 บทที่ 59 แผนจับผี

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 2 บทที่ 59 แผนจับผี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

    ด้านนอกประตูว่างเปล่า อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่เงายังไม่ปรากฏ

    ขณะนี้ใบหน้าของชายร่างกำยำผิวทำต่างขาวโพลน ลูกตาดำกลอกกลิ้งไปทางตรอกซอยอันแสนมืดมิด ขณะเดียวกันร่างกายแข็งทื่อราวกับถูกสาปให้เป็นหิน

    “ใครมาเคาะประตูอย่างนั้นหรือ?”

    เพื่อนที่อยู่ด้านหลังยังไม่เข้าใจสถานการณ์ เขาคิดว่าคนของจวนมาถึงแล้ว

    “ไม่…ไม่มีใครเคาะประตู…ผี…ผี…”

    เสียงร้องของชายร่างกำยำดังขึ้น ขณะเดียวกันสาวเท้ายาวๆ ออกวิ่งหายไปในตรอก ความเร็วประหนึ่งม้าพันลี้

    “นายหญิง คิกๆ เขาวิ่งเร็วมากเลยเจ้าค่ะ!”

    ป๋ายซ่าวที่แฝงตัวอยู่ในความมืดหัวเราะคิกคักขณะแอบมองร่างของชายผู้นั้นที่วิ่งหายไป

    พวกนางทุกคนล้วนสวมใส่ชุดสีดำและเร้นกายอยู่ภายใต้ความมืด นอกจากดวงตาสีขาวทั้งสองข้างแล้วจึงไม่มีใครพบเห็นร่างของพวกนางเลย

    “วิ่งเร็วจริงเชียว เอาล่ะ พวกเจ้าหลอกพวกเขาต่อไป แต่อย่าทำให้เสียเรื่อง”

    คนสิบกว่าคนล้วนสวมใส่เสื้อคลุมสีดำ ส่วนหลินเมิ้งหยาห่อตัวเองอย่างหนาแน่น

    เมื่อครู่นางแอบไปดูเหล่าคนงานที่สลบไสลแล้ว

    ยังดีที่พวกเขาถูกวางเพียงยาเบื่อธรรมดา นอนหลับสักคืนก็ดีขึ้นแล้ว

    นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า “ผี” ในโรงน้ำชาล้วนไม่อยากให้ใครรู้ความลับเรื่องทอง

    เหล่าองครักษ์มากความสามารถปีนป่ายขึ้นไปบนกำแพง จากนั้นส่ายโคมไฟสีแดงที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าสีดำกับไม้แท่งบางๆ

    ครู่ต่อมา เหล่าผู้คนที่ได้สติแล้วรีบร้อนวิ่งหนีอุตลุดทันที

    ทั้งร้อง ทั้งตะโกนร้องขอชีวิตจากภูตผีปีศาจ อีกทั้งยังเอ่ยว่าจะไม่บังอาจอีกแล้ว

    หลินเมิ้งหยาอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ เฮ้อ งมงายอะไรเช่นนี้!

    ภายใต้ท้องฟ้าอันแสนมืดมิด สิบกว่าคนจึงย่องเข้าไปภายในโรงน้ำชา

    บรรยากาศอึมครึม ยิ่งมีคนที่กำลังนอนสลบไสลอยู่บนพื้น ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในป่าช้า

    หลินเมิ้งหยาซ่อนตัวอยู่ทางด้านหลังสุด นางมองสถานการณ์ภายในโรงน้ำชา

    คิกๆ เจ้าจิ้งจอกตัวนั้นยังอยู่!

    ชิงหูนวดหว่างคิ้ว ยาพิษบนร่างของเขาส่งกลิ่นออกมา แม้จะอยู่ไกลกัน ทว่าสมองยังคงร้องเตือนชื่อยาและสรรพคุณไม่หยุด

    มาสอดแนมนางยังพอทน แต่เหตุใดจึงเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย!

    ขณะเดียวกัน หลินเมิ้งหยาตั้งมั่น คราวหน้านางจะเพิ่มฤทธิ์ของปาโต้วเข้าไปอีกจะได้สั่งสอนเจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ให้ตายไปเลย!

    แผนการยังคงดำเนินต่อไป หลินเมิ้งหยาสั่งให้ลูกน้องนำโคมแดงเข้าไปติดไว้ในห้องด้านในสุดของโรงน้ำชา

    ขณะนี้โรงน้ำชาที่เคยมืดมิดจึงปรากฏแสงสีแดงขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ

    โชคดีที่สวนแห่งนี้ไร้ซึ่งคนเป็น มิเช่นนั้นคงทำให้พวกเขาตื่นตะลึง

    ไม่นานก็เกิดเสียงการเคลื่อนไหวขึ้นภายในโรงน้ำชา แสงสีเงินส่องประกายจากใบมีดพุ่งไปทางโคมสีแดง

    แต่ใครจะคาดคิดเล่าว่าขณะที่มีดพุ่งเข้าไป เปลวไฟจะสว่างวาบ อีกทั้งยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วน

    หลินเมิ้งหยาแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ วัสดุที่ใช้ในการสร้างโคมไฟอันนี้เป็นผ้าไหมอย่างดีที่มีความเหนียวมากเป็นพิเศษ

    อาวุธธรรมดาทั่วไปทำได้แต่เพียงทำให้เกิดรอยขีดข่วนเท่านั้น

    ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ที่มีดบินผ่านไปเช่นนี้ขึ้น

    ชั่วเวลาอึดใจต่อมา “ผี” ที่น่ากลัวแห่งโรงน้ำชานิ่งอึ้ง

    โคมไฟยังคงบินไปมา ผีที่ได้เห็นดังนั้นอดไม่ได้ที่จะสงสัย

    ไม่นานก็ได้เห็นร่างดำโผล่ออกมา

    หลินเมิ้งหยารีบส่งสัญญาณ ปลากินเบ็ดแล้ว ตอนนี้ต้องเตรียมกระตุกคันเบ็ด!

    ด้านข้างของเงาดำพลันปรากฏร่างของผีในชุดแดงออกมาหลายร่าง ใบหน้าถูกบดบังด้วยเส้นผมรกรุงรังจนมองไม่เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน

    ขณะนี้เงาดำร่างนั้นตื่นตระหนก “ว๊าก” ส่งเสียงร้อง ก่อนจะรีบผลุบตัวเข้าไปในโรงน้ำชา

    หลินเมิ้งหยาเกือบหลุดขำพรืดออกมา ทว่าร่างผีสาวในชุดแดงกลับไม่ตามเข้าไป แต่กลับรีบซ่อนตัวหายไปในความมืด

    ตอนนี้นอกจากโคมไฟสีแดงแล้วก็ไม่ปรากฏร่างอื่นใดอีก

    “นายหญิง ถ้าพวกเขาหนีไปจะทำเช่นไรเจ้าคะ?”

    ป๋ายซ่าวยังคงมีความใจกล้า อีกทั้งยังมองทางโรงน้ำชาด้วยอารมณ์นึกสนุก

    “หากพวกเขาหนีไปแล้ว เช่นนั้นแม้เราจะทุบโรงน้ำชาแห่งนี้ทิ้ง พวกเราก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร”

    แต่ถึงอย่างนั้นนางกลับไม่คิดว่าคนเหล่านั้นจะยอมหนีจากไปแต่โดยดีหรอก

    แสงจันทร์สาดส่องลงมา ขณะนี้บริเวณสวนจึงสว่างมากขึ้น

    คนที่อยู่ภายในโรงน้ำชาต่างมีรูปร่างกำยำ พวกเขาพากันเดินออกมาดูสถานการณ์

    หลินเมิ้งหยาลองนับจำนวน พวกเขามีราวห้าคน อีกทั้ง…ยังมีท่าทางหวาดกลัวอีกด้วย

    เมื่อพวกเขาเดินออกมาถึงบริเวณใจกลางของสวน มือเล็กๆ ของหลินเมิ้งหยายกขึ้น องครักษ์ในชุดดำจึงพุ่งพรวดเข้าไป

    ได้ยินเสียงตุ้บตั้บดังลอยมา สุดท้ายชายร่างกำยำเหล่านั้นถูกทหารองครักษ์จับมัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

    ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกไม่สบายใจ ไม่นะ ชิงหูไม่อยู่ในกลุ่มชายห้าคนนี้!

    ขณะที่คิดจะเข้าไปดู เอวบางถูกมือแขนข้างหนึ่งรั้งเอาไว้

    กลิ่นหอมเย็นยะเยือกเตะเข้ามาที่จมูก หลินเมิ้งหยาแอบร้องว่าแย่แล้วในใจ ทว่าเสียงเกียจคร้านของชิงหูกลับดังขึ้น

    “โหยว เหยียก็สงสัยอยู่ว่าใครกันมาแสร้งทำตัวเป็นผีหลอกอยู่ที่นี่ ที่แท้ก็เจ้าเด็กน้อยนี่เอง ในเมื่อถูกเจ้ามองออกหมดแล้ว ถ้าเช่นนั้นไปกับเหยียก็แล้วกัน!”

    ชิงหูโอบกอดหลินเมิ้งหยา ขณะที่คิดจะพานางบินหายไปจากที่นี่ เขากลับได้เห็นหลินเมิ้งหยายกมือขึ้นถอดผ้าคลุมสีดำของตัวเองออก

    ขณะนี้ใบหน้าขาวนวลกลับขาวซีด ประจวบกับชุดสีแดงยิ่งทำให้แสบตาและตกตะลึง

    “อะไรกันเนี่ย!”

    ชิงหูรีบปล่อยมือออก ทว่าเมื่อมองดูให้แน่ชัด ทั้งคิ้วทั้งจมูกล้วนเป็นของหลินเมิ้งหยามิใช่หรือ?

    “เจ้า…”

    แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่เขาไหวตัวทัน หลินเมิ้งหยาจะเงื้อมือนุ่มนิ่มขึ้นกลางอากาศ ขณะเดียวกันผงเล็กๆที่อยู่ภายในถุงเล็กๆ พลันร่วงโรยลงมา

    ชิงหูคิดจะกลั้นหายใจ ทว่าร่างกายของเขากลับกลายเป็นอัมพาตขึ้นมาเสียดื้อๆ

    อย่าว่าแต่หนีเลย ขนาดกะพริบตายังยากที่จะทำได้

    ทว่าหลินเมิ้งหยากับชายสวมชุดดำเหล่านั้นกลับไร้ซึ่งผลกระทบใดๆ

    หลินเมิ้งหยาเชิดคางขึ้น จ้องมองชิงหูที่กำลังรู้สึกแสบคันร่างกาย

    มือเล็กๆ ยกขึ้นพลางเอ่ย

    “เอาตัวไปให้หมด!”

    ในที่สุดปฏิบัติการล่าท้าผีก็จบลงด้วยชัยชนะของหลินเมิ้งหยา

    องครักษ์สวมชุดดำสิบกว่าคนเอาตัวคนที่แกล้งเป็นผีแห่งโรงน้ำชาแต่เก่าก่อนอีกหกคนกลับจวนอวี้

    แม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ทว่าบ่าวรับใช้ที่ได้รับคำสั่งยังคงแอบเปิดประตูหลังของจวนออกดู

    หลินเมิ้งหยาสั่งให้นำเหล่าผีปลอมทั้งหกไปขังไว้ในคุก จากนั้นพาป๋ายซ่าวกลับไปยังสวนหลิวซิน

    “พี่สาว ท่าน…”

    หลินจงอวี้ที่รออยู่หน้าประตูนานแล้วได้เห็นหลินเมิ้งหยาซึ่งสวมใส่ชุดคลุมสีดำเป็นอย่างแรก

    “ชู่ อย่าเพิ่งถามอะไร เจ้ากับป๋ายจื่อรีบปิดประตู ห้ามใครเข้ามาโดยเด็ดขาด ป๋ายซ่าว ป๋ายจี พวกเรารีบไปเปลี่ยนชุดกัน”

    เข้าไปภายในห้อง ป๋ายจีเตรียมน้ำร้อนสองถังเอาไว้แล้ว

    หลินเมิ้งหยาและป๋ายซ่าวถอดชุดออก ล้างหน้าในอ่างจนสะอาด จากนั้นใบหน้านวลของทั้งสองจึงเผยออกมาให้เห็น

    “พี่ป๋ายจี เมื่อครู่พี่ไม่ได้เห็นข้ากับนายหญิงพาองครักษ์เหล่านั้นไปหลอกเป็นผีจนคนพวกนั้นกลัวจนฉี่ราด”

    ป๋ายซ่าวไม่อาจทนไหว นางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงน้ำชาให้ป๋ายจีฟัง

    หลินเมิ้งหยาพิงกายที่ขอบถังไม้ น้ำร้อนทำให้ใบหน้าขาวนวลของนางแดงระเรื่อ

    แม้ป๋ายจีจะเป็นคนเงียบๆ ทว่าเรื่องเล่าของป๋ายซ่าวดึงดูดความสนใจของนางได้ไม่น้อย

    กลับกันกับนางที่ไม่อาจทำใจให้ผ่อนคลายลงได้

    ฮองเฮาส่งคนจับตามอง แต่เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับไท่จื่อ ดังนั้นฮองเฮาจึงยอมปล่อยนางไปสักระยะ

    ทว่านางเป็นผู้วางยาพิษไท่จื่อ เกรงว่าฮองเฮาจะยิ่งเห็นนางเป็นหนามยอกอกไปเสียแล้ว

    ดูเหมือนตอนนี้ชิงหูจะไม่ใช่เพียงนักฆ่าอันดับหนึ่งของเถาฮวาอู๋ธรรมดา

    เขามีส่วนเกี่ยวพันกับคนที่เข้ามาสอดแนมในจวน เกรงว่าเงื่อนไขที่ได้ตกลงกับนางเองก็อาจเป็นแผนหนึ่งของเขา

    คลื่นลูกหนึ่งยังไม่สงบ แต่คลื่นลูกใหม่กลับมาอีกระลอก

    “พรึ่บ” เสียงดังขึ้น ป๋ายซ่าวที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นจากถังไม้ นางสวมใส่ชุดธรรมดาและยืนด้านหลังหลินเมิ้งหยา ก่อนจะช่วยป๋ายจีอาบน้ำให้กับหลินเมิ้งหยา

    “นายหญิง เหตุใดคนที่ปลอมตัวเป็นผีเหล่านั้นจึงกลัวพวกเราที่ปลอมตัวเป็นผีหรือเจ้าคะ?”

    ป๋ายซ่าวที่ยังผมเปียกอยู่เอ่ยถามนายหญิงขณะที่กำลังขัดหลังให้กับหลินเมิ้งหยา

    หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ในมือถือรังบวบขัดผิวกายของตนเอง

    “เจ้าคิดว่าคนที่ปลอมตัวเป็นผีไม่กลัวผีอย่างนั้นหรือ? คนที่ปลอมตัวเป็นผี แต่กลับได้เจอผีตัวจริง เพราะเหตุนั้นความกลัวในใจของพวกเขาจึงมีมากกว่าคนปกติทั่วไปอย่างไรเล่า อีกอย่างพวกเขาล้วนเป็นคนมือเปื้อนเลือด พวกเราเป็นเพียงตัวชักจูง ทว่าสิ่งที่พวกเขากลัวจริงๆ ล้วนเป็นความกลัวในหัวใจ”

    “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ คำกล่าวของนักบวชที่ว่าหากไม่ได้ทำผิดมโนธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวผีมาเคาะประตูก็คงมีเหตุมีผลเช่นนี้สินะ”

    คำพูดทั้งหมดของป๋ายซ่าวเป็นความเชื่อมาจากศาสนาพุทธ ซึ่งนางค่อนข้างเชื่อในหลักคำสอนเหล่านี้มาก

    แต่หลังจากค่ำคืนนี้ผ่านไป นางกลับพบว่าบางครั้งมนุษย์กลับน่ากลัวกว่าผี

    “อืม ก็คงเป็นเหตุผลเช่นนี้ เอาล่ะ เหนื่อยมาจนถึงเวลาเที่ยงคืนแล้ว พวกเจ้าเองก็คงเหนื่อยมากแล้วเหมือนกัน ตอนนี้กลับไปพักผ่อนเถอะ”

    นายหญิง พวกเรายังต้องพาท่านเข้าห้องนอนนะเจ้าคะ”

    หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า ตบมือของทั้งสองเบาๆ

    แม้พวกนางจะรับใช้นางได้ไม่นาน แต่กลับจริงใจต่อนางเหลือเกิน

    ทั้งที่ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำแล้ว แต่กลับยังยืนรับใช้นางอีก

    “ก็ได้เพคะ ถ้าเช่นนั้นนายหญิงอย่าอาบนานนักนะเจ้าคะ หนู่ปี้ทูลลา”

    ป๋ายซ่าวและป๋ายจีกลับออกจากห้องไป ก่อนจะปิดประตู

    ห้องใหญ่แห่งนี้จึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาคนเดียว นางนอนอาบน้ำอยู่อีกฝั่ง ในที่สุดใบหน้าก็เผยความเหนื่อยล้าออกมาให้เห็น

    นับตั้งแต่วันที่กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งในเกี้ยวจนกระทั่งตอนนี้ นางไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมีชีวิตเช่นนี้มาก่อน

    นางในตอนนี้ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าความตื่นเต้นและเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้นางรู้สึกจิตใจไม่สงบ

    ราวกับว่าเหตุผลที่นางเกิดมาก็เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับการแบกรับชีวิตเช่นนี้

    แต่ขณะเดียวกันนางก็รู้ดีว่าการเดินอยู่บนเส้นทางแห่งการต่อสู้แย่งชิงในเวลานี้อันตรายมากมายขนาดไหน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษเล่มที่ 2 บทที่ 59 แผนจับผี

Now you are reading ข้ามเวลานางพญาแพทย์พิษ Chapter เล่มที่ 2 บทที่ 59 แผนจับผี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

    ด้านนอกประตูว่างเปล่า อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่เงายังไม่ปรากฏ

    ขณะนี้ใบหน้าของชายร่างกำยำผิวทำต่างขาวโพลน ลูกตาดำกลอกกลิ้งไปทางตรอกซอยอันแสนมืดมิด ขณะเดียวกันร่างกายแข็งทื่อราวกับถูกสาปให้เป็นหิน

    “ใครมาเคาะประตูอย่างนั้นหรือ?”

    เพื่อนที่อยู่ด้านหลังยังไม่เข้าใจสถานการณ์ เขาคิดว่าคนของจวนมาถึงแล้ว

    “ไม่…ไม่มีใครเคาะประตู…ผี…ผี…”

    เสียงร้องของชายร่างกำยำดังขึ้น ขณะเดียวกันสาวเท้ายาวๆ ออกวิ่งหายไปในตรอก ความเร็วประหนึ่งม้าพันลี้

    “นายหญิง คิกๆ เขาวิ่งเร็วมากเลยเจ้าค่ะ!”

    ป๋ายซ่าวที่แฝงตัวอยู่ในความมืดหัวเราะคิกคักขณะแอบมองร่างของชายผู้นั้นที่วิ่งหายไป

    พวกนางทุกคนล้วนสวมใส่ชุดสีดำและเร้นกายอยู่ภายใต้ความมืด นอกจากดวงตาสีขาวทั้งสองข้างแล้วจึงไม่มีใครพบเห็นร่างของพวกนางเลย

    “วิ่งเร็วจริงเชียว เอาล่ะ พวกเจ้าหลอกพวกเขาต่อไป แต่อย่าทำให้เสียเรื่อง”

    คนสิบกว่าคนล้วนสวมใส่เสื้อคลุมสีดำ ส่วนหลินเมิ้งหยาห่อตัวเองอย่างหนาแน่น

    เมื่อครู่นางแอบไปดูเหล่าคนงานที่สลบไสลแล้ว

    ยังดีที่พวกเขาถูกวางเพียงยาเบื่อธรรมดา นอนหลับสักคืนก็ดีขึ้นแล้ว

    นี่เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่า “ผี” ในโรงน้ำชาล้วนไม่อยากให้ใครรู้ความลับเรื่องทอง

    เหล่าองครักษ์มากความสามารถปีนป่ายขึ้นไปบนกำแพง จากนั้นส่ายโคมไฟสีแดงที่ถูกพันไว้ด้วยผ้าสีดำกับไม้แท่งบางๆ

    ครู่ต่อมา เหล่าผู้คนที่ได้สติแล้วรีบร้อนวิ่งหนีอุตลุดทันที

    ทั้งร้อง ทั้งตะโกนร้องขอชีวิตจากภูตผีปีศาจ อีกทั้งยังเอ่ยว่าจะไม่บังอาจอีกแล้ว

    หลินเมิ้งหยาอดที่จะส่ายหน้าไม่ได้ เฮ้อ งมงายอะไรเช่นนี้!

    ภายใต้ท้องฟ้าอันแสนมืดมิด สิบกว่าคนจึงย่องเข้าไปภายในโรงน้ำชา

    บรรยากาศอึมครึม ยิ่งมีคนที่กำลังนอนสลบไสลอยู่บนพื้น ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในป่าช้า

    หลินเมิ้งหยาซ่อนตัวอยู่ทางด้านหลังสุด นางมองสถานการณ์ภายในโรงน้ำชา

    คิกๆ เจ้าจิ้งจอกตัวนั้นยังอยู่!

    ชิงหูนวดหว่างคิ้ว ยาพิษบนร่างของเขาส่งกลิ่นออกมา แม้จะอยู่ไกลกัน ทว่าสมองยังคงร้องเตือนชื่อยาและสรรพคุณไม่หยุด

    มาสอดแนมนางยังพอทน แต่เหตุใดจึงเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วย!

    ขณะเดียวกัน หลินเมิ้งหยาตั้งมั่น คราวหน้านางจะเพิ่มฤทธิ์ของปาโต้วเข้าไปอีกจะได้สั่งสอนเจ้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ให้ตายไปเลย!

    แผนการยังคงดำเนินต่อไป หลินเมิ้งหยาสั่งให้ลูกน้องนำโคมแดงเข้าไปติดไว้ในห้องด้านในสุดของโรงน้ำชา

    ขณะนี้โรงน้ำชาที่เคยมืดมิดจึงปรากฏแสงสีแดงขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ

    โชคดีที่สวนแห่งนี้ไร้ซึ่งคนเป็น มิเช่นนั้นคงทำให้พวกเขาตื่นตะลึง

    ไม่นานก็เกิดเสียงการเคลื่อนไหวขึ้นภายในโรงน้ำชา แสงสีเงินส่องประกายจากใบมีดพุ่งไปทางโคมสีแดง

    แต่ใครจะคาดคิดเล่าว่าขณะที่มีดพุ่งเข้าไป เปลวไฟจะสว่างวาบ อีกทั้งยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วน

    หลินเมิ้งหยาแค่นหัวเราะเสียงเย็นในใจ วัสดุที่ใช้ในการสร้างโคมไฟอันนี้เป็นผ้าไหมอย่างดีที่มีความเหนียวมากเป็นพิเศษ

    อาวุธธรรมดาทั่วไปทำได้แต่เพียงทำให้เกิดรอยขีดข่วนเท่านั้น

    ดังนั้นจึงเกิดเหตุการณ์ที่มีดบินผ่านไปเช่นนี้ขึ้น

    ชั่วเวลาอึดใจต่อมา “ผี” ที่น่ากลัวแห่งโรงน้ำชานิ่งอึ้ง

    โคมไฟยังคงบินไปมา ผีที่ได้เห็นดังนั้นอดไม่ได้ที่จะสงสัย

    ไม่นานก็ได้เห็นร่างดำโผล่ออกมา

    หลินเมิ้งหยารีบส่งสัญญาณ ปลากินเบ็ดแล้ว ตอนนี้ต้องเตรียมกระตุกคันเบ็ด!

    ด้านข้างของเงาดำพลันปรากฏร่างของผีในชุดแดงออกมาหลายร่าง ใบหน้าถูกบดบังด้วยเส้นผมรกรุงรังจนมองไม่เห็นใบหน้าอย่างชัดเจน

    ขณะนี้เงาดำร่างนั้นตื่นตระหนก “ว๊าก” ส่งเสียงร้อง ก่อนจะรีบผลุบตัวเข้าไปในโรงน้ำชา

    หลินเมิ้งหยาเกือบหลุดขำพรืดออกมา ทว่าร่างผีสาวในชุดแดงกลับไม่ตามเข้าไป แต่กลับรีบซ่อนตัวหายไปในความมืด

    ตอนนี้นอกจากโคมไฟสีแดงแล้วก็ไม่ปรากฏร่างอื่นใดอีก

    “นายหญิง ถ้าพวกเขาหนีไปจะทำเช่นไรเจ้าคะ?”

    ป๋ายซ่าวยังคงมีความใจกล้า อีกทั้งยังมองทางโรงน้ำชาด้วยอารมณ์นึกสนุก

    “หากพวกเขาหนีไปแล้ว เช่นนั้นแม้เราจะทุบโรงน้ำชาแห่งนี้ทิ้ง พวกเราก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร”

    แต่ถึงอย่างนั้นนางกลับไม่คิดว่าคนเหล่านั้นจะยอมหนีจากไปแต่โดยดีหรอก

    แสงจันทร์สาดส่องลงมา ขณะนี้บริเวณสวนจึงสว่างมากขึ้น

    คนที่อยู่ภายในโรงน้ำชาต่างมีรูปร่างกำยำ พวกเขาพากันเดินออกมาดูสถานการณ์

    หลินเมิ้งหยาลองนับจำนวน พวกเขามีราวห้าคน อีกทั้ง…ยังมีท่าทางหวาดกลัวอีกด้วย

    เมื่อพวกเขาเดินออกมาถึงบริเวณใจกลางของสวน มือเล็กๆ ของหลินเมิ้งหยายกขึ้น องครักษ์ในชุดดำจึงพุ่งพรวดเข้าไป

    ได้ยินเสียงตุ้บตั้บดังลอยมา สุดท้ายชายร่างกำยำเหล่านั้นถูกทหารองครักษ์จับมัดเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

    ทว่าหลินเมิ้งหยากลับรู้สึกไม่สบายใจ ไม่นะ ชิงหูไม่อยู่ในกลุ่มชายห้าคนนี้!

    ขณะที่คิดจะเข้าไปดู เอวบางถูกมือแขนข้างหนึ่งรั้งเอาไว้

    กลิ่นหอมเย็นยะเยือกเตะเข้ามาที่จมูก หลินเมิ้งหยาแอบร้องว่าแย่แล้วในใจ ทว่าเสียงเกียจคร้านของชิงหูกลับดังขึ้น

    “โหยว เหยียก็สงสัยอยู่ว่าใครกันมาแสร้งทำตัวเป็นผีหลอกอยู่ที่นี่ ที่แท้ก็เจ้าเด็กน้อยนี่เอง ในเมื่อถูกเจ้ามองออกหมดแล้ว ถ้าเช่นนั้นไปกับเหยียก็แล้วกัน!”

    ชิงหูโอบกอดหลินเมิ้งหยา ขณะที่คิดจะพานางบินหายไปจากที่นี่ เขากลับได้เห็นหลินเมิ้งหยายกมือขึ้นถอดผ้าคลุมสีดำของตัวเองออก

    ขณะนี้ใบหน้าขาวนวลกลับขาวซีด ประจวบกับชุดสีแดงยิ่งทำให้แสบตาและตกตะลึง

    “อะไรกันเนี่ย!”

    ชิงหูรีบปล่อยมือออก ทว่าเมื่อมองดูให้แน่ชัด ทั้งคิ้วทั้งจมูกล้วนเป็นของหลินเมิ้งหยามิใช่หรือ?

    “เจ้า…”

    แต่คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่เขาไหวตัวทัน หลินเมิ้งหยาจะเงื้อมือนุ่มนิ่มขึ้นกลางอากาศ ขณะเดียวกันผงเล็กๆที่อยู่ภายในถุงเล็กๆ พลันร่วงโรยลงมา

    ชิงหูคิดจะกลั้นหายใจ ทว่าร่างกายของเขากลับกลายเป็นอัมพาตขึ้นมาเสียดื้อๆ

    อย่าว่าแต่หนีเลย ขนาดกะพริบตายังยากที่จะทำได้

    ทว่าหลินเมิ้งหยากับชายสวมชุดดำเหล่านั้นกลับไร้ซึ่งผลกระทบใดๆ

    หลินเมิ้งหยาเชิดคางขึ้น จ้องมองชิงหูที่กำลังรู้สึกแสบคันร่างกาย

    มือเล็กๆ ยกขึ้นพลางเอ่ย

    “เอาตัวไปให้หมด!”

    ในที่สุดปฏิบัติการล่าท้าผีก็จบลงด้วยชัยชนะของหลินเมิ้งหยา

    องครักษ์สวมชุดดำสิบกว่าคนเอาตัวคนที่แกล้งเป็นผีแห่งโรงน้ำชาแต่เก่าก่อนอีกหกคนกลับจวนอวี้

    แม้จะเป็นเวลาเที่ยงคืนแล้ว ทว่าบ่าวรับใช้ที่ได้รับคำสั่งยังคงแอบเปิดประตูหลังของจวนออกดู

    หลินเมิ้งหยาสั่งให้นำเหล่าผีปลอมทั้งหกไปขังไว้ในคุก จากนั้นพาป๋ายซ่าวกลับไปยังสวนหลิวซิน

    “พี่สาว ท่าน…”

    หลินจงอวี้ที่รออยู่หน้าประตูนานแล้วได้เห็นหลินเมิ้งหยาซึ่งสวมใส่ชุดคลุมสีดำเป็นอย่างแรก

    “ชู่ อย่าเพิ่งถามอะไร เจ้ากับป๋ายจื่อรีบปิดประตู ห้ามใครเข้ามาโดยเด็ดขาด ป๋ายซ่าว ป๋ายจี พวกเรารีบไปเปลี่ยนชุดกัน”

    เข้าไปภายในห้อง ป๋ายจีเตรียมน้ำร้อนสองถังเอาไว้แล้ว

    หลินเมิ้งหยาและป๋ายซ่าวถอดชุดออก ล้างหน้าในอ่างจนสะอาด จากนั้นใบหน้านวลของทั้งสองจึงเผยออกมาให้เห็น

    “พี่ป๋ายจี เมื่อครู่พี่ไม่ได้เห็นข้ากับนายหญิงพาองครักษ์เหล่านั้นไปหลอกเป็นผีจนคนพวกนั้นกลัวจนฉี่ราด”

    ป๋ายซ่าวไม่อาจทนไหว นางเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในโรงน้ำชาให้ป๋ายจีฟัง

    หลินเมิ้งหยาพิงกายที่ขอบถังไม้ น้ำร้อนทำให้ใบหน้าขาวนวลของนางแดงระเรื่อ

    แม้ป๋ายจีจะเป็นคนเงียบๆ ทว่าเรื่องเล่าของป๋ายซ่าวดึงดูดความสนใจของนางได้ไม่น้อย

    กลับกันกับนางที่ไม่อาจทำใจให้ผ่อนคลายลงได้

    ฮองเฮาส่งคนจับตามอง แต่เป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับไท่จื่อ ดังนั้นฮองเฮาจึงยอมปล่อยนางไปสักระยะ

    ทว่านางเป็นผู้วางยาพิษไท่จื่อ เกรงว่าฮองเฮาจะยิ่งเห็นนางเป็นหนามยอกอกไปเสียแล้ว

    ดูเหมือนตอนนี้ชิงหูจะไม่ใช่เพียงนักฆ่าอันดับหนึ่งของเถาฮวาอู๋ธรรมดา

    เขามีส่วนเกี่ยวพันกับคนที่เข้ามาสอดแนมในจวน เกรงว่าเงื่อนไขที่ได้ตกลงกับนางเองก็อาจเป็นแผนหนึ่งของเขา

    คลื่นลูกหนึ่งยังไม่สงบ แต่คลื่นลูกใหม่กลับมาอีกระลอก

    “พรึ่บ” เสียงดังขึ้น ป๋ายซ่าวที่อาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วลุกขึ้นจากถังไม้ นางสวมใส่ชุดธรรมดาและยืนด้านหลังหลินเมิ้งหยา ก่อนจะช่วยป๋ายจีอาบน้ำให้กับหลินเมิ้งหยา

    “นายหญิง เหตุใดคนที่ปลอมตัวเป็นผีเหล่านั้นจึงกลัวพวกเราที่ปลอมตัวเป็นผีหรือเจ้าคะ?”

    ป๋ายซ่าวที่ยังผมเปียกอยู่เอ่ยถามนายหญิงขณะที่กำลังขัดหลังให้กับหลินเมิ้งหยา

    หลินเมิ้งหยาหัวเราะ ในมือถือรังบวบขัดผิวกายของตนเอง

    “เจ้าคิดว่าคนที่ปลอมตัวเป็นผีไม่กลัวผีอย่างนั้นหรือ? คนที่ปลอมตัวเป็นผี แต่กลับได้เจอผีตัวจริง เพราะเหตุนั้นความกลัวในใจของพวกเขาจึงมีมากกว่าคนปกติทั่วไปอย่างไรเล่า อีกอย่างพวกเขาล้วนเป็นคนมือเปื้อนเลือด พวกเราเป็นเพียงตัวชักจูง ทว่าสิ่งที่พวกเขากลัวจริงๆ ล้วนเป็นความกลัวในหัวใจ”

    “ที่แท้ก็เป็นแบบนี้ คำกล่าวของนักบวชที่ว่าหากไม่ได้ทำผิดมโนธรรม ก็ไม่จำเป็นต้องกลัวผีมาเคาะประตูก็คงมีเหตุมีผลเช่นนี้สินะ”

    คำพูดทั้งหมดของป๋ายซ่าวเป็นความเชื่อมาจากศาสนาพุทธ ซึ่งนางค่อนข้างเชื่อในหลักคำสอนเหล่านี้มาก

    แต่หลังจากค่ำคืนนี้ผ่านไป นางกลับพบว่าบางครั้งมนุษย์กลับน่ากลัวกว่าผี

    “อืม ก็คงเป็นเหตุผลเช่นนี้ เอาล่ะ เหนื่อยมาจนถึงเวลาเที่ยงคืนแล้ว พวกเจ้าเองก็คงเหนื่อยมากแล้วเหมือนกัน ตอนนี้กลับไปพักผ่อนเถอะ”

    นายหญิง พวกเรายังต้องพาท่านเข้าห้องนอนนะเจ้าคะ”

    หลินเมิ้งหยาส่ายหน้า ตบมือของทั้งสองเบาๆ

    แม้พวกนางจะรับใช้นางได้ไม่นาน แต่กลับจริงใจต่อนางเหลือเกิน

    ทั้งที่ดวงตากลายเป็นสีแดงก่ำแล้ว แต่กลับยังยืนรับใช้นางอีก

    “ก็ได้เพคะ ถ้าเช่นนั้นนายหญิงอย่าอาบนานนักนะเจ้าคะ หนู่ปี้ทูลลา”

    ป๋ายซ่าวและป๋ายจีกลับออกจากห้องไป ก่อนจะปิดประตู

    ห้องใหญ่แห่งนี้จึงเหลือเพียงหลินเมิ้งหยาคนเดียว นางนอนอาบน้ำอยู่อีกฝั่ง ในที่สุดใบหน้าก็เผยความเหนื่อยล้าออกมาให้เห็น

    นับตั้งแต่วันที่กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งในเกี้ยวจนกระทั่งตอนนี้ นางไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าจะมีชีวิตเช่นนี้มาก่อน

    นางในตอนนี้ไม่อาจปฏิเสธได้เลยว่าความตื่นเต้นและเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้นางรู้สึกจิตใจไม่สงบ

    ราวกับว่าเหตุผลที่นางเกิดมาก็เพื่อเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมกับการแบกรับชีวิตเช่นนี้

    แต่ขณะเดียวกันนางก็รู้ดีว่าการเดินอยู่บนเส้นทางแห่งการต่อสู้แย่งชิงในเวลานี้อันตรายมากมายขนาดไหน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+